ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Black N Blue (Yuri)

    ลำดับตอนที่ #14 : Black N Blue❖Everything started from 'force' 14

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.1K
      56
      7 ก.พ. 63

    คำเตือน :: บางช่วงบางตอนมีความรุนแรง เนื้อหาไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาหลักของตัวเกมแต่อย่างใด ฉากที่มีเนื้อหาเรท R จะไม่อัพลงเด็กดี โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน


    Song :: Look what you made me do


    EPISODE14

    Alternative Universe 01Everything started from 'force'


    เสียงสัตว์นานาชนิดที่อาศัยอยู่ในป่าทำให้ลินดิสนอนต่อไม่ได้

    เธอปรือตาขึ้นหลังจากหลับไปประมาณสี่ทุ่มของเมื่อวาน เรียกมันว่าสลบเลยง่ายกว่ามาก จู่ๆ กาลีก็เปลี่ยนอารมณ์มาเล่นเธอกลับ ปกติเธอไม่เคยให้ผู้ใดแตะต้องสัมผัสร่างกายมากอยู่แล้ว มันเลยเจ็บกว่าที่เธอคิดไว้ ตอนที่เธอพยายามลุกขึ้นก็มีคนเข้ามาพยุงเอาไว้ก่อนจะล้ม

    "เจ้าเป็นอันใดมากรึเปล่า" น้ำเสียงแฝงความกังวลของกาลี ทำให้เธอหายใจเข้าลึกมากแล้วผ่อนออกก่อนตัดสินใจยืนด้วยตัวเอง

    "ข้าไม่ได้เป็นอันใดมาก อย่ากังวลเลย"

    ครั้งแรกของลินดิส...เกิดขึ้นเมื่อตอนอายุสิบห้า ตอนที่เธอยังมีแค่อาธีน่าคนเดียวเท่านั้น

    ความสัมพันธ์ของเราไม่จริงจัง แต่ก็แฝงไปด้วยความเป็นห่วงเป็นใย ตอนที่เธอถูกเทพองค์อื่นโกรธเพราะมาทราบทีหลังว่าเธอหลับนอนกับอาธีน่า ก็เป็นนางที่คอยช่วยแก้ต่างให้เธอและปกป้องเธอ

    จนเมื่อโตขึ้นมาอีกหน่อย เธอเลยทราบว่าอาธีน่าเป็นคนที่ไม่สมควรแตะต้อง เธอไม่แน่ใจว่าตัวเองคิดยังไงกับอาธีน่าและไม่แน่ใจว่าแววตาที่นางใช้มองเธอมันเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อไหร่

    เธอตัดสินใจดึงตัวเองออกมาจากจุดนั้นก่อนเรื่องทุกอย่างจะเกินกว่าที่ควบคุมไว้ได้ไหว

    "เจ้ายังไม่เคยหรือ" กาลีดึงเธอออกจากภวังค์ด้วยคำถามของนาง สีหน้าวิตกของนางเกือบทำให้เธอหลุดหัวเราะออกมา

    "เปล่าหรอก ข้าเคยแล้ว แค่ไม่เคยให้ผู้ใดสัมผัสมานานแล้วมันเลย...เจ็บเล็กน้อย" เธออธิบายเพื่อให้นางสบายใจ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่เลยแม้แต่นิดเดียว

    นางทำหน้าเหมือนไม่เชื่อ แต่เพราะเธอยืนยันว่าไม่เป็นไรนางเลยเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่นแทน

    "ฝนหยุดตกแล้ว เจ้าจะกลับเลยหรือไม่"

    "เจ้าไล่ข้าหรือ" ลินดิสขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่ได้อยากคิดเล็กคิดน้อยอะไรขนาดนั้น แต่เธอก็อดถามไม่ได้อยู่ดี และดูเหมือนสายตาเธอคงแสดงความผิดหวังมากไป นางถึงกดริมฝีปากลงบนหน้าผากเธอเบาๆ

    "เปล่า เจ้าอยากอยู่ก็ตามใจ"

    "..."

    "แต่หากอยากไป...ก็ย่อมได้เช่นเดียวกัน"

    กาลีทำราวกับว่าทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเธอ

    ลินดิสหลุบสายตามองพื้นแล้วเริ่มรู้สึกตัวแล้วว่าตัวเองยังเปลือยอยู่ เธอเริ่มคิดถึงการกลับไปโอลิมปัส คิดว่าจะพูดยังไงให้ท่านแม่ทั้งสองเข้าใจเป็นอย่างอื่น เธอไม่อยากให้พวกท่านทราบว่าเธอมาที่นี่

    "ข้าคิดว่าข้าควรกลับไปหาท่านแม่ก่อน" เธอกล่าว สบตากับนาง "แต่เมื่อเสร็จธุระแล้วจะกลับมาหาเจ้าใหม่ ข้าสัญญา"

    ข้อดีของเธอก็คือ เธอไม่เคยผิดสัญญา

    "หากเจ้าว่าเช่นนั้นข้าจะรอ แต่จะไม่เป็นไรแน่หรือหากเจ้าไปทั้งสภาพเช่นนี้" กาลีหลุบสายตามองร่องรอยสีแดงทั่วตัวของเธอ ตราประทับที่เปรียบดั่งราคีอันหอมหวานคงติดตัวเธอไปสองสามวัน "ข้าอยากให้เจ้าอยู่ที่นี่กับข้าก่อนเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บของเจ้า"

    แก้มของลินดิสขึ้นสีเลือดฝาดเมื่อนางย้ำถึง 'ความเจ็บปวด' ของเธอ

    "หากเจ้าคิดว่าข้าควรทำเช่นนั้น ข้าจะทำเช่นนั้น"

    "ดีแล้ว" นางกระซิบ "อย่างแรกที่เจ้าต้องทำคือการไปอาบน้ำเสียก่อน ที่เดียวกันกับที่ข้าอาบเมื่อวาน เจ้าเดินไหวไหม"

    "ไม่" ลินดิสนิ่วหน้า เธอแสร้งทำเป็นอ่อนแอแล้วทิ้งกายให้นางพยุงไว้ ระหว่างนั้นเธอต้องถือเสื้อผ้าของเธอที่นางหามาให้ด้วยเพราะนางไม่มีมือจะถือ

    เธอได้กลิ่นน้ำอบบางๆ ออกมาจากเสื้อผ้า มันหอม ซึ่งได้แต่คิดอยู่ในใจว่าที่นี่ช่างแปลกประหลาดเหลือเกิน ทั้งตัวกาลี ทั้งป่าที่นี่ หรือกระทั่งเสื้อผ้าที่ใส่ แตกต่างกับที่ที่เธออยู่ราวอยู่คนละฟากฟ้ากัน

    เมื่อมาถึงสถานที่นั้นนางก็วางร่างของเธอลงในน้ำ เธอปล่อยตัวปล่อยใจให้ผ่อนคลายหลังสัมผัสกับน้ำเย็นเฉียบบนผิวกาย

    "เจ้าจะอาบน้ำกับข้าหรือเปล่า" เธอเงยหน้ามองกาลี

    "ข้าอาบแล้วตอนที่เจ้าหลับอยู่ เจ้าอาบไปเถิด เดี๋ยวข้าช่วยเฝ้าระวังสัตว์ป่าแถบนี้ให้" นางนั่งลงข้างหลังเธอ และนั่งหันหลังให้ เธอมองภาพนั้นอย่างเหลือเชื่อในความเป็นสุภาพสตรีของนาง

    แต่สุดท้ายเธอก็ตัดสินใจหยัดตัวลุกขึ้นคุกเข่าแล้วกอดนางไว้จากด้านหลัง

    "เจ้าไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น" เธอกระซิบเสียงหวาน "ข้าอยากให้เจ้ามองข้า"

    "..." นางตัวแข็งทื่อ

    "ตอนนี้มองแค่ข้า ได้หรือไม่ กาลี" เธอประทับริมฝีปากเบาๆ บนกกหูของนาง

    "เจ้ายั่วยวนข้าไม่เป็นที่เป็นทางเลย ทราบหรือไม่" นางเหลือบมามอง พยายามเฉยชากับเรือนร่างของเธอ แต่ลินดิสทราบดีว่านางทำไม่ได้หรอก ไม่มีใครทำได้ทั้งนั้น

    "หันมาสิ" เธอลอบยิ้มโดยไม่ให้นางเห็น

    กาลีหันมาตามที่ขอ

    นางหลุบสายตามองเธอที่นอนเหยียดตัวคว่ำยาวในสระขนาดเล็กแล้วถอนหายใจ มันไม่เห็นอะไรหรอก แต่เธออาบน้ำท่านี้ไม่ได้เพราะมันไม่สะดวก อีกสักพักค่อยให้นางหันกลับไปแล้วกัน

    "ข้าเดาออกนะว่าเจ้าคิดอะไรอยู่" ลินดิสยื่นมือไปบีบจมูกนางเบาๆ อย่างเอ็นดู

    นางใช้นัยน์ตาสีดำสนิทมองเธอ มือยกขึ้นลูบหัวเธอ

    เธอชะงักไปเมื่อสัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนแบบที่ไม่เคยสัมผัสมันมานานแล้ว

    ครั้งล่าสุดคงเป็น...ท่านแม่วีร่ากระมังที่ทำเช่นนี้

    ความรู้สึกนั้นทำให้ลินดิสคิดถึงบ้านขึ้นมากะทันหัน เธอเม้มริมฝีปาก

    และกาลีก็โน้มใบหน้าลงมาแตะริมฝีปากลงบนริมฝีปากของเธอ เพียงเสี้ยววินาทีเดียว เหมือนเป็นการแตะนาบมากกว่าสัมผัสแบบลึกซึ้ง

    "เจ้าคิดอะไรอยู่" นางถาม นัยน์ตาห่วงใย

    "ข้าคิดถึงบ้าน" เธอตอบกลับไปตามตรง "คิดถึงท่านแม่...ข้าคิดอีกทีว่าข้าควรกลับไปให้ท่านแม่เห็นหน้าเสียหน่อย"

    "แล้วเจ้าจะกลับมาที่นี่อีกหรือไม่" นางกระซิบเสียงแผ่ว นัยน์ตาหม่นแสงลงเล็กน้อย เธอลุกขึ้นนั่งแล้วสวมกอดนางเอาไว้ กระชับอ้อมกอดจนแน่นเพื่อให้นางทราบว่าเธอไม่ผิดสัญญาที่เธอให้ไว้เมื่อครู่แน่

    "ข้าบอกเจ้าไปแล้ว ข้าจะกลับมาให้เร็วที่สุด" เธอกระซิบ

    เพราะแบบนั้นครึ่งชั่วโมงถัดมาลินดิสเลยใส่เสื้อผ้าที่นางหามาไว้ให้ กลับไปที่บ้านของนางเพื่อหยิบอาวุธ จูบลา ก่อนจะออกจากอาณาเขตป่าแห่งนั้นเพื่อตรงกลับไปโอลิมปัส

    ตอนมาใช้เวลานานเท่าไหร่ตอนกลับก็ประมาณนั้น

    แต่ระหว่างทางนั้นเธอเกิดเปลี่ยนใจกะทันหัน เลยมุ่งหน้าไปยังที่อื่นก่อนโอลิมปัส

    นรกของลูซิเฟอร์

    เธอเดินเข้าไปในพระราชวังของเขาแล้วเห็นเขานั่งอยู่บนบัลลังก์อย่างเฉยชา

    "สวัสดียามเที่ยง ลูซิเฟอร์" ลินดิสยิ้มแย้ม เคยได้ยินมาคร่าวๆ ว่าพวกแม่และท่านพี่เคยทะเลาะกับเขา แต่มันไม่ใช่เรื่องที่เธอต้องใส่ใจ ทุกอย่างมันจบไปก่อนเธอลืมตาดูโลกเสียอีก เพราะฉะนั้นไม่ว่าเขาจะเป็นศัตรูกับใคร แต่ไม่ใช่ศัตรูของเธอ

    คนที่เป็นศัตรูกับเธอต้องทำให้เธอแค้นโดยตรงเท่านั้น

    "มีอันใด" เขากล่าวพลางมองเธอ ไม่ได้มีท่าทางคุกคามอะไร

    เธอลงมาทักทายเขาตั้งแต่ยังเป็นเด็กแล้ว ถือว่าเราเป็นมิตรแล้วกัน

    "ข้าอยากให้ท่านช่วยในบางเรื่องหน่อย"

    "เรื่องอะไร"

    "ข้าได้ยินว่าท่านได้นักรบใหม่มาใช่หรือไม่" เธอยิ้มกว้าง เพราะคนที่เธอกล่าวถึงก็นั่งอยู่อย่างเงียบเชียบในที่นี้ด้วย "เห็นว่าพวกมันมีนามว่าอาร์ดูอินและทาร่า เก่งมากเลยไม่ใช่หรือ"

    "เจ้าอย่ากวนประสาทนักลินดิส มีอันใดก็ว่ามา" สายตาเขาเปลี่ยนเป็นเบื่อหน่ายเมื่อมองเธอ เธออาจเป็นคนเดียวก็ได้กระมังที่ทำให้ลูซิเฟอร์แสดงอารมณ์ออกมานอกเหนือจากความโกรธ

    "ข้าอยากให้ท่านสั่งการสองแม่ทัพไปโจมตีเมืองอาเธอร์ให้ข้า" ลินดิสหมายความตามที่พูดไป

    ลูซิเฟอร์หรี่ตาลง เธอทราบดีว่าเมื่อก่อนเขาก็เคยส่งกองทัพไปโจมตีเมืองอาเธอร์ เพื่อเอาตัวท่านพี่ลอเรียล แต่เธอทราบเพียงแค่ว่าผู้นำทัพคือมาลอช นอกเหนือจากนั้นไม่มีใครอยากพูดถึง รวมถึงลูซิเฟอร์ก็ปฏิเสธจะบอกเธอ

    ส่วนมาลอช...รายนั้นเธอส่งไปหลับใหลตั้งแต่เธอมาเยือนนรกครั้งแรกแล้ว อวดเก่งไม่เป็นเรื่อง อยู่ไปก็รก เลยทำให้ตายชั่วคราวซะ จากตอนนั้นถึงตอนนี้ก็เห็นยังไม่ฟื้นเลย

    "เหตุใดเจ้าถึงต้องการให้มันเป็นเช่นนั้น บอกเหตุผลเจ้ามา" ลูซิเฟอร์กล่าวถาม

    "ข้าแอบไปมีสัมพันธ์กับชายากษัตริย์มา แต่ตอนนี้ข้าไม่อยากไปหานางเพราะติดหญิงใหม่ ข้าเลยอยากให้นางยุ่งกับการศึกไปสักพักก่อน และอย่าทำลายเมืองอาเธอร์ทิ้ง ห้ามฆ่าทหารฝั่งนั้นโดยใช่เหตุ"

    "สิ่งที่เจ้าต้องการไม่ใช่สงคราม" เขาถอนหายใจอย่างผิดหวัง

    "แน่นอน ข้าไม่ได้อยากให้มันเป็นสงคราม"

    "..."

    "แต่มีผู้หนึ่งที่แม่ทัพทั้งสองสามารถฆ่าทิ้งได้"

    "ใคร" ลูซิเฟอร์ถาม

    ลินดิสหลุบตามองผู้ที่เป็นทหารเอกทั้งสองของลูซิเฟอร์ที่กำลังนั่งคุกเข่าอยู่กับพื้นหน้าบัลลังก์แล้วบิดยิ้ม

    "กษัตริย์เธน"

    "..."

    "หากผู้ใดสามารถฆ่าเขาลงได้ คนคนนั้นจักได้ตัวแอสทริดที่จำต้องขึ้นครองราชบัลลังก์เป็นราชินีสืบต่อ และท่านก็จะได้ควบคุมเมืองอาเธอร์รวมถึงเมืองลูกย่อยๆ แล้วเปลี่ยนมันกลายเป็นสถานที่เพาะบ่มกำลังทหารของท่านได้ไม่ยาก"

    ลูซิเฟอร์เงียบอย่างพิจารณา สักพักริมฝีปากเขาก็เผยยิ้มออกมา

    เป็นรอยยิ้มที่น่าขนลุกเอาการ

    "ข้าอยากได้ผู้ที่ชาญฉลาดเยี่ยงเจ้าเป็นสหายนานแล้ว"

    "..." ลินดิสยิ้มกว้างขึ้นเมื่อถูกชมแบบอ้อมๆ

    "และแน่นอน ข้าสน"


    ลินดิสออกจากนรกด้วยแผนการตัวเองที่สำเร็จไปหนึ่งขั้น เธอตรงไปยังโอลิมปัสเป็นอันดับถัดมาเพื่อไปหาท่านแม่ทั้งสอง แต่สิ่งที่เห็นทันทีที่เดินเข้าไปในพระราชวังคือท่านพี่ลอเรียล ท่านอันนา และอาธีน่า

    ก่อนที่เธอจะได้ถามว่าท่านแม่อยู่ที่ไหน ท่านพี่ลอเรียลก็ตาลุกวาว นางเดินเข้ามากระชากแขนเธอแล้วกดเสียงกร้าวใส่

    "ไปได้ชุดแบบนี้มาจากใคร!"

    เธอกระพริบตาอย่างงุนงง

    "สตรีคนใหม่ของข้าเอง ทำไมหรือ"

    "นางมีนามว่าอันใด!"

    เหมือนว่าจนกว่าจะได้คำตอบนี้ ท่านพี่ลอเรียลจะไม่ระงับความโกรธของตัวเองอย่างเด็ดขาด จังหวะเดียวกับที่เธอตอบท่านอันนาก็เดินมาดึงให้ท่านพี่ลอเรียลออกห่างตัวเธอ แต่พี่สาวเธอก็สะบัดคนรักตัวเองออก

    "กาลี นางมีนามว่ากาลี" จบคำนั้นเธอสัมผัสได้ถึงฝ่ามือที่ฟาดลงมาอย่างรุนแรง

    เพียะ!

    ตั้งแต่เกิดมายี่สิบปี เธอถูกพี่สาวตบหน้าเป็นครั้งแรก...

    ท่านอันนาก็ดูตกใจที่เห็นท่านพี่ลอเรียลทำเช่นนั้น หรือไม่ก็...ตกใจเพราะชื่อที่ออกมาจากปากเธอ

    "ท่านตบข้าทำไม" ลินดิสถามอย่างไม่เข้าใจ เธอกระพริบตาเพื่อไล่น้ำตาออกไปก่อนเหลือบไปเห็นว่าอาธีน่ากำลังมองอยู่

    "ทำไมเจ้าถึงไปยุ่งกับมัน" ท่านพี่ลอเรียลกำมือแน่น ใบหน้าสวยแสดงให้เห็นว่านางกำลังโกรธมากขนาดไหน "เจ้าจะเจ้าชู้ยังไงก็ได้ แต่เจ้าก็ควรละเว้นมันเอาไว้"

    "ทำไม นางเป็นใคร" เธอไม่เคยได้ยินนางเรียกใครว่ามันมาก่อน

    "มันคือคนที่ข้าเกลียด" นัยน์ตาสีฟ้าเรืองแสงแห่งความเคียดแค้นออกมา เธอหรี่ตาลงเมื่อนางเปลี่ยนร่างตัวเองเข้าสู่ร่างเทพ เธอไม่เข้าใจเลยว่าทำไมนางถึงต้องเกลียดกาลี "หากเจ้ายังยุ่งกับมัน เจ้าไม่ใช่น้องสาวของข้า ลินดิส"

    ท่านพี่ลอเรียลเอาจริง...

    ความชาประทับอยู่บนใบหน้าของเธอ

    เธอสูดลมหายใจลึกแล้วยกนิ้วปาดเลือดที่มุมปากออกไป

    "จะเอาเยี่ยงนี้ใช่ไหม ได้เลยท่านพี่" ลินดิสส่งยิ้มเย็นชาไปให้พี่สาวที่เพิ่งขู่จะตัดสัมพันธ์พี่น้องของเรา เธอเปลี่ยนร่างกลับคืนสู่ร่างที่แท้จริง "จงจำไว้เสียว่าท่านทำให้ข้าเลิกยุ่งกับนางไม่ได้และจง..."

    "..."

    "พ่ายแพ้ไปซะ"


    "นางโดนยาเสน่ห์รึเปล่า" อันนากล่าวถามกับอาธีน่าระหว่างมองไปยังสองพี่น้องคู่นั้นที่ยังคุมเชิงกันอยู่ ส่วนอาธีน่าส่ายศีรษะ

    "ข้าคิดว่าไม่ใช่หรอก แต่จะเรียกว่าความรักก็ยังไม่ใช่เช่นเดียวกัน อาจเป็นความหลงของนางเอง"

    "แล้วเหตุใดนางถึงไม่รู้จักกาลี เจ้าไม่ได้สอนนางไปแล้วหรือเรื่องพวกเทพฮินดู"

    "เจ้าจำได้ไหมว่าข้ามีสัมพันธ์กับลินดิสทั้งหมดสามครั้ง"

    "แน่นอน" เธอหันไปมองอาธีน่าอย่างต้องการคำตอบว่านางจะพูดสิ่งใดต่อ

    พระแม่กาลีคือคนที่ฆ่าพี่ชายของเธอ ตราบจนตอนนี้เขาก็ยังไม่กลับมา...

    "สามครั้งที่ว่า ทำให้ลินดิสไม่ได้เรียนรู้บทเรียนจากข้าไปสามเรื่อง แน่นอนว่าพวกเทพฮินดูรวมอยู่ในนั้นด้วย"

    "แล้วเราจะเอายังไงกับสองคนนั้นดี ให้สู้กันไม่ดีแน่ โดยเฉพาะสถานที่แห่งนี้" อันนาวิตกกังวล เธอยกมือขึ้นกุมแขนขวาของตัวเองไว้โดยอัตโนมัติเมื่อสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวด

    ทำให้ทราบว่าลอเรียลบาดเจ็บอยู่

    "เหตุใดเจ้าถึงคิดว่าไม่ดี หากลอเรียลชนะลินดิส นั้นย่อมเป็นสิ่งที่ดีที่จะดึงนางให้ออกจากกาลีเสียตอนนี้" อาธีน่าไม่ทราบเรื่องที่เธอทราบ นางเลยกล่าวออกมาแบบนั้น

    "ราชินีเคยบอกข้าว่า ลินดิสมีพลังทัดเทียมกับลอเรียล"

    "..."

    "แต่ไม่ใช่ในด้านเวทมนตร์ แต่เป็นในด้านศักยภาพของร่างกาย"

    "..."

    "พลังกำลัง ความเร็ว ความอดทน พลังจิต สติปัญญา...หากรวมกับความสามารถด้านการรบที่เจ้าเป็นคนสอนให้กับมือ"

    "..." อาธีน่าเริ่มคาดเดาอะไรบางอย่างได้

    "เจ้าคิดว่าลอเรียลที่มีพลังเวทอันยิ่งใหญ่แต่ไม่ฝึกฝนจะสามารถเอาชนะลินดิสที่มีความสามารถระดับนั้นและมีสติปัญญาได้ยังไง"

    "เช่นนั้นเราควร..."

    "เจ้าเข้าไปห้าม เดี๋ยวข้าไปตามราชินี" ว่าจบอันนาก็เดินออกจากจุดนั้นทันที

    เธอตกลงกับลอเรียลเอาไว้แล้ว หากมีผู้ใดผู้หนึ่งต่อสู้ อีกคนก็ไม่ควรสู้ และไม่ควรเข้าใกล้การต่อสู้ทุกกรณี เพราะเกรงว่าหากเราเจ็บทั้งคู่ร่างกายจะไม่ไหวเอา


    ลินดิสมองท่านพี่ลอเรียลก่อนเลื่อนมองเลือดที่แขนขวาของนาง เธอไม่ได้ใช้มีดกรีดลึกมากนัก แค่พอทำให้เลือดไหลออกมาเท่านั้น

    "ยอมแพ้เถิด ข้าไม่อยากทำร้ายท่าน" เธอกล่าวกับนาง

    เธอไม่เคยอยากต่อสู้กับนางเลย เพียงแค่ตอนนี้เธอยอมรับว่าเธอก็โกรธเหมือนกัน ทั้งเรื่องที่นางตบหน้า ทั้งเรื่องของกาลีที่เธอไม่รู้ที่มาที่ไป แต่นางดูรู้ดีทุกอย่าง

    ไม่มีเทพที่ไหนไปเกลือกกลั้วกับมนุษย์จนรู้จักและโกรธแค้นกันหรอก มีแต่เทพไม่ก็ปีศาจหรืออสูรเท่านั้น

    หรือว่ากาลีไม่ใช่มนุษย์กันแน่

    "แต่เจ้าก็ทำไปแล้วไม่ใช่หรือไง" ท่านพี่ลอเรียลมองเธอด้วยสายตาเรียบเฉย "แค่สู้ให้การต่อสู้นี้ทราบผลคงไม่ลำบากใจเจ้าเกินไปใช่หรือไม่ ลินดิส"

    "ท่านไม่ต้องมาประชดประชันข้า" เธอขมวดคิ้วขณะกระชับอาวุธของตัวเองไว้ให้มั่นเหมาะ

    เล็งสายตาไปรอบด้านเพื่อให้สามารถเห็นการโจมตีทุกอย่างได้ก่อนที่มันจะเข้าถึงตัว พลังเวทคือสิ่งที่ไม่ควรประมาณ

    ฉับพลันนั้นเงาของท่านพี่ลอเรียลก็เคลื่อนไหวแปลกประหลาดไป เธอมองมันก่อนวิ่งหลบเมื่อมันเข้ามาใกล้ด้วยความเร็ว

    ลินดิสหรี่ตาลงขณะพิจารณาความเป็นไปได้ที่จะหยุดเงานั่น เธอกวาดตาขึ้นมองเพดานแล้วไต่เสาหินขนาดใหญ่ขึ้นไป ใช้มีดกระแทกโคมไฟจนดับลง เธอทำแบบนั้นกับทุกอันที่อยู่ในบริเวณนี้จนทุกอย่างตกอยู่ในความมืดระดับนึง

    แต่มันยังมืดไม่พอ เธอเหลือบมองภายนอก ที่นี่สูงจรดฟ้า แถมนี่ก็เวลาเที่ยง ไม่มีทางที่เธอจะหยุดพระอาทิตย์ได้แน่

    ท่านพี่ลอเรียลยิ้มกระหยิ่มเหมือนทราบความคิดของเธอ

    แต่เธอก็ทำสิ่งที่มีความเป็นไปได้มากกว่า หยิบกระสุนทั้งหมดของอาวุธออกมา มันคือมีดขนาดเล็ก เธอพุ่งไปยังหน้าต่างในบริเวณนี้แล้วจัดการรวบผ้าม่านขนาดใหญ่ให้ติดกันโดยเชื่อมด้วยมีด

    เงาชะงักเมื่อแสงไฟหายไป ทุกอย่างตกอยู่ในความมืดในระดับที่เงาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อีก

    "ท่านทำได้เพียงแค่นี้หรือ" ลินดิสยกมือขึ้นปาดเหงื่อที่เกิดจากความเร่งรีบของเธอออกไป เธอบิดยิ้มกวนประสาทนาง

    "ก็เข้ามาสิ" นางดูโมโหตามคำยุจริงๆ

    เธอเป็นฝ่ายพุ่งเข้าไปหาหล่อนนาง มือบิดปลายมีดเข้าหาตัวนางในมุมอับ แต่นางก็ยกมือที่ห่อหุ้มด้วยพลังเวทขึ้นปัดมันเอาไว้ นัยน์ตาหล่อนเฉยชาและดูมีอำนาจ

    ลินดิสถอยกลับมา เธอยกอาวุธตัวเอง ใช้พลังจิตเปลี่ยนกระสุนของมันให้กลายเป็นเชือกเพื่อจับตัวนางไว้

    แต่มือของใครคนหนึ่งกลับยื่นมาบังวิถีการยิงของเธอ ทำให้เธอชะงักแล้วเหวี่ยงมือที่กำลังลั่นไกไปทางอื่น จนกระทั่งเชือกนั้นพุ่งไปอีกทางด้วยความแรงในระดับที่ว่าหากโดนเชือกเหวี่ยงพันตัวเข้าอาจช้ำในก็ได้

    "อาธีน่า" เธอกระซิบชื่อผู้ที่เข้ามาขวางไว้อย่างหงุดหงิด "ไม่ใช่เรื่องของท่าน ถอยออกไป"

    "ลินดิส เจ้าไม่ควรทำเช่นนี้" อาธีน่าทำสีหน้าจริงจังใส่เธอ กระซิบดุให้ได้ยินกันสองคน "เข้าใจที่ข้าสื่อหรือเปล่า ข้าทราบว่าเจ้าโมโห แต่เจ้าก็ควรกักเก็บอารมณ์นั้นเอาไว้บ้าง"

    นางเป็นคนที่รู้จักเธอในระดับที่ไม่มีใครรู้จัก...

    มือหนึ่งของนางยื่นมาแตะแก้มเธอ ส่วนอีกมือหยิบอาวุธของเธอออกไปจากมือ

    "เข้าใจใช่ไหม" นางกล่าวเสียงแผ่วระหว่างมองใบหน้าเธอในระยะประชิด

    เธอหน้าร้อนวาบ นี่เธอควรหวั่นไหวหรือเปล่า

    ไม่ ไม่ควร

    "ท่านเองก็ควรถอยออกไป" เธอเตือนแล้วเป็นฝ่ายถอยหลังออกมาก่อนสองก้าว ส่วนอาธีน่าก็ทำตามที่เธอกล่าวโดยไม่อิดออด

    "สงบ... มีเพียงเจ้าที่หยุดเรื่องนี้ได้" นางกล่าวอีกครั้งโดยยืนยันแบบเดิมก็คือให้เธอเป็นผู้หยุดการกระทำนี้ ไม่ใช่ท่านพี่ลอเรียล ยังไม่ทันที่เธอจะพูดโต้ตอบ เสียงของท่านแม่อิลูเมียก็ดังขึ้น

    "เกิดอะไรขึ้น" นางดูโมโหที่เรามีเรื่องวิวาทกัน นัยน์ตาสีฟ้าตวัดมามองเธอแล้วหันมองท่านพี่ลอเรียลตามลำดับ "เหตุใดพวกเจ้าถึงมีเรื่องบาดหมางกัน"

    "ก็นางไปมีสัมพันธ์สวาทกับกาลี!" ท่านพี่ลอเรียลแทบจะตะโกนใส่หน้าท่านแม่อิลูเมีย แต่ท่านแม่วีร่าที่ยืนอยู่ด้านหลังก็ใช้สีหน้าปรามลูกสาวคนโตไว้ ท่านพี่เลยลดเสียงลง "นางทำเช่นนั้นกับ...ศัตรูของเราได้อย่างไร"

    "กาลีไม่ใช่ศัตรูของเรา" ท่านแม่อิลูเมียกล่าวเสียงเรียบ

    "แต่ราชินี ท่านก็ยังจำได้ว่านางทำอะไรกับท่านยอร์น" ท่านพี่ลอเรียลเถียงต่อ

    ลินดิสแทบกลายเป็นอากาศธาตุไปแล้ว

    "ข้าจำได้ แต่เจ้าอย่าแค้นฝังลึกเลย นางได้รับโทษของนางไปแล้ว" ท่านแม่อิลูเมียก็ใช้เหตุผลเข้าพูด "ใจเย็นเถิดลอเรียล และให้อันนาพาเจ้าไปทำแผลเสียก่อน เดี๋ยวมันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่"

    ท่านพี่ลอเรียลยังดูโมโหอยู่ แต่นางก็ใจเย็นขึ้นเช่นเดียวกัน

    นางหันมามองเธอแวบหนึ่งระหว่างเดินออกไป

    "อิลูเมีย ข้าเห็นด้วยกับลอเรียลว่าข้าไม่ไว้ใจกาลี" ท่านแม่วีร่ากระซิบกับท่านแม่อิลูเมีย แต่เธอหูไวมากพอที่จะได้ยิน

    สุดท้ายเพราะไม่อยากได้ยิน...เธอปิดการรับรู้ของตัวเองแล้วหันหลังเดินออกมาจากตรงนั้น

    ลินดิสไม่สนใจเสียงเรียกของท่านแม่ทั้งสอง เธอมุ่งหน้ากลับไปยังป่าหิมพานต์ด้วยความเร็วที่มากเท่าที่จะมากได้

    เมื่อมาถึงก็หาตัวกาลี พบว่านางนั่งอยู่ริมลำธารคนเดียว ซึ่งมันอยู่ในทิศทางที่เธอไม่เคยไปมาก่อน

    เธอไม่รอช้า พุ่งเข้าสู่อ้อมกอดอบอุ่นในทันที

    "ลินดิส..." กาลีชะงัก นางกอดเธอแน่นด้วยสีหน้ากังวล "เจ้าร้องไห้"

    "..." เธอไม่ตอบ ได้แต่สะอึกสะอื้นอยู่แบบนั้น

    "เจ้าเป็นอะไร" นางถามเสียงอ่อนโยน มือเรียวประคองใบหน้าเธอให้เงยขึ้นไปสบตา ความพร่าเลือนจากหยาดน้ำตาลงน้อยลงเมื่อนิ้วของนางเกลี่ยมันออกไปให้อย่างเบามือ "ผู้ใดทำอันใดเจ้า"

    "..." เธอใช้มือที่สั่นเทาของตัวเองกำชายเสื้อของกาลีไว้แน่น

    "ลินดิส เล่าให้ข้าฟังเถิด ได้โปรด"

    ลินดิสยังไม่พร้อมจะเล่าเพราะมันเป็นเรื่องเกี่ยวกับนาง เธอปิดปากเงียบขณะเช็ดน้ำตาตัวเองอย่างคนขี้แย

    ตอนนั้นเองที่ร่างของเธอลอยหวืดขึ้นมาบนอากาศ เมื่อลืมตาพบว่ากาลีกำลังอุ้มเธออยู่ นางเดินกลับมาที่บ้านแล้วพาเธอขึ้นมาบนชั้นสอง วางร่างเธอบนเตียงแล้วนั่งลงข้างๆ

    "เจ้าไม่อยากบอกกับข้าหรือ" ใบหน้าสวยคมเข้มดูผิดหวัง

    "แน่นอนว่าข้าอยาก" เธอกระซิบกลับไป ความเจ็บปวดที่หัวใจจากการถูกกีดกันทำให้เธอกลัวว่าหากบอกไป นางจะกลายเป็นอีกคนที่เสียใจและไม่อยากยุ่งกับเธอ "มันเป็นเรื่องที่พูดยาก กาลี ข้าไม่อยากให้เจ้ารับรู้มันเลย"

    ถึงเรื่องจริงมันจะเป็นยังไงในสายตาของท่านพี่ลอเรียลหรือท่านแม่ทั้งสอง เธอไม่อยากรู้มันจากปากของกาลี

    เธอแค่อยากอยู่กับหญิงสาวคนนี้ไปเรื่อยๆ ทำไมมันถึงดูยากเย็นนัก

    แต่ยังไงลินดิสก็ทราบดีว่าสักวันหนึ่งเธอต้องถาม เธอกับกาลีจะอยู่กับคำโกหกไปทำไม เราต่างไม่บอกกันและกันว่าตัวเองเป็นอะไร

    "กาลี" เธอกุมมือนางไว้ พยายามไม่ทำสีหน้าอ่อนแอ "ข้าอยากทราบว่าจริงๆ แล้วเจ้าเป็นเทพเจ้าหรือ"

    "..." นางเงียบ ชะงักไปเลย

    "ได้โปรด" เธอโน้มตัวไปกอดนางไว้ ผิวกายของนางนุ่มและอบอุ่น เธอซุกใบหน้าเข้ากับไหล่ของนาง สูดดมกลิ่นเส้นผมหอมมีเสน่ห์เข้าไป

    รับรู้ได้ถึงนิ้วโป้งของนางที่แตะลงตรงกลางหลังแล้วลากขึ้นมาถึงต้นคอของเธอ

    "ใช่ ข้าเป็นเทพ" นางยอมรับในที่สุด

    "..."

    "เจ้าเองก็เหมือนกันสินะ ลินดิส"

    "อื้อ" เธอครางตอบรับกลับไป ผละตัวออกมาจากนาง แต่ร่างกายของเราที่เริ่มคุ้นเคยในกันและกันก็ยังอยู่ใกล้กันมาก "ข้าอยากทราบสิ่งที่เจ้าทำเมื่อยี่สิบปีก่อน"

    "เรียกข้าเสียงหวานๆ ว่าท่านก่อน เดี๋ยวเล่าให้ฟัง" กาลีบิดยิ้มบนริมฝีปาก นางโน้มปลายจมูกมาคลอเคลียกับจมูกเธอ ฉับพลันนั้นความเครียดทั้งหมดของเธอก็ถูกพังทลายเสียราบคาบ

    ลินดิสหัวเราะออกมาเบาๆ กับความขี้เล่นที่แฝงความจริงจังของนาง

    "ท่านกาลีขา เล่าให้ฟังถึงสิ่งที่ท่านทำได้หรือไม่"

    ทำไมผู้หญิงน่ารักใสซื่อเมื่อวันก่อนถึงกลายมาเป็นเช่นนี้ก็ไม่รู้...

    กาลีเลื่อนตัวไปพิงหัวเตียง นางเรียกเธอทางสายตา เธอเลยขยับร่างกายตัวเองไปพิงร่างนางไว้ วางแขนลงบนเอวของนาง ส่วนนางก็โอบไหล่เธอไว้ก่อนวางมือลงบนศีรษะของเธออย่างนุ่มนวล

    "ตอนนั้นข้าเป็นหนึ่งในแม่ทัพของกองทัพลูซิเฟอร์" กาลีกล่าวในสิ่งที่เธอไม่เคยรู้ "เนื่องจากข้าเคยเป็นสหายเก่าของลูซิเฟอร์ แต่ข้าไม่แน่ใจว่าเขาต้องการอะไร"

    "..." เธอฟังเงียบๆ ขณะปล่อยให้นางลูบไล้เส้นผมไปด้วย

    "จนสุดท้ายข้าก็ทราบว่าเขาต้องการตัวลอเรียล หากข้าเดาไม่ผิดนางคงเป็นพี่สาวของเจ้าใช่หรือไม่ลินดิส" นางกระซิบด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด "ข้าเพิ่งมาสำนึกผิดหลังจากจับลอเรียลลงไปให้ลูซิเฟอร์แล้ว"

    "มันผ่านไปแล้ว" เธอสูดลมหายใจแล้วพูดออกไป

    ความจริงคือแบบนี้เองเหรอ...

    "ข้าทราบว่ามันผ่านไปแล้ว" นางจูบเส้นผมของเธอ "หวังว่าเจ้าคงมิโกรธเคืองในตัวข้า"

    "ข้าไม่โกรธเคืองท่านหรอกกาลี หากท่านยืนยันว่าท่านบริสุทธิ์ใจว่าท่านสำนึกผิดแล้วจริงๆ" ลินดิสกระซิบออกไปแบบนั้นโดยไม่ใส่ใจ

    เธอโกรธท่านพี่ลอเรียลอยู่ ทำไมเธอต้องโกรธกาลีเพราะเรื่องท่านพี่อีก

    ตอนนี้เธอไม่อยากเสียคนข้างๆ เธอไปเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่อง

    "ข้าบริสุทธิ์ใจว่าข้าสำนึกผิด และไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายพี่สาวเจ้า" นางยืนยัน...

    เธอสูดลมหายใจแล้วกล่าวออกไป

    "กาลี ข้าอยากมาอยู่กับท่านที่นี่ ท่านจะว่าอะไรหรือไม่"

    "เอาตามแต่ที่เจ้าสบายใจแล้วกัน" นางกล่าวแล้วจรดริมฝีปากลงบนริมฝีปากของเธอ รสชาติหวานละมุนของมันทำให้ลินดิสเผลอกำแขนนางแน่นอย่างประหม่า

    "..." เธอหอบหายใจเบาๆ เมื่อนางถอนจูบออกไป

    "แต่ข้าอยากอยู่กับเจ้าเสมอ ลินดิส"

    "จริงเหรอ" เธอกระซิบถามออกไป แทบปกปิดความเขินอายและความตื้นตันของตัวเองไว้ไม่มิด

    "ความจริง" นางยืนยันคำพูดของตัวเอง

    ลินดิสเลยจินตนาการว่าอยู่ที่นี่เธอควรทำอะไรบ้าง และสงสัยเธอคงคิดดังไปจนนางหัวเราะออกมา "เจ้าอยากทำอะไรย่อมทำได้ทั้งนั้น ที่นี่อิสระ ไม่มีผู้ใดทำร้ายเจ้าได้แน่นอน"

    "ข้าว่าข้าจะกลับไปเอาเสื้อผ้าก่อน" เธอพูด รับรู้ได้ถึงลมหายใจที่ไล้รดอยู่แถวๆ แก้ม

    "ให้ข้าไปด้วยหรือเปล่า" นางกล่าวเสนอตัว "เดี๋ยวข้าจะปกป้องเจ้าเอง"

    "ข้าไม่แน่ใจว่าข้าจักทำให้ครอบครัวโกรธมากกว่าเดิมหรือเปล่า" ลินดิสถอนหายใจอย่างเหนื่อยใจ "ข้าคิดว่าข้าไปเองดีกว่า"

    พูดจบเธอก็ผละออกมาจากอ้อมกอดของกาลีอย่างแผ่วเบา

    "เดี๋ยวข้ากลับมา" เธอทิ้งท้ายเอาไว้แค่นั้น โดยมีสายตาของนางมองไล่หลังมา

    สุดท้ายเธอก็ต้องกลับมาที่นี่อีกครั้งในระยะเวลาใกล้เคียงกัน การเดินทางไปมาทำให้เธอเหนื่อยจนแทบเป็นลมให้ได้ แต่สุดท้ายก็ต้องกลั้นใจทำตัวเป็นอากาศเดินไปห้องนอนของตัวเองแล้วหยิบกระเป๋าสะพายใบเล็กที่ซื้อในเมืองมนุษย์ออกมา

    ลินดิสมีกระเป๋าใบเล็กๆนี้ติดตัวตลอดเวลาหากต้องไปไกลบ้าน เพราะเธอไม่มีพลังเวทจำพวกสร้างเสื้อผ้าใส่เองได้ เลยต้องมีเผื่อไว้

    เธอเก็บชุดที่จำเป็นเข้ากระเป๋า ในตู้เสื้อผ้ามีเสื้อผ้าเยอะพอสมควร ทั้งชุดนอน ชุดใส่เล่น ชุดเทพ ชุดปีศาจ อะไรแบบนั้น ยังไงเธอก็เป็นผู้หญิงมากคนหนึ่ง ปิดท้ายด้วยการหยิบน้ำหอมหย่อนลงไป

    สตรีที่น่าค้นหาคือสตรีที่ดูมีเสน่ห์ตลอดเวลา

    เธอภาวนาว่าจะไม่มีใครจับสัมผัสพลังเธอได้และมาดูเธอตอนนี้

    แต่มันก็คงเป็นแค่การภาวนา

    "ไปไหน" ท่านแม่อิลูเมียถามออกมา นางยืนกอดอกอยู่หน้าประตูแล้วมองเธอด้วยสายตาหยั่งเชิง "ไปอยู่กับกาลีหรือ"

    "หากท่านทราบอยู่แล้วท่านไม่ควรถาม" เธอหลีกเลี่ยงการสบตากับท่านแม่

    "ข้าห้ามเจ้าได้ไหม" มันเป็นคำถามมากกว่าคำสั่ง

    นางพูดราวกับว่าหากห้ามไม่ได้นางก็จะไม่ห้าม เธอสูดลมหายใจลึกเพื่อผ่อนความเกร็งของตัวเอง ทำไมทุกๆ คนถึงชอบพูดให้เธอเลือกเองทั้งนั้น ไม่เข้าใจเลย

    "ข้าใคร่ครวญว่าท่านไม่ควรห้ามข้า" เธอกระซิบ

    "เช่นนั้นก่อนจะไป บอกกับข้าหน่อยว่าเจ้าไม่เกี่ยวข้องกับการที่ลูซิเฟอร์ยกทัพตีเมืองอาเธอร์อีกรอบ"

    คำถามนั้นทำให้เธอชะงัก สีหน้าเปลี่ยนไป และนางก็ทราบในทันทีว่าเธอเกี่ยวแน่

    "ตอนนี้ทัพของลูซิเฟอร์ถูกจัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว รอแค่การเคลื่อนกระบวนพลเท่านั้น ข้าเพิ่งได้รับรายงานมาจากเฮอร์มีส เราส่งสาน์สไปแจ้งกษัตริย์ของเมืองอาเธอร์แล้ว และสภาโอลิมปัสกำลังตัดสินใจอยู่ว่าควรช่วยเหลือหรือไม่"

    "..." เธอหรี่ตาลง ท่านแม่อิลูเมียกับท่านแม่วีร่า รวมถึงท่านพี่ลอเรียลกับท่านอันนาไม่ร่วมด้วยแน่ ซุส โพไซดอน ฮาเดส สามเทพใหญ่ๆ เองก็คงเหมือนกัน

    ที่เหลือก็มีเพียงอาธีน่า แอรีส และเฮเฟตัสเท่านั้นที่ควรกลัว

    ปัญหาก็คือ...แม่ทัพทั้งสองสามารถเอาชนะเทพทั้งสามได้หรือไม่

    "เจ้าไม่จำเป็นต้องเครียด" ท่านแม่อิลูเมียยื่นมือออกมาข้างหน้า ฉับพลันที่ปลายนิ้วเรียวบิดเป็นวงกลม เธอก็เบิกตาโพลง ทราบว่านางกำลังทำอะไร

    นางคิดจะจับเธอไว้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว

    พลังเวทขนาดใหญ่ก่อตัวขึ้นรอบตัวด้วยความเร็วจนลินดิสตามไม่ทัน เวทของท่านแม่เร็วมาก เร็วและร้ายกาจ เธอพยายามหาทางรอด หากกระโดดขึ้นไปตอนนี้เวทนั้นก็ต้องมัดเท้าเธอไว้ทันอยู่ดี

    หากลงล่าง...

    ยังไม่ทันได้ทำอะไร เวทของท่านแม่ก็แตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ

    เธอชะงัก ก้มลงมองแทบเท้าของตัวเองเมื่อรู้สึกได้ถึงความเย็นยะเยือก หมอกควันสีดำวนเวียนอยู่ตรงนั้น ก่อนที่มันจะเคลื่อนตัวขึ้นเป็นรูปร่าง วงแขนอบอุ่นกอดเธอไว้จากด้านหลัง

    "กาลี..." ชื่อของหญิงสาวหลุดออกจากปากเธอโดยอัตโนมัติ

    "ข้าเป็นห่วงเจ้า" นางกระซิบเสียงเบาหลังใบหูเธอ ริมฝีปากนุ่มนิ่มแตะลงบนนั้นเบาๆ ทำให้เธอสะท้านเฮือกอย่างน่าอาย

    ท่านแม่อิลูเมียมีสีหน้าเปลี่ยนไป

    "ทะ ท่านทำอะไรน่ะ" เธอเอ่ยเสียงตะกุกตะกัก มันเสียมารยาทมากเลยนะ นี่มันต่อหน้าท่านแม่ของเธอ กาลีไม่ควรทำเช่นนี้เลย

    ท่านแม่อิลูเมียมองตรงมายังเราสองคน แต่ไม่ได้สบตากับเธอ เหมือนนางจะสบตากับคนที่กอดเธออยู่มากกว่า

    "ปล่อยลูกสาวข้า" ท่านแม่พึมพำออกมาก่อน

    "ไม่" แต่กาลีปฏิเสธด้วยน้ำเสียงที่ติดแข็งนิดๆ "เมื่อกี้เจ้าจะจับนางอยู่แล้ว แล้วทำไมข้าต้องปล่อยนางไปให้เจ้าจับอีกรอบด้วย"

    "..."

    "ถึงเจ้าเป็นแม่ แต่ข้าก็ไม่ยอมให้เจ้ามายุ่งกับผู้หญิงของข้าหรอก อิลูเมีย"

    มือของกาลีเลื่อนขึ้นมาลูบไล้เส้นผมของเธออย่างแผ่วเบา เพราะความเหนื่อยล้าที่สะสมมา บวกกับความรู้สึกที่เหมือนถูกอะไรบางอย่างกล่อมเกลาให้หลับ ทำให้เธอสลบไปในอ้อมกอดของนางโดยไม่รู้ตัว


    กาลีมองลินดิสที่หลับไปแล้วก่อนวางร่างนางไว้บนเตียงใกล้ๆ กัน เพื่อให้เธอสามารถเคลียร์ธุระกับอิลูเมียได้ง่ายขึ้น เธอเตรียมกลับคืนสู่ร่างที่แท้จริง เพียงแค่รอให้อิลูเมียเป็นฝ่ายเริ่มก่อนเท่านั้น

    "เจ้าคิดจะทำสิ่งใดกับลูกสาวข้ากันแน่" อิลูเมียถามออกมาตรงๆ ทำให้เธอกระตุกยิ้ม

    "เหตุใดข้าถึงต้องบอกเจ้าด้วย" เธอกวนประสาทนาง แต่ดูเหมือนนางจะไม่หลงกล ไม่แปลกใจหรอก นางเป็นพวกพูดยั่วยุยากจริงๆ "แต่หากเจ้าจะสู้กับข้าเพื่อชิงลูกสาวคืน เจ้าสู้กับข้าตัวคนเดียวไม่ได้หรอก"

    "..." นางหรี่ตาลงอย่างคุกรุ่น

    "เตือนด้วยความหวังดี" เธอพูด

    แต่หากนางเรียกเทพองค์อื่นมาช่วยสู้กับเธอ เธอก็จะเอาตัวลินดิสกลับไปเลย

    กาลีหลุบสายตามองกระเป๋าสีชมพูหม่นหวานแหววของลินดิสแล้วหยิบมันขึ้นมาสะพายไว้ เมื่อเห็นว่าอิลูเมียไม่มีอะไรจะพูดเธอก็อุ้มเด็กสาวขึ้นมาอีกครั้ง

    "ไว้หมดธุระเมื่อไหร่ข้าจะเอามาคืนแล้วกัน" เธอขยิบตาส่งไปให้อิลูเมีย เดินไปที่ระเบียงห้องแล้วกระโดดลงไป ใช้เวลาเร็วกว่าลินดิสในการเดินทางไปยังหิมพานต์ ไม่มีใครไล่ตามมาอย่างที่คาดไว้เลย

    เทพโอลิมปัสระวังตัวกันจะตาย หากพวกนั้นจะไล่ตามเธอมาก็คงเป็นอีกวันสองวันข้างหน้า ต้องรวบรวมพรรคพวกก่อน

    คิดถึงเรื่องเมื่อยี่สิบปีก่อน...ถ้าสมมุติว่าพวกมันไม่มีนิกซ์กับเฮเมร่า ก็ต้องแพ้แน่แล้วแท้ๆ

    แต่ชะตากรรมคงลิขิตมาไว้ให้เป็นแบบนี้ หากพวกนั้นแพ้และอิลูเมียกับวีร่าเป็นอะไรขึ้นมาแล้วล่ะก็... ลินดิสคงไม่เกิดมา

    กาลีวางร่างของลินดิสไว้บนเตียง เธอลูบแผลที่ต้นแขนของแขนขวาอย่างแผ่วเบา หวังให้มันสมานโดยเร็ว

    เธอใช้เวลาคิดอะไรอยู่คนเดียวสักพักก่อนตัดสินใจคลายมนต์สะกดที่ทำให้ลินดิสหลับใหลออก สองนาทีต่อมานางก็สะลืมสะลือตื่นขึ้นมาอย่างที่คาดไว้ มือเล็กยกขึ้นขยี้ตาของตัวเองอย่างน่าเอ็นดู

    นางมีร่างกายที่บอบบางและน่าหลงใหลสำหรับเธอมากจริงๆ

    ช่วงหลังที่เธอเริ่มแสดงออกว่าหลงใหลนางมากขึ้นก็เพราะอารมณ์พิศวาส

    เธอเปิดใจให้ลินดิสอย่างที่ไม่ควรทำ

    แต่เธอไม่ห้ามตัวเองหรอก

    เธอจะรักลินดิสก็ได้

    อย่างน้อยก็แค่หลังจากที่เธอชำระแค้นแล้วเท่านั้น

    "กาลี" ลินดิสทำท่าเหมือนอยากนอนต่อ เมื่อเห็นเธอนั่งอยู่ใกล้ๆ นางก็เคลื่อนตัวมากอดเธอไว้แล้วหลับตาลงอีกครั้ง แต่เธอไม่ยอมให้หลับหรอก

    "ตื่นก่อนสิ" เธอแสร้งทำตัวเป็นคนน่ารัก สดใส และใจดีอีกครั้ง ทั้งที่ความจริงแล้วมันไม่ใช่ตัวตนจริงๆ เลยสักนิดเดียว "ข้ามีอะไรให้เจ้าลองชิมด้วย"

    "หือ" ลินดิสครางอย่างแปลกใจ

    เธอลุกขึ้นไปหยิบผลไม้ลักษณะคล้ายแอปเปิ้ลมาถือไว้แล้วยื่นให้ลินดิส นางที่กำลังเบลอๆ มองมันอยู่สักพักแล้วกัดเข้าไปเต็มคำอย่างไม่อิดออด เธอลอบยิ้มโดยไม่ให้นางเห็น

    "เนื้อในมันเป็นสีแดงเหรอ...เหมือนเลือดเลย แต่ก็หวานมากนะ" นางพูด

    "หากอร่อยก็กินให้หมดสิ"

    อีกแค่สามวันทุกอย่างก็จะพร้อมแล้ว





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×