ลำดับตอนที่ #57
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #57 : :>>: บทที่ 54 :
ความเดิมตอนที่แล้ว >>>
“พลาดซะแล้วสิยัยน้ำอบ ฮะๆๆ ...พลาดไปแล้วจริงๆ”
น้ำตาฉันไหลออกมา ฉันเอามือปิดหน้าพร้อมกับร้องไห้ออกมาให้สาแก่ใจ เพื่อที่จะได้ไม่ให้ใครได้ยิน หรือเห็นหยาดน้ำตาของฉัน ...หวังว่าให้มันเป็นอย่างนั้น
< :: WRITER :: >
หลังจากที่น้ำอบตัดสินใจหยุดร้องไห้ และทำขนมเค้กต่อไปอย่างไม่ดูเวลา จนกระทั่งขนมเค้กวานิลลาขนาด 2 ปอนด์กำลังเข้าเตาอบ หล่อนจึงได้มีเวลาเงยหน้ามองนาฬิกาที่ตั้งอยู่บนผนังเสียที
“อ๊ะ... ตายล่ะ! นี่มันจวนจะ 3 ทุ่มครึ่งแล้วนี่นา! ทำไมพ่อกับแม่ไม่เข้ามาทำอาหารเย็นกินกันล่ะเนี่ย เฮ้อ...”
น้ำอบถอนหายใจพร้อมกับทรุดตัวนั่งลงกับเก้าอี้พลาสติกที่ตั้งประจำอยู่ใน ห้องครัว เธอรู้ดีว่าเธอล็อคประตูห้องครัว แต่ถ้าพ่อกับแม่จะเข้ามาในห้องครัวจริงๆ แค่เคาะประตูก็รู้เรื่องแล้วนี่นา
หรือว่าพ่อกับแม่ของหล่อนจะไปทานอาหารที่อื่นกันนะ?
เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่เรียกหล่อนให้มากินข้าวด้วย อาจจะเป็นเพราะเรื่องอื่นหรือเปล่านะ?
ในขณะที่สาวน้อยกำลังครุ่นคิด เสียงเตาอบดัง ‘ปิ๊ง’ บอกสัญญาณว่าครบกำหนดเวลาแล้ว น้ำอบลุกขึ้นจากเก้าอี้พร้อมกับคว้าเอาถุงมือกันร้อนมาสวม ก่อนที่หล่อนจะเดินไปเปิดเตาอบและเอาก้อนเค้กที่ปราศจากการตกแต่งออกมาวาง ไว้บนโต๊ะ มีเพียงแต่สีน้ำตาลอ่อนๆ เป็นเนื้อเค้กเพียวๆ ที่มีกลิ่นหอมของนมและเนยโชยออกมาเท่านั้น
“เอาล่ะ ต่อไปก็...ตกแต่งหน้าเค้กสินะ”
เธอจัดแจงเอาครีมสีขาว ลูกเชอรี่ ป๊อกกี้รสช็อคโกแลต เม็ดน้ำตาลสีสดใส และตุ๊กตาน้ำตาลมาเพื่อตกแต่งหน้าเค้กให้สวยงาม และจัดแจงวางขนมหวานชิ้นนู้น เชอรี่ชิ้นนี้อย่างบรรจง เธอคิดว่าสิ่งต่อไปนี้...เธอคงจะต้องทำ เพื่ออย่างน้อยเธอจะได้ยุติเรื่องบ้าๆ นี้ซักที
...อย่างน้อยเธอก็เป็นคนที่พอจะซื่อสัตย์กับหัวใจตัวเองบ้างล่ะน่า...
น้ำอบจัดการแบ่งเค้กออกเป็นสามส่วนให้เท่าๆ กัน เธอเอากล่องขนาดพอดีกับชิ้นเค้กมาบรรจุเอาไว้ ก่อนที่จะเอากระดาษมาแปะเอาเพื่อเตือนความจำว่าส่วนไหนเป็นของๆ ใคร
“อันนี้...ของเซซ่า” เธอเอาปากกามาเขียนหยุกหยิกเป็นชื่อของคนที่ต้องการจะมอบให้ เธอเขียนชื่อของพี่พริกหวานเป็นรายต่อมา ก่อนที่เค้กก้อนสุดท้าย...น้ำอบจะถอนหายใจเฮือกใหญ่พร้อมกับจรดปากกาลงกับ โน้ตกระดาษแต่โดยดี
‘...เทียนหอม...’
