ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Supernatural + Sherlock BBC : ทะเล นักสืบ ความรัก และนักล่า

    ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 1, 1/3

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 452
      1
      24 มี.ค. 56

    Note: เพื่อนๆคะ ถ้าเรามาเจอกันตรงนี้ แสดงว่าเราต้องเป็นเชอร์ล็อกเคี่ยนแน่ๆ หากเหงาปากไม่มีคนเม้ามอย มาเจอเราได้ที่ concuben.exteen.com กับ http://mind-cathedrool.tumblr.com/  พอดีไม่ได้เล่นเฟซกับไลน์ ทางนี้สะดวกสุด เดี๋ยวเราจะพาไปเจอเพื่อนเม้าเชอร์ล็อกอีกมากในพันทิป (ชื่อเราคือ เอาน่าคนดี๊คนดี เสิร์ชไปก็จะเจอเองค่ะ) 



     อย่า อย่าตกใจค่ะ นักสืบก็ได้กับนักสืบ ส่วนนักล่าก็ได้กับเทวดาเหมือนเดิม อย่าคิดว่าพี่ดีนจะเปลี่ยนจากอิมพาล่าไปขับจากัวร์ โน ๆๆๆ เป็นไปไมได้ เพราะจากัวร์อย่างไรเสียต้องจอดคู่มินิคูเปอร์แน่ๆย่ะ!!! ดิฉันเขียนเดสเตียล คุณvhanploy เขียนsherlockค่ะ
     
      จะมาแนะนำฟิกค่ะ เป็น destial ครอสโอเวอร์กับ sherlock bbc เรื่องย่อคือ เกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้นที่หาดกะรน ภูเก็ต ชายหนุ่มตายไปทีละคน ทีละคน และขณะนั้นกำลังมีวิวาห์หมู่เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวนายกเทศมนตรี ทนไม่ได้จนต้องจ้างนักสืบระดับโลก ส่วนฝ่ายเจ้าของธุรกิจสาวก็ทนไม่ได้เหมือนกันแต่เธอเชื่อในเรื่องลี้ลับ และคิดว่านี่ไม่ใช่ฆาตกรต่อเนื่องธรรมดา เธอจึงจ้างนักล่าปีศาจวินเชสเตอร์ สองทีมต้องมาเจอกัน ทั้งดีน และ เชอร์ล็อก ก็มีความในใจด้วยกันทั้งคู่ แอบรักเพื่อนสนิทกันทั้งนั้น เรามาดูกันซิว่า ผีจะเห็นผีหรือไม่ เอ๊ย!! สองบุรุษผู้เก่งกาจ แต่คนละสำเนียง และเดินคนละวิถี จะมาจัดการคดีเดียวกันได้อย่างไร ความแตกต่างจะทำให้เขม่นกันหรือไม่ ใครจะบอกรักเพื่อนสนิทก่อนกัน มาติดตามการหักเหลี่ยมเฉือนคมในเกมศักดิ์ศรีสุดไร้สาระได้ใน 
     
     
     “ทะเล นักสืบ ความรัก และ นักล่า”
     
    pairing: destial,johnlock
    - - - - -  - - -  - - -  - - - - - --
     
    ตรงนี้อิชั้นเขียนเหอๆ กรุณาฟังเพลงสองเพลงนี้สลับกันไปด้วยในพาร์ทอิชั้นนะเฮอะ http://www.youtube.com/watch?v=fLVzw9wVd9o กับ http://www.youtube.com/watch?v=VCLxJd1d84s
     

    ดีนกับแซมนั่งติดกันอยู่บนเครื่องบินลำหนึ่ง อีกสี่ชั่วโมงเท่านั้นเขาก็จะถึงที่หมาย นั่งกลางยังพอแอ๊บว่า เออ เราอยู่ในตึกนะ แต่คนเยอะหน่อยเท่านั้นเอง แต่ที่นั่งแม่งก็ดันติดหน้าต่างมองยังไงก็เห็นเมฆเป็นหมู่คณะยังกะจะมาไซโคว่า

     

     “เธอจ๋า เราอยู่บนฟ้าละจ้ะ”

     

    เขาจำเป็นต้องมาทั้งที่ไม่อยากมาเลย เพราะกลัวแซมจะเป็นอันตราย การปราบผีมันไม่ใช่โชว์เมียงูนะครับ สู้แบบเอาชีวิตกันไปข้าง ยังไงก็ต้องมีคนระวังหลัง ปล่อยมันมาคนเดียวได้ไง ไอ้ผีคราวนี้ก็ทำงานยังกะฆาตกรต่อเนื่อง ไม่รู้ไอ้นายจ้างมันรู้ได้ไงว่าไม่ใช่คน?? ถ้าใช่หละ คงต้องแจ้งตำรวจ …เขาก็ดี….กลับเลย ….เฮ้ย!!!!!! ไหนจะขากลับอีก …!!!

