ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Guardians the ripper(รับสมัครตัวละคร)

    ลำดับตอนที่ #6 : รายงานหน้าที่3

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 79
      0
      12 ต.ค. 55

     

    วันต่อมา

     

                    ชายหนุ่มผมแดงนามเอเรียสเดินลงมาจากบันไดกลางโรงแรมที่ตกแต่งอย่างหรูหรา เอเรียสกวาดตามองไปรอบๆเพื่อหาใครบางคน และหยุดอยู่ที่คนกลุ่มหนึ่งที่กำลังนั้งอยู่ในร้านอาหารของโรงงแรม

    “ไง คุณชายตื่นสาย” แคปริคอนเป็นคนแรกที่กล่าวทักเพื่อนซึ่งเป็นหัวน่าทีมที่ไม่ค่อยน่าเคารพของเขา

    “ยังไม่ตายอีกหรอ คิดว่าโดนจับไปทำแกะย่างซะแล้ว นี่ๆฉันสั่งมาด้วยนะกินไหม?” มิร่ากล่าวด้วยน้ำเสียงใสบริสุทธิ์แล้วยื่นจานที่ตักเนื้อแกะย่างใส่ไว้ให้เอเรียส โดยที่เอเรียสเริ่มเดือนปุดๆ

    “ใครว่าตื่นสายครับ ที่มันบ่ายสามแล้วนะครับแคป” เอไนท์พูดพร้อมดูนาฬิกา ทำเอาแคปพูดไม่ออกกับความซื่อของเพื่อน

    -จะเรียกแกว่า ซื่อสัตย์ หรือ ซื่อบื้อ ดีฟะ-

    “เอาน่าๆ เอเรียสมากินข้าวเถอะเดี๋ยวจะถึงเวลาออกไปทำภารกิจต่อแล้วนะ” เซจิบอกเอเรียส พรางสะกิดให้เชสเซียร์ที่หลับไปแล้วตื่นขึ้นมาทานข้าวเย็น

    “ถ้าปล่อยให้ท้องว่างเดี๋ยวจะได้หิวจนเผลอกินอสูรเข้าไปนะ” เซจิเตือนด้วยรอยยิ้มแล้วตักอาหารใส่ปาก

     

     

     

                    เมื่อทานอาหารเสร็จเซจิก็ได้เรียกรถมารับ รกตู้แล่นผ่านเขตเมืองของญี่ปุ่นหลายคนดูวิวรอบๆอย่างตื่นตาเพราะนานมาแล้วที่พวกเขาไม่ได้ออกมาในเมืองใหญ่แบบนี้ และญี่ปุ่นก็ต่างจากอังกฤษหลายๆอย่าง

     

    เวลาประมาณห้าโมงรถแล่นมาถึงที่หมาย เหล่าสมาชิกการ์เดียนทั้ง6ก้าวลงมาจากรถด้วยชุดเครื่องแบบการ์เดียนสีดำมันขอบเงินเย็บจากผ้าสังเคราะห์พิเศษทำให้มีความทนทานมากกว่าผ้าปกติ

     

    “ที่นี่........”เอเรียสมองไปรอบๆพร้อมจัดชุดให้เข้าที่เพราะการเปลี่ยนเสื้อผ้าบนรถนั้นยากลำบากพอสมควร

    “อดีตที่ทำการการ์เดียนสาขาญี่ปุ่น” มิร่าพูดพร้อมจ้องมองไปที่ตึกร้างเก่าๆที่มีต้นไม้ขึ้นรกราวกับอาคารในหนังเรื่องจุลสิคปาร์ค2 ส่วนเรื่องเสื้อผ้ามิร่าแค่ใส่เป็นเสื้อคลุมยาวกับเสื้อแขนกุดสีขาวและกางเกงขาสั้นสีดำ ที่ใส่ไว้ข้างใน

     

    “มีคนแจ้งมาว่ามีคนถูกทำร้ายด้วยสัตว์ประหลาดแถวๆนี้  มันอาจอยู่ในป่าด้านหลังหรืออาจซ่อนอยู่ในตัวตึกก็ได้ ให้พวกเราช่วยตรวจสอบกันหน่อยแล้วกัน” เซจิประกาศภารกิจให้ทุกคนในทีมฟัง

    “น่าขำนะ ที่ทำการการ์เดียนแท้ๆแต่ดันมอสูรอาศัยอยู่”เชสพูดขึ้นมา

    “นั้นสิแล้วไหนพวกฮันเตอร์ บอกว่าที่นี่เป็นเขตของตัวเองไม่ใช่หรอไม่เห็นมาจัดการ?” แคปพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดเมื่อพูดถึงฮันเตอร์

