ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [BJin] I’M JUST ANOTHER BOY。

    ลำดับตอนที่ #10 : I'M JUST ANOTHER BOY ; CHAPTER 9

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 124
      0
      30 พ.ค. 57






    CHAPTER 9

     


     

    “เธอก็รู้ว่าเธอรักฉัน ฉันรับรู้ได้ถึงความห่วงใย”



     

    เปลือกตาหนาเบิกขึ้นอย่างเชื่องช้า แสงอรุณแรกที่ส่องทะลวงเข้ามาในม่านตาทำให้เจ้าของดวงตาคมต้องกระพริบตาถี่ เพราะว่าหลับไปนานจึงทำให้แสบตาแบบนี้

    “ฮันบิน” เสียงเรียกจากน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใยที่แสนคุ้นเคยเสมือนดังมาจากที่ไกลแสนไกล

    “แม่” เป็นเพียงคำเดียวที่เขาเอ่ยออกมาจากปากได้ทั้งที่ตายังคงปิดแน่น สัมผัสที่อ่อนนุ่มจากฝ่ามืออุ่นของมารดาเร่งให้ร่างหนาบีบมือตอบ

    ก่อนที่แสงสว่างที่เขาสัมผัสได้จะจางลงและเลือนหายไปในที่สุด

    “หลับไปแล้วล่ะ” คนเป็นพ่อบอกคนรักให้รับรู้

    “จะเป็นอะไรมั้ยค่ะ” มารดายังคงไม่ปล่อยมือออกจากลูกชาย

    “ไม่เป็นไรหรอก คงเพราะฤทธิ์ยาเริ่มหมดแล้ว ทำให้ลูกเริ่มรู้สึกตัว แต่เขาคงจะหลับๆตื่นๆแบบนี้สักพักในช่วงแรก จนกว่ายาจะหมดฤทธิ์แบบสนิท เดี๋ยวเขาก็จะฟื้น”

    เหมือนว่าสิ่งที่ได้รับรู้นั้นจะไม่ค่อยช่วยให้สภาพจิตใจของผู้เป็นแม่ดีขึ้นเสียเท่าไหร่นัก หล่อนยังคงมีสีหน้าวิตกกังวลอยู่มากที่เดียว

     

    “จินฮวาน!!” ร่างบางสะดุ้งตื่นตกใจจนนำพาร่างเล็กของตนตกเตียงกลิ้งหลุนๆไปด้วย

    “โถ่! แม่! ทำไมต้องตะโกนด้วยเล่า” คนตัวเล็กบ่นอุบแล้วค่อยๆคลานลุกขึ้นจากพื้น

    “ก็เรียกดีๆแล้วไม่ยอมตื่นเอง นี่แม่เรียกไปเป็นล้านรอบแล้วมั้ง” มารดาโกรธฟึดฟัด

    “ครับๆ ขอโทษครับ แล้วแม่มีอะไรหรอ”

    “ยังมีหน้ามาถามอีก เมื่อคืนออกไปไหนค่ำมืดดึกดื่น”

    “แม่รู้?”

    “จินฮวาน แม่เลี้ยงแกมากับมือนะ มีหรือที่แม่จะไม่รู้ ตอบมาได้แล้ว ไปไหนมา”

    แม่จำรุ่นน้องที่มาบ้านเราเมื่อวันก่อนได้มั้ย”

    “ได้”

    “เขาถูกรถชน แล้วเขาตามหาญาติไม่ได้ ก็เลยโทรมาที่เบอร์ล่าสุดซึ่งก็คือเบอร์ผม ผมก็เลยไปช่วยเขาตามหาญาติ เท่านั้นเอง”

    “ดูพูดเข้า อย่างกับเขาเป็นผีไม่มีญาติ แล้วเป็นไงบ้าง ตามเจอมั้ย”

    “ก็เจอนะ ก็เพื่อนแม่นั่นแหละ ที่ชอบมาบ้านเราบ่อยๆ”

    “ห๊ะ!! ตายๆ ก็ว่าอยู่เหมือนกันตอนนั้นที่แนะนำตัว คิดว่าแค่ชื่อนามสกุลเหมือนกัน ไม่คิดว่าจะเป็นคนเดียวกัน แล้วฮันบินลูกชายแม่เป็นอะไรมากหรือเปล่า”

    “ลูกชายแม่!?”

