ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Black N Blue (Yuri)

    ลำดับตอนที่ #12 : Black N Blue❖Everything started from 'force' 12

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.85K
      65
      7 ก.พ. 63

    คำเตือน :: บางช่วงบางตอนมีความรุนแรง เนื้อหาไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาหลักของตัวเกมแต่อย่างใด ฉากที่มีเนื้อหาเรท R จะไม่อัพลงเด็กดี โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน


    Song :: Ravenscode - My Escape


    EPISODE12

    Alternative Universe 01Everything started from 'force'


    ความรู้สึกแรกหลังจากท่านแม่พาไวโอเล็ตมาที่โลกต่างมิติ เธอพบว่าที่นี่สวยมาก

    แต่ในความสวยก็ยังมีความหนาวเย็นแฝงอยู่ เธอซุกมือลงไปในเสื้อโค้ดและเบียดตัวเองกับขาของท่านแม่ให้มากที่สุดเนื่องจากกลัวว่าจะพลัดหลง การหลงทางในที่ที่ไม่คุ้นเคยไม่ใช่สิ่งที่ดีนักหรอก

    แวนไฮล์น้องชายฝาแฝดเองก็ทำเช่นเดียวกับเธอ แก้มของเขาแดงเมื่อมันกระทบกับอากาศที่นี่

    เราสบตากันท่ามกลางฝูงชนที่เดินอยู่รอบตัว...เห็นพ้องว่าไม่ควรเสวนากันในขณะนี้ เพราะเกรงว่าคนอื่นจะได้ยินภาษาที่แตกต่างจากภาษาปกติของพวกเขา

    ถึงเธอจะเรียนสิ่งที่ท่านแม่เรียกว่าภาษาอังกฤษมา แต่ก็ไม่กล้าใช้อยู่ดี

    หิมะสีขาวตกลงกระทบกับร่างกายเธออย่างต่อเนื่อง ทำให้ไวโอเล็ตต้องใช้มือปัดมันออกไปเป็นครั้งคราว

    จนเมื่อท่านแม่พาเธอมาถึงสิ่งก่อสร้างที่สูงใหญ่มาก เธอเงยหน้าขึ้นมองมันก่อนถูกจูงให้เดินเข้าไปภายใน เราขึ้นลิฟท์มาจนถึงชั้นเกือบบนสุด หลังจากก้าวออกจากลิฟท์เธอพบว่ามีคนสามคนรอการมาถึงของเราอยู่

    "เชิญนั่งครับ ท่านหญิง" ชายร่างสูงใหญ่ดูหล่อเหลาเอ่ยขณะภายมือไปยังเก้าอี้

    "ขอบคุณค่ะ" ท่านแม่ตอบรับด้วยรอยยิ้มแล้วนั่งลง

    "ไวโอเล็ต เจ้ารู้จักคนพวกนี้หรือไม่" แวนไฮล์ขยับมากระซิบกระซาบอย่างสงสัย

    แต่เธอยังไม่ทันได้ตอบน้องชายตัวป่วนของตัวเองเลย

    หมับ!

    ไวโอเล็ตเกือบสะดุ้งเฮือกเมื่อเอวของเธอถูกรั้งโดยวงแขนคู่หนึ่ง ก่อนที่ร่างกายจะถูกยกขึ้นไปนั่งบนตัวผู้หญิงคนหนึ่งในกลุ่มสามคนที่แม่มาพบ แต่อีกสองคนเป็นผู้ชาย

    "น่ารักจัง" เสียงที่ได้ยินหวานละมุนมาก เส้นผมนางคลอเคลียกับซอกคอเธอ ที่ตกใจคือริมฝีปากที่ทาลิปสติกสีแดงสดเฉียดแก้มเธอไปเมื่อนางโน้มหน้าลงมาเพื่อดูเธอให้ชัดสายตา

    แต่เธอนิ่งไปเลย เมื่อสักครู่เกิดอะไรขึ้น

    ลวนลามเหรอ ลวนลามทำไม

    ไวโอเล็ตใช้ปลายนิ้วแตะแก้มตัวเองอย่างแผ่วเบา

    "ชื่ออะไรเหรอ" นางถามเป็นภาษาอังกฤษ เธอแปลออกแต่ก็ไม่ยอมบอกชื่อตัวเองออกไป การถามชื่อคนอื่นคนถามควรเป็นฝ่ายบอกก่อนตามมารยาทไม่ใช่เหรอไง หรือเธอเข้าใจอะไรผิดไป "หืม?"

    "..." เธอไม่อยากหันไปมองนางเพราะรู้สึกว่าเราใกล้กันเกินไป

    หันไปปากเธอต้องจุ้บแก้มนางแน่ๆ

    ไม่! ไม่เด็ดขาด!

    ท่านแม่สอนเธอมาว่าการเอาปากไปจุ้บตรงไหนสักส่วนของคนอื่นมันต้องออกมาจากใจเท่านั้น และตอนนี้คนที่ท่านแม่อนุญาตให้เธอทำแบบนั้นได้มีแค่...ท่านแม่ ท่านนาตาเลียและก็น้องชายฝาแฝด

    "ว่าไง ไม่บอกพี่หน่อยเหรอ" หญิงสาวที่รั้งให้เธอนั่งบนตัวนางกระซิบถามซ้ำโดยไม่มีใครสนใจเราสองคนเลย

    น้องชายเธอหันไปตีซี้กับชายหนุ่มคนหนึ่งที่ใส่สีดำทั้งตัวแทนแล้ว ได้ยินผ่านๆ ว่าท่านแม่เรียกเขาว่า 'บรูซ' พวกผู้ชายเข้ากันง่ายอยู่แล้ว

    เขาไม่ได้หันมาสนใจเธออีกเมื่อโดนชายคนนั้นจูงเดินดูสิ่งของของโลกนี้ที่ทันสมัยมาก

    จนท่านแม่สังเกตเห็นเราสองคน นัยน์ตาเรียบเฉยที่ท่านแม่ใช้มองมีความอบอุ่นแฝงอยู่ เรียวปากอวบอิ่มกระซิบ

    "อย่าแกล้งน้องสิ ไดอาน่า"

    ทำให้เธอทราบชื่อคนที่แทนตัวเป็นพี่สาวของเธอคนนี้ในที่สุด

    "ไวโอเล็ต" เมื่อทราบแล้วเธอก็กระซิบตอบกลับไป แอบมองไดอาน่าด้วยหางตาและพบว่านัยน์ตาสีดำสนิทของมองเธอไม่วางตา

    เธอแอบพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ

    "ชื่อเพราะ" นางว่าแล้วเอาใบหน้าออกห่างไปในที่สุด เธอเลยมองสำรวจสถานที่แห่งนี้บ้าง มันใหญ่เกินกว่าที่เธอจะมองหมดโดยไม่เดินดู "จำพี่ได้ไหม เราเคยเจอกันครั้งหนึ่งแล้ว ที่พระราชวังของแม่เราในโลกนี้"

    "..." เธอย่นคิ้วแล้วส่ายศีรษะ

    ไวโอเล็ตมาโลกนี้ไม่บ่อย เรียกได้ว่าสิบปีสองครั้งเท่านั้น ท่านนาตาเลียไม่อยากให้เธอมาเกี่ยวข้องกับเรื่องทางนี้ ที่นี่ไม่ใช่ที่ของเธอ แต่...ไดอาน่าบอกว่าเราเคยเจอกันมาก่อน

    แล้วนางถามชื่อเธอทำไมหากนางยืนยันว่าเราเคยเจอกัน

    เธอรู้ตัวว่าเป็นเด็กฉลาด และหากสงสัยเธอจะถาม ยังไม่ทันได้เอ่ยปากพูดก็ต้องหยุดเมื่อนางกระซิบต่อ

    "ตอนนั้นเราเด็กมาก อาจประมาณห้าขวบ ตัวเล็กมาก น่ารักน่าหยิก" แล้วนางก็ขำออกมาอย่างชอบใจ เธอไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองต้องมานั่งรำลึกความหลังกับผู้หญิงที่จำทั้งชื่อและหน้าไม่ได้ด้วย

    แผ่นหลังเธอสัมผัสได้ถึงเรือนอกอวบเมื่อนางดึงให้เธอเบียดชิด ในนี้มีสิ่งที่เรียกว่าเครื่องทำความร้อนอยู่จริง แต่อากาศมันก็ยังหนาว เธอแก้มร้อนฉ่าเพราะไม่เคยใกล้ชิดกับคนที่ไม่คุ้นเคยขนาดนี้ ถึงนางอาจจะอ้างได้ว่าในนี้หนาว แต่มันก็ไม่ใช่ข้ออ้างสักหน่อย

    จะดิ้นให้ปล่อย จะโวยวายก็ยังไงอยู่ เสียมารยาทไม่พอยังเสียหน้าท่านแม่อีก

    "ไม่เห็นต้องเกร็งขนาดนั้นเลย" นางกระซิบข้างหูเธอ

    มือเรียวกุมมือเธอไว้ทั้งสองข้างแล้วนำมาวางไว้บนตัก นางแอบลูบมือเธอด้วย

    ไวโอเล็ตจ้องเขม็งไปยังท่านแม่ของตัวเอง

    ท่านแม่...ลูกสาวถูกลวนลามแล้ว สนใจหน่อย

    "เราไม่ชิน" เธอตอบกลับไปเป็นภาษาอังกฤษ ถึงจะออกเสียงยากนิดนึงก็ไม่เป็นไร ถือว่าอยู่ในจุดที่พอถูไถได้อยู่ "พี่ไม่ควรเข้าใกล้ขนาดนี้"

    นางคลี่ริมฝีปากเป็นรอยยิ้ม ดูชอบใจที่เธอเรียกว่านางว่าพี่ เห็นแทนตัวแบบนั้นมา เธอก็เรียกแบบนั้น

    แขนข้างหนึ่งของนางลากผ่านเพื่อโอบเอวเธอ ความร้อนแผ่ซ่านอยู่ตรงนั้น แล้วนางก็เงยหน้าขึ้นเพื่อคุยกับท่านแม่ของเธอ

    "ท่านเตียวเสี้ยน ฉันขอพาไวโอเล็ตไปเดินเล่นใกล้ๆ แถวนี้ได้ไหม"

    ท่านแม่เหลือบมามองเราเล็กน้อยอย่างพิจารณา ก่อนเอ่ยตอบ

    "เอาสิ"

    หลังจากนั้นไวโอเล็ตก็ได้ลงมาจากตัวพี่สาวคนนี้สักที นางจับมือเธอไว้แล้วพาไปยังลิฟท์ที่เธอเพิ่งใช้มันขึ้นมาแล้วกดชั้นล่าง เธอมองปุ่มชั้น ขณะเดียวกันก็รู้สึกได้ว่านางบีบมือเธอแน่นขึ้น

    "ที่นี่สวยรึเปล่า" นางถามเธอ ในสายตาคนอื่นเราอาจดูเหมือนพี่สาวน้องสาวที่มาเดินเล่นทั่วๆ ไป แต่มันไม่ใช่ "เราชอบไหม"

    "ก็ดีค่ะ" เธอตอบขณะกวาดตามองผู้คนรอบๆ มองเห็นร้านขายอาหารและร้านขายขนมประปราย มันดูน่ากินดี แต่เธอไม่อยากเอ่ยปากขอไดอาน่า จนกระทั่งนางพาเธอมานั่งในร้านเล็กๆ ร้านหนึ่งที่คนไม่เยอะมากนัก

