ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    GOT7 | 99% PERCENT | #YUGBAM #JARK #BNIOR (END)

    ลำดับตอนที่ #9 : PERCENT: 08%

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.76K
      54
      1 เม.ย. 58





    PERCENT% 08

     

     

     

    จินยองยืนอยู่หน้าประตูห้องของแจบอม ตอนนี้ในใจตีกันไปหมดเพราะตั้งแต่วันนั้นก็ไม่เคยเลยที่จะเข้าหาแจบอมก่อนเหมือนตอนนี้ที่เขากำลังจะทำเอ่ยปากขอร้องให้แจบอมหยุดเรื่องทั้งหมดแม้จะรู้ว่าความพยายามอาจจะเป็นศูนย์ มือเรียวถูกกำจนแน่นจินยองครุ่นคิดอยู่หลายนาทีก่อนจะยกมือเคาะประตู

     

    ก๊อก ก๊อก!

     

    เคาะอยู่ไม่นานประตูก็เปิดออกและการมาของจินยองทำให้แจบอมแปลกใจ แต่คนที่ยืนหน้าประตูตอนนี้กลับไม่ใช่แจบอมแต่เป็นยองแจ ใบหน้าน่ารักบูดเบี้ยวเมื่อเห็นสายตานิ่งๆนั่นและยิ่งไม่พอใจเข้าไปใหญ่ที่เห็นแจบอมแอบยิ้มแม้จะแค่แวบเดียว

     

    เพราะรอยยิ้มแบบนั้นยองแจไม่เคยได้

     

    “มาทำไม” ไม่ใช่เสียงของแจบอมแต่เป็นยองแจ คำพูดห้วนๆกับใบหน้าบึ้งตึงพร้อมทั้งชุดที่ยองแจใส่อยู่ กับแจบอมที่นั่งอยู่บนเตียงคงไม่ต้องอธิบายว่าทั้งคู่เพิ่งผ่านอะไรกันมา แต่จินยองเลือกที่จะเบนหน้าหนี

     

    “ฉันมีธุระจะคุยกับแจบอม” จินยองบอกแค่นั้น

     

    “แต่เจบีไม่มีธุระจะคุยกับนาย...” ยองแจตอบกลับมาทันที

     

    “ยองแจ” น้ำเสียงนิ่งๆทำให้เจ้าของชื่อต้องเดินกระแทกเท้าไปนั่งที่เก้าอี้ มองแจบอมที่ลุกขึ้นมาหยุดอยู่หน้าประตู

     

    “จะไปรอที่สวนข้างหลังหอนะ” จินยองบอกแค่นั้นก่อนจะหันหลังเดินออกไป

     

     

    ม้านั่งตัวเก่าถูกจินยองเลือกเป็นที่นั่งรอ ปากอิ่มถูกขบกัดโดยเจ้าของซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างประหม่า เพราะการเจอแจบอมมันทำให้จินยองรู้สึกแย่ภาพเหตุการณ์ไหลเข้ามาเหมือนต้องการตอกย้ำให้รู้สึกปวดหนึบในใจมากกว่าเดิมทุกครั้งที่พบกัน แผลเป็นมันไม่เคยที่จะหดเล็กลงแม้กาลเวลาจะเคลื่อนไปวันแล้ววันเล่า ไม่ต่างจากความรู้สึกที่จินยองมีให้แจบอมมันถูกเก็บใส่กล่องถ่วงเอาไว้ในส่วนที่ลึกที่สุดของหัวใจ

     

    ทุกอย่างซับซ้อนและมันยากเกินกว่าจะพูดคำว่าอภัย จินยองให้อภัยแจบอมไม่ได้จริงๆเพราะว่าเขารักแจบอมมากและมันเจ็บมากเหมือนกัน จินยองเคยคิดว่าโชคชะตารังแกเขาที่ทำให้เขามาเจอกับแจบอมในฐานะคนรักและพรากทุกสิ่งทุกอย่างไป ทวงคืนมันราวกับว่ามันไม่ใช่ของเขาตั้งแต่แรกหรือไม่มันก็ไม่เคยมีอยู่จริง

     

    โลกสอนให้มนุษย์รู้ว่าทุกอย่างต้องมีการเปลี่ยนแปลง

    แต่โลกก็สอนให้มนุษย์จักความผูกพัน

     

    “จินยอง” น้ำเสียงที่คุ้นเคยเปล่งออกมาจากคนที่ยืนอยู่ใกล้ๆจนจินยองรู้สึกตัว

     

    ปากอิ่มถูกเม้มจนเป็นเส้นตรง ตอนนี้จินยองแทบหาเสียงของตัวเองไม่เจอและมันยากกว่าที่คิดเอาไว้เมื่อต้องเผชิญหน้ากับแจบอมในสถานการณ์แบบนี้

     

    “ยุติเรื่องทั้งหมดเถอะเจบี ได้โปรด” น้ำเสียงและแววตาเว้าวอนร้องขอให้แจบอมหยุดเรื่องทั้งหมดก่อนที่มันจะสายเกินไป

     

    “เห่อะ! พวกมันส่งนายมาขอร้องฉันหรอ” รอยยิ้มมุมปากถูกจุดขึ้นมา แจบอมกลอกตาอย่างนึกสมเพช เขาดีใจที่จินยองมาหาแต่พอรู้จุดประสงค์อารมณ์ดีใจเมื่อกี้ลดฮวบจนอารมณ์เคืองขุ่นเข้ามาแทนที่

     

    “ไม่มีใครส่งฉันมา แต่ฉันเต็มใจมาเอง” น้ำเสียงจริงจังทำให้แจบอมเบนสายตากลับมามอง

     

    “กลับไปซะ”

     

    “เจบีขอระ..”

     

    “หูหนวกรึไงฉันบอกให้กลับไป! ต่อให้นายต้องตายอีกคนฉันก็ไม่หยุดหรอกนะจินยอง เลิกคิดสักทีว่าตัวเองสำคัญกับฉัน ถ้านายสำคัญกับฉันจริงๆพ่อแม่นายก็คงไม่ตายหรอกจริงไหม”

     

    “ถ้าฉันขอร้องนายบ้างล่ะ ขอร้องให้นายให้อภัยฉันที่ฆ่าพ่อกับแม่นายจะยอมให้อภัยไหมล่ะ บอกมาสิจินยองว่านายไม่แค้นฉันนายจะให้อภัยฉัน นายจะลืมเรื่องทั้งหมดเรื่องที่ฉันฆ่าพ่อแม่นาย พูดสิจินยองว่าให้อภัย ว่าไม่แค้นฉันเลยสักนิด”

     

    จินยองนิ่งเงียบ ทุกๆอย่างที่แจบอมพูดเขาได้ยินมันชัดเจนและมันชัดเจนพอที่จะทำให้จินยองรู้สึกโกรธและเสียใจ แม้จะนับไม่ได้ว่านี่คือการเสียใจครั้งที่เท่าไหร่ในชีวิตที่แจบอมเป็นคนทำมันก็ตาม

