ลำดับตอนที่ #40
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #40 : :>>: บทที่ 37 :
ความเดิมตอนที่แล้ว >>>
ฉันถึงกับเบิกตาโพลงพร้อมกับเสียงโทรศัพท์ที่ชิงตัดไปก่อน จู่ๆ หน้าเรียบเฉยก็ร้อนระอุขึ้นมาราวกับจะไหม้ ใจฉันเต้นไม่เป็นส่ำเพียงเพราะคำพูดของเขาไม่กี่คำ โอ๊ยตายแล้ววววว >_< นี่ฉันเป็นอะไรไปอีกเนี่ยยยยย
อ๊ากกกกกก ไม่เข้าใจกับการกระทำของตัวเองซะเลย น้ำอบล่ะจะบ้าตาย!
< :: TEANHOOM :: >
ทันทีที่ผมวางสายน้ำอบ ผมก็รู้สึกใจโหวงเหวงอย่างบอกไม่ถูก อันที่จริงผมก็อยากจะคุยกับเธอให้นานกว่านี้นะ แต่ว่า...
ผมเหลือบมองนาฬิกาก็พบว่าเป็นเวลา 3 ทุ่มกว่าๆ แล้ว ผมไม่อยากรบกวนเวลานอนของเธอ ก็เลยรีบตัดสายทิ้งไปซะก่อน เอ่อ...นี่ผมทำตัวน่าอ้วกอะไรอย่างนี้ (_ _)^
“...อยากคุยกับเขาก็บอกไปตรงๆ สิ ฮิๆๆ...”
พรายกระซิบรู้ใจผมตลอด -_-* เพราะเสียงกระซิบเย็นๆ เชิงล้อเลียนทำให้ผมชักสีหน้าใส่
“ไม่เอาอ่ะ เดี๋ยวเขานอนไม่พอ”
“...เดี๋ยวนี้แกแคร์ผู้หญิงด้วยเหรอ แหม... ท่าทางจะพิเศษสำหรับแกน่าดู...”
ป้ากระสือลอยข้ามหัวผมจนไส้ป้าแกเกือบแปะหน้า - -+ แต่ผมก็ไม่อยากจะโวยวายอะไร นอกเสียจากว่าตอบคำถามป้าเขาไปเท่านั้น
“ก็แค่สนใจเฉยๆ อะไรเนี่ยป้าาาาา~”
เออ ผมลืมบอกไป ผมเอาตุ๊กตารับเคราะห์ของน้ำอบไปไว้บนห้องนอนน่ะ ก็เลยเห็นพวกเพื่อนๆ (ผี) แล้วได้คุยอย่างออกรสออกชาติปานฉะนี้ -.,-
“... ‘สนใจ’ หรือ ‘ใส่ใจ’ ครับเนี่ยยยย...”
วันนี้ผมมีวิญญาณอีกหนึ่งตนมาคุยเป็นเพื่อนด้วยนะ -.,- เขาเป็นวิญญาณตายโหง ขับมอเตอร์ไซต์ซิ่งจัดเลยโดนรถสิบล้อสอย ตายคาที่เลยแหละ
“เอ่อ...ขอ ‘สนใจ’ ส่วน ‘ใส่ใจ’ เนี่ยเอาไปทิ้งไกลๆ เลย -//////-”
“...คุณปฏิเสธความรู้สึกตัวเองไม่ได้หรอกครับ ฮิๆๆ...” วิญญาณนักซิ่งหัวเราะล้อเลียน ถึงแม้ว่าเขาจะตายแบบเละๆ มา แต่ว่าเขานิสัยดีมากเลยนะ (ที่น่าแปลกใจก็คือทำไมช่วงนี้ผมถึงได้เห็นวิญญาณพวกนี้กันนะ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ผมจะเห็นแต่วิญญาณดีๆ แบบไม่มีสภาพเละอย่างในตอนนี้ซักตน)
“ขอบจายยยย - -*!”
ผมลุกขึ้นจากโซฟาหน้าทีวี แล้วกดปิดโทรทัศน์ด้วยรีโมตคอนโทรลที่วางอยู่บนโต๊ะนั่นเอง เมื่อผมปิดไฟข้างล่างทั้งหมดก็ขึ้นไปยังชั้นสองเพื่อจะเข้าห้องนอน ทันทีที่ผมปิดไฟห้องตัวเองแล้วกระโดดขึ้นเตียง ผมก็หลับตาลงแล้วพูดเบาๆ
“ฝันดีอีกครั้งนะน้ำอบ”
วันอาทิตย์ผมรีบมาถึงบ้านผอ.การินแต่เช้า เพราะนึกขึ้นได้ว่าโทรศัพท์ผมอยู่กับผอ.ซึ่งเป็นพ่อของน้ำอบ ทันทีที่ผมก้มมองนาฬิกาข้อมือ ซึ่งบอกเวลา 07.59 น. ผมก็กดกริ่งหน้าบ้าน ก่อนที่ในเวลาอีกซักพักต่อมาจะพบว่าผอ.กลับออกมาต้อนรับผมด้วยตนเอง
...ไม่สิ เขาแค่ออกมาเหมือนมีเรื่องอยากจะคุยอะไรกับผมด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ยตั้งหากล่ะ
“ว่าไงล่ะไอ้หนู มาเอาของเหรอ? หึๆ หึๆ”
“ผมมาขอโทรศัพท์ของผมคืนครับผอ. และก็...” ผมชะเง้อคอเข้าไปเพื่อส่องหาใครบางคน ก่อนที่จะถามผอ.ออกมาโต้งๆ
“แล้วน้ำอบล่ะครับ?”
