คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : เกมร้ายร่ายปรารถนา - 2
1
หนึ่งเดือนต่อมา…
“ดีใจด้วยนะเอม
เอมของเมย์เก่งที่สุดเลย” มัลลิกาสวมกอดเพื่อนรักที่เรียนร่วมกันมาจนจบมหาวิทยาลัยด้วยความยินดีจากใจ
“ตัวก็ไม่ต้องเครียดไปหรอกนะเมย์
ปีหน้ายังไงก็มีโอกาสสอบอีก อ่านหนังสือเยอะๆ เราเอาใจช่วย” เอมมาลินลูบหลังบอบบางของเพื่อนรักไปมาด้วยความเห็นใจและเข้าใจอย่างที่สุด
มัลลิกามีปัญหาทางบ้านที่ทำให้เครียดจนคิดไม่ตกจึงไม่มีกะจิตกะใจจะอ่านหนังสือสอบเช่นหล่อน…
ที่ไม่มีภาระอะไรให้ต้องคิดเครียด แต่ก็ยังเชื่อว่ามัลลิกาจะสามารถสอบบรรจุข้าราชครูได้อย่างแน่นอนเพราะโดยเนื้อแท้เป็นคนเรียนดีพอกัน
ขยัน และมีความตั้งใจสูง
จะเสียก็แต่…
นุ่มนิ่ม ไม่ค่อยสู้คน
หากเกิดเรื่องเกิดราวก็เลือกที่จะเงียบเพื่อให้เรื่องราวบานปลายมันผ่านพ้นไป
ไม่ชอบแก้ตัวให้ใครฟังนักหรอก หากไม่ใช่คนที่รักและแคร์ความรู้สึกมากที่สุดก็จะปล่อยผ่านไปทันที
“ไปกินขนมกัน
แม่เตรียมขนมไว้รอเธอเพียบเลย”
มัลลิกาเดินตามแรงจูงไปพบปะกับคนในครอบครัวของเพื่อนรักที่สนิทสนมกันดี
วันนี้พี่ ป้า น้า อา และหลานๆ ของเอมมาลินต่างพากันมาร่วมแสดงความยินดีกับคุณครูคนใหม่อย่างพร้อมเพรียง
หล่อนอยู่ร่วมฉลองจนบ่ายคล้อยก็ขอตัวกลับเพราะนัดกับคนเป็นป้าว่าจะไปปล่อยปลาที่วัดในช่วงเย็นด้วยกัน
ทว่าที่หน้าบ้านของหล่อนกลับมีรถกระบะสามคันจอดปิดประตูรั้วเอาไว้
ดูน่าตกใจไม่น้อยเลย เพราะแต่ละคันไม่ค่อยคุ้นตานักจึงรีบผลักประตูเข้าไปด้วยความเป็นห่วงป้าซึ่งอยู่คนเดียว
“ผมให้เวลาถึงพรุ่งนี้เที่ยง
ย้ายข้าวของออกไปให้หมด มะรืนเจ้าของคนใหม่เขาจะเข้ามาดูบ้าน”
เสียงห้าวทุ้มดังลอดออกมา
มัลลิกาจึงชะงักเท้าเงี่ยหูฟังด้วยใจที่เต้นตุบ
“ฉันหาที่อยู่ใหม่ไม่ทันหรอก
ขอเวลาสักสองสามวันไม่ได้หรือพ่อคุณ”
“ผมไม่ชอบให้ใครมาต่อรอง
ถ้าไม่อยากย้ายไปก็หาเงินมาไถ่คืนไป”
“เจ็ดล้านใช่ไหม
ฉันจะหาเงินมาไถ่คืนก็ได้ แต่ขอเวลาสักสองสามอาทิตย์ได้ไหม
รอขายที่อีกแปลงได้จะเอาไปไถ่คืนทันที”
“สิบสี่ล้าน สามวัน
ถ้าไม่มีก็ไม่ต้องมาพูดกัน”
เสี่ยหน้าเลือดยังคงพูดบีบทุกทางให้นางจนมุม
ยังไงก็จะเอาบ้านและที่ดินผืนนี้ไว้ขายต่อให้ได้
