ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [End] เมื่อสิ้นกำแพงชิน่า - Attack on Titan [Yuri] [Mikannie]

    ลำดับตอนที่ #8 : ตอนที่ 8 โลกนี้มันโหดร้าย

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.38K
      121
      1 พ.ค. 57

    ตอนที่ 8 โลกนี้มันโหดร้าย

    แสงสว่างนั้นดูราวกับเป็นสิ่งถูกลืม ในที่สุดมิคาสะและแอนนี่ก็ถูกนำตัวออกมาจากคุกใต้ดินเพื่อเข้าสู่การประลอง โคลอสเซียมใหม่นี้ถูกสร้างโดยกำแพงฝั่งหนึ่งคือหน้าผาสูงชันที่เป็นส่วนหนึ่งของหุบเขาใหญ่ ส่วนกำแพงด้านที่เหลือมีความสูงพอๆกับกำแพงมาเรีย กำแพงนั้นเต็มไปด้วยช่องที่พวกคนดูสามารถเข้าไปนั่งดูได้อย่างสบายใจเฉิบ ขณะที่เหล่าแกลดิเอเตอร์นั้นทำการฆ่ากันเองอยู่ตรงกลางลาน

    ในช่องว่างระหว่างลานประลองนั้นถูกขวางกั้นด้วยโล่ผลึกใส่ที่หากดูดีๆมีร่างของไททันหลายตัวถูกบังคับให้อยู่ตรงนั้นเพื่อสร้างเกราะป้องกันคนดู แม้นี่เป็นเพียงการพามาชมสถานที่ก่อน แต่มิคาสะก็นึกภาพการต่อสู้ออกแล้วว่าจะเป็นยังไง นี่คือลานประลองของไททันเท่านั้น การจะให้มนุษย์ธรรมดามาสู้มีแต่ตายกับตาย

    “มัวเหม่ออะไรกันอยู่!” นักรบผิวดำหัวล้านเลี่ยนตะคอกใส่ ในกลุ่มคนที่เดินตามเขานั้นไม่ได้มีเพียงแอนนี่และมิคาสะ แต่ยังมีนักรบผู้ใหญ่อีกสามคนซึ่งดูเหมือนตามมาคุมพฤติกรรมทั้งสองโดยเฉพาะ นอกจากนั้นก็มีเด็กหนุ่มเด็กสาวรุ่นราวคราวเดียวกับพวกเธออีกสิบกว่าคน “อย่าคิดว่าจะได้สู้ในนั้นเลยไอ้หนู ลานประลองนั้นน่ะมันของมืออาชีพ ถ้าพวกแกเอาชีวิตรอดจากการลงสถานครั้งแรกไม่ได้ก็จบ”

    พวกเด็กคนอื่นๆดูจะตั้งใจฟังเขามากทีเดียว มิคาสะมองพวกนั้นอย่างสงสัย

    “พวกนั้นไม่ใช่นักโทษ” แอนนี่อธิลายอย่างรู้ทัน “แต่เป็นนักเรียนแกลดิเอเตอร์”

    “นักเรียนเนี่ยนะ”

    “ฉันถูกฝึกให้ทำเพื่อเผ่านักรบ พวกนั้นก็ถูกฝึกให้เชื่อว่าการตายในลานประลองคือความกล้าหาญที่ยิ่งใหญ่” แอนนี่พูดต่อ มิคาสะส่ายหัวอย่างเหลือเชื่อ คนพวกนี้เชื่อตามครูฝึกเข้าไปได้ยังไง “ยังไงก็ตาม พวกเขาจะรู้จักความโหดร้ายจริงพอลงสนามครั้งแรก แต่ดูเหมือนในกลุ่มนี้จะยังไม่มีใครเคยสู้จริง”

    “พวกเขาจะสู้ในร่างไททันเหรอ” มิคาสะถาม แอนนี่มองราวกับว่านี่เป็นเรื่องที่ใครๆก็รู้

    “เปล่า พวกเขาเกินครึ่งเป็นมนุษย์ธรรมดา เป็นลูกทาสที่ถูกเลี้ยงเพื่อความบันเทิง... ”

    “เฮ้ ฉันไม่ชอบให้นินทานะ” เด็กหนุ่มหัวเกรียนหันมาบอก “มีปัญหาอะไรกับพวกเรารึไง ไอ้นักโทษ”

    “เป็นฉันจะไม่พูดแบบนั้น” มิคาสะแนะนำ ก่อนจะเดินตามกลุ่มไป

     

    สถานที่ถัดมาคือลานประลองใต้ดิน ไม่ไกลจากนั้นเป็นโรงฝึก ดูบรรยากาศไม่ได้ต่างไปจากค่ายฝึกทหารของมนุษย์เลย ที่ต่างไปนั้นคงมีเพียงดีไซน์ที่ดูเก่ากว่าและดูคล้ายอาคารแถบตะวันออก แม้มิคาสะจะไม่เคยเห็น แต่เธอก็มองออกว่านี่ไม่ใช่อารยธรรมการตกแต่งแบบที่เธอคุ้นเคย แม้มิคาสะจะเป็นลูกครึ่งเยอรมัน – ญี่ปุ่น แต่เธอก็เกิดในกำแพงมาเรีย

    ไม่นานคณะแกลดิเอเตอร์ฝึกหัดก็มารวมกันอยู่ในโรงฝึก ครูฝึกพูดอะไรอีกสองสามอย่างเกี่ยวกับกำหนดการแสดงครั้งแรกในเย็นนี้กับเรื่องทั่วๆไป แล้วเขาก็ออกไป นักรบอีกสามคนไปนั่งดูอยู่ห่างๆแถวหลังโรงฝึก พวกแกลดิเอเตอร์ฝึกหัดก็หันมาจับคู่กันเอง เด็กหนุ่มคนที่ดูจะไม่ชอบแอนนี่เดินเข้ามาพร้อมเด็กยักษ์ชาวนิโกรที่ตัวโตผิดปกติ

    “มาดูกันว่าฝีมือของเธอมันมีดีจะแค่ไหน” เด็กหัวเกรียนบอก พลางคว้าอาวุธจากเด็กนิโกร มันเป็นหอกสามง่ามที่มีคมมีดตรง เด็กนิโกรก็มีอาวุธอู่ในมือเช่นกัน เขาใช้ขวานศึกเล่มใหญ่เป็นอาวุธ “รออะไรเล่า เลือกอาวุธของเธอมา”

    แอนนี่จ้องด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะเมินคำท้าไปนั่งสบายอยู่ข้างนักรบที่ถูกส่งมาคุมพฤติกรรมเธอเสียอย่างนั้น เด็กหัวเกรียนเลยหันมามองมิคาสะแทน เธอก็ไม่ปฏิเสธอะไร นานๆทีจะได้เอาดาบออกมาขัดสนิมสักที เธอมองหาดาบแบบที่คุ้นเคย แต่ก็ไม่พบ ที่นี่ไม่มีดาบคัตเตอร์อย่างที่เธอเคยใช้สู้กับไททัน

    “จะหาดาบได้จากไหน” มิคาสะถาม เด็กหัวเกรียนก็ชี้ให้ไปดูที่มุมห้องฝั่งขวา มันมีดาบหน้าตาแปลกๆบ้าง ดาบสองคมหน้าตาพื้นๆของยุโรปยุคแรก ดาบตรงคมเดียวสีดำสองเล่ม มิคาสะเลือกหยิบดาบคู่นั้นมา

    “คุณใช้นินจาเคนเหรอ” เด็กหญิงร่างเล็กถามขึ้น เธอนั่งโดเดี่ยวอยู่แถวมุมเก็บอาวุธและดูเหมือนจะไม่มีใครอยากซ้อมคู่เธอ อาจเพราะเธอดูอมโรคชอบกล มิคาสะมองดาบงงๆ ดูยังไงมันก็คือดาบ จะมีชื่ออื่นไปทำไม “นั่นเป็นดาบของนินจา พวกเขาเป็นเหมือนปีศาจที่ย่องเบาในยามราตรี นักรบเงากลุ่มนี้มีอยู่จริงเฉพาะที่บ้านเกิดฉัน...เกาะญี่ปุ่น”

    “ขอบคุณสำหรับความรู้ประวัติศาสตร์” มิคาสะตอบ “แต่คิดว่าฉันไม่ต้องใช้”

    “ฉันชื่อโยริ คุณซ้อมกับฉันได้นะ” โยริพูดอย่างมีหวัง

    “ขอโทษที ฉันมีคู่แล้ว” มิคาสะตอบ แล้วเดินจากมา โยริได้แต่คอตกนั่งอยู่ที่เดิม

    “เลือกได้สักทีนะ” เด็กหัวเกรียนพูด ควงหอกสามง่ามในมือเหมือนเพื่อวอร์มร่างกาย “ลูน นั่งรอก่อนนะ”

    เด็กหนุ่มนิโกรนั่งรออย่างว่าง่ายขณะที่ เด็กหัวเกรียนและมิคาสะเริ่มสู้กัน การต่อสู้ดูไม่มีอะไรมาก มิคาสะชนะเด็กหัวเกรียนได้ในเวลาแป้บเดียว อีกฝ่ายลงไปนั่งก้นจ้ำเบ้าอยู่กับพื้นโรงฝฝึกโดยมีนินจาเคนจ่อคออยู่

    “แหะๆ ไม่เลวนี่... ” เด็กหัวเกรียนพูดราวกับว่าตัวเองไม่ได้ตกอยู่ในสภาพแพ้ยับเยินอย่างที่เห็นกัน มิคาสะเก็บนินจาเคนเข้าฝักที่คาดไว้ข้างหลังเอว “คู่หูนักโทษของเธอมีฝีมือขนาดนี้ไหมล่ะเนี่ย”

    “ไม่รู้สิ” มิคาสะไม่รู้เรื่องนั้น แต่ถ้าถามว่าแอนนี่มีฝีมือมากกว่าเด็กหัวเกรียนนี่รึเปล่าก็ตอบได้คำเดียวว่า...มากกก มิคาสะหันไปมองแอนนี่ ดูเหมือนตอนนี้เธอได้เพื่อนคุยแล้ว ไม่รู้โยริไปคุยอะไรกับแอนนี่ บางทีเธออาจจะกำลังสาธยายประวัติศาสตร์ประจำชาติญี่ปุ่นให้แอนนี่ฟังอยู่ก็ได้ มิคาสะเลิกสนใจคู่นั้นแล้วหันกลับมามองคู่ต่อสู้ “นายชื่ออะไร”

    “มาร์คัส... ” เด็กหัวเกรียนตอบ “ ...เยเกอร์”

    !!?” มิคาสะหันขวับจากที่เดิมถามไปแบบไม่ได้ใส่ใจ

    ทำไมโลกถึงกลมได้ขนาดนี้กัน ชื่อนามสกุลที่คุ้นเคยทำให้มิคาสะอดนึกถึงเอเลนขึ้นมาอีกครั้งไม่ได้ ยิ่งแอนนี่ผู้เป็นต้นตอทำให้เอเลนต้องตายยังอยู่ห่างออกไปเพียงแค่ข้ามห้อง แม้แอนนี่จะอธิบายแล้วว่าเธอไม่เห็นเอเลนจริงๆ เธอพยายามหนีจากไททันที่ไล่หลังมาเพราะอุปกรณ์เคลื่อนที่สามมิติของเธอแก๊สใกล้หมด แต่ใครจะไปยอมรับได้กันล่ะว่า พวกเขาที่ฆ่าไททันมาแล้วหลายสิบตัวกลับต้องตายด้วยอุบัติเหตุไททันเหยียบตายไม่ได้ตั้งใจ...ยิ่งคิดยิ่งน่าอัปยศ

    “เฮ้ เหม่ออะไรน่ะ” มาร์คัสโบกมือข้างหน้ามิคาสะ “ได้ยินที่ฉันพูดรึเปล่า”

    “ได้ยินสิ” มิคาสะตอบ

    “เหรอ... ”

    “นายพูดว่าอะไรนะ” มิคาสะสารภาพ

    “ฉันบอกว่าเพื่อนฉันชื่อลัน บล็อกแฮนด์ แล้วเธอล่ะชื่ออะไร” มาร์คัสถาม

    “มิคาสะ... ” มิคาสะตอบ “ ...แอคเคอร์แมน”

    เท่านั้นล่ะทั้งโรงฝึกหันมามองเธอเป็นตาเดียว เมื่อรู้ตัวว่าเป็นจุดสนใจ มิคาสะก็มองมาร์คัสเหมือนต้องการคำตอบของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ว่าทั้งมาร์คัสทั้งลูนก็จ้องเธออย่างไม่อยากเชื่อเหมือนกัน

    “เอาล่ะ พวกนายตกใจอะไร” มิคาสะถามในที่สุด

    “แอคเคอร์แมน...เธอรู้จักรีไวล์รึเปล่า ที่เป็นนักฆ่าไททันแห่งโคลอสเซียมน่ะ” เด็กสาวคนหนึ่งถามขึ้น

    “หัวหน้าหน่วยสำรวจเหรอ” มิคาสะถาม คนอื่นมองหน้ากันอย่างไม่ค่อยแน่ใจว่ามิคาสะพูดถึงเรื่องอะไร ดูเหมือนว่าแกลดิเอเตอร์ฝึกหัดเหล่านี้จะไม่มีโอกาสได้รู้จักกับโลกในกำแพงแม้สักนิด

    “เอ่อ... รีไวล์ที่ผมสีดำ ชอบทำหน้าตาขวางโลก ตัวเตี๊ยๆ แล้วก็ชอบทำความสะอาดแต่งตัวเป็นแม่บ้านน่ะ” เด็กสาวคนนั้นอธิบายลักษณะของรีไวล์ที่เธอพูดถึง...ชัดเลย คนเดียวกัน

    “รู้จัก เขาเป็นเคยอยู่หน่วยสำรวจ... ”

    “สำรวจอะไรเหรอ สำรวจทำไม” แกลดิเอเตอร์ฝึกหัดที่ดูจะเป็นแฟนคลับตัวยงของรีไวล์เริ่มเข้ามาล้อมวง ทำให้นักรบคนหนึ่งเดินเข้ามาแยกพวกนั้นออกจากมิคาสะ

    “มัวคุยอะไรอยู่ อ่อนข้อกันอย่างนี้ พวกแกอยากตายในสนามรึไง” นักรบร่างยักษ์ตวาด แค่นั้นแหละ ทุกคนหันกลับไปซ้อมกับคู่ของตัวเอง มิคาสะปล่อยให้มาร์คัสซ้อมกับลูนไปเพราะฝีมือมาร์คัสไม่ได้เรื่อง แค่ฝีมือแค่นี้ไม่พอให้เธอได้ขัดสนิมตัวเองเลยสักนิดเดียว

    “มิคาสะ...สินะ” โยริทักทันทีที่เห็นมิคาสะเดินมาใกล้ “คุณเป็นญาติกับคุณรีไวล์เหรอ”

    “มีอะไรที่ฉันควรรู้เกี่ยวกับเขารึเปล่า” มิคาสะถาม

    “คุณรีไวล์น่ะเหรอ” โยริเริ่มเข้าโหมดคุณครูสอนเล็กเชอร์ “สองปีก่อนคุณรีไวล์เข้ามายังสนามประลองในฐานะนักโทษ เขาฆ่าแกลดิเอเตอร์ฝึกหัดไป 14 คน แกลดิเอเตอร์ที่ชำนาญการต่อสู้ 22 คน แล้วก็เข้าไปสู้ในโคลอสเซียมทั้งๆที่ไม่มีพรสวรรค์ด้านการแปลงร่างเป็นไททัน แต่คุณรีไวล์ก็ฆ่าแกลดิเอเตอร์ไททันได้ง่ายๆ จนถึงตอนนี้ก็ชนะมา 173 ครั้งแล้ว”

    “ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่นะ” มิคาสะตอบ “แต่ทำไมพวกเธอต้องตกใจตอนที่ฉันบอกชื่อด้วย”

    “อ่าว ก็คุณรีไวล์นามสกุลแอคเคอร์แมนน่ะสิ มิคาสะ คุณไม่รู้จริงๆเหรอ” โยริถาม

    “เพิ่งรู้นี่แหละ”

    “หวา แย่จังเลยนะ นึกว่าคุณจะมีเทคนิคพิเศษอะไรของคุณรีไวล์บ้างซะอีก” โยริถอนหายใจ

    “ฉันอยากได้คู่ซ้อม” มิคาสะบอก

    “อ๊ะ ฉันช่วยซ้อมให้ได้นะ” โยริเสนอ

    มิคาสะเมินโยริไปเสียเฉยๆแล้วหันมามองแอนนี่ “เลือกอาวุธสิ”

    “ไม่เอา” แอนนี่ตอบปัด

    “ฉันว่างนะ! ฉันว่าง!” โยริโบกไม้โบกมือ

    “โยริ... ” มิคาสะหันมาคว้าแขนโยริให้อยู่เฉยๆ “ฉันอาจจะพูดตรงไปหน่อยนะ แต่เธอไม่ควรมาเป็นแกลดิเอเตอร์หรอก ถ้าเป็นไปได้ฉันว่าเธอถอนตัวออกไปเสียดีกว่า ไปใช้ชีวิตแบบอื่นน่ะ”

    “หะ... ” โยรินิ่งค้าง ก่อนจะก้มหน้าลง “มิคาสะ... คุณไม่ใช่คนที่นี่จริงๆด้วย”

    “มิคาสะ พวกเขาถูกเลี้ยงเพื่อมาเป็นแกลดิเอเตอร์” แอนนี่พูด “จะไม่มีชีวิตแบบอื่นรอพวกเขาอยู่”

    “งั้นเหรอ” มิคาสะตอบ “ขอโทษนะโยริ ฉันไม่รู้”

    “เยี่ยมไม่เลย! ฉันอยากฟังเรื่องนอกหุบเขามาตั้งนานแล้ว ที่จริงเรื่องของนินจาฉันแค่อ่านเจอในหนังสือน่ะ ฉันมีเชื้อคนญี่ปุ่นก็จริง แต่ฉันไม่เคยได้เห็นเกาะญี่ปุ่นจริงๆหรอก” โยริบอก มิคาสะมองเธอและราวกับเห็นเงาอีกเงาทับร่างเธออยู่ เงาของอาร์มิน ความคิดที่อยากเห็นโลกภายนอกให้ได้นี้น่ะ มันช่างดูเลือนรางเหลือเกิน

    “รู้อะไรไหมโยริ” มิคาสะนั่งลง “ฉันจะเล่าให้เธอฟังเอง ทุกอย่างที่ฉันเคยเจอมาเลย”

    แอนนี่นั่งฟังมิคาสะเล่าเรื่องราวในชีวิตให้กับโยริอย่างเปิดอกเสียจนการพูดคุยของเธอกับมิคาสะในห้องมืดๆนั้นไม่ได้ถึงเสี้ยวของตอนนี้เลย ไม่รู้อะไรคือสิ่งที่ทำให้มิคาสะยอมเอ่ยปากเล่าขนาดนี้

    ในที่สุดยามเย็นก็ย่างกรายมาถึง หลายคนยินดีที่จะได้ลงสนามเป็นครั้งแรก แต่โยรินั้นเพียงแค่ปลอบใจตัวเองว่าเธอต้องรอดตาย ครูฝึกเดินเข้ามาพร้อมเอกสารแสดงรายชื่อ เขาเรียกทุกคนไปฟังใกล้ๆ

    “เธอทำตัวแปลก” แอนนี่ตั้งข้อสังเกต เมื่อโยริวิ่งไปรวมกลุ่มแล้ว “ทำไมถึงเล่า”

    “โลกนี้มันโหดร้าย... ” มิคาสะตอบ มันคือสัจธรรมที่เธอค้นพบ “โยริไม่มีทางรอดจาการต่อสู้หรอก เธอคงต้องถูกใครสักคนในกลุ่มนี้ฆ่าตาย โยริไม่ได้มีฝีมือการต่อสู้เลยสักนิดเดียว”

    “เลยสงสาร?” แอนนี่พูดเป็นคำถาม

    “การประลองนี้ประลองเป็นคู่ ลูนกับชาร์ล็อต เจอ เคอร์สกับลีน่า... ” ครูฝึกพูดไล่มาเรื่อยๆ โดยที่มิคาสะไม่ได้ตั้งใจฟัง เธอจะมีปฏิกิริยาโต้ตอบกับชื่อตัวเองเท่านั้น แต่ขณะที่ครูฝึกไล่ชื่อมาถึงสี่คนสุดท้าย โยริหันมาทำหน้าซีดให้กับมิคาสะ เธอมองกลับอย่างไม่รู้ความหมาย จนกระทั่ง... “ ...แอนนี่กับมิคาสะ เจอ มาร์คัสกับโยริ”

    “ใช่” แอนนี่พูดขึ้น “โลกนี้มันโหดร้าย”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×