“โทรศัพท์อะไร ฉันไม่รู้เรื่องกับแกหรอก” ผอ.ยิ้มเยาะจนราวกับจะบดขยี้ด้วยสายตาที่มอง ก่อนจะตอบอีกคำถามของผม “ส่วนน้ำอบสุดที่รักของฉันก็ไม่ออกมาให้แกเจอหน้าแน่นอน อย่าได้หวัง!”
ผอ.แสยะยิ้มใส่แล้วกอดอก ในขณะที่ผมกลับรู้สึกอยากจะผลักผอ.ให้หลบทาง แล้วผมก็จะได้เข้าไปหาน้ำอบซะ - -*
ลูกสาวสวยแล้วทำหวงนักนะครับ ผอ.การิน! -_-*!
...เดี๋ยวผมก็แย่งมาเป็นของผมซะหรอก -.,- (เอ๊ะ นี่ผมคิดบ้าอะไรอยู่เนี่ย!!? ><!!!)
“อย่าแม้แต่จะมาแย่งลูกสาวออกจากอกฉันเด็ดขาดไอ้หน้าโง่ -_-! ไม่งั้นแกไม่อยู่ไม่สุขแน่”
ผอ.พูดดักคอ แต่ผมกลับยิ้มเย็นๆ ให้แล้วพูดทวนอีกครั้ง
“งั้นผอ.ก็ช่วยคืนโทรศัพท์ให้ผมสิครับ”
“ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่รู้เรื่อง แล้วแกจะมาเอาอะไรกับฉัน?” ผอ.เริ่มทำหน้ายียวนกวนประสาทพร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ...ผมรู้แล้วว่าน้ำอบเจ้าเล่ห์เพราะใคร - -+
“ผมรู้ว่าโทรศัพท์น่ะอยู่กับผอ.เพราะผมโทรคุยกับลูกสาวคุณเมื่อคืน...”
“!!!!?”
“เอาล่ะครับผอ. พูดแบบเปิดอก ผอ.เห็นอะไร ‘บางอย่าง’ ในโทรศัพท์ผมสินะครับ ก็เลยยังไม่คืนให้”
ผมยิ้ม อันที่จริงผมก็พอจะเดาได้ว่าน้ำอบอาจจะเห็นคลิปสยองขวัญอันนั้นก็ได้ แต่ทว่าคนที่เห็นกลับอยู่นอกเหนือความคาดหมายของผมซะได้
“หึๆ หึๆ บางทีแกก็ทันคนดีนี่ ก็ดี ฉันชอบ...” ผอ.ยิ้ม ผมเริ่มตาเป็นประกาย แต่ผอ.กลับพูดดักคอซะจนผมหยุดคิด “แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะยกลูกสาวให้”
“-_-!!! ...ผมบอกไว้ก่อนว่าสิ่งที่คุณเห็นมันไม่ใช่ของผม”
“แกคิดว่าฉันเห็นอะไรล่ะ?”
“อะไรก็ได้ที่ทำให้คุณไม่อยากจะคืนโทรศัพท์ให้กับผมง่ายๆ ^^” ผมยอกย้อน ผอ.แสยะยิ้ม
“มีหลักฐานรึเปล่าล่ะว่าฉันเห็น ‘อะไร’ ของแก?”
“หลักฐานมันก็อยู่ที่คุณไม่คืนโทรศัพท์ให้ผมเนี่ยแหละครับ หรือว่าจะไม่จริง?”
“!!!!? หึๆ หึๆ ฮ่าๆ ฮ่าๆๆ!”
ผอ.แผดเสียงหัวเราะใส่จนผมรู้สึกขนลุกอย่างบอกไม่ถูก โอ้แม่จ้าวววววว ผมกำลังจะโดนเสียงหัวเราะอันบ้าคลั่งของผอ.เหยียบให้จมดินแล้ว TOT น่ากลัวชะมัด
“ยืดเยื้อไปก็ไม่มีประโยชน์ เอาล่ะ ในเมื่อแกพูดถึงอย่างนี้แล้ว ฉันก็จะขอถามอะไรซักอย่างสองอย่างก่อนที่จะให้คืน...” ผอ.หยิบโทรศัพท์ผมขึ้นมาโชว์ต่อหน้า ผมยืนมองดูโทรศัพท์ตัวเองแล้วมองหน้าผอ.อย่างไม่หวาดหวั่น คอยฟังคำถามเพื่อจะได้ตอบคำถามผอ.แล้วคืนโทรศัพท์ผมมาซะที
“แกมีคลิปนี้ได้ยังไง?”