     

    อย่ามาถามว่าทำไมต้องกลัว อย่ามาดูถูกกัน!!! ไอ้พวกที่แม่งเกลียดกิ้งกือยังกะกิ้งกือ …เอาเหอะไม่รู้จะเปรียบกับอะไรแล้ว พนันกันมั้ยว่ามันอธิบายไม่ได้หรอก ว่าไอ้สีส้ม เส้น เคลื่อนที่ได้ กรอบๆ นี่มันน่ากลัวตรงไหนยังไง เพราะถ้าอธิบายได้ทำไมมึงไม่กลัวกรวยถนน เส้นอุด้ง รถไฟ กับมันฝรั่งทอด อย่ามา …กูปกติ ….อย่ามา…กูกล้าหาญชาญชัยกว่าใครหลายคนนัก !!!!

     

     

    ปลาช่อนมันยังแค่ลุยสวน ส่วนกูนี่…อเวจีกูก็ลุยมาแล้ว …

     

    “นรกพี่ก็ผ่านมาแล้ว ยังไม่เลิกกลัวเครื่องบินอีกเหรอดีน” แซมหันมาถามด้วยความเป็นห่วงครึ่งขำครึ่ง

     

    ‘อ้าวไอ้ha อุตส่าห์บิ๊วอย่างดีให้ตัวเองเลิกกลัว จากกำลังจะฮึกเหิมดันมาหด’ นั่นไงมันวนกลับมาเป็นงูกินหางอีกแล้ว ….ดีนคิด แซมถามอย่างอารมณ์ดี มือเปิดสมุดจดเรื่องผีไทยออกมาอ่านเล่น นี่มึงมาปราบผีนะไม่ได้มานั่งกางเมนูสั่งลาบ

     

    “….ผีไทยมีผีไรมั่งอะเนี่ย???”…ไหนดูซิ ทานี อ่านว่าทานีเหรอ…. ว้าว…. ทำไมผีไทยมีแต่ผีผู้หญิงผมยาว ผมว่าพี่ชอบน้องทานี ตานีอะไรนี่แน่ๆ”

     

    เอาเหอะจะผีตาหนีปลายหวีเหี่ยวที่ไหน ดีนก็ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ดูหน้ามันซิ ได้อารมณ์ประมาณว่า …แหมคราวนี้จะเจอตัวไหนนะ รื่นรมย์จริงๆครับน้องแซม พี่นี่ฉี่จะราดอยู่แล้ว ประเทศอื่นไม่มีหรือไงวะ มาเอาประเทศที่ห่างไกลอเมริกาต้องนั่งเครื่องยาวเหยียดอย่างนี้ อยากหนีไปตั้งแต่พักเครื่องที่ญี่ปุ่นแล้วแต่ทำไม่ได้…ไอ้โมขศักดิ์ ไอ้หอกหัก สันขวาน ….ดีนด่าน้องเป็นเซ็ทอาวุธชำรุดเป็นชุดก่อนที่จะพาลนึกไปถึงการเดินทางที่ไวที่สุดอย่างการให้แคสพามา

     

    นี่ถ้าแคสไม่หนีหายหน้ากลับบ้านทันทีที่พ้นอเวจีกันทั้งคู่ แล้วให้ไอ้แคสจิ้มทีเดียวเสียวหน่อยแต่ก็ถึงทันที เขาก็คงไม่ต้องมานั่งจิตหลุดอยู่บนเครื่องแบบนี้

     

    เขาเข้าใจ ว่าการมีเพื่อนซี้มันเป็นยังไง ไม่ใชผู้หญิงนะเว้ยจะได้มานั่งจิ๊จ๊ะถักเปียหาเหากันทุกวัน …เขานี่ไม่เคยเห็นเลยว่าผู้ชายที่ไหนถ้าไม่ใช่ญาติใช่เชื้ออย่างเขากับแซมแล้วจะมาหนุงหนิงติดเพื่อนเป็นปาท่องโก๋ เพื่อนจะไปไหนก็งอน ขอตามไปด้วย เพื่อนไม่มาก็กระฟัดกระเฟียด

     

    ถ้ามีหละก็ตุ๊ดแน่ๆ ….

