ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คิดผิดนะฟิคนี้...ที่มีหนูเป็นลูกการิน!

    ลำดับตอนที่ #40 : :>>: บทที่ 37 :

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 365
      10
      21 ต.ค. 56

          ความเดิมตอนที่แล้ว >>>

            ฉันถึงกับเบิกตาโพลงพร้อมกับเสียงโทรศัพท์ที่ชิงตัดไปก่อน จู่ๆ หน้าเรียบเฉยก็ร้อนระอุขึ้นมาราวกับจะไหม้ ใจฉันเต้นไม่เป็นส่ำเพียงเพราะคำพูดของเขาไม่กี่คำ โอ๊ยตายแล้ววววว >_< นี่ฉันเป็นอะไรไปอีกเนี่ยยยยย
            อ๊ากกกกกก ไม่เข้าใจกับการกระทำของตัวเองซะเลย น้ำอบล่ะจะบ้าตาย!


    -------------------------------------------------------------------


    :>>: บทที่ 37 :<<:
    Snuff Film 1



            < :: TEANHOOM :: >

            ทันทีที่ผมวางสายน้ำอบ ผมก็รู้สึกใจโหวงเหวงอย่างบอกไม่ถูก อันที่จริงผมก็อยากจะคุยกับเธอให้นานกว่านี้นะ แต่ว่า...
            ผมเหลือบมองนาฬิกาก็พบว่าเป็นเวลา 3 ทุ่มกว่าๆ แล้ว ผมไม่อยากรบกวนเวลานอนของเธอ ก็เลยรีบตัดสายทิ้งไปซะก่อน เอ่อ...นี่ผมทำตัวน่าอ้วกอะไรอย่างนี้ (_ _)^
            “...อยากคุยกับเขาก็บอกไปตรงๆ สิ ฮิๆๆ...”
            พรายกระซิบรู้ใจผมตลอด -_-* เพราะเสียงกระซิบเย็นๆ เชิงล้อเลียนทำให้ผมชักสีหน้าใส่
            “ไม่เอาอ่ะ เดี๋ยวเขานอนไม่พอ”
            “...เดี๋ยวนี้แกแคร์ผู้หญิงด้วยเหรอ แหม... ท่าทางจะพิเศษสำหรับแกน่าดู...”
            ป้ากระสือลอยข้ามหัวผมจนไส้ป้าแกเกือบแปะหน้า - -+ แต่ผมก็ไม่อยากจะโวยวายอะไร นอกเสียจากว่าตอบคำถามป้าเขาไปเท่านั้น
            “ก็แค่สนใจเฉยๆ อะไรเนี่ยป้าาาาา~”
            เออ ผมลืมบอกไป ผมเอาตุ๊กตารับเคราะห์ของน้ำอบไปไว้บนห้องนอนน่ะ ก็เลยเห็นพวกเพื่อนๆ (ผี) แล้วได้คุยอย่างออกรสออกชาติปานฉะนี้ -.,-
            “... ‘สนใจ’ หรือ ‘ใส่ใจ’ ครับเนี่ยยยย...”
            วันนี้ผมมีวิญญาณอีกหนึ่งตนมาคุยเป็นเพื่อนด้วยนะ -.,- เขาเป็นวิญญาณตายโหง ขับมอเตอร์ไซต์ซิ่งจัดเลยโดนรถสิบล้อสอย ตายคาที่เลยแหละ
            “เอ่อ...ขอ ‘สนใจ’ ส่วน ‘ใส่ใจ’ เนี่ยเอาไปทิ้งไกลๆ เลย -//////-”
            “...คุณปฏิเสธความรู้สึกตัวเองไม่ได้หรอกครับ ฮิๆๆ...” วิญญาณนักซิ่งหัวเราะล้อเลียน ถึงแม้ว่าเขาจะตายแบบเละๆ มา แต่ว่าเขานิสัยดีมากเลยนะ (ที่น่าแปลกใจก็คือทำไมช่วงนี้ผมถึงได้เห็นวิญญาณพวกนี้กันนะ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ผมจะเห็นแต่วิญญาณดีๆ แบบไม่มีสภาพเละอย่างในตอนนี้ซักตน)
            “ขอบจายยยย - -*!”
            ผมลุกขึ้นจากโซฟาหน้าทีวี แล้วกดปิดโทรทัศน์ด้วยรีโมตคอนโทรลที่วางอยู่บนโต๊ะนั่นเอง เมื่อผมปิดไฟข้างล่างทั้งหมดก็ขึ้นไปยังชั้นสองเพื่อจะเข้าห้องนอน ทันทีที่ผมปิดไฟห้องตัวเองแล้วกระโดดขึ้นเตียง ผมก็หลับตาลงแล้วพูดเบาๆ
            “ฝันดีอีกครั้งนะน้ำอบ”