นั่นไง! ผอ.เห็นคลิปสยองนั้นแล้วจริงๆ!
“ผมส่งมาจากโทรศัพท์ของเพื่อนคนนึง เธอเป็นเพื่อนและอยู่ห้องเดียวกันกับผม”
“ให้ตายเถอะ! เป็นผู้หญิงซะด้วย หึๆ หึๆ”
“!?!?!”
คำพูดของผอ.ทำเอาผมสะอึก ...อะไรกันเนี่ย บรรยากาศเหมือนถูกกดดันและมองออกอย่างทะลุปรุโปร่งนี่มันอะไรกัน ผอ.คนนี้น่ากลัวจริงๆ เขาใช่คนเดียวกับที่ผมเห็นตอนอยู่กับน้ำอบจริงๆ เหรอ?
“อีกข้อก่อนให้โทรศัพท์แกไป...” ผอ.เอาโทรศัพท์มาจ่อหน้าผม แล้วถามเชิงยิ้มเยาะ
“แกรู้จัก Snuff Film หรือเปล่า?”
“มันคืออะไรครับ?” ผมสวนถามออกไป ผอ.ยิ้มเยาะก่อนที่จะขว้างโทรศัพท์ใส่ผมจนเกือบจะรับไม่ทัน
“เอ้ย!!?”
ผมรีบรับเพราะกลัวมันจะตก เมื่อผมเงยหน้าขึ้นมาก็พบว่าผอ.หันหลังเข้าบ้านไปเสียแล้ว
“ผอ.ครับ! สนัฟฟ์ฟิล์ม (Snuff Film) มันคืออะไร...ช่วยบอกให้ผมรู้หน่อยสิครับ!” ผมตัดสินใจเปิดประตูรัวเข้าไป แต่ทว่าเมื่อผมกำลังจะก้าวเข้าบ้าน จู่ๆ ผมก็เห็นอะไรบางอย่างอยู่ตรงต้นไม้ ...เหมือนมีผู้หญิงผมยาวยืนก้มหน้าอยู่ ผมจึงได้หันไปมองยังต้นไม้ต้นนั้นทันที!
ขวับ!
“...”
ว่างเปล่า...ไม่มีอะไรอยู่เลยนอกจากต้นไม้สูงๆ และลมเย็นๆ ที่พัดมาจากไหนไม่รู้ แต่กลับทำให้บรรยากาศในตอนเช้าราวกับยามเย็นใกล้จะค่ำ
อะไรน่ะเมื่อกี๊...?
ผมหันหน้ามามองประตูอีกครั้งและก้าวเข้าไปในบ้าน แต่แล้วผมก็ยืนช็อกอยู่กับที่ทั้งๆ ที่ก้าวเข้าไปไม่ถึง 5 ก้าว เมื่อเห็นว่าร่างกายของรองผอ.ห้อยโตงเตงอยู่เหนือพื้นหลานเมตร และที่สำคัญยังห้อยอยู่กับโคมไฟระย้าที่มีปลายเชือกผูกมัดที่คออีกด้วย!
เฮือก!!!
ใบหน้าเขียวคล้ำเหมือนเสียชีวิตมาหลายชั่วโมง ลิ้นจุกปาก ดวงตาเหลือกโปนมองแบบไร้จุดหมาย จู่ๆ ศพที่ผูกคอตายอยู่ข้างหน้าผมก็กระตุกขึ้นมา ผมจะสะดุ้งสุดตัวเมื่อเห็นศพรองผอ.กำลังขยับแข้งขยับขาราวกับฟันเฝืองไม่ได้ หยอดน้ำมัน เสียงกระดูกดังลั่นไปทั่วประสาทการสัมผัสของผม แต่ก็ไม่อาจจะถอนสายตาหนีจากภาพตรงหน้าไปได้
กร๊อบ!...กร๊อบ!...กร๊อบ!...กร๊อบ!
ตัวผมสั่นงันงกจนเข่าอ่อน และทรุดลงไปนั่งกับพื้น จนกระทั่งตาที่เหลือกโปนได้กรอกมามองผม ถึงในตอนนั้นผมขวัญหนีดีฟ่ออย่างสุดจะทน
“...ออกไปจากบ้านฉัน!!!!!...”
“ผีหลอกกกกกกกกกกก!!!!!”
เสียงกรีดร้องออกแนวแผดเสียงขับไล่ทำเอาผมอ้าปากพูดออกมาจนได้ ผมรีบบังคับให้ตัวเองลุกขึ้นมาจากพื้นทั้งๆ ที่ตัวสั่นจนควบคุมร่างกายไม่ได้ดั่งใจ จนแล้วจนรอดผมก็ลุกขึ้นมาได้ แต่เพียงผมหันไปประจันหน้ากับประตูทางออก ผมก็เห็นวิญญาณผู้หญิงผมยาว ที่ในตอนนี้มีแต่เลือดเปรอะเปื้อนชุดสีสดใสของเธอเต็มไปหมด เธอก้มหน้าจนผมยาวๆ บดบังใบหน้า ผมเบิกตาโพลงและไม่กล้าจะขยับไปไหนอีก เพราะเธอยืนขวางประตูผมอยู่!
