ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    GOT7 | 99% PERCENT | #YUGBAM #JARK #BNIOR (END)

    ลำดับตอนที่ #19 : PERCENT: 17%

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.88K
      36
      23 ส.ค. 58



    PERCENT 17

     

     

     

    ด้านนอกสมาคมดูเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่เสียงกระจกแตกดังมาจากข้างในหลายครั้ง ยูคยอมเหลือบตามองขึ้นไปข้างบนก่อนเขาจะวิ่งเข้าไปพร้อมพวกมิททีและองครักษ์หลายคน เข้าไปข้างในไม่ค่อยน่าดูสักเท่าไหร่ ศพของเมิร์คและศพของมิททีเกลื่อนไปหมด ยังไม่นับศพของพวกพ่อมดแม่มด

     

    “มันอยู่ข้างบน” ยูคยอมหันไปพูดกับเพื่อนๆ

     

    เขาวิ่งขึ้นบันไดไม่กี่วินาทีก็มาหยุดที่หน้าห้องเอกสาร เสียงพูคุยข้างในนั้นทำให้รู้ว่ามีมากกว่าหนึ่งคนแต่เขาก็ไม่สน ถ้าคิดจะสู้ก็ต้องตายกันไปข้าง

     

    เหมือนพวกเมิร์คจะคอยการมาของมิททีอยู่แล้ว จีโซลนั่งอยู่บนเก้าอี้นวมสีดำส่วนที่เหลือ แจบอม ยองแจและเยรินนั่งอยู่บนโซฟารับแขก พวกนั้นดูขบขันและมีความสุข น่าตลกดีที่ยูคยอมยังยิ้มได้เขาเพียงแค่หัวเราะหึในลำคออย่างไม่ทุกข์ร้อนกับเหตุการณ์วันนี้

     

    “สุดท้ายก็ใช้วิธีพวกลอบกัดเหมือนเดิม” ยูคยอมพูดแล้วปรบมือสามสี่ครั้งเหมือนชื่นชม

    “ยังไงมึงก็แพ้ยูคยอม” แจบอมสถบด้วยอารมณ์กรุ่นๆ

    “แล้วไง” ยูคยอมยักไหล่พลางทำหน้าไม่สนใจในคำพูดของแจบอม

     

    แจบอมลุกขึ้นก่อนจะพุ่งเข้าใส่ยูคยอมแต่เขากลับโดนมีดปักเข้าที่หัวไหล่จนเซไปข้างหลัง ยองแจรีบลุกขึ้นมาก่อนจะมองไปที่ข้างหลังของยูคยอม คนที่กำลังยิ้มเย้ยหยันแล้วยกมือขึ้นทักทายเขาอย่างกวนประสาท

     

    “ของฝากฉันเป็นไงบ้างแจบอม ชอบรึเปล่าหื้ม” จินยองพูดด้วยน้ำเสียงหวานหูแต่รอยยิ้มและแววตาที่มองมามันสวนทางกันอย่างชัดเจน

     

    ยองแจโมโหจนเกือบควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ พยายามที่จะเข้าไปบีบคอจินยองแต่เป็นยูคยอมที่ใช้ตัวบังจินยองเอาไว้แล้วผลักร่างของยองแจล้มคะมำไปข้างหลัง ยูคยอมจ้องมองทุกคนในห้องช้าๆโดยเฉพาะจีโซล เขาไม่สะทกสะท้านกับการมาของจีโซลเลยสักนิด

     

    แจบอมกัดฟันกรอดด้วยความแค้น เขามองจินยองด้วยสายตาที่คาดเดาไม่ได้ มีดถูกดึงออกจากหัวไหล่แล้วแจบอมก็เลียเลือดตัวเองบนมีดนั่น

     

    “บอกมันรึยังล่ะจินยอง ว่านายเป็นอะไร” เหมือนแจบอมต้องการจะทำให้จินยองเข้ากับพวกมิททีไม่ได้

     

    จินยองอ้ำๆอึ้งๆจนแจบอมหัวเราะออกมาด้วยความสะใจ

     

    “ก็แค่เป็นเมิร์ค ไม่จำเป็นต้องแคร์” ยูคยอมชิงพูดออกมา

     

    ครั้งนี้เหมือนมาสู้กันด้วยคำพูดทับถมแต่ยูคยอมสังเกตเห็นว่าเยรินนิ่งไม่เงียบไม่พูดอะไรเลย เหมือนเธอพยายามมองหาใครบางคนและใครบางคนของเธอยูคยอมรู้ว่าคงไม่พ้นแบมแบม แต่แบมแบมไม่ได้มาด้วยเพราะมิทรีให้เขาพักผ่อนอยู่ที่ปราสาท ยูคยอมเห็นด้วยเพราะคิดว่าการหลับไปสองวันเต็มๆแล้วตื่นมาเจอเรื่องบ้าบอคงทำให้ไม่พร้อมที่จะมา

     

    องครักษ์เคลียร์ข้างล่างเสร็จแล้ว ทุกคนกำลังอยู่ด้านนอกรวมไปถึงไบรอันและแจฮยองที่เพิ่งมาจากสมาคมนักล่า พวกเขาสองคนไปไม่ทันเพราะที่นั่นโดนเมิร์คบุกไปทำลายและฆ่าทิ้งเยอะพอสมควร ไบรอันเห็นมาร์คที่นั่นและมาร์คกำลังกอดร่างของแจ็คสันอยู่ เป็นมาร์คอีกเหมือนกันที่บอกให้รีบมาที่นี่เพราะพวกเมิร์คอยู่ที่นี่

     