น้ำอบจัดการวางกล่องเค้กซ้อนกันไว้บนตู้เย็น ก่อนที่เธอจะเก็บข้าวของที่นำมาทำเค้กกลับเข้าที่ สาวน้อยนึกขึ้นได้ว่าตัวเองยังไม่ได้กินข้าวเย็น เธอจึงปลดล็อคประตูห้องครัว ก่อนที่จะเปิดออกมาด้วยสีหน้าที่เป็นกังวลเล็กๆ
พ่อกับแม่หายไปไหน เมื่อตอนเข้าบ้านก็ยังเห็นอยู่เลยนี่?
สาวน้อยตัดสินใจไม่กินข้าวเย็น เธอหันหลังกลับไปยังห้องครัวอีกครั้ง แล้วคว้าเอาสับปะรดที่หั่นเอาไว้มากินแทนข้าวเย็น
น่าแปลก...ออกไปไหนกันดึกๆ ดื่นๆ แบบนี้นะ?
น้ำอบได้แต่คิดแปลกใจ ก่อนที่หล่อนจะเอาหนังสือที่ยืมมาจากห้องสมุดและกระเป๋าสะพายของตัวเองขึ้น บ้านไป โดยที่เธอไม่ลืมว่าเธอจะต้องทำการ์ดอวยพรวันคล้ายวันเกิดให้คนสำคัญทั้งสอง คนด้วย ...และคนที่ดูเหมือนจะ ‘พิเศษ’ อีกหนึ่งคน
“...อย่างน้อยฉันก็งอนเองหายเองได้เหมือนกันนะตาบื้อ”
สาวน้อยบ่นอุบอิบแต่ก็ไม่ลืมที่จะโมโหเล็กน้อยเมื่อเอ่ยถึงเทียนหอมไปด้วย
“...พรุ่งนี้แล้วสินะ?...”
เสียงแหบพร่าเอ่ยขึ้นมาทันทีที่เขาจัดเตรียมอุปกรณ์บางอย่างเสร็จ ในกระเป๋าสะพายบ่าที่สามารถบรรจุอะไรต่อมิอะไรที่เขาต้องการได้...ยกเว้น หนังสือเรียน
“ใจจริงก็ไม่อยากจะทำแบบนี้หรอกนะ แต่เพื่อ ‘เธอคนนั้น’ ...ฉันยอมฆ่าเขาเพิ่มเพื่อเป็นของขวัญแด่ตัวเธอ”
เขาเดินไปหยิบรูปที่ปักหมุดอยู่บนผนัง ก่อนที่จะจูบรูปภาพดังกล่าวแล้วยิ้มเย็นออกมา
...ก่อนที่แสงวาววับจะเล็ดลอดออกมาจากกระเป๋าสะพายเป้ที่ยังไม่ได้รูดซิปปิดแต่อย่างใด...
เฮือก!!!
เทียนหอมเบิกตาโพลงด้วยสภาพที่เหงื่อไหลท่วมตัว เขากำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนที่นอนของตัวเอง ก่อนที่เทียนหอมจะหอบแฮ่กราวตกใจอะไรบางอย่างและเหนื่อยหอบสุดกำลัง
เขาเห็นภาพคนที่กำลังจ้องจะทำร้ายน้ำอบ!
ใครกัน?...ไม่เห็นหน้าเลย เห็นหน้าไม่ชัด? ทำไมถึงเป็นแบบนั้นล่ะ?
และทำไมเสียงมันถึงฟังดูเพี้ยนๆ แบบนี้ล่ะ?
