ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    GOT7 | 99% PERCENT | #YUGBAM #JARK #BNIOR (END)

    ลำดับตอนที่ #11 : PERCENT: 10%

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.7K
      56
      21 พ.ค. 58




    PERCENT 10

     

     


     

    ยูคยอมเดินออกจากห้องสอบเป็นคนแรกหลังจากนั้นทุกคนในห้องก็เริ่มทยอยลุก แบมแบมเร่งมือกับข้อสอบบนโต๊ะเพราะตั้งแต่เป็นมิททีมันทำให้เขาไม่สนใจเรียนเท่าที่ควรเหมือนเมื่อก่อน แบมแบมอยากนับว่านั่นเป็นข้อเสียอีกอย่างหนึ่งแต่คงไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าชีวิต กระเป๋าเดินทางถูกจัดตั้งแต่เมื่อคืนแน่นอนว่ามาร์ค จินยอง และคนอื่นๆจะล่วงหน้าไปก่อน

     

    แบมแบมเงยหน้ามองไปที่โต๊ะจีมินแต่เธอหายไปแล้วนั่นยิ่งทำให้แบมแบมต้องเร่งมือทำข้อสอบให้เสร็จ  เสียงออดดังหมดเวลาประจวบเหมาะกับที่แบมแบมทำข้อสุดท้ายเสร็จพอ เขาลุกถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกก่อนที่อาจารย์จะมาเก็บเอาข้อสอบไป

     

    ฝ่ามือเล็กยกขึ้นปาดเหงื่อออกจากหน้าผาก ยูคยอมไม่ได้รออยู่หน้าห้องเหมือนที่คิดไว้แต่นั่นมันดีแล้ว เพราะตั้งแต่ยูคยอมยื่นข้อเสนอที่เขาไม่เต็มใจบอกตามตรงเลยว่าแบมแบมพยายามเลี่ยงที่จะอยู่สองต่อสองกับยูคยอมเพราะรู้สึกว่าเขาอาจจะไม่ปลอดภัย ยูคยอมเจ้าเล่ห์และชอบบังคับให้ทำอะไรที่ต้องรู้สึกวูบวาบในอกอยู่เรื่อย

     

    ไม่ถึงนาทีแบมแบมก็กลับถึงหอเพราะเขาเริ่มหายตัวกลับบ้างถ้าจำเป็น เสียงเคาะประตูดังๆจนเหมือนคนเคาะตั้งใจจะทำให้มันหลุดทำให้แบมแบมรู้ว่ายูคยอมคงรอนานแล้ว กระเป๋าเป้ถูกสะพายขึ้นที่หลัง แบมแบมตรวจดูทุกอย่างในห้องจนครบว่าเขาไม่ได้ลืมอะไร

     

    “ไปกันวันนี้ไม่ใช่ปีหน้า” ยูคยอมตวัดสายตามองพร้อมเอ่ยเสียงแข็ง

    “ขอโทษครับ” แบมแบมก็ทำได้แค่พูดเสียงเบาเหมือนเคย

     

    รถคันหรูทะยานไปเรื่อยๆตามถนนสองข้างทางเป็นป่าสูงแต่มันไม่ได้น่ากลัว แบมแบมทอดสายตามองทางที่ไกลสุดลูกหูลูกตาของถนน ในรถมีเพียงเสียงเพลงบัดลาดช้าๆที่มันน่าจะเป็นแผ่นโปรดของเจ้าของรถเพราะแบมแบมเห็นยูคยอมฮึมฮัมเพลงตั้งแต่ออกจนตอนนี้เกือบสองชั่วโมงแล้ว

     

    เพราะเมื่อคืนไม่ได้นอนจนถึงตอนนี้หนังตาของแบมแบมเลยหนักอึ้งเหมือนเอาหินมาถ่วงไว้สุดท้ายความง่วงก็เข้ามาคืบคลานจนแบมแบมหลับสนิท ยูคยอมปลายตามองร่างเล็กที่นอนคอพับใบหน้าหวานยามหลับดูเหมือนเด็กเล็กๆ มือใหญ่เอื้อมไปเกลี่ยผมที่ปรกหน้าออกให้คนนอนหลับ

     

    เวลาเกือบสี่ชั่วโมงกว่าจะถึงจุดหมาย ยูคยอมหักพวงมาลัยเลี้ยวเข้าไปตามทางไฟเปิดตามแนวสองข้างตรงทางเข้าจนถึงที่จอดรถใกล้ตัวบ้าน  ยูคยอมดับเครื่องยนต์มองดูคนข้างๆที่ยังหลับสนิท

     

    “ตื่นได้แล้วแบมแบม”

     

    เฮือก!