    จริงๆแล้วไบรอันกับแจฮยองไม่ได้อยู่ในสมาคมนักล่าแวมไพร์นานแล้ว ตั้งแต่รุ่นพ่อแม่ของพวกเขาทั้งคู่เนื่องด้วยเหตุผลที่พ่อแม่พวกเขาทำผิดกฎทำให้ทั้งคู่ไม่มีสิทธิ์อยู่ในสมาคมนักล่าแวมไพร์ จะมีก็แค่สายเลือดของพวกเขาเท่านั้น ไม่แปลกที่การต่อสู้กันครั้งนี้พวกเขาไปถึงมันก็ไม่ทันซะแล้ว

     

    บางทีนี่อาจจะเป็นจุดจบของนักล่าเหมือนที่แม่เขาเคยบอกให้ฟัง ตำราทำนายของบรรพบุรุษนักล่าที่เคยเขียนทิ้งไว้ในหนังสือว่าการล่าแวมไพร์จะสิ้นสุดลงในยุคของพวกเขา บางทีไบรอันคิดว่ามันคงมาถึงแล้วไอ้คำทำนายที่เขาไม่ค่อยเชื่อ

     

    “นายคิดเหมือนฉันไหมไบรอันว่าเราจะเป็นรุ่นสุดท้ายของนักล่า” แจฮยองพูดขึ้น

    “มันคงเป็นแบบนั้น ไม่เคยมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นมาหลายรอยปีแล้วนายคิดว่าต่อไปใครอยากจะมาตายล่ะจริงไหม พวกเราไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนแวมไพร์” ไบรอันตอบ

     

    เพล้ง!

     

    เสียงการต่อสู้ข้างในห้องนั้นทำให้องค์รักษ์เตรียมตัว ในมือของพวกเขามีลิ่มเงินและบางคนก็มีมากกว่านั้น มันเป็นปืนที่ลูกกระสุนทำด้วยสะสารเงินและมันถูกนำมาใช้ในเวลาจำเป็นหรือคับขันเท่านั้น

     

    พวกองครักษ์ถีบประตูเข้าไปก่อนร่างของซอร์คนแรกจะลอยละลิ่วหล่นลงไปที่เบื้องล่างเพราะปะทะกับบางอย่างที่พุ่งออกมาจากในห้อง มันคือร่างของจีโซลที่พุ่งออกมาเพราะแรงต่อยของยูคยอม พวกเขาสู้กันหลังจากที่ยูคยอมพูดเรื่องจินยอง จินยองเก่งขึ้นเพราะเขามีทักษะของการเป็นองครักษ์บวกกับพลังจากการเป็นเมิร์ค วอนพิลเองก็มีฝีมือไม่แพ้กัน

     

    “ทำไมมาช้าจังวะ” วอนพิลหันไปทักทายไบรอันกับแจฮยองที่เดินเข้ามา

    “จะไปรู้ไหมว่าสู้กันแล้ว” ไบรอันตอบและแจฮยองก็พยักหน้าเห็นด้วย

     

    ยูคยอมไม่ได้วิ่งตามจีโซลออกไปเพราะพวกองครักษ์เกือบสิบคนวิ่งตามจีโซลไปข้างล่างแล้ว เขาอยู่ช่วยจัดการเยรินที่กำลังจะทำร้ายจินยอง ยูคยอมกระโดดหลบมีดที่เยรินพยายามจะจ้วงแทงอย่างหวุดหวิด เขาใช้เท้าถีบท้องเธอจนกระเด็นเซไปติดโต๊ะทำงาน

     

    เยรินพุ่งตัวออกไปทางระเบียงทำให้ยูคยอมรีบตามไปอย่างรวดเร็ว เท้าของเธอแตะลงบนพื้นหิมะจนเป็นรอยบุ๋มก่อนที่เธอจะหันไปมองคนเสียงข้างหลัง ยูคยอมกำลังยืนมองเธอด้วยสายตาที่ไม่ดีเท่าไหร่ สายตาคู่นั้นไม่เคยมีสักครั้งเลยด้วยซ้ำที่จะมองเธอดีๆสักครั้ง ถ้าหิมะมันทำให้คนเหน็บหนาวสายตาของยูคยอมก็คงเป็นหิมะสำหรับเธอ

     

    “นายไม่ควรมองผู้หญิงด้วยสายตาแบบนั้น” เยรินพูด

    ยูคยอมหัวเราะหึในลำคอแล้วส่ายหน้าไปมา

    “ฉันไม่สนใจหรอกว่าจะเพศอะไร ศัตรูก็คือศัตรูจำไม่ได้รึไง” เขาพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบแต่มันชัดเจน

     

    เยรินกรีดร้องอยู่ในใจ เธอกำมือเข้าหากันจนเห็นเส้นเลือดปูนโปน เหมือนอารมณ์โกรธกำลังจะครอบงำเธอเหมือนทุกครั้ง ยิ่งยูคยอมพูดว่าเป็นศัตรูไม่รู้ทำไมเธอยิ่งเกลียดหน้าของเด็กผู้ชายคนนั้น เธอเกลียดที่ยูคยอมมองแบมแบมด้วยความรู้สึกในแบบที่เธอเองไม่เคยได้รับมัน

     

    จู่ๆหิมะก็ร่วงหล่นลงจากฟ้า ข้างนอกกำลังถูกปกคลุมด้วยหิมะสีขาวโพลนอีกครั้ง เสียงต่อสู้ของจินยองกับแจบอมดังมาถึงข้างล่างรวมไปถึงพวกองครักษ์กับจีโซลด้วย

     