ในขณะที่เทียนหอมกำลังทำใจให้เย็นลงอีกหน่อย หางตาเขาก็เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างอยู่ตรงกระจกใบใหญ่ข้างๆ ตู้เสื้อผ้า ชายหนุ่มหันไปเพ่งเล็งอยู่นานในค่ำคืนเดือนหงาย น่าเสียดายที่ไม่มีแม้แต่เงาของดวงจันทร์ให้ช่วยมองเห็น...
พรึ่บๆ..!!
จู่ๆ ไฟในห้องนอนของเขาก็สว่างโร่ขึ้นมา เทียนหอมหรี่ตาลงทันที แต่ยังไม่ทันที่ดวงตาจะปรับสภาพดี ไฟก็ดับลงไป แล้วก็สว่างโร่ขึ้นมาอีก ...ติดๆ ดับๆ อยู่อย่างนี้จนเทียนหอมใจเริ่มสั่นไหว
...เอาแล้วไง นั่งสมาธิไม่เท่าไหร่ก็เจอดีอีกแล้วเหรอเนี่ย...
แกร๊ก... แกร๊ก...
เสียงกรีดกระจกแสบแก้วหูเหมือนของมีคมกำลังครูดอยู่ ทำให้เทียนหอมต้องนั่งหลับตาและทำสมาธิต่อไป ...เพราะอย่างนี้ไงเขาถึงไม่ชอบใจเวลาจะสืบเสาะอะไรแล้วต้องนั่งสมาธิแบบนี้ นั่นเพราะสิ่งที่เทียนหอมได้กลับมาคือวิญญาณชอบตามมาขอส่วนบุญ ดีไม่ดีก็ชอบโผล่มาหลอกให้ตกใจเล่นๆ จนเทียนหอมจับไข้ไป 3 วันก็ยังมี เนื่องจากดวงจิตของชายหนุ่มยังค่อนข้างอ่อนแอ (ถึงแม้ว่าตัวเขาเองจะมีสัมผัสที่ 6 และเห็นผีอยู่บ่อยๆ ก็เถอะ)
...โอ๊ยยยยยย ยัยอบเชยบ้า! เพราะเธอหรอกนะฉันถึงได้ยอมจับไข้หัวโกร๋นอีกรอบน่ะ!...
เทียนหอมบ่นในใจ พร้อมกับเสียงโครมครามราวกับมีใครอาละวาดอยู่ในห้องนอนของเขาก็ไม่ปาน
ว่าแต่ว่า...ทำไมครั้งนี้เขาจับสัมผัสคนร้ายไม่ได้เลยล่ะ?
- วันต่อมา -
“ไม่อยากจะเชื่อเลย! นี่ฉันบ้าไปแล้วใช่ไหม หา? ยัยน้ำอบ นี่เธอสติสตังยังครบอยู่ใช่ไหม? ทำไมถึงทำได้บ้าบิ่นและน่าอับอายอย่างนี้!? โอ๊ยยยยย”
สาวน้อยบ่นอุบอิบหลังจากที่เธอคิดแล้วคิดอีกอยู่นานกับในห้องนอนของตัวเอง ในมือถือกล่องเค้กที่ใส่การ์ดสีสดใสซึ่งเป็นการ์ดเพียงชิ้นเดียว ที่ดูเหมือนว่าน้ำอบจะใส่ความในใจเอาไว้เป็นพิเศษ
“แต่ก็เอาเถอะ ทำไปแล้วนี่นา ไม่เห็นจะเป็นอะไรซักหน่อย ...เฮ้อออออ!”
น้ำอบหยุดเดินวนเป็นหนูปั่นจัก เธอทรุดลงกับขอบเตียงนอนพร้อมกับก้มมองดูของในมือ ซึ่งอีก 2 กล่องที่เหลืออยู่ตรงโต๊ะวางของใกล้ๆ กับกระเป๋านักเรียน
...วันนี้สาวน้อยตั้งใจจะบอกความในใจให้เทียนหอมได้รับรู้...
“อ้ากกกกกก แกบ้าไปแล้วยัยน้ำอบ!!!”