     

    เพื่อนซี้ ขอให้ใจๆกันก็พอ อยู่ห่างๆมีปัญหาค่อยมาช่วยกัน  แคสมันก็ยิ่งกว่าใจซะอีกเขาแน่ใจยิ่งกว่าเวลาฉี่ต้องยืน ยิ่งเวลาทุกข์ด้วยกันในอเวจี มันไม่มีอะไรมาหักล้างได้อีกแล้วว่าแคสไม่ใช่เพื่อนแท้ เพื่อนกัน ห่างสิบปีก็ต่อติด ….ถ้ามีทุกข์ค่อยมาร่วมต้านก็ได้

     

    แต่จะไม่คิดจะแว้บมาชวนกันกินเหล้าสักครั้งเลยเหรอ

     

    …ทำไมมีสุขไม่เคยร่วมเสพ เวลาดีๆของเขามีแต่แซม ใช่เขารักแซมมาก แต่ไม่เจอแคสนานๆเขาก็สงสัยเหมือนกัน ว่าเวลาว่างๆ ชิวๆ มันทำอะไรนักวะ ทำไมไม่คิดถึงกันมั่ง  ถ้าไม่มีเรื่องดีนก็เกรงใจเป็นเทวดาอาจจะงานยุ่งไม่ใช่เรื่องสำคัญเขาก็ไม่กล้าเรียก ถ้าแคสคิดถึงกันจริงและว่างก็คงติดต่อมาเอง…. ช่างเหอะ เที่ยวเล่นกับน้องก็ได้…

     

    แต่แม่ง…เหงาหวะ…

     

    แซมหันมามองเขาพอดี “เออ ก็ไม่กลัวนี่หว่า ผมคิดว่าพี่ยังกลัวเครื่องบินอยู่ซะอีก” ดีนก็แอบงงที่ตัวเองเลิกกลัวชั่วแว่บตอนที่นึกถึงแคสได้ไงไม่รู้ เมื่อกี๊บิ๊วตั้งนาน ไม่ยอมหายสักที ไอ้น้องบ้าดันทักอีกเลยกลับมากลัวต่อ แซมมองพี่ชายด้วยแววตาเป็นประกาย ดีใจจริงๆที่พี่จะสนุกกับทริปนี้

     

    ผีคราวนี้ปราบท่าทางจะง่าย ผีมันเป็นเรื่องรองอยู่แล้ว สำหรับแซมเขาอยากให้พี่ได้มาเจอโลกที่น่าจะเปิดมุมมองใหม่ๆให้กับดีนมากกว่า เจอเพื่อนเป็นเรื่องอันดับสอง เพราะเพื่อนแซมนั่นแหละคือนายจ้าง เธอเป็นสาวไทยหน้าตาสะสวย เคยเรียนด้วยกันที่แสตนฟอร์ด ตอนนี้เธอมาดูแลบังกะโลของแม่อยู่ที่หาดกะรน ไอ้เรื่องปราบผีเป็นเรื่องลำดับสุดท้ายที่แซมคิด เขาต้องหว่านล้อมดีนนานเหลือเกินกว่าดีนจะยอมเพราะไม่อยากนั่งเครื่องบิน ผู้หญิงสวยก็แล้ว ค่าครองชีพถูกที่พักเลิศก็แล้ว อาหารอร่อยก็แล้วก็ไม่ฟังอีร้าค่าอีรมเดินหนีลูกเดียว แซมเลยต้องงัดไม้เด็ด

     

     

    พี่ไม่ไปผมไปเดี่ยวนะ…

     

     

    ไม่ต้องไปเกาะเสม็ดก็สำเร็จทุกครั้งได้ ไม้นี้มันไม้ตายประจำตัวแซมเลยทีเดียว…

     

     

    ในที่สุดสองพี่น้องก็มาถึงสนามบิน

     

     