     

    แบมแบมสะดุ้งโหยงก่อนจะขยับตัวมองคนขับรถที่ตอนนี้เดินเข้าบ้านไม่แล้ว แบมแบมกำลังฝันและมันไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เหงื่อไหลท่วมตัวแม้รถจะเพิ่งจอดสนิท แบมแบมรีบลงจากรถแล้วเดินเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ใจกลางป่า ทุกคนทักทายแบมแบมเมื่อเห็นว่าเขาโผล่ไปเป็นคนสุดท้าย แบมแบมยิ้มเจื่อนเขาไม่ได้เล่าเรื่องความฝันเมื่อกี้ให้ใครฟัง

     

    “หน้าซีดๆนะไม่สบายรึเปล่าแบม” จีมินทักเมื่อเห็นสีหน้าของแบมแบมดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ทุกคนหันมามองพร้อมเพรียงกันและจ้องใบหน้าหวานเหมือนรอคำตอบ

    “ไม่ ฉันสบายดีน่า” แบมแบมตอบจีมินพร้อมเสียงหัวเราะแห้งๆ

    “ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ไปพักผ่อนกันตามสบายแล้วคืนนี้เจอกัน” มาร์คบอกก่อนทุกคนจะแยกย้ายไปตามห้องของตัวเอง

     

    แบมแบมเลือกที่จะเข้าห้องไปพักผ่อนแทนที่จะอยู่รวมกับคนอื่นในห้องนั่งเล่น ตอนนี้ร่างกายก็ปกติแต่ไม่รู้ทำไมตั้งแต่ลงจากรถมาเขารู้สึกไม่ดีเลย ไม่ใช่ว่าที่นี่ไม่ดีอากาศที่นี่ดีมากกว่าในเมืองหรือที่เซนต์ดิมิทรีแต่ว่ามันรู้สึกแปลกๆยังไงก็ไม่รู้ เขาอธิบายออกมาไม่ถูกแต่รู้สึกว่ามันให้ความรู้สึกเหมือนอะไรสักอย่างมันติดอยู่ในหัว ดำมืด เหมือนกลุ่มหมอก

     

    เหมือนยิ่งพยายามหาคำตอบให้กับความรู้สึกตอนนี้ก็ยิ่งจมดิ่งลงไปสู่ความมืดมิด แบมแบมเผลอหลับไปแล้วทั้งๆที่เพิ่งนอนมาตอนเดินทาง จีมินเปิดประตูเข้ามาดูเพราะรู้สึกเป็นห่วงกลัวว่าอีกคนอาจจะไม่สบายเพราะการเดินทางไกล

     

    “หลับไปแล้วหรอ” เสียงนิชคุณทักมาจากด้านหลังจ้องมองคนหลับด้วยสีหน้าเรียบๆ

    “ค่ะ สงสัยจะเพลีย” จีมินหันไปตอบ

    “คงไม่ใช่หรอก ช่วงนี้ร่างกายของเด็กคนนี้กำลังเปลี่ยนแปลง ความเป็นมนุษย์กำลังต่อสู้กับอีกสายพันธุ์ในร่างกาย” นิชคุณอธิบาย

    “แล้วนานแค่ไหนคะ หมายถึงทำยังไงแบมถึงจะผ่านช่วงนี้ไปได้”

    “จนกว่าจะชิน อายุขัยความเป็นมนุษย์ยังไม่หมดแต่มันคงจะมาถึงเร็วๆนี้แหละ เพราะมิททีในตัวกำลังกลืนกินอายุขัยที่ยืดยาวออกไปให้สั้นลง” นิชคุณตอบแค่นั้นแล้วเอื้อมมือไปลูบหัวจีมินอย่างเอ็นดู “อย่าห่วงไปเลย มันก็แค่อาการของมนุษย์ที่กำลังจะเป็นแวมไพร์”

     

    จีมินยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิมแม้นิชคุณจะออกไปนานแล้ว เธอมองร่างของเพื่อนที่หลับใหลด้วยแววตาที่อ่านไม่ออก เสียงกิ่งไม้ข้างนอกหักหล่นลงบนพื้นจีมินเบนสายตาไปมองแวบนึงเธอเห็นอะไรสักอย่างเคลื่อนตัวออกไปเร็วมากแต่พอจ้องมองดีๆมันก็แค่อีกาสีดำสนิท

     

    “ฉันจะปกป้องนายให้ถึงที่สุด เชื่อใจฉันนะแบมแบม” จีมินเอ่ยมันออกมาแผ่วเบา

     

    ทุกคนกำลังเตรียมพร้อมที่จะออกไปข้างนอก มาร์คเปิดกระเป๋าหยิบลิ่มสีเงินสอดเข้าที่เสื้อคลุมสองข้าง มีดพกอันเล็กถูกเก็บลงกระเป๋าเสื้อด้านในด้วยความประณีต มือเรียวรูดซิปกระเป๋าอีกชั้นหยิบลิ่มอันใหม่เอี่ยมสองอันขึ้นมาดู

     

    “ไปกันได้แล้วมาร์คจะเที่ยงคืนแล้ว” จินยองเปิดประตูห้องเข้ามาตาม

     

    สาวเท้าเดินออกไปพร้อมลิ่มเงินในมือ ทุกคนอยู่ในชุดที่รัดกุมรองเท้าบูตสีดำสนิทยกเว้นนิชคุณที่อยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวกางเกงยีนสีกรมท่ากับรองเท้าผ้าใบ มาร์คมองแบมแบมที่ถูมือไปมาเพราะอากาศตอนนี้หนาวพอใช้ได้อยู่ เขาโยนลิ่มอันใหม่ให้แบมแบมด้วยความเร็วและแบมแบมก็รับมันไว้ได้ทันไม่งั้นมันคงได้ปักทะลุกะโหลก

     

    “เอาไว้ใช้ วันนี้เราจำเป็นต้องใช้อาวุธ” มาร์คบอกพร้อมรอยยิ้มมุมปากเล็กๆ

    “เหล็กแหลมเงิน? วันนี้ต้องแทงกันเลยหรอครับ” แบมแบมเอ่ยถามด้วยความตกใจ เด็กหนุ่มเคยเรียนรู้วิธีการใช้มันอยู่หลายครั้งแต่จำได้ว่าถ้าจะมีเป็นของตัวเองคือต้องผ่านการทดสอบในระดับสูง

