คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : PERCENT: 15%
PERCENT 15
หลายวันที่ผ่านมามีแต่เรื่องมาให้ปวดหัวไม่หยุดหย่อนจนมาร์คอยากจะหนีไปอยู่ในที่เงียบๆสักพัก เรื่องของจินยองที่เพิ่งจะเบาใจลงเพราะจินยองเริ่มดีขึ้นและกลับมาเป็นเหมือนเดิมแม้จะไม่เต็มร้อย เรื่องของแบมแบมที่ต้องฝากให้ยูคยอมจัดการไปก่อน แล้วก็เรื่องล่าสุดที่ทำให้มาร์คมาถึงจุดที่ไม่อยากจะกลั้นโทสะเอาไว้อีกแล้ว
เรื่องของฮอยองจี
อย่างที่รู้กันว่าแจ็คสันคือสายเลือดของนักล่าแวมไพร์แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับยองจีก็เป็นเหมือนกัน ช่วงนี้เหมือนจะมีงานครบรอบรวมสายเลือดนักล่าแวมไพร์หรือจะเรียกสั้นๆว่างานรวมญาติจะว่ายังงั้นก็ได้ นักล่าแวมไพร์จากทุกสารทิศที่ยังหลงเหลืออยู่จะมาที่นี่เพื่อพูดคุยและลำลึกความหลังครั้งยังหนุ่มสาว
แจ็คสันบอกให้มาร์คฟังว่ามันจัดว่าเป็นงานที่ค่อนข้างจะน่าเบื่อถ้าเทียบกับงานของมิททีต่างกันราวฟ้ากับเหว มาร์คก็พอเข้าใจอยู่หรอกเพราะพวกมนุษย์พิธีรีตองเยอะไม่รู้จะเยอะไปไหนแถมยังชอบโอ้อวดกันอีกมิหนำซ้ำยังชอบยุ่งเรื่องส่วนตัวของกันและกันอีก แต่ไม่มีอะไรน่าเบื่อไปกว่าการที่มาร์คต้องมองแจ็คสันจากหลังคาบ้านอีกหลังเพราะมาร์คเข้าไปด้วยไม่ได้ เพราะตอนนี้อากาศมันก็หนาวแต่ยังดีที่วันนี้หิมะไม่ตก จริงๆไม่ต้องมาลำบากขนาดนี้ก็ได้ถ้าไม่ติดว่าฮอยองจีเกาะแขนแจ็คสันเหมือนปลิงอยู่ข้างล่างนั่นล่ะก็นะ
“ให้ตายสิยัยบ้านั่นจะเกาะแขนแจ็คสันไปถึงไหนวะ” มาร์คสถบ
ดวงตาเรียวสวยจ้องเขม็งปากสีเชอร์รี่ยังคงสถบนับครั้งไม่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็นแขนเล็กที่เกาะแขนของคนรักหรือว่าจะเป็นแจ็คสันเองที่ยอมให้เธอควงไปทั่วทั้งงาน ถึงไม่ได้ยินอะไรแต่มาร์คก็พอจะรู้ว่าคนคงชมว่าทั้งคู่เหมาะสมกันดูได้จากสีหน้าเขินอายของยองจี แต่ประเด็นคือแจ็คสันจะยิ้มเขินๆแบบนั้นทำไม
มาร์คถอนหายหายใจออกมา บางทีเขาก็น้อยใจเหมือนกันที่ตัวเองไม่อาจจะเข้าไปในสังคมของแจ็คสันได้อย่างเต็มตัว ถึงพ่อแม่ของแจ็คสันจะยอมรับมาร์คแต่บางทีแววตาของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความเป็นห่วงและกังวล มาร์คก็เคยคิดไว้ว่าเขาอยากจะปล่อยแจ็คสันให้ไปใช้ชีวิตอย่างมนุษย์คนหนึ่งมีลูกที่น่ารักมีครอบครัวที่อบอุ่น แต่แค่คิดว่าต้องเสียแจ็คสันไปมาร์คก็ไม่รู้จริงๆว่าตัวเองจะอยู่ยังไงต่อไปในเมื่อเขาเองก็รักแจ็คสันเหลือเกินถึงไม่ค่อยจะแสดงออกต่อหน้าอีกคน
แอปเปิ้ลสีแดงสดถูกกัดกินจนเหลือแค่แกน วันนี้ไม่ใช่วันพระจันทร์เต็มดวงมันเลยเป็นโชคดีของมาร์คไม่งั้นเขาคงจะควบคุมพลังตัวเองไม่ได้มันเหมือนกับว่าบางอย่างในตัวมาร์ค ‘ยิ่งสัมผัสได้ก็ยิ่งน่ากลัว’
ตอนนี้งานคงใกล้จะเลิกแล้ว มีหลายคนถยอยกลับอาจจะสักครึ่งหนึ่งที่เหลือๆอยู่ก็เป็นพวกผู้ใหญ่และวัยไล่เลี่ยกับแจ็คสัน มาร์ครู้สึกดีขึ้นมานิดหน่อยเมื่อเห็นว่าตอนนี้แจ็คสันจะสลัดยองจีทิ้งได้แล้วไม่งั้นมาร์คสาบานเลยว่าเขาจะไม่คุยกับแจ็คสันทั้งอาทิตย์
“กรี๊ดด!!!”