“อะไรกัน
ไหนบอกว่ามันเอาไปจำนองไว้เจ็ดล้านไง”
“ก็นั่นมันราคาจำนอง ไม่ใช่ราคาไถ่คืน
ตกลงตามนี้ ขี้เกียจพูดมาก… เจ็บคอ”
ร่างท้วมอีกทั้งสูงชะลูดลุกพรวดขึ้นมา
ขยับสูทสีเทาเข้าที่พลางกระแอมเสียงทำทีเป็นเจ็บคอแล้วเดินดิ่งออกไปโดยไม่ล่ำลา
ลูกน้องก็พากันเดินตามออกไปอีกโขยง
มัลลิกาหลบไปยืนข้างบ้านเพราะไม่ชอบพวกอันธพาล
กลัวโดนพวกมันลวนลามเอาฟรีๆ พอพวกนั้นพ้นรั้วบ้านไปก็รีบเข้ามากอดคนเป็นป้าที่นั่งน้ำตาตกอยู่บนโซฟาด้วยความทุกข์ร้อนใจ
คุณวิศณีกลั้นสะอื้นจนตัวโยน
นางไม่อยากร้องไห้ซ้ำๆ แต่มันเกินจะทนแล้วกับสิ่งที่สามีรุ่นลูกก่อทิ้งไว้ให้ต้องแก้ก่อนจะหนีไปกับผู้หญิงคนใหม่…
“ไอ้เอกสิทธิ์ มันสารเลว
ป้าเกลียดมัน ป้าไม่น่าโง่ไปหลงรักคนอย่างมันเลย”
มัลลิกาลูบไหล่สะท้านถี่ด้วยความเห็นใจ
และเข้าใจดีในผลกรรมที่คนเป็นป้ากำลังแบกรับมันสนองกลับมาหนักหนาแค่ไหน
เพราะความรักเป็นสิ่งที่ห้ามไม่ได้
เป็นพื้นฐานของความสุขที่ใครต่างก็อยากได้จึงต้องไขว่คว้า โดยไม่รู้เลยว่าอนาคตวันข้างหน้ามันจะย้อนกลับมาทำร้ายเราให้เจ็บปวดอย่างแสนสาหัส
เมื่ออีกฝ่ายหมดรักและเห็นแก่ความสุขของตัวเองมากกว่า...
เอกสิทธิ์จงใจเข้ามาหลอกลวงป้าไปจนหมดตัว
มันวางตัวดีมาตลอดเพื่อให้ป้าตายใจจนยอมพาเข้ามาอยู่กินกันฉันท์สามีภรรยา
ไม่ถึงปีหลังจากคบหากันมาสองปีกว่าๆ มันก็ออกลาย
ขโมยโฉนดบ้านและที่ดินของป้าไปจำนองกับเสี่ยค้าที่ดินหน้าเลือดให้ต้องถูกยึด
เราสองคนถึงได้เครียดจนแทบไม่เป็นอันทำอะไร…
เพราะเงินสดที่คนป้าเก็บสะสมไว้ในเซฟมันก็เอาไปจนหมด
เหลือเงินในธนาคารอีกไม่ถึงสามแสนเท่านั้น
“คุณย่าขา”
เสียงเจื้อยแจ้วของเด็กหญิงวัยหกขวบดังมาตั้งแต่หน้าประตูบ้าน
ก่อนจะวิ่งมาถึงตัวคุณย่าที่กำลังจัดเรียงขนมหวานใส่จานไว้รอท่าเช่นทุกวัน
คุณจิตราหันไปอ้าแขนรับ กอด หอม แล้วอุ้มขึ้นมานั่งตัก
เด็กหญิงก็พนมมือไหว้อย่างน่ารักน่าเอ็นดูเช่นทุกครั้งที่กลับมาจากโรงเรียน
“สวัสดีค่ะคุณย่า
สวัสดีค่ะคุณย่าทวด”
“สวัสดีค่ะ”
คุณใจแก้วรับไหว้เหลนตัวน้อยด้วยรอยยิ้มแล้วส่งจานขนมให้ “ของหนูจ้ะ”
“ขอบคุณค่า...” เด็กน้อยโน้มตัวเข้าไปรับจานขนมมาประคองด้วยสองมืออูมๆ