“...ออกไป เทียนหอม ออกไป...”
เสียงเย็นๆ ทำเอาผมรู้สึกเหมือนมีใครเอาน้ำแข็งมาลูบหลังและใบหูเบาๆ เธอค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมา ก่อนที่ผมจะค้นพบว่าเธอไม่มีลูกตาเลย!
เลือดสีแดงข้นๆ ไหลออกมาจากเบ้าตาที่กลวงโบ๋ ยิ่งเธอเดินเข้ามาใกล้ๆ ก็ยิ่งทำให้ผมกลัวสุดขีด จนกระทั่งผมกำลังจะแหกปากร้อง จู่ๆ วิญญาณที่ผมเห็นก็พุ่งตัวเข้ามาหาผมด้วยความเร็วที่ผมหลบหลีกไม่ทัน เธอเอามือที่มีกลิ่นเหม็นเน่ามาปิดจมูกและปากผม ผมส่งเสียงอู้อี้อย่างหวาดกลัวแล้วหลับตาปี๋
“อื้ออออออออ!!!
“เทียนหอม! ใจเย็นๆ หยุดหายใจแล้วนายจะไม่เห็น!”
น้ำเสียงคุ้นๆ ดังมาจากหน้าผม มันควรจะเป็นวิญญาณสาวสยองอะไรนั่นไม่ใช่เหรอ แต่เสียงนี้มัน...เป็นเสียงน้ำอบนี่นา!
ผมกลั้นหายใจอย่างที่เธอบอกแล้วลืมตาขึ้นมา ก็พบว่าน้ำอบจริงๆ ที่เอามือมาปิดปากปิดจมูกผมเอาไว้ เธอส่งยิ้มบางๆ มาให้แล้วบอกผมว่า...
“คราวนี้นายเอานี่ปิดจมูกนายซะ เดี๋ยวฉันมา” เธอยื่นผ้าเช็ดหน้ามาปิดจมูกผมแทน ผมจับมาปิดจมูกตนเอง น้ำอบเดินไปยังหน้าประตูตรงกระถางต้นไม้ ก่อนที่หล่อนจะทำหน้าบึ้งเหมือนเซ็งๆ ใส่แล้วยกผอบเล็กๆ ออกมา แล้วทำการปิดผอบด้วยฝาของมัน ก่อนที่น้ำอบจะยิ้มให้ผม
“เรียบร้อยแล้ว เชิญเอาผ้าเช็ดหน้าออกได้เลย ^^”
ผมทำตามคำพูดของเธออย่างเก้ๆ กังๆ ก่อนที่จะพบว่าภาพที่ผมเห็นก่อนหน้านี้มันไม่มีอีกแล้ว ผมถามเธอเสียงแผ่วแล้วทรุดลงไปนั่งกองกับพื้นอย่างหมดมาด
“นะ..นั่นมันอะไรน่ะ?”
“อ๋อ เนี่ยน่ะเหรอ? ...กำยาน...‘ยาหลอนประสาท’ น่ะสิ” น้ำอบหัวเราะเฝื่อนๆ ในขณะที่ผมกลับหันไปมองรอบๆ ห้องโถง ก็เห็นว่ารองผอ.กลับมองหน้าผมแบบอมยิ้มที่โซฟากลางห้องโถงนั่นเอง และข้างๆ กันนั้นก็เห็นผอ.ทำหน้าบูดบึ้งไม่ชอบใจอยู่ใกล้ๆ ด้วย
“เฮอะ! เอามันออกไปไกลๆ หน้าพ่อเดี๋ยวนี้นะน้ำอบ!!!”
“พ่อคะ ถึงตอนนี้พ่อก็ควรจะบอกเทียนหอมได้แล้วว่าสนัฟฟ์ฟิล์มที่พ่อว่านั่นคืออะไร”
น้ำอบทำหน้าเนือยๆ ใส่ แต่ผอ.กลับเบิกตาโพลงแล้วถามเสียงแผ่ว
“...นี่ลูก..แอบฟังพ่อพูดกับไอ้หมอนั่นอย่างงั้นเหรอ?”