    “ใช่ วันนี้มันจำเป็นมาก นายจะเรียกมันว่าลิ่มหรือเหล็กแหลมเงินก็ได้เพราะมันเหมือนกัน จริงๆต้องผ่านการทดสอบถึงจะได้มันไปเพราะนั่นหมายความว่ามิททีได้ผ่านการทดสอบแบบเต็มตัวแล้ว แต่เพราะวันนี้เรามีแขกพิเศษมากและจำเป็นที่จะต้องใช้เจ้านี่” มาร์คพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ

     

    ทุกคนเดินตามกันไปตามจุดที่ถูกทำไว้ ป่าเขาด้านหลังมันสูงขึ้นไปถึงยอดเขาที่ไม่สามารถมองจากตรงนี้ได้ว่ายอดเขามันอยู่อีกไกลแค่ไหน แบมแบมไม่เข้าใจสถานการณ์เกี่ยวกับการทดสอบวันนี้มันดูจริงจังมากๆจนรู้สึกขนลุก

     

    “ฉันจะขึ้นไปรอบนนั้น หวังว่าจะใช้เวลาไม่นานในการตามไปนะ” นิชคุณบอกด้วยรอยยิ้มเหมือนทุกครั้ง

    “ดูแลตัวเองดีๆนะครับ” จินยองจับมือนิชคุณบีบมันเบาๆ

    “โอเค แล้วเจอกันทุกคน”

     

    นิชคุณหายไปในความมืดของป่า แบมแบมมองจนแผ่นหลังหายลับไปกับความมืดมิด วันนี้ไม่ใช่วันที่พระจันทร์เต็มดวงแน่นอนมันเลยมืดสนิทแต่ดวงตาก็ยังมองเห็นอยู่ดี ยูคยอมมองไปรอบๆ ดวงตาคมไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าการเพ่งมอง

     

    “วันนี้ไม่ต้องแบ่งกลุ่ม จากตรงนี้ไปคือทางขึ้นเขามันไม่ไกลเท่าไหร่แต่ระหว่างทางเราจะต้องเจอแขกพิเศษที่ไม่ได้รับเชิญ ถ้าจำเป็นต้องฆ่าก็ฆ่าซะ”

     

    ไม่รู้ว่าทำไมพอมาร์คพูดคำว่าแขกพิเศษที่ไม่ได้รับเชิญแบมแบมถึงสัมผัสได้ถึงความมืดมิดนั่นและเขารู้แล้วว่าใครคือคนที่ไม่ได้รับเชิญ อะไรที่ติดอยู่ในหัวมาตั้งแต่ตอนเย็น

     

    เมิร์ค

    พวกนั้นอยู่ที่นี่

     

    “ไม่รู้ว่าพวกนั้นรู้จักและเข้ามาที่นี่ได้ยังไง แต่มันไม่ค่อยดีเท่าไหร่อาคมที่ทำไว้ถูกทำลาย พวกนั้นคิดมาสักพักแล้วถึงได้วางแผนเพราะคิดว่าเราคงไม่รู้” จินยองพูดเสียงเครียด ตอนแรกเขาก็ไม่รู้หรอกว่าทำไมมาร์คถึงได้มีท่าทีแปลกๆตั้งแต่มาถึงแต่พอนิชคุณตามมาทีหลังพูดว่าอาคมถูกทำลายเลยรู้ทันทีว่าทำไมเขารู้สึกแปลกๆ

    “ตอนนี้พวกนั้นคงไหวตัวทันแล้ว ผมว่าเรารีบไปเถอะ” ยูคยอมตัดบท เขาอยากสู้ใจจะขาดเพราะเบื่อเต็มทีที่จะต้องมาคอยระวังเวลาจะปะทะกันในโรงเรียน

    “นายโอเคไหม” มาร์คเอ่ยถามคนที่ยืนนิ่งด้วยท่าทางเป็นห่วง เพราะคนอื่นชินแล้วกับที่นี่มีแต่แบมแบมที่ยังไม่เคยมา และพอมาครั้งแรกก็เจออะไรหนักๆแต่เชื่อเถอะว่ามันจะสนุกกว่าครั้งไหนๆที่เคยมาฝึกกันบนนี้

     

    “โอเคครับ”

     

     

     

     

    แม้จะไม่ได้แบ่งกลุ่มแต่จีมินอาสาที่จะไปกับแบมแบม ทุกคนเห็นด้วยกับความคิดนี้และต่างแยกย้ายกันไป ยูคยอมหันมาสบตาแล้วยกยิ้มมุมปากแบบที่แบมแบมไม่เข้าใจก่อนจะวิ่งหายไปในความมืด  

     

    จีมินเดินนำทางไปเรื่อยๆแปลกที่ทางนี้เงียบสนิทแต่นั่นแหละที่น่ากลัว ยิ่งเงียบก็ยิ่งอันตรายไม่แน่อาจจะมีเมิร์คเกิน10คนแอบซ่อนอยู่ก็ได้

     

    สวบ!