    “ก็พวกเค้าทำงานเพื่อหวังค่าตอบแทนนี่ครับ ถ้าไม่มีคนไปว่าจ้างพวกนั้นก็ไม่ทำหรอก” เอไนท์บอก

    “ดูร้างน่าดูเลยนะที่นี่น่ะ” มิร่าพูดพร้อมสำรวจด้านหน้าของอาคาร

    “ก็ย้ายออกไปนานแล้วที่นะ ในอดีตเคยมีที่ทำการการ์เดียนสาขาญี่ปุ่นมาก่อน แต่ที่ญี่ปุ่นนั้นมีพวกฮันเตอร์อยู่เยอะพอๆกับที่อิตาลีเพราะเป็นเขตแดนของพวกยากุซ่า การ์เดียนที่เป็นเหมื่อนทหารมักจะมีปัญหากับฮันเตอร์ประจำ จนเกือบเกิดสงครามเงียบๆระหว่างฮันเตอร์กับการ์เดียนสาขาญี่ปุ่น ทางเบื้องบนกลัวว่าจะเกิดความเดือนร้อนไปถึงประชาชนเลยตัดสินใจทำสัญญาสงบศึกกับพวกฮันเตอร์ด้วยการยุบการ์เดียนสาขาญี่ปุ่นซะ พวกเราเลยถูกแยกกันไปคนละทาง”แคปเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง ในอดีตเขาเคยอยู่สังกัตการ์เดียนสาขาญี่ปุ่นแต่อยู่ได้ถึงหนึ่งปีเต็มสาขานี้ก็ต้องถูกยุบแล้วเขาก็ถูกส่งตัวไปสำนักงานใหญ่ที่รัสเซีย

     

    “บ้านเก่านายสินะ” เชสพูดแล้วมองแคป  อีกฝ่ายให้คำตอบมาด้วยการพยักหน้า

    “งั้นแบ่งกลุ่มกันเถอะ เอเรียส มิร่า แคป พวกนายสำรวจภายในอาคารกับพื้นที่รอบๆ ส่วนฉัน เชส เอไนท์ จะสำรวจป่าแถวนี้ เริ่มภารกิจ” เมื่อสิ้นเสียงของเซจิ ทุกคนต่างแยกย้ายไปทำงาน

     

    ด้านในป่า

     

    เซจิที่เมื่อสั่งการเสร็จก็รีบเข้ามาในป่าทั้นที เขาเหลือบมองท้องฟ้ากลายเป็นสีแดงแสดงให้เห็นถึงเวลาอาทิตย์อัสดง ซึ่งเป็นเวลา ออกหากิน ของอสูรหลายชนิด ชายหนุ่มกระชับอาวุธในมือแล้วมองไปรอบๆอย่างระวังตัว

    กรรรรรรรร!

    เสียงร้องคำรามดังออกมาจากเงามืด พร้อมร่างเจ้าของเสียงที่กระโดดออกมาจากด้านหลังเซจิ เมื่อสัมพัสได้ถึงอันตรายเซจิจึงกระโดดหลบขึ้นไปบนต้นไม้ แล้วมองลงมาที่อสูรข้างล่าง

    “คิเมร่า?” เซจิกล่าวสายพันธ์ของอสูรตนนั้นอย่างแปลกใจ ปกติคิเมร่าจะอยู่ในป่าลึก และไม่น่าจะมีมันอยู่ในที่ใกล้ผู้คนแบบนี้

    “ กรรรรรร!!” ไม่มีเวลาให้คิดมาก เจ้าคิเมร่าตัวใหญ่ใช้กรงเล็บของมันตะปบโคนต้นไม้ที่เซจิอยู่จนหักเป็นสองท่อน

     

    ปั้งๆ ๆ

    ไม่รอให้อีกฝ่ายโจมตีอยู่ฝ่ายเดียว เซจิยิงปืนกระสุนเงินสวนกลับไปโดนขาขวาเจ้าคิเมร่าจนล้ม แต่ไม่จบแค่นั้นดูเหมือนจะยิ่งทำให้มันโกรธแล้วพุ่งเข้าหาเขาอีกรอบ

    “งานนี้เจอของหนักแล้วไงล่ะ” เซจิพูดเสียงแห้งพร้อมกับดวงตาสีแดงที่เรืองแสงออกมา

     

     

     

     

                    รากไม้และเถาวัลย์ตามทางขาดออกจากกันด้วยมือของหนุ่มผมเขียว เชสเซียร์ ส่วนมืออีกข้างกุมจมูกของตัวเองไว้