    “นายเกลียดฉันเพราะฉันเป็นเมิร์ค แต่ฉันไม่เคยเกลียดที่นายเป็นมิทที” เยรินพูด

    “ฉันไม่เคยสนใจว่าจะเป็นเมิร์ค มนุษย์ หรือว่ามิทที แต่ที่ฉันเกลียดเธอมากๆตอนนี้เพราะฉันรู้ว่าเธอเห็นแก่ตัวไงแบคเยริน เธอฆ่าเพื่อนของตัวเองและเพื่อนฉัน เธอคิดว่าเธอจะชดใช้ให้กับจีมินยังไงมันถึงจะเหมาะสม” ยูคยอมตอบ

     

    ยูคยอมเป็นคนไม่แสดงออก แต่ในความเย็นชามันก็ยังมีความรู้สึกอื่นๆและปาร์คจีมินคือเพื่อนในวัยเด็กตั้งแต่เขาเรียนอนุบาล เขาอาจจะไม่เคยแสดงออกถึงความเสียใจต่อการจากไปของจีมินมากมายเหมือนที่แบมแบมเป็น แต่การสูญเสียคนสำคัญยูคยอมก็กล้าที่จะพูดว่าจริงๆจีมินก็เป็นเพื่อนคนสำคัญของเขาเหมือนกัน

     

    วันที่จินยองคุยเรื่องของจีมินให้มาร์คฟังที่โรงพยาบาลยูคยอมยืนฟังจนจบ เขาอาจจะเคยฆ่าเมิร์คมาเยอะแต่ว่าอย่างน้อยคนที่เรียกว่าเพื่อนยูคยอมก็ไม่เคยคิดที่จะทำ

     

    “ยัยนั่นมันทำให้ฉันโมโห! ยัยเพื่อนสารเลวจีมินทำให้นายชอบกับเด็กคนนั้น ใช่ไหม นายชอบเด็กนั่น” เยรินตะคอกเสียงดัง

    “มันไม่เกี่ยวกับเธอ”

    “นายชอบมันเพราะแบบนี้ไงปาร์คจีมินถึงสมควรตาย”

     

    ฉึก!

     

    ลิ่มเงินแทงทะลุหัวใจของเยรินจนเลือดมากมายไหลทะลักออกมา เธอกรีดร้องในลำคออย่างทรมานก่อนจะล้มลงไปกองกับพื้นหิมะที่ตอนนี้มีเลือดกระเด็นไปทั่ว เยรินชักดิ้นชักงอด้วยความเจ็บปวดก่อนจะถูกแทงซ้ำอีกครั้งที่ตำแหน่งเดิมจนตาย

     

    “แบมแบม” ยูคยอมเรียกชื่อคนที่ถือลิ่มเงินอยู่ในมือเสียงแผ่วเบา

     

    แบมแบมทิ้งตัวลงกับพื้นแล้วร้องไห้ออกมา มือเล็กสั่นเทาด้วยความโกรธและกลัว เยรินเป็นรายแรกที่โดนแบมแบมฆ่าเพราะเขาโกรธที่เธอมาพูดถึงจีมินแบบนั้น แบมแบมไม่ได้ตั้งใจด้วยซ้ำที่คิดจะฆ่าเยรินอย่างเลือดเย็นแบบนี้ ครั้งนี้ไม่ใช่คืนพระจันทร์เต็มดวงแต่เป็นตัวเขาเอง

     

    “ผมฆ่าเธอแล้วเพราะเธอสมควรตาย” แบมแบมเงยหน้าขึ้นมาพูดกับยูคยอมด้วยรอยยิ้ม

    “ถึงนายไม่ทำฉันก็ฆ่าเยรินอยู่ดี” ยูคยอมบอก

     

    แบมแบมวิ่งไปกอดยูคยอมแน่น เขาไม่ได้ร้องไห้แต่ตอนนี้กำลังสับสน ยูคยอมพ่นลมหายใจออกมาก่อนจะยกมือลูบผมนิ่มเบาๆ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเมื่อไหร่ที่แบมแบมแข็งแกร่งได้ขนาดนี้ ดวงตานั่นยามที่เขามองไม่เห็นแม้แต่รอยสั่นไหวข้างในยามที่มือเล็กเงื้อมือแทงลิ่มเงินเข้าที่หัวใจของเยริน ยูคยอมเดาเอาว่าเหตุการณ์ที่ผ่านมาคงเป็นเหมือนครูฝึกซ้อมชั้นเยี่ยม เวลาคนที่ขี้กลัวเจออะไรร้ายๆบ่อยครั้งเมื่อเข้มแข็งมันก็จะบวกลูกบ้าเข้าไปด้วย

     

    “ไปช่วยพวกนั้นกัน” ยูคยอมพูดแล้วผละออกจากอ้อมกอด

    แบมแบมพยักหน้า

     

    พลั่ก!

     

    แบมแบมมองภาพตรงหน้าก่อนม่านตาสองข้างจะเบิกกว้างด้วยความตกใจ ยูคยอมรีบหันไปดูแล้วทุกอย่างเหมือนหยุดหมุน แม้กระทั่งหิมะที่กำลังร่วงหล่นยังไม่กล้าจะทิ้งตัวแตะลงบนพื้นเย็นเฉียบ ร่างของแจฮยองนอนอยู่บนพื้นขาว ข้างๆตัวคือรอยเลือดที่ไหล่ซึมลงสู่หิมะขาวโพลนไปยังเบื้องล่าง ยูคยอมมองคนที่กำลังกระโดดลงมาเขาสั่งให้แบมแบมหาที่หลบ

     

    ยองแจหัวเราะเหมือนว่าตัวเองเป็นผู้ชนะในการต่อสู้ครั้งนี้แต่ก็มิวายปรายตามองร่างไร้วิญญาณของเยรินที่นอนคว่ำอยู่บนพื้นด้วยสายตาสมเพช สายตานั้นถูกส่งให้ร่างไร้วิญญาณของแจฮยองที่อยู่ตรงหน้าด้วยเช่นกัน

     