    “โหหห ร้อนหวะแซม” ดีนถอดเสื้อแจ็กเก็ตหนัง ที่นี่คงใส่ได้แค่เสื้อยืดกางเกงขาสั้น “เฮ้ยที่นี่กับเม็กซิโกที่ไหนร้อนกว่ากันวะ” ดีนถาม เพราะตอนนี้ขนาดถอดเสื้อนอก เหงื่อยังออกง่ามรักแร้ กางเกงในก็เริ่มวินนิ่งเดอะรู …ร้อนขนาดนี้ คงไม่เห็นนะว่าไอ้หน้าไหนมาออทั่มวินเทอร์ ใส่บู๊ท ผ้าพันคอ เสื้อโค้ท

     

    ถ้ามีหละก็ตุ๊ดแน่ๆ …. ดีนคิด

     

    สองหนุ่มแทนที่จะขึ้นแท็กซี่ไปหาดกะรนที่นัดพบนายจ้าง ดีนกับแซมเลือกเหมาสองแถวนั่งโห่ฮี้วปิ๊วป๊าวชาวบ้าน แถมบอกให้จอดรับคนที่ผ่านไปผ่านมาขึ้นรถมาด้วยอย่างสนุกสนาน ให้ตายเหอะคนไทยพูดอังกฤษดีเป็นบ้าแม้ว่าจะไม่เหมือนใช้เป็นภาษาราชการ แต่ก็ฟังรู้เรื่อง แล้วก็คุยง่ายยิ้มเก่งกันหมด  ดีแล้วที่ไม่ต้องเอาล่ามมา …เกะกะแล้วไหนยังจะทำปากคอสั่นเวลารู้ว่าผีมีจริงอีก รำคาญเป็นบ้า

     

    “โว่ววววว แซมมมมี่!!!” ดีนเรียกอย่างที่แซมไม่ชอบอีกและ แต่แซมเงียบไว้เพราะถ้านอยเดี๋ยวจะเจอเรียกตลอดทริป

     

     

    “เหยยยยยยยย งานวิวาห์หมู่เหรอ นี่” ดีนทำหน้ากวนตีนทันทีที่เห็นป้ายยินดีต้อนรับสู่งานวิวาห์หมู่แบบไทย…

     

     “แกกลัวชั้นยอมรับไม่ได้ เลยต้องพามาเซอร์ไพรซ์เพราะแกกำลังจะแต่งงานกับเจ้าสาวกระเทยใช่มั้ยยยย???” ดีนทำหน้าแบบฉันรู้ ฉันเห็น อย่ามาปิดกันเลยดีกว่าอีกแล้ว แต่นั่นแหละ ทำเพราะอยากกวนตีนไม่ได้คิดว่าแซมจะมีเมียเป็นกระเทยจริงๆ และถ้าจริงดีนไม่มีทางว่าอยู่แล้ว

     

    “โหหห อย่าคิดมากนะแซมมี่ พี่รับได้เสมอขอให้แกมีความสุข” ดีนตบบ่าแซมเบาๆ

     

    ‘ครับ ผมก็รับพี่เขยได้เหมือนกัน’ แซมยิ้มในใจ แต่ไม่วายเผลอยิ้มออกมาจริงๆ

     

    “เรามาทำงานกันดีน”

     

    (ข้างล่างเป็นพาร์ทคุณแหวนค่ะ อารมณ์จะไม่เหมือนกันค่ะ แต่ก็เรื่องดียวกัน) 

     

    ดร. จอห์น วัตสัน บรรจงเขียนใบผ่านคนเข้าเมืองด้วยความตั้งใจ แม้ที่นั่งของสายการบินจะเล็กและคับแคบแค่ไหน แต่รอยยิ้มของสาวๆ แอร์โฮสเตสก็ทดแทนกับพื้นที่ที่ขาดหายไปได้ดี 

     

    ที่สำคัญคือเที่ยวนี้ เชอร์ล็อคเพื่อนยากไม่ได้มาด้วยในลำเครื่องบินลำเดียวกัน

     

    ที่บอกว่าเป็นเพื่อนยาก คือเป็นเพื่อนด้วยแล้วยาก ลำบากจริงๆ จอห์นต้องกล่อมเชอร์ล็อคอยู่สองสัปดาห์ว่าการรับงานที่ได้เงินเป็นเรื่องปกติของคนทั่วไป ถึงจะต้องนั่งเครื่องบิน 12 ชั่วโมงก็ตาม แต่ก็ต้องทำงานมิเช่นนั้นแล้วจะไม่มีเงินจ่ายค่าเช่าบ้านกับค่านม ในที่สุด จอห์นก็ไม่ต้องกล่อม เพียงแค่นายจ้างแจ้งว่าจำนวนผู้เสียชีวิตทะลุถึงสี่ศพแล้ว คุณชายก็กระโดดผึงขึ้นมาจากโซฟา