เสียงกรี๊ดทำให้มาร์คที่กำลังนอนหนุนแขนตัวเองต้องดีดตัวลุกขึ้นมาดูก่อนจะเบิกตากว้าง ไม่ถึงนาทีที่มาร์คโดดลงจากหลังคาบ้าน
“มาร์ค มาได้ไง” แจ็คสันเอ่ยถามคนที่ยืนมองยองจีตาไม่กระพริบ
“เรื่องนั้นช่างมันเถอะ ยัยบ้านั่น...เป็นเมิร์คไปแล้ว” มาร์คพูดแล้วมองพวกเมิร์คที่กำลังต่อสู้กับนักล่า ในสถานการณ์แบบนี้ยากที่จะชนะเพราะนักล่าไม่มีอาวุธ
นัยน์ตาของมาร์คเปลี่ยนสีทันทีที่พูดจบ มาร์คมองไปที่พ่อแม่ของแจ็คสันที่กำลังสู้กับพวกนั้นเขาเห็นว่ายองจีกำลังจะเล่นงานทั้งคู่ ร่างของมาร์ควิ่งเร็วเข้าไปดักหน้าเอาไว้
“แกไม่ต้องมายุ่ง!” ยองจีตะคอกเสียงดัง ในมือเธอมีอาวุธคือมีดเงินที่ยาวพอประมาณ ดวงตาสีม่วงนั่นทำให้มาร์ครู้ว่าตอนนี้ยองจีคงไม่ใช่คนอีกแล้ว
“เธอควรพาพวกนี้กลับไป เธอกำลังละเมิดสัญญาระหว่างมนุษย์และแวมไพร์” มาร์คพูดเตือน
“ฉันไม่สน ใครจะตายก็ช่างแต่ยังไงฉันก็ต้องจัดการคนพวกนี้เพราะฉันเกลียด! เกลียดที่พวกมันรู้ว่าแกเป็นแวมไพร์แล้วยังให้แกคบกับแจ็คสัน” ดวงตาของยองจีดุดันมองผ่านมาร์คไปยังพ่อกับแม่ของแจ็คสันที่จ้องเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความตกใจ
แจ็คสันใช้ลิ่มแทงเข้าที่หัวใจของเมิร์คที่กำลังสู้กันก่อนจะวิ่งเข้ามาหาพ่อกับแม่ ดวงตาของแจ็คสันดุดันไม่แพ้กันและมันกำลังบ่งบอกว่าเขาโกรธ เส้นเลือดปูดโปนตามท่อนแขนใหญ่ที่ออกกำลังกายมาเป็นอย่างดี แจ็คสันพยายามสงบสติอารมณ์ที่พุ่งสูง
“ต่อให้พ่อแม่ฉันห้ามฉันก็ยังรักมาร์คอยู่ดี” แจ็คสันบอกเสียงเรียบ
“เหอะ…รักกันมากใช่ไหมงั้นวันนี้ฉันจะฆ่าพวกแกให้หมดทุกคน” พูดจบยองจีก็วิ่งเข้าหามาร์คก่อนจะใช้มีดในมือจ้วงแทงเข้าที่ท้องของมาร์คแล้วหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
มาร์คล้มลงไปจนแจ็คสันต้องวิ่งเข้ามาหา มือใหญ่พยุงมาร์คก่อนจะเห็นเลือดที่ไหลออกมามากมายจนมันเลอะเสื้อสีเหลืองสดใสเป็นวงใหญ่
“มาร์ค...มาร์ค…” แจ็คสันพยายามเรียกคนที่ก้มหน้า
“นึกว่าจะแน่ ถ้ารู้ว่าเป็นเมิร์คแล้วฆ่าแกได้ฉันคงเป็นไปตั้งนานแล้ว” ยิ่งยองจีพูดก็ยิ่งทำให้แจ็คสันโมโห เขาเกือบร้องไห้ออกมาไม่ใช่เพราะเสียใจแต่เพราะโมโหจนอยากจะฆ่าผู้หญิงตรงหน้าให้ตาย
“เธอมันบ้าไปแล้วยองจี เธอฆ่าพ่อแม่เธอฆ่าทุกคนที่เป็นสายเลือดของพวกเรา เธอฆ่านักล่าทุกคนเธอมันบ้า!” แจ็คสันตะคอกเสียงดัง
ยองจีเพียงแค่ปรายตามองผู้หญิงและผู้ชายที่ให้กำเนิดตัวเอง ร่างไร้วิญญาณที่เธอเป็นคนกระทำมันเองกับมือ นอนจมกองเลือดบนหิมะสีขาวที่เคยดูบริสุทธิ์ตอนนี้กลับมีแต่เลือดเต็มไปหมด แววตานั่นวูบไหวแค่เพียงเล็กน้อย
“ฉันไม่สนใจอะไรทั้งนั้น” พูดจบยองจีก็เตรียมจะวิ่งเข้าหาพ่อกับแม่ของแจ็คสันที่ยืดอยู่ข้างหลัง พ่อของเขาบังแม่ของเขาเอาไว้
แต่ผิดคาด...
มาร์คลุกขึ้นมาแล้วผลักแจ็คสันออกไป มือของมาร์ครั้งไหล่ขาวนั่นก่อนจะยิ้มด้วยรอยยิ้มที่ดูมีความสุข บาดแผลที่ท้องกำลังสมานเข้าหากันต่างจากเมื่อกี้ที่เป็นแผลแหวะหวะ ควันสีดำออกมาจากตัวของมาร์ค ทุกอย่างรอบตัวเหมือนภาพที่กำลังเคลื่อนไหวช้าๆ นัยน์ตาของมาร์คกลายเป็นสีดำไม่สิทั้งตัวตาของมาร์คเป็นสีดำ
“เธอเลือกแล้วนะฮอยองจี” มาร์คเพียงแค่พูดเสียงแผ่วเบาแต่มันทำให้ยองจีรู้สึกกลัวขึ้นมา ภาพเหตุการณ์ในวันนั้นไหลย้อนกลับเข้าอีกครั้ง
ยองจีพยายามที่จะใช้มีดแทงเข้าที่ตัวของมาร์คแต่มันทะลุตัวของมาร์คออกไป เหมือนตอนนี้มาร์คจะไม่ได้อยู่ในร่างของมิทที เขากลายเป็นควันสีดำพวยพุ่งไปรอบๆตัวของยองจีที่ถูกยกขึ้นด้วยมือที่ไม่สามารถจับต้องได้
“แกไม่กล้าฆ่าฉันหรอก ต่อหน้าพ่อกับแม่ของแจ็คสันถ้าแกฆ่าฉันพวกเขาจะเกลียดแก!” ยองจีพูดขู่
เสียงหัวเราะดังออกมาจากปากอิ่ม มาร์คไม่รู้สึกอะไรกับคำขู่พวกนี้ไม่ว่าหลังจากนี้พ่อแม่ของแจ็คสันจะเกลียดเพราะเขาฆ่ายองจี แต่ผู้หญิงสารเลวที่ฆ่าได้แม้แต่พ่อกับแม่ของตัวเองแบบนี้ก็สมควรตายอยู่แล้ว จะได้ไม่ต้องมาตามแก้ปัญหาทีหลังให้ปวดหัว
“แค่เธอตายต่อให้พวกเขาจะเกลียดฉัน ฉันก็ไม่สนใจหรอกนะฮอยองจี” มาร์คพูดแล้วเหยียดยิ้ม
“แกมันหน้าด้าน! แกสมควรตายเพราะแกฉันถึงเป็นแบบนี้เพราะแก” ยองจีทั้งกรี๊ดทั้งโวยวายแต่มันทำให้มาร์คหัวเราะ เขาชอบเวลาที่ศัตรูควบคุมตัวเองไม่ได้แบบนี้
“ไปขอโทษพ่อแม่ของเธอในนรกเถอะนะยัยสารเลว”
มาร์คจ้องมองดวงตาสีม่วงหม่นแล้วใช้ควันดำชอนไชไปตามร่างเล็กนั่น สีหน้าของยองจีตอนนี้ทำให้มาร์คมีความสุข เขาไม่ได้กลิ่นความตายมาจากยองจีหรอกแต่เขานี่แหละที่จะตัดสินชีวิตเธอ ไม่มีคำว่าปราณีเป็นครั้งที่สองสำหรับคนคนนี้
“ลาก่อน” มาร์คพูดแค่นั้นแล้วใช้ลิ่มแทงเข้าที่หัวใจเธอซ้ำๆเพื่อจะได้แน่ใจว่าเธอจะตายแบบไม่กลับมาสร้างปัญหาอะไรอีก
กลิ่นของความตายลอยอบอวลไปทั่วจนทำให้เขาเห็นผู้คุมวิญญาณกำลังตามเก็บวิญญาณของคนตายทีละคน มาร์คเห็นวิญญาณของยองจีที่กำลังกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดแล้วทุกอย่างก็หายไป
“มาร์ค!”