    “ตอบสิ!” ว่าพางตีเข้าที่ตักเล็กเพื่อเร่ง

    “ไม่เป็นไรแล้ว เดี๋ยวก็ฟื้นวันนี้แหละ”

    “ค่อยโล่งอกไปหน่อย เดี๋ยวแม่ไปโทรถามฮันชอลก่อน สงสัยต้องไม่ยอมหลับยอมกินเอาแต่เฝ้าลูกชายแน่เลย ยัยคนนี้นี่! แล้วเรานี่ก็ไปอาบน้ำแต่งตัวได้แล้ว”

    “อาบทำไมแม่ วันนี้ผมมีเรียนเย็น”

    “ถ้าไม่มีเรียนแกก็จะไม่ยอมอาบน้ำเลยหรือไง! ไปส่งแม่ที่โรงพยาบาล แม่จะไปเยี่ยมฮันบิน แล้วก็จะไปอยู่เป็นเพื่อนฮันชอลด้วย”

    ว่าจบผู้เป็นมารดาก็รีบแจ้นออกไป จินฮวานมั่นใจว่าได้ยินเสียงแม่ของตนปลอบโยนเพื่อนในสายทั้งน้ำตา ก็ไม่รู้ว่าแม่จะร้องไห้ตามเขาไปทำไม ลูกตัวเองก็ไม่ใช่อ่อ! แต่เมื่อกี้แม่ก็เพิ่งเรียกเจ้าเด็กบ้านั่นว่าลูกชาย สงสัยเขาคงจะได้มีน้องชายเพิ่มมาอีกคนแล้ว

    แม่มักจะรักลูกคนอื่นอย่างออกนอกหน้า คิดๆไปก็นึกถึงดงฮยอกขึ้นมา ไม่รู้จะคิดไงนะที่แม่เห่อลูกคนใหม่ จะว่าไปช่วงนี้เขาก็ไม่ค่อยได้เจอดงฮยอกเลย

    ปกติแล้วถ้าไม่มาทานข้าวเย็นที่บ้านก็จะต้องมาช่วยแม่ทำอะไรสักอย่างในบ้าน แต่หมู่นี้รู้สึกว่าหายเงียบไป

    “เป็นอะไรหรือเปล่านะ”

    “จินฮวาน!!

    “อ่าๆ กำลังอาบน้ำอยู่ครับ!” ร่างเล็กสะดุ้งตื่นจากความคิดแล้วตะโกนกลับไปพร้อมคว้าผ้าเช็ดตัวเพื่อเร่งการอาบน้ำ แต่ยังไม่ทันที่ร่างบางจะได้ก้าวเข้าสู่ประตูห้องน้ำ ประตูห้องนอนก็ถูกเปิดผลัวะเข้ามาเสียก่อน พร้อมกับใบหน้ายิ้มหวานของผู้เป็นมารดาโผล่เข้ามาแจ้งข่าว

    “ไม่ใช่! แม่จะบอกว่า ดงฮยอกมาหาจ๊ะ” ว่าจบก็หันไปคุยกับโทรศัพท์อีกครั้ง ไม่ลืมที่จะหันมาทำปากบอกเขาว่า “เร็วๆ น้องรออยู่” ก่อนจะหายจากไป

    อย่างกับว่าเขามีเวทย์มนตร์ก็มิปาน พอคิดถึงปุ๊บ ก็มาหาปั๊บ จินฮวานตัดสินใจล้างหน้าแปรงฟันแค่ให้พอดูไม่โทรม จากนั้นก็ลงมาพบแขกที่นั่งอยู่ตรงโซฟา

    “ดงฮยอก” คนหน้าหวานเมื่อถูกเรียกชื่อก็หันไปมองตามเสียงเรียก

    “พี่จินฮวาน” รอยยิ้มหวานประทับอยู่บนใบหน้าของดงฮยอกคิดถึงเหลือเกิน

    “นายดูโทรมไปนะ” จินฮวานสังเกตว่าดงฮยอกเหมือนจะไม่ค่อยได้ดูแลตัวเอง ทั้งขอบตาที่ดำคล้ำ และหนวดเคลาที่เริ่มยาวเพราะเจ้าตัวไม่สนใจที่จะโกนมัน

    “ไม่รู้สิครับ อยากลองเปลี่ยนแนวดูบ้าง”

    “ฮ่าๆๆ แนวนี้ก็แปลกตาดี ว่าแต่นายมีเรื่องอะไรหรอ” จินฮวานถามพลางนั่งลงข้างอีกคน

    “ผมมีเรื่องอยากจะมาบอกพี่จินฮวาน”

    “ดูท่าจะเป็นเรื่องสำคัญมาก มีอะไรหรอว่ามาสิ”

    ดงฮยอกสบตาร่างบางนิ่ง สูดหายใจลึกพร้อมกับก้มหน้าหลบสายตาจินฮวานอีกครั้ง ก่อนจะรวบรวมความกล้าจ้องหน้าอีกคนตรงๆ ไม่มีหลบแล้ว

    “พี่จินฮวานกรุณาฟังสิ่งที่ผมจะพูดต่อไปนี้ให้จบด้วยนะครับ พี่อาจจะรู้สึกตกใจกับมัน แต่ผมก็อยากจะขอให้พี่ช่วยฟังมันให้จบ”

    “ได้เลย ว่ามาสิ”

    ดงฮยอกพักหายใจและเรียกความกล้าอีกครั้ง

    “พี่จินฮวานผมรักพี่ครับ ไม่ใช่ความรักแบบพี่น้อง แต่ผมรักพี่ รักมานานแล้วด้วย ตั้งแต่แรกๆที่ได้รู้จักกับจุนฮเวก็ว่าได้” ดงฮยอกไม่มีหลบสายตาจากคนตัวเล็กที่รับรู้เรื่องราวอย่างตกตะลึง