    ดวงแก้วสีอัมพันสวยจ้องมองไปตามทางหาต้นตอของกลิ่น อันไม่น่าพิษมัย กลิ่นเหม็นเน่าของซากศพ

    “กลิ่นแรงขึ้นแล้วใกล้ๆนี่แหล่ะ” เชสพูดกับตัวเองพร้อมเท้าทั้งสองที่ลดความเร็วลง

    “ให้ตายสิ กลิ่นแรงเป็นบ้าเลย” เชสบ่นออกมาเมื่อใกล้ถึงต้นตอของกลิ่นเหม็นเน่านี้ สาบานได้ว่าถ้าไม่ใช่ภาระกิจคนจมูกดีอย่างเขาจะไม่เฉียดเข้าใกล้กลิ่นเม็นเน่าพวกนี้แน่ มือขาวเกือบซีดปัดเถาวัลย์ที่ขวางทางออก เมื่อพบสิ่งที่ตามหาเชสรีบหลบหลังม่านไม้ทันที่

     

    ซูปราคาบราสองตัวรุมกินซากศพของสัตว์ชนิดหนึ่งที่ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นตัวอะไรเนื่องจากซากศพเหมือนถูกกระชากออกจากกันจนไม่เป็นรูปเป็นร่าง

    “ชิ ดันมาเจอพวกไก่หมู่นี่ได้ คำสั่งว่าให้ตรวจไม่ได้ให้สู้สินะ งั้นไปรายงานคุณหัวหน้าผมแดงดีกว่า” เชสพูดอย่างเลี่ยงๆพรางปิดปากหาว

     

    แซกๆ!!

    กรรรร!!  แต่ไม่ทันนที่จะได้ไปจากจุดนั้น ซูปราคาบราสองตัวที่รับรู้ว่ามีแขกไม่ได้รับเชิญมามองพวกมันกินอาหารเย็นต่างพากันส่งเสียงร้องออกมา และส่งสัญญาณเรียกเพื่อนของมันมาอีก4ตัว

    งานงอกอีกแล้ว ให้ตายสิ เชสสถบในใจก่อนจะเข้าไปลงมือฟัดกับพวกกลิ่นตัวเหม็นเน่าที่เขาเกลียดนักเกลียดหนา

     

     

     

    อีกฟากหนึ่งของป่า

     

     

    “อ.....เอ๋”  ดวงตาสีฟ้าเนื่องจากการตกแต่งของเอไนท์กวาดตามองไปรอบๆมีแต่ ต้นไม้ ต้นไม้ และต้มไม้  หนุ่มร่างเล็กความสูงน้อยเอไนท์มองสภาพรอบๆอย่างงงๆเพราะไม่รู้จะไปทางไหนดี ถ้าจะให้กลับทางเดิมขอตอบตรงๆเลยว่าเขาลืมไปแล้วว่ามันทางไหน 

    “เอาไงดีเนี่ย” เอไนท์บ่นเบาๆ พรางสุ่มทางเดิน

    กรึก แกรบๆ ตึก

    “ว...หวา!!!!!!!!” ด้วยโชคหรือความซุ่มซ่ามก็ไม่อาจรู้ได้ เอไนท์ผู้น่ารักสะดุดล้มกลิ้งตกเนินเขา

    “ แอก ” เอไนท์ร้องออกมาเมื่อเข้าชนกับต้นไม้ด้านล่าง เจ้าของส่วนสูงอันน้อยนิดเมื่อเทียบกับคนรุ่นเดียวกันดันตัวให้ลุกขึ้นนั่ง ความรู้สึกโล่งๆบนหัวทำให้หนุ่มร่างเล็กใช้มือลูบๆบนศรีษะของตน

    “แว่น!!!!!! แว่นหายไปไหน!!!!!!!” เอไนท์ร้องลั้น แล้วคลำหาแว่นตาสีชาของรักของหวงที่มักคาดไว้บนหัว

    ตุบ!!    อยู่ๆแว่นตาสีชาเจ้ากรรมก็ตกลงมาตรงหน้าพร้อมความรู้สึกถึงลมหายใจร้อนๆรดเหนือศรีษะ และเมื่อเงยหน้าดู

    “ว๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก” เอไนท์ร้อวด้วยความตกใจแล้วรีบกระโดดขึ้นต้นไม้

    “ม....หมา?” หมาป่าขนฟู สีน้ำตาลเข้ม ดวงตาสีเขียวเข้มจ้องมองไปที่เขา เอไนท์เบิกตากว้างด้วยความตกตะลึงทำไมน่ะเหรอ ก็เจ้าสุนัขป่าตั้วนั้นดันตัวใหญ่เท่ารถยนต์น่ะสิ

    “โฮ่ง!!” หมาป่าสีน้ำตาลตัวยักษ์เห่าขึ้น พร้อมกระดิกหางไปมาเหมือนชิสุเจอเจ้านาย

    “อ....เอ่อ” เอไนท์ในตอนนี้มึนตึบสมองเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถามเตมไปหมดจนเมื่อ.....

    “โฮ่ง!!” หมาป่าที่ทำท่าทางเหมือนชิสุคาบแว่นสีชาที่เอไนท์ลืมหยิบขึ้นมาด้วย แล้ววิ่งหายไปในป่า

    “อ....ไอ้หมาบ้าเอวแว่นฉันคืนมา!!!!!!!!!!!!!!” เอไนท์ที่เห็นหมาป่าคาบแว่นสุดหวงไปต่อหน้าต่อตากระโดดลงจากต้นไม้แล้ววิ่งตามหมาป่าไป

     

    แสงสว่างเรืองรางอยู่ด้านหน้าอย่างน่าสงสัยพร้อมร่างหมาป่าสีน้ำตาล เอไนท์ได้ทีกระโดดตระคุบหางหมาป่าเอาไว้ จนมันเสียหลังล้มทั้งสองร่างกลิ้งออกมาในพื้นที่ราบกลางป่า ดาวตาสีฟ้าหลี่ลงเพื่อปรับให้ชินกับแสงทั้งที่นี่เป็นตอนกลางคืนแต่กลับมาแสงเจิดจ้า เมื่อสายตาปรับเข้ากับความสว่างได้เอไนท์จึงพอเห็นอะไรชัดเจนขึ้น

     

                    เปลวไฟลุกโหมเผ่าไหม้กอหญ้าแห้ง ซากซูปราคาบราจำนวนหนึ่งกองกระจายอยู่บนพื้น พรรคพวกของมันที่เหลือรุมล้อมร่างหนึ่งเข้าไว้ ชายหนุ่มร่างสูงเจ้าของเลือนผมสีเขียวอันเป็นเอกลักษณ์ที่ขารู้จักดี

    “เชส...” เอไนท์เรียกเพื่อนของตน

    “หือ?...” เชสเซียร์หันกลับมามองเขาด้วยสีหน้าเฉียชาเหมือนปกติ

    “ให้ช่วยไหม?” เอไนท์ถามขึ้นเพราะดูเพื่อนของตนจะไม่ค่อยลำบากเท่าไรในการจัดการกับอสูรมารพวกนี้

    “อืม.....ไม่ต้องหรอก นายช่วยกัดการไอ้เห็บข้างหลังนั้นทีสิ” เชสเซียร์ตอบพร้อมมองไปด้านหลังของเพื่อน เอไนท์หันมองตามเห็นเข้าหมาป่าตัวใหญ่สีน้ำตาลนั้งหนาสลอนพร้อมคาบแว่นสีชาของเขาอยู่

    “อ๊ากกกกกกกก แว่นช้านนนนนนนน แกเอาคืนมานะไอ้หน้าเห็บ ” เอไนท์ที่เห็นแว่นตัวเองอยู่คาปากเจ้าหมายักษ์ก็ตรงเข้าไปฟาดด้วยท่อนไม้ที่เก็บได้ข้างทาง ทำเอามันเซหัวหมุนเลยทีเดียวแต่มันก็ยังไม่ยอมปล่อยแต่กลับวิ่งหนีเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย

     

     

     

    ในอาคารทางด้านมิร่า

                    แสงจากไฟฉายส่องให้ทางเดินสว่างพอที่จะมองเห็นอะไรได้บ้าง ดวงตาสีฟ้าใสกวาดมองตามทางแต่ยังไปพบสิ่งมีชีวิตใด จนเมื่อเดินผ่านห้องห้องหนึ่งรางสังหรบางอย่างเรียกให้เธอเปิดประตูเข้าไป ห้องคล้ายๆห้องเก็บของขนาดใหญ่เต็มไปด้วยข้าวของเครื่องใช้ผุๆพังๆ มิร่าจึงลองสำรวจภายในห้องดูจนไปถึงซอกหนึ่ง ร่างเด็กสาวผมดำในชุดนักเรียนญี่ปุ่นถูกมัดด้วยโซ่อย่างแน่นหนาเส้นผมสลวยสีดำตกลงมาปลกหน้าดูหลอนอย่างบอกไม่ถูก