แจ็คสันรีบประคองร่างที่กำลังนอนอยู่บนพื้นเย็นเฉียบ ข้างๆกันมีร่างไร้วิญญาณของยองจีที่เต็มไปด้วยเลือด แจ็คสันประคองมาร์คเอาหัวอีกคนมาแนบอกไว้แล้วลูบแก้มขาวเบาๆ
“ฉันฆ่ายองจีแล้วนายจะเกลียดฉันไหมแจ็คสัน” แม้ยังไม่ลืมตาแต่ปากเล็กเอ่ยถามแจ็คสันในสิ่งที่กังวล
แจ็คสันกอดร่างผอมของมาร์คแน่นแล้วส่ายหัวไปมา เขามองไม่เห็นเหตุการณ์เมื่อกี้เพราะทุกอย่างปกคลุมด้วยกลุ่มควันสีดำ แจ็คสันใจเต้นจนแทบจะหยุดหายใจเพราะเขาเกลัวเหลือเกินว่ามาร์คจะเป็นอะไรไป
“ฉันกลัวแทบตายว่านายจะเป็นอะไร ขอบคุณพระเจ้าที่นายยังอยู่กับฉันมาร์คต้วน” แจ็คสันเงยหน้าขึ้นพยายามกลั้นน้ำตาที่คลออยู่
“มาร์คไม่เป็นอะไรใช่ไหมลูก” แม่ของแจ็คสันเอ่ยถาม เธอปรายตามองคนรักของลูกชายด้วยความเป็นห่วง
“ครับ มาร์คไม่เป็นอะไรแล้ว” เสียงทุ้มนั่นบอกด้วยน้ำเสียงสั่นๆ
“ดีแล้วล่ะ ต้องขอบใจมาร์คมากนะที่ช่วยพ่อกับแม่ แจ็คสันพามาร์คเข้าไปพักก่อนเถอะเดี๋ยวเรื่องพวกนี้พ่อกับแม่จะจัดการเอง” เธอบอกก่อนจะลูบผมลูกชายเบาๆ
แจ็คสันวางร่างที่แน่นิ่งบนเตียงนอนใหญ่ เขาลูบกลุ่มผมสีสว่างของคนรักเบาๆแล้วก้มลงจูบที่หน้าผากมนด้วยความรัก เลือดที่เกรอะกรังอยู่ตามเสื้อผ้าแห้งสนิทเขาเปิดดูบาดแผลที่เคยเหวอะหวะตอนนี้กลับเล็กนิดเดียว
บางทีมีเรื่องที่ทำให้แจ็คสันไม่เข้าใจหลายเรื่องเกี่ยวกับตัวตนของมาร์ค โดยเฉพาะด้านที่มาร์คไม่แสดงออกมาให้เขาเห็นบ่อยนัก ด้านมืดที่ถูกซ่อนเก็บไว้ลึกๆในร่างกายนี้บางครั้งมันก็ทำให้แจ็คสันรู้สึกกลัว มาร์คเหมือนหิมะที่กำลังตกหนัก บางทีก็น่าตื่นเต้นแต่ก็ให้อารมณ์หนาวเย็นเหมือนพร้อมจะฉกชิงลมหายใจของเขาไปตลอดเวลา
แจ็คสันเคยกังวลมากในช่วงแรกๆที่เขาคบกันมาร์ค ครั้งแรกที่เห็นควันสีดำก็ตอนที่มาร์คสู้ก็ตอนที่มาร์คโมโหยองแจเมื่อนานมาแล้ว ตอนนั้นแจ็คสันถึงได้รู้ว่ามาร์คมีอีกตัวตนหนึ่งที่ซ่อนไว้เป็นด้านที่อันตรายและยากจะคาดเดา
เสียงเปิดประตูทำให้แจ็คสันตื่นจากภวังค์ แม่และพ่อเข้ามาพร้อมรอยยิ้มเล็กๆถามเกี่ยวกับอาการของมาร์คก่อนจะพูดถึงเรื่องที่ทางสมาคมนักล่าลงมติเกี่ยวกับเรื่องนี้
“สัญญายังไม่เป็นโมฆะแต่ว่าพรุ่งนี้ลูกต้องไปที่สมาคมนะ เพราะเขาจะสอบสวนลูกเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้” แม่ของแจ็คสันพูดด้วยสีหน้ากังวลใจ
“ครับแม่ผมจะไปแต่บอกไว้ก่อนนะว่าผมไม่มีวันเลิกกับมาร์ค ต่อให้ทางสมาคมจะให้ผมออกจากการเป็นหนึ่งในนักล่าผมก็จะคบกับมาร์ค” แจ็คสันพูดในสิ่งที่คิด เขาไม่ค่อยสนใจอะไรหรือคนในสมาคมเท่าไหร่ที่สนใจคือครอบครัวและมาร์คมากกว่าเพราะแบบนี้ถึงต้องบอกกับครอบครัวของเขาก่อนที่พรุ่งนี้จะถูกเรียกไปสอบสวน
“แม่เข้าใจลูกนะแจ็คสัน ทำตามที่ลูกต้องการเถอะ” เธอจับมือของลูกชายแล้วบีบเบาๆก่อนจะขอตัวออกจากห้องเพื่อไปพักผ่อนบ้าง
แจ็คสันถอนหายใจออกมาอีกครั้งก่อนจะสนใจสัมผัสตรงเอวจากคนที่เพิ่งลืมตาตื่นขึ้นมา มาร์คหนุนตักแล้วมุดหน้าเข้าที่หน้าท้องของแจ็คสัน แจ็คสันหัวเราะออกมานิดๆแล้วยกมือขยี้ผมนิ่มเบาๆด้วยความเอ็นดู
“ได้ยินหมดนะที่คุยกับแม่น่ะ คิดดีแล้วใช่ไหม” มาร์คถามเสียงอู้อี้และยังไม่ยอมผละออกมาจากหน้าท้องของแจ็คสัน