    “ดงฮยอกเอ่อ นาย

    “ผมอาจจะดูน่ารังเกียจที่ชอบเพศเดียวกัน แต่อยากให้พี่รู้ว่าผมไม่ได้จะเที่ยวไปหลงรักใครได้ง่ายๆ ไม่ใช่ผู้ชายหรือเกย์ทุกคน แต่แค่พี่แค่พี่เท่านั้น”

    จินฮวานเหมือนถูกค้อนทุบหัวจนตอนนี้เห็นแต่ดาวเต็มไปหมด

    “เดี๋ยวนะ นายจะบอกว่านายชอบพี่ จริงๆน่ะเหรอ”

    “ผมไม่มีเหตุผลที่จะต้องโกหก ตลอดเวลาผมทำได้แค่มองดูพี่จากด้านหลัง และก็เป็นผมที่คอยเฝ้ามองพี่อยู่ฝ่ายเดียว ผมไม่ได้อยากจะเรียกร้องอะไรจากพี่เพราะผมพอจะรู้ดีว่าการรู้สึกแบบนี้กับพี่มันไม่ถูกต้องตั้งแต่แรกอยู่แล้ว”

    “ดงฮยอก

    “ผมรู้ตัวดีว่าไม่มีสิทธิ์ขอให้พี่สนใจและรับรักผม แต่ว่าผมคิดดีแล้วครับ ถ้าผมไม่บอกพี่ให้รู้ ผมก็ไม่รู้ว่าจะส่องกระจกมองตัวเองอย่างภาพภูมิใจได้อย่างไร ทุกๆวันผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนขี้ขลาด ไม่กล้าเผชิญหน้ากับความจริง”

    จินฮวานนิ่งอึ้งและหลบสายตาจากอีกคน ไม่ใช่ว่าไม่เชื่อในสิ่งที่อีกฝ่ายพูด แววตาที่สื่อความรู้สึกทุกอย่างออกมานั้นมันบอกเล่าเรื่องราวได้หมดก่อนที่อีกฝ่ายจะทันเล่าจบด้วยซ้ำไป

    ต้องยอมรับว่าจินฮวานไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนเลยจนเจ้าตัวมาสารภาพ แต่จะให้ทำอย่างไรได้ เขาคิดกับดงฮยอกเหมือนน้องชายที่น่ารักคนหนึ่งเท่านั้น เพราะว่าเชื่อในคำพูดที่พรั่งพรูนั้นต่างหากถึงทำให้คนตัวเล็กรู้สึกผิดต่อความรักที่อีกฝ่ายมอบให้

    “ขอโทษนะครับที่ทำให้พี่ต้องลำบากใจผมไม่น่ามาพูดแบบนี้เลยจริงๆ” ดงฮยอกลุกขึ้นเตรียมตัวจากไป ใช่ หนีจากไปจากชีวิตของจินฮวาน คนที่เขารักมาตลอด

    “นายทำถูกแล้วแหละดงฮยอก ไม่ต้องนึกเสียใจหรอกนะได้พูดมันออกมา รู้สึกไงบ้างล่ะ ไม่อึกอัดแล้วใช่มั้ย” จินฮวานหันไปถามอีกฝ่ายพร้อมกับยิ้มกว้าง

    ดงฮยอกหยุดชะงักค้างอย่างไม่คาดคิดถึงปฏิกิริยาจากอีกคน ร่างสูงกว่าทรุดนั่งลงอีกครั้ง สายตาหวานเริ่มสับสนงุนงง หัวใจเต้นรัวผิดปกติ คงใช่ว่าอีกฝ่ายจะตอบรับความรักของเขาหรอกนะ

    “ฉันต่างหากล่ะที่ผิด เป็นพี่ชายภาษาอะไรกับเรื่องแค่นี้ถึงไม่เคยรับรู้ความรู้สึกของน้องชายมาก่อนจนต้องให้นายเป็นฝ่ายมาพูดเอง แล้วก็ฉันเองแหละที่ทำห้าที่พี่ชายไม่ได้ดี ถึงทำให้นายเกิดความรู้สึกกับฉัน แทนที่จะรู้สึกกับฉันเหมือนพี่ชาย”

    “พี่จินฮวาน” คราวนี้เป็นฝ่ายคนสารภาพที่ทำได้เพียงเรียกชื่ออีกคน

    “ฉันผิดเองดงฮยอก แล้วที่แย่ที่สุด ทั้งๆที่เป็นพี่ชายไม่ได้แล้ว ฉันก็ไม่สามารถจะเป็นคนรักให้นายได้อีก”

    “พี่ไม่ได้รักผมสินะ”

    จินฮวานสบตากับดงฮยอก สิ่งที่ร่างเล็กกำลังจะพูดนั้นมันอาจดูโหดร้ายต่ออีกฝ่าย แต่เขาก็จำเป็นต้องพูด