            วันอาทิตย์ผมรีบมาถึงบ้านผอ.การินแต่เช้า เพราะนึกขึ้นได้ว่าโทรศัพท์ผมอยู่กับผอ.ซึ่งเป็นพ่อของน้ำอบ ทันทีที่ผมก้มมองนาฬิกาข้อมือ ซึ่งบอกเวลา 07.59 น. ผมก็กดกริ่งหน้าบ้าน ก่อนที่ในเวลาอีกซักพักต่อมาจะพบว่าผอ.กลับออกมาต้อนรับผมด้วยตนเอง
            ...ไม่สิ เขาแค่ออกมาเหมือนมีเรื่องอยากจะคุยอะไรกับผมด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ยตั้งหากล่ะ
            “ว่าไงล่ะไอ้หนู มาเอาของเหรอ? หึๆ หึๆ”
            “ผมมาขอโทรศัพท์ของผมคืนครับผอ. และก็...” ผมชะเง้อคอเข้าไปเพื่อส่องหาใครบางคน ก่อนที่จะถามผอ.ออกมาโต้งๆ
            “แล้วน้ำอบล่ะครับ?”
            “โทรศัพท์อะไร ฉันไม่รู้เรื่องกับแกหรอก” ผอ.ยิ้มเยาะจนราวกับจะบดขยี้ด้วยสายตาที่มอง ก่อนจะตอบอีกคำถามของผม “ส่วนน้ำอบสุดที่รักของฉันก็ไม่ออกมาให้แกเจอหน้าแน่นอน อย่าได้หวัง!”
            ผอ.แสยะยิ้มใส่แล้วกอดอก ในขณะที่ผมกลับรู้สึกอยากจะผลักผอ.ให้หลบทาง แล้วผมก็จะได้เข้าไปหาน้ำอบซะ - -*
            ลูกสาวสวยแล้วทำหวงนักนะครับ ผอ.การิน! -_-*!
            ...เดี๋ยวผมก็แย่งมาเป็นของผมซะหรอก -.,- (เอ๊ะ นี่ผมคิดบ้าอะไรอยู่เนี่ย!!? ><!!!)
            “อย่าแม้แต่จะมาแย่งลูกสาวออกจากอกฉันเด็ดขาดไอ้หน้าโง่ -_-! ไม่งั้นแกไม่อยู่ไม่สุขแน่”
            ผอ.พูดดักคอ แต่ผมกลับยิ้มเย็นๆ ให้แล้วพูดทวนอีกครั้ง
            “งั้นผอ.ก็ช่วยคืนโทรศัพท์ให้ผมสิครับ”
            “ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่รู้เรื่อง แล้วแกจะมาเอาอะไรกับฉัน?” ผอ.เริ่มทำหน้ายียวนกวนประสาทพร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ...ผมรู้แล้วว่าน้ำอบเจ้าเล่ห์เพราะใคร - -+
            “ผมรู้ว่าโทรศัพท์น่ะอยู่กับผอ.เพราะผมโทรคุยกับลูกสาวคุณเมื่อคืน...”
            “!!!!?”
            “เอาล่ะครับผอ. พูดแบบเปิดอก ผอ.เห็นอะไร ‘บางอย่าง’ ในโทรศัพท์ผมสินะครับ ก็เลยยังไม่คืนให้”
            ผมยิ้ม อันที่จริงผมก็พอจะเดาได้ว่าน้ำอบอาจจะเห็นคลิปสยองขวัญอันนั้นก็ได้ แต่ทว่าคนที่เห็นกลับอยู่นอกเหนือความคาดหมายของผมซะได้