“คิดดีแล้วสิ คิดมานานแล้วด้วยแต่ไม่คิดว่ามันจะเร็วขนาดนี้” มือใหญ่ลูบไล้ต้นคอขาวเล่นๆ
มาร์คผละหน้าออกมาแล้วเบะปากอิ่มๆของตัวเองเหมือนเด็กที่กำลังจะร้องไห้งอแง เขาไม่ต้องการให้แจ็คสันทิ้งทุกอย่างแต่ก็ไม่อยากจะเลิกกับแจ็คสัน เป็นเพราะยองจีคนเดียวที่ทำให้เรื่องมันดูเลวร้ายไปซะหมดมาร์คกรนด่าอยู่ในใจ
“ไม่มีใครมาแยกเราได้หรอกนะมาร์ค ความตายก็ด้วย” แจ็คสันพูดหลังจากที่เงียบอยู่นาน มาร์คส่ายหัวเหมือนไม่ชอบใจกับประโยคนั้นแล้วโผกอดแจ็คสันอีกรอบ
“ฉันก็ไม่ยอมให้ใครมาแย่งนายไปเหมือนกันไม่งั้นนะฉันจะจัดการให้หมดเลย” ถึงจะดูทีเล่นทีจริงแต่ในใจของมาร์คคิดแบบนั้นจริงๆ ดูได้จากยองจีเป็นตัวอย่าง
ตอนนี้ในใจของมาร์ครู้สึกดีเป็นบ้า เขาอยากจะฆ่าเธอตั้งแต่ตอนนั้นแล้วแต่ติดตรงที่ทำไม่ได้แล้วก็เป็นยองจีอีกเหมือนกันที่ไปทำลายเขตหวงห้ามในบ้านพักบนเขาจนพวกเมิร์คเข้ามาได้ มนุษย์ที่โลภอยากจะได้ทุกอย่างจากการฆ่าคนอื่นจุดจบก็สมควรเป็นแบบนี้
ไฟในห้องถูกปิดเป็นอีกคืนที่ทำให้มาร์คหลับสนิทหลังจากเหนื่อยมาหลายวันโดยมีแจ็คสันนอนกอดอยู่ข้างๆ ผ้าห่มผืนหนายังไม่อุ่นเท่าอ้อมกอดที่กำลังกอดกันแน่น มาร์คไม่พอใจที่ตอนแรกแจ็คสันไม่ยอมให้กอดเพราะเขาตัวเลอะ เจ้าตัวเลยถอดเสื้อออกไปทำให้มาร์คนอนทั้งๆที่ยังเปลือยท่อนบน
“นอนไม่หลับ” จู่ๆแจ็คสันก็พูดออกมาท่ามกลางความมืด
“หนาวหรอ” มาร์คพูดแล้วขยับผ้าห่มไปทางแจ็คสันมากขึ้นอีกทั้งยังเอื้อมมือไปกอดแล้วลูบแผ่นหลังเบาๆ
“ไม่ใช่…ก็หน้าอกมาร์คถูแขนฉันแบบนี้คิดว่าจะหลับไหมล่ะ” แจ็คสันพูดแล้วหัวเราะก่อนจะโดนมือเรียวฟาดที่ต้นแขนหลายๆที
“อย่ามาทะลึ่ง!” น้ำเสียงนั่นดูโมโหหรือเพราะเขินแจ็คสันก็ไม่แน่ใจแต่เขาก็กระชับอ้อมกอดจนแทบไม่มีช่องว่าง กลายเป็นตอนนี้มาร์คนอนก่ายอยู่บนอกแกร่ง
“นอนเถอะก่อนที่จะไม่ได้นอน” แจ็คสันก่อนจะปิดเปลือกตาลงด้วยความง่วง
มาร์คเคลื่อนตัวไปหอมแก้มสากนั่นแล้วมุดเข้าหาแผงอกกว้างก่อนจะหลับไปท่ามกลางความหนาวเย็นของอากาศข้างนอก มาร์คไม่ได้รู้สึกถึงความเย็นเท่าไหร่ไม่งั้นคงไม่รออยู่บนหลังคาได้นานสองนานเพราะเขาชินกับอากาศเย็นๆและกลัวแดดหรืออากาศร้อนๆเสียมากกว่า
ใต้ตาบวมช้ำเพราะผ่านการร้องไห้อย่างหนัก แบมแบมจ้องมองตัวเองในกระจกอยู่นานสองนานก่อนจะร้องไห้ออกมาอีกครั้ง เขาคิดถึงพ่อกับแม่ คิดถึงจีมิน มันเศร้ามากกว่าที่คิดเมื่อรับรู้ความจริงว่ายูคยอมกำลังจะทำให้เขากลายเป็นมนุษย์อาจจะเพราะรำคาญหรือเขาสร้างปัญหามากมายแต่มันก็เจ็บอยู่ดี มันก็คงเหมือนตอนนี้
เสียใจขนาดไหน...แต่ไม่มีใครให้ระบายความรู้สึกนี้ได้ด้วยเลย
เพราะเคยคิดว่าอย่างน้อยยูคยอมก็ยังเข้าใจและเปิดใจรับเขามากขึ้นพอมาได้ยินอะไรแบบนี้มันเลยเจ็บปวด บางทีมันไม่ควรจะเจ็บปวดขนาดนี้ด้วยซ้ำถ้าไม่เกิดความรู้สึกแปลกๆบางอย่างขึ้นมา ความรู้สึกที่ทำให้คิดว่าตัวเองงี่เง่า
แบมแบมกำลังคิดว่าตัวเองรักยูคยอม
(50%)
มือเล็กรองน้ำจากก๊อกก่อนจะเอามาลูบหน้าตัวเองซ้ำหลายๆครั้งให้หายฟุ้งซ่าน แบมแบมไม่รู้หรอกว่าที่เขาเป็นแบบนี้เพราะจริงๆแล้วเสียใจที่ยูคยอมจะทำให้เขากลายเป็นคนหรือน้อยใจยูคยอมกันแน่ เสียงถอนหายใจดังออกมาอย่างต่อเนื่องเพราะคิดไม่ตกทั้งเรื่องความรู้สึกและหลายๆอย่างที่กำลังเป็นอยู่