    “พี่รักนาย แต่ไม่ใช่แบบเดียวกันกับที่นายรักพี่ ไม่ว่าจะยังไงฉันก็ยังเห็นนายเป็นน้องชายอยู่เสมอ ต่อให้นายจะเกลียดฉันก็เถอะ ขอโทษจริงๆนะดงฮยอก แต่ฉันรักนายแบบนั้นไม่ได้”

    “ผมรู้ รู้มาตลอดนั่นแหละถึงได้ไม่กล้าบอกพี่สักที แต่ที่ผิดคาดก็คือเรื่องที่พี่พูดเมื่อกี้ต่างหาก อันที่จริงผมควรพูดมันด้วยซ้ำ”

    “พี่ไม่เกลียดนายหรอก”

    “แต่ผมชอบเพศเดียวกัน แถมยังมาชอบพี่อีก”

    “แล้วยังไงล่ะ ใช่ว่าจะไม่มีใครเคยรู้สึกกับคนเพศเดียวกับตัวเองเสียหน่อยนี่ จริงมั้ย”

    “พี่มีคนที่ชอบแล้วเหรอ”

    จินฮวานไม่รู้จะตอบคำถามข้อนี้อย่างไร เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองมีคนแบบนั้นอยู่หรือเปล่า

    “ไม่รู้สิ ไม่รู้เลย”

    บรรยากาศน่าอึดอัดเหมือนจะยังไม่ละลายหายไป ดงฮยอกและจินฮวานยังคงนิ่งเงียบ แต่ในความคิดของทั้งคู่กลับทำงานตีกันรวนไปหมด

    “ผมรบกวนพี่มานานแล้ว ขอบคุณนะครับที่ช่วยฟังจนจบ”

    “ดงฮยอก

    “ไม่เป็นไรครับ ถ้ายังไงขอตัวก่อนนะครับ พี่ชาย” จินฮวานยิ้มให้กับคำพูดของอีกฝ่าย ดงฮยอกไม่ลืมที่จะแวะไปกล่าวลามารดาของคนตัวเล็กพร้อมทั้งสัญญาว่าจะแวะมาบ่อยๆ เพื่อชดเชยช่วงที่หายหน้าไป

    “ดงฮยอกมาคุยอะไรเหรอ สีหน้าดูแปลกๆ เราเองก็ด้วยทำไมหน้าดูซีดๆลง มีเรื่องไม่ดีเหรอ”

    “นิดหน่อยครับแม่ เดี๋ยวผมไปอาบน้ำก่อนนะ จะไปโรงพยาบาลไม่ใช่เหรอ”

    “จริงสิ! เกือบลืมไปแหนะ เร็วๆเข้าล่ะ ฮันชอลรอแม่อยู่”

     

    จินฮวานนั่งจิ้มกลีบแอปเปิ้ลกับซ้อมขนาดเล็กเป็นรอบที่สิบกว่าได้ คนตัวเล็กไม่คิดว่าจะต้องมามีชะตากรรมเช่นนี้เลย ทำไมเขาต้องมานั่งปลอกผลไม้ จิ้มผลไม้ด้วย

    “พี่จินฮวานนนนนนน” ยังไม่ทันที่จินฮวานจะได้นั่งตัดพ้อในชะตาชีวิตตัวเองจนพอใจ เสียงยานครางแบบออดอ้อนก็ดังมาจากคนที่นอนเหยียดตัวสบายใจเฉิบอยู่บนเตียงผู้ป่วย

    ในขณะผู้เป็นแม่ของเขาที่ทั้งบังคับขู่เข็ญว่าอยากมาเยี่ยมฮันบินลูกชายเพื่อนกลับไปนั่งเม้าท์มอยกับเพื่อนตัวเองเสียอย่างนั้น แล้วไอที่บอกว่าอยากมาดูแลจอมกะล่อนนี่ก็ตกมาเป็นหน้าที่เขาเสียเอง

    ตั้งแต่มาถึงเขาเห็นแม่ใส่ใจฮันบินแค่เก้าแรกที่เดินเข้ามา ถามไถ่อาการเสร็จสรรพก็ถามว่าต้องการอะไรไหม อยากได้อะไรหรือเปล่า เดี๋ยวให้พี่เขาทำให้ หลังจากนั้นเจ้าตัวดีก็เรียกร้องมาเสียมากมาย

    นั่นคือเหตุผลที่จินอวานต้องมานั่งปลอกเปลือกผลไม้คอยจิ้มเข้าปากให้กับอีกคน ทั้งที่มือก็ไม่ได้เจ็บแต่ก็สำออยกินเองไม่ได้!