    “ใครที่มาขว้างทางฉันมันต้องตาย” ยองแจพูด

     

    ยองแจพุ่งเข้าหายูคยอมอย่างว่องไวแล้วใช้เท้าถีบเข้าที่ฝ่าท้องจนยูคยอมเซไปข้างหลัง เสียงหัวเราะเล็กๆหลุดออกมาเมื่อคิดว่าตัวเองเอาชนะยูคยอมได้ ยองแจดึงมีดพกออกมาจากกระเป๋าเสื้อ เหมือนเขาจะใช้เจ้านี่ได้เก่งที่สุดในบรรดาอาวุธทั้งหมด

     

    มีดสองเล่มปักที่ข้อเท้ายูคยอมอย่างจังเมื่อเขากระโดดหลบ เลือดไหลออกมาจากข้อเท้าก่อนยูคยอมจะล้มลงบนพื้น เขาดึงมันออกอย่างไม่รู้สึกรู้สาแล้วปามันคืนเจ้าของจนปักเข้าที่ท้องเพราะแรงเหวี่ยงของยูคยอมเร็วและแรงจนไม่ทันมองเห็นด้วยซ้ำ

     

    ยองแจเปลี่ยนเป้าหมายจากยูคยอมเป็นแบมแบม มีดที่เหลือพุ่งตรงไปที่แบมแบมโดยที่ไม่มีใครคาดเดาสถานการณ์นี้ได้ เล่มแรกปักเข้าที่ท้องจนแบมแบมทรุดนั่งลงกับพื้น เขามองมีดพกสี่ห้าเล่มที่กำลังพุ่งตรงมามันหยุดชะงักกลางอากาศแล้วตกลงกับพื้น

     

    แบมแบมหันไปมองด้านหลังตามสายตาสองคู่ก่อนจะเห็นชยอนูกำลังพูดอะไรบางอย่างแล้วจ้องไปที่ยองแจเขม็ง สักพักยองแจก็กรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดมันดังก้องไปทั่วบริเวณ ลูกกระสุนเงินพุ่งเข้ามาที่ยองแจแล้วมันทะลุผ่านไหล่จนเลือดสีแดงไหลออกมาไม่หยุด

     

    สีหน้าของยองแจเหมือนกำลังจะตายแล้วจากนั้นเขาก็กระโดดหนีไปพร้อมกับแจบอมที่เรียกชื่ออยู่บนตึกอีกฝั่งด้วยท่าทางอารมณ์เสียไม่น้อย แต่ไม่มีใครตามสองคนนั้นไปเพราะยังไงสองคนนั้นก็ต้องออกมาอีกแน่นอน

     

    ทุกคนมุงดูร่างไร้วิญญาณของแจฮยอง ไบรอันร้องไห้ออกมาอย่างหนักจนยูคยอมต้องเบนสายตาหนีภาพเหล่านั้น ไม่รู้ครั้งที่เท่าไหร่แล้วที่ยูคยอมต้องเจอแบบนี้ บางทีเขาก็รู้สึกสะอิดสะเอียนไอ้สงครามบ้าๆนี่เหมือนกันจนชักอยากจะให้มันจบให้ไว้ที่สุด

     

    วอนพิลพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ เขาไม่ได้ร้องไห้มานานพอสมควรแต่ครั้งนี้มันเศร้ามากกว่าที่คิด แจฮยองเป็นนักล่าและนักล่าไม่ได้มีชีวิตที่ยืนยาวเหมือนแวมไพร์ มันเป็นเรื่องน่าเศร้าที่แจฮยองต้องมาตายเร็วกว่าที่คิดเอาไว้แต่สุดท้ายนี่แหละคือสิ่งที่สมบูรณ์แบบที่สุดในชีวิตมนุษย์ ไม่มีใครปฏิเสธมันได้เลยสักคน

     

    “แจฮยองมันคงไม่อยากให้มึงร้องไห้ให้มันขนาดนี้หรอกไบรอัน” ยูคยอมพูดท่ามกลางความโศกเศร้า

    “ฉันร้องไห้เพราะฉันไม่มีโอกาสได้ล่ำลามัน ฉันคงคิดถึงมันมากถึงจะรู้ว่ามันกำลังไปอยู่ในที่ที่ดีกว่าพวกเราทั้งหมด แต่อย่างน้อยพวกเราก็ควรได้พูดล่ำลากับมันสักคำก็ยังดี” ไบรอันพูด

    “เดี๋ยวพวกเราก็ตามมันไปสักวันหนึ่งคงได้พบกันอีก” วอนพิลหัวเราะน้อยๆแต่ใบหน้าของเศร้าโศกเศร้า

     50%

     

     

     

    มาร์คมองภาพข้างหน้าด้วยใจเต้นระรัว เขากลืนน้ำลายลงคออย่างประหม่า สมาคมนักล่ามันแย่กว่าที่เขาคิดเอาไว้มาก มาร์ครู้ว่าส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะการถูกจู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัวและคงไม่มีใครคิดล่ะมั้งว่าสมัยนี้ยังต้องมาต่อสู้กับพวกแวมไพร์อีกในเมื่อมีสัญญา พวกเขาคงลืมคิดว่าแวมไพร์ไม่ใช่มิตรที่แท้จริงสำหรับมนุษย์เท่าไหร่

     

    ขาเรียวก้าวเข้าไปข้างในก่อนจะกวาดตามองไปทั่ว มาร์คสะดุดตากับผู้ชายผมสีบลอนด์ที่นอนอยู่ใกล้ๆบันไดทางขึ้น เลือดมากมายกำลังไหลออกมาจากหัวและขาของคนที่นอนอยู่ก็บิดเบี้ยวเหมือนมันจะหัก ทีท้องมีเลือดมากมายไหลไม่หยุด