เธอตวาดใส่ตัวเองเสียงดังลั่น ใบหน้าเต็มไปด้วยสีแดงอมชมพู ดูก็รู้ว่ากำลังเขินอายอย่างสุดกำลัง แต่จะทำยังไงได้ล่ะ เธอตัดสินใจขั้นเด็ดขาดแล้วนี่
เอาวะ เป็นไงเป็นกัน!
“อรุณสวัสดิ์เทียนหอม”
เสียงเซซ่ามาทักแต่เช้าตรู่ เธอแตะที่บ่าของเทียนหอมซึ่งกำลังเอากระเป๋าวางบนเก้าอี้เบาๆ เทียนหอมรู้สึกถึงแรงสะกิด เขาหันขวับมามองหน้าเซซ่าแต่โดยดี
“กรี๊ดดดดดดด ผีหลอกกกกก =[ ]=!!!”
“จะบ้าเรอะ!? ฉันนอนดึกตั้งหากเล่า!”
ทันทีที่ชายหนุ่มหันไป สาวสวยถึงกับกรีดร้องเสียงดังด้วยความตกอกตกใจ โชคดีที่ในห้องเรียนคนยังมาไม่เยอะ เลยทำให้เซซ่าไม่ได้โดนเขม่นอะไรมากมายในช่วงเช้าของวันนี้
ก็ดูเทียนหอมสิ!...ขอบตาคล้ำชะมัดยาด หน้าของเขาขาวซีดราวกับศพ ตาแดงก่ำอีกตั้งหาก นี่มันซอมบี้เดินได้ชัดๆ ขาดแค่หิวสมองก็เท่านั้นเอง...จริงๆ นะ
“ไปทำอะไรมายะ หัดนอนดึกรึไง”
เซซ่าถอนหายใจเฮือกใหญ่ เทียนหอมส่ายหน้าเบาๆ ก่อนที่เขาจะถามคำถามบางอย่างออกมา
“เซซ่า ...วันนี้วันคล้ายวันเกิดเธอเหรอ?”
“เอ๊ะ!? ใครบอก??! O_O!!!”
“แล้วมันใช่รึเปล่าล่ะ?” ชายหนุ่มเลิกคิ้วถาม สาวสวยขมวดคิ้วพันกัน ก่อนที่จะพยักหน้าหงึกๆ
“ช่ายยยย แล้วไงล่ะ ไปรู้มาจากใคร หรือว่าจะเป็นน้ำอบ?”
“แล้วเธอรู้รึเปล่าว่าวันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดของพริกหวานด้วย”
“จริงเหรอ!? ...พี่เขาเกิดวันเดียวกับฉันหรอกเหรอเนี่ย” เซซ่าพูดด้วยสีหน้าที่ตกใจ ก่อนที่จะพูดพึมพำในประโยคท้าย เทียนหอมเดาได้ทันทีว่าเซซ่าจะต้องไม่รู้แน่
...หรือว่า!!?
ทันใดนั้นเทียนหอมก็หน้าซีด เขารีบสาวเท้าไปที่ห้องเรียนของน้ำอบ ก่อนที่จะพบว่าเช้านี้น้ำอบยังมาไม่ถึงโรงเรียน ...หรือว่าวันนี้เธอจะมาสาย?
เทียนหอมได้แต่ครุ่นคิดด้วยความไม่สบายใจ เขาเหลือบมองนาฬิกาข้อมือของตัวเอง ก็พบว่าเขาคงจะมาเช้าไป เนื่องจากตอนนี้เป็นเวลา 7 โมง 15 นาทีเท่านั้นเอง
แต่ว่า...ข้อความบนกระจกนั่นมันคืออะไรกันแน่?...
ชายหนุ่มได้แต่ยืนงุนงงอยู่อย่างนั้น ก่อนที่จะพบว่าพริกหวานกำลังเดินทางมาหาเขาพอดิบพอดี
“เทียนหอม...” เขาหันไปตามเสียงเรียก พริกหวานสอดส่องสายตาเข้าไปในห้องเรียนของน้ำอบพร้อมกับหันหน้ามาทางเขาอย่างสงสัย
“น้ำอบยังไม่มาโรงเรียนอีกเหรอ?”