     

    เสียงเหมือนมีคนเดินทำให้ทั้งคู่หยุดมองหน้ากันโดยไม่ทันที่จะได้พูดอะไร เมิร์คที่ไม่คุ้นหน้าก็กระโจนเข้ามาด้วยความเร็ว มือของมันถือมีดและตาสีม่วงหม่นนั่นบ่งบอกได้ดีว่ามันเป็นใคร

     

    “แบมหลบ” จีมินตะโกนเสียงดังก่อนจะพุ่งเข้าหาเมิร์คที่พุ่งเข้ามา

     

    แบมแบมมองด้วยอาการตื่นๆโดยไม่ทันสังเกตข้างหลังว่ามีใครบางคนโผล่มา เยรินจับหัวแบมแบมล็อคไว้แน่นจนคนถูกกระทำร้าวไปทั้งหัวเป็นจังหวะเดียวกับที่จีมินเหวี่ยงเมิร์คกระเด็นออกไป

     

    “หยุดเดี๋ยวนี้เยริน” จีมินพูดเสียงดัง ตาของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงเขี้ยวงอกยาวออกมา เธอกระโจนเข้าหาเยรินที่กำลังจะตัดหัวแบมแบม แบมแบมจึงใช้โอกาสนี้เหวี่ยงตัวเยรินขึ้นแล้วทุ่มลงกับพื้นดินด้วยอย่างแรงจนเยรินตัวกระแทกพื้นอย่างแรง

     

    อั่ก!

     

    เยรินนิ่งไปสักพักก่อนจะยันตัวขึ้นมา ดวงตาของเธอดูโกรธจนน่ากลัวมือขาวกำเข้าหากันแน่น แบมแบมไม่รอช้าวิ่งเข้าประชิดตัวแต่เยรินหลบทันจับร่างเล็กเหวี่ยงจนกระเด็นไปติดต้นไม้ แบมแบมเจ็บจนชาไปทั้งซี่โครงแต่ก็ลุกขึ้นได้อย่างสบายหลบมีดสั้นที่ถูกเขวี้ยงมา

     

    “ตายยากจริงๆเลยนะ” ปากเรียวพูดด้วยน้ำเสียงสั่นๆเพราะความโกรธ

    “หลบไปเถอะเยริน” จีมินมองอดีตเพื่อนสนิทด้วยสายตาแข็งกร้าว

    “ไม่ใช่เรื่องของเธอจีมิน ถ้าไม่อยากตายก็หลบไปซะ” เยรินตะคอกเสียงดังก่อนจะพุ่งเข้าหาแบมแบมด้วยความเร็วอีกครั้ง

     

    ฉึบ!

     

    ลิ่มเงินสองอันถูกดึงออกมาจากเสื้อและฟันเข้าที่แขนของเยรินอย่างแรงจนเธอล้มลงไป แบมแบมมองด้วยสายตาตื่นๆ สัญชาติญาณทำให้เขาหยิบมันขึ้นมาใช้ จีมินถอนหายอย่างโล่งอกเธอดีใจที่แบมแบมทำแบบนี้อย่างน้อยก็ไม่ได้แทงเยรินนี่มันก็แค่การป้องกันตัว

     

    “ไปกันเถอะแบมแบม” จีมินเรียกสติคนที่ยืนนิ่งให้กลับมา แบมแบมพยักหน้าก่อนทั้งคู่จะวิ่งหายไปในความมืด

     

     

    ยูคยอมมองไปรอบๆเขาเกือบจะถึงจุดหมายแล้วถ้าไม่ได้ยินเสียงอะไรเข้าซะก่อน ร่างสูงค่อยๆเดินไปตรงทีสว่างตาคมมองผู้ชายสองคนที่คุ้นหน้าคุ้นตาก่อนจะสถบออกมาเบาๆ เสียงบทสนทนาของทั้งคู่ดังก้องป่า

     

    “บอกแล้วว่ายังไงนายก็ต้องตาย” เสียงแจบอมดูมีความสุขยามพูดมันออกมา

    “พี่ไม่มีสิทธิ์มาบ่งการชีวิตผม!” เสียงใสพูดออกไปอย่างหงุดหงิด

    “หุบปากซะแบมแบม! หลังจากฉันกินเลือดนายเสร็จ ทุกอย่างก็จะจบคิดว่าใครจะมาช่วยรึไงมันไปถึงไหนกันแล้ว พวกมิททีน่ะก็ดีแต่ปากเท่านั้นแหละรู้ไว้” แจบอมพูดด้วยอารมณ์โมโห

     

    แบมแบมกำมือแน่นถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาก็คงกลัวจะเป็นจะตายแต่ตอนนี้เขาอยากจะต่อยหน้าแจบอมสักที จิตใต้สำนึกของแบมแบมกำลังนึกถึงยูคยอมอย่างน้อยเขาก็ไม่อยากตายตอนนี้ ถ้าการตายของเขามีผลต่อทุกอย่างจริงๆเขาก็ต้องสู้ให้ถึงที่สุดไม่ใช่หรอ

     

    ดวงตาเปลี่ยนเป็นสีแดงหม่นเขี้ยวแหลมงอกออกมา แบมแบมขมุบขมิบปากก่อนจะเหวี่ยงร่างของแจบอมที่ล็อกคออยู่ทุ่มลงบนพื้นอย่างแรง แบมแบมจู่โจมเข้าใส่โดยที่แจบอมยังไม่ทันตั้งตัวมันส่งผลให้แจบอมปวดร้าวที่ไหล่ แจบอมเงยหน้ามองด้วยความโกรธและมันทำให้แบมแบมรู้ว่าเขาเองไม่ควรมาสู้กับแจบอมแบบนี้เลย

     

    มีดแหลมถูกเสียบเข้าที่ต้นแขนแบมแบมแต่ดีที่มันแค่เฉียดเท่านั้น แจบอมเตะเข้าที่สีข้างหลายๆครั้งด้วยความโมโห

     

    “ตายซะเถอะ”

     

    ฉึก!