    "เอาคาปูชิโน่แล้วก็นมร้อนอย่างละแก้วค่ะ" นางสั่งโดยไม่ถามความเห็นเธอ

    ไวโอเล็ตไม่ปฏิเสธหรอกว่าชอบกินนม แล้วนางทราบได้ยังไง

    "ขอบคุณค่ะ" เธอพูดตามมารยาท

    แวบหนึ่งเธอก็คิดถึงเพื่อนสนิทของตัวเองขึ้นมา เมื่อตอนบ่ายเกือบเย็นเธอไปเล่นกับลอเรียลมา และแวนไฮล์ก็เกือบถูกหมีตะปบไปแล้ว

    หากท่านแม่ไม่มาตามเพราะต้องพาเราสองคนมาที่นี่เธอก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าสภาพน้องชายฝาแฝดจะเป็นยังไงบ้าง...ไม่สิ ตรงนั้นยังมีท่านอันนาอยู่

    พอนึกถึงท่านอันนากับลอเรียลพร้อมกันเธอก็เริ่มปวดหัวแปลกๆ เธอเป็นคนเดียวรึเปล่าที่ดูออกว่าสองคนนั้นชอบพอกัน ทำไมต้องทำท่าทางแบบนั้นใส่กันด้วยก็ไม่รู้

    ระหว่างที่ยังคิดอยู่ เสียงของไดอาน่าก็ฉุดเธอให้หลุดออกจากภวังค์

    "อยากกินขนมอะไรรึเปล่า"

    ขนมทำให้เธอหูผึ่ง

    ก็เธอยังเป็นเด็กนี่ ถูกล่อลวงให้สนใจเพราะคำว่าขนมก็ไม่แปลกหรอก

    "มาสิ" ไดอาน่าจับมือเธออีกครั้งแล้วพาเดินไปยังหน้าตู้ที่โชว์ขนมมากมาย ขนมที่เห็นเป็นพวกขนมเค้ก แต่ขนมเค้กที่โลกของเธอเป็นขนมของพวกชนชั้นสูงเท่านั้น เป็นขนมในวังที่ใช่ว่าทุกคนจะได้กิน

    เธอได้กินบ่อย แต่คิดอีกทีเธอก็ไม่ได้กินมันมาสักพักแล้ว ช่วงหลังท่านแม่ไม่อยากให้เธอกินบ่อยเท่าแต่ก่อน

    "ไดอาน่า" จากนั้นเสียงของผู้ชายสักคนก็ดังขึ้นด้านหลังเรา คนถูกเรียกชื่อหันไปแล้วดูแปลกใจที่เห็นเขา คิดว่าคงเป็นคนรู้จัก เธอสังเกตผมสีบลอนด์สว่างกับนัยน์ตาสีเทาของเขาแล้วเบือนสายตามามองขนมเค้กต่อ "แปลกจังที่เจอคุณเวลานี้"

    ยังได้ยินเสียงเขาคุยกับไดอาน่าอยู่

    จนนางโน้มตัวลงมาพูดกับเธอ

    "สั่งเป็นใช่ไหม สั่งแล้วกลับไปนั่งโต๊ะเดิมเลย" ว่าจบก็หันไปคุยกับผู้ชายคนนั้นต่อ

    เธอชี้เค้กสามสี่ชิ้นที่ดูน่ากินมากๆ แล้วรับจานใบใหญ่ที่มีขนมของเธอวางอยู่จากคนขายมาถือไว้ก่อนเดินกลับมานั่งที่โต๊ะตามคำสั่ง

    ไวโอเล็ตตัดเค้กเป็นชิ้นเล็กแล้วตักเข้าปาก มองไดอาน่าที่หัวเราะอยู่กับผู้ชายคนนั้นไปด้วย

    ไม่ได้ตั้งใจมองหรอก ก็มุมที่เธอนั่งมันเห็นได้พอดีต่างหาก

    แต่ก็อดคิดน้อยใจไม่ได้

    นี่เรามาด้วยกันรึเปล่า ทำไมนางไม่สนใจเธอ

    หลังจากกินเค้กหมดไปสองชิ้นนางก็คุยเสร็จพอดี เธอเมินไม่สนใจเมื่อนางนั่งลงข้างๆ

    "ทำไมทำหน้างอนแบบนั้น" ไดอาน่าถามอย่างรู้ทัน นี่เธอแสดงออกมาขนาดนั้นเลยเหรอ "โกรธที่พี่คุยกับคนอื่นนานรึเปล่า"

    "..." เธอไม่ได้ตอบอะไร จากรูปประโยคแสดงว่าผู้ชายคนเมื่อสักครู่ไม่ใช่เพื่อน

    นางวางมือลงบนศีรษะของเธออย่างนุ่มนวล

    "พี่ขอโทษได้ไหม ถ้าเราอยู่ด้วยกันจะไม่ทำแล้ว สัญญา"

    ทำไมต้องอ่อนโยนกับเธอ เราสนิทกันไหม ก็ไม่นี่ แล้วมาทำเธอใจอ่อนปวกเปียกแบบนี้ทำไม อยากโกรธต่อนะ แต่...

    เธอยังไม่ตอบอะไร จังหวะเดียวกับที่นางเนียนใช้มือโอบเอวเธอนมร้อนก็ถูกยกมาเสิร์ฟพอดี

    "นะ..." ปลายนิ้วร้อนสัมผัสกับติ่งหูเธอ

    "อย่ามาจับหูเรา" เธอขมวดคิ้ว "ไปไกลๆเลย มานั่งใกล้ขนาดนี้ไม่กลัวเรากินเลอะเหรอ"

    "แล้วหายโกรธรึเปล่า" นางถามอย่างลอยหน้าลอยตา ไม่ยอมขยับออกไปด้วย

    สุดท้ายเธอก็เลิกสนใจแล้วพิจารณาคำถามนางแทน

    "อื้อ" เธอครางตอบรับไปเบาๆ

    ได้ ให้อภัยก็ได้ เห็นแก่เค้กกับนมร้อนแล้วกัน

    ไวโอเล็ตทราบดีว่าในการกระทำแบบนั้นมีอะไรแฝงอยู่ มีอยู่สองอย่างคือหากไม่ชอบเธอ นางก็คงเป็นคนที่ทำแบบนี้ได้โดยไม่คิดอะไรเลย ซึ่งเธอยังไม่แน่ใจว่ามันคือแบบไหนกันแน่เพราะเราเพิ่งรู้จักกัน

    แล้วเธอจะทำอะไรในเมื่อไม่รู้ อันนี้เธอก็ไม่รู้เหมือนกัน อาจจะกินต่อ

    เธอปล่อยให้มือนางวางอยู่บนเอวแบบนั้น อีกมือนางกดอะไรสักอย่างอยู่ สิ่งนั้นเรียกว่าโทรศัพท์มือถือ

    "กินไม่อิ่มจะไปสั่งอีกก็ได้" นางผละจากโทรศัพท์ครู่หนึ่งแล้วเงยหน้าขึ้นมองเธอที่กำลังกินนมร้อน "ไม่ว่ากันอยู่แล้ว"

    "พี่แปลกคน" เธอตอบเมื่อวางแก้ว

    "แปลกยังไง"

    นางถามกลับมาระหว่างที่หันไปหยิบกระดาษแผ่นบางๆมาให้เธอเช็ดปาก เธอเช็ดเสร็จก็วางมันลงบนโต๊ะแล้วตอบ

    "ปกติมนุษย์ที่นี่ทำกับคนไม่รู้จักแบบนี้ทุกคนเลยเหรอ แล้วแตะต้องร่างกายกันเป็นเรื่องปกติหรือไง ทำไมพี่ถึงเอาเรื่องนั้นมาใช้กับเรา"

    "ก็เรื่องปกติ" นางยิ้มหวาน "แค่มันปกติกับคนรักกัน"

    "..."

    "ที่สำคัญอย่าลืมว่าเราไม่ใช่คนไม่รู้จักกันเสียทีเดียว"

    "ชอบเราเหรอ" ไวโอเล็ตถามออกไปตรงๆ เธอจ้องหน้าไดอาน่าเพราะต้องการคำตอบ

    "ใช่ รังเกียจหรือเปล่า" นางดูไม่เครียดเลยกับการตอบคำถามเธอ ราวกับว่าต่อให้นางโดนปฏิเสธจากเธอไปจริงๆ นางก็ยังสามารถมีความสุขกับเรื่องนี้ได้

    แต่ถ้าถามว่ารังเกียจไหมเหรอ...ก็ไม่

    "ไม่ค่ะ" เธอตอบแล้วกินเค้กต่อไป ไม่หันไปมองสีหน้านางด้วยซ้ำ

    มันเป็นเรื่องเข้าใจยากที่ท่านแม่เคยสอนเธอเอาไว้ และคำสอนที่ว่า 'อย่าแสดงความสนใจใครมากเกินไป สงวนตัวไว้บ้าง' ก็ติดอยู่ในหัวเธอตลอด

    เธอกลัวว่านางจะคิดว่าเธอก็สนใจนางเหมือนกันน่ะเลยไม่มอง

    ก็เธอยังไม่รู้เลยว่าตัวเองรู้สึกยังไงกับนาง

    คนเราจะหลงชอบคนที่เจอหน้ากันไม่ถึงชั่วโมงได้ยังไง

    "เหรอ งั้นพี่โอบแบบนี้ต่อไปได้?" นางถามแล้วกระชับเอวเธอแน่นขึ้น

    "อยากทำอะไรก็ทำค่ะ" เธอตอบคำถาม อยากทำอะไรก็ทำไปสิ เธอไม่ได้มองการทำแบบนี้จะเสียหายกับตัวเธอสักหน่อย

    "แปลว่าพี่ทำอะไรกับเราก็ได้เหรอ" คำถามนั้นทำเธอชะงัก ทำไมประโยคมันแปลกขึ้น หรือเธอคิดไปเอง

    จังหวะนั้นหน้าจอโทรทัศน์ที่ติดอยู่บนผนังก็เปิดขึ้น มันอยู่ตรงข้ามเธอพอดี ที่เปิดอยู่เป็นข่าวอาชญากรรมที่มีผู้หญิงคนหนึ่งกำลังพูดว่า

    'เมื่อตอนเช้าตรู่เกิดเหตุลักพาตัวเด็กสาววัยสิบสองเป็นครั้งที่สองในรัฐแคลิฟอร์เนียร์ แต่ทางกรมตำรวจสามารถตามจับชายผู้ต้องสงสัยไว้ได้ ตอนนี้ผู้ต้องสงสัยรับสารภาพและให้การแก่ตำรวจว่าได้กระทำชำเราเด็กหญิงจริง ซึ่งผิดกฎหมาย...'