“พลาดซะแล้วสิยัยน้ำอบ ฮะๆๆ ...พลาดไปแล้วจริงๆ”
น้ำตาฉันไหลออกมา ฉันเอามือปิดหน้าพร้อมกับร้องไห้ออกมาให้สาแก่ใจ เพื่อที่จะได้ไม่ให้ใครได้ยิน หรือเห็นหยาดน้ำตาของฉัน ...หวังว่าให้มันเป็นอย่างนั้น
-------------------------------------------------------------------
:>>: บทที่ 54 :<<:
คำถามกับคำตอบ
< :: WRITER :: >
หลังจากที่น้ำอบตัดสินใจหยุดร้องไห้ และทำขนมเค้กต่อไปอย่างไม่ดูเวลา จนกระทั่งขนมเค้กวานิลลาขนาด 2 ปอนด์กำลังเข้าเตาอบ หล่อนจึงได้มีเวลาเงยหน้ามองนาฬิกาที่ตั้งอยู่บนผนังเสียที
“อ๊ะ... ตายล่ะ! นี่มันจวนจะ 3 ทุ่มครึ่งแล้วนี่นา! ทำไมพ่อกับแม่ไม่เข้ามาทำอาหารเย็นกินกันล่ะเนี่ย เฮ้อ...”
น้ำอบถอนหายใจพร้อมกับทรุดตัวนั่งลงกับเก้าอี้พลาสติกที่ตั้งประจำอยู่ใน ห้องครัว เธอรู้ดีว่าเธอล็อคประตูห้องครัว แต่ถ้าพ่อกับแม่จะเข้ามาในห้องครัวจริงๆ แค่เคาะประตูก็รู้เรื่องแล้วนี่นา
หรือว่าพ่อกับแม่ของหล่อนจะไปทานอาหารที่อื่นกันนะ?
เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่เรียกหล่อนให้มากินข้าวด้วย อาจจะเป็นเพราะเรื่องอื่นหรือเปล่านะ?
ในขณะที่สาวน้อยกำลังครุ่นคิด เสียงเตาอบดัง ‘ปิ๊ง’ บอกสัญญาณว่าครบกำหนดเวลาแล้ว น้ำอบลุกขึ้นจากเก้าอี้พร้อมกับคว้าเอาถุงมือกันร้อนมาสวม ก่อนที่หล่อนจะเดินไปเปิดเตาอบและเอาก้อนเค้กที่ปราศจากการตกแต่งออกมาวาง ไว้บนโต๊ะ มีเพียงแต่สีน้ำตาลอ่อนๆ เป็นเนื้อเค้กเพียวๆ ที่มีกลิ่นหอมของนมและเนยโชยออกมาเท่านั้น
“เอาล่ะ ต่อไปก็...ตกแต่งหน้าเค้กสินะ”
เธอจัดแจงเอาครีมสีขาว ลูกเชอรี่ ป๊อกกี้รสช็อคโกแลต เม็ดน้ำตาลสีสดใส และตุ๊กตาน้ำตาลมาเพื่อตกแต่งหน้าเค้กให้สวยงาม และจัดแจงวางขนมหวานชิ้นนู้น เชอรี่ชิ้นนี้อย่างบรรจง เธอคิดว่าสิ่งต่อไปนี้...เธอคงจะต้องทำ เพื่ออย่างน้อยเธอจะได้ยุติเรื่องบ้าๆ นี้ซักที
...อย่างน้อยเธอก็เป็นคนที่พอจะซื่อสัตย์กับหัวใจตัวเองบ้างล่ะน่า...
น้ำอบจัดการแบ่งเค้กออกเป็นสามส่วนให้เท่าๆ กัน เธอเอากล่องขนาดพอดีกับชิ้นเค้กมาบรรจุเอาไว้ ก่อนที่จะเอากระดาษมาแปะเอาเพื่อเตือนความจำว่าส่วนไหนเป็นของๆ ใคร
“อันนี้...ของเซซ่า” เธอเอาปากกามาเขียนหยุกหยิกเป็นชื่อของคนที่ต้องการจะมอบให้ เธอเขียนชื่อของพี่พริกหวานเป็นรายต่อมา ก่อนที่เค้กก้อนสุดท้าย...น้ำอบจะถอนหายใจเฮือกใหญ่พร้อมกับจรดปากกาลงกับ โน้ตกระดาษแต่โดยดี
‘...เทียนหอม...’