     

    มาร์ครีบวิ่งเข้าไปแล้วนั่งลงข้างๆ มือเรียวพยายามห้ามเลือดจากบาดแผลฉกรรจ์นั่น เขาทาบหูลงไปฟังเสียงหัวใจของแจ็คสันก่อนจะพบว่ามันเต้นอ่อนลงเรื่อยๆ ไม่มีร่องรอยของการกัดที่ต้นคอ ไหล่ หรือท้องแขน แต่บาดแผลมันลึกและน่ากลัวพอสมควร

     

    สิ่งที่น่าตกใจมากขึ้นไปอีกคือใกล้ๆกันมาร์คเห็นร่างที่อาบไปด้วยเลือดของพ่อแม่แจ็คสันนอนนิ่งอยู่ใกล้ๆกัน มาร์คหันกลับมาสนใจแจ็คสันที่สะลึมสะลือขึ้นมามองเขาด้วยสายตาของความผิดหวัง ปากหยักพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง มันแผ่วเบาเหลือเกิน

     

    “พ่อแม่ อึก ฉันตายแล้วมาร์ค” สีหน้าของแจ็คสันเหมือนกำลังเผชิญกับความโศกเศร้าที่ไม่อาจจะประเมินความเสียใจนี้ได้

    “นายยังมีฉันนะแจ็คสัน นายอย่าเป็นอะไรนะ ฮึก” มาร์คพูด เขาพยายามอย่างมากที่จะไม่ร้องไห้

    แจ็คสันเหยียดยิ้มเลือดมากมายไหลออกมาจากปากจนเลือดแขนของมาร์คเต็มไปหมด

    “ฉันไม่สามารถอยู่บนโลกนี้ได้จริงๆมาร์ค ฉันรับไม่ไหว”  

     

    น้ำตามากมายกำลังไหลออกมาจากดวงตาที่เคยฉายแววสดใสและมีความสุข แจ็คสันเลื่อนไปกุมมือมาร์คแล้วออกแรงบีบเบาๆ น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าของมาร์คร่วงหล่นลงบนใบหน้าของแจ็คสันจนปะปนกันไปหมด

     

    มาร์คส่ายหน้าไปมา

    “ได้โปรดแจ็คสัน ฮึก ฉันรักนาย”

     

    แจ็คสันฝืนยิ้มทั้งที่ตอนนี้ทุกส่วนของร่างกายเขาชาดิกไปหมด ตอนนี้แจ็คสันรู้สึกเกลียดตัวเองมากพอกับที่เขาเกลียดน้ำตาของมาร์ค และตอนนี้เขาไม่มีแรงแม้แต่จะเช็ดน้ำตานั่นออกจากใบหน้าของคนรักด้วยซ้ำ เหมือนโลกกำลังพังทลายลงตรงหน้าภายในวันเดียว แจ็คสันรู้แค่ว่าทุกอย่างกำลังหยุดนิ่งและเขากำลังจะตาย

     

    ลมหายใจติดๆขัดๆทำให้มาร์คร้องไห้หนักกว่าเดิม มาร์คเขย่าตัวของแจ็คสันแรงๆเมื่อม่านตาที่เคยจ้องมองเขาด้วยความรักกำลังจะปิด

     

    “ฮึก ได้โปรดแจ็คสัน อย่าทำร้ายฉันแบบนี้ ได้โปรด” น้ำเสียงวิงวอนเหมือนจะขาดใจ

     

    เสียงฝีเท้าที่ดังอยู่ข้างนอกไม่ได้ทำให้มาร์คสนใจมัน ชีพจรของแจ็คสันกำลังอ่อนลงเรื่อยๆเหมือนเขากำลังอยู่ในช่วงวาระสุดท้าย

     

    “พี่มาร์ค!” ไบรอันตะโกนเรียกเสียงดัง

     

    เขามาหยุดยืนอยู่ข้างๆตัวแจ็คสันแล้วมองร่างที่กำลังจะหมดลมหายใจด้วยความรู้สึกไม่ดี ไบรอันและแจฮยองไม่เคยเห็นมาร์คร้องไห้แต่ตอนนี้ ณ เวลานี้ ใบหน้านั่นเต็มไปด้วยคราบน้ำตาสีแดงออกมาจากดวงตานั้น

     

    “แจ็คสันกำลังจะตาย” มาร์คพูดเสียงแผ่ว

    “แล้วทำไมพี่ไม่ทำให้พี่แจ็คสันเป็นเหมือนพี่ซะล่ะ” ไบรอันเอ่ยถาม

     

    มาร์คหยุดชะงัก เขาคิดไม่ออกเลยสักนิดว่าจะทำวิธีไหน หัวมันตันไปหมดจนกระทั่งไบรอันพูดขึ้นมา เขาลืมไปได้ยังไงว่าแบมแบมก็เคยใช้วิธีแบบนี้เหมือนกัน

     

    “นายรีบไปที่สมาคมมิททีเถอะเกิดเรื่องขึ้นแล้ว ขอบใจสำหรับทางออก” มาร์คบอก

     

    ไบรอันกับแจฮยองไปแล้ว มาร์คมองข้อมือตัวเองหลังจากนั้นเขาก็กัดมันจนเลือดไหลก่อนจะเอาข้อมือไปจ่อที่ปาของแจ็คสัน แจ็คสันไม่ได้ลืมตาขึ้นมาแล้วแต่ชีพจรยังคงเต้นอยู่ เลือดมากมายจาข้อมือของมาร์คไหลเข้าไปในปากแจ็คสัน

     

    “นายต้องไม่เป็นอะไรนะ นายยังมีฉัน”

     