วันนี้แบมแบมตั้งใจจะออกไปข้างนอกบ้างหลังจากหลบอยู่ในหอพักมาสองวัน เขาคิดไปเองว่ายูคยอมนึกไม่ถึงว่าเขาจะกลับมาที่นี่เพราะจริงๆมันก็ไม่ปลอดภัย เมิร์คยังคงวนเวียนแถวนี้แต่หอพักมีกฎห้ามทะเลาะกันทำให้ไม่ค่อยเกิดเรื่องแต่ตอนนี้ต่อให้อิมแจบอมมายืนอยู่ตรงหน้าแบมแบมก็ไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวอะไรอีกแล้ว
สุสานในตอนเย็นบรรยากาศค่อนข้างหนาวแต่มันไม่ได้เป็นอุปสรรคในการใช้ชีวิตเลยสักนิด หลุมฝังศพของจีมินถูกหิมะปกคลุมจนขาวโพลน แขนเรียวเอื้อมไปข้างหน้าก่อนจะปัดมันทิ้ง แม้ตอนนี้หิมะจะตกมาเรื่อยๆแต่เสื้อฮู้ดตัวใหญ่ที่สวมใส่ยังพอกันได้บ้าง
“มาทำอะไรตรงนี้คนเดียว” เสียงทักจากด้านหลังทำให้คนที่ยืนเงียบๆต้องหันไปมองด้วยความตกใจ ก่อนดวงตากลมจะเบิกกว้างแล้วโผเข้ากอด
“พี่จินยอง” คนถูกเรียกชื่อยกมือลูบเส้นผมสีดำเบาๆด้วยความเอ็นดู
“ยังไม่ตอบฉันเลยว่ามาทำอะไรตรงนี้ไม่กลัวพวกเมิร์ครึไง” จินยองถามซ้ำหลังจากแบมแบมผละออกจากอ้อมกอด
แบมแบมส่ายหน้าไปมา
“ผมไม่กลัวหรอก ไม่รู้สิครับตั้งแต่จีมินไม่อยู่ผมก็รู้สึกว่าตัวเองต้องเข้มแข็งขึ้น” น้ำเสียงนั่นดูจริงจังกว่าทุกครั้งจนจินยองรู้สึกชื่นชมอยู่ในใจ
จินยองคิดไม่ออกเลยด้วยซ้ำตอนนั้นว่าแบมแบมจะเป็นยังไงเพราะขนาดเขาที่ผ่านเหตุการณ์ร้ายๆมายังแทบจะทำใจไม่ได้ แต่พอเห็นว่าแบมแบมดีขึ้นและดูเข้มแข็งกว่าแต่ก่อนก็รู้สึกดีใจ จินยองมองแบมแบมเหมือนน้องชายคนหนึ่งเหมือนครอบครัวไม่ใช่เพียงแค่คนรู้จักทั่วๆไป
“คุณยูคยอมอยากให้ผมกลับไปเป็นคนแต่ผม...ผม” แบมแบมกัดปากตัวเอง
“ไม่อยากจะกลับไปเป็นคนแล้ว?” จินยองพูดต่อท้ายให้
“ผมแค่คิดว่ามันไม่มีเหตุผลที่จะต้องทำให้ผมกลายเป็นคนเหมือนเดิม เขาอยากให้ผมไปไกลๆ” แบมแบมระบายความคับข้องใจออกมา ดวงหน้าหวานเต็มไปด้วยความเสียใจ
“เหตุผลของยูคยอมนายไม่รู้จริงๆหรอ” จินยองเลิกคิ้ว “หมอนั่นแสดงออกไม่เก่งแต่มันไม่เคยเกลียดนายหรอกนะ”
ถึงจินยองจะบอกแบบนี้แต่การการทำของยูคยอมมันดูรำคาญเขาเสียเต็มประดา แบมแบมไม่กล้าพูดกับจินยองว่าเขารู้สึกแปลกๆกับยูคยอม
“นายไม่คิดหรอว่าที่หายไปหมอนั่นจะไม่สนใจ ยูคยอมมันก็แค่ให้เวลานายต่อให้นายจะหนีไปไหนก็ไม่เกินกำลังของหมอนั่นหรอกนะ ถ้าไม่อยากเป็นมนุษย์ก็บอกไปตรงๆไม่มีใครไร้เหตุผลจนไม่ฟังหรอกนะ” จินยองบีบเข้าที่ไหล่บางเบาๆเพื่อให้กำลังใจ
“ผมเข้าใจแล้วขอบคุณนะครับพี่จินยอง” แบมแบมกอดจินยองอีกครั้ง
“เข้าใจง่ายๆก็ดีแล้ว ยูคยอมอยู่ที่บ้านไปคุยกันให้รู้เรื่องซะนะ”
แบมแบมไปแล้วแต่จินยองยังยืนอยู่ที่เดิม ความหนาวเย็นของอากศที่เคยทำให้เขาหนาวตอนนี้มันทำอะไรจินยองไม่ได้แล้ว ดวงตาสีน้ำตาลเข้มค่อยๆกลายเป็นสีม่วงหม่นพร้อมกับเขี้ยวเล็กๆที่งอกออกมาสองข้าง
ใช่...จินยองกำลังจะกลายเป็นเมิร์ค
ร่างกายของจินยองปรับตัวเร็วจนน่ากลัวอาจรวมถึงทักษะที่มีอยู่แล้วด้วยที่ทำให้จินยองเรียนรู้การเป็นแวมไพร์ได้ไว เขาคลุกคลีกับพวกแวมไพร์มาตั้งแต่เกิดมันเป็นข้อดีที่ทำให้เขาควบคุมตัวเองได้ในคืนวันพระจันทร์เต็มดวง รสชาติเลือดของแจบอมยังเหมือนติดอยู่ในปากมันทั้งขมปร่าและน่าอาเจียน