     

    “แรงได้แค่นี้หรอ” ปากหยักยกยิ้มให้แจบอมพร้อมเสียงหัวเราะกวนๆที่ทำให้คนถูกกวนบันดาลโทสะ

    “เสือกจริงๆนะมึง” แจบอมสถบ

    “มึงไม่ใช่หรอที่มาเสือกกับคนของกูก่อน” ยูคยอมโต้กลับแล้วปลายตามองแบมแบมที่จ้องมาเหมือนขอบคุณ แววตานั่นทั้งดีใจ กลัว และโล่งใจ

     

    ทั้งคู่ต่างจู่โจมเข้าหากันในทันที แจบอมปล่อยหมัดเสยคางจนยูคยอมถอยหลังไปหลายก้าว ตอนนี้แจบอมคงโมโหจนไม่ทันคิดอะไร ยูคยอมเคลื่อนไหวตัวเองอย่างรวดเร็วเขาล็อกคอแจบอมแน่นจนคนถูกกระทำกัดฟันกรอด ยูคยอมหัวเราะหึในลำคอก่อนจะเหวี่ยงตัวแจบอมออกไปอย่างแรงแล้วพุ่งกระโจนไปเอามีดที่ปักอยู่ที่ท้องดึงมันออกมาปักที่อกข้างขวา

     

    “วันนี้มันไม่ใช่วันของมึง” ยูคยอมพูดเสียงเหี้ยม

    “แต่มันก็ไม่ใช่วันของมึงเหมือนกัน”

     

     ยูคยอมถูกแทงซ้ำเข้าที่ท้องก่อนจะโดนเตะจนล้มลง แจบอมยิ้มแล้วเคลื่อนตัวจะมาซ้ำแต่แบมแบมวิ่งมาด้วยความเร็วแล้วใช้กิ่งไม้แข็งแทงเข้าที่ท้องแจบอมแล้วผลักจนล้มคะมำ แจบอมสถบก่อนจะลุกขึ้นวิ่งหายไปในความมืด

     

    “คุณเป็นอะไรไหม” แบมแบมถลาเข้าไปหายูคยอม แต่ร่างสูงส่ายหัวลุกขึ้นมายืนก่อนจะดึงเอามีดออกถึงมันจะเจ็บแต่มันไม่ได้ทำให้ยูคยอมเป็นอะไรมาก

    “แค่นี้ไม่ตายหรอก” ยูคยอมตอบด้วยน้ำเสียงกวนๆ “ฉันมันพวกตายยาก”

     

    ทุกคนที่รออยู่ตกใจเมื่อเห็นสภาพทั้งคู่มาถึงด้วยสภาพที่แทบจะดูไม่ได้แต่จริงๆมันก็ไม่ต่างจากสภาพทุกคนเท่าไหร่หรอกจะมีก็แค่นิชคุณที่ยืนมองแล้วยิ้มน้อยๆ

     

    “กลับที่พักกันเถอะ คืนนี้การดทดสอบจบลงแล้ว”

     

     

    50%


     

     

     

     

    ทุกคนแยกย้ายกันไปพักไม่มีใครพูดเรื่องที่เกิดขึ้น นิชคุณให้ยาที่ทำขึ้นมาเองกับแบมแบมก่อนจะบอกคนอื่นให้ไปพักผ่อนแล้วค่อยมาคุยกันเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ แน่นอนว่าทุกคนเห็นคนเห็นด้วยกับความคิดของนิชคุณเพราะสภาพแบมแบมตอนนี้ดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่

     

    แบมแบมเดินกะเพลกๆเข้ามาในห้อง ร่องรอยบาดแผลและเลือดที่ยังไหลเกรอะกรังไปทั้งแขน สีข้าง และหัว มันไม่ได้เจ็บอย่างที่ควรจะเป็นไม่ได้เจ็บเหมือนตอนนั้นก็ใช่ว่าแบมแบมจะไม่รู้สึกอะไรเลย แต่ตอนนี้คนที่แบมแบมห่วงมากกว่าตัวเองเป็นคนที่ยังนั่งไม่ยอมลุกอยู่ที่ห้องนั่งเล่นมากกว่า

     

    ยูคยอมน่าเป็นห่วงกว่าเขาเยอะในเมื่ออีกคนโดนแทงเข้าจังๆขนาดนั้น แบมแบมหัวใจแทบหยุดเต้นตอนเห็นว่ายูคยอมโดนมีดแทงเลือดสีแดงหม่นไหลมันยังติดตาเขาอยู่เลย

     

    “เหม่ออะไร” เสียงกระซิบข้างหูทำเอาคนที่ยืนอยู่หน้ากระจกขนลุกเกลียว แบมแบมมองยูคยอมผ่านกระจกตรงหน้า เพราะตอนนี้เขาถอดเสื้อเรียบร้อยแล้วแถมยูคยอมยังใส่แค่เสื้อกล้ามหลวมโครกกำลังยืนแนบข้างหลังมันชิดจนสัมผัสได้ถึงไอเย็นๆที่ออกมาจากตัว

    “ปะ...เปล่าครับ” แบมแบมตอบออกไปแบบติดๆขัดๆก่อนจะหลุบตาต่ำมองพื้นห้องหลีกหนีสายตาที่อ่านไม่ออกของยูคยอม