    จากนั้นโทรทัศน์ก็เปลี่ยนช่องไป จากความรื่นเริงเหมือนมีเทศกาลบางอย่าง เธอเลยคิดว่าข่าวแบบนั้นคงไม่เหมาะกับการเปิดให้ดูเท่าไหร่

    เพลงทำนองไพเราะลอยมาเข้าหูเธอ

    "เมื่อกี้มันผิดยังไงคะ" ไวโอเล็ตถาม เธอเห็นหน้าชายคนร้ายที่ถูกสีดำพาดปิดตรงลูกตาด้วย

    "ข่าวเหรอ" ไดอาน่าถามเหมือนทวนให้ตัวเองรับรู้เฉยๆ "มันเป็นกฎหมายที่นี่ หากพรากผู้เยาว์และกระทำอนาจารเด็กหญิงอายุต่ำกว่าสิบแปดปีถือว่ามีความผิด"

    "แล้วพี่ทำอยู่รึเปล่า" เธอย้อน เธอยังเพิ่งสิบสามเท่านั้น

    "รู้เหรอว่าพรากผู้เยาว์คืออะไร" นางส่งยิ้มเอ็นดูมาให้เธอ "แล้วเคยเห็นรึเปล่าว่าทำแบบไหนถึงจะเรียกว่าพรากผู้เยาว์"

    เธอส่ายศีรษะเป็นคำตอบ

    "เคยเห็นท่านเตียวเสี้ยนกับราชินีจูบกันรึเปล่า" คำพูดนี้นางกระซิบเสียงเบา คงกลัวว่ามนุษย์คนอื่นจะได้ยินเข้า "พรากผู้เยาว์ก็คล้ายๆ แบบนั้น... แค่มันไม่หยุดอยู่ตรงปากที่แตะกันหรอก มันจะยิ่งกว่านั้น"

    "แล้วมันหยุดอยู่ตรงไหน" เธอถามต่อเพื่อสนองความอยากรู้ของตัวเอง

    "ก็ตรงนี้..." นางวางโทรศัพท์แล้วยื่นอีกมือมาแตะหน้าท้องเธอ "หรือไม่ก็เลื่อนลงไปต่ำกว่านั้นอีกนิดหน่อย"

    หัวใจเธอเต้นแรงมากๆ เมื่อมือข้างนั้นทำตามที่ว่าไว้...

    หมับ!

    เธอคว้ามือนางไว้ทันแล้วเผลอถอนหายใจ

    ระทึกไปหมด

    "อย่า" ไวโอเล็ตกระซิบห้าม ไม่ตลกเลยแบบนี้ ใจเธอแทบหล่นลงไปกองอยู่ที่เท้า "เรารู้แล้ว ไม่ต้องทำแบบนั้นแล้ว"

    เธอมีร่างกายเหมือนผู้หญิงธรรมดาทั่วไป ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าหากนางเลื่อนลงไปต่ำกว่านี้มันจะ... สัมผัสกับอะไร เผลอนิดเผลอหน่อยเป็นไม่ได้ คิดลวนลามตลอด คนอะไรทำไมฉวยโอกาสแบบนี้

    แต่คำอธิบายที่ประกอบมากับการกระทำ รวมถึงสิ่งที่พูดก่อนหน้านี้วนอยู่ในหัวเธอ

    ปากที่ไม่ทำแค่จูบ แต่เลื่อนลงไปต่ำกว่าหน้าท้องเหรอ...

    ไวโอเล็ตคิดว่าตัวเองต้องหน้าแดงมากแน่ๆ เธอเลยรีบเร่งกินเค้กให้หมดแล้วลุกขึ้นยืนเพื่อปิดบังท่าทางน่าสงสัยของตัวเองไว้

    หากยังนั่งต่อไปเธอต้องไม่ไหวจะรับมือ ที่ตรงนั้นน่ะหากไม่ใช่โต๊ะข้างกันก็ไม่มีใครมองเห็นนางหรอก พวกเขาอาจเห็นแค่เด็กคนเดียวนั่งกินเค้กอยู่เท่านั้นเอง

    "ไปกันเถอะ" เธอพูดกับไดอาน่า "อยากไปที่อื่นแล้ว"

    นางไม่อิดออด ยอมเดินไปเช็คบิลแล้วจูงมือเธออีกครั้ง เมื่อเธอรู้ทุกอย่างในใจนางแล้วเธอกลับไม่สามารถจับมือข้างนั้นได้โดยสนิทใจเหมือนตอนมา มือเธอร้อนผ่าวไปหมดเพราะความรู้สึกแปลกในอก

    "เราอยากกินอะไรอีกไหม" นางถาม

    เธอไม่ได้ตอบในทันทีระหว่างที่เดินอยู่ เพราะสัมผัสได้ว่านางเงียบไปแล้วหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมามอง

    โทรศัพท์มือถือเป็นเครื่องมือสื่อสารของคนในโลกนี้...เธอคิดว่าอาจมีใครสักคนกำลังติดต่อนางอยู่ผ่านทางมือถือเครื่องนั้น

    "ไหนพี่บอกว่าจะไม่คุยกับใครไง" ไวโอเล็ตดึงมือนางไว้ เธอไม่ได้ตั้งใจงี่เง่า เธอแค่ทวงสัญญาที่นางให้ไว้เท่านั้น

    รอดูว่านางทำได้ตามที่สัญญาไว้ไหม หากไม่เธอก็ไม่มีอะไรพูดแล้ว ถือว่าที่นางพูดมาทั้งหมดเป็นเรื่องโกหก

    "..." นางหลุบสายตามองเธอโดยไม่พูดอะไร

    ก่อนเก็บโทรศัพท์มือถือของตัวเองไป

    "ค่ะ" เธอตอบรับการกระทำของนางแล้วเป็นฝ่ายก้มหน้าหลบสายตาบ้าง

    "ที่จริงแถวนี้มีงานจัดแสดงของพวกเด็กๆ อยู่ อยากไปไหม" นางเปลี่ยนเรื่องเพื่อให้บรรยากาศระหว่างเราเปลี่ยน

    "หากพี่อยากพาไป เราไปก็ได้ค่ะ" เธอพยักหน้าพลางตอบ ปกติเธอก็ไม่ค่อยสนใจอะไรแบบเด็กๆ อยู่แล้ว เธอโตแล้ว เพียงแต่นิสัยการกินยังเหมือนเด็กอยู่ สักพักเธอคงเลิกติดขนมหวานๆ ได้เอง

    ที่สำคัญเธอเองก็อยากเดินสำรวจที่นี่ให้มากที่สุด นาน ๆทีจะมีโอกาสได้มา อยากทำอะไรก็ต้องทำ

    "คนเยอะ" เธอบ่นเมื่อไดอาน่าพามาถึงในงาน ที่นี่มีแต่อะไรก็ไม่รู้ ชายตัวใหญ่ในชุดแดงถือลูกกวาดแจกให้เด็กที่ตัวเล็กกว่าเธอหลายคน ในงานมีแต่ผู้หญิง...ไล่ตั้งแต่คนแก่ ยันวัยสาว และเด็ก มีผู้หญิงสองสามคนที่เห็นไดอาน่าแล้วเดินมาทางนี้ ทำให้เธอดึงมือกลับมาจากมือนางในที่สุด

    ดูแล้วคนน่าจะรู้จักนางเยอะ เธอไม่ควรเป็นตัวกวน สัญญาอะไรนั่นก็คงไม่ต้องสนใจมันแล้ว

    "คุยก่อนสิ" ไวโอเล็ตพยักเพยิดไปยังผู้หญิงพวกนั้น จนกระทั่งพวกนางเดินมาถึงก็จับไม้จับมือไดอาน่าทันที

    "ไม่คิดว่าเธอจะมาเดินงานเด็กเล่นแบบนี้" หนึ่งในนั้นหัวเราะเสียงใสแล้วใช้กอดแขนไดอาน่าอย่างสนิทสนม ผู้หญิงคนนี้หน้าตาน่ารักเอาเรื่องอยู่ ดูเป็นผู้หญิงสวยใสแต่ไม่ไร้สมอง

    "..." ไดอาน่ายิ้มอย่างเงียบเชียบแล้วเหลือบมองเธอ

    เธอโดนผลักออกมาจากกลางวงนั้นน่ะ ไม่รู้เหมือนกันว่ามือใคร ไม่ทันได้มองด้วย

    "ไม่บอกก่อนว่าจะมาที่นี่ ฉันได้ทิ้งให้ลูกชายนอนอยู่บ้านไปก่อน" ผู้หญิงอีกคนพูด คนนี้ดูหน้าตาเหวี่ยงหน่อยๆ

    ส่วนคนสุดท้ายยืนมองอยู่เงียบๆ ไม่ได้มีท่าทางจะเข้าหาไดอาน่าเหมือนอีกสองคน

    อะไรบางอย่างบอกไวโอเล็ตว่าไดอาน่าเสน่ห์แรงพอตัว

    ไม่ว่าจะกับผู้หญิงหรือผู้ชาย

    แต่คนคนนี้กลับบอกว่าชอบเธอ

    "ขอโทษที ฉันไม่ว่างหรอก พอดีมากับ..." ไดอาน่าดึงมือผู้หญิงคนแรกออก ตามด้วยการดันคนที่สองให้ออกห่างตัว นางเดินมาหาเธอแล้วย่อตัวลงนั่งในระดับสายตาเดียวกัน

    "มากับน้องสาวเหรอ...น่ารักจัง" ผู้หญิงคนแรกมองเธอด้วยสายตาเรียบนิ่ง แตกต่างกับคำพูดโดยสิ้นเชิง

    "..." คนที่สองมองมาอย่างไม่เป็นมิตร ราวกับเธอเป็นมารขัดความรัก

    เพื่อตัดปัญหา เธอควรชิงตอบกลับไปเลยว่า 'ใช่' เธอควรไปจากตรงนี้ ไม่อยากอยู่กับคนพวกนี้แล้ว เธออึดอัดมากจริงๆ

    "..." จู่ๆ ลำคอเธอก็แห้งผากอย่างน่าสมเพช

    "เปล่าหรอก" ไดอาน่าชิงตอบแทน นางจับมือเธอไว้แล้วลุกขึ้นยืน เธอไม่แน่ใจว่านางทำสีหน้าแบบไหนอยู่ แต่น้ำเสียงนั้นห่างเหินและเย็นชามากกว่าปกติ "ไม่ใช่น้องสาว"

    "..."

    เกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะหนึ่งระหว่างพวกเรา

    "ขอตัวก่อน"

    นางดึงเธอให้เดินออกมาจากตรงนั้น กลับไปยังทิศทางเดิมที่เคยเดินมาด้วยกัน เมื่อห่างออกมาได้สักพักนางก็พูด

    "พี่ขอโทษ...โกรธรึเปล่า"

    "โกรธอะไร" เธอถามกลับไป

    "ที่ผู้หญิงพวกนั้นมาวุ่นวายด้วยไง" นางถอนหายใจเสียงดังราวกับหนักใจมากๆ "พวกเขาทำงานที่เดียวกับพี่ หมายถึงงานบังหน้าอะไรแบบนั้น ปกติพี่ก็ไม่เคยคิดอะไรหรอก แต่มาวันนี้มันเริ่มน่ารำคาญแล้ว"

    "อื้อ" เธอตอบรับเรียบๆ เพราะไม่รู้จะตอบยังไง

    "เรากลับกันดีกว่า"

    ใช้เวลาไม่กี่นาทีในการเดินกลับมาที่เดิมแล้วขึ้นลิฟท์ไปยังห้องพักที่เป็นของเราทั้งชั้น แต่ความเงียบทำให้เธอแอบคิดว่านางคิดอะไรอยู่

    "ไปอาบน้ำนอนก่อนเลย ในห้องพี่" ด้านนอกไม่มีใครอยู่แล้ว คาดว่าทุกคนคงแยกย้ายกันเข้าห้องหมด เวลานี้เธอก็เริ่มง่วงนอนแล้วเหมือนกัน แต่ติดตรงที่ว่าเธอยังสงสัยว่าทำไมต้องห้องนาง

    "ห้องพี่เหรอ"

    "ใช่"

    "ทำไม"

    "ราชินีนาตาเลียจะมาที่นี่ นอนห้องเดียวกับท่านเตียวเสี้ยน ตอนนี้บรูซเองก็น่าจะเอาแวนไปเล่นห้องเขาและคงนอนที่นั่น เราเองก็ไม่ควรกวนราชินีกับท่านเตียวเสี้ยน"

    กวนเหรอ...