     

    ไม่มีใครเคยรู้ว่าลึกๆแล้วจินยองเองก็เกลียดตัวเองไม่ต่างจากที่เกลียดแจบอมในตอนนี้ เขาไม่สามารถที่จะพูดว่าช่างมันเถอะเพราะมันเป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้วได้เลยสักครั้ง จินยองโทษตัวเองซ้ำๆทุกวันที่เขาเป็นต้นเหตุทำให้พ่อแม่ต้องตาย ถ้าเขาไม่เจอกับแจบอม ไม่คบกัน ไม่รักกัน และไม่พาอีกคนเข้ามาจนทำให้เกิดเรื่องขึ้น พ่อกับแม่ก็อาจจะยังอยู่ถึงตอนนี้ แล้วแบบนี้จินยองจะให้อภัยตัวเองได้ยังไงในเมื่อทุกๆอย่างมันตามติดเขาไปทุกๆที่ราวกับฝังลึกอยู่ในหัวใจที่บิดเบี้ยว

     

    ถึงเขาจะรักแจบอมมากแค่ไหน

    แต่แจบอมก็คือคน ที่ทำลายทุกอย่างในชีวิตของเขาลง

     

    มันคงจะยากถ้าจะพูดคำว่าให้อภัยถ้าเขายังคิดถึงเรื่องราววันนั้นอยู่ทุกลมหายใจเข้าออกแบบนี้

     

    อิมแจบอมอาจจะสัมผัสได้ว่าเขาคิดอะไรอยู่

    แต่อาจจะไม่รู้ว่าในแต่ละวันตั้งแต่เหตุการณ์วันนั้นจินยองทุกข์ทรมานแค่ไหน

    ถ้ามันเป็นฝันร้ายก็คงเป็นฝันร้ายที่ยาวนานที่สุด

    และไม่รู้เมื่อไหร่ที่มันจะจบลง

     

    “มันไม่เกี่ยวกันเจบี นั่นมันเรื่องระหว่างฉันกับนาย ไม่เกี่ยวกับเผ่าพันธุ์ของนายกับมิทที” จินยองพูดอย่างใจเย็นแม้ตอนนี้หัวใจเขาจะเจ็บปวดไปหมด

     

    “แล้วที่แม่ฉันตายล่ะ? ใครจะรับผิดชอบ มิทรีหรอมันก็แค่แวมไพร์โง่ๆที่มัวแต่หลบอยู่ในกระดองคอยให้พวกนายมาปกป้อง!” แจบอมตะคอกใส่หน้าอีกคนอย่างเหลืออด

     

    “แม่นายไม่ได้ตายเพราะมิทรี อิมซึลองพ่อของนายต่างหากที่ฆ่าแม่นาย แต่นายไม่ยอมฟังไม่ยอมรับรู้ความจริง!!! นายนั่นแหละเจบีที่มัวแต่มุดหัวอยู่ในโลกของตัวเอง!!

     

    พลั่ก!

     

    แจบอมจับร่างของจินยองเหวี่ยงออกไปไกลจนกระแทกเข้ากับม้านั่ง ก่อนจะพุ่งไปกระชากคอเสื้อของจินยองขึ้นมา มือใหญ่บีบเข้าที่ต้นคอขาวและออกแรงบีบมันจนเป็นรอยแดง

     

    “อย่ามายั่วโมโหฉันจินยอง นายทำให้ฉันโกรธจนอยากจะฆ่านาย!” แจบอมพูดเสียงเหี้ยมแล้วบีบคอขาวแน่นขึ้นจนจินยองหายใจแทบไม่ออก

     

    “นายทำเป็นรู้ดีไปซะทุกเรื่อง แต่นายคงไม่รู้สินะว่านายมันตามหลังฉันตลอด นายมันโง่ หึ! คงคิดว่าตัวเองเก่งนักใช่ไหม เข้มแข็งมากใช่ไหมล่ะ แต่เปล่าเลยจินยองนายไม่ได้ต่างจากพวกที่ฉันเคยฆ่า นายไม่มีค่ามากพอไม่เคยมีค่าอะไรกับฉันเลย”

     

    ปึ่ก!

     

    ร่างบางถูกเหวี่ยงลงพื้น จินยองรู้สึกเจ็บที่แขนและรู้สึกเหมือนว่ามันอาจจะหักไม่อย่างนั้นกระดูกก็คงร้าว แต่ตอนนี้เจ็บที่ตัวยังไม่เท่าที่ใจ  จินยองเงยหน้ามองคนที่ยืนยิ้มเหยียด

     

    “นายคิดว่านายฆ่าฉันได้ ใช่แล้วเจบีนายคิดถูก ฉันตายตั้งแต่วันนั้นฉันตายมานานแล้ว และฉันก็ไม่รู้สึกเสียดายอะไรอีกแล้วถ้าจะตายจริงๆ” เสียงสั่นเครือแทบจะคุมไม่อยู่ จินยองเจ็บปวดเกินกว่าจะร้องไห้และมากกว่าที่ใครจะเข้าใจความสูญเสียนี้

     

    “แต่ถ้าถึงวันนั้น นายจะต้องเสียใจที่สุดจำไว้เจบี”

     

    แจบอมหัวเราะหึในลำคอ ร่างสูงไม่แม้แต่จะปรายตามองคนที่นั่งอยู่บนพื้นหญ้าด้วยซ้ำ แจบอมมั่นใจแล้วว่าตอนนี้ตัวเองเลือกสิ่งไหน และแน่นอนต่อให้ต้องจินยองให้ตายถ้าวันนั้นมาถึงเขาก็จะทำ

     

    “บอกพวกมิททีหน้าโง่ด้วยล่ะ ว่าอีกไม่นานมันก็ไม่มีที่ยืนไม่ว่าโลกไหนทั้งนั้น” แจบอมพูดแค่นั้นก่อนจะหายไป

     

    จินยองยังนั่งอยู่ที่เดิมเขาแทบไม่กระดิกตัวเลยด้วยซ้ำ ไม่ใช่เพราะแขนที่เจ็บจนชาแต่เพราะถ้ากลับไปตอนนี้มาร์คก็คงจะโมโหเอาซะเปล่าๆ แถมเขาก็อยากให้ตัวเองใจเย็นลงกว่านี้เหมือนกัน

     

    กร๊อบ

     

    เสียงใบไม้โดนเหยียบทำให้จินยองหันมองก่อนจะพบว่าเป็นคนที่เขาไม่อยากจะเจอหน้าพอๆกับอิมแจบอม คนทรยศหักหลัง น่ารังเกียจไม่ต่างจากแจบอมเลยสักนิด สีหน้าของคนมาใหม่ดูมีความสุข ตาเรียวเล็กจ้องมองจินยองด้วยความสมเพช ยองแจได้ยินมันหมดทุกประโยคแหละที่แจบอมพูดใส่หน้าจินยองปาวๆ แน่นอนว่าเขาพอใจมากที่แจบอมพูดแบบนั้น ยิ่งเห็นจินยองเจ็บด้วยน้ำมือแจบอมยิ่งทำให้ยองแจรู้สึกดี