“ถ้าหนูไม่แอบฟัง หนูก็ไม่ได้ยินอะไรดีๆ สิคะ” น้ำอบยิ้มเย็น โฮ้ยยยยย สมกับเป็นพ่อลูกกันจริงๆ เลย -O-; แต่ว่าถ้าเธอช่วยพูด ผมอาจจะได้ฟังก็ได้นะ ไอ้ ‘สนัฟฟ์ฟิลม์’ ที่ว่าเนี่ย
ฉันถึงกับเบิกตาโพลงพร้อมกับเสียงโทรศัพท์ที่ชิงตัดไปก่อน จู่ๆ หน้าเรียบเฉยก็ร้อนระอุขึ้นมาราวกับจะไหม้ ใจฉันเต้นไม่เป็นส่ำเพียงเพราะคำพูดของเขาไม่กี่คำ โอ๊ยตายแล้ววววว >_< นี่ฉันเป็นอะไรไปอีกเนี่ยยยยย
อ๊ากกกกกก ไม่เข้าใจกับการกระทำของตัวเองซะเลย น้ำอบล่ะจะบ้าตาย!
-------------------------------------------------------------------
:>>: บทที่ 37 :<<:
Snuff Film 1
< :: TEANHOOM :: >
ทันทีที่ผมวางสายน้ำอบ ผมก็รู้สึกใจโหวงเหวงอย่างบอกไม่ถูก อันที่จริงผมก็อยากจะคุยกับเธอให้นานกว่านี้นะ แต่ว่า...
ผมเหลือบมองนาฬิกาก็พบว่าเป็นเวลา 3 ทุ่มกว่าๆ แล้ว ผมไม่อยากรบกวนเวลานอนของเธอ ก็เลยรีบตัดสายทิ้งไปซะก่อน เอ่อ...นี่ผมทำตัวน่าอ้วกอะไรอย่างนี้ (_ _)^
“...อยากคุยกับเขาก็บอกไปตรงๆ สิ ฮิๆๆ...”
พรายกระซิบรู้ใจผมตลอด -_-* เพราะเสียงกระซิบเย็นๆ เชิงล้อเลียนทำให้ผมชักสีหน้าใส่
“ไม่เอาอ่ะ เดี๋ยวเขานอนไม่พอ”
“...เดี๋ยวนี้แกแคร์ผู้หญิงด้วยเหรอ แหม... ท่าทางจะพิเศษสำหรับแกน่าดู...”
ป้ากระสือลอยข้ามหัวผมจนไส้ป้าแกเกือบแปะหน้า - -+ แต่ผมก็ไม่อยากจะโวยวายอะไร นอกเสียจากว่าตอบคำถามป้าเขาไปเท่านั้น
“ก็แค่สนใจเฉยๆ อะไรเนี่ยป้าาาาา~”
เออ ผมลืมบอกไป ผมเอาตุ๊กตารับเคราะห์ของน้ำอบไปไว้บนห้องนอนน่ะ ก็เลยเห็นพวกเพื่อนๆ (ผี) แล้วได้คุยอย่างออกรสออกชาติปานฉะนี้ -.,-
“... ‘สนใจ’ หรือ ‘ใส่ใจ’ ครับเนี่ยยยย...”
วันนี้ผมมีวิญญาณอีกหนึ่งตนมาคุยเป็นเพื่อนด้วยนะ -.,- เขาเป็นวิญญาณตายโหง ขับมอเตอร์ไซต์ซิ่งจัดเลยโดนรถสิบล้อสอย ตายคาที่เลยแหละ
“เอ่อ...ขอ ‘สนใจ’ ส่วน ‘ใส่ใจ’ เนี่ยเอาไปทิ้งไกลๆ เลย -//////-”
“...คุณปฏิเสธความรู้สึกตัวเองไม่ได้หรอกครับ ฮิๆๆ...” วิญญาณนักซิ่งหัวเราะล้อเลียน ถึงแม้ว่าเขาจะตายแบบเละๆ มา แต่ว่าเขานิสัยดีมากเลยนะ (ที่น่าแปลกใจก็คือทำไมช่วงนี้ผมถึงได้เห็นวิญญาณพวกนี้กันนะ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ผมจะเห็นแต่วิญญาณดีๆ แบบไม่มีสภาพเละอย่างในตอนนี้ซักตน)
“ขอบจายยยย - -*!”
ผมลุกขึ้นจากโซฟาหน้าทีวี แล้วกดปิดโทรทัศน์ด้วยรีโมตคอนโทรลที่วางอยู่บนโต๊ะนั่นเอง เมื่อผมปิดไฟข้างล่างทั้งหมดก็ขึ้นไปยังชั้นสองเพื่อจะเข้าห้องนอน ทันทีที่ผมปิดไฟห้องตัวเองแล้วกระโดดขึ้นเตียง ผมก็หลับตาลงแล้วพูดเบาๆ
“ฝันดีอีกครั้งนะน้ำอบ”
วันอาทิตย์ผมรีบมาถึงบ้านผอ.การินแต่เช้า เพราะนึกขึ้นได้ว่าโทรศัพท์ผมอยู่กับผอ.ซึ่งเป็นพ่อของน้ำอบ ทันทีที่ผมก้มมองนาฬิกาข้อมือ ซึ่งบอกเวลา 07.59 น. ผมก็กดกริ่งหน้าบ้าน ก่อนที่ในเวลาอีกซักพักต่อมาจะพบว่าผอ.กลับออกมาต้อนรับผมด้วยตนเอง
...ไม่สิ เขาแค่ออกมาเหมือนมีเรื่องอยากจะคุยอะไรกับผมด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ยตั้งหากล่ะ
“ว่าไงล่ะไอ้หนู มาเอาของเหรอ? หึๆ หึๆ”
“ผมมาขอโทรศัพท์ของผมคืนครับผอ. และก็...” ผมชะเง้อคอเข้าไปเพื่อส่องหาใครบางคน ก่อนที่จะถามผอ.ออกมาโต้งๆ
“แล้วน้ำอบล่ะครับ?”