     

    “อย่างนี้มันต้องฉลอง!” จอห์นจำน้ำเสียงของเพื่อนได้ดี เขาจำท่วงท่านักบัลเลต์ที่เพื่อนทำได้เสียด้วยซ้ำ ถ้าเขาเป็นจิตแพทย์ คงจะพาเพื่อนเข้าโรงพยาบาลประสาทไปแล้ว โทษฐานเป็นอันตรายต่อสังคม 

     

    จอห์นยิ้ม ถอนหายใจ แล้วส่ายหน้า… นี่เขาหลอกใครกัน? โรงพยาบาลขังเจ้านักสืบตัวแสบไม่ได้หรอก อาจจะเป็นอันตรายต่อบุคลากรแพทย์และคนไข้คนอื่นๆ เสียด้วยซ้ำ แค่คิดว่าเชอร์ล็อคจะใช้คนอื่นเป็นหนูทดลองอย่างไร เขาก็เสียวไปจนถึงกระดูกก้นกบแล้ว 

     

    เพราะอย่างนี้เขาถึงต้องทนอยู่ในอพาร์ทเม้นต์นั้นต่อไป บางทีเขาก็ไม่แน่ใจนักว่าเขาทนอยู่หรืออยู่ทน แต่ที่แน่ๆ ก็คือ หากเขารู้ตัวเองสักหน่อย เขาจะพบว่าช่วงเวลาเกือบครึ่งวันที่อยู่บนท้องฟ้านั้น เขาหมดไปกับการคิดถึงเจ้าเพื่อนผมหยักศกคนนี้เสียร้อยละ 40 ส่วนที่เหลือนั้นเป็นเวลากินกับนอน 

     

    เสียงสัญญาณเตือนให้รัดเข็มขัดเตรียมจอด นายจ้างส่งตั๋วเครื่องบินเที่ยวตรงจากลอนดอนถึงภูเก็ตเพียงใบเดียว ส่วนใบของเขานั้นต้องเปลี่ยนเครื่องที่กัวลาลัมเปอร์ก่อน แหม… เที่ยวบินนี้ช่างแสนสงบสุขี ยกเว้นก็เพียงแต่หนุ่มอเมริกันสองคนที่นั่งอยู่เยื้องเขาไปด้านหน้าอีกสองแถว แค่ฟังจากบทสนทนา ก็พอเดาออกว่าทั้งสองคนเป็นพี่น้องกัน ดูเหมือนหนุ่มผมยาวที่ตัวสูงประมาณ ดร.วัตสัน คูณ สอง จะเป็นคนน้อง ส่วนคนที่ชดเชยความ “แมน” จนเกินงานและกลัวเครื่องบินขึ้นสมองนั้นจะเป็นพี่… มีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นเกย์ด้วย

     

    หมอวัตสันยิ้มกับตัวเอง ตั้งแต่มาอยู่ที่ 221B เขาค่อยๆ พัฒนาความสามารถในการอนุมาน สักวันเชอร์ล็อคคงชมเขาบ้าง 

    * * * * * 

    สาวไทยนี่น่ารักจริงๆ คุณหมอคิด ในขณะที่รอกระเป๋า จอห์นก็ใช้ทักษะการสังเกตให้เป็นประโยชน์ แต่เขาไม่ได้สังเกตอะไรนอกจากผิวแทนสวยและใบหน้าคมขำของสาวไทยวัยรุ่นที่จับกลุ่มคุยกันอย่างออกรสข้างๆ เขา ที่สำคัญคือพวกเธอตัวเล็กกะทัดรัดเป็นที่สุด หมอวัตสันไม่เคยมองผู้หญิงที่ขนาดตัว แต่สำหรับชายหนุ่มสูงเกือบเมตรเจ็ดสิบอย่างเขา… สาวไซส์เอสเหมาะดี แม้ว่าพวกเธอจะมองแต่สองพี่น้องอเมริกันคู่นั้นที่ดูเหมือนนายแบบโฆษณาชุดชั้นในมากกว่านักท่องเที่ยวทั่วไปก็ตาม

     