น้ำอบจัดการวางกล่องเค้กซ้อนกันไว้บนตู้เย็น ก่อนที่เธอจะเก็บข้าวของที่นำมาทำเค้กกลับเข้าที่ สาวน้อยนึกขึ้นได้ว่าตัวเองยังไม่ได้กินข้าวเย็น เธอจึงปลดล็อคประตูห้องครัว ก่อนที่จะเปิดออกมาด้วยสีหน้าที่เป็นกังวลเล็กๆ
พ่อกับแม่หายไปไหน เมื่อตอนเข้าบ้านก็ยังเห็นอยู่เลยนี่?
สาวน้อยตัดสินใจไม่กินข้าวเย็น เธอหันหลังกลับไปยังห้องครัวอีกครั้ง แล้วคว้าเอาสับปะรดที่หั่นเอาไว้มากินแทนข้าวเย็น
น่าแปลก...ออกไปไหนกันดึกๆ ดื่นๆ แบบนี้นะ?
น้ำอบได้แต่คิดแปลกใจ ก่อนที่หล่อนจะเอาหนังสือที่ยืมมาจากห้องสมุดและกระเป๋าสะพายของตัวเองขึ้น บ้านไป โดยที่เธอไม่ลืมว่าเธอจะต้องทำการ์ดอวยพรวันคล้ายวันเกิดให้คนสำคัญทั้งสอง คนด้วย ...และคนที่ดูเหมือนจะ ‘พิเศษ’ อีกหนึ่งคน
“...อย่างน้อยฉันก็งอนเองหายเองได้เหมือนกันนะตาบื้อ”
สาวน้อยบ่นอุบอิบแต่ก็ไม่ลืมที่จะโมโหเล็กน้อยเมื่อเอ่ยถึงเทียนหอมไปด้วย
“...พรุ่งนี้แล้วสินะ?...”
เสียงแหบพร่าเอ่ยขึ้นมาทันทีที่เขาจัดเตรียมอุปกรณ์บางอย่างเสร็จ ในกระเป๋าสะพายบ่าที่สามารถบรรจุอะไรต่อมิอะไรที่เขาต้องการได้...ยกเว้น หนังสือเรียน
“ใจจริงก็ไม่อยากจะทำแบบนี้หรอกนะ แต่เพื่อ ‘เธอคนนั้น’ ...ฉันยอมฆ่าเขาเพิ่มเพื่อเป็นของขวัญแด่ตัวเธอ”
เขาเดินไปหยิบรูปที่ปักหมุดอยู่บนผนัง ก่อนที่จะจูบรูปภาพดังกล่าวแล้วยิ้มเย็นออกมา
...ก่อนที่แสงวาววับจะเล็ดลอดออกมาจากกระเป๋าสะพายเป้ที่ยังไม่ได้รูดซิปปิดแต่อย่างใด...
เฮือก!!!
เทียนหอมเบิกตาโพลงด้วยสภาพที่เหงื่อไหลท่วมตัว เขากำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนที่นอนของตัวเอง ก่อนที่เทียนหอมจะหอบแฮ่กราวตกใจอะไรบางอย่างและเหนื่อยหอบสุดกำลัง
เขาเห็นภาพคนที่กำลังจ้องจะทำร้ายน้ำอบ!
ใครกัน?...ไม่เห็นหน้าเลย เห็นหน้าไม่ชัด? ทำไมถึงเป็นแบบนั้นล่ะ?
และทำไมเสียงมันถึงฟังดูเพี้ยนๆ แบบนี้ล่ะ?
ในขณะที่เทียนหอมกำลังทำใจให้เย็นลงอีกหน่อย หางตาเขาก็เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างอยู่ตรงกระจกใบใหญ่ข้างๆ ตู้เสื้อผ้า ชายหนุ่มหันไปเพ่งเล็งอยู่นานในค่ำคืนเดือนหงาย น่าเสียดายที่ไม่มีแม้แต่เงาของดวงจันทร์ให้ช่วยมองเห็น...