“โทรศัพท์อะไร ฉันไม่รู้เรื่องกับแกหรอก” ผอ.ยิ้มเยาะจนราวกับจะบดขยี้ด้วยสายตาที่มอง ก่อนจะตอบอีกคำถามของผม “ส่วนน้ำอบสุดที่รักของฉันก็ไม่ออกมาให้แกเจอหน้าแน่นอน อย่าได้หวัง!”
ผอ.แสยะยิ้มใส่แล้วกอดอก ในขณะที่ผมกลับรู้สึกอยากจะผลักผอ.ให้หลบทาง แล้วผมก็จะได้เข้าไปหาน้ำอบซะ - -*
ลูกสาวสวยแล้วทำหวงนักนะครับ ผอ.การิน! -_-*!
...เดี๋ยวผมก็แย่งมาเป็นของผมซะหรอก -.,- (เอ๊ะ นี่ผมคิดบ้าอะไรอยู่เนี่ย!!? ><!!!)
“อย่าแม้แต่จะมาแย่งลูกสาวออกจากอกฉันเด็ดขาดไอ้หน้าโง่ -_-! ไม่งั้นแกไม่อยู่ไม่สุขแน่”
ผอ.พูดดักคอ แต่ผมกลับยิ้มเย็นๆ ให้แล้วพูดทวนอีกครั้ง
“งั้นผอ.ก็ช่วยคืนโทรศัพท์ให้ผมสิครับ”
“ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่รู้เรื่อง แล้วแกจะมาเอาอะไรกับฉัน?” ผอ.เริ่มทำหน้ายียวนกวนประสาทพร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ...ผมรู้แล้วว่าน้ำอบเจ้าเล่ห์เพราะใคร - -+
“ผมรู้ว่าโทรศัพท์น่ะอยู่กับผอ.เพราะผมโทรคุยกับลูกสาวคุณเมื่อคืน...”
“!!!!?”
“เอาล่ะครับผอ. พูดแบบเปิดอก ผอ.เห็นอะไร ‘บางอย่าง’ ในโทรศัพท์ผมสินะครับ ก็เลยยังไม่คืนให้”
ผมยิ้ม อันที่จริงผมก็พอจะเดาได้ว่าน้ำอบอาจจะเห็นคลิปสยองขวัญอันนั้นก็ได้ แต่ทว่าคนที่เห็นกลับอยู่นอกเหนือความคาดหมายของผมซะได้
“หึๆ หึๆ บางทีแกก็ทันคนดีนี่ ก็ดี ฉันชอบ...” ผอ.ยิ้ม ผมเริ่มตาเป็นประกาย แต่ผอ.กลับพูดดักคอซะจนผมหยุดคิด “แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะยกลูกสาวให้”
“-_-!!! ...ผมบอกไว้ก่อนว่าสิ่งที่คุณเห็นมันไม่ใช่ของผม”
“แกคิดว่าฉันเห็นอะไรล่ะ?”
“อะไรก็ได้ที่ทำให้คุณไม่อยากจะคืนโทรศัพท์ให้กับผมง่ายๆ ^^” ผมยอกย้อน ผอ.แสยะยิ้ม
“มีหลักฐานรึเปล่าล่ะว่าฉันเห็น ‘อะไร’ ของแก?”
“หลักฐานมันก็อยู่ที่คุณไม่คืนโทรศัพท์ให้ผมเนี่ยแหละครับ หรือว่าจะไม่จริง?”
“!!!!? หึๆ หึๆ ฮ่าๆ ฮ่าๆๆ!”
ผอ.แผดเสียงหัวเราะใส่จนผมรู้สึกขนลุกอย่างบอกไม่ถูก โอ้แม่จ้าวววววว ผมกำลังจะโดนเสียงหัวเราะอันบ้าคลั่งของผอ.เหยียบให้จมดินแล้ว TOT น่ากลัวชะมัด
“ยืดเยื้อไปก็ไม่มีประโยชน์ เอาล่ะ ในเมื่อแกพูดถึงอย่างนี้แล้ว ฉันก็จะขอถามอะไรซักอย่างสองอย่างก่อนที่จะให้คืน...” ผอ.หยิบโทรศัพท์ผมขึ้นมาโชว์ต่อหน้า ผมยืนมองดูโทรศัพท์ตัวเองแล้วมองหน้าผอ.อย่างไม่หวาดหวั่น คอยฟังคำถามเพื่อจะได้ตอบคำถามผอ.แล้วคืนโทรศัพท์ผมมาซะที
“แกมีคลิปนี้ได้ยังไง?”