เพราะเป็นแบบนี้จินยองเลยรักษาตัวอยู่นานและมีแค่มาร์คกับนิชคุณที่รู้ว่าเขากำลังกลายเป็นเมิร์ค ตอนแรกมาร์คโมโหโวยวายจะเอาอิมแจบอมให้ตายแต่จินยองห้ามไว้เพราะคิดว่าการที่ตัวเองกลายเป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ถ้าทุกอย่างมันคือโชคชะตาสุดท้ายไม่ว่าข้างหน้าจะดีหรือร้ายทุกอย่างก็จะต้องจบลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“ออกไปจากที่นี่ซะ” จู่ๆจินยองก็พูดออกมาก่อนจะหันไปมองคนที่ยืนอยู่ข้างหลังไกลออกไปไม่มาก
คนถูกไล่กระโดดลงจากแท่นหลุมศพปลอมๆของมิทรีก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆเมื่อเห็นหน้าไม่สบอารมณ์ของจินยอง ขายาวก้าวเข้ามาใกล้ๆจนเกือบประชิดตัว
“ทำไมฉันต้องสนใจคำพูดของนายจินยอง” แจบอมพูดแล้วยกยิ้มมุมปาก
“เพราะนายไม่ควรจะมายืนอยู่หน้าศพของคนที่นายฆ่าเขาไงอิมแจบอม จะไปตายที่ไหนก็ไป!” จินยองตะคอกเสียงดัง
“จุ๊ๆไม่พูดแบบนี้สิจินยองอ่ามาพูดดีๆกันดีกว่า ฮ่าๆ” น้ำเสียงยียวนเปล่งออกมาเพิ่มโทสะให้จินยองโมโหมากขึ้นไปอีก
จินยองเลี่ยงที่จะไม่ตอบโต้เพราะมันยิ่งทำให้ควบคุมความโกรธไม่ได้ มือเรียวกำเข้าหากันแน่นอย่างอดกลั้นจนคนที่มองอยู่ต้องหัวเราะออกมาเสียงดัง
“นายกลายเป็นเมิร์คแล้วจินยอง ต่อไปนี้นายก็จะกลายเป็นพวกของฉัน” เขาเดาะลิ้นตัวเองพลางจ้องมองที่จินยอง ดวงตาสีม่วงหม่นมันช่างเข้ากับจินยองอย่างน่าประหลาด
“ตัวฉันอาจจะเป็นแต่ใจของฉันไม่มีวันที่นายจะได้ครอบครองมันอีกแล้วแจบอม ต่อจากนี้ไปนายจะเสียใจจำเอาไว้” พูดจบจินยองก็วิ่งออกมาก่อนจะหายไปจนลับตา
ดวงตาของแจบอมหม่นลงเมื่ออีกคนไปแล้ว ไม่รู้ทำไมเขาไม่แสดงความรู้สึกจริงๆออกไปทุกๆอย่างที่ทำร้ายจินยองไปที่จริงแล้วมันก็ทำร้ายเขาไม่ต่างกัน
เสียงเปิดประตูทำให้คนที่นอนอยู่บนโซฟายกยิ้มเพราะเขาจำกลิ่นตัวหอมๆนี้ของแบมแบมได้ ยูคยอมรีบหุบยิ้มเมื่อเห็นคนที่กำลังนึกถึงเดินเข้ามาใกล้ กลิ่นหอมนั่นใกล้เข้ามาเรื่อยๆจนคนนอนต้องปรือตานิดๆเพื่อมองก่อนจะยกมือไปดึงรั้งอีกคนลงมา
“อ๊ะ!” แบมแบมตกใจก่อนจะหลุบตาต่ำเมื่อยูคยอมลุกขึ้นมานั่งดีๆ
“หายไปไหนมา” น้ำเสียงนิ่งๆเอ่ยถามออกไปแล้วจ้องมองนัยน์ตาสวยที่กำลังจ้องมาที่เขา
“ผม..ผม..ไม่อยากเป็นคน” แบมแบมตอบ
ยูคยอมส่ายหัวไปมาเมื่อรู้ถึงเหตุผล จริงๆเขาตกใจนิดหน่อยตอนที่เห็นคำว่าลาก่อนแต่ไม่มีใครหรอกที่ถ้าเขาต้องการแล้วจะหนีพ้นต่อให้ลงนรกหรือขึ้นสวรรค์ยูคยอมก็จะหาจนเจอ ยูคยอมรู้ตั้งแต่วันแรกที่แบมแบมหนีออกไปแล้วว่าอีกคนจะไปไหนได้ถ้าไม่ใช่ในมิททีก็ต้องที่หอ
“เหตุผลล่ะ” ยูคยอมถาม
“ผมรู้สึกกลัวในตอนแรกรู้สึกกังวลแต่เมื่อวันเวลานั้นมาได้ผมคิดว่าผมมีความสุข ที่นี่เหมือนครอบครัวเหมือนชีวิตใหม่ของผม” แบมแบมพูดพร้อมทั้งดึงมือยูคยอมมาจับแล้วบีบมันเบาๆ “อย่าไล่ผมเลยนะ”
แววตาของแบมแบมวูบไหวเล็กน้อย เขาจ้องมองริมฝีปากสีชานั่นอย่างใจจดใจจ่อ
“ฉันก็แค่กลัวนายรับเรื่องต่อจากนี้ไม่ไหวแต่ถ้านายคิดว่านายผ่านมันไปได้ฉันก็จะไม่ทำแบบนั้น” ยูคยอมบอก
“จ จริงๆนะครับ!” แบมแบมยกมือยูคยอมชูขึ้นอย่างลืมตัว เสียงหัวเราะอย่างดีใจดังออกมาจากปากเล็กไม่ขาดสาย
“ฮะแฮ่ม!”
