Wilde (1997), directed by Brain Gilbert
He said, 'My name is Love.'
Then straight the first did turn himself to me
And cried, 'He lieth, for his name is Shame,
But I am Love, and I was wont to be
Alone in this fair garden, till he came
Unasked by night; I am true Love, I fill
The hearts of boy and girl with mutual flame.'
Then sighing, said the other, 'Have thy will,
I am the love that dare not speak its name.'
- from 'Two Loves', Lord Alfred Douglas ('Bosie')
รีวิวภาพยนตร์เรื่องThe Picture of Dorian Grayคงขอต๊ะไว้ก่อนนะตัว เพราะพูดตามตรงหนังมันไม่ถูกใจอิไดองเท่าไรเลยแอบขี้เกียจพล่าม ขอมาพล่ามหนังชีวประวัติของคนเขียนDorian Grayแทน XD
โปสเตอร์Wildeนี่... สีชมพูมันเป็นสีStugh(Stephen/Hugh)นี่นา! =[]=,,
SPOILER ALERT! ชนิดครึ่งค่อนเรื่องทีเดียวเชียว...
+ ภาพเยอะ จขบ.ไปเก็บมาเพื่อจะโพสในentryนี้ แต่ดันชอบซะหลายภาพ XD
Plot:
Wilde: My life is everything I ever wanted. I have fame. I have recognition. With two plays about to open in London, I may even have money. The world is at my command. Yet I can't command myself. I can't command my feelings for you.
พล็อตหนังเคารพชีวประวัติดั้งเดิมนัก -w-" เป็นเรื่องราวของOscar Wilde (นำแสดงโดย Stephen Fry) คนหัวสมัยใหม่ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 เป็นอัจฉริยะ นักกวี นักเขียนชาวไอริช เขากลับจากอเมริกามาถึงลอนดอน แต่งงานกับผู้หญิงดีมีปัญญานามว่าConstance(นำแสดงโดย Jennifer Ehle) มีลูกชายสองคน แม้แต่ตอนแรกๆที่Wildeยังไม่มีผลงานโด่งดัง ก็ยังถือว่าWildeเป็นคนที่เด่นในสังคมอยู่ใช่น้อย เนื่องจากรสนิยมส่วนตัวหรือเครื่องแต่งกาย เป็นต้น

สังคมวิคตอเรียนสมัยนั้นเชื่อกันว่าเรื่อง"รักร่วมเพศ"นั้น เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เลยทีเดียว และWildeเองก็ไม่เคยมีประวัติหลักฐานใดๆว่าเคยมีประสบการณ์ใดๆกับคนเพศเดียว กันมาก่อน จนกระทั่ง--ในหนังมีตอนที่Wildeได้สบตากับ rent boy (หนุ่มขายตัว) คนหนึ่งเข้า

Rent boy นำแสดงโดย Orlando Bloom สมัยยังไม่แจ้งเกิดกับLOTR
Wilde มีสีหน้าเหมือนกับกลัวตัวเองเมื่อสบตากับชายหนุ่มคนนี้ (ชวนให้นึกถึงตอนที่Basilบรรยายความรู้สึกแรกเมื่อพบกับDorian Grayนิดๆ...) หลังจากเดินหนีและครุ่นคิดกับความรู้สึกนั้นของตัวเองอยู่ Robbie Ross(Michael Sheen)ก็ชักชวนเขาให้มีสัมพันธ์รักร่วมเพศกัน ซึ่งภายหลังเป็นเพียงเพื่อนสนิทที่ดีของWildeเสมอมา
เมื่อWildeตระหนักถึงความนิยมทางเพศของตนเอง เขาก็ได้มีโอกาสไปคบหากับJohn Gray(Ioan Gruffudd) หนุ่มรูปงามคนหนึ่ง และผลิดผลงาน The Picture of Dorian Gray ออกมา ผลงานของWildeนั้นพัฒนาจนโดดเด่นและมีชีวิตขึ้นในจังหวะเดียวกับที่เขา ตระหนักถึงลักษณะทางเพศของเขา
แต่แล้วWildeก็ได้ออกบทละครLady Windermere's Fan และพบกับ 'the love that dare not speak its name (รักที่มิอาจหาญเอ่ยนาม?)' ที่แท้จริงของเขา...!