    เป็นภาระคนอื่นเขาเสียจริง

    “อะไร” ถามกลับเสียงห้วน

    “ผมไม่อยากกินแอปเปิ้ลแล้วอ้ะ” แหนะ! มีแถมทำแก้มป่องอีกต่างหาก

    “เคยคิดบ้างมั้ยว่ามันไม่เข้ากับหน้าตัวเอง”

    “ผมอยากกินไอศกรีม” นอกจากจะไม่สนใจคำกระแหนะกระแหนของเขาแล้ว ยังจะมาอ้อนขอขนมแบบเด็กๆ แล้วไอ้การที่เขยิบเข้ามาเกาะขอบเตียงทำตาหวานนี่มันอะไรกัน!

    “ไม่เอาน่าฮันบิน อย่าไปดื้อกับพี่เขาสิลูก” คือสถานการณ์ดูเหมือนจะโอเคน่ารักมุ้งมิ้งมากเลยนะ ถ้าเกิดว่าไอ้คนที่ทำตาละห้อยอยู่บนเตียงนี่ไม่ใช่ผู้ชายตัวโตหน้าเถื่อนแถมยังเพลย์บอยอย่าง คิม ฮันบิน

    “ฮันบินกินไอศกรีมไม่ได้หรอกนะลูก ป้าว่ารอออกจากโรงพยาบาลดีกว่ามั้ย” แม่เขาก็เป็นไปอีกคน นี่มันเกิดอุบัติภัยอะไรกันวะครับ!

    “แม่ ผมไปก่อนนะ มีนัดทำรายงานที่บ้านเพื่อน” จินฮวานพูดเสียงเรียบพร้อมวางจานผลไม้ไว้ข้างเตียงผู้ป่วย

    “เพื่อนผู้หญิงหรือผู้ชาย” ไอ้เด็กหน้าแบ๋วเมื่อสักครู่แปลงร่างกลายเป็นยักษ์เขี้ยวใหญ่ทำหน้าเหี้ยมเสียแล้ว ฮันบินกอดอกแน่นถามอย่างกดดัน

    “ผู้ชาย!” จินฮวานตั้งใจพูดกระแทกใส่หน้าคนตัวสูง หมั่นไส้จริง เต๊ะท่าอย่างกับภรรยาที่รอสามีกลับบ้านช้าอย่างไรอย่างนั้น ท่าจะบ้า

    “ทำไมต้องไปบ้านผู้ชาย”

    ดูเหมือนว่าประโยคนี้จะเริ่มทำให้แม่ของเขาทั้งคู่แปลกใจได้บ้างแล้ว ทีแรกคนเป็นผู้ใหญ่ทั้งคู่คิดว่าเป็นผลจากยาที่หมอให้ และเมื่อออกจากโรงพยาบาลไอ้ท่าทีประหลาดของฮันบินคงหายไป แต่พวกหล่อนหารู้ไม่ว่ามันออกมาจากจิตใต้สำนึกของคนตัวสูงนี่ต่างหาก

    “ฮันบินครับ พี่จินฮวานเป็นผู้ชายนะลูก ก็ต้องมีเพื่อนผู้ชายสิ”

    “ถ้าจินฮวานคบเพ่อนผู้หญิงนี่สิ น่าประหลาด เอ๊ะ! รึว่ามีสาวที่ไหนแล้วไม่ยอมบอกแม่”

    “แม่ก็คิดไปได้ ผมไปแล้วนะครับ สวัสดีครับน้าฮันชอล” จินฮวานไม่คิดจะหันไปสนใจว่าคนป่วย(?)จะโวยวายอะไรบ้าง เขาเดินดุ่มๆ ออกมาจากห้องผู้ป่วยอย่างรวดเร็ว

    พลั่ก!!

    “โอ้ย!” ร่างเล็กร่วงลงไปกองกับพื้น จินฮวานรีบเร่งจนไม่ได้มองทางและเผลอชนกับคนที่เดินสวนมาเข้าจนได้

    “ขอโทษครับ อ้าว คุณ” ร่างบางเงยหน้ามองคู่กรณี และพบว่าหน้าตาดุคุ้นมาก แต่เขาไม่รู้จัก

    “สวัสดีครับ” จินฮวานลุกขึ้นยืนโดยมีอีกฝ่ายช่วย หลังจากกล่าวคำขอบคุณเขาก็เอาแต่มองสำรวจใบหน้าของผู้มาใหม่

    “คุณจำผมไม่ได้หรอ” ต่างจากอีกฝ่ายที่มีสีหน้ากระตือรือร้น

    “เอ่อ….ครับ”

    “ผมซึงยูลไงครับ”

    ร่างเล็กใช้เวลาเพียงครู่หนึ่งก่อนจะถึงบางอ้อ

    “คุณขับรถชน คิม ฮันบิน”

    “อันที่จริงผมไม่อยากให้จดจำผมในทางแบบนั้นนักหรอกครับ แต่ก็ใช่ผมเอง”

    “คุณมาเยี่ยมฮันบินเหรอครับ”

    “ก็ประมาณนั้นมั้งครับ”

    “หมายความว่าไงครับ”

    “คือผมมาจัดการเรื่องค่ารักษาพยาบาลน่ะครับ”