แบมแบมรีบปล่อยมือของยูคยอมหลังจากเห็นสายตาล้อเลียนของไบรอัน เหมือนไบรอันจะออกอาการเยอะไปหน่อยจนยูคยอมต้องมองด้วยสายตาดุๆเพื่อให้อีกคนเลิกทำ เหมือนทุกคนจะเป็นห่วงแบมแบมมันทำให้เจ้าตัวยิ้มกว้างขึ้นไปอีก
“พี่นิชคุณ” แบมแบมเรียกชื่อคนที่เพิ่งเข้ามาพร้อมลูกศิษย์คนเก่ง นิชคุณอ้าแขนกอดอีกคนพร้อมลูบผมเบาๆก่อนจะผละออก
“หายไปหลายวันเลย ที่ร้านมีแต่คนถามหา” นิชคุณบอกด้วยรอยยิ้ม จริงๆแล้วแบมแบมไปที่ร้านบ่อยจนซอร์และมิททีหลายคนเริ่มจำได้และถามหาบ่อยๆ
“ที่ร้านยุ่งหรอครับ” แบมแบมถาม
“ไม่หรอกตอนนี้มีชยอนูมาช่วยพี่ก็เบาแรงไปเยอะ” นิชคุณชี้ไปที่คนข้างๆ ชยอนูยิ้มก่อนจะโบกไม้โบกมือตอบกลับมา
“ยังไม่เคยได้คุยกันเลยนะ” ชยอนูเอ่ยทักแล้วยกกำปั้นไปชกลงบนฝ่ามือเล็กเบาๆเป็นการทักทาย
ทั้งคู่ดูเหมือนจะคุยกันถูกคอจนมินโฮยังเอ่ยแซวจนทำให้ทุกคนหัวเราะออกมาจะมีก็แค่ยูคยอมที่นั่งนิ่งๆทำหน้าไม่พอใจอยู่ห่างๆจนแจฮยองกับไบรอันอดไม่ได้ที่จะแกล้งให้อีกคนโมโห ยูคยอมโบกมือไล่ก่อนที่เขาจะลงไม้ลงมือเพราะหมั่นไส้ปนรำคาญ
แขนสองข้างยกขึ้นกอดอกเกือบสองชั่วโมงแต่รู้สึกว่าสองคนนั้นยังคุยกันไม่เลิก ยูคยอมจ้องมองสลับกับถอนหายใจก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินขึ้นบันไดไปเสียงดังตึงตัง
“เอ่อ...ผมขอตัวก่อนนะครับทุกคน” แบมแบมที่เห็นว่ายูคยอมขึ้นห้องไปแล้วก็ลุกขึ้นยืนโค้งให้ทุกคนก่อนจะวิ่งตามขึ้นไป
“ตกลงว่ายูคยอมมันชอบแบมแบมไหม” นิชคุณถามออกมาด้วยความสงสัย เขาไม่รู้หรอกว่าทั้งคู่ไปสานสัมพันธ์กันตอนไหนเพราะทุกครั้งที่เห็นก็เจอแค่เด็กนั่นมักจะโดนยูคยอมทำร้ายจิตใจซะมากกว่า
“ไม่รู้เหมือนกันครับพี่ มันลืมโซฮีได้รึยังผมยังไม่แน่ใจ” วอนพิลพูดขึ้นมาซึ่งทุกคนที่เหลือก็พยักหน้าเห็นด้วย
ไม่มีใครเข้าใจยูคยอมตั้งแต่วันที่แบมแบมหายไปแต่เจ้าตัวไม่แสดงความเดือดเนื้อร้อนใจสักนิดเพราะคิดว่าอีกคนคงไปไหนไม่ได้ แจฮยองส่ายหน้าและไม่เห็นด้วยกับความคิดของยูคยอมเพราะถ้าประมาทอะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้นแต่ยูคยอมยังคงนิ่ง
“ตกลงว่ามึงไม่ได้คิดอะไรกับเด็กนั่นใช่ไหม” ไบรอันเอ่ยปากถามหลังจากที่นั่งเงียบกันมานานสองนานในห้องนั่งเล่น
“กูไม่รู้ มึงอย่าเพิ่งมาถามกูตอนนี้เลย” ยูคยอมบอกปัดๆ
“กูรู้ว่ามึงมีเซ็กซ์ได้โดยไม่ต้องมีความรัก แต่พวกนั้นมันไม่เหมือนแบมแบมนะเว้ย อย่างน้อยกูก็คิดว่ามึงห่วงเขาไม่งั้นคงไม่ลงทุนขนาดนี้” แจฮยองพูดขึ้นมาแล้วทุกคนพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของแจฮยอง
“กูยังไม่พร้อมที่จะรักใครหน้าไหนทั้งนั้น”
บทสนทนาที่คลุมเครือจบลงแค่นั้นในวันที่แบมแบมหายไป ไม่มีใครพูดอะไรต่อเพราะรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องที่จะมาบังคับให้รักกันได้ ไม่ว่าจะสิ่งมีชีวิตไหนที่เริ่มมีความรักกันมันแปลกที่ทุกคนให้ความหวังกันได้แต่ไร้ซึ่งความรัก
“แต่ที่แน่ๆแบมแบมคงรักเจ้าต้นตระกูลนั่นไปแล้ว” ชยอนูพูดออกมาตรงๆ เขามั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่ายังไงการกระทำแบบนั้นมันเรียกว่ารักชัดๆ
“นั่นสิ กลัวเรื่องนี้จะเป็นปัญหาหลังสงครามจบแล้ว” ไบรอันพูดออกมาอย่างหวั่นๆ
“เอางี้ไหม...ก็ลองให้ชยอนูทำท่าสนใจแบมแบมดูสิ นี่ก็ใกล้จะเปิดเทอมแล้วด้วย” วอนพิลออกความเห็น