“...ของโปรดหนูผิง” ตากลมใสแป๋วจ้องขนมลูกชุบสีสันสดสวยน้ำลายสอ “...หนูผิงชอบที่สุดเลยค่ะ”
ว่าอย่างนั้นแล้วก็เงยหน้าอวบอิ่มมายิ้มแฉ่งแข่งตะวันให้คนเป็นย่า
“ชอบก็กินเยอะๆ สิลูก
ถ้าไม่พออิ่มเดี๋ยวย่าเอามาเพิ่มให้อีกเยอะๆ เลย ดีไหมคะ”
“ดีสุดยอดเลยค่ะคุณย่า”
หนูผิงยิ้มแฉ่ง ยกนิ้วโป้งให้คุณย่าว่าเยี่ยมมากๆ หนูผิงถูกใจที่สุด
คุณจิตราทั้งเอ็นดูทั้งมันเขี้ยว
นางหอมแก้มหลานสาวจนยับยู่ก่อนปล่อยให้จับขนมยัดใส่ปากตุ้ยๆ เคี้ยวกินด้วยความเอร็ดอร่อย
“เรื่องเพื่อนเราน่ะว่าไง
นี่เดือนหนึ่งแล้วทำไมยังเงียบกริบ”
“หนูก็รอคำตอบอยู่เหมือนกัน
เห็นว่าหนูเมย์สอบเสร็จจะโทรมาบอกอีกที คงยังไม่กล้าคุยกับหลานน่ะค่ะ
ยายวิก็เหมือนหนู ไม่กล้าบังคับใจลูกหลาน...”
“น่าเห็นใจนะ”
เพราะภายใต้เงื่อนไขของลูกสาวที่หยิบยื่นให้นั้น
ถ้าคิดให้ลึก... มันก็ไม่ต่างอะไรกับการขายลูกหลานเพื่อเอาเงินไปใช้หนี้เลย
จังหวะนั้นเสียงเพลงสากลสุดฮิตก็ดังขึ้นจากโทรศัพท์มือถือของคุณจิตรา
นางมองแล้วอุทานด้วยความดีใจ ยิ้มแฉ่งขึ้นมาทันทีที่เห็นว่าเป็นใคร
“อุ๊ย… ตายยาก
โทรมาพอดีเลยค่ะคุณแม่”
“ไปรับสายไป… หนูผิงน่ะเดี๋ยวแม่ดูให้”
“ขอบคุณค่ะแม่
อยู่กับย่าทวดไปก่อนนะคะ ย่าขอไปคุยธุระกับเพื่อนก่อน”
“ตามสบายค่า”
หนูผิงบอกเสียงใส หันไปกินขนมตุ้ยๆ
คุณยายทวดยังช่วยหยิบใส่ปากให้ด้วยเพราะหลานตัวน้อยกินเก่ง…
“ว่าไงวิ”
“จิต… ฉัน…”
ความเจ็บจุกทำให้คุณวิศณีพูดไม่ออก นางเงยหน้าขึ้นไปสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
พลางปาดออกไปจนหมดแล้วเค้นเสียงออกมา “ฉันต้องการความช่วยเหลือจากเธอ
พรุ่งนี้ฉันจะไปหาเธอที่ปากช่องพร้อมกับยายเมย์”
คุณจิตราเข้าใจว่านี้คือความทุกข์อย่างที่สุดของเพื่อน
มันเป็นความยากลำบากอย่างที่สุดที่ต้องตัดสินใจยกหลานให้นางเพื่อความอยู่รอด
แต่มันอดยิ้มอย่างพอไม่ได้จริงๆ
ที่จะได้หลานสาวผู้มีกิริยามารยาทเพียบพร้อมของเพื่อนมาเป็นสะใภ้ในไม่ช้านี้แล้ว
“ถ้าเธอตกลงกับหนูเมย์เรียบร้อยแล้ว
ฉันก็ตกลง พรุ่งนี้ฉันจะส่งคนไปรับ ไม่สิ… ฉันไปหาเธอเองดีกว่า
ลุงป้ายจะได้ไม่ต้องขับรถกลับไปกลับมาหลายรอบ”
“ตามใจเธอ ฉันยังไงก็ได้”
“แล้วเจอกันจ้ะ”
ความคิดเห็น