นั่นไง! ผอ.เห็นคลิปสยองนั้นแล้วจริงๆ!
“ผมส่งมาจากโทรศัพท์ของเพื่อนคนนึง เธอเป็นเพื่อนและอยู่ห้องเดียวกันกับผม”
“ให้ตายเถอะ! เป็นผู้หญิงซะด้วย หึๆ หึๆ”
“!?!?!”
คำพูดของผอ.ทำเอาผมสะอึก ...อะไรกันเนี่ย บรรยากาศเหมือนถูกกดดันและมองออกอย่างทะลุปรุโปร่งนี่มันอะไรกัน ผอ.คนนี้น่ากลัวจริงๆ เขาใช่คนเดียวกับที่ผมเห็นตอนอยู่กับน้ำอบจริงๆ เหรอ?
“อีกข้อก่อนให้โทรศัพท์แกไป...” ผอ.เอาโทรศัพท์มาจ่อหน้าผม แล้วถามเชิงยิ้มเยาะ
“แกรู้จัก Snuff Film หรือเปล่า?”
“มันคืออะไรครับ?” ผมสวนถามออกไป ผอ.ยิ้มเยาะก่อนที่จะขว้างโทรศัพท์ใส่ผมจนเกือบจะรับไม่ทัน
“เอ้ย!!?”
ผมรีบรับเพราะกลัวมันจะตก เมื่อผมเงยหน้าขึ้นมาก็พบว่าผอ.หันหลังเข้าบ้านไปเสียแล้ว
“ผอ.ครับ! สนัฟฟ์ฟิล์ม (Snuff Film) มันคืออะไร...ช่วยบอกให้ผมรู้หน่อยสิครับ!” ผมตัดสินใจเปิดประตูรัวเข้าไป แต่ทว่าเมื่อผมกำลังจะก้าวเข้าบ้าน จู่ๆ ผมก็เห็นอะไรบางอย่างอยู่ตรงต้นไม้ ...เหมือนมีผู้หญิงผมยาวยืนก้มหน้าอยู่ ผมจึงได้หันไปมองยังต้นไม้ต้นนั้นทันที!
ขวับ!
“...”
ว่างเปล่า...ไม่มีอะไรอยู่เลยนอกจากต้นไม้สูงๆ และลมเย็นๆ ที่พัดมาจากไหนไม่รู้ แต่กลับทำให้บรรยากาศในตอนเช้าราวกับยามเย็นใกล้จะค่ำ
อะไรน่ะเมื่อกี๊...?
ผมหันหน้ามามองประตูอีกครั้งและก้าวเข้าไปในบ้าน แต่แล้วผมก็ยืนช็อกอยู่กับที่ทั้งๆ ที่ก้าวเข้าไปไม่ถึง 5 ก้าว เมื่อเห็นว่าร่างกายของรองผอ.ห้อยโตงเตงอยู่เหนือพื้นหลานเมตร และที่สำคัญยังห้อยอยู่กับโคมไฟระย้าที่มีปลายเชือกผูกมัดที่คออีกด้วย!
เฮือก!!!
ใบหน้าเขียวคล้ำเหมือนเสียชีวิตมาหลายชั่วโมง ลิ้นจุกปาก ดวงตาเหลือกโปนมองแบบไร้จุดหมาย จู่ๆ ศพที่ผูกคอตายอยู่ข้างหน้าผมก็กระตุกขึ้นมา ผมจะสะดุ้งสุดตัวเมื่อเห็นศพรองผอ.กำลังขยับแข้งขยับขาราวกับฟันเฝืองไม่ได้ หยอดน้ำมัน เสียงกระดูกดังลั่นไปทั่วประสาทการสัมผัสของผม แต่ก็ไม่อาจจะถอนสายตาหนีจากภาพตรงหน้าไปได้
กร๊อบ!...กร๊อบ!...กร๊อบ!...กร๊อบ!
ตัวผมสั่นงันงกจนเข่าอ่อน และทรุดลงไปนั่งกับพื้น จนกระทั่งตาที่เหลือกโปนได้กรอกมามองผม ถึงในตอนนั้นผมขวัญหนีดีฟ่ออย่างสุดจะทน
“...ออกไปจากบ้านฉัน!!!!!...”
“ผีหลอกกกกกกกกกกก!!!!!”
เสียงกรีดร้องออกแนวแผดเสียงขับไล่ทำเอาผมอ้าปากพูดออกมาจนได้ ผมรีบบังคับให้ตัวเองลุกขึ้นมาจากพื้นทั้งๆ ที่ตัวสั่นจนควบคุมร่างกายไม่ได้ดั่งใจ จนแล้วจนรอดผมก็ลุกขึ้นมาได้ แต่เพียงผมหันไปประจันหน้ากับประตูทางออก ผมก็เห็นวิญญาณผู้หญิงผมยาว ที่ในตอนนี้มีแต่เลือดเปรอะเปื้อนชุดสีสดใสของเธอเต็มไปหมด เธอก้มหน้าจนผมยาวๆ บดบังใบหน้า ผมเบิกตาโพลงและไม่กล้าจะขยับไปไหนอีก เพราะเธอยืนขวางประตูผมอยู่!