     

    “ตอนแรกฉันเห็นนายรู้ไหมฉันหงุดหงิดเป็นบ้า แต่ตอนนี้ฉันรู้สึกว่าดีใจที่นายมายังไงไม่รู้สิจินยอง” น้ำเสียงเย้ยหยันดูมีความสุขเสียเต็มประดาเหมือนจงใจจะปั่นอารมณ์คนฟังให้โมโห

     

    “ฉันไม่มีอารมณ์จะมาต่อล้อต่อเถียงกับนาย” จินยองพูดปัดๆก่อนจะดันตัวลุกขึ้นยืนช้าๆ

     

    ยองแจยักไหล่อย่างไม่ยี่ระ “หรอ? เพราะอะไรล่ะ หรือเสียใจที่เจบีไม่สนใจนายแล้ว เห่อะ!

     

    จินยองกลอกตาไปมาอย่างหงุดหงิด วันนี้แค่แจบอมก็ทำให้เขาอดกลั้นเต็มทนยังต้องมาเจอคนที่ทำให้รู้สึกอยากใช้กำลังทุกที

     

    “แต่อย่างน้อยหมอนั่นก็เคยสนใจฉัน แต่หมอนั่นไม่เคยสนใจนาย หรือไม่จริงล่ะยองแจ” ตอกกลับด้วยน้ำเสียงนิ่งๆแต่มันทำให้ยองแจโมโหขึ้นมาทันตาเห็น

     

    “ปากดีไปเถอะ เพราะอีกไม่นานนายและเพื่อนของนายคงจะไม่ได้มีชีวิตอยู่พูดอะไรอีกแล้วล่ะ ระวังตัวไว้ให้ดีแล้วกัน เพราะฉันฆ่าได้ทุกคนที่ขวางทางของฉันกับแจบอม โดยเฉพาะนายจินยองฉันจะบีบหัวใจนายให้เละแล้วให้กามันกิน ให้มันจิกกินหัวใจบิดๆเบี้ยวๆของนายที่เจบีทำมัน วันนั้นฉันจะหัวเราะอย่างมีความสุข จำใส่หัวไว้”

     

    คำขู่ไม่ได้ทำให้จินยองกลัวเลยสักนิด จินยองมั่นใจว่าเขาสู้กับยองแจได้ต่อให้ตอนนี้ยองแจจะกลายเป็นเมิร์คไปแล้วแต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า ซอร์จะชนะพวกแวมไพร์ไม่ได้ ไม่ว่าเมิร์คหรือมิททีก็เถอะจินยองไม่กลัวทั้งนั้นแหละ

     

    ในเมื่อเขาไม่มีอะไรต้องกลัวอีกแล้ว

     

     

     
     

     

     


     

    มาร์คเดินไปเดินมาจนแจ็คสันต้องปรามให้นั่งลงเพราะพลอยทำให้คนอื่นเวียนหัวและกลัวไปด้วยโดยเฉพาะแบมแบม ร่างเล็กนั่งกัดปากจนมันแทบจะห้อเลือดอยู่แล้วเพราะลึกๆแบมแบมเองก็กลัวว่าจินยองจะเป็นอะไรไปเหมือนกัน

     

    มาร์คเอ่ยปากเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เขาฟังแต่เรื่องทั้งหมดยิ่งไม่น่าเชื่อและทำให้หนักใจเข้าไปใหญ่ แบมแบมไม่เคยคิดว่าเกิดมาในชีวิตสิบเจ็บสิบแปดปีจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นภายในไม่กี่เดือน ตั้งแต่ตอนเขาตายรอบแรกแล้วกลายมาเป็นอะไรที่ประหลาดและไม่น่าจะมีอยู่จริงอย่างแวมไพร์จนไปถึงการมีชีวิตของเขาสำคัญกับโลกแวมไพร์อย่างมหัศจรรย์

     

    ถ้าเลือกได้แบมแบมไม่ได้อยากจะได้อะไรแบบนี้

    มันหนักเกินไปสำหรับเขา

     

    “นายก็รู้หนิมาร์คว่าจินยองไม่ตายอยู่แล้ว ไม่งั้นตอนนี้นายก็เห็นล่วงหน้าตั้งแต่สามวันก่อนแล้วว่าจินยองจะตาย” แจ็คสันเอ่ยเตือนเมื่อเห็นว่าคนรักเอาแต่จิ๊จ๊ะในลำคอมาเป็นชั่วโมง

     

    “แต่ก็ใช่ว่ามันจะตรงทุกครั้งหนิ นายก็รู้ฉันเป็นพวกครึ่งๆกลางๆมันแม่นยำทุกครั้งซะทีไหน” มาร์คบ่นอุบ เพราะเขาเป็นแบบนั้นจริงๆ พลังในตัวที่ได้มามันไม่ค่อยจะได้ใช้สุดๆทุกครั้ง บางทีก็อ่อนบางทีก็แรงไม่สามารถเดาได้เลย

     

    “นั่นแหละน่าคิดมากไปได้ จินยองเก่งออกขนาดนั้นแล้วหมอนั่นคงไม่ทำอะไรหรอก ในหอก็ถือว่าเป็นเขตห้ามอยู่เหมือนกัน ถ้าทำแบบนั้นมันก็ถือว่าผิดกฎกลางของเซนต์ดิมิทรีเลยนะ” เหมือนคำเตือนของแจ็คสันจะได้ผล มาร์คพยักหน้าก่อนจะลุกขึ้น

     

    “งั้นฉันจะไปดูจินยองที่หอแล้วกัน อย่างน้อยก็ดีกว่านั่งรออยู่ที่นี่”

     

    “เฮ้! รอกันด้วยสิมาร์ค ให้ตายเอาแต่ใจอยู่เรื่อยเลยสิน่า”  แจ็คสันดีดตัวลุกขึ้นตามก่อนจะหันไปยกมือให้ยูคยอมที่มองมาแล้ววิ่งตามมาร์คออกไป

     

    แบมแบมได้แต่นั่งนิ่งๆรอเวลาสลับกับถอนหายใจ ตอนนี้เขารู้สึกว่ายิ่งนั่งเฉยๆลำคอยิ่งแห้งผากเหมือนเดินอยู่ในทะเลทรายไม่มีผิด เพราะช่วงนี้ฝึกหนักมากและเขาไม่ได้กินเลือดมาสองวันแล้วทั้งๆที่นิชคุณก็เคยบอกว่าร่างกายเขากำลังปรับตัวอย่างหนักเหมือนเด็กที่กำลังเจริญเติบโตต้องการอาหารเขาเองก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่