            “หึๆ หึๆ บางทีแกก็ทันคนดีนี่ ก็ดี ฉันชอบ...” ผอ.ยิ้ม ผมเริ่มตาเป็นประกาย แต่ผอ.กลับพูดดักคอซะจนผมหยุดคิด “แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะยกลูกสาวให้”
            “-_-!!! ...ผมบอกไว้ก่อนว่าสิ่งที่คุณเห็นมันไม่ใช่ของผม”
            “แกคิดว่าฉันเห็นอะไรล่ะ?”
            “อะไรก็ได้ที่ทำให้คุณไม่อยากจะคืนโทรศัพท์ให้กับผมง่ายๆ ^^” ผมยอกย้อน ผอ.แสยะยิ้ม
            “มีหลักฐานรึเปล่าล่ะว่าฉันเห็น ‘อะไร’ ของแก?”
            “หลักฐานมันก็อยู่ที่คุณไม่คืนโทรศัพท์ให้ผมเนี่ยแหละครับ หรือว่าจะไม่จริง?”
            “!!!!? หึๆ หึๆ ฮ่าๆ ฮ่าๆๆ!”
            ผอ.แผดเสียงหัวเราะใส่จนผมรู้สึกขนลุกอย่างบอกไม่ถูก โอ้แม่จ้าวววววว ผมกำลังจะโดนเสียงหัวเราะอันบ้าคลั่งของผอ.เหยียบให้จมดินแล้ว TOT น่ากลัวชะมัด
            “ยืดเยื้อไปก็ไม่มีประโยชน์ เอาล่ะ ในเมื่อแกพูดถึงอย่างนี้แล้ว ฉันก็จะขอถามอะไรซักอย่างสองอย่างก่อนที่จะให้คืน...” ผอ.หยิบโทรศัพท์ผมขึ้นมาโชว์ต่อหน้า ผมยืนมองดูโทรศัพท์ตัวเองแล้วมองหน้าผอ.อย่างไม่หวาดหวั่น คอยฟังคำถามเพื่อจะได้ตอบคำถามผอ.แล้วคืนโทรศัพท์ผมมาซะที
            “แกมีคลิปนี้ได้ยังไง?”
            นั่นไง! ผอ.เห็นคลิปสยองนั้นแล้วจริงๆ!
            “ผมส่งมาจากโทรศัพท์ของเพื่อนคนนึง เธอเป็นเพื่อนและอยู่ห้องเดียวกันกับผม”
            “ให้ตายเถอะ! เป็นผู้หญิงซะด้วย หึๆ หึๆ”
            “!?!?!”
            คำพูดของผอ.ทำเอาผมสะอึก ...อะไรกันเนี่ย บรรยากาศเหมือนถูกกดดันและมองออกอย่างทะลุปรุโปร่งนี่มันอะไรกัน ผอ.คนนี้น่ากลัวจริงๆ เขาใช่คนเดียวกับที่ผมเห็นตอนอยู่กับน้ำอบจริงๆ เหรอ?
            “อีกข้อก่อนให้โทรศัพท์แกไป...” ผอ.เอาโทรศัพท์มาจ่อหน้าผม แล้วถามเชิงยิ้มเยาะ
            “แกรู้จัก Snuff Film หรือเปล่า?”
            “มันคืออะไรครับ?” ผมสวนถามออกไป ผอ.ยิ้มเยาะก่อนที่จะขว้างโทรศัพท์ใส่ผมจนเกือบจะรับไม่ทัน
            “เอ้ย!!?”
            ผมรีบรับเพราะกลัวมันจะตก เมื่อผมเงยหน้าขึ้นมาก็พบว่าผอ.หันหลังเข้าบ้านไปเสียแล้ว
            “ผอ.ครับ! สนัฟฟ์ฟิล์ม (Snuff Film) มันคืออะไร...ช่วยบอกให้ผมรู้หน่อยสิครับ!” ผมตัดสินใจเปิดประตูรัวเข้าไป แต่ทว่าเมื่อผมกำลังจะก้าวเข้าบ้าน จู่ๆ ผมก็เห็นอะไรบางอย่างอยู่ตรงต้นไม้ ...เหมือนมีผู้หญิงผมยาวยืนก้มหน้าอยู่ ผมจึงได้หันไปมองยังต้นไม้ต้นนั้นทันที!