    มาร์คพาแจ็คสันกลับมาที่บ้านของแจ็คสันเอง เขาวางร่างที่หมดสติลงบนเตียงอย่างใจเย็น มือเรียวเลื่อนไปจับชีพจรที่มือแล้วพบว่ามันกำลังเต้นอยู่และเต้นเร็วมากกว่าตอนแรก เขาพ่นลมหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน เขาเกือบเสียแจ็คสันไปตลอดกาล

     

    เสื้อผ้าถูกเปลี่ยนและแผลกำลังสมานเข้าหากัน ขาบิดเบี้ยวเหมือนจะหักมันถูกมาร์คดึงด้วยมือแล้วจากนั้นมันก็กลายเป็นปกติเหมือนไม่เคยเกิดขึ้น มาร์ครู้ว่าแจ็คสันอาจจะต้องตื่นมาแล้วเผชิญหน้ากับการสูญเสียครั้งใหญ่และเขาเองก็ไม่อาจจะทนเห็นแจ็คสันจากไปได้ มันดูเห็นแก่ตัวสำหรับแจ็คสันมากเพราะอย่างน้อยแจ็คสันควรได้ไปอยู่สวรรค์กับพ่อแม่มากกว่าต้องตื่นมาพบเจอเรื่องราวที่ทำให้ต้องเจ็บปวด

     

    มันคงจะดีกว่านี้รึเปล่าถ้าเขากับแจ็คสันไม่บังเอิญเจอกันตั้งแต่แรก ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันเริ่มกลายเป็นเรื่องเป็นราวแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ เพราะเขากับแจ็คสันรักกันหรอถึงได้ถูกลงโทษ ถ้ามันเป็นแบบนั้นทำไมไม่ลงโทษเขาล่ะ

     

    ใครก็ตามที่ทำให้แจ็คสันเป็นแบบนี้ มาร์คสาบานเลยว่ามันจะต้องแหลกสลายเป็นผุยผง

     

    มือเรียวลูบใบหน้าของแจ็คสันเบาๆแล้วก้มลงไปประทับริมฝีปากตัวเองกับปากหยักแห้งแตกก่อนจะผละออกมา มาร์คเดินไปทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้นวมใกล้ๆเตียงแจ็คสัน เขาปิดเปลือกตาลงเพราะตอนนี้รู้สึกอยากพักผ่อน โดยไม่ลืมภาวนาให้แจ็คสันปลอดภัยและตื่นขึ้นมาเร็วๆ

     

    ฟ้าข้างนอกมืดสนิทแต่วันนี้ไม่มีดาวเลยสักดวงมีแต่หิมะที่ตกลงมาไม่หยุดหย่อนจนข้างนอกขาวโพลน มาร์คพลิกตัวไปมาอยู่บนที่นอนก่อนจะลืมตาขึ้นมาเมื่อสัมผัสถึงอะไรบางอย่างที่ยุกยิกอยู่บนใบหน้าของเขา

     

    “แจ็คสัน!” มาร์คเรียกชื่ออีกคนเสียงดัง

     

    แจ็คสันยิ้มกว้างแล้วดึงตัวมาร์คเข้าไปกอด มาร์คที่ยังคงไม่เข้าใจก็กอดตอบแน่น โยกซ้ายที ขวาที แล้วผละออกจากกัน มาร์คสำรวจรอยแผลพบว่ามันหายไปเกือบหมดแล้ว แจ็คสันลุกขึ้นยืนหมุนตัวตามที่มาร์คสั่งแล้วนั่งลงบนเตียงนอนเหมือนเดิม

     

    “นายโอเคใช่ไหม” มาร์คถามอีกครั้ง

    แจ็คสันพยักหน้าขึ้นลง

    “ฉันสบายดี” แจ็คสันตอบ

     

    มาร์คเงียบไปเหมือนเขากำลังคิดว่าหรือตัวเองแค่ฝันไปเกี่ยวกับเรื่องของแจ็คสัน คิ้วขมวดเข้าหากันจนแจ็คสันต้องเอื้อมมือไปคลึงเบาๆให้คลายออก มาร์คกัดปากตัวเองอย่างลืมตัวเพราะเวลาที่เขาคิดมากหรือเคอะเขินมาร์คจะกัดปากของตัวเองประจำ

     

    “ฉันเหมือนฝันไปว่านายกำลังจะตาย ฉันก็เลยทำให้นายกลายเป็นมิทที แล้วก็พ่อแม่ของนายก็เอ่อ...” มาร์คไม่กล้าพูดออกไป

    “ตายใช่ไหม”

    มาร์คพยักหน้า

    “พ่อแม่ฉันตายแล้วและเรื่องทั้งหมดนายไม่ได้ฝัน” แจ็คสันตอบไขข้อข้องใจให้มาร์ค

     

    คำตอบของแจ็คสันยิ่งทำให้มาร์คสับสนเข้าไปอีก มาร์คคิดเอาไว้ว่าตื่นมาแจ็คสันจะต้องโวยวาย โมโห ไม่ก็ร้องไห้ แต่นี่ทำไมถึงได้ยิ้มกว้างขนาดนี้ หรือมีอะไรผิดพลาดเขาทำอะไรผิดไป แจ็คสันทำได้แค่หัวเราะ เขานั่งพิงกับหัวเตียงก่อนจะเรียกให้มาร์คมานั่งบนตัก

     

    “ไม่เจ็บแล้วใช่ไหม” มาร์คถามด้วยความเป็นห่วง

    “ไม่เจ็บเลยสักนิด ตอนนี้เหมือนเกิดใหม่” แจ็คสันตอบแล้วโอบแขนกอดรัดเอวคอดไว้

    “ฉันเป็นห่วงนายแทบแย่ อย่าเป็นอะไรไปอีกนะ”

     