     

    ร่างกางกำลังต้องการเลือด

     

    น้ำลายหลายอึกที่กลืนลงคอหรือแม้แต่น้ำเปล่าไม่ได้ช่วยทำให้ดีขึ้น ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เขาเพิ่งจะกินอาหารของคนไปตั้งเยอะแต่เหมือนมันจะไม่ช่วยอะไรเลยด้วยซ้ำ

     

    แบมแบมตัดสินใจลุกขึ้นและเป้าหมายของเขาคือร้านของนิชคุณ เพราะตอนนี้เขาต้องการจะกินมันจริงๆแม้จะเกลียดกลิ่นของมันมากก็เถอะแต่ก็เริ่มจะปรับตัวได้บ้างแล้ว

     

    “จะไปไหน?”  ยูคยอมเอ่ยปากถามคนที่ลุกขึ้น

     

    “ร้านพี่คุณ” แบมแบมตอบไปสั้นๆด้วยเสียงอ่อยๆ

     

    “หิวหรอ?” ถึงปากจะพูดแบบนั้นแต่ตัวยูคยอมเข้าใกล้แบมแบมแล้ว มือหนาฉุดร่างเล็กให้นั่งลงเหมือนเดิมไม่ใช่ที่โซฟาแต่เป็นบนตักของเขา

     

    “ไม่ได้กินเลือดมากี่วันแล้วล่ะ ชอบทำตัวซื่อบื้ออยู่เรื่อย” ถึงจะดุแต่มือกลับดึงคอเสื้อของตัวเองลง

     

    “กัดซะ”

     

    แบมแบมส่ายหัว เขาไม่อยากกินเลือดยูคยอมเพราะมันฝังหัวถึงเหตุการณ์ตอนที่โดนยูคยอมกัดคอครั้งนั้น มันอาจจะทำให้เขารู้สึกแปลกๆ ไม่ได้เจ็บอะไรมากแต่ร่างกายเหมือนจะหวิวๆมันวูบโหวงในช่องท้องแปลกๆ

     

    “ทำไมขัดใจฉันอยู่เรื่อย อยากโดนดีรึไง” ไม่พูดเปล่ามือหนาเอื้อมไปดึงคอเสื้อของแบมแบมลงมาเห็นหัวไหล่เนียน ปากเรียวแลบลิ้นพร้อมโชว์เขี้ยวให้แบมแบมผงะ

     

    “ผมไปกินร้านพี่คุณก็ได้ ไม่ต้องทำให้มันยากขนาดนี้เลยหนิ” แบมแบมพูดตามความจริง ในเมื่อนี่มันคือมิททีแล้วทำไมต้องทำอะไรให้มันยุ่งยาก

     

    “โอเค งั้นตามใจนาย”

     

    ถึงจะพูดคำว่าตามใจแต่มือกลับตราตรึงร่างเล็กไว้บนตักก่อนจะกระชากเข้ามาใกล้ๆ  ยูคยอมฝังจมูกลงไปบนไหล่ลาดโดยที่คนถูกกระทำร้องอื้ออึงในลำคอด้วยน้ำเสียงแห่บๆแต่ยูคยอมไม่สนใจ เขาแลบลิ้นเลียตั้งแต่หัวไหล่เนียนไปจนถึงต้นคอและนั่นมันทำให้แบมแบมขนลุกซู่

     

    นี่มันยังกับฉากอีโรติกในหนังยังไงยังงั้นแบมแบมคิดในใจ

     

    “ยะ...หยุดก่อนเถอะ...เฮ้ ฟังผมหน่อยสิ คุณยะ...อื้อ”

     

    ปากอิ่มถูกปิดด้วยอะไรแบบเดียวกัน ยูคยอมใช้เขี้ยวขบที่ปากล่างจนได้กลิ่นคาวของเลือดเขาดูดดุนมันซ้ำๆจนแบมแบมรู้สึกเจ็บแปลบๆแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ยูคยอมยังสาละวนอยู่กับปากอวบอิ่มที่ตอนนี้แดงและบวมเจ่อ ลิ้นร้อนกวาดต้อนเข้าไปในโพรงปากเล็กไล่หยอกกับลิ้นที่พยายามหนีการต้อนของตัวเอง ยิ่งแบมแบมหนียูคยอมก็ยิ่งนึกสนุก กว่าที่ปากจะถอนออกจากกันก็ตอนที่ยูคยอมคิดว่าปากของคนบนตักคงบวมเจ่อจนดูไม่ได้นั่นแหละ

     

    แบมแบมหอบหายใจแฮ่กแต่คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันจนยุ่งเหยิงและมันหมายถึงเขาไม่พอใจ ไม่พอใจมากที่ยูคยอมมาทำยุ่มย่ามแบบนี้

     

    “คุณเป็นบ้ารึเปล่า ผมจะไปร้านพี่คุณ” แต่ก็ได้แค่พูดเหวี่ยงๆไปแค่นั้น เขาทำอะไรยูคยอมมากกว่านี้ไม่ได้อยู่แล้ว

     

    “อย่ามาดื้อกับฉัน”

     

    ยูคยอมพูดเสียงดุๆแล้วจัดการรวบร่างเล็กเข้ามาจนหมดทั้งตัวด้วยแขนข้างเดียว ส่วนอีกข้างก็จัดการดึงเสื้อยืดแขนยาวสีขางลงจนมันหมิ่นเหม่เกือบจะโชว์อะไรบางอย่างใต้เสื้อ ยูคยอมไม่รอช้าเขาไล่เลียลงไปเรื่อยๆตั้งแต่ลำคอและต่ำลงไปอีก ขบกัดมันจะเป็นรอยแดงก่อนจะอ้าปากและฝังเขี้ยวลงไปที่แผ่นอกบางนั่น

     

    “อ๊ะ! … เจ็บ..คุณเบา...” น้ำตาคลอเมื่อยิ่งห้ามอีกคนกลับยิ่งออกแรงกัดจนเจ็บแผ่นอกไปหมด

     

    ลิ้นร้อนตวัดเลียไปทั่วเพื่อทำความสะอาดแต่มันก็ยังไหลหล่นใส่เสื้อขาวนั่นอยู่ดี ตาคมมองรอยกัดด้วยความชอบใจ แต่ยังไม่ทันที่ยูคยอมจะได้ตั้งตัวแบมแบมก็เคลื่อนหน้ามาแล้วกัดเข้าที่ไหล่เขาแรงๆแถมยังฝังเขี้ยวย้ำๆลงไปหลายทีเหมือนต้องการเอาคืน

     