            ขวับ!
            “...”
            ว่างเปล่า...ไม่มีอะไรอยู่เลยนอกจากต้นไม้สูงๆ และลมเย็นๆ ที่พัดมาจากไหนไม่รู้ แต่กลับทำให้บรรยากาศในตอนเช้าราวกับยามเย็นใกล้จะค่ำ
            อะไรน่ะเมื่อกี๊...?
            ผมหันหน้ามามองประตูอีกครั้งและก้าวเข้าไปในบ้าน แต่แล้วผมก็ยืนช็อกอยู่กับที่ทั้งๆ ที่ก้าวเข้าไปไม่ถึง 5 ก้าว เมื่อเห็นว่าร่างกายของรองผอ.ห้อยโตงเตงอยู่เหนือพื้นหลานเมตร และที่สำคัญยังห้อยอยู่กับโคมไฟระย้าที่มีปลายเชือกผูกมัดที่คออีกด้วย!
            เฮือก!!!
            ใบหน้าเขียวคล้ำเหมือนเสียชีวิตมาหลายชั่วโมง ลิ้นจุกปาก ดวงตาเหลือกโปนมองแบบไร้จุดหมาย จู่ๆ ศพที่ผูกคอตายอยู่ข้างหน้าผมก็กระตุกขึ้นมา ผมจะสะดุ้งสุดตัวเมื่อเห็นศพรองผอ.กำลังขยับแข้งขยับขาราวกับฟันเฝืองไม่ได้ หยอดน้ำมัน เสียงกระดูกดังลั่นไปทั่วประสาทการสัมผัสของผม แต่ก็ไม่อาจจะถอนสายตาหนีจากภาพตรงหน้าไปได้
            กร๊อบ!...กร๊อบ!...กร๊อบ!...กร๊อบ!
            ตัวผมสั่นงันงกจนเข่าอ่อน และทรุดลงไปนั่งกับพื้น จนกระทั่งตาที่เหลือกโปนได้กรอกมามองผม ถึงในตอนนั้นผมขวัญหนีดีฟ่ออย่างสุดจะทน
            “...ออกไปจากบ้านฉัน!!!!!...”
            “ผีหลอกกกกกกกกกกก!!!!!”
            เสียงกรีดร้องออกแนวแผดเสียงขับไล่ทำเอาผมอ้าปากพูดออกมาจนได้ ผมรีบบังคับให้ตัวเองลุกขึ้นมาจากพื้นทั้งๆ ที่ตัวสั่นจนควบคุมร่างกายไม่ได้ดั่งใจ จนแล้วจนรอดผมก็ลุกขึ้นมาได้ แต่เพียงผมหันไปประจันหน้ากับประตูทางออก ผมก็เห็นวิญญาณผู้หญิงผมยาว ที่ในตอนนี้มีแต่เลือดเปรอะเปื้อนชุดสีสดใสของเธอเต็มไปหมด เธอก้มหน้าจนผมยาวๆ บดบังใบหน้า ผมเบิกตาโพลงและไม่กล้าจะขยับไปไหนอีก เพราะเธอยืนขวางประตูผมอยู่!
            “...ออกไป เทียนหอม ออกไป...”
            เสียงเย็นๆ ทำเอาผมรู้สึกเหมือนมีใครเอาน้ำแข็งมาลูบหลังและใบหูเบาๆ เธอค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมา ก่อนที่ผมจะค้นพบว่าเธอไม่มีลูกตาเลย!