    หมอวัตสันหยิบกระเป๋าเดินทางออกจากรางแล้วปัดฝุ่นเขรอะให้เรียบร้อยก่อนจะยืดมือจับแล้วเดินหลังตรงออกจากอาคารผู้โดยสาร ก้าวขาฉับๆๆ นั้นเร็วขึ้นโดยไม่รู้ตัว เมื่อเขาเห็นร่างสูงที่คุ้นเคยรออยู่

     

    “เชอร์ล็อค!” จอห์นโบกมือพร้อมกับฉีกยิ้มกว้าง ตาเป็นประกายแม้ในแสงทึมของสนามบิน

     

    “จอห์น” นักสืบผมหยักศกตอบรับเรียบๆ “เครื่องบินสวยดีนะ”

     

    “ก็ใช้ได้ เล็กไปหน่อย”

     

    “ไม่ ฉันไม่ได้หมายถึงเครื่องบินลำนั้น หมายถึงโมเดลในกระเป๋าต่างหาก” 

     

    “นายรู้…” ไม่ทันที่คุณหมอจะถาม คุณเพื่อนก็ตอบ

     

    “แอร์โฮสเตสของสายการบินนี้ขึ้นชื่อเรื่องมนุษยสัมพันธ์และการขายของ นายไม่ดื่มน้ำอัดลมแล้วฉันก็ไม่ได้กลิ่นแอลกอฮอล์จากตัวนาย ถ้าเป็นของอย่างอื่นก็อาจใหญ่เกินไป และการซื้อโมเดลเครื่องบินจะให้โอกาสนายคุยกับแอร์โฮสเตสด้วย แต่”

     

    “แต่?” จอห์นอ้าปากค้างไม่ยอมหุบ กระพริบตาปริบๆ 

     

    “แต่ถ้าแอร์โฮสเตสไม่สวย นั่นแปลว่านายได้เบอร์สาวที่นั่งแถมตรงกันข้ามมา” เชอร์ล็อค โฮล์มส หันไปทาง ดร.จอห์น วัตสัน แล้วหรี่ตาลงเพื่อให้เพื่อนยืนยันว่าสิ่งที่เขาพูดมานั้นถูกหรือผิด

     

    “ไม่” หนุ่มผมบลอนด์ส่ายหน้า “ผมได้นี่มาตะหาก” พูดยังไม่ทันจบก็ยกฝ่ามือขึ้นมาให้อีกฝ่ายเห็นตัวอักษรขยุกขยุยที่ดูเหมือนว่าเป็นชื่อเฟซบุ๊ก 

     

    คุณหมอยิ้มมุมปากด้วยความพึงพอใจในฤทธิ์เดชของตัวเอง เชอร์ล็อค โฮล์มส ตอบด้วยการยิ้มกว้างจนเห็นไรฟัน 

     

    “ฉันคิดถึงนาย” พ่อนักสืบยังไม่หยุดยิ้ม

     

    “ผมรู้” คุณหมอตอบ 

     

    ทั้งสองคนหัวเราะคิกคักเหมือนเด็กสาววัยรุ่นที่หมอวัตสันเพิ่งเจอในอาคารผู้โดยสาร เชอร์ล็อค โฮล์มส เดินนำหน้าไปยังประตูทางออก ขณะที่คุณหมอวัตสันเดินตามประหนึ่งฮอบบิทตามแกนดาล์ฟ 

     

    เชอร์ล็อคดูแปลกไป ยามที่เขาเก็บโค้ทไว้ที่บ้านแล้วใส่กางเกงขาสั้นlสีกากีกับเสื้อเชิ้ตฮาวายสีขาว-ฟ้าแบบนักท่องเที่ยวจากอังกฤษ แต่คงแปลกมากกว่าหากเขาใส่โค้ทยาวตามปกติเดินบนชายหาดของภูเก็ต

     

    “นายเอาสูทมารึเปล่า ตามที่ฉันบอก” โฮล์มถามโดยไม่หันมามอง 

     

    “ฮื่อ เอามาสิ ทำไมเหรอ?” 

     

    “เราต้องไปคุยกับนายจ้าง นายกเทศมนตรีภูเก็ต และหลังจากนั้นต้องไปงานแต่งงานด้วย”

     

    “อื้ม ดี งานแต่งงานใครเหรอ”

     

    “ของพวกเราน่ะสิ” 

     

     

    tbc.จ้ะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×