    "เราไม่เคยกวนท่านแม่กับท่านนาตาเลีย" เธอส่ายศีรษะปฏิเสธ

    "งั้นนอนห้องเดียวกับพี่" นางดึงเธอให้ไปหยุดอยู่หน้าห้องห้องหนึ่งแล้วจัดการเปิดประตูเข้าไป ห้องนอนใหญ่มากสมกับสถานที่ "อาบน้ำเป็นไหม หรือต้องอาบให้"

    "ไม่เป็น แต่เราไม่อยากให้พี่อาบให้"

    เพราะพี่กาม

    และที่ตอบว่าไม่เป็นน่ะ เพราะที่นี่อาจมีอะไรน่าปวดหัวเยอะ การอาบน้ำในโลกของเธอไม่น่าปวดหัวขนาดนั้น

    "ตามสบายเลย แต่อย่าทำอะไรพังแล้วกัน" นางส่งยิ้มหวานมาให้แล้วผลุบหายออกไปเลย

    เธอขมวดคิ้วด้วยความงุนงง มองประตูที่ปิดไปแล้วหันหน้ามองรอบห้อง ใช้เวลาสำรวจครู่หนึ่งก็เดินเข้าไปในห้องน้ำที่มีผ้าเช็ดตัววางไว้พร้อม ส่วนที่เหลือเป็นเสื้ออะไรสักอย่างที่ยาวกว่าตัวเธอ

    ใช้เวลานานกว่าหนึ่งชั่วโมงในการอาบน้ำ เธอมองอุปกรณ์มากมายด้วยสายตาละเหี่ยใจ เล่นเอาเหนื่อยเลย

    เธอไม่มีชุดใส่ เลยไถลตัวลงนอนทั้งผ้าเช็ดตัว นอนดีๆ ก็ไม่หลุดหรอก

    ไดอาน่าไม่อยู่ในห้อง ยังไม่กลับมา

    เธอหลับตาลงเพราะความเหนื่อยอ่อนที่สะสมมาทั้งวัน...

    ฟุบ...

    แต่ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไหร่เธอก็ต้องตื่นขึ้นมาอีกครั้งเพราะเสียงที่เกิดขึ้น

    "อื้อ..." ก่อนส่งเสียงครางออกไปอย่างรำคาญใจ

    ไวโอเล็ตรู้สึกเหมือนร่างกายถูกกดทับด้วยความเปียกชื้นและกลิ่นหอมกรุ่น

    เธอพยายามลืมตาขึ้นมาอย่างยากลำบาก แต่ก็ทำไม่ได้เนื่องจากเปลือกตาหนักอึ้งเกินไป...และอะไรบางอย่างที่ยังทับเธอไว้ก็คงคิดว่าเธอหลับอยู่

    เพราะนางกระซิบประโยคนั้นออกมาให้เธอได้ยิน

    คำถามที่ไม่ใช่คำถาม...แต่ก็เหมือนไม่ใช่การบีบบังคับ

    "You know you are mine, right?" (เรารู้ใช่ไหมว่าเราเป็นของพี่?)

    ประโยคนี้...เราแปลออกนะพี่

    เธอนอนหงายอยู่ เลยรับรู้ได้ว่าผ้าห่มที่คลุมน่ะยังอยู่ จนกระทั่งนางเอื้อมมือมารั้งให้มันเลื่อนลงเท่านั้นแหละ

    เธอขนลุกวาบเมื่อมือของนางแตะลงที่ปมผ้าเช็ดตัว และก็หยุดชะงักไปราวกับไม่คาดคิดว่าเธอจะไม่ใส่อะไรนอน

    เธอปรือตาขึ้นอย่างยากลำบากแล้วเห็นว่าทั้งห้องมืดมิด

    แต่เธอยังเห็นสายตาของไดอาน่าในความมืดนั้น...

    มันเหมือนกับสายตาของพวกสัตว์นักล่าที่อยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหารไม่มีผิด

    วินาทีต่อมา...เราเผลอสบตากันโดยไม่ได้ตั้งใจ

    "จะกินเราเหรอ" เป็นเธอเองที่หลุดปากถามออกไปตรงๆ

    เกิดความเงียบขึ้นหนึ่งอึดใจ เป็นความเงียบที่ติดเรทมาก เพราะพอตาเริ่มชินกับความมืดก็เห็นแล้วว่าไดอาน่าใส่แค่เสื้อยาวๆ ตัวเดียว

    เธอเลื่อนลงต่ำแล้วเห็น...ขาอ่อน

    "เปล่า" นางกระซิบตอบ ทำให้เธอกระพริบตาอย่างมึนๆ กับคำตอบนั้น

    "แล้วคร่อมเราทำไม แถมยัง..."

    แถมยังใส่ชุดโชว์เนื้อโชว์หนังอีก

    คิดว่าเราจะหลงพี่ไหม

    อืม...

    ก็ไม่แน่

    "ก็คิดว่าหลับแล้ว" นางถอยตัวกลับไปนั่งตรงปลายเท้าเธอ นัยน์ตาแบบเดิมหายไปแล้ว กลายเป็นสายตาที่ดูจริงใจมากแทน

    "เล่นทีเผลอนี่ชอบเหรอ" เธอยกมือกุมปมผ้าเช็ดตัวของตัวเองไว้แน่นขณะลุกขึ้นนั่ง ไม่ห่วงช่วงล่างเท่าไหร่เพราะยังอยู่ในผ้าห่ม เธอมองขนาดหน้าอกตัวเอง มีบางคนบอกว่าเธอโตไวกว่าเด็กอายุสิบสาม

    "ทำไมถามแบบนั้น" นางยื่นปลายนิ้วมาแตะแก้มเธอราวกับยังกล้าๆกลัวๆอยู่

    ทำเราขนาดนี้พี่ยังกลัวอะไรอีกเหรอ

    "หมายความว่ายังไงคะ" เธอปล่อยให้นางจับแก้มอยู่แบบนั้น เธอยังรู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่หากไม่เลยเถิดไปมากกว่านี้ เผอิญว่าเธอเป็นคนไม่ค่อยคิดอะไรมากถ้าหากไม่เห็นต่างจริงๆ "หรือพี่คิดอะไรอยู่ในใจ"

    คำพูดของเธอตีได้เป็นสองความหมาย เชิงลึกกับคิดตื้น

    ท่านแม่กับท่านนาตาเลียชอบใช้คำพูดแบบนี้ตอนที่อยู่ต่อหน้าเธอ แต่ประเด็นคือพอเริ่มโตขึ้นมาเธอก็เริ่มแปลว่ามันแปลว่าอะไรบ้าง ซึ่งที่เธอบอกนางว่า 'ไม่เคยกวนท่านแม่กับท่านนาตาย่า' เพราะว่าเธอรู้เสมอว่าตอนไหนท่านทั้งสองอยากอยู่ด้วยกันนานๆ แบบข้ามวันข้ามคืน

    แต่ฟังจากคำถามของไดอาน่า เธอคิดว่านางตกหลุมลึกของเธอมากกว่า

    "ก็..." นางทำท่าทางราวจะพูด แต่ก็ไม่พูด

    ดีแล้ว ไม่ต้องพูดหรอก เธอยังอยากใสซื่อแบบนี้ไปเรื่อยๆ

    "ไม่มีอะไรจะพูดก็นอนเถอะค่ะ" ไวโอเล็ตพ่นลมหายใจ "ง่วงแล้ว"

    "เดี๋ยว" นางรั้งเธอไว้แล้วเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ ครั้งนี้ใกล้กว่าเดิมแต่ไม่ทับเธอให้อึดอัด ดวงตาคู่สวยในระยะประชิดตรึงสายตาเธอไว้

    "มีอะไรคะ" เธอกระซิบเสียงเบา

    "จูบได้ไหม" คำถามนั้นมาพร้อมกับหัวใจที่เริ่มเต้นแรงของเธอ "รู้ว่ายังเด็ก แต่..."

    "..."

    "นะ"

    สายตาของนางเว้าวอนเธอ มือของเธอเลื่อนขึ้นไปสัมผัสใบหน้านางอย่างจงใจ เธอรู้ดีว่าตัวเองทำอะไรอยู่ รู้ดีว่าต่อไปนี้จะเกิดอะไรขึ้น แต่เธอก็ยินยอม แค่จูบทำไมต้องยอมไม่ได้

    ริมฝีปากอุ่นร้อนของนางแตะลงมาบนกลีบปากของเธออย่างแผ่วเบาในวินาทีนั้น ก่อนจะค่อยๆ แนบแน่นมากขึ้น ลึกซึ้งยิ่งขึ้น เธอหลับตาลงและปล่อยให้ตัวเองเผลอตัวไปกับสัมผัสนั้น ร่างกายถูกดันให้นอนราบไปกับเตียง วงแขนของนางกักตัวเธอไว้

    เรียวลิ้นของเราแตะกัน รสชาติซาบซ่านของยาสีฟันกลั้วอยู่ในปากเธอ

    นางเว้นช่วงให้เธอหายใจเป็นระยะเวลาสั้นๆ และกดริมฝีปากลงมาใหม่ กดย้ำจนเธอรู้สึกได้ถึงความปริแตกและความชอกช้ำของตัวเอง เธอตาลายเล็กน้อยเพราะอุณหภูมิร่างกายของเราสองคน

    หลังจากเราผละออกจากกันอีกรอบ เธอบีบแขนนางแน่น และไม่ทราบว่าอะไรดลใจให้ถามออกไป

    "เคยมีอะไรกับใครไหมคะ"

    "เคย"

    นางตอบกลับมาตรงๆ และไม่เสียเวลาคิดเลยด้วยซ้ำ เธอพิจารณาใบหน้าสวยของหญิงสาวบนร่างและทราบว่านางไม่ได้โกหก

    "นอนกันเถอะ" เธอชวนอีกรอบ "พี่ได้จูบแล้ว พี่พอใจแล้ว เรานอนได้แล้ว"

    เธอพลิกตัวหันข้างแล้วหลับตาลง นางคงมึนไม่น้อยที่จู่ๆ เธอก็เมินไปเลย แต่เธอง่วงไง ถึงจริงๆ มันจะไม่ใช่แค่นั้นก็เถอะ ซึ่งสุดท้ายนางก็นอนลงบนเตียงแล้วกอดเธอไว้จากด้านหลัง

    ถึงแม้สิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นไปจะเป็นจูบแรกของเธอ แต่เธอตัดสินใจไม่พูด

    เราร้อนในอก เรานอนดับร้อนดีกว่า


    ไดอาน่ามองไวโอเล็ตที่หลับไปแล้วด้วยสายตาเอ็นดู เธอยังจำภาพนางเมื่อหลายปีก่อนได้ดี ครั้งแรกที่เราเจอหน้ากัน

    วันนั้นเมื่อแปดปีก่อนท่านนาตาเลียเรียกตัวเธอไปเจอที่พระราชวังในประเทศจีน เมื่อเธอเดินทางไป สิ่งแรกที่เห็นคือเด็กน้อยวัยห้าขวบที่มีสีหน้าบึ้งตึงและท่าทางใกล้ร้องไห้อยู่ร่อมร่อ

    เมื่อเธอเดินเข้าไปถามว่า มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง มากับใคร แม่อยู่ที่ไหน เธอได้รับผลตอบแทนเป็นเสียงร้องไห้ดังลั่นกับฝ่ามือที่ทุบตีเธอ คำคำเดียวที่เด็กคนนั้นพูดออกมาคือ 'หิวนม' แต่เธอยังมึนๆ เลยไม่ได้สนใจ

    จนกระทั่งมือเล็กวางลงบนหน้าอกเธอ ทำให้เธอผวาเฮือก และเธอตอบกลับไปราวๆ ว่า 'นมพี่กินไม่ได้'