            เลือดสีแดงข้นๆ ไหลออกมาจากเบ้าตาที่กลวงโบ๋ ยิ่งเธอเดินเข้ามาใกล้ๆ ก็ยิ่งทำให้ผมกลัวสุดขีด จนกระทั่งผมกำลังจะแหกปากร้อง จู่ๆ วิญญาณที่ผมเห็นก็พุ่งตัวเข้ามาหาผมด้วยความเร็วที่ผมหลบหลีกไม่ทัน เธอเอามือที่มีกลิ่นเหม็นเน่ามาปิดจมูกและปากผม ผมส่งเสียงอู้อี้อย่างหวาดกลัวแล้วหลับตาปี๋
            “อื้ออออออออ!!!
            “เทียนหอม! ใจเย็นๆ หยุดหายใจแล้วนายจะไม่เห็น!”
            น้ำเสียงคุ้นๆ ดังมาจากหน้าผม มันควรจะเป็นวิญญาณสาวสยองอะไรนั่นไม่ใช่เหรอ แต่เสียงนี้มัน...เป็นเสียงน้ำอบนี่นา!
            ผมกลั้นหายใจอย่างที่เธอบอกแล้วลืมตาขึ้นมา ก็พบว่าน้ำอบจริงๆ ที่เอามือมาปิดปากปิดจมูกผมเอาไว้ เธอส่งยิ้มบางๆ มาให้แล้วบอกผมว่า...
            “คราวนี้นายเอานี่ปิดจมูกนายซะ เดี๋ยวฉันมา” เธอยื่นผ้าเช็ดหน้ามาปิดจมูกผมแทน ผมจับมาปิดจมูกตนเอง น้ำอบเดินไปยังหน้าประตูตรงกระถางต้นไม้ ก่อนที่หล่อนจะทำหน้าบึ้งเหมือนเซ็งๆ ใส่แล้วยกผอบเล็กๆ ออกมา แล้วทำการปิดผอบด้วยฝาของมัน ก่อนที่น้ำอบจะยิ้มให้ผม
            “เรียบร้อยแล้ว เชิญเอาผ้าเช็ดหน้าออกได้เลย ^^”
            ผมทำตามคำพูดของเธออย่างเก้ๆ กังๆ ก่อนที่จะพบว่าภาพที่ผมเห็นก่อนหน้านี้มันไม่มีอีกแล้ว ผมถามเธอเสียงแผ่วแล้วทรุดลงไปนั่งกองกับพื้นอย่างหมดมาด
            “นะ..นั่นมันอะไรน่ะ?”
            “อ๋อ เนี่ยน่ะเหรอ? ...กำยาน...‘ยาหลอนประสาท’ น่ะสิ” น้ำอบหัวเราะเฝื่อนๆ ในขณะที่ผมกลับหันไปมองรอบๆ ห้องโถง ก็เห็นว่ารองผอ.กลับมองหน้าผมแบบอมยิ้มที่โซฟากลางห้องโถงนั่นเอง และข้างๆ กันนั้นก็เห็นผอ.ทำหน้าบูดบึ้งไม่ชอบใจอยู่ใกล้ๆ ด้วย
            “เฮอะ! เอามันออกไปไกลๆ หน้าพ่อเดี๋ยวนี้นะน้ำอบ!!!”
            “พ่อคะ ถึงตอนนี้พ่อก็ควรจะบอกเทียนหอมได้แล้วว่าสนัฟฟ์ฟิล์มที่พ่อว่านั่นคืออะไร”
            น้ำอบทำหน้าเนือยๆ ใส่ แต่ผอ.กลับเบิกตาโพลงแล้วถามเสียงแผ่ว
            “...นี่ลูก..แอบฟังพ่อพูดกับไอ้หมอนั่นอย่างงั้นเหรอ?”
            “ถ้าหนูไม่แอบฟัง หนูก็ไม่ได้ยินอะไรดีๆ สิคะ” น้ำอบยิ้มเย็น โฮ้ยยยยย สมกับเป็นพ่อลูกกันจริงๆ เลย -O-; แต่ว่าถ้าเธอช่วยพูด ผมอาจจะได้ฟังก็ได้นะ ไอ้ ‘สนัฟฟ์ฟิลม์’ ที่ว่าเนี่ย


    ::: ~~~ To be continues ~~~ :::
    -------------------------------------------------------------------

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×