Lord Alfred Douglas หรือ Bosie นั่นเอง! (นำแสดงโดย Jude Law) เมื่อแรกพบนั้นBosieเป็นหนุ่มผู้งดงามวัย 21 ปี Wildeประทับใจเขาตั้งแต่แรกเห็น สนิทกันอย่างรวดเร็ว และพัฒนาความสัมพันธ์เป็นคู่รักในเวลาต่อมา
Oscar Wilde กับ Bosie มีความสัมพันธ์ที่เรียกว่าบ่อนทำลายกันและกัน WildeตามใจBosieอย่างเหลือล้นจนเกือบจะเรียกได้ว่าทิ้งครอบครัว ตัวBosieเองก็ตักตวงความรักจากWildeโดยไม่คิดจะตอบแทนเลยทีเดียว

Bosieเป็นบุตรชายคนเล็กของMarquess of Queensberry ซึ่งเป็นผู้ชายใจดำ ร้ายกาจ ปากเสีย เคยทำร้ายร่างกายคนในครอบครัวรวมถึงตัวBosieด้วย อีกทั้งยังรังเกียจพวกรักร่วมเพศเข้ากระดูกดำ Bosieเองก็เติบโตเป็นหนุ่มเห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ เอาแต่ใจ และภายหลังเขาก็กลายเป็นหนึ่งในตัวกระตุ้นของคดี Marquess of Queensberry vs. Oscar Wilde อีกด้วย ซึ่งลงเอยอย่างไรนั้น... จขบ.อุบไว้เพียงเท่านี้
Wilde & Bosie's relationship:
Wilde: How could they be so cruel... to one so beautiful?
จขบ.รู้สึกว่าคนมักจะไม่ชอบBosieและออกจะรำคาญWildeที่ตามใจBosieมากเกินพอดี แต่... จขบ.กลับรักBosieซะงั้น 55

จขบ.ว่าความสัมพันธ์ของWildeกับBosieนั้นดูเป็นอะไรที่"หลีกเลี่ยง ไม่ได้" ต่อให้Robbieดีแค่ไหน John Grayงามเพียงใด หรือConstanceจะเข้มแข็งขนาดไหน... ไงๆก็สมแล้วที่Wildeจะรู้สึกดึงดูดเข้าหาBosie

ส่วนหนึ่งเป็นเพราะจขบ.คิดว่าOscar Wildeเป็นผู้ชายที่มีสติปัญญาสูง มีความคิดเห็นเป็นของตัวเอง ฉะนั้นเขาจึงไม่ต้องการคอยให้ใครมาสั่งสอน กลายเป็นว่าเขากลับชอบที่จะสั่งสอนคนอื่นมากกว่า หรือก็คือ... Wildeดึงดูดเข้าหาBosieด้วยสัญชาตญาณความเป็น"พ่อ"อยู่บ้างนั่นแหละ