    แขนแกร่งออกแรงกอดรัดมาร์คแน่นกว่าเดิม แจ็คสันรู้ดีว่ามาร์คทำเพื่อตัวเขาเองได้ทุกอย่าง มาร์คเสียสละเพื่อเขาเสมอและดูแลเขามาตลอดตอนยังเป็นมนุษย์ แต่ต่อจากนี้แจ็คสันอยากจะดูแลมาร์คบ้างทำหน้าที่คนรักให้ดีที่สุด

     

    “ตอนที่ฉันหลับ ฉันเห็นพ่อกับแม่พวกท่านยิ้มให้ฉันด้วยนะ ฉันขอเขาให้เขาพาฉันไปด้วยแต่แม่กลับบอกว่าฉันจะทำให้นายเสียใจถ้าไปกับพวกเขา ตอนนั้นฉันลังเลมากแต่จู่ๆฉันก็เห็นคนที่หน้าเหมือนนายมาก เธอสวยมากและสง่าแม้จะมีเงาดำตามหลัง เธอบอกให้ฉันกลับมาหานายและฝากฉันดูแลนาย เธอบอกว่าเธอจะช่วยให้พ่อกับแม่ของฉันอยู่ในที่ที่มีความสุข เธอบอกว่าเธอเป็นแม่ของนาย” แจ็คสันพูดด้วยรอยยิ้ม

    “จริงหรอแม่ของฉันสวยมากเลยหรอแจ็คสัน” มาร์คหันหน้าไปถาม

    แจ็คสันเคาะสันจมูกมาร์คแล้วจูบที่หน้าผากมนเบาๆ

    “สวยเหมือนนายเลยล่ะที่รัก”

     

    มาร์คเปลี่ยนท่านั่งไปคร่อมตักแกร่งของแจ็คสันแทน นัยน์ตาสีเข้มจ้องมองแจ็คสันจนเขาต้องหลุบตาหนี เขาไม่ชินกับดวงตาเย้ายวนของมาร์คเลยสักครั้ง

     

    “ตอนนี้นายรู้สึกยังไงบ้างแจ็คสัน” มาร์คถามพลางเอามือโอบคออีกคนไว้

    แจ็คสันหัวเราะ

    “รู้สึกว่าเส้นเลือดที่คอของนายมันน่าฝังเขี้ยวลงไป”

     

    จมูกของแจ็คสันกำลังไล้ที่ซอกคอขาวเนียน ลิ้นร้อนเลียตั้งแต่หัวไหล่เข้าไปเรื่อยๆ ปากหยักขบกัดหูนิ่มเบาๆจนมาร์คขนลุกชัน แจ็คสันสังเกตเส้นเลือดที่เต้นตุบๆแล้วเขาก็ฝังเขี้ยวลงไปอย่างแรงจนคนบนตักสะดุ้งโหยง นิ้วเรียวยาวของแจ็คสันไล้ไปตามแนวแผ่นหลังของมาร์ค

     

    มาร์คไม่ยอมแพ้ เขาฝังเขี้ยวของตัวเองลงบนไหล่ของแจ็คสันเช่นกัด ทั้งขบ ทั้งกัด ทั้งดูดเลีย จนอิ่มเอม แจ็คสันเลื่อนมือไปขย้ำสะโพกอิ่มของมาร์คบีบเค้นอย่างมันมือ แจ็คสันเหมือนเด็กที่ได้ของเล่นใหม่ เขาฝังเขี้ยวลงบนแผ่นอกขาวๆของมาร์คจนคนที่กำลังสนุกกับการกินต้องผละออกมาด้วยความเจ็บ

     

    อาจเป็นเพราะมาร์คไม่เคยโดนใครกัด เขาไม่เคยรู้ว่าแจ็คสันจะเจ็บขนาดนี้ในตอนที่เขากัดคอหรือแผงอกหรือแม้กระทั่งส่วนอื่นๆในร่างกาย ลิ้นร้อนที่ลากไปทั่วแผ่นอกบางทำให้มาร์คหลุดครางฮื่อออกมา แจ็คสันร้อนแรงกว่าตอนที่เป็นคนซะอีก

     

    แผ่นหลังของมาร์คสัมผัสกับเตียง แจ็คสันดูเหมือนเด็กเอาแต่ใจในตอนนี้ เขาดูดดึงผิวนุ่มลื่น ขบกัดมันไปทั่วทั้งตัวโดยไม่ฟังเสียงห้ามของมาร์คเลยสักนิด ร่างหนาเคลื่อนตัวขึ้นมาแล้วจ้องมองมาร์คที่หอบหายใจก่อนจะยกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์

     

    ไม่มีคำพูดใดๆหลุดมาจากปากของแจ็คสัน เขาก้มต่ำลงมาฉกชิมริมฝีปากอิ่มจูบกัดซ้ำแล้ว ซ้ำเล่าอย่างเอาแต่ใจ เหมือนว่าการเริ่มต้นของแจ็คสันในฐานะแวมไพร์จะเป็นไปได้ด้วยดี

     

     

     

     

     

    ทุกอย่างในโลกนี้ล้วนเกิดและดับสิ้นไม่ว่าเร็วหรือช้า ไบรอันพยายามกลั้นน้ำตาเหมือนกับที่แจ็คสันเงยหน้าขึ้นฟ้าเพื่อไม่ให้น้ำตาไหล ข้างหน้าพวกเขาและผู้คนในที่นี้คือร่างไร้วิญญาณที่นอนอยู่ในโลงและกำลังจะจากไปชั่วนิจนิรันดร์ ฟังดูน่าเศร้า

     