    “ไม่ใช่ภาระกิจไม่ต้องสนก็ได้มั้ง” มิร่าบ่นปัดๆไป อย่าเข้าใจผิดไปเธอไม่ได้กลัวผีนะแค่ไม่ชอบอะไรหลอนๆสยดสยองแค่นั้นเอง(ทำเหมือนคุณเธอไม่สยองเลย)

    “....เดี๋ยวสิคะ ช่วยฉันด้วย ช่วยด้วยค่ะ” เด็กสาวผมดำตื่นขึ้นมาร้องเรียกเธอเอาไว้

    “เธอเป็นใครน่ะ” มิร่าหันกลับไปมองหน้าเด็กสาว ดวงตาสีดำสนิทคู่สวยประดับบ่นใบหน้ามนสวยขาวเนียนได้รูปดูสวยแบบสาวญี่ปุ่น

    “ฉัน.....” คนถูกถามกำลังเอ่ยตอบแต่ไม่ทันไดพูดอะไรเสียงประตูห้องถูกเปิดออกทำเรียหความสนใจจากบุคคลทั้งสอง

    “ไง รอนานไหมคุณหนู” เสียงทุ้มของผู้ชายดังขึ้นจากหน้าห้องพร้อมร่างสูงโปร่งสองร่างเดินเข้ามา

    “พวกแกเป็นใคร” มิร่าอาศัยความมืดเข้าล็อคคอชายคนหนึ่งเอาไว้แล้วเอามีดเล่มยาวที่ยืมเซจิมาจ่อคอเพื่อขู่

    “ก....แก การ์เดี้ยน” ชายอีกคนร้องออกมาพร้อมกระชับปืนในมือให้แน่นขึ้น

    “พวกฮันเตอร์?” มิร่าพูดอย่างสงสัยเพราะดูจากรูปภายนอกแล้วไม่น่าใช่โจรธรรมดาเป็นแน่

    “หึ ก็รู้ดีนี่ ว่าแต่พวกแกเข้ามาทำอะไรในนี้ คงไม่ได้คิดจะทำผิดสัญญาระหว่างสมาคมใช่ไหม” ชายผู่ถูดเธอล็อคเอาไว้พูดขึ้น

    “หึไม่หรอก แค่มาเดินเล่นน่ะ” มิร่าพูดด้วยน้ำสียงหยี่ยวนกวนประสาท

    “งั้นก็เชิญไปเดินเล่นที่อื่นด้วย อย่ามาขัดขวางการทำงานของเราแล้วปล่อยเพื่อนฉันได้แล้ว” ฮันเตอร์หนุ่มพูดเสียงเย็นพรางจ่อปืนมาที่เธอ

    “ไม่ได้หรอกนะ เพราะฉันน่ะ.....อั๊ก” เมื่อเห็นจังหวะที่มิร่าเผลอคนถูกล็อคก็ใช้ศอกฟาดเข้าที่ท้องของเธอจนมิร่าทรุดลงด้วยความเจ็บปวด

    “คุณ.....อ๊ะ” สาวญี่ปุ่นที่ตอนนี้กลายเป็นเป้าหมายร้องขึ้นด้วยความเป็นห่วงแต่แล้วเธอก็ถูกชายคนหนึ่งกระชากคอเสื้อขึ้น

    “นี่.....หาเรื่องกันแล้วคิดจะชิ้งหนีกันหรือไง ชักจะโมโหขึ้นมาแล้วนะ พวกแกน่ะต้องชดใช้ที่ทำร้ายฉันด้วยการถูกเชือดเป็นชิ้นๆ” มิร่าแสยะยิ้มกว้างพร้อมกระชับมีดในมือ ส่วนฮันเตอร์อีกสองคนจ้องมาที่เธอพร้อมเตรียมอาวุท

     

     

    ____________________________________________________________________________

     

    ทุกคนเค้ากลับมาแล้วTwT ใครสาปแช่งไรท์ไปแล้วบ้าง?

    ขอโทษที่ดองเป็นเดือนมันตัน+เทอมนี้ต้องจัดการเรื่องเกรดให้ดีเพราะมันส่งผลถึงโควต้า+ความสามารถในการแต่งลดน้อยลงนิดหน่อย(มั้ง) 

    ไรท์จะพยายามหาเวลาว่างมาแต่งเรื่องนี้เรื่อยๆสลับกับฟิคสั้นเทศกาล(ที่โดดไปหลายงานแล้ว)   

    เค้าขอโทษจริงๆนะT T
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×