    ยูคยอมเจ็บจี๊ดไม่ต่างกันแต่เขาก็ปล่อยให้ร่างเล็กได้ดูดกลืนเลือดเข้าปากจนกว่าจะพอใจ แต่ผิดคาดเมื่อร่างเล็กเอียงคอกลับเพื่อเปลี่ยนข้างก่อนจะฝังเขี้ยวคมๆลงไปอีกครั้ง แปลกดีที่ยูคยอมไม่รู้สึกโกรธแถมยังหัวเราะหึในลำคอเหมือนพอใจที่อีกคนทำแบบนี้

     

    “จะกัดทั้งตัวเลยไหมฉันจะได้แก้ผ้าให้นายกัด”

     

    เหมือนเสียงของยูคยอมจะดึงสติแบมแบมให้กลับมา เขาผละออกจากไหล่แกร่งยกมือขึ้นเช็ดข้างปากเหมือนเด็กที่กินขนมจนเลอะเทอะ

     

    ยูคยอมยักคิ้ว

     

    “ไม่สนใจข้อเสนอฉันหรอ หรือนายอยากจะแก้ผ้าแล้วให้ฉันกัดนายแบมแบม”

     

    ก่อนที่ทุกอย่างจะเลยเถิดไปมากกว่านี้แบมแบมลุกขยับตัวลงจากตักแล้วเขยิบหนีอีกคนไปชิดโซฟาอีกข้าง ชำเลืองมองร่างสูงที่เปลี่ยนท่าไปนั่งไขว่ห้างอย่างไม่สะทกสะท้านที่โดนเขากัดแรงๆเลยสักนิด แบมแบมรู้ว่าเขากัดคอยูคยอมแต่ไม่สามารถห้ามตัวเองได้เพื่อจะไม่ทำแบบนั้น

     

    “วันหลังถ้านายหิวก็มาขอกินเลือดฉันได้ทุกเมื่อ แต่ต้องแลกกันให้ฉันกัดนายคืน ”

     

    60%
     

     






     

    หลังจากจบการกินเลือดที่แสนจะดุเดือดยูคยอมก็บอกว่าจะออกไปข้างนอกทั้งๆที่พี่ชายทั้งสามคนยังไม่มีใครกลับมาเลยสักคน แล้วไม่รู้อะไรดลใจให้แบมแบมขอไปกับยูคยอมด้วยทั้งๆที่ยังไม่รู้เลยว่าจุดหมายปลายทางของอีกคนคือที่ไหน แต่พักหลังๆแบมแบมเองก็เริ่มจะกลัวอีกคนน้อยลงถ้าไม่นับตอนกัดคอเขาล่ะก็นะ

     

    “คุณจะไปไหน” แบมแบมเอ่ยถามหลังจากที่ขึ้นรถมาแล้วและมันก็เหมือนจะออกจากโรงเรียนเกือบครึ่งทางแล้วด้วย

    “สนามแข่งรถ” ยูคยอมตอบกลับสั้นๆแต่มันทำให้จิตใจแบมแบมหล่นวูบเมื่อได้ยินว่าร่างสูงจะไปที่ไหน

    “หึ จะกลัวอะไรนักหนา นายก็เห็นแล้วหนิว่าฉันน่ะเก่งแค่ไหน”

     

    แบมแบมไม่ได้ตอบกลับไปแต่ในใจนึกกรนด่าคนข้างๆที่ยิ้มมุมปากเหมือนตั้งใจจะกวนประสาท รถหรูทะยานไปตามทาง สนามแข่งที่จะไปมันไม่ใช่ที่เดิมเพราะแบมแบมจำได้ว่าที่เก่ามันจะมีป่าเยอะกว่านี้แต่นี่มันแทบจะอยู่ในเมืองเลยด้วยซ้ำ

     

    คิดอะไรไปคนเดียวข้างหน้าก็มีป้ายอันใหญ่ที่เขียนไว้ว่าสนามแข่งรถ ซึ่งนั่นมันทำให้แบมแบมโล่งใจขึ้นมานิดหน่อยเพราะอย่างน้อยสนามนี้ก็ถูกกฎหมายและดูปลอดภัยกว่าที่ที่เคยไปครั้งแรกอยู่มากโข

     

    แม้ตอนนี้จะเพิ่งไม่กี่ทุ่มแต่สนามก็มีคนมาดูการแข่งกันมาก เหมือนมันจะไม่ใช่การแข่งจริงจังอะไรดูแล้วคงไม่ต่างจากคราวที่แล้วเท่าไหร่นัก สาวสวยข้างสนามแต่งตัวด้วยชุดสั้นๆเหมือนในหนังที่แบมแบมเคยดูพวกหล่อนมองรถที่กำลังขับเข้าไปจอดข้างสนามด้วยสายตาแพรวพราว

     

    “ไปกันเถอะ พวกนั้นคงรอนานแล้ว”

     

    คำว่า “พวกนั้น” ของยูคยอมไม่ได้ทำให้แบมแบมแปลกใจซะเท่าไหร่ เพราะถ้ามาในเมืองแบบนี้คงหนีไม่พ้นผู้ชายตัวสูงผิวคล้ำคนนั้นกับผู้ชายที่ช่วยเขาไว้ที่โรงเรียนเมื่อวันก่อน

     

    ไม่รู้เพราะยูคยอมดูดีหรือว่าเป็นคนดัง เหมือนหลายๆคนจะหันมามองเป็นตาเดียวจนคนที่เดินตามต้องรีบวิ่งตามไปติดๆเพราะเกร็งสายตานับสิบๆคู่ที่จ้องมองมา จู่ๆแบมแบมก็ได้กลิ่นชื้นๆมันเหมือนกลิ่นของเมิร์คและมันเป็นไปตามที่คิดไม่มีผิด แบคเยรินอยู่ที่นี่อีกแล้วแต่ครั้งนี้แบมแบมเห็นเธอมากับซูจีด้วยอีกคน

     

    “ไงมึง หิ้วเด็กมาด้วยหรอ” ไบรอันเอ่ยทักทันทีที่ยูคยอมเปิดประตูเข้ามา รอยยิ้มกวนถูกส่งให้ยูคยอมก่อนจะมองเลยไปข้างหลังยักคิ้วให้แบมแบมเป็นการทักทาย

    “เสือก” ยูคยอมตอบกลับสั้นๆแต่เรียกเสียงหัวเราะจากคนในห้องได้เป็นอย่างดีโดยเฉพาะแจฮยองกับวอนพิลที่หัวเราะกันจนตัวงอ

    “ด่าผมขนาดนี้ก็เอาเท้ามาทาบหน้าผมเลยดีกว่าครับคุณคิมยูคยอม” พูดจบร่างโปร่งก็ขยับหนีเท้าที่กำลังยกขึ้น

    “อย่าไปกวนมันเดี๋ยวก็โดนฆ่าหรอก” มินโฮพูดห้ามขำๆนั่นแหละสงครามถึงได้จบลง

     