พรึ่บๆ..!!
จู่ๆ ไฟในห้องนอนของเขาก็สว่างโร่ขึ้นมา เทียนหอมหรี่ตาลงทันที แต่ยังไม่ทันที่ดวงตาจะปรับสภาพดี ไฟก็ดับลงไป แล้วก็สว่างโร่ขึ้นมาอีก ...ติดๆ ดับๆ อยู่อย่างนี้จนเทียนหอมใจเริ่มสั่นไหว
...เอาแล้วไง นั่งสมาธิไม่เท่าไหร่ก็เจอดีอีกแล้วเหรอเนี่ย...
แกร๊ก... แกร๊ก...
เสียงกรีดกระจกแสบแก้วหูเหมือนของมีคมกำลังครูดอยู่ ทำให้เทียนหอมต้องนั่งหลับตาและทำสมาธิต่อไป ...เพราะอย่างนี้ไงเขาถึงไม่ชอบใจเวลาจะสืบเสาะอะไรแล้วต้องนั่งสมาธิแบบนี้ นั่นเพราะสิ่งที่เทียนหอมได้กลับมาคือวิญญาณชอบตามมาขอส่วนบุญ ดีไม่ดีก็ชอบโผล่มาหลอกให้ตกใจเล่นๆ จนเทียนหอมจับไข้ไป 3 วันก็ยังมี เนื่องจากดวงจิตของชายหนุ่มยังค่อนข้างอ่อนแอ (ถึงแม้ว่าตัวเขาเองจะมีสัมผัสที่ 6 และเห็นผีอยู่บ่อยๆ ก็เถอะ)
...โอ๊ยยยยยย ยัยอบเชยบ้า! เพราะเธอหรอกนะฉันถึงได้ยอมจับไข้หัวโกร๋นอีกรอบน่ะ!...
เทียนหอมบ่นในใจ พร้อมกับเสียงโครมครามราวกับมีใครอาละวาดอยู่ในห้องนอนของเขาก็ไม่ปาน
ว่าแต่ว่า...ทำไมครั้งนี้เขาจับสัมผัสคนร้ายไม่ได้เลยล่ะ?
- วันต่อมา -
“ไม่อยากจะเชื่อเลย! นี่ฉันบ้าไปแล้วใช่ไหม หา? ยัยน้ำอบ นี่เธอสติสตังยังครบอยู่ใช่ไหม? ทำไมถึงทำได้บ้าบิ่นและน่าอับอายอย่างนี้!? โอ๊ยยยยย”
สาวน้อยบ่นอุบอิบหลังจากที่เธอคิดแล้วคิดอีกอยู่นานกับในห้องนอนของตัวเอง ในมือถือกล่องเค้กที่ใส่การ์ดสีสดใสซึ่งเป็นการ์ดเพียงชิ้นเดียว ที่ดูเหมือนว่าน้ำอบจะใส่ความในใจเอาไว้เป็นพิเศษ
“แต่ก็เอาเถอะ ทำไปแล้วนี่นา ไม่เห็นจะเป็นอะไรซักหน่อย ...เฮ้อออออ!”
น้ำอบหยุดเดินวนเป็นหนูปั่นจัก เธอทรุดลงกับขอบเตียงนอนพร้อมกับก้มมองดูของในมือ ซึ่งอีก 2 กล่องที่เหลืออยู่ตรงโต๊ะวางของใกล้ๆ กับกระเป๋านักเรียน
...วันนี้สาวน้อยตั้งใจจะบอกความในใจให้เทียนหอมได้รับรู้...
“อ้ากกกกกก แกบ้าไปแล้วยัยน้ำอบ!!!”
เธอตวาดใส่ตัวเองเสียงดังลั่น ใบหน้าเต็มไปด้วยสีแดงอมชมพู ดูก็รู้ว่ากำลังเขินอายอย่างสุดกำลัง แต่จะทำยังไงได้ล่ะ เธอตัดสินใจขั้นเด็ดขาดแล้วนี่
เอาวะ เป็นไงเป็นกัน!