    เด็กน้อยเลยซบใบหน้าที่เปียกไปด้วยน้ำตาลงบนไหล่ของเธอ เธออุ้มร่างเล็กขึ้นมา เริ่มสงสารท่าทางที่ทำราวกับว่าหากไม่ได้กินนมต้องตายแน่ของนาง

    แต่จังหวะนั้นท่านเตียวเสี้ยนก็เดินออกมาเจอ สีหน้านางวิตกกังวลจนเมื่อเห็นเด็กคนนี้อยู่กับเธอก็ดูโล่งใจขึ้น นางเดินเข้ามาเอาตัวเด็กไปจากเธอ กล่างขอบคุณเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยินแล้วเดินออกไปเลย

    นางหันหลังให้เธอ ทำให้เธอได้เห็นหน้าเด็กคนนั้น

    วินาทีที่ดวงตากลมโตสบกับเธออีกครั้ง หัวใจเธอก็ถูกช่วงชิงไปตลอดกาล

    เธอมารู้เอาทีหลังว่าเด็กคนนั้นเป็นหนึ่งในลูกฝาแฝดของท่านนาตาเลียที่มีกับท่านเตียวเสี้ยน แต่เธอก็ยังไม่ทราบชื่อ เพราะไม่กล้าถาม

    ตอนนั้นท่านเตียวเสี้ยนยังเป็นแค่หญิงสาวอายุยี่สิบหกที่ขี้อายมากอยู่เลย ส่วนเธออายุสิบหกซึ่งโตไวมากราวคนอายุยี่สิบกว่าๆ เพราะพื้นฐานครอบครัวของเธอเองก็มาจากโลกของท่านนาตาเลีย

    แต่เดิมเธอเป็นชนเผ่าเล็กๆ ที่อาศัยอยู่บนเกาะแห่งหนึ่งที่ไม่ไกลจากดินแดนที่ท่านนาตาเลียครอบครองอยู่ ตอนที่เกิดสงครามเธอยังอายุไม่ถึงปี ยังเดินไม่ได้ด้วยซ้ำ ทุกคนบนเกาะนั้นตาย ส่วนท่านนาตาเลียที่นำทัพมาในครั้งนั้นเก็บเธอมาเลี้ยง เธอเป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับอนุญาตให้มีชีวิตอยู่

    นางเลี้ยงเธอได้ไม่กี่ปีก็ส่งเธอมาอาศัยอยู่ในโลกนี้...กับครอบครัวของมนุษย์ที่ชื่อ 'บรูซ เวย์น'

    เธอเป็นน้องสาวบุญธรรมของเขา และเมื่อเขาเปลี่ยนตัวเองไปเป็นแบทแมนหลังจากคุณลุงโทมัสกับคุณป้ามาร์ธ่าเสียชีวิต เธอก็เลยเปลี่ยนตัวเองเป็นวันเดอร์วูเมนเพื่อเขา ไม่อยากให้เขาต้องทำอะไรพวกนี้อยู่โดดเดี่ยว ยังไงความสามารถด้านการต่อสู้เธอก็เต็มเปี่ยมมาตั้งแต่เกิดแล้ว จะหยิบมันมาลับคมหน่อยคงไม่เสียหาย

    ขณะเดียวกันเธอก็เข้าทำงานบริษัทของบรูซเพื่อไม่ให้เป็นที่น่าสงสัยในสายตาคนปกติธรรมดา

    หลังจากนั้นเราก็ได้รู้จักกับคลาร์ก เคนท์ในฐานะเพื่อนใหม่ แล้วก็มารวมกลุ่มในภายหลังเพราะเราสองคนจับได้ว่าเขาคือซูเปอร์แมน

    ชีวิตเธอก็แค่นั้น เธอปรากฏตัวในฐานะวันเดอร์วูเมนไม่บ่อยเท่าคนอื่น แต่ก็รู้สึกว่าผู้หญิงที่ถือโล่และดาบคนนั้นเป็นอีกหนึ่งตัวตนของเธอที่จะอยู่กับเธอไปจนตาย

    จวบจนวันนั้นเธอไม่เคยพบเด็กน้อยคนนั้นอีกเลย จนกระทั่งวันนี้ ที่นางกลับมายืนอยู่ตรงหน้าเธอในฐานะเด็กสาวที่มีชื่อว่า 'ไวโอเล็ต'

    ไดอาน่าไม่หลับ เนื่องจากเธอแวะไปกินกาแฟที่ห้องครัวมา ซึ่งได้เจอกับคลาร์กที่เป็นคนอยู่สนทนากับท่านเตียวเสี้ยน

    เขาบอกเธอว่า...โจ๊กเกอร์ไปที่นั่น และต้องการให้เราคนใดคนหนึ่งไปพาตัวอาชญากรคนนั้นกลับมา

    เธออาสาไปเพราะอยากอยู่กับไวโอเล็ต

    ยังไงเมื่อถึงจับโจ๊กเกอร์ได้เธอก็ต้องกลับมาที่นี่อยู่ดี

    ที่สำคัญเธอทำขนาดนี้แล้ว ทั้งบอกชอบ ทั้งขอจูบ ถึงไวโอเล็ตจะยอมให้ทำ แต่มันก็ไม่แน่หรอกว่านางจะชอบเธอ

    แน่นอน เธออายุมากกว่านางตั้งสิบเอ็ดปี หล่อนอาจไม่ชอบคนแก่กว่าก็ได้

    ถึงจะเตือนตัวเองว่าคิดไปก็เสียเวลาเปล่า แต่เธอกลับใช้เวลาสามชั่วโมงต่อมาในการคิดเรื่องนี้วนไปวนมาโดยกอดร่างนุ่มนิ่มไว้แน่น แต่คงไม่ทำให้นางอึดอัด

    จนเมื่อถึงเวลาที่นัดกับท่านนาตาเลียไว้ เธอเลยลุกขึ้นไปยังตู้เสื้อผ้าของตัวเอง แตะกลไกลับที่ซ่อนเอาไว้ แล้วตู้ก็เลื่อนไปด้านข้างอย่างเงียบเชียบ

    ที่จริงเธอหลอกไวโอเล็ต เพราะท่านนาตาเลียจะไม่นอนที่นี่ เมื่อถึงเวลานางจะมาพาเราไปยังโลกนั้น

    เธอเดินเข้าไปในห้องเล็กๆ แล้วเปิดไฟ กวาดสายตามองข้าวของต่างๆ แล้วหยิบชุดวันเดอร์วูเมนมาใส่ เหน็บดาบไว้ที่ปลอกซึ่งสะพายอยู่กลางหลัง มือหนึ่งถือโล่ ส่วนมืออีกข้างจัดการแขวนเชือกเวทมนตร์ไว้ที่เอวขวา

    เมื่อจัดการทั้งหมดเรียบร้อยเธอก็เดินออกมาแล้วอุ้มไวโอเล็ตขึ้นจากเตียง

    เธอหลุบสายตามองผิวขาวๆ เมื่อเดินมายังที่ที่มีแสงสว่าง

    แต่เพราะท่านนาตาเลียกับท่านเตียวเสี้ยน รวมถึงแวนไฮล์ยืนรออยู่ เธอเลยต้องเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว

    ท่านเตียวเสี้ยนกับแวนไฮล์ไม่ได้สนใจเราเท่าไหร่ เพราะเด็กชายมัวแต่งอแงเรื่องที่ต้องตื่น ส่วนคนเป็นแม่ก็ต้องคอยปลอบอยู่ไม่ห่าง

    มีแต่ท่านนาตาเลียเท่านั้นที่ใช้สายตาร้ายลึกมองเรา ร่างอรชรของราชินีแห่งเผ่าพันธุ์ที่สูงกว่าเธอเดินเข้ามาใกล้

    "เจ้าพร้อมรึเปล่า" นางกระซิบถามเสียงเบา

    "ข้าพร้อมสำหรับเรื่องนี้เสมอ" สิ่งที่ไดอาน่าไม่เคยบอกไวโอเล็ตคือเธอพูดภาษาของนางได้อยู่แล้ว แต่เธออยากฟังเสียงสำนวนภาษาอังกฤษแปลกๆ จากปากนางมากกว่า

    ราชินีหันหลังแล้วเดินไปยังกำแพงห้องที่ไม่มีอะไรตั้งอยู่ นางวาดสัญลักษณ์สีเขียวขึ้นบนนั้น ตัวอักษรโบราณวิ่งแล่นอยู่รอบ ก่อนที่มันจะเรืองแสงกระพริบกันหลายครั้งแล้วเปิดทางเชื่อมไปยังโลกนั้น

    ไดอาน่าก้าวผ่านเข้าไปพร้อมกับไวโอเล็ต รู้สึกตัวอีกครั้งเธอก็มาอยู่ในพระราชวังของท่านนาตาเลียในโลกนี้แล้ว

    การเดินทางข้ามมิติเวลาไม่มีผลข้างเคียงอะไรหากว่าผู้ที่เปิดทางเชื่อมนั้นขึ้นทำสัญลักษณ์โบราณครบถ้วน

    ท่านเตียวเสี้ยนเป็นคนนำทางเธอไปยังส่วนของห้องนอนโดยพาแวนไฮล์ไปด้วย ส่วนท่านนาตาเลียยังอยู่ที่เดิมเพื่อปิดทางผ่านของมิติ

    ไดอาน่าเดินเข้ามาในห้องนอนของไวโอเล็ต ตอนนี้ที่นี่เป็นเวลาใกล้เช้าแล้ว เวลาคลาดเคลื่อนกับโลกมนุษย์อยู่เกือบหกชั่วโมง

    ร่างเล็กนอนขดตัว ผ้าเช็ดตัวเหมือนจะหลุดแหล่ไม่หลุดแหล่ เธอเลยใช้ผ้าห่มคลุมตัวนางไว้

    หลังจากนั้นเธอนั่งลงที่เก้าอี้ข้างเตียงแล้วมองนางอยู่แบบนั้น เพราะหากเรื่องนี้จบลงไปเธอก็ยังอยากจำทุกส่วนของนางได้


    ไวโอเล็ตตื่นขึ้นมาบนเตียงนอนในห้องของตัวเอง เธอกวาดตามองข้าวของต่างๆ อย่างมึนงง กลับมาโลกนี้ได้ยังไงไม่รู้ แต่เธอก็บิดขี้เกียจแล้วลุกขึ้นโดยพบว่าตัวเองก็ยังถูกคลุมด้วยผ้าเช็ดตัวผืนเดิมอยู่

    เธอตัดสินใจไปอาบน้ำก่อน เมื่อออกมาก็สวมใส่เสื้อผ้าจนเรียบร้อย

    สิ่งที่เธอกวาดตามองหาหลังออกมาจากห้องคือ ไดอาน่า

    แน่นอนว่าไม่เห็น เธอไม่ทราบด้วยซ้ำว่านางมาที่นี่กับเธอหรือเปล่า

    เธอไม่แน่ใจว่าตัวเองคาดหวังอะไรอยู่

    สุดท้ายไวโอเล็ตก็จบลงด้วยการมาเดินเล่นในป่าใกล้ๆ กับพระราชวัง แต่ก็ถือว่ายังอยู่ในอาณาเขต ที่นี่เป็นลานโล่งกว้างและมีสวนดอกไม้อยู่เป็นบางจุด

    อากาศเย็นสบาย ใกล้หน้าหนาวเข้าไปทุกทีแล้ว

    ฉับพลันนั้นก็เกิดความเคลื่อนไหว ไวโอเล็ตหันมองไปยังป่าเมื่อรู้สึกว่ามีใครคนหนึ่งกำลังเดินเข้ามาใกล้ เมื่อเห็นก็ส่งยิ้มไปให้เล็กน้อย

    ท่านอันนามาหาเธอ

    "เจ้าเพิ่งตื่นหรือ" นางถามแล้ววางมือลงบนหัวเธออย่างเอ็นดู

    "ใช่เพคะ" เธอตอบเสียงใสแล้วสงวนท่าทีของตัวเองไว้ เพราะเธอดูออกว่า...ท่านอันนาเจ้าชู้พอสมควร

    "ข้าให้เจ้า" แล้วนางก็ยื่นมงกุฎเล็กๆ ที่ทำจากดอกลาเวนเดอร์ให้เธอ

    ไวโอเล็ตรับมันไว้เพราะมันสวย แถมกลิ่นยังหอมอีกด้วย

    "ขอบพระทัยเพคะ" เธอก้มหัวให้เล็กน้อย อย่างไรเสียนางก็เป็นเทพเจ้าที่มีอายุมากกว่าเธอหลายร้อยปี

    "ลองสวมสิ" นางพูดพลางกวาดสายตามองไปรอบๆ

    เธอพยักหน้า มือยกมันขึ้นสูงแล้วกำลังวางลงบนศีรษะของตัวเอง...