    “อ้าว แล้วทำไมคุณไม่เข้าไปเยี่ยมเขาหน่อยล่ะ”

    “ก็เรื่องส่วนตัวนิดหน่อยครับ” สีหน้าของคนตัวสูงทำให้คนตัวเล็กเริ่มจับสังเกตได้บ้าง

    “คุณ….รู้จักกับฮันบินมาก่อนหรอ”

    ….เอ่อ มั้งครับ”

    “แล้วทำไมวันนั้นคุณดูเหมือนไม่รู้จักเขาเลยล่ะ”

    “ก็ผมเพิ่งนึกออกน่ะครับ ถ้ายังไงผมฝากขอโทษครอบครัวเขา และตัวเขาด้วยนะครับ ไว้ครั้งหน้าผมจะมาเยี่ยม พอดีผมมีธุระนิดหน่อย ขอตัวนะครับ”

    จินฮวานกำลังจะเรียกตัวของอีกคนไว้ แต่อีกฝ่ายกลับไม่สนใจอะไรนอกจากการเดินหนีไปโดยเร็ว นั่นยิ่งน่าสงสัย คนตัวเล็กประมวลความคิดหลายอย่างประติดประต่อกัน แต่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี

    “ไหนว่าจะไปทำรายงาน มายืนคุยกับผู้ชายแปลกหน้าเนี่ยนะ”

    “กลับไปนอนไป”

    “ไม่เอา ผมนอนมาเยอะแล้ว”

    “ก็นอนอีก จะได้เยอะๆ”

    “ก็ไม่เอาอ้ะ ผมอยากเดินเล่น พาไปหน่อยสิ” ไม่ว่าเปล่ายื่นแขนซ้ายมาให้ทำท่าว่าเขาจะจูง

    “ก็เดินออกมาเองได้นี่ ทำไมต้องให้จูงล่ะ”

    “ก็เมื่อกี้แรงมันเยอะ พอเดินมาถึงตรงนี้แรงก็น้อยลงแล้วอ้ะ โอ้ยๆ” พูดไม่ทันขาดคำอีกคนก็แกล้งทำท่าจะล้ม จินฮวานเกาหัวตัวเองแรงๆ ก่อนจะเข้าไปช่วยพยุงปีกซ้ายของฮันบินไว้

    “จะไปไหนล่ะ” ดูเหมือนว่าฮันบินจะได้สมใจตามที่ต้องการแล้ว รอยยิ้มชั่วร้ายผุดขึ้นบนใบหน้าหล่อ

    ร่างสูงกอดคนตัวเล็กไว้แน่นแล้วจัดการหอมฟอดใหญ่เข้าให้บนแก้มนุ่มนิ่มของอีกฝ่าย จินฮวานตกใจกระเด้งตัวหนีแทบไม่ทัน

    “จะบ้าเหรอ! ถ้าแม่นายกับฉันเห็นล่ะก็

    “ไม่มีใครเห็นหรอก สาวๆ คุยกันสนุกอยู่ในห้องนั่นแหละ”

    “ยังมีหน้ามาทำสบายใจอีกนะ”

    “ก็แล้วไงล่ะ

    ไอ้ท่าทียียวนชวนอารมณ์เสียของฮันบินยังคงเสถียรสมดุลไม่เคยเปลี่ยน จนคนตัวเล็กชักจะรำคาญ

    “ถ้าว่างมากนักก็กลับไปนอนไป”

    “ทำไม เป็นห่วงหรอ” ไหนใครว่า คิม ฮันบิน เป็นเด็กน้อยจากผลกระทบของยา มันก็แค่หน้ากากที่เจ้าจิ้งจอกสวมไว้ให้เหยื่อตายใจเท่านั้นเอง ตอนนี้ก็เหลือแต่ฮันบินที่ถอดหน้ากากแล้ว

    “เปล่า เพราะฉันจะไปแล้วน่ะสิ แต่ถ้ายังมีนายยืนขวางทางชาวบ้านอยู่แบบนี้มันก็เกะกะน่ารำคาญไง”

    “โหๆ พูดจาทำร้ายจิตใจกันจังเลยนะ”

    “อย่ามาสำออย”

    “โอ้ย ด่าอีกแล้วอ้ะ”

    “กระแดะ”

    “แหนะ! ยัง ยังไม่หยุดอีก”

    “หลบ!” ว่าพร้อมดันอกแกร่งให้หลีกทางให้ตัว แต่แทนที่จะเป็นแบบนั้น ร่างเล็กถูกกระชากข้อมือให้ปลิวตามคนตัวสูงเข้าไปยังทางหนีไฟ

    “ปล่อย! ทำบ้าอะไรของนาย”

    “เงียบๆสิ เดี่ยวใครมาได้ยินก็คิดว่าผมกำลังจะฆ่าพี่หรอก”

    “ดี! นายจะได้ติดคุกหัวโตไม่มีเวลามายุ่งเรื่องชาวบ้านอีกไง”

    “ใจร้ายจริงนะครับพี่จินฮวาน” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดบนใบหน้าคนตัวสูงอีกครั้ง จินฮวานยอมรับว่าถึงจะกล้าหาญเพียงใดแต่เขาก็มีแอบใจสั่นอยู่บ้าง ไม่รู้ว่าฮันบินจะทำอะไรอีก

    “กับคนแบบนายใจดีด้วยไม่ได้หรอก เดี๋ยวเหลิง”

    “โธ่ เห็นผมเป็นคนแบบนั้นไป” ว่ายังไม่ทันขาดคำ ฮันบินก็ฉวยสูดกลิ่นหอมจากพวงแก้มเนียนอีกข้างแรงๆ จนพอใจ

    “ไอ้เวร!