    แบมแบมโค้งทักทายทุกคนก่อนจะถูกยูคยอมฉุดให้นั่งลงข้างๆ ทุกคนกำลังพูดคุยกันเรื่องรถแต่แบมแบมไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องรถเลยสักนิดเพราะฉะนั้นกิจกรรมฆ่าเวลาตอนนี้คือจิ้มโทรศัพท์เล่นไปเรื่อย ถึงจะไม่เข้าใจตัวเองว่าจะขอตามมาทำไมในเมื่อสุดท้ายเขาก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรต่อร่างสูงเท่าไหร่เลย

     

    แล้ววันนี้คงไม่เล่นพิเรนทร์เอาเด็กนี่เป็นของแลกเปลี่ยนใช่ไหม” มินโฮเอ่ยถาม

    ยูคยอมส่ายหน้า “หมอนี่ตามผมมาเอง”

     

    “ดีแล้ว ครั้งที่แล้วเล่นเอาใจหายใจคว่ำ” มินโฮตอบด้วยน้ำเสียงสบายๆ เพราะลึกๆเข้าเองก็กังวลเกี่ยวกับเรื่องของเมิร์คกับมิททีเหมือนกัน อย่างน้อยที่นั่นก็เคยทำให้เขาเติบโตมาเกือบยี่สิบปีและมอบอะไรหลายอย่างให้กับเขา มินโฮคิดเสมอว่ามิททีเป็นความทรงจำดีๆที่เขาไม่มีวันจะลืมมัน

     

    “แล้ววันนี้จะแข่งไหมวะหรือมาเฉยๆ” วอนพิลถามก่อนจะยกมือขึ้นดูดมวลบุหรี่ในมือ

    “แข่งดิ่ แล้วมึงแข่งไหมหรือวันนี้เป็นคนอื่น” ยูคยอมถามกลับ

    “วันนี้แจฮยองมันลง กูแข่งตั้งแต่เมื่อวานแล้ว”

     

    เหมือนทุกคนจะคุยกันจนลืมไปเลยว่ามีอีกคนนั่งอยู่ในห้องด้วย กลิ่นบุหรี่เริ่มทำให้แบมแบมหายใจไม่ค่อยสะดวกจนต้องยกมือขึ้นมาพัดที่หน้าบ้าง และไบรอันก็สังเกตเห็นมันเขาชี้ให้ทุกคนดูร่างเล็กที่นั่งก้มหน้าก้มตาเล่นเกมพร้อมทั้งเอามืออุดจมูกด้วย

     

    “ออกไปข้างนอกไปเดี๋ยวฉันก็จะไปแข่งแล้ว” ยูคยอมพูดกับคนข้างๆ แบมแบมเงยหน้าขึ้นมามองแล้วพยักหน้าตอบก่อนจะยันตัวขึ้นเดินตามไบรอันกับแจฮยองที่ชวนให้ออกไปเพราะวอนพิลกับยูคยอมจะไปแข่งส่วนมินโฮก็จะไปตรวจดูสภาพรถให้ทั้งคู่

     

    เพราะออกมาคนก็เริ่มเยอะวอนพิลและไบรอันเลยมองหาที่ใกล้ๆทางลงที่พอจะพอสำหรับสามคนนั่ง วอนพิลชี้ไปที่ว่างชั้นที่สองและมันเป็นจุดที่กำลังดี แบมแบมนั่งลงมองลงไปข้างล่างเขาจ้องยูคยอมที่ยืนคุยกับมินโฮอยู่นานสองนานเหมือนอีกคนจะรู้ตัวเพราะจู่ๆก็เงยหน้าขึ้นมายักคิ้วใส่ก่อนจะกลับไปคุยกับมินโฮต่อ

     

    รถแข่งหลายคันเตรียมพร้อมเพื่อที่จะออกยูคยอมกับแจฮยองก็เป็นหนึ่งในนั้น เสียงเครื่องยนต์ที่ถูกเร่งดังสนั่นไปทั่วจนแบมแบมอดไม่ที่จะต้องยกมือขึ้นมาอุดหู ทั้งเสียงรถ เสียงคุย เสียงกรี๊ดหรือโห่ร้อง

     

    สัญญาณนกหวีดดังขึ้นสาวสวยที่ถือธงอยู่ตรงกลางสะบัดผ้าลง รถทั้งหมดออกจากจุดสตาร์ทด้วยความเร็วที่พอๆกัน รถของยูคยอมตามหลังรถคันแรกอยู่แบบระยะประชิดปาดซ้ายปาดขวาตามสไตล์แต่นั่นมันดูหวาดเสียวและเสี่ยงในสายตาของแบมแบม

     

    “นายรออยู่ตรงนี้นะอย่าไปไหน ฉันลงไปช่วยพี่มินโฮแปบเดียว” ไบรอันบอกก่อนจะจากชั้นสองไปพร้อมวอนพิล โดยทั้งคู่ย้ำหนักย้ำหนาว่าไม่ให้ไปไหนถ้าไม่อยากโดนหิ้วไป

     

    แบมแบมละความสนใจจากสองคนนั้นกลับมามองรถสีดำที่กำลังไต่ขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่ง อะดรีนาลีนถูกปลุกปั่นขึ้นมาทั้งๆที่เขาไม่ได้เป็นคนขับแต่ตอนนี้ทั้งขาทั้งมือไม่สามารถนั่งนิ่งๆได้เลย จนกระทั่งได้กลิ่นเมิร์คลอยแตะจมูกก่อนจะสัมผัสถึงความเย็นที่ต้นคอ

     

    “ไปกับฉันไม่งั้นฉันจะเอาลิ่มนี่แทงคอนายให้ตาย” เสียงใสพูดข้างหูก่อนจะดึงแบมแบมให้ลุกขึ้นไป

     

    แบมแบมพยายามนึกถึงยูคยอมทั้งๆที่ตอนนี้ทั้งโดนกระชากลากถูให้ไปที่หลังสนามแข่งซึ่งมันมืดและไม่มีคน ซูจีผลักร่างเล็กลงบนพื้นแถมยังเอาลิ่มจ่อไว้ที่คอเหมือนกับว่าถ้าเขาตุกติกแวมไพร์หน้าสวยนี่ก็จะฆ่าเขาทันที

     

    “ทำไมชอบเสนอหน้ามากับยูคยอม แกเป็นอะไรกับยูคยอม” เยรินพูดเสียงแข็งดวงตาเธอเปลี่ยนเป็นสีม่วงหม่นเหมือนพวกเมิร์ค

    “ไม่ได้เป็นอะไรกัน” แบมแบมตอบกลับ

    “โกหก!