สองคนนี้เลิกมีเซ็กซ์กันในเวลาอันสั้น และWildeก็เชื่อว่าพวกเขาเป็นเหมือนแบบอย่างของ 'platonic love (รักบริสุทธิ์)' อย่างที่ชาวกรีกโบราณอาจเรียกกัน ความรักอย่างที่ชายแก่กว่ามีต่อชายที่อายุอ่อนกว่า อาจารย์ต่อศิษย์คนหนึ่ง อะไรเทือกนั้น ฉะนั้นนอกเหนือจากการดึงดูดเข้าหาท่าทางหาญกล้าและหลงใหลในความงามแบบคลาสสิ คของBosieแล้ว ดูเหมือนWildeจะพยายามมีอิทธิพลกับชีวิตของBosieอีกด้วย
แต่Bosieเองก็เป็นฝ่ายควบคุมตัวWildeเอง เพราะWildeจะเขียนอะไรไม่ได้เลยระหว่างที่ใช้เวลาอยู่กับBosie และคนอย่างBosieก็ใช่ว่าจะสั่งสอนกันได้ เพราะว่าเขามาจากครอบครัวที่แตกแยก ซึ่งเป็นผลทำให้Bosieพึ่งWildeในหลายๆเรื่องและเอาแต่ใจสารพัด แต่เขาก็รักWildeในแบบของตัวเอง
Comments:
- สนุกและน่าสนใจดีอยู่หรอก แต่รู้สึกว่าอยากให้มันเข้าถึงเนื้อในมากกว่านี้อย่างบอกไม่ถูก บางช่วงรู้สึกแบนๆไปหน่อย มันไม่ได้น่าเบื่อหรอกเพราะเป็นเรื่องราวที่heartbreakingอยู่นะ แต่ดูบางตอนรู้สึกว่าไม่ได้เข้าถึงสถานการณ์ ณ จุดนั้นเท่าที่ควร
- เออ เลือกคนแสดงกันมาได้ จขบ.เชื่อเขาเลย - -" เหมาะเสียยิ่งกว่าเหมาะ จับnational Adonis(Jude)มาแสดงคู่กับMr. Fry(national treasure)ซะด้ายยย
- ใครเป็นสาวก Jude Law นี่ต้องดูเป็นอย่างยิ่ง จขบ.ว่าเขาตีบทแตกในฐานะBosieแบบไม่ทน -w-" กระแดะ แร่ด แรง ครบสรรพแท้ๆ
- ส่วน Stephen Fry.. ดูแรกๆแล้วรู้สึกเหมือนเห็นStephenมากกว่าเห็นWildeจนรู้สึกขัดๆเล็กน้อย แถมเห็นStephenจูบกับผู้หญิงแล้วรู้สึกตากระตุก ก็เข้าใจอยู่หรอกนะว่าWildeเป็นผู้ชายที่สูงมาก อวบหน่อย เป็นเกย์ รสนิยมการแต่งกายมีเอกลักษณ์ เป็นคนตลกและมีเก่งในเชิงโวหาร ซึ่ง... ตรงกับStephenซะไม่มี ใช้เวลานิดหน่อยถึงจะชินว่านี่คือWildeนะเฟ้ย! = =" (แต่จขบ.ไม่มีปัญหาแยกJeevesกับStephenออกจากกันนะ ขานั้นเขาออกจะเป็นคนละคนกัน XD)
- จขบ.รู้สึกไม่โดนโดนกับฉากจูบของWildeกับRobbieยังไงก็ไม่รู้ เหมือนกับว่าchemistryมันติดขัดยังไงชอบกล (ทั้งๆที่Sheenออกปากว่าStephen 'is a surprisingly good kisser' ...เออออ๋)
- Costumeก็ดีไซน์กันมาได้ XD Wildeแต่งตัวได้โดดเด่นแท้ๆเลย มีสูทสีเหลืองมะนาวด้วย owO" ส่วนBosieก็จะใส่อะไรมีสีสันอ่อนๆ แสดงถึงความเยาว์วัยกับความงดงามจริงๆ XD
แปะภาพปิดท้ายเพิ่มเติม...

Oscar Wilde
และคู่รักของเขา..

ปล. ดูเรื่องนี้แล้วอยากเห็นหนังรักของ Marlowe/Shakespeare ก๊ากกกกก (มันคงไม่มีหรอกน่ะ... อืมม์...) ไม่งั้นก็หนังชีวประวัติของLeonardo Da Vinciกับความรักที่เขามีต่อSalaiและMelzi! XD ส่วนEros/Apolloนี่จขบ.คงต้องจิ้นเอาเองเท่านั้น - -"" (ช่างขวานขวายหาวายข้ามยุคเอามากๆ)
ความคิดเห็น