ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Black N Blue (Yuri)

    ลำดับตอนที่ #42 : Black N Blue❖The destroyer 'six warlords' 5

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 721
      105
      7 ก.พ. 63


    คำเตือน :: บางช่วงบางตอนมีความรุนแรง เนื้อหาไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาหลักของตัวเกมแต่อย่างใด ฉากที่มีเนื้อหาเรท R จะไม่อัพลงเด็กดี โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน


    Song :: Leona Lewis - I to You


    EPISODE05

    Alternative Universe 04The destroyer 'six warlords'


    "นาย...หญิง" ไอริร้อนฉ่าไปทั้งร่าง เปลือกตาเธอหนักอึ้ง หูอื้อจนแทบไม่ได้ยินเสียงว่านางตอบว่าอะไร เนื้อตัวชาแต่ยังสัมผัสได้ถึงมือเรียวที่ลากผ่านทุกอณูร่างกาย

    "..." ไร้เสียงตอบรับ แต่ร่างกายนางยังขยับเคลื่อนไหวในจังหวะที่ดุดัน

    "ร้อน..." ขอบตาเธอรื้น ปากพูดไปตามสิ่งที่รู้สึกเพราะสติมันไม่ยอมกลับมาเต็มร้อยสักที ครึ่งนึงถูกตรึงไว้ในฝัน ส่วนอีกครึ่งตื่นตัวอย่างน่ากลัวอยู่ตรงนี้ "ถอยไป...นะ"

    "อย่าไล่" นายหญิงเคลื่อนริมฝีปากมาขบเม้มแถวใบหูแล้วพูดกับเธอไปด้วย มือของเธอถูกนางกดไว้อย่างน่าอึดอัด แถมคล้ายว่าจะลงแรงเยอะกว่าปกติ "ไม่ให้ไล่"

    ไม่ไล่แล้ว ไม่ไล่ก็ได้...

    "ครั้งเดียวนะเพคะ" สุดท้ายก็ได้