    “ฉันพูดจริงๆไม่เชื่อก็เรื่องของเธอ”

     

    เยรินจิกผมอีกคนแรงๆจนแบมแบมเจ็บไปหมด ใบหน้าสวยยามปกติตอนนี้มันบูดบึ้งเหมือนโกรธแค้นกันมาหลายชาติ ฝ่ามือเล็กตบเข้าที่ใบหน้านวลหลายทีจนเลือดออก

     

    “ฉันอยากจะฆ่าแกให้ตายถ้าไม่ติดว่าคุณเจบีบอกให้ฉันพานายไปแบบเป็นๆ แต่เขาไม่ได้บอกว่าห้ามทำอะไรแก” เยรินพูดพร้อมทั้งยิ้มเจ้าเล่ห์ มือขาวลูบใบหน้านวลเนียนแล้วยื่นมือไปรับลิ่มเหล็กมาจากซูจีที่ยืนยิ้มอยู่ข้างๆ

    “ฉันเกลียดใบหน้าของแก ครั้งนั้นฉันน่าจะฆ่าแกให้ตายจะได้ไม่มาทำตัวเกะกะอยู่แบบนี้” พูดไปลิ่มเล็กก็ถูกกรีดเข้าที่ข้างแก้มจนเลือดซิบ

     

    ตุบ!

     

    เสียงเหมือนอะไรหล่นลงมาจากที่สูงก่อนมันจะกระเด็นมาชนที่ขาเยริน เธอก้มลงมองพร้อมซูจีแล้วเบิกตากว้างจนทำลิ่มเหล็กหล่นลงบนพื้น แบมแบมค่อยๆลืมตาขึ้นมาดูเพราะได้ยินเสียงก่อนจะตกใจจนหัวใจหล่นวูบ

     

    รอยยิ้มที่ทำให้ทั้งสามคนแทบหยุดหายใจ โดยเฉพาะเยรินกับซูจีพวกเธอถอยออกห่างก่อนจะมองไปรอบๆตัว เสียงหัวเราะดังระงมจากบางอย่างที่จ้องมองอยู่บนพื้น ร่างเพรียวบางพุ่งเข้ามาหยิบหัวที่หล่นอยู่บนพื้นและใส่มันกลับเข้าที่เดิม

     

    “ไม่เจอกันนานเลยนะสาวๆ” เธอทักทายด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ลิปสติกสีแดงสดกับดวงตาสีแดงหม่นดูเข้ากันแต่รอยยิ้มนั่นมันอันตราย

     

    “เจีย

     

    “โอ๊ะ! ดีใจที่พวกเธอจำฉันได้” เธอตอบกลับไปพร้อมรอยยิ้มก่อนจะเบนสายตามาที่แบมแบม

    “ไม่เป็นไรใช่ไหมหนุ่มน้อย ลุกขึ้นซะเพราะต่อจากนี้นายจะต้องสู้จริงๆแล้วล่ะ” พูดจบเจียก็เงยหน้าขึ้นเธอหมุนคอไปรอบๆก่อนเขี้ยวจะงอกออกมา

    “คิดฉันกลัวเธอรึไง อยากตายอีกรอบใช่ไหม” ซูจีพูดก่อนจะพุ่งเข้าใส่ร่างเพรียวบางที่ยืนหัวเราะ

     

    เยิรนมองแบมแบมลุกขึ้นเธอเองก็พุ่งเข้าใส่แต่แบมแบมหลบทันและมันเร็วมาก ดวงตาแววเปลี่ยนเป็นสีแดงหม่นเขี้ยวที่งอกยาวขึ้นกว่าตอนแรกโผล่ออก เยรินพุ่งเข้าใส่อีกครั้งก่อนจะเหวี่ยงร่างบางออกไปกระแทกเสา แบมแบมลุกขึ้นแม้จะจุกแต่เขากลับรู้สึกแปลกๆร่างกายมันดูชอบมากกว่าที่จะกลัว

     

    เป็นแบมแบมที่ไม่ได้หลบเมื่ออีกคนพุ่งเข้ามาแบมแบมเองก็พุ่งเข้าไป เยรินจับไหล่ลาดแต่แบมแบมสะบัดมันออกก่อนจะจับเธอทุ่มลงพื้นแล้วถอยหลังออกมา เสียงหอบหายใจดังขึ้นแม้จะมีเสียงเชียร์อยู่ไกลๆแต่ตอนนี้เสียงที่ชัดที่สุดคงเป็นเสียงของพวกเขา

     

    เยรินกรีดร้องอย่างโมโหเธอประชิดตัวเพื่อจะจับคอร่างเล็กหมุน แบมแบมจับเธอทุ่มอีกครั้งแต่ครั้งนี้เยรินทรงตัวอยู่ ขาเรียวแตะเข้าที่ข้างลำตัวแบมแบมอย่างจังเมื่อร่างเล็กล้มลงเยรินก็จัดการบีบคอจนเล็บยาวๆจิกฝังเข้าไปในลำคอจนเป็นแผลเหวอะ

     

    “โอ้ย!

     

    มือเรียวจิกผมเยรินแล้วออกแรงเหวี่ยงจนตัวกระเด็นไปกระแทกรั้วเหล็กเสียงดังซึ่งมีซูจีนั่งพิงอยู่ใกล้ๆ เจียหัวเราะแม้ตอนนี้ที่หน้าจะมีเลือดออก

     

    “ฉันเห็นนายสู้กับยัยนั่น ดูใช้ได้กว่าเมื่อก่อนนะ” เจียเอ่ยชม

    “คุณรู้ได้ไงว่าผมอยู่ที่นี่” แบมแบมถามด้วยความสงสัย

    “จริงๆฉันเห็นตั้งแต่นายเข้ามาที่นี่แล้ว เห็นยัยสองคนนั้นพานายมาเลยตามมา”

    “ขอบคุณนะครับที่ช่วยผม”

     

    อั่ก!

     

    เลือดไหลออกมาจากหน้าท้องเพราะมีดถูกขว้างมา เจียดึงมันออกด้วยสีหน้าเหยเกก่อนจะหันหลังกลับไปมอง เธอยกมีดขึ้นมาแล้วเลียเลือดสีแดงเข้มที่ไหล่ไปตามมีดด้วยใบหน้าไม่ทุกข์ร้อน แวมไพร์จะตายได้จริงๆก็เมื่อโดนแทงที่หัวใจหรือถูกตัดหัวเท่านั้น เพราะฉะนั้นมีดนี่ทำอะไรเธอไม่ได้สักนิด อย่างน้อยก็แสบๆคันๆ

     

    “ตกลงว่าพวกเธอสองคนจะไม่ไปใช่ไหม” เจียถามเสียงเรียบ ใบหน้าที่ยกยิ้มตอนนี้นิ่งสนิทจนคาดเดาอะไรไม่ได้

    “ทำไมฉันต้องกลัวเธอด้วย!หึ ต่อไปพวกมิททีก็จะต้องตายตามกันไปหมด” ซูจีตอบพร้อมรอยยิ้มก่อนจะหัวเราะออกมาดังๆ

     