    “หึ นิชคุณให้ยานายมาใช่ไหม ช่วยทามันลงบนแผลฉันหน่อย” ยูคยอมออกคำสั่งก่อนจะผละจากหลังแบมแบมไปนอนลงบนเตียงกว้าง เขาไม่ได้กลัวสักนิดว่าเลือดมันจะทำให้ผ้าปูที่นอนเลอะ

     

    แบมแบมแอบถอนหายใจ เขาหยิบขวดยาสีประหลาดที่นิชคุณให้มาก่อนจะหมุนตัวแล้วสาวเท้าขึ้นไปนั่งลงบนเตียง จัดการเปิดฝาขวดยาแล้วค่อยๆหยดมันลงบนแผลที่โดนมีดแทง และทาไปตามจุดต่างๆที่เป็นแผลช้ำมากถึงแวมไพร์แผลจะหายเองก็เถอะแต่บางครั้งการใช้ยาก็เป็นอะไรที่ช่วยได้เยอะมาก มากขนาดที่ว่าแผลที่โดนแทงตอนนี้เริ่มประสานเข้าหากันเหมือนมันไม่เคยเป็นแผลมาก่อน

     

    สายตาคมมองสีข้างของคนที่นั่งอยู่บนเตียงเลือดสีแดงสดยังไหลซิบๆ จริงๆแผลไม่ได้ใหญ่หรือว่ารุนแรงมากแค่นี้ไม่สามารถทำอะไรมิททีได้แต่ก็ต้องเว้นพวกครึ่งมนุษย์อย่างแบมแบมไว้ จู่ๆยูคยอมก็ดันตัวเองขึ้นมานั่งแล้วผลักร่างของแบมแบมลงไปนอนราบบนที่นอนแทน ขวดยาในมือถูกยูคยอมเขวี้ยงทิ้งไปโดยไม่สนใจใยดี

     

    “ยานั่นไม่ต้องใช้หรอก เดี๋ยวฉันจะช่วยนายเอง”

     

    ปลายนิ้วไล่ไปตามบาดแผลฟกช้ำยูคยอมค่อยๆลูบมันแผ่วเบาก่อนจะก้มลงไปเลียเลือดที่ยังไหลซิบๆอยู่ตามตัวไล่ตั้งแต่เอวบาง เพียงแค่ปลายลิ้นแตะลงบนผิวแบมแบมก็สะดุ้งโหยงแม้อยากจะขัดขืนแต่ร่างกายดันนิ่งสนิทไม่แม้แต่จะส่งเสียงห้ามนั่นทำให้ยูคยอมยิ่งได้ใจ

     

    ลิ้นอุ่นๆเลียสีข้างดูดเม้มตรงแผลแรงๆและนั่นมันทำให้แบมแบมส่งเสียงออกมาหลังจากนอนนิ่งอยู่พักใหญ่ ยูคยอมยิ้มมุมปากเมื่อเขาเงยหน้ามองใบหน้าที่แดงก่ำของแบมแบมเขาชอบสีหน้าของแบบนี้เหมือนลูกกวางที่กำลังจะโดนเขากิน ร่างนวลเนียนสั่นระริกยิ่งยูคยอมลากลิ้นมาที่แผ่นอกก็ยิ่งทำให้แบมแบมส่งเสียงอื้ออึงและมือเล็กก็เลื่อนไปขยุ้มผมของยูคยอมเมื่อลิ้นร้อนนั่นกำลังดูดดุนยอดอกสีชมพูที่กำลังชูชันเพราะการเล้าโลม

     

    เขี้ยวแหลมขบกัดมันเบาๆสลับกับเลียมันไปด้วยทั้งสองข้าง มือเล็กยิ่งออกแรงขยุ้มกลุ่มผมนั่นจนเรียกได้ว่าจิกระบายความเสียวซ่าน เสียงหอบหายใจดังสลับกับเสียงครางจนกระทั่งยูคยอมผละออกแล้วขึ้นคร่อม เขาเคลื่อนตัวเข้าไปใกล้ๆจ้องใบหน้าหวานที่เต็มไปด้วยเหงื่อ

     

    “เห็นไหม เลือดนายหยุดไหลแล้ว” ยูคยอมกระซิบ จากนั้นก็ก้มลงจูบลงบนริมฝีปากสีชมพูซีดนั่น ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า จนพอใจ

    “ผม...”

    “ไปอาบน้ำแล้วนอนพักซะ อย่าขัดคำสั่งฉัน” เสียงทุ้มพูดมันกับคนที่กำลังนอนนิ่งเหมือนกับว่าเขาออกคำสั่งที่มันปนด้วยความเป็นห่วงกลายๆ

     

     

    ลมเย็นๆพัดผ่านตัวเขาแล้วผ่านไป ยูคยอมรู้สึกชอบความเย็นเฉียบแบบนี้มากกว่าความอบอุ่นจากฮีตเตอร์ในบ้านซะอีก แบมแบมเหมือนความอบอุ่นของฮีตเตอร์แต่มันทำให้ยูคยอมรู้สึกไม่ดีเอาซะเลยเพียงแค่เขาสัมผัสร่างอุ่นๆนั่นมันทำให้เขาเกือบเป็นบ้าแล้วใจของเขาก็ประท้วงว่าถ้าเขาให้ความอบอุ่นนี้เข้ามา ในไม่ช้าโซฮีอาจจะกลายเป็นแค่อดีตที่ถูกลืมเลือนซึ่งยูคยอมไม่อยากให้มันเป็นแบบนั้น