    หมับ!

    มีมือของใครบางคนจับข้อมือเธอเอาไว้แน่น

    "ห้ามสวม" พร้อมกับเสียงหวานที่กระซิบอย่างเย็นชาอยู่ข้างใบหู

    "พี่..." เธอชะงักแล้วหันกลับไปมองอย่างรวดเร็ว

    "ข้าไม่ใช่พี่เจ้า" คนที่กล่าวประโยคนี้คือไดอาน่าจริงๆ นางอยู่ในชุดแปลกที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน แต่คำพูดคำจาแปลกไป

    พูดภาษาโบราณได้เหรอ

    แล้วทำไมไม่บอกเธอ

    "ข้าทราบว่าท่านไม่ใช่พี่ข้า แต่ข้าเรียกท่านตามที่ท่านกล่าวแทนตัว" ไวโอเล็ตทราบดีว่าไม่ควรต่อล้อต่อเถียงหรือถามอะไรนางตอนนี้...เพราะสีหน้านางไม่เหมือนเดิม มันมากพอจะฆ่าคนได้เลยทีเดียว

    แต่มันก็อดไม่ได้ที่ต้องพูดอยู่ดี

    "หลบไป" นางดันให้เธอไปยืนอยู่ข้างหลัง หลุบสายตามองมงกุฎลาเวนเดอร์ที่เธอเพิ่งได้รับมาแล้วหันไปประจันหน้ากับท่านอันนา

    มือของนางถือดาบคมกริบอยู่ อีกมือถือโล่

    ท่านอันนาเหยียดยิ้มเล็กน้อยแล้วเอื้อมมือไปหยิบคันธนูของตัวเองที่แผ่นหลัง

    "พวกท่านจะทำอะไรกัน" เธอตกใจจนหน้าซีด จะสู้กันเหรอ ทำไมถึงต้องสู้กัน "ท่านแม่ไม่อนุญาตให้ผู้ใดสู้กันในอาณาเขตวังทั้งนั้น"

    เธอกล่าวอ้างถึงกฎเพื่อให้สองคนนั้นเก็บอาวุธของตัวเองไป แต่ไม่มีใครยอม

    ทั้งสองมองหน้ากัน และไดอาน่าเป็นฝ่ายพุ่งเข้าหาท่านอันนาก่อน แต่ฝ่ายเทพเจ้ากระโดดหลบพร้อมกับง้างธนูจนสุดแขน ไวโอเล็ตสังเกตเห็นแสงสีเงินที่เรืองรองอยู่บนลูกดอกธนู

    เวทมนตร์ เธอหน้าซีด

    ไดอาน่าเป็นมนุษย์นะ โดนเข้าไปแบบนั้น...

    แต่เปล่าเลย ลูกธนูดอกนั้นเมื่อโดนปล่อยออกมามันปะทะกับโล่ของไดอาน่าแล้วสลายไปกับอากาศ

    ท่านอันนามีสีหน้ารำคาญใจเล็กน้อยแล้วหยิบลูกธนูอีกสามดอกมาง้างรอไว้

    "ไดอาน่า ท่านไม่ควรสู้" เธอพยายามอธิบายด้วยเสียงที่พยายามไม่ให้สั่น เธอไม่อยากให้นางเป็นอะไรไปเพราะท่านอันนา ไม่สิ เธอไม่อยากให้นางเป็นอะไรไปเพราะใครทั้งนั้น "ท่านควรฟังคำพูดของข้า"

    "..." ไม่มีเสียงตอบรับจากคนที่กำลังสู้อยู่ นางไม่ได้สนใจเธอด้วยซ้ำ

    "ไดอาน่า!!"

    เธอตะโกนเสียงดังเมื่อลูกธนูเวทมนตร์ที่น่าจะมีอนุภาพทำลายล้างมากกว่าเดิมถูกปล่อยออกมา แต่นางทำเพียงยกโล่อันนั้นขึ้นป้องกันแล้วพุ่งตัวขึ้นไปหาท่านอันนาที่ยืนอยู่บนอากาศ

    เคร้ง!

    เสียงดาบปะทะกับคันธนูดังขึ้น

    ผลัก!

    ตามมาด้วยร่างของไดอาน่าที่โดนถีบลอยลงมาบนพื้นอีกครั้ง ร่างบางไถลมาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ

    เธอไม่เสียเวลาคิด ใช้มือจับไดอาน่าเอาไว้

    "ได้โปรด ท่านอย่าสู้ท่านอันนาเลย ท่านไม่ไหวหรอก" เธอย่อตัวลงไปแล้วกอดนางไว้จากด้านหลัง น้ำตาไหลปริ่มอยู่ขอบตา

    "ไม่" นางปฏิเสธเสียงเรียบ มือเรียวพยายามแกะแขนเธอออก แต่มันทำให้เธอกระชับตัวนางไว้แน่นกว่าเดิมระหว่างเงยหน้าขึ้นสบตากับท่านอันนา

    สีหน้าเทพเจ้าเรียบเฉยและดูเฉยชา ราวกับนางยังไงก็ได้ หากไดอาน่าไม่ถอยนางก็จะไม่ถอยเหมือนกัน

    ต้องทำอะไรสักอย่างก่อนท่านแม่กับท่านนาตาเลียจะโผล่มา

    เธอคิดอย่างตึงเครียด

    ปลายนิ้วของไวโอเล็ตแตะลงบนสร้อยคอของตัวเอง ก่อนนึกขึ้นได้ว่าหากเป็นสิ่งนี้มันอาจทำให้ไดอาน่าสร้างรอยแผลให้ท่านอันนาที่มีอาวุธอยู่ในมือได้บ้าง

    เธอถอดมันออกแล้วคิดในใจ สร้างจินตภาพเปลี่ยนมันเป็นดาบ

    "ใช้อันนี้" เธอยัดดาบเล่มยาวที่มีสัญลักษณ์ของราชวงศ์เธอให้นาง มันคือดาบเวทมนตร์ที่บรรจุพิษร้ายเอาไว้เต็มเปี่ยม "เชื่อข้าเถิด ไดอาน่า"

    "..." นางเหลือบมองเธออย่างเฉยชาขณะรับดาบไป

    "ข้าไม่ได้เป็นอะไรกับท่านอันนา" เธอกระซิบบอกจังหวะเดียวกับที่นางลุกขึ้นยืนพอดี

    ทั้งสองพุ่งเข้าหากันอีกครั้ง สร้างรอยแผลเล็กๆ น้อยๆ ให้แก่กัน การเข้าโจมตีท่านอันนาเป็นเรื่องยากมากเพราะนางมักจะหลบตลอด แถมที่สำคัญนางเป็นนักธนู เหมาะแก่การยิงระยะไกลอยู่แล้ว

    ไวโอเล็ตเบือนใบหน้าหนีทุกครั้งที่ไดอาน่าได้รับบาดเจ็บ

    จนกระทั่งไดอาน่าพุ่งขึ้นไปโดยการเอาโล่บังการโจมตีไว้ ก่อนตวัดดาบทันทีที่ถึงตัวท่านอันนา

    เทพเจ้าชะงักเล็กน้อยแล้วใช้มือแตะบาดแผลของตัวเอง เธอมองท่าทางนั้นเงียบๆ

    แผลมันไม่สมานหรอก

    มันมีคุณสมบัติแบบนั้นมาตั้งนานแล้ว พิษประจำเผ่าพันธุ์ของเธอ

    "ไดอาน่า หยุดการกระทำของท่านได้แล้ว" เธอสูดลมหายใจแล้วพูดออกไป หากยังสู้อยู่อีก และท่านอันนาบาดเจ็บหนักมากกว่านี้ พวกสภาเทพโอลิมเปียนคงไม่พอใจนัก ที่สำคัญเธอไม่แน่ใจว่าลอเรียลจะคิดยังไง

    ไดอาน่าที่กำลังโจมตีซ้ำชะงักไปชั่วครู่หนึ่งแล้วลดมือลง

    นางหันกลับมา เดินกลับมาหาเธอ เก็บดาบของตัวเองขึ้นมาแล้วยัดดาบเล่มนั้นคืนให้เธอ

    นางมองเธอด้วยสายตาที่ยังคุกรุ่นแล้วเดินจากไป

    เธอปล่อยน้ำตาให้ไหลลงมาเงียบๆ แล้วปล่อยให้ดาบเล่มนั้นกลับกลายมาเป็นสร้อยคอ เงยหน้ามองท่านอันนาที่ยังคงอยู่ ถึงน้ำตามากมายจะทำให้การมองเห็นเลวร้ายมากก็ตาม

    โดนโกรธจนได้เรา

    "..." ท่านอันนาไม่ได้พูดอะไร นางมองเธออยู่แวบหนึ่งแล้วหันหลังจากไปเหมือนกัน

    เธอนั่งลงกับพื้น นั่งร้องไห้อยู่ตรงนั้นอย่างไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงต่อ

    เธอไม่เคยเป็นแบบนี้ ไม่เคย...

    ในขณะที่ขอบตาร้อนผ่าว ในหัวเธอก็ยังมีแต่เรื่องไดอาน่าเต็มไปหมด

    จนกระทั่งเสียงเท้าของใครบางคนทำให้เธอเงยหน้าขึ้นมอง

    "ลอ...เรียล" ไวโอเล็ตพึมพำชื่อของสหายไปอย่างตะกุกตะกัก ไม่แน่ใจว่าต้องทำตัวยังไง แต่สุดท้ายเธอก็ยื่นมงกุฎลาเวนเดอร์คืนให้นางไป

    "..." ลอเรียลมองดูมันอย่างสงสัย

    "ฝากสิ่งนี้ไปคืนท่านอันนาด้วย บอกนางว่าข้าดีใจมากที่ได้รับมัน แต่ข้าคงรับมันไว้ไม่ได้"

    "ของ...อันนาเหรอ" นางกระซิบด้วยใบหน้าที่เริ่มมืดมนขึ้นมา เธอกัดริมฝีปากอย่างกังวล นี่เธอไม่ได้ทำให้ใครทะเลาะกันอีกใช่ไหม "ของนางเหรอ"

    "ใช่ และได้โปรดกลับไปก่อนเถิด ข้ามีเรื่องต้องจัดการ" เธอปาดน้ำตา

    ลอเรียลพ่นลมหายใจ "เจ้าไม่ขอร้อง ข้าก็จะทำแบบนั้น"

    หลังจากลอเรียลกลับไปแล้วเธอก็เลยเดินกลับเข้าไปในพระราชวัง ตรงไปยังห้องทำงานของท่านนาตาเลีย ตอนนี้นางกำลังนั่งเคลียร์ราชสาน์สมากมายอยู่

    แต่หลังจากนางเงยหน้าขึ้นมาเห็นเธอ นางก็วางปากกาลง

    "มีอันใด ไวโอเล็ต" นางกล่าวถามเสียงเรียบ

    ราชินีนาตาเลียเป็นแบบนี้เสมอ นางไม่ใช่คนอ่อนหวาน แต่เป็นผู้นำ นางพร้อมจะรับฟังเธอตลอดเวลา

    "ท่านพาไดอาน่ามาที่นี่เพราะเหตุใดกัน" เธอถามขณะมาหยุดอยู่หน้าโต๊ะทำงานของนาง ถึงโต๊ะที่ว่าจะสูงกว่าเธอสองสามเซนก็ตาม "ไดอาน่ามีความเกี่ยวข้องกับที่นี่หรือ"

    "ข้าพานางมาตามผู้ที่สมควรอยู่ในโลกของนางกลับไป..." นางยกมือขึ้นเท้าคางแล้วหลุบสายตามองเธออย่างเฉยชา

    "..."