    “จริงๆฉันไม่สนใจหรอกนะว่าใครจะทำไม แต่มันยังไม่ถึงช่วงเวลาสำคัญและฉันก็เกลียดการรุมเหมือนพวกหมาหมู่ พวกเมิร์คนี่ไม่ว่ากี่ปีก็ยังเลิกนิสัยทำตัวเหมือนพวกหมาไม่ได้เลยโดยเฉพาะพวกเธอสองคน ตั้งแต่ตอนโซฮีนี่ก็เลยมาถึงเด็กคนนี้ก็ยังทำตัวเหมือนเดิม เสมอต้นเสมอปลายดีนี่” ประโยคยาวเหยียดออกจะเย้ยหยันเล็กน้อยแต่มันทำให้เมิร์คสาวทั้งคู่เดือดดาล

     

    “ยัยนั่นสมควรตายแล้ว หมอนี่ก็เหมือนกันมันควรจะตาย!” เยรินตะคอกเสียงดังด้วยความโมโห

    “ไม่มีใครสมควรตายหรอกเพราะทุกคนต้องตายอยู่แล้วไม่ช้าก็เร็ว พวกเธอก็เหมือนกันอย่าเหลิงให้มันมาก สร้างศัตรูเยอะๆมันไม่ดีกับตัวเองหรอกรู้ไหม”

    “ไม่มีใครขอให้เธอมาสอนฉัน แวมไพร์ที่ถูกฆ่าตายแบบเธอน่ะมันไร้ค่าสิ้นดี”

     

    เจียพยักหน้าพร้อมทั้งยักไหล่แล้วหันไปหัวเราะกับแบมแบมที่ยืนนิ่ง ร่างบางไม่รู้จะทำยังไงกับสถานการณ์แบบนี้เลยด้วยซ้ำ

     

    “เธอคิดว่าฉันอยู่มาเป็นหลายร้อยปีเพื่ออะไร แล้วคิดหรอว่าพวกเธอสองคนจะฆ่าฉันได้น่ะ อย่างพวกเธอไม่คณามือฉันสักนิดจำใส่หัวไว้ซะ” น้ำเสียงจริงจังเริ่มทำให้เยรินและซูจีมองหน้ากัน

    “ฝากไว้ก่อนเถอะ ฉันจะไม่ยอมปล่อยพวกแกแน่”

     

    ทั้งคู่หายวิ่งหายเข้าไปในความมืด แบมแบมถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกโดยมีเสียงหัวเราะของเจียดังอยู่ข้างๆ เธอยกมือขึ้นขยี้กลุ่มผมสีดำสนิทด้วยความเอ็นดู

     

    “ไปกันเถอะ ยูคยอมมันคงตามหานายอยู่”

     

    แบมแบมเจ็บและปวดไปหมดแต่แปลกดีที่เขารู้สึกดี อย่างน้อยครั้งนี้ก็ได้สู้กับเยรินแบบไม่ต้องกลัวหรือต้องหลบเพื่อให้คนอื่นมาปกป้อง ขาเรียวก้าวตามเจียไปเรื่อยๆ

     

    “เฮ้ย!อยู่นั่นไง” เสียงไบรอันดังลั่นและชี้มาทางข้างหลังสนาม

     

    ยูคยอมตวัดตามองเจียนิ่งๆ เจียเองก็มองกลับเธอจับมือแบมแบมมาใกล้ๆ สภาพของแบมแบมคงดูไม่ได้เพราะเลือดที่หน้าที่ตัวแถมแผลถลอกอีกทำให้ทุกคนตกใจ

     

    “พี่ทำอะไรเด็กนี่” ยูคยอมถามเสียงเรียบ

    “แกคิดว่าฉันทำหนุ่มน้อยนี่ได้ลงหรอ” เจียตอบขำๆ

    “เยริน” จู่ๆมินโฮก็พูดชื่อนี้ขึ้นมา

    “แม่นนะเนี่ย” เจียชมพร้อมทั้งพยักหน้าขึ้นลง

     

    ยูคยอมถอนหายใจออกมาอย่างหงุดหงิด ตอนแรกที่แข่งเสร็จแล้ววอนพิลกับไบรอันมาบอกเขาว่าแบมแบมหายไปก็หงุดหงิดแถมจะบ้าตายเพราะคิดว่าร่างเล็กไม่ยอมฟังที่เขาบอกว่าห้ามไปไหน แถมหาก็ไม่เจอไม่อยากยอมรับแต่ใจเขากระวนกระวายจนคิดว่าถ้าเธอจะจัดการร่างเล็กให้เข็ด แต่มันกลับไม่เป็นอย่างที่คิดเมื่อแบมแบมกลับมาพร้อมรอยแผลที่ไม่เยอะแต่ข้างแก้มมีเลือดซึมแถมยังมากับเจียอีก

                                                    

    “นายไม่ควรประมาทนะไอ้หนู รู้ไม่ใช่หรอว่าเยรินทำแบบนี้เพราะอะไร”

    “ยัยนั่นทำให้อยากฆ่าทุกครั้งที่เจอกัน” ยูคยอมพูดเสียงแข็งน้ำเสียงทุ้มเจือความหงุดหงิด

    “มันไม่อีกไม่นานหรอก ใกล้เข้ามาแล้วล่ะความมืดดำนั้นน่ะ”

     

    ทุกคนรู้ดีว่ามันหมายถึงอะไร

     

    “ฉันไปแล้วนะ อ่อ...แล้วก็หนุ่มน้อยคนนี้เก่งขึ้นแล้วล่ะสบายใจได้อย่างน้อยก็สู้กับเยรินได้สบายๆ”

     

    เจียพูดแค่นั้นก่อนจะเดินหายไปพร้อมคนที่กำลังเดินออกมาเพราะการแข่งขันของวันนี้จบลงแล้ว ยูคยอมมองตามจนแผ่นหลังบางหายไป

     










    talk: 

    ลงครบแล้วนะคะ เนื้อเรื่องจะโหดขึ้นแล้ววว ง่อววว์ เจียมาอย่างหลอน 555
    แต่มาแบบเท่อ่ะ 555 เพราะชอบพี่เจียมากกกกก คือวางคาเรกเตอร์ไว้เท่ๆ แต่ดูแบบไม่หวาดหวั่น 555
    แบมเริ่มเก่งขึ้นเพราะสกิลการเป็นแวมไพร์เริ่มสูง เจอกันตอนต่อไปนะคะ

    อย่าลืม

    V

    ฟิคเรื่องนี้ม้นท์ได้และ สกรีมดีที่ #ฟิคยบ99 อ่านทุกเม้นท์นะแจ๊ะ เยิ้บ 

    ปล.ฟิคเราสนุกน้อยลงป่ะคะ ? เม้นท์ลดลงเรื่อยๆ สกรีมด้วย T_T ร้องไห้หนักมาก


    แผนผังตัวละครในเรื่อง




    มิทที & ซอร์ & เมิร์ค



    นักล่า / พ่อมด / มนุษย์

     

    ’ cactus
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×