     

    คำสัญญาที่ให้ไว้ตอนที่โซฮียังมีชีวิตกัดกินหัวใจที่ไร้ความรู้สึกนี่ครั้งแล้วครั้งเล่า จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี ยูคยอมคิดเสมอว่าเขาอาจจะมีเซ็กซ์กับผู้หญิงหลายคนตั้งแต่โซฮีตายแต่นั่นมันก็แค่การระบายอารมณ์ที่คั่งค้างให้มันถูกปลดปล่อยออกมา ที่จริงเขาไม่ควรต้องมารู้สึกอะไรแบบนี้เลยเพราะเขาเป็นแวมไพร์และมันก็แค่เรื่องรักๆใคร่ๆไม่จำเป็นในการดำรงชีวิตอยู่

     

    ต้นไม้รอบๆพากันลู่ไปตามแรงลม ใบไม้พัดไหวโบกไปมาโบกมา เสียงกิ่งไม้บางกิ่งกระทบหน้าตาของห้องข้างบนแต่มันไม่ได้น่ารำคาญซะทีเดียว บรรยากาศโดยรอบเริ่มเย็นขึ้นเพราะอีกไม่นานฤดูกาลก็จะเปลี่ยนไปแล้ว

     

    “นึกว่านายนอนแล้วซะอีก” เสียงใสทักมาจากประตูบ้าน

    “เธอก็รู้ฉันไม่ค่อยนอน ไม่สิ พวกเราไม่ค่อยนอนกันอยู่แล้ว” ยูคยอมตอบพร้อมกับยักไหล่ เขาขยับตัวนิดหน่อยเพื่อให้จีมินนั่งลงบนเก้าอี้ม้านั่งสีน้ำตาลเก่าๆได้

    “แต่วันนี้ดูนายท่าจะเจ็บหนัก” จีมินมองเสื้อที่เปื้อนเลือดเป็นวงกว้าง

    “เธอก็รู้ว่าแค่นี้ทำอะไรฉันไม่ได้”

     

    จีมินพยักหน้าช้าๆเธอไม่ได้ถามอะไรต่อแต่ดวงตามองไปที่ป่ามืดๆไกลสุดลูกหูลูกตา ความหนาวเย็นของอากาศทำให้จิตใจของจีมินดำดิ่งลึกลงไปถึงบางอย่างที่วนเวียนอยู่ในความคิดเธอมาหลายวัน ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า มาหลายอาทิตย์

     

    “มีอะไรกังวลหรือเปล่า ปกติเธอเป็นแวมไพร์ขี้เกียจไม่มีทางจะลุกขึ้นมาหลังจากนอนไปแล้วหนิ” ยูคยอมถาม

    “ฉันฝันถึงอะไรที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่” จีมินบอกเสียงเรียบ

    “ยังไง”

    “นายรู้ใช่ไหมว่ามิททีมีคัมภีร์ทำนายฝันที่เก่าแก่และมันแม่นยำมาก เมื่อหลายอาทิตย์ก่อนฉันฝันเห็นตัวเองกำลังเดินอยู่ในความมืด มันมืดและเงียบสงบซะยิ่งกว่าป่าที่นี่ซะอีก ทั้งสองข้างทางไม่มีใครสักคนแม้แต่ลมพัดผ่านยังไม่มีเลย ฉันเดินไปเรื่อยๆจนไปสะดุดกับอะไรสักอย่าง รู้ไหมมันคืออะไรมันคือหัวของฉันอยู่ที่ปลายเท้าดวงตาของฉันกำลังจ้องตัวฉันเอง ฉันฝันแบบนี้ซ้ำๆทุกครั้งที่หลับตานอน นายรู้ใช่ไหมว่ามันหมายถึงอะไร”

     

    ยูคยอมจ้องดวงตาของจีมินเหมือนว่าเขาพยายามจะมองมันให้ลึกลงไป

     

    “เธอต้องบอกเรื่องนี้กับมิทรี  ฉันว่ามันสำคัญกับตัวของเธอเอง” ยูคยอมพูดออกมาแล้วถอนหายใจยาวๆ

    “นายต้องดูแลแบมแบมให้ดีนะ อย่าให้เขาเป็นอะไร” จีมินไม่ตอบคำถามของยูคยอมเธอเปลี่ยนเรื่อง เรื่องที่กวนใจเธอมาตลอดหลายวัน “รับปากฉันได้ไหมยูคยอมว่านายจะดูแลเขา”

    ยูคยอมส่ายหน้า “ฉันไม่อยากรับปากเธอเลยให้ตายสิ มันจะต้องผ่านไปได้ด้วยดี”

    “แต่บางอย่างเราก็เปลี่ยนมันไม่ได้ ไม่มีวัน”

     

     

     

     

     
     

    เสียงน้ำกระทบพื้นกระเบื้องเงียบลง แบมแบมหยิบผ้าเช็ดตัวพันรอบเอวมองแผลที่ตอนนี้ดีขึ้นแต่มันก็แดงเถือกไปเกือบทั้งแผ่นอกและสีข้างรวมไปถึงหน้าท้องแบนราบ ความรู้สึกบางอย่างยังคงทำให้แบมแบมหน้าแดงไม่เลิกยิ่งเขานึกถึงมันก็ยิ่งทำให้เขาใจสั่น มันเหมือนลูกตุ้มเหล็กที่แกว่งไปแกว่งมา ใจเขาเต้นแรงแม้กระทั่งตอนนี้มันก็ยังคงเต้นราวกับว่าจะหลุดออกมาจากที่ของมันซะให้ได้