    "แต่ข้าก็ไม่ปฏิเสธหรอกว่านางมีความเกี่ยวผันกับโลกของเรา อีกเหตุผลหนึ่งคือข้าพานางมาเพื่อกอบกู้บ้านเมืองของนาง"

    "กอบกู้บ้านเมืองหรือ หมายความว่าอย่างไร" เธอชะงัก

    ให้ไดอาน่ามากอบกู้บ้านเมืองของตัวเองเหรอเหรอ แต่หากจะทำแบบนั้นส่วนมากต้องเป็นเชื้อพระวงศ์โดยตรงไม่ใช่หรือไง

    "นางสมควรขึ้นเป็นราชินีได้แล้ว" ท่านนาตาเลียตอบ "เผ่าพันธุ์อเมซอนควรกลับมารุ่งเรืองอีกครั้งในรัชสมัยของนาง ถึงแม้นรัชสมัยของแม่นางจะทำให้ข้าเดือดจนต้องยกทัพไปปราบเลยก็ตาม"

    "ท่านเป็นคนฆ่าแม่ของไดอาน่าหรือ" เธอกระซิบถามอย่างระมัดระวังในคำถามที่ละเอียดอ่อน

    "ใช่ ข้าเป็นคนทำ" นางไม่เคยโกหก เชื่อแล้วจริงๆ "เพราะตอนนั้นเผ่าพันธุ์อเมซอนกำลังทำสิ่งที่ร้ายแรง คือการสวามิภักดิ์เข้ากับพวกเทพฮินดู ข้าไม่แน่ใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นในตอนนั้น แต่ข้าจำต้องจัดการก่อนที่พวกมันจะมาเป็นปัญหาในอนาคต"

    "...เหรอเพคะ" เธอพึมพำแล้วก้มหน้าลงมองพื้น

    "ข้าทราบดีว่าเจ้ารักไดอาน่า" คำพูดนั้นทำให้เธอชะงัก ทำไมนางถึงทราบก่อนเธอ ทำไมถึงดูมั่นใจนัก ทั้งๆ ที่เธอยัง... "แต่อย่าเก็บเรื่องในอดีตมาใส่ใจนักเลย ขนาดไดอาน่ายังไม่คิดโกรธเคืองข้า เจ้าก็ไม่จำเป็นต้องเศร้าสร้อย"

    "..."

    "ข้าไว้ชีวิตไดอาน่าในฐานะ 'องค์รัชทายาท' ของเผ่าพันธุ์อเมซอนไว้ และละเว้นการเอาชีวิตคนบางส่วนที่มีความคิดเห็นต่างกับองค์ราชินีในตอนนั้นเพื่อให้พวกเขาสามารถติดตามรับใช้ไดอาน่าในตอนนี้ได้"

    "เข้าใจแล้ว" ไวโอเล็ตสูดลมหายใจ เธอเงยหน้าขึ้นสบตากับท่านนาตาเลีย "ข้าเข้าใจแล้ว ขอบพระทัยเพคะ"

    "ไม่ต้องกังวลไป" นางยิ้มให้เธอเล็กน้อย "เจ้าอยากรักกับนางก็ได้ ข้าไม่มีปัญหา"

    เธอหน้าแดงเถือกตอนที่เดินออกมา ท่านนาตาเลียอนุญาตแล้ว ทั้งๆ ที่เธอไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลยด้วยซ้ำ

    แต่ตลอดสองวันหลังจากนั้นเธอก็ไม่ได้คุยกับไดอาน่าอีกเลย เพราะนางออกไปข้างนอกตลอด พอมาวันที่สาม...ตอนประมาณบ่ายกว่าๆ เธอก็ได้ยินท่านแม่สนทนากับท่านนาตาเลียว่าเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นซึ่งเกี่ยวพันกับลอเรียลและท่านอันนา สหายเธอถูกจับไปขังอยู่ในนรก

    เธอขอร้องให้ท่านนาตาเลียไปหาลอเรียล และต้องอยู่ด้วยกันจนกว่าเพื่อนเธอจะปลอดภัยจริงๆ

    ตอนที่ท่านนาตาเลียออกไป ไดอาน่าก็กลับมา ด้วยสภาพบาดเจ็บและมีผ้าพันแผลหลายส่วน

    "ท่าน...เป็นอะไรมากไหม" ไวโอเล็ตคิดคำถามที่ดีกว่านี้ไม่ออก เธออ้ำอึ้งระหว่างประคองไดอาน่าไว้เมื่อนางทำสีหน้าเหมือนจะเป็นลม "ท่านเจ็บรึเปล่า"

    ไม่มีเสียงตอบรับกลับมา ท่านแม่บอกให้เธอพาไดอาน่าไปพักผ่อน เธอเลยพยุงนางเข้าไปในห้องนอนของตัวเองแล้วให้นางนอนบนเตียงของเธอ เธอเฝ้ามองจนนางหลับแล้วเดินออกมาหาท่านแม่อีกครั้ง

    ท่านแม่ไม่ได้กล่าวอะไร แค่มีสีหน้ากังวลมากๆ

    แวนไฮล์เองก็นั่งอยู่ด้วยสีหน้าเคร่งขรึมเพราะสัมผัสได้ว่าท่านแม่แปลกไป

    ไวโอเล็ตเลยนั่งลงบ้าง

    เรารอจนเธอกับแวนไฮล์ต้องลุกไปกินอาหารเย็นที่คนรับใช้จัดให้ก่อน แต่ท่านแม่ยังนั่งอยู่ตรงนั้น เธอเลยกลับไปนั่งรอเป็นเพื่อนจนกระทั่งเห็นท่านนาตาเลียกลับมาในเวลาดึก

    นางดูแปลกใจที่เห็นเราอยู่กันพร้อมหน้า

    "เหตุใดพวกเจ้าถึงไม่ไปนอนเล่า" นางกล่าวดุ ก่อนมองหน้าท่านแม่ "เจ้าเป็นผู้นำให้ลูกกระทำเช่นนี้หรือ"

    ไวโอเล็ตเผยยิ้มอย่างรู้ทัน พูดแบบนี้ทีไร จบสวยทุกที

    "ข้าเปล่า" ท่านแม่ส่ายศีรษะ

    "ไปนอนได้แล้ว" ราชินีจูบหน้าผากเธอกับแวนไฮล์

    "ท่านแม่ไม่ต้องเดินไปส่งเราหรอก เดี๋ยวเราไปกันเอง ใช่หรือไม่น้องชาย" เธอหันไปสบตากับแวนไฮล์ที่ยังดูมึนๆงงๆ แต่เมื่อเห็นสีหน้าเธอเขาเลยตอบรับ

    "หืม...เอ่อ ขอรับ เดี๋ยวข้ากับไวโอเล็ตเดินกลับห้องเอง"

    สุดท้ายเธอกลับน้องชายก็พากันกลับห้องของตัวเอง เราแยกกันเมื่อถึงหน้าห้องของเธอ เพราะห้องของเขาอยู่ห้องถัดไป

    เธอเปิดประตูเข้าไปในห้องแล้วมองไดอาน่าที่ยังหลับอยู่ สุดท้ายเธอก็สอดตัวเข้าไปอยู่ในผ้าห่มเดียวกับนาง ใช้แขนกอดเอวนางไว้แล้วหลับตาลง

    ผ่านไปสักพักเธอก็ต้องหลุดยิ้มออกมาเมื่อมือของนางเลื่อนขึ้นมากระชับให้ร่างกายเราใกล้กันมากยิ่งขึ้น

    ฉวยโอกาสกับเราตลอด


    วันต่อมาช่วงเช้าตรู่ ไวโอเล็ตพบว่าไดอาน่าหายไปจากเตียงนอนอีกแล้ว เธอถอนหายใจแล้วลุกขึ้นอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างที่ทำเป็นกิจวัตร หลังจากนั้นก็เดินไปที่ท้องพระโรงจากการคาดเดาของตัวเอง

    พบไดอาน่ากับท่านนาตาเลียยืนอยู่ด้วยกัน ทั้งสองมีสีหน้าเรียบนิ่งขณะพูดคุยกัน

    ที่พื้นมีร่างของชายหนุ่มคนหนึ่งนอนขดคู้อยู่ ร่างกายที่มีแต่บาดแผลถูกพันด้วยเถาวัลย์พิษที่สร้างจากเวทมนตร์ ดูจากการที่เขาขยับตัวไม่ได้แม้แต่ปลายนิ้วก็คิดได้อย่างเดียวว่ามันคือพลังของท่านนาตาเลีย

    "เดี๋ยวข้าจะพามันกลับไปส่งให้ แต่ก่อนอื่นข้าอยากให้เจ้าไปกับข้าหน่อย"

    "..." เธอยืนฟังเงียบๆ จนกระทั่งท่านนาตาเลียหันมามองเธอ

    "ไปด้วยกันไหม ไวโอเล็ต"

    ประโยคนั้นทำให้ไดอาน่าหันมามองเธอด้วยสายตาคาดเดาไม่ได้ด้วยเช่นกัน

    "ข้าไปด้วย" เธอพยักหน้าตกลง เดินไปจับมือท่านนาตาเลียเอาไว้ ปล่อยให้นางพาเธอกับไดอาน่ามาอยู่ที่ไหนสักแห่งที่เธอไม่เคยมาเลย

    เกาะขนาดใหญ่ที่มีน้ำทะเลห้อมล้อม ลึกลงไปในเกาะนั้นมีเมืองร้างอยู่

    ที่ที่เรายืนอยู่เป็นหน้าผาที่สามารถเห็นวิวทุกอย่างได้ ไม่ไกลกันนักมีนักรบหญิงกลุ่มหนึ่งกำลังเดินเข้ามาหาเรา เหล่านักรบคุกเข่าให้พวกเรา

    "ท่านไดอาน่าใช่หรือไม่เพคะ" หนึ่งในนั้นกล่าวถาม

    เธอเหลือบมองไดอาน่า ก็..นางเป็นราชินีของที่นี่

    "ใช่ ข้าเอง" ไดอาน่าตอบกลับไป

    "งั้นข้าไม่รบกวน ต้องขอตัวก่อน" ท่านนาตาเลียกล่าว "ฝากพวกเจ้าดูแลลูกของข้าและว่าที่ราชินีองค์ใหม่ด้วย"

    ไวโอเล็ตกระพริบตาปริบๆ เมื่อท่านนาตาเลียหายไปทันทีที่พูดจบ เธอทราบดีว่านางมีพลังเกี่ยวกับการเคลื่อนย้ายรวมถึงการข้ามมิติอยู่ด้วย แต่...หายเร็วเกินไปรึเปล่า จะไม่ปล่อยให้เธอคัดค้านหน่อยเหรอว่าอยากอยู่หรือไม่อยากอยู่

    "ข้าจักพาท่านไปยังพระราชวังของท่าน" คนที่เหมือนเป็นหัวหน้ากล่าว ไดอาน่าเลยหันมาจับมือเธอโดยไม่พูดอะไรแล้วจูงมือเธอเดินตามหลังคนกลุ่มนั้นไป เพิ่งเห็นว่าไดอาน่าพกมาแค่ดาบเล่มเดียว

    จนเราเดินฝ่าเมืองร้างเข้าไปในอาณาเขตพระราชวัง ผู้หญิงคนเดิมก็พูดต่อ

    "พวกเราไม่เคยเข้าไปในอาณาเขตพระราชวัง เพราะราชินีของเผ่าพันธุ์ปรสิตสั่งให้ปิดตายที่นี่ไว้จนกว่าท่านจะมา และเพื่อไม่ให้เราคนใดคนหนึ่งกล้าขัดคำสั่ง ท่านนาตเลียเลยลงยันต์บางส่วนเอาไว้ครอบคลุมทั่วทั้งราชวัง หากก้าวผ่านเข้าไปในอาณาเขตต้องตายโดยไม่มีข้อยกเว้น"

    "..." สมกับเป็นท่านนาตาเลียจริงๆ

    "หนึ่งในพวกเรามีคนตายไปแล้วสามคน มีทั้งอยากรู้อยากเห็นและก้าวผ่านเข้าไปโดยบังเอิญ แต่มันไม่ใช่ปัญหาอะไร ตอนนี้อาณาเขตที่ท่านนาตาเลียสร้างไว้ก็ถูกทำลายแล้วด้วย เพราะท่านกลับมาแล้ว ท่านไดอาน่า"

    "ในนั้นมีอะไร ทำไมมันถึงดูสำคัญถึงขนาดต้องไม่ให้ผู้ใดเหยียบย่างเข้าไป"

    ไดอาน่ากล่าวถาม นี่เป็นครั้งแรกที่ไวโอเล็ตได้ยินนางพูดประโยคยาวๆ เป็นภาษาโบราณ สำเนียงเซ็กซี่ของนางทำให้เธออมยิ้มอย่างเขินอาย

    ก่อนที่หญิงคนเดิมจะตอบ นางก็ก้มลงมากระซิบกับเธอ

    "เขินอะไรของเจ้า"

    "เราเปล่า" เธอปฏิเสธแล้วตีแขนนางเบาๆ "ฟังที่นางอธิบายสิ"

    ผู้หญิงคนนั้นมองเราแล้วยิ้มให้ก่อนพูดต่อ "มันเป็นธรรมเนียมโบราณอยู่แล้วว่าห้ามผู้ใดเข้าไปในพระราชวังก่อนเชื้อพระวงศ์ ถือเป็นเคล็ดกระมัง และหากให้ข้าเดาในนั้นต้องมีอะไรบางอย่างที่ตกทอดส่งมาถึงท่านอยู่แน่"

    "..." ไดอาน่ามองผ่านเข้าไปในประตูขนาดใหญ่ นางใช้มือผลักมันออก

    ทุกคนได้เห็นมันพร้อมกัน

    ของสี่ชิ้นวางอยู่บนแท่นหินอ่อนที่สูงทัดเทียมศีรษะเธอ วางอยู่ตรงหน้าบัลลังก์ที่ตั้งอยู่อย่างเงียบเหงา

    สี่ชิ้นนั้นคือดาบ แหวน แล้วก็มงกุฎ ผ้าคลุม

    เพียงแค่มองทั้งสี่ชิ้น เธอก็สัมผัสได้ทันทีว่ามันบรรจุไปด้วยพลังเวทมหาศาลที่น่าจะมีแต่เชื้อพระวงศ์ของเผ่าพันธุ์อเมซอนเท่านั้นที่จะใช้มันได้

    มันคือเหตุผลที่ท่านนาตาเลียไม่เอามันไปเป็นสินสงครามกระมัง

    เพราะเอาไปก็ใช้ไม่ได้

    ไดอาน่าปล่อยมือเธอแล้วไปหยิบของทั้งสี่ชิ้นมาพิจารณา ของทุกอย่างเรืองแสงขึ้นเมื่อมาอยู่ในมือของนาง ราวกับมันดีใจที่เชื้อพระวงศ์คนต่อไปในที่สุดก็กลับมาครอบครองมันเหมือนเดิม

    นางวางดาบไว้ที่เดิมแล้วหยิบมงกุฎมาวางบนศีรษะ หญิงเผ่าพันธุ์อเมซอนด้านหลังไวโอเล็ตนั่งคุกเข่ากันหมด เธอเลยนั่งลงคุกเข่าด้วยเช่นกัน แต่ก็ยังใช้สายตาเหลือบขึ้นมองนางอยู่

    นางสวมผ้าคลุมเป็นอย่างสุดท้ายแต่ยังถือแหวนวงนั้นไว้ในมือ

    ไดอาน่าหันหลังเดินตรงไปยังบัลลังก์ นางกล่าว ปล่อยให้คำพูดก้องอยู่ในหูของเราทุกคน

    "ข้า...เชื้อพระวงศ์คนสุดท้ายแห่งเผ่าพันธุ์อเมซอนขอใช้สิทธิ์อำนาจโดยชอบธรรมของข้าในการขึ้นครองราชบัลลังก์และปกครองเผ่าพันธุ์ของเราต่อไป"

    มันคือพิธีอภิเษกอำนาจขึ้นเป็นราชินี แต่เพราะไดอาน่าไม่เหลืออะไรแล้ว การพูดแบบนั้นถือเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เพราะของทุกอย่างในพระราชวังนี่ล้วนมีจิตวิญญาณผูกพันอยู่กับราชินีรุ่นต่อรุ่น

    มันคือการปฏิญาณตนต่อหน้าสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้

    "ข้าให้สัตย์สาบานว่าจะไม่ให้ผู้ใดสามารถมารุกรานดินแดนของเราได้ ข้าจะทำทุกอย่างโดยเห็นแก่ประชาชนของข้าในฐานะราชินี และข้าจะทำให้เผ่าพันธุ์ของเรากลับมายิ่งใหญ่ดั่งเช่นกาลก่อน"

    มีเพียงความเงียบเท่านั้นที่ตอบรับคำพูดของไดอาน่า นางถอยออกมาจากตรงนั้นแล้วเดินกลับมาหาเรา

    มือใหญ่อบอุ่นของนางดึงให้เธอขึ้นมายืน

    "และ..." นางกล่าวต่อ "ข้าจะทำเช่นนั้นได้เมื่อเจ้าตอบรับการเป็นพระชายาของข้า"

    ไวโอเล็ตชะงัก ใบหน้าแดงและร้อนไปหมด เธอเงอะงะยิ่งขึ้นไปอีกเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ ดังมาจากคนด้านหลัง มันใช่เรื่องที่นางต้องมาพูดต่อหน้าคนเยอะๆ เหรอ

    "นะ" สีหน้าออดอ้อนกลับมาอีกครั้ง มันเหมือนวันที่เราเจอกันครั้งแรกเลย

    "อื้อ" เธอตอบรับแล้วหลบตาโดยการมองพื้น จบคำนั้นหน้าผากก็สัมผัสได้ถึงริมฝีปากร้อนผ่าวที่กดลงมาเบาๆ มือซ้ายของเธอถูกดึงไป จนนิ้วนางสัมผัสได้ถึงแหวนที่สอดเข้ามาจนสุด

    "สวมไว้ก่อน สิ่งนี้ข้าให้เป็นสินสมรส ไว้ข้าจัดการอะไรให้เข้าที่เรียบร้อยข้าจักหาสิ่งที่สมเกียรติกว่านี้มาให้เจ้า" นางกระซิบแล้วลุกขึ้นยืน เดินไปคุยกับนักรบหญิงข้างหลังเธอเกี่ยวกับแผนการของเผ่าพันธุ์ต่อไป

    มีนักรบหญิงคนหนึ่งเดินมาหาเธอ กระซิบบอกเธอว่าไดอาน่าสั่งให้เธอไปที่ห้องนอนของเราก่อน

    สุดท้ายเธอก็มายืนอยู่ในห้องนอนที่ว่าจนได้ ที่นี่ใหญ่มาก และฝุ่นเยอะมากด้วย เธอเลยเบ้หน้าเล็กน้อยแล้วร้องขออุปกรณ์ทำความสะอาดกับนักรบหญิงที่พามา จนสุดท้ายก็ได้สิ่งที่ต้องการมาอยู่ในมือ

    มันไม่ได้สกปรกมากหรอก เพราะเวทของท่านนาตาเลีย ทำให้แม้แต่หนูสักตัวก็ไม่สามารถผ่านเข้ามาได้

    เธอจัดการทำความสะอาดทั้งหมดด้วยตัวเอง ใช้เวลาสองชั่วโมงก็ล้มตัวลงนอนบนเตียงหนานุ่มด้วยความเหนื่อย

    เป็นจังหวะที่ไดอาน่าเปิดประตูเข้ามาพอดี นางนั่งลงบนเตียงด้วยแล้วเกลี่ยแก้มเธอเบาๆ ด้วยปลายนิ้ว

    "ทำความสะอาดเหรอ น่ารักจัง" นางชมแล้วเลื่อนมือมาโยกหัวเธอ "เด็กดี"

    "ข้าไม่ใช่เด็กแล้วนะ" เธอวางศีรษะลงบนหมอนแล้วกอดอกมองนาง "ก็ท่านเพิ่งขอให้ข้าเป็นชายาของท่าน ข้าจักเป็นเด็กได้อย่างไร"

    นางทำสีหน้าอึ้งเล็กน้อยเมื่อเธอพูดแบบนั้น

    "ตอนแรกข้าว่าจะออกไปเดินสำรวจหน่อย" นางกระซิบแล้วโถมตัวลงมาหาเธอ ทำให้เธอเกือบหลุดเสียงแปลกๆ ออกไปเพราะตกใจ "แต่ในเมื่อเจ้ากล่าวเช่นนั้นข้าว่าข้าเริ่มสำรวจจากเตียงก่อนเลยแล้วกัน"

    "หือ... อะไรนะ!" ตอนแรกเธอยังไม่เข้าใจคำพูดนางหรอก แต่พอเข้าใจแล้วเธอก็พยายามตะกายตัวหนีอย่างเดียว "ไม่ ข้าไม่ได้หมายความว่าเช่นนั้น!!"

    "จะไปไหน" นางหลุดขำแล้วคว้าเอวเธอไว้ ร่างของผู้ใหญ่ทางทับอยู่ด้านบนร่างของเธอ "รู้ไหม..."

    "..."

    "ยังไงเราก็หนีพี่ไม่พ้นอยู่แล้ว เป็นของพี่นะ ไวโอเล็ต"

    ทำไมประโยคมันเหมือนโจรข่มขืนเด็กแปลกๆ

    แต่ก็เอาเถอะ เธอไม่มีอะไรที่จะต้องเสียแล้วนี่

    "อื้อ ก็ได้ เบาๆนะ ไม่เบาเรา...ร้องไห้ใส่จริงๆด้วย"

    เรื่องนี้หากท่านแม่กับท่านนาตาเลียทราบเข้า ท่านทั้งสองจะเป็นลมใส่เธอไหมนะ...


    **สินสงคราม คือของที่ยึดได้จากฝ่ายที่พ่ายแพ้ในการรบ





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×