    ความสมบูรณ์แบบของมนุษย์คือการรู้ว่าเกิดมาแล้วสักวันหนึ่งก็ต้องตายจากโลกนี้ไป พวกเขาล้วนแต่หลงลืมไปในชั่วขณะหนึ่งว่าแท้จริงแล้วมนุษย์เกิดมาทำไม เกิดมาสร้างความผูกพันเพื่อคงอยู่ในจิตใจของใครบางคนตลอดไปหรือที่จริงเกิดมาเพื่อเรียนรู้ว่าตัวเองเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตเล็กๆบนโลกใบนี้ ความตายไล่ต้อนบางคนให้จนมุมแต่มีบางครั้งที่มนุษย์อ้าแขนต้อนรับความตายด้วยรอยยิ้ม

    เราต่างล้วนมีเวลามากมายเพื่อทำดีต่อกัน ให้อภัยกัน รักกัน และสุดท้ายก็ตายจากกัน แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้มีโอกาสพูดล่ำลาคนที่รัก เพราะฉะนั้นการทำดีต่อกันในตอนที่ยังมีลมหายใจ พึงระลึกถึงพระเจ้าผู้เป็นที่รัก ครอบครัว และคนที่คุณรักอยู่เสมอก่อนมันจะสายไป

    การคิดถึงสิ่งที่จากเราไปแล้วมันดี แต่การที่ยังกังวลกับสิ่งที่จากเราไปแล้วมีแต่จะทำให้เราไม่สามารถใช้ชีวิตต่อไปได้อย่างมีความสุข คุณแค่พึงระลึกถึงคนที่จากไปแล้วเพราะเขากำลังไปสู่หนทางที่ดีกว่า แล้วเราจะกลับมาพบกันอีกครั้งในสักวันหนึ่ง

     

    มินโฮเป็นคนอ่านมันเพราะตอนนี้ไบรอันไม่สามารถพูดทุกอย่างออกมาได้ วอนพิลลูบแผ่นหลังเพื่อนสนิทแล้วพร่ำบอกว่าไม่เป็นไรซ้ำๆเหมือนที่มาร์คกำลังปลอบแจ็คสัน เพราะถึงแจ็คสันจะพยายามแข็งแกร่งแต่สุดท้ายเขาก็ยังเจ็บปวดกับภาพที่เห็นอยู่ดี

     

    ทุกคนแยกย้ายไปแล้วมีแค่กลุ่มพวกเขาที่ยังยืนมองแท่นหินอ่อน แจ็คสันมองชื่อพ่อกับแม่แล้วพยายามยิ้มออกมาทั้งๆที่มันยาก มันแค่ตอนนี้ที่เขาจะร้องไห้ มันจะเป็นครั้งสุดท้ายตั้งแต่วันนี้

     

    “สักวันหนึ่งพวกนายจะทำใจได้ ฉันเคยผ่านมันมาฉันรู้ว่ามันเจ็บปวดแต่เดี๋ยวมันก็จะผ่านไป” จินยองปลอบทุกคน เป็นเขาที่รู้ดีที่สุดกับความรู้สึกสูญเสียสิ่งที่รัก

     

    ยูคยอมมองแบมแบมที่พยายามกลั้นน้ำตาอยู่เงียบๆคนเดียว เขาไม่ได้ยินเสียงของอีกคนตั้งแต่เมื่อเช้า เพราะแบบนี้เขาถึงอยากทำให้แบมแบมกลายเป็นมนุษย์ลืมทุกสิ่งทุอย่างไปซะเพราะมันอาจจะทำให้อีกคนเจ็บปวดโดยที่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่มันจะหายไป แต่ผลเสียที่จะตามมาทำให้ยูคยอมต้องล้มเลิกความตั้งใจบวกกับเจ้าตัวไม่ยินยอม

     

    “เพราะผมเป็นคนปล่อยจีโซลออกมารึเปล่า” แบมแบมเงยหน้าถามยูคยอมที่เดินมาหาใกล้ๆ

     

    มือหนาลูบกลุ่มผมนุ่มแล้วส่ายหน้าไปมา แบมแบมดูแข็งแกร่งแต่บางทีก็เปราะบางเหมือนตุ๊กตากระเบื้องที่ถ้าถูกบีบมากๆหรือเผลอทำหล่นมันก็อาจจะแตกสลาย ยูคยอมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะรับมือกับเรื่องของแบมแบมได้ยังไง

     

    “ไม่ใช่เพราะนายหรอก เพราะพวกเมิร์คต่างหากล่ะ” ยูคยอมพูด

    “แต่ผม..”

    “สงครามมันต้องมีคนที่สละชีวิต แต่เราจะเสียใจหรือไม่มันอยู่ที่ว่าเขาเป็นใคร มีค่ามากพออะไรให้เราเสียใจเพื่อเขา สักวันเมิร์คคงรู้”

     

    และสักวันที่ยูคยอมพูดมามันคงอีกไม่นาน

     




    ฟิคกำลังเปิดจองสำหรับคนที่ต้องการและสนใจรวมเล่ม สามารถอ่านรายละเอียดได้ที่นี่ คลิก 
    มีหลายคนที่จองฟิคแล้วก็จองอีกซ้ำๆกรุณาเช็คดูด้วยนะคะ คลิก เพื่อตรวจสอบรายชื่อ
    ฟิคเราสนุกน้อยลงรึเปล่าTT มีคนอ่านน้อยลง 5555   ยังยืนยันว่าจาร์คแฮปปี้มากนะคะ
    แล้วก็อีกสองตอนฟิคก็จบแล้ว เร็วมาก ใครสนใจสั่งฟิคได้แล้วก็หมดเขตจองวันที่ 20 กันยายน โอนได้ถึง21 กันยา
    ขอบคุณสำหรับกำลังใจและเม้นท์แล้ว็สกรีมฟิคได้ที่ข้างล่างเลย


    แท็กฟิค  #ฟิคยบ99
     


    © GRAYSCALE
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×