     

    แบมแบมถอนหายใจออกมาก่อนจะแต่งตัวให้เรียบร้อยเพราะตอนนี้เขาเริ่มอยากจะนอนแล้วแต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะบนผ้าปูสีขาวนั่นมันเปื้อนเลือดเป็นดวงๆไปหมด สุดท้ายเขาเลยจัดการเอาผ้าปูที่นอนออกและหยิบผ้าห่มในตู้ที่มีเหลืออีกผืนมาปูทับ ตอนนี้มันง่วงเกินกว่าจะเปลี่ยนผ้าปูที่นอนใหม่จริงๆ

     

    ล้มตัวนอนลงบนเตียงหนังตาสองข้างประท้วงให้แบมแบมหลับตาลงแล้วนอน วันนี้นอกจากสอบก็ทำให้เขาปวดหัวจะแย่ยังต้องมาสู้กับพวกเมิร์คแบบไม่ทันตั้งตัวทำเอาพลังในตัวแทบจะหมดสิ้น แต่แปลกที่ตอนนี้ใบหน้าหวานยังมีรอยยิ้มประดับแม้จะเพิ่งผ่านเหตุการณ์ระทึกขวัญมาหมาดๆ ไม่รู้สิบางทีแบมแบมคิดว่าตัวเองอาจจะฝันดีที่สุดก็ได้

     

    ประตูถูกเปิดออกเบาๆและความมืดในห้องทำให้รู้ว่าคนที่นอนอยู่บนเตียงคงหลับไปแล้ว ยูคยอมเดินไปนั่งลงข้างเตียงจนมันหยวบลงไปเขาทอดมองร่างที่นิ่งสนิทด้วยแววตาที่อ่านไม่ออกก่อนจะเหลียวมองไปรอบๆห้องพลางถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย จริงๆเขาไม่จำเป็นต้องสนใจใครสักคนก็ได้นั่นเป็นนิสัยเขาอยู่แล้ว แต่ครอบครัวนี่สิอย่างน้อยคนที่เขารู้จักเขาก็อยากจะปกป้องทุกคนให้ถึงที่สุด

     

    “ทุกอย่างมันกำลังจะเปลี่ยน หวังว่านายจะรับมือกับมันได้” ยูคยอมพูดแล้วเอื้อมมือไปลูบกลุ่มผมสีดำสนิทเบาๆ

     

    ยูคยอมนอนลงบนที่ว่างเขยิบเข้าไปกอดร่างบางที่นอนหลับสนิท กลิ่นหอมอ่อนๆที่ออกมาจากตัวของแบมแบมทำให้เขารู้สึกแปลกแต่ไม่ใช่ในทางไม่ดี อย่างน้อยมันก็ทำให้เขานอนหลับสนิทแทนที่จะคิดเรื่องอื่น

     

    “ฝันดีมนุษย์”

     

     

    เช้าวันนี้ดูเหมือนทุกคนจะตื่นเร็วราวกับเหมือนไม่ได้นอน แบมแบมเดินลงบันไดมามองกลุ่มคนที่นั่งจับกลุ่มกันอยู่ในห้องนั่งเล่นแต่ไม่เห็นยูคยอมนั่งอยู่ด้วย ทุกคนหยุดบทสนทนาก่อนจะหันมามองคนตื่นสายที่ยิ้มแก้เก้อตอบกลับมา มือเล็กยกขึ้นเกาท้ายทอยเขินๆเมื่อถูกจินยองแซวว่าเขานอนเยอะยิ่งกว่าทุกคนนอนรวมกันซะอีก

     

    “แผลเป็นไงบ้างแบมแบม” นิชคุณเอ่ยถาม

    “ดีขึ้นแล้วครับ เหมือนไม่เคยเจ็บมาก่อน” แบมแบมตอบ “ขอบคุณอาจารย์มากนะครับ”

     

    “ไม่เป็นไรมากก็ดีแล้ว ต่อไปนี้นายไม่ต้องฝึกเหมือนเดิมแล้วนะฉันถือว่าเมื่อคืนนายผ่านการทดสอบ และตารางการเรียนของนายฉันจะจัดให้ใหม่” มาร์คพูด ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วยที่จะให้แบมแบมผ่านการทดสอบครั้งนี้และเลื่อนระดับขึ้น

     

    “ส่วนเรื่องคนที่ทำลายเขตอาคมแล้วปล่อยให้พวกเมิร์คนั่นเข้ามาฉันรู้แล้วล่ะว่าใคร” ทุกคนจ้องหน้ามาร์ค

     

    “ยองจี”

     

     

     

     


    talk.

    หายไปหลายวัน เพราะเรายุ่งๆและก็ยังเรียบเรียงพล็อตที่จะเขียนไม่เรียบร้อย
    ตอนนี้เราเรียนหลายอย่าง กำลังจะเรียนต่อแล้วก็เรียนเสริมอิ้งค์ด้วยอาจจะไม่แต่งทุกวัน
    ขอโทษที่ทำให้รอนะคะ ตอนต่อไปอาจจะสั้นลงกว่าตอนผ่านๆมาแต่ก็จะพยายาม
    แต่งให้ดีขึ้น เม้นท์ได้ สกรีมได้ที่ #ฟิคยบ99
    *
    เจอคำผิดบอกด้วยนะคะ

    (C) ELIZILE
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×