“...ออกไป เทียนหอม ออกไป...”
เสียงเย็นๆ ทำเอาผมรู้สึกเหมือนมีใครเอาน้ำแข็งมาลูบหลังและใบหูเบาๆ เธอค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมา ก่อนที่ผมจะค้นพบว่าเธอไม่มีลูกตาเลย!
เลือดสีแดงข้นๆ ไหลออกมาจากเบ้าตาที่กลวงโบ๋ ยิ่งเธอเดินเข้ามาใกล้ๆ ก็ยิ่งทำให้ผมกลัวสุดขีด จนกระทั่งผมกำลังจะแหกปากร้อง จู่ๆ วิญญาณที่ผมเห็นก็พุ่งตัวเข้ามาหาผมด้วยความเร็วที่ผมหลบหลีกไม่ทัน เธอเอามือที่มีกลิ่นเหม็นเน่ามาปิดจมูกและปากผม ผมส่งเสียงอู้อี้อย่างหวาดกลัวแล้วหลับตาปี๋
“อื้ออออออออ!!!
“เทียนหอม! ใจเย็นๆ หยุดหายใจแล้วนายจะไม่เห็น!”
น้ำเสียงคุ้นๆ ดังมาจากหน้าผม มันควรจะเป็นวิญญาณสาวสยองอะไรนั่นไม่ใช่เหรอ แต่เสียงนี้มัน...เป็นเสียงน้ำอบนี่นา!
ผมกลั้นหายใจอย่างที่เธอบอกแล้วลืมตาขึ้นมา ก็พบว่าน้ำอบจริงๆ ที่เอามือมาปิดปากปิดจมูกผมเอาไว้ เธอส่งยิ้มบางๆ มาให้แล้วบอกผมว่า...
“คราวนี้นายเอานี่ปิดจมูกนายซะ เดี๋ยวฉันมา” เธอยื่นผ้าเช็ดหน้ามาปิดจมูกผมแทน ผมจับมาปิดจมูกตนเอง น้ำอบเดินไปยังหน้าประตูตรงกระถางต้นไม้ ก่อนที่หล่อนจะทำหน้าบึ้งเหมือนเซ็งๆ ใส่แล้วยกผอบเล็กๆ ออกมา แล้วทำการปิดผอบด้วยฝาของมัน ก่อนที่น้ำอบจะยิ้มให้ผม
“เรียบร้อยแล้ว เชิญเอาผ้าเช็ดหน้าออกได้เลย ^^”
ผมทำตามคำพูดของเธออย่างเก้ๆ กังๆ ก่อนที่จะพบว่าภาพที่ผมเห็นก่อนหน้านี้มันไม่มีอีกแล้ว ผมถามเธอเสียงแผ่วแล้วทรุดลงไปนั่งกองกับพื้นอย่างหมดมาด
“นะ..นั่นมันอะไรน่ะ?”
“อ๋อ เนี่ยน่ะเหรอ? ...กำยาน...‘ยาหลอนประสาท’ น่ะสิ” น้ำอบหัวเราะเฝื่อนๆ ในขณะที่ผมกลับหันไปมองรอบๆ ห้องโถง ก็เห็นว่ารองผอ.กลับมองหน้าผมแบบอมยิ้มที่โซฟากลางห้องโถงนั่นเอง และข้างๆ กันนั้นก็เห็นผอ.ทำหน้าบูดบึ้งไม่ชอบใจอยู่ใกล้ๆ ด้วย
“เฮอะ! เอามันออกไปไกลๆ หน้าพ่อเดี๋ยวนี้นะน้ำอบ!!!”
“พ่อคะ ถึงตอนนี้พ่อก็ควรจะบอกเทียนหอมได้แล้วว่าสนัฟฟ์ฟิล์มที่พ่อว่านั่นคืออะไร”
น้ำอบทำหน้าเนือยๆ ใส่ แต่ผอ.กลับเบิกตาโพลงแล้วถามเสียงแผ่ว
“...นี่ลูก..แอบฟังพ่อพูดกับไอ้หมอนั่นอย่างงั้นเหรอ?”
“ถ้าหนูไม่แอบฟัง หนูก็ไม่ได้ยินอะไรดีๆ สิคะ” น้ำอบยิ้มเย็น โฮ้ยยยยย สมกับเป็นพ่อลูกกันจริงๆ เลย -O-; แต่ว่าถ้าเธอช่วยพูด ผมอาจจะได้ฟังก็ได้นะ ไอ้ ‘สนัฟฟ์ฟิลม์’ ที่ว่าเนี่ย
::: ~~~ To be continues ~~~ :::
-------------------------------------------------------------------
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น