ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [End] เมื่อสิ้นกำแพงชิน่า - Attack on Titan [Yuri] [Mikannie]

    ลำดับตอนที่ #31 : ตอนที่ 27 เทพธิดาแห่งกำแพง

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.05K
      58
      21 พ.ค. 57

    ตอนที่ 27 เทพธิดาแห่งกำแพง

    254 ปีก่อน คริสตศักราชที่ 798 อาณาเขตเยอรมันเก่า

    มนุษย์... ถูกไล่ล่าจับกินโดยพวกไททัน ยาวนานหลายกัปกัลย์ นับสิบนับร้อยชั่วอายุคน ทว่ามนุษย์อีกหลายกลุ่มสามารถหลบซ่อนตัว พรางตัวไม่ให้ไททันหาเจอ เลือกจุดยุทธศาสตร์ตั้งถิ่นฐานให้ปลอดภัย แต่มนุษย์แห่งลาสวู้ดไม่ใช่หนึ่งในนั้น พวกเขาเป็นมนุษย์ที่อาศัยในดินแดนทุ่งโล่ง ถูกมองจากมนุษย์กลุ่มอื่นว่าเป็นชนเผ่าเยอรมันป่าเถื่อน แต่ก็เพราะลักษณะเด่นนี้ที่ทำให้พวกเขาพยายามจะยืนหยัดอยู่ในดินแดนบ้านเกิดของพวกเขา

    อิสระของมนุษย์จะไม่ได้รับมาด้วยการหลบหนีและหลบซ่อน นี่คือความเชื่อที่สืบทอดมาชั่วลูกชั่วหลานของชาวลาสวู้ด พวกเขายืนหยัดยึดป่ายักษ์เป็นอาณาจักรของพวกเขา ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่โหดร้ายและฝูงไททันด้านนอกนั้น มนุษย์กลุ่มนี้จึงเป็นกลุ่มที่พัฒนาตัวเองได้อย่างก้าวกระโดด ทั้งกับดักและอาวุธรอยแปดพันเก้าที่งัดออกมาสู้ตายกับพวกไททัน และมนุษย์บางคนที่สืบเชื้อสายที่แปลงร่างเป็นไททันได้ก็ฝึกงัดพลังของไททันออกมาใช้ให้ได้ทุกหยด พวกเขาจึงสามารถยืนหยัดต่อสู้มาได้เรื่อยๆ... จนกระทั่งคอเตชหันมาสนใจพวกเขาเข้า

    คอเตชอยากได้นักรบฝีมือดี กล้าหาญไม่กลัวตาย แต่คอเตชอยากได้เฉพาะกลุ่มที่สามารถแปลงร่างได้ กลุ่มที่ไม่สามารถแปลงร่างได้จึงเสี่ยงจะถูกฆ่าล้างบาง ท่ามกลางความไม่ลงรอยระหว่างคอเตชและราชาแห่งลาสวู้ด... ไคโร คอเตชจึงยื่นข้อเสนอที่จะสร้างพันธะสัญญาทางสายเลือดขึ้น คือไคโรต้องส่งตัวลูกสาวของเขาทั้งสี่คนให้แก่คอเตช แล้วคอเตชจะยอมรับมนุษย์ที่ไม่สามารถแปลงร่างได้เข้ามาอาศัยในนครแห่งขุนเขา

    ฟังดูเป็นการข่มขู่และเป็นข้อเสนอที่ชาวลาสวู้ดมีแต่เสียกับเสีย

    แน่นอนว่าไคโรไม่ยอม สงครามระหว่างพวกเขากับชนเผ่านักรบจึงปะทุขึ้น อาณาจักรลาสวู้ดเป็นอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ ใหญ่กว่าโลกในกำแพงเกือบสามเท่าได้ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่สู้เป็น กลับกันฝ่ายของคอเตชมีแต่นักรบ ไม่มีใครสู้ไม่เป็น สงครามจึงกลายเป็นการนองเลือด ฆ่าและชโลมเลือดของฝ่ายลาสวู้ดให้อาบแผ่นดิน ราชาไคโรตายลงในสงคราม และอาณาจักรลาสวู้ดก็ไร้ซึ่งผู้นำ ในตอนนั้นรัชทายาททั้งหมดของลาสวู้ดคือยูมิล ชิน่า โรสและมาเรีย ยูมิลเป็นรัชทายาทคนโตสุด แม้จะเป็นฝาแฝดกับชิน่า แต่เธอก็เกิดก่อน ชาวลาสวู้ดจึงขอให้เธอขึ้นครองบัลลังก์

    อาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ที่สุด หากถามว่าเวลาใดที่อาณาจักรอ่อนแอลงก็ต้องตอบว่าในช่วงเปลี่ยนบัลลังก์ ความคลอนแคลงใจเพร่ออกไปราวกับโรคร้าย ชาวลาสวู้ดไม่เคยมีราชาเป็นผู้หญิง เพราะงั้นเหตุการณ์นี้จึงเหมือนหายนะ ยิ่งตกอยู่ในช่วงเวลาของสงคราม ยูมิลพร้อมจะรับศึกนี้ต่อจากบิดา แม้ว่าชิน่าจะค้านหัวชนฝา

    ในสมัยโบราณนั้นคอเตชเรืองอำนาจมานานเป็นพันปี มีเหตุผลอะไรที่ต้องเอาเลือดชาวลาสวู้ดไปบรวงสรวงให้เขาอีก ความแตกแยกจึงเกิดขึ้นในหมู่พี่น้อง ในที่สุดสงครามก็จบลงด้วยความตายของชาวลาสวู้ดเกินครึ่ง ชิน่าเป็นคนยื่นสัญญาสงบศึกกับคอเตชโดยใช้ชื่อของยูมิล ไม่มีใครจับเรื่องนี้ได้เพราะทั้งคู่หน้าเหมือนกัน คนที่รู้เรื่องนี้จึงมีเพียงตัวเธอเองและยูมิล สิ่งที่ชิน่าทำนั้นทำให้ยูมิลโกรธแทบคลั่ง แต่ขึ้นชื่อว่าราชา...ตรัสแล้วไม่คืนคำ

    “ต้องไปแล้วสินะ” ชิน่าพูดกับพี่สาวฝาแฝด

    “เออ” ยูมิลตอบ ช่างเป็นคู่ฝาแฝดที่มีอุปนิสัยที่ต่างกันได้สุดขั้ว คนหนึ่งอ่อนโยน คนหนึ่งแข็งกระด้าง คงเพราะราชาไคโรอยากได้ลูกคนโตเป็นผู้ชาย ยูมิลจึงถูกเลี้ยงดูให้โตมาแบบเด็กผู้ชาย

    “ยูมิลไม่ต้องไปก็ได้นะ” ชิน่าบอก

    “จะบ้ารึไง! ก็เพราะเธอนั่นแหละที่ไปบอกฝ่ายนั้นไว้ ยังไงฉันก็ต้อง... อุ้บ?!” ยูมิลพยายามดิ้น แต่ก็สลบไปเสียก่อนเพราะเผลอดมยาสลบที่ชิน่าเอามาปิดจมูกไว้

    “ไม่ต้องหรอก ยูมิลน่ะพยายามมาพอแล้วล่ะ” ชิน่าลากยูมิลเข้าไปในห้องแล้วสลับชุดกัน ก่อนจะออกไปหาคณะเดินทางเพื่อมุ่งหน้าสู่นครแห่งขุนเขา คอเตชต้อนรับพวกเธออย่างดีราวกับไม่เคยบาดหมางกันในสงคราม มีงานเลี้ยงต้อนรับและการแสดงหรูหรา “นี่ท่านคอเตช ท่านสอนข้าเต้นรำหน่อยจะได้ไหม”

    “ได้สิ” คอเตชตอบ จูงมือชิน่าไปยังฟลอเต้นรำ “ข้าแปลกใจนะที่ท่านยูมิล...ไม่เหมือนอย่างที่เล่าลือกัน”

    “ข่าวของข้านั้ลือกันว่าอย่างไรหรือ” ชิน่าเต้นตาม เธอเต้นรำเป็น แต่ที่ขอให้คอเตชสอนนั้นเป็นเพียงอุบาย

    “ก็ข้าได้ข่าวมาว่า...ท่านน่ะเป็นแม่ทัพหญิงที่เก่งที่สุดเท่าที่ชาวลาสวู้ดเคยมีมา แข็งแกร่งและดุดัน กล้าหาญและเป็นคนนำหน้าอัศวินไปออกรบทุกครั้งไป” คอเตชเล่าไปเรื่อย จนกระทั่งเพลงเต้นรำได้จบลง

    “นี่... ท่านคอเตช ท่านเคยคิดจะเลิกทำสงครามบ้างไหม” ชิน่าถาม

    “หึ ไม่มีทาง การต่อสู้คือชีวิตข้า สงครามน่ะ...มันคือสิ่งที่สนุกที่สุดเท่าที่เทพแอรีสจะประทานมาให้” คอเตชตอบ

    “งั้นเหรอคะ” ชิน่าปล่อยมือจากมืออีกฝ่ายแล้วเอื้อมไปกอดเอวคอเตชเอาไว้ “ตอบผิดค่ะ”

    เปรี้ยง! ไททันหญิงสูง 20 เมตรปรากฏกายท่ามกลางงานเต้นรำกลางแจ้ง มือของเธอคว้าตัวคอเตชเอาไว้แล้วกอดไว้กับตัวแน่น เธอบีบร่างของคอเตชให้ตายไม่ได้เพราะอีกฝ่ายก็สร้างผลึกขึ้นปกป้องตัวเอง เปรี้ยง! ร่างของไททันสีดำปรากฏขึ้นเบื้องหน้าชิน่า ทว่าเธอก็รู้อยู่ก่อนแล้วว่าคอเตชตายยาก เธอพุ่งเข้าคว้าตัวคอเตชไว้ ผลักให้ถอยไปเต็มแรงจนกระทั่งชนผาหิน มือทั้งสองข้างกอดคอและรัดท้ายทอยของไททันสีดำเอาไว้แล้วสร้างผลึกแข็งขึ้นปกคลุมร่างทั้งสอง หนาที่สุดเท่าที่เธอเคยทำได้ ร่างของไททันหญิงและไททันสีดำถูกกลืนหายไปในผลึกสีเทาที่แม้แต่ไททันด้วยกันเองก็เจาะทำลายไม่เข้า คอเตชพยายามดิ้นให้หลุด ทว่าก็ไม่ทันการณ์ ร่างไททันของเขาถูกขังเอาไว้และหลับใหลลงไป

    ตลอดกาล...?

    ชาวลาสวู้ดต่างยินดีปรีดา แม้แต่ในเผ่านักรบบางคนก็ยินดีไปด้วย ทุกคนคิดว่าถึงเวลาที่จะหมดยุคสมัยของตำนานอมตะลงแล้ว ทั้งสองฝ่ายจึงเลิกแล้วต่อกัน ชาวลาสวู้ดไม่ถือโทษโกรธเคือง ชนเผ่านักรบก็เริ่มใช้ชีวิตอย่างคนธรรมดา ทว่าความบาดหมางภายในของอาณาจักรลาสวู้ดยังไม่จบสิ้นลง

     

    ยูมิลตื่นมาโดยไม่ได้รู้เรื่องชัยชนะครั้งนี้เลย เบื้องหน้าของเธอมีเพียงจดหมายหนึ่งฉบับจากชิน่าที่วางทิ้งเอาไว้ ยูมิลลังเลใจแต่ก็หยิบมาเปิดอ่านดู เธอแทบจะฉีกจดหมายนั้นทิ้งทันทีที่อ่านจบ

    “ถึงยูมิล... ขอโทษในสิ่งที่ฉันทำ แต่ฉันคิดว่าเธอทำมาพอแล้ว ทั้งรับชะตาชีวิตที่ท่านพ่อกำหนดเอาไว้ ทั้งรับสงครามที่ตัวเองไม่ได้เป็นคนก่อ พวกเราสิที่ไม่ได้ทำอะไรเลย เพราะงั้นหลังจากนี้ฉันขออะไรยูมิลสักอย่างสิ แลกชื่อกับฉันได้ไหม เลิกเดินในเส้นทางที่ถูกกำหนด ฉันจะเป็นคนใช้ชื่อของยูมิลเอง ส่วนยูมิลก็ใช้ชื่อของฉันแล้วก้าวเดินต่อไปนะ ขอให้ได้เป็นอย่างที่ใจอยากจะเป็น ...ลาก่อน จากชิน่า”

    “ชิน่า... ” ยูมิลได้แต่ขังตัวเองไว้ในห้อง จะตามไปตอนนี้ก็ไม่ได้ เพราะการจะเดินทางไปนครแห่งขุนเขาต้องฝ่าดงไททันไประหว่างทางเป็นวันๆ ยูมิลขังตัวเองไว้ในห้องของชิน่าหลายวันหลายคืน ทุกคนต่างคิดว่าเธอคือชิน่าและพยายามดูแลเธออย่างดีอย่างที่คนนิสัยแข็งกระด้างอย่างยูมิลไม่เคยได้รับ

    “พี่ชิน่า” เสียงเรียกของโรสเรียกยูมิลในวันหนึ่ง ในวันนั้นเองที่ข่าวจากนครแห่งขุนเขาถูกส่งกลับมา คอเตชได้ถูกลบไปจากโลกนี้แล้ว... ยูมิลตัวปลอมก็เช่นกัน เมื่อบัลลังก์ว่างเปล่า รัชทายาทสืบบัลลังก์จึงต้องเป็นชิน่าต่อไป

    ทว่าชิน่าตัวจริงนั้นไม่เหมาะจะขึ้นเป็นราชา การแก่งแย่งบัลลังก์จึงเกิดขึ้นในหมู่ขุนนาง และสงครามกลางเมืองก็ปะทุขึ้น ยูมิลได้แต่มองสิ่งที่เกิดขึ้นในคราบของชิน่า

    “ขอโทษนะชิน่า ฉันทำตามที่เธอขอไว้ไม่ได้” ยูมิลพูดกับตัวเอง พลางโยนจดหมายฉบับนั้นลงในกองไฟ “ฉันจะเป็นตัวของตัวเองแน่นอน จะเป็นสิ่งที่อยากเป็นได้สักวัน... แต่ต้องด้วยชื่อของฉัน”

    ยูมิลออกไปปราบจลาจลด้วยตนเองพร้อมทั้งเปิดเผยความจริงที่ว่าคนที่ชนะคอเตชได้คือชิน่า แน่นอนว่าชิน่าได้รับการสรรเสริญอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้น และแน่นอนว่ายูมิลต้องรับการก่นด่าจากประชาชนที่ส่งน้องสาวตัวเองไปตาย แม้แต่โรสและมาเรียก็ตั้งตัวเป็นปรปักษ์กับยูมิล ความขัดแย้งฝังรากลึกเนิ่นนานหลายสิบปี

    ชาวลาสวู้ดที่สามารถแปลงร่างเป็นไททันได้นั้นจะหยุดโตเมื่อถึงช่วงอายุที่เจ้าตัวคิดว่าเหมาะสมแล้ว สามพี่น้องที่เหลืออยู่ต่างไร้ซึ่งอายุขัย ไม่มีวันแก่เฒ่า ในที่สุดความขัดแย้งก็จบลงที่การแบ่งแยกอาณาจักร โรสดึงดันจะนำพาอาณาจักรลาสวู้ดไปสู่สันติสุขที่ไร้ซึ่งไททันมากวนใจ เธอนำทางทหารกล้าผู้พร้อมพลีชีพเพื่อปกป้องชาวลาสวู้ดออกไปหลายร้อยคนและก่อร่างสร้างกำแพงขึ้นมาตรงกลางระหว่างนครแห่งขุนเขาและป่าของชาวลาสวู้ดด้วยร่างไททันของทหารเหล่านั้น

    ทว่ายูมิลเห็นว่ามันคือสันติสุขที่ไร้ซึ่งอิสรภาพ เป็นสันติสุขจอมปลอมที่จะต้องถูกทำลายลงในวันใดวันหนึ่ง แต่มาเรียกลับเห็นดีเห็นงามกับโรสด้วยเพราะโรสนั้นมีความสามารถการมองอนาคต ถ้าโรสเห็นว่ามันดีแปลว่าอนาคตนั้นจะดีตาม...อยากมากก็ร้อยปี มาเรียจึงพามนุษย์ที่แปลงร่างไม่ได้และทุกคนที่ยินดีจะตามเธอไปเข้าไปหลบในกำแพง เหลือชาวลาสวู้ดเพียงน้อยนิดเท่านั้นที่ยังเหลืออยู่กับยูมิล

    เพื่อสรรเสริญให้เป็นตำนานเล่าขานแด่ผู้นำพาสันติสุขมาเยือน กำแพงชั้นแรกที่ถูกสร้างขึ้นนั้นถูกเรียกขานในชื่อ กำแพงชิน่า มันเป็นกำแพงที่ไม่ได้กว้างขวางพอจะจุประชากรทั้งหมด กำแพงชั้นนอกจึงถูกสร้างเพิ่มขึ้น โรสยอมเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของกำแพงเพื่อคอยปกป้องชาวลาสวู้ดจากนั้นต่อไป มนุษย์จะได้พบกับความสงบสุขในอุดมคติเสียที ไม่นานหลังจากนั้นมาเรียก็แต่งตั้งขุนนางตระกูลเรนส์ขึ้นมาปกครองโลกในกำแพงและสร้างกำแพงชั้นสุดท้ายขึ้นมาด้วยตัวเธอเอง

     

    “มันจบแล้ว” ยูมิลพูด จากอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ ตอนนี้ผู้ที่ยังอยู่กับเธอเหลือเพียงไม่ถึงร้อยคน “เอาสิ! ตามญาติพี่น้องของพวกเจ้าไป ข้าจะไม่ห้ามพวกเจ้าเลย ไปอยู่ในกำแพงให้หมด ทิ้งอิสรภาพของเจ้าซะ”

    “ข้าแต่ราชายูมิล เราไม่ทิ้งท่านไปหรอก” ชาวบ้านพูด “เราคือพลเมืองของยูมิล พวกเขาก็ยังเป็นพลเมืองของท่าน ได้โปรด...อย่าทอดทิ้งพวกเขาไปเลย พวกเขาเพียงแค่หวาดกลัวที่จะอยู่ท่ามกลางโลกของไททัน”

    “แน่นอน” ยูมิลตอบ “ฉันไม่มีทางทอดทิ้งพวกเขาหรอก แม้ในวันที่โลกในกำแพงลุกเป็นไฟ”

     

    ปัจจุบัน คริสตศักราชที่ 852 นครแห่งขุนเขา

    “ข้างบนนั้นเสียงดังดีจังนะ” มาเรียว่า

    “คงเริ่มกันแล้วล่ะ” โรสตอบ ทั้งคู่ถูกคอเตชสั่งให้เอามาขังในคุกใต้ดิน ก่อนที่ทั้งคู่จะทันรู้ตัวพวกนั้นก็โยนเธอเข้ามาที่นี่แล้ว จะออกไปได้ก็แต่ต้องรอใครมาช่วยเก็บนักรบที่ยืนคุมข้างนอกออกไป

    “เฮ้ยแก?! ยังไม่ตาย?!” เสียงของนักรบเฝ้าประตูถูกหยุดลงด้วยเสียงของแข็งอัดกระแทกกัน พลั่ก!

    แล้วประตูก็ถูกเปิดออกจากด้านนอก ร่างของชายหนุ่มผมสีทองโผล่เข้ามาพร้อมผายมือเชื้อเชิญสองสตรีภายในห้อง ดูเหมือนว่าเวลาของการนั่งเล่นจะจบลงเพียงเท่านี้

    “มาช้านะ” มาเรียบอก

    “เฮ้ มือไททันของเธอมันเบาๆซะที่ไหน” ไรเนอร์ตอบ

    มาเรียไม่ได้ฆ่าเขา แต่คว้าตัวเขาไว้และซ่อนเอาไว้ในกำปั้น กว่าจะหนีออกมาได้ก็เกือบหิวตายอยู่ในนั้น ตลอดเวลาเขาหลบซ่อนอยู่ในเมืองโดยไม่ให้ใครเห็นตัว รอจังหวะเหมาะที่จะเข้าไปช่วยมิคาสะกับแอนนี่ แต่จากความโกลาหลข้างบนนั้น เขาจึงเลือกมาช่วยมาเรียกับโรสก่อน

    “อย่ามาวิจารย์เรื่องน้ำหนักฉันนะ” มาเรียกระแทกศอกใส่สีข้างไรเนอร์จนอีกฝ่ายตัวงอ

    “มาเรีย” โรสดุ

    “เฮ้อ... ”  มาเรียถอนหายใจ “ถ้าไปเจอยูมิลตอนนี้จะทำหน้ายังไงดีล่ะ”

    “คงต้องขอโทษ...ล่ะมั้ง” โรสตอบ กำแพงที่เธอสร้างปกป้องมนุษย์จากอันตราย ทว่ามันกลับทำให้มนุษย์ไม่สามารถปกป้องตัวเองจากโลกภายนอกได้ เหมือนกับว่ายิ่งปกป้องมนุษย์ก็ยิ่งอ่อนแอ

    “ไปจบเรื่องกันเถอะ” มาเรียบอก
     

    *************************************************************************
     

    >>>หลังฉาก<<<

    ไรท์เตอร์ : วันนี้เอาไปเลย 2 ตอน มะรืนจะไปเข้าค่ายแล้ว
                      ถ้าเป็นไปได้พรุ่งนี้ก็จะเร่งแต่งให้จบได้อ่านพร้อมกัน 3 ตอนเลย
                      จะได้ไม่อ่านแล้วค้างคาใจ ส่วนตอนพิเศษคงต้องเสาร์หน้าๆเลย
                      เพราะพอไรท์เข้าค่ายเสร็จวันเปิดเทอมของเด็กม.6 ที่ประดุจดั่งวันนรกแตกก็มาเยือน
    แจน : เว่อร์ไปป่ะ
    ไรท์เตอร์ : ไรท์ล่ะอยากไปอยู่ในโลกนิยายจริงๆ //พูดอย่างคนที่พยายามจะหนีความจริง
                       จากที่ไรท์ไปถามๆมารีดเดอร์บางคนยังประถมปลาย - ม.ต้นสินะ ขอเตือนก่อนเลยนะ
                       ถ้าขึ้นม.ปลายอย่ามาทำตัวแบบไรท์ ไม่งั้นชีวิตอัปยศแน่ๆ
    โคนี่ : นี่ไรท์ ปกติหลังฉากมันมีคติสอนใจกับเขาด้วยเหรอ
    ชาช่า : นั่นสิ ฉันเกือบจะหลับอยู่แล้วนะเนี่ย
    ไรท์เตอร์ : เอ่อ... ไรท์ขอโทษละกัน

    ไรเนอร์ : ฉันบอกแล้ว!ๆ!ๆ! ฉันบอกแล้วว่าฉันยังไม่ตาย!!! //ดีใจออกนอกหน้า
    เบลทรูท : ใช่ แล้วนายก็ต้องมาเป็นศัตรูกับฉันอีกแล้วเนี่ยนะ //อ่านบท
    ไรเนอร์ : บางทีก็อยากตบหัวไรท์จริงๆ ทำไมแต่งได้ปวดตับนักแสดงเหลือเกิน //กลับไปทำหน้าเข้ม

    แอนนี่ : มิคาสะ เธอหายป่วยแล้วไม่ใช่เหรอ //มองมิคาสะที่นอนตักแบบเดิม
    มิคาสะ : อือ ทำไม //นอนต่อ
    แอนนี่ : ลุกหน่อยสิ ขาฉันชาแล้ว
    มิคาสะ : ก็ได้ //ลุก
    แอนนี่ : ขอบใ... เอ้ย! //โดนมิคาสะขึ้นมานอนคร่อม
    มิคาสะ : หายชารึยัง //ถามแบบไม่สนใจคำตอบแล้วนอนต่อ
    แอนนี่ : มิคาสะ!!! //แต่อีกฝ่ายก็หลับไปทั้งอย่างนั้น...ตัวเธอหนักตั้ง 68 กิโลฯนะ มันหนัก!!
    มิคาสะ : อืม... //แกล้งหลับต่อแล้วคว้าเอวแอนนี่มากอด
    แอนนี่ : โธ่... //ยอมอยู่เฉยๆให้กอด จะให้ดิ้นยังไงก็หนีไม่พ้นนี่นะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×