ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [End] เมื่อสิ้นกำแพงชิน่า - Attack on Titan [Yuri] [Mikannie]

    ลำดับตอนที่ #9 : ตอนที่ 9 สังเวียนเลือด

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.2K
      108
      2 พ.ค. 57

    ตอนที่ 9 สังเวียนเลือด

    ลานประลองเป็นอาคารหลังคาต่ำ คล้ายสังเวียนใต้ดิน พวกคนที่นั่งดูจากบนแสตนด์ต่างพากันวางเงินให้เจ้ามือรับพนัน เสียงที่ได้ยินจึงดังตีกันวุ่นวายไปหมด แอนนี่ มิคาสะและคนอื่นๆมานั่งดูสี่คนแรกต้องสู้ในสนาม ดูเหมือนพวกเขาไม่แปลกใจที่คู่ต่อสู้ของพวกเขาคือสหายร่วมรบของตัวเอง

    โยรินั่งตัวสั่นอยู่ข้างๆมาร์คัสขณะที่การต่อสู้กำลังดำเนินไป ชาร์ล็อตใช้ดาบที่เรียวแหลมแทงตรงเข้าไปในช่องว่างของเกราะเหล็อกของเคอร์ส เขาพยายามปัดป้องแต่ไม่ทัน ถูกแทงเข้าที่ใต้รักแร้ เขารีบถอยและกระแทกดาบที่บอบบางนั้นหักด้วยค้อนศึก เขาเหวี่ยงซ้ำเพื่อจะหวดใส่ชาร์ล็อตให้ตายในคราวเดียว แต่ตอนนั้นเอง ลูนซึ่งสู้กับลีน่าอยู่ก็เปลี่ยนทิศทางขวานยักษ์จากลีน่ามาตัดแขนข้างหนึ่งของเคอร์สขาดในครั้งเดียว เสียงฮือฮาดังไปทั่วสนามและตามมาด้วยเสียงของพวกนักพนันที่เริ่มเปลี่ยนฝั่งพนันกัน มิคาสะเหลือบมองโยริ เธอสั่นเป็นเจ้าเข้าและมีน้ำตาอาบแก้ม

    การต่อสู้ในรอบแรกจบลงด้วยชัยชนะของลูนและชาร์ล็อต ขณะที่ลีน่านอนจมกองเลือด ส่วนเคอร์สอาการปางตาย...อย่างไรเสีย นักสู้ที่ไม่ได้มีความสามารถมากพอก็จะมีชะตากรรมที่เหลืออยู่คือความตายอยู่ดี การพนันเงียบลงและช่วงเวลาพักนั้นกลับกลายเป็นช่วงเวลาที่น่าหดหู่ของเหล่านักสู้ฝึกหัดคนที่เหลือ

    “รอบที่สอง โรสและมาเรีย เจอกับ มิคาเอลและเฮนรี่” การพักได้จบลงแล้ว และการไล่ฆ่าฝั่งเดียวก็เริ่มขึ้น นั่นเพราะในรอบนี้การจับคู่กลับกลายเป็นผู้หญิงสองคนต้องเจอกับคู่ต่อสู้ผู้ชายทั้งคู่

    โรสใช้ปืนรุ่นเก่าซึ่งมีระยะยิงไม่ไกลไปกว่า 4 เมตร มาเรียใช้ดาบอัศวินและโล่โลหะเบา มิคาเอลบุกเข้าใส่ด้วยหอกคู่ใจ มาเรียปัดป้องปลายหอกด้วยโล่ เฮนรี่บุกตามมาพร้อมลูกตุ้มเหล็ก ลูกตุ้มนั้นฟาดใส่โล่ของมาเรียด้วยพละกำลังมหาศาลกดให้มาเรียต้องคุกเข่าลง การโจมตีระลอกที่สองเกือบทำให้แขนของเธอหัก

    ปัง! เสียงปืนไม่ได้เข้ามาในโสตประสาทของมาเรียเลย เธอได้แต่ตั้งรับลูกตุ้มหนักๆตรงหน้าอย่างเต็มที่ และเมื่อเฮนรี่ง้างอาวุธจะทุ่มลงมาอีกรอบ เธอพุ่งลุกขึ้นและเสือกดาบแทงทะลุหน้าท้องใต้เกราะของอีกฝ่าย ฉึก!