ชยอนูยังไม่ทันได้ปฏิเสธทุกคนก็ลงมติเป็นเอกฉันท์ ชายหนุ่มส่ายหน้าด้วยความหนักใจเพราะเขารู้ว่าถึงยูคยอมจะคิดยังไงกับแบมแบมไม่สำคัญเท่ากับเจ้าต้นตระกูลนั่นหวงเด็กคนนั้นยังกับอะไรดี
แบมแบมวิ่งขึ้นบันไดเพื่อตรงไปที่ห้องนอนของยูคยอมและเขาเพราะส่วนมากจะนอนด้วยกัน ไม่สิ...ส่วนใหญ่ยูคยอมจะไม่ค่อยกลับมานอนที่นี่ ประตูถูกเปิดออกก่อนนัยน์ตาคู่สวยจะจ้องมองคนที่นั่งไขว่ห้างอยู่บนเก้าอี้นวมสีน้ำตาลเข้ม ใบหน้าหล่อเหลานิ่งเฉยราวกับว่าไม่สนใจคนที่เข้ามาใหม่สักนิดไม่แม้แต่จะปรายตามองเลยด้วยซ้ำ
แบมแบมสาวเท้าเข้าไปใกล้ๆนึกหวั่นๆอยู่ในใจเมื่อเห็นว่ายูคยอมยังคงนิ่ง เขาเดินไปยืนอยู่ตรงหน้าแล้วก็จ้องมองอยู่แบบนั้นโดยไม่พูดอะไรออกมาสักคำจนกระทั่งยูคยอมลุกขึ้นยืน
“คุณโกรธผมหรอ” แบมแบมถามแล้วเงยหน้ามองร่างสูงที่เบนหน้าออกไป
“ฉันจะโกรธนายเรื่องอะไร ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องโกรธหรือสนใจ” ปากหยักขยับขึ้นลงโดยไม่ทันคิดว่าคำพูดของเขาอาจจะทำร้ายความรู้สึกคนฟัง
“คุณโกรธ คุณไม่รู้หรอกว่าแบบนี้พวกมนุษย์เขาเรียกว่างอนนะ” แบมแบมไม่ได้โกรธแถมยังยิ้มเมื่อเห็นว่าร่างสูงตรงหน้าเบนสายตากลับมาแล้วจ้องมองด้วยแววตาดุดัน
“อย่ามาสู่รู้!” ยูคยอมตะคอกเสียงดัง “ฉันบอกแล้วไงว่าไม่สนใจนายทำไมพูดไม่รู้เรื่อง” เขาว่าก่อนจะกลอกตาไปมาแล้วถอนหายใจ
แบมแบมถอยหลังออกมาสองสามก้าวแล้วยกมือขึ้นกอดอกตัวเอง อารมณ์เขาเริ่มตึงและความอดทนมันก็เริ่มต่ำมันมากกว่าแต่ก่อน
“งั้นก็ตามใจคุณผมไม่ยุ่งด้วยแล้ว!” แบมแบมพูดกึ่งตะคอกก่อนจะหันหลังแล้วเดินออกมาจากห้องนอนอย่างหงุดหงิด
มือเล็กยกขึ้นตีปากตัวเองซ้ำๆเมื่อคิดได้ว่าเขาไม่น่าจะพูดออกไปแบบนั้น เคยคิดเอาไว้ว่าต่อให้ยูคยอมจะไล่ก็จะอยู่แต่พอวันนี้ดันปะทุออกมาซะได้ บางทีแบมแบมก็รู้สึกว่าเขาเข้าใจยูคยอมมากกว่าใครแต่ตอนนี้เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่ารู้จักคิมยูคยอมจริงไหมหรือเพราะเขาสนใจอีกคนมากเกินไป
“จะรู้สึกผิดทำไมนะเราไม่ใช่รึไงที่โดนตะคอกใส่ก่อน” แบมแบมพึมพำกับตัวเองแล้วส่ายหน้าไปมาไล่ความคิดฟุ้งซ่าน
“เดี๋ยวก็คงหายเอง” เขาคิดในใจ
ยูคยอมมองประตูที่ปิดลงก่อนจะถอนหายใจออกมายาวเหยียด ในใจลึกๆก็รู้สึกผิดที่พูดออกไปแบบนั้นแต่ตอนนี้เขากำลังหงุดหงิดและแบมแบมยังมาพูดเซ้าซี้น่ารำคาญถ้าเป็นคนอื่นเขาคงบีบคอไม่ก็จัดการฆ่าทิ้งซะให้หายอารมณ์เสีย
จริงๆตอนนี้ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำจะต้องหงุดหงิดตอนเห็นชยอนูคุยกับแบมแบมอย่างถูกคอ ไหนจะมือที่ลูบผมนั่นอย่างเอ็นดู รอยยิ้มทั้งใบหน้าที่ทั้งคู่มอบให้กัน มันน่าอ้วกจะตายไป
“เคยสั่งว่าไม่ให้ทำแบบนั้นกับใครแล้วแท้ๆ” ยูคยอมสถบเบาๆแล้วใช้มือยกขึ้นเสยผมของตัวเอง
ยูคยอมนั่งอยู่เงียบๆในห้องอยู่พักหนึ่งก่อนจะออกไปเพราะวันนี้เขามีนัดสำคัญกับใครบางคนที่น่าจะมาถึงแล้ว ใครบางคนที่กำลังจะทำให้เรื่องทั้งหมดสนุกขึ้น
Goodbye ยองจีนะจ๊ะ 555555
ใครไปงานมีตฟินเผื่อเราด้วย #ทีมนก
อ่านฆ่าเวลาแล้วอย่าลืมเม้นๆให้กำลังใจด้วยนะคะ
แท็ก #ฟิคยบ99
โปรดฟังทางนี้ : ฟิคนี้กำลังจะเปิดจองรวมเล่ม มีใครสนใจไหมคะ
อยากให้สนใจกันเยอะๆ TT ไม่งั้นอาจจะได้ทำเพราะอาจจะขาดทุนได้
เม้นท์บอกด้วยก็ได้ค่ะว่าสนใจ ฮึก เล่มสวยแน่นอน เรารับประกันว่าจะทำให้ดีกว่า มทช นะ
ขอบคุณค่ะ ถ้าสนใจเยอะอาจจะไม่เกินวันที่ 10 เดือนหน้า จะเอารายละเอียดมาให้ดูค่ะ
ขอบคุณมากค่ะ อย่าลืมฟังเพลงหน้าฟิค เพราะน้ำตาไหลมาก
ความคิดเห็น