“อรุณสวัสดิ์เทียนหอม”
เสียงเซซ่ามาทักแต่เช้าตรู่ เธอแตะที่บ่าของเทียนหอมซึ่งกำลังเอากระเป๋าวางบนเก้าอี้เบาๆ เทียนหอมรู้สึกถึงแรงสะกิด เขาหันขวับมามองหน้าเซซ่าแต่โดยดี
“กรี๊ดดดดดดด ผีหลอกกกกก =[ ]=!!!”
“จะบ้าเรอะ!? ฉันนอนดึกตั้งหากเล่า!”
ทันทีที่ชายหนุ่มหันไป สาวสวยถึงกับกรีดร้องเสียงดังด้วยความตกอกตกใจ โชคดีที่ในห้องเรียนคนยังมาไม่เยอะ เลยทำให้เซซ่าไม่ได้โดนเขม่นอะไรมากมายในช่วงเช้าของวันนี้
ก็ดูเทียนหอมสิ!...ขอบตาคล้ำชะมัดยาด หน้าของเขาขาวซีดราวกับศพ ตาแดงก่ำอีกตั้งหาก นี่มันซอมบี้เดินได้ชัดๆ ขาดแค่หิวสมองก็เท่านั้นเอง...จริงๆ นะ
“ไปทำอะไรมายะ หัดนอนดึกรึไง”
เซซ่าถอนหายใจเฮือกใหญ่ เทียนหอมส่ายหน้าเบาๆ ก่อนที่เขาจะถามคำถามบางอย่างออกมา
“เซซ่า ...วันนี้วันคล้ายวันเกิดเธอเหรอ?”
“เอ๊ะ!? ใครบอก??! O_O!!!”
“แล้วมันใช่รึเปล่าล่ะ?” ชายหนุ่มเลิกคิ้วถาม สาวสวยขมวดคิ้วพันกัน ก่อนที่จะพยักหน้าหงึกๆ
“ช่ายยยย แล้วไงล่ะ ไปรู้มาจากใคร หรือว่าจะเป็นน้ำอบ?”
“แล้วเธอรู้รึเปล่าว่าวันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดของพริกหวานด้วย”
“จริงเหรอ!? ...พี่เขาเกิดวันเดียวกับฉันหรอกเหรอเนี่ย” เซซ่าพูดด้วยสีหน้าที่ตกใจ ก่อนที่จะพูดพึมพำในประโยคท้าย เทียนหอมเดาได้ทันทีว่าเซซ่าจะต้องไม่รู้แน่
...หรือว่า!!?
ทันใดนั้นเทียนหอมก็หน้าซีด เขารีบสาวเท้าไปที่ห้องเรียนของน้ำอบ ก่อนที่จะพบว่าเช้านี้น้ำอบยังมาไม่ถึงโรงเรียน ...หรือว่าวันนี้เธอจะมาสาย?
เทียนหอมได้แต่ครุ่นคิดด้วยความไม่สบายใจ เขาเหลือบมองนาฬิกาข้อมือของตัวเอง ก็พบว่าเขาคงจะมาเช้าไป เนื่องจากตอนนี้เป็นเวลา 7 โมง 15 นาทีเท่านั้นเอง
แต่ว่า...ข้อความบนกระจกนั่นมันคืออะไรกันแน่?...
ชายหนุ่มได้แต่ยืนงุนงงอยู่อย่างนั้น ก่อนที่จะพบว่าพริกหวานกำลังเดินทางมาหาเขาพอดิบพอดี
“เทียนหอม...” เขาหันไปตามเสียงเรียก พริกหวานสอดส่องสายตาเข้าไปในห้องเรียนของน้ำอบพร้อมกับหันหน้ามาทางเขาอย่างสงสัย
“น้ำอบยังไม่มาโรงเรียนอีกเหรอ?”
::: ~~~ To be continues ~~~ :::
-------------------------------------------------------------------
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น