    “อ๊ะๆ ด่าอีกจูบอีกน้า เมื่อกี้ผ่านไปแล้วสองข้าง ถ้าด่าผมอีกคราวนี้ปากพี่ได้เจ่อแน่”

    ก็ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน เวลาถูกขู่แบบนี้ทีไรคนตัวเล็กต้องหดตัวให้เล้กลงกว่าเดิมทุกที จินอวานเม้มปากแน่นเพื่อป้องกันสิ่งที่จะเกิดขึ้น อันบินขำกับท่าทีราวลูกแมวน้อยหวงปลาทูก็มิปาน

    “อ่าๆ ผมไม่กินปากพี่หรอกน่า วันนี้ผมอิ่มแล้ว ก้แค่ขู่ไปงั้นแหละ”

    ถึงจะพูดแบบนั้นแต่จินฮวานก็ยังคงเม้มปากและยิ่งเม้มแน่นกว่าเดิมด้วย

    “ก็ได้ๆ” ฮันบินปล่อยมือที่เกาะกุมไหล่บางพร้อมชูขึ้นสูงเหนือหัวเป็นสัญญาณยอมสงบศึก แต่จินอวานก็ยังคงเม้มปากอยู่เหมือนเดิม อีกทั้งป้องกันแก้มทั้งสองข้างด้วยการเอามือปิดบังไว้ทั้งคู่

    ฮันบินเห็นท่าทีแบบนั้นจึงค่อยๆ ถอยห่างออกมาพร้อมยังชูมือขึ้นเหนือหัวอยู่

    คนตัวเล็กรีบฉวยโอกาสตอนที่ร่างสูงถอยห่างและไม่ตั้งตัวนั้นพุ่งเข้าไปชนอีกคนติดกำแพงอย่างจัง จนคนป่วยต้องร้องโอ้ย แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้จินฮวานสนใจ

    ร่างเล็กเมื่อจัดการให้อีกฝ่ายเสียสมดุลได้แล้วก็รีบเผ่นออกไปจากประตู ฮันบินที่วิ่งตามมาอีกทีก็ไม่เจอแล้ว เพลย์บอยหนุ่มได้แต่เกาหัวและหัวเราะกับตัวเองอย่างขำขันในท่าทีเหล่านั้น

    “แสบจริงนะไอ้ตัวเล็ก!

     

    จุนฮเวแปลกใจที่กลับมาถึงบ้านแล้วเงียบเชียบแบบนี้ ปกติแม่จะต้องวิ่งออกมาต้อนรับพร้อมหอมแก้มเขา แต่นี่ไม่มีวี่แวว แถมพี่ชายก็ไม่นั่งประจำอยู่หน้าโทรทัศน์เหมือนเดิม

    “แม่! แม่ครับ อยู่ป่าว” คนหน้าโหดเดินป้วนเปี้ยนในครัวสักพัก และพบกับโน้ตที่แปะอยู่กับตู้เย็น

    จุนฮเว หาอะไรกินเองนะลูก วันนี้แม่คงไม่ได้ทำหารเที่ยงให้ แม่ไปเยี่ยมลูกชายเพื่อนที่โรงพยาบาลกับพี่

    จุนฮเวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดไปยังสายที่คุ้นชิน

    “พ่อ เดี๋ยวผมไปกินข้าวที่ร้านนะ ครับๆ” ว่าแล้วคนหน้าโหดก็เตรียมตัวออกจากบ้าน

    จังหวะที่จุนฮเวเปิดประตูจะออกไปก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่จินฮวานจะเข้ามา

    “อ้าว จุนฮเว กลับมาแล้วเหรอ เรียนเสริมเป็นยังไงบ้าง”

    “พี่ไม่ได้ไปกับแม่หรอ” นอกจากผู้เป็นน้องจะไม่ได้ตอบคำถามแล้ว ยังเป็นฝ่ายถามกลับมาอีก

    ช่วงนี้จุนฮเวดูแปลกๆไปอย่างไรก็ไม่รู้ จินฮวานรู้สึกอึดอัดเวลาที่ต้องอยู่ด้วยกัน เหมือนน้องมีอะไรในใจแต่ก็ไม่ยอมพูดออกมา

    “ไปสิ แต่พี่กลับมาก่อน”

    “ใครลูกเพื่อนแม่ เรารู้จักมั้ย”

    “ก็ คิม ฮันบิน น่ะ”

    “อะไรนะ!!! แล้วพี่ก็ไปเยี่ยมมันน่ะหรอ!” จินฮวานตกใจที่จู่ๆจุนฮเวขึ้นเสียงใส่เขา

    “ใช่ ทำไมล่ะ”

    “มันเป็นอะไร!

    “ถูกรถชน”

    “ตายรึยัง”

    “นายเป็นอะไรเนี่ยจุนฮเว”

    “มันมาจีบพี่ใช่มั้ย!

    จินฮวานสะอึก เขาไม่คิดว่าจะได้ยินคำถามนี้จากน้องชายตัวเอง คนในครอบครัวไม่ควรรับรู้เรื่องนี้ ไม่ควรจริงๆ

    “นายเอาที่ไหนมาพูด” จินฮวานแกล้งทำหน้านิ่ง

    “พี่บอกผมมานะ มันมายุ่งย่ามกับพี่ใช่มั้ย” จินฮวานรู้จักน้องชายของตัวเองดี เขาไม่สามารถมีความลับหรือโกหกกันได้

    “อืม”

    “ตั้งแต่เมื่อไหร่ นานหรือยัง”

    “ก็หลังจากวันที่มีเรื่องในคลับได้สามวัน”

    “ห๊ะ!! แล้วพี่ก็ไม่เคยบอกผม”

    “ก็เพราะรู้น่ะสิว่าถ้านายรู้แล้วก็จะเป็นแบบนี้”

    “พี่ก็เลยไม่พูดงั้นสิ?”

    “จุนฮเวอย่ามาพาลใส่พี่นะ”

    “ก็ได้ๆ แล้วพี่เล่นด้วยกับมันมั้ย”

    “ถ้าเล่นด้วยพี่จะหนีกลับบ้านมาก่อนแบบนี้หรอ” จินฮวานอารมณ์เสีย เขาไม่คิดว่าจะต้องเป็นฝ่ายถูกน้องคาดคั้น

    ดี พี่รำคาญมันใช่มั้ย”

    “ก็ใช่น่ะสิ นายลองมาถูกตามแบบพี่มั้ยล่ะ”

    “ผมจะไปจัดการมันเอง”

    “เห้ย! นายจะทำอะไร”

    “ก็ทำให้มันเลิกยุ่งกับพี่ไง”

    “อย่าให้มีเรื่องกันเลยจุนฮเว พี่ขอ”

    “ก็ไหนพี่ไม่ได้แคร์มันไง”

    “แต่นายก็ไม่ควรหาเรื่องปวดหัวให้แม่อีก ยิ่งหมอนั่นเป็นลูกชายเพื่อนแม่ด้วย นายว่าแม่จะรู้สึกยังงไง”

    จุนฮเวนิ่งเงียบ เป็นความจริงอย่างที่พี่ชายเขาพูด เขาทำเรื่องปวดหัวให้พ่อแม่มามากพอแล้ว แล้วนี่ยิ่งไอ้เวรนั่นดันมาเป็นลูกชายเพื่อนเสียนี่ แม่คงต้องเสียใจที่สุดที่เขาสร้างปัญหา

    “ไปอาบน้ำล้างหน้า เดี๋ยวพี่พาไปกินข้าวที่ร้าน” ถึงมันจะไม่ใช่คำปลอบใจแบบฉบับที่ควรจะเป็น แต่คำพูดสั้นๆแค่ประโยคเดียวของพี่ชายก็ทำให้เขารู้สึกอุ่นใจ

    เพราะมีพี่แบบนี้ เขาจะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาทำร้ายจินอวานแน่

    แต่ที่สำคัญ ไอ้ฮันบินนั่นจะไม่มีวันได้แตะต้องพี่เขาแม้แต่ปลายก้อยตราบใดที่เขายังมีชีวิตอยู่

    อย่าหวังเลยว่ามันจะได้พี่จินฮวานของเขาไปครอบครอง!!!







    มีข่าวดีจิมาบ๊อกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
    เค้าติดแล้วนะเค้าติดแล้วน้าเค้าติดแล้ววววววววววววววว
    แมสคอม มช. ติดจนได้ อร๊ายยย วรั๊ยยยย จุดพลุ.
    วันนี้เลยมาฉลองให้รีดเดอร์ที่น่ารัก
    จะมาอัพอีกสองตอนภายในอาทิตย์นี้เพื่อฉลองให้นะที่รัก 
    จุ๊บุ จิ๊บิ จุ๊บๆ จิ๊บๆ =3=
     


    รีดเดอร์ที่รักนางนี้เข้ามาตามทวงในทวีตข้าเจ้าาาา
    55555 นางน่ารักเฟร่ออออออออออออออ
    เลยรีบมาอัพให้ ขอบคุณที่ติดตามนะเค๊อะทู๊กกก คน ซึ่งแพ้พส์TT

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×