    “อ๊าา..า...ก..กก.. ” เฮนรี่ถอยไปตั้งหลัก เอามือปิดบาดแผลด้วยความตกใจ เปิดโอกาสให้มาเรียตามไปซ้ำได้ แต่เธอกลับหันหลังและพุ่งเข้าไประหว่างคู่โรสกับมิคาเอล มาเรียปัดหอกออกจากทิศทางของโรสขณะที่เธอกำลังพยายามเปลี่ยนกระสุน โชคร้ายของมิคาเอลที่เขาไม่สวมเกราะเพียงเพราะต้องการเพิ่มความเร็ว ปลายดาบสองคมตัดศีรษะของมิคาเอลหลุดจากบ่า สร้างเสียงตกใจจากเหล่านักสู้ที่ยังนั่งดูอยู่ได้ไม่น้อย

    “ขอบคุณ” โรสบอก ก่อนจะจ่อปืนมายังศีรษะของมาเรีย เธอมองโรสอย่างเข้าใจก้มหลบในนาทีสุดท้าย ด้านหลังเธอคือเฮนรี่ที่ควงลูกตุ้มเหล็กตาเกือบจะถึงตัวแล้ว ปัง! กระสุนปืนถูกยิงฝังระยะประชิดทะลุเกราะในจุดตายพอดี

    “บ้าน่า... ” มาร์คัสอุทาน ผู้หญิงสองคนชนะผู้ชายร่างใหญ่ได้อย่างเด็ดขาด โยริได้แต่พยายามไม่มองดูเลือดที่ไหลอาบพื้น เธอหันมาหามิคาสะด้วยสายตาวิงวอนขอร้อง

    “มิคาสะ” โยริเรียก มิคาสะหันไปหาเธอ “คุณ... ช่วยออมมือหน่อยได้ไหม”

    “แน่ใจเหรอว่านั่นเป็นความคิดที่ดี” มิคาสะถาม “ฉันไม่คิดจะยอมตายหรอกนะ”

    “มีกฎโบราณในสนามประลองอยู่น่ะ” โยริกลับสู่โหมดความรู้ “ถ้าหากในการต่อสู้คู่ไหน ทั้งสองฝ่ายมีฝีมือสูสีกัน ในการจบการต่อสู้แล้วฝ่ายที่แพ้ยังไม่ตาย คนที่นั่งดูบนอัฒจรรย์จะเป็นผู้ตัดสินชะตาชีวิตผู้แพ้”

    “จะให้ฉันออมมือเพราะอย่างนั้นเหรอ” มิคาสะถาม “ ...อาจจะได้”

    “อาริกาโตะ” โยริบอก มิคาสะนั่งงงเพราะมันไม่ใช่ภาษาเยอรมันอย่างที่เธอคุ้นเคย “ขอบคุณ”

    “คิดอะไรอยู่” แอนนี่ถาม

    “ไม่ใช่เรื่องของเธอ”

    “เธอบอกเองไม่ใช่เหรอ” แอนนี่ย้ำ “ ...ว่า โลกนี้มันโหดร้าย”

    “..........”

    “รอบที่สี่ แอนนี่และมิคาสะ เจอกับ มาร์คัสและโยริ” การต่อสู้ในรอบที่สามจบลงด้วยความตายของนักสู้อีกสองคน พวกคนดูนั้นไม่ได้รู้สึกถึงความโหดร้ายที่เหล่านักสู้ต้องประสบในการต่อสู้ครั้งแรกนี้เลย กลับรู้สึกสนุกสนานกับการได้เห็นเลือดและการฆ่าฟันกันของนักสู้ มิคาสะมองพวกนั้นอย่างไม่ชอบใจ ดูราวกับว่าเธอกำลังต่อสู้อยู่ให้พวกปีศาจร้ายในร่างมนุษย์ได้รับความบันเทิงกัน

    แอนนี่เดินลงสู่สนามประลองพร้อมกับปืนยาวซึ่งเป็นอาวุธประจำตัวของกองทหารสารวัตร แต่บริเวณใต้กระบอกนั้นมีใบมีดยาวถูกติดเอาไว้เผื่อสำหรับการต่อสู้ระยะประชิด ก่อนหน้านี้มิคาสะไม่เห็นอาวุธนี้อยู่ในโรงฝึก ไรเนอร์หรือเบลทรูทคงจะเอามันมาให้หลังจากนั้น

    ฝ่ายมาร์คัสนั้นยังคงยังคงใช้หอกสามง่ามเหมือนเดิม ส่วนโยริใช้ดาบซึ่งเธอบอกว่ามันคือคาตานะ ดาบของซามูไร ที่คาดเอวเธออยู่คือดาบขนาดกลาง วากิซาชิ โยริบอกว่ามันมีไว้เพื่อทำเซ็ปปุกุซึ่งมิคาสะก็ไม่เข้าใจว่ามันแปลว่าอะไร ชนชั้นดั้งเดิมของโยริคือซามูไร แปลว่าข้ารับใช้ ก่อนที่พ่อของโยริจะเดินทางมายังนครแห่งขุนเขาในฐานะทูตและมีลูกสาวกับสตรีชาวอังกฤษ ซึ่งนั่นก็คือโยริ ไม่รู้ด้วยเหตุผลอะไรที่เธอกลายมาเป็นนักสู้แกลดิเอเตอร์ โยริไม่บอก

    “อย่าออมมือ” แอนนี่บอก แต่มิคาสะไม่ทำตามเมื่อการต่อสู้เริ่มขึ้น

    เคร้ง! คมหอกสามง่ามปะทะใบมีดใต้ปืนยาว มาร์คัสพุ่งเข้าไล่ต้องแอนนี่ไม่ให้เธอได้มีโอกาสยิง แต่แอนนี่ก็ไม่ได้คิดจะพึ่งพากระสุนปืนตั้งแต่แรก เธอฟันใบมีดใต้ปืนออกไป แต่ก็วืดไปเพราะมาร์คัสอยู่ในระยะที่ไกลกว่ารัศมีใบมีด แอนนี่พุ่งตัวตามไป ทว่ามาร์คัสก็ถอยเอาๆ เว้นระยะไม่ให้แอนนี่เข้าถึงตัวได้แม้สักครั้ง

    โยริยืนอยู่หน้ามิคาสะ ยืนประจันหน้าด้วยท่าทีที่แปลกไป มิคาสะจ้องกลับแล้วก็รู้สึกได้ โยริไม่ได้กลัวอยู่ เธอพยายามตั้งสติอยู่กับดาบคาตานะในสองมือ มองปลายดาบที่เลิกสั่น และก้าวขาเป็นฝ่านบุกเข้ามาก่อน

    “รับมือ!” โยริร้องบอก มิคาสะอยากเอามือก่ายหน้าผาก ใครที่ไหนเขาเตือนก่อนโจมตีกันบ้าง

    เคร้ง! มิคาสะเอานินจาเคนทั้งสองเล่มตั้งรับคาตานะ โยรินั้นดูเหมือนออกแรงฟันเต็มที่ แต่เมื่อคมดาบปะทะกันแล้ว นินจาเคนของมิคาสะนั้นไม่สั่นแม้สักนิด มิคาสะก้าวเท้าดันโยริให้ถอยหลังไป และเพียงแค่สะบัดนินจาเคนออก โยริก็ล้มหงายท้อง นี่ขนาดเธอออมมือเต็มที่โยริยังสู้ไม่ได้เลย ที่เธอทำอยู่นี้คือกับการไล่ฆ่าฝ่ายเดียวชัดๆ

    “สู้สิ” มิคาสะพูด โยริพยายามตะเกียกตะกายลุกขึ้นและชี้ดาบกลับมาทางมิคาสะ “มีฝีมือแค่นี้จริงๆรึไง”

    โยริพุ่งเข้าใส่อีกครั้ง คราวนี้แทงดาบใส่ตรงๆ มิคาสะถอยไปก้าวหนึ่งและตวัดนินจาเคนปัดคาตานะของโยริไปทางอื่น รู้สึกเหมือนกำลังเล่นอะไรกับเด็กเล็กสักอย่าง

    “มิคาสะ!” เสียงแอนนี่ร้องเรียก มิคาสะหันกลับไป นินจาเคนในมือปัดคมหอกลงตามสัญชาตญาณ แต่ก็ไม่พ้นทาง... ฉึก! คมหอกทั้งสามแทงลงบนต้นขาด้านข้าง มิคาสะก้าวถอย แต่โยริก็แทงดาบเข้ามาจากอีกทางหนึ่ง

    ปังๆๆ! กระสุนสามนัดถูกยิงทะลุข้อมือขวา ต้นแขนซ้ายและขาของโยริ เธอล้มลงกรีดร้องและพยายามกดเลือดที่ไหลทะลักจากข้อมือ แผลนั้นฉีกทะลุเส้นเลือดใหญ่กลายเป็นรูโหว่น่ากลัว มาร์คัสไม่ได้สนใจโยริ เขาดึงหอกสามง่ามจากขามิคาสะและหันกลับมาแทงใส่แอนนี่ เคร้ง!

    แอนนี่ถอยหลังไปตั้งหลัก แต่มาร์คัสบุกตามมาติดๆ ต้อนแอนนี่ไปยังมุมของลานประลอง มาร์คัสยกหอกสามง่ามจู่โจมอีกครั้ง เคร้ง! มุมของสามง่ามกดอาวุธของแอนนี่ลงกับพื้น ซึ่ง...เป็นการตัดสินใจที่ผิดมหันต์ แอนนี่ปล่อยอาวุธทิ้งไปอย่างง่ายดาย ก่อนจะเตะตัดขาใส่มาร์คัสที่สวมเกราะเบาไว้ทั่วตัว แต่ด้วยแรงเตะที่แรงก็ทำให้มาร์คัสเสียหลัก แอนนี่ก็ถือโอกาสเหวี่ยงตัวเขาทุ่มลงกับพื้น หัวของเขาทุ่มดินและขาชี้ฟ้าโด่เด่ กลายเป็นที่ขบขันแก่เหล่าคนดูเป็นอย่างมาก

    แอนนี่หยิบอาวุธของตัวเองขึ้นมา และปล่อยมาร์คัสหัวปักดินไว้อย่างนั้น ก่อนจะเดินมาดูศัตรูอีกคนที่พยายามจะสู้ต่อทั้งๆที่มีเลือดอาบ มิคาสะดูจะไม่อยากเป็นคนจัดการกับโยริเอง มิคาสะจ้องแอนนี่ที่กำลังเดินไปทางนั้น เธอกระชับนินจาเคนในมือให้เตรียมพร้อมและวิ่งเข้าใส่แอนนี่

    “ทำอะไรน่ะ!” แอนนี่ร้อง รีบก้าวถอยเพราะไม่รู้มิคาสะนึกอะไรถึงวิ่งเข้าหาเธอ

    มิคาสะยกนินจาเคนขึ้นระดับคอ หันคมดาบเข้าหาแอนนี่ไขว้เป็นกากบาท แอนนี่ก็รีบก้มลงต่ำทันที

    !!!” มิคาสะกระโดดเหยียบหลังของแอนนี่เสียอย่างนั้น ก่อนที่เธอจะเหยียบปลายหอกสามง่ามของมาร์คัสให้ทิ่มลงพื้น แทนที่จะเป็นลำคอของแอนนี่ มิคาสะหมุนตัวเตะมาร์คัสล้มลงกระแทกพื้น ก่อนจะเอานินจาเคนจ่อลำคออีกฝ่าย

    “ฆ่า! ฆ่า! ฆ่า! ฆ่า! ฆ่า!” เสียงคนดูพากันร้องเชียร์เป็นเสียงเดียวกัน

    ดูท่าครั้งนี้โยริและมาร์คัสจะถึงฆาต

    มิคาสะสะบัดนินจาเคนทั้งสองเล่มตัวศีรษะมาร์คัส มันกลิ้งไปตามพื้นเหมือนลูกบอลที่มีหน้าตาและพยายามอ้าปากพะงาบเหมือนจะพูดอะไร แม้หัวจะไม่ได้อยู่บนบ่าอีกต่อไป

    “ไม่ต้องขอบคุณ” มิคาสะบอกแอนนี่ที่นอนแอ้งแม้งอยู่กับพื้น เพราะมิคาสะเล่นเหยียบใส่เธอแถมดีดตัวไปต่อเต็มแรง จะไม่ให้เสียหลักหน้าคว่ำอย่างที่เห็นได้ยังไงกัน

    “ฉันหนีความตายไม่พ้นสินะ” โยริพูด ตัวเธอซีดลงเพราะเสียเลือดไปมาก

    “เธอไม่ควรต้องมาอยู่ที่นี่เลย” มิคาสะบอก

    “ฆ่า! ฆ่า! ฆ่า! ฆ่า! ฆ่า!” เสียงคนดูเริ่มกดดันให้มิคาสะลงมือ

    “ฉันขออะไรคุณสักอย่างสิ” โยริดึงวากิซาชิออกจากฝัก “อย่าลืมชีวิตที่คุณต้องฆ่าเพื่ออยู่รอด”

    โยริกลับทำในสิ่งที่มิคาสะไม่ได้คาดคิด นั่นคือการคว้านท้องตัวเอง...เซ็ปปุกุ เป็นการกระทำที่ทรมานและมิคาสะก็ไม่รู้ถึงความหมายของมัน เธอรู้แต่ว่าสิ่งที่เธอทำได้มีเพียงหยุดความทรมานนี้ให้ นินจาเคนในมือถูกวาดฟันเพื่อตัดศีรษะของโยริออกจากบ่า... ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบสำหรับมิคาสะ แม้เหล่าคนดูจะพากันโห่ร้องยินดีกับชัยชนะของเธอ

    มือหนึ่งสะกิดเธอที่หัวไหล่

    มิคาสะหันไปก็พบแอนนี่ เธอมองร่างไร้วิญญาณของโยริด้วยสีหน้าตายด้าน ไม่มีความเศร้าเสียใจหรือความรู้สึกอื่นใดทั้งนั้น เธอเดินนำมิคาสะออกจากลานประลองและปล่อยให้พวกคนที่คุมสนามมาเก็บกวาดร่างไร้วิญญาณของผู้แพ้และแอ่งเลือดที่ไหลนอง

    “รู้สึกไหม” แอนนี่ถาม

    “อะไร” มิคาสะถามกลับ

    “นั่นสิ” แอนนี่ตอบ

    “แล้วถามทำไม” มิคาสะถามอย่างหัวเสีย

    “ช่างมันเถอะ” แอนนี่ตอบแล้วเดินไป

    “รู้สึก... ” มิคาสะตอบอย่างแผ่วเบา ความรู้สึกของการต้องถูกบังคับให้ฆ่าคนรู้จัก มนุษย์ด้วยกัน จนอาจจะเป็นคนที่รัก... ระหว่างชีวิตตัวเองกับชีวิตคนอื่น อะไรสำคัญกว่ากันล่ะ

    โลกนี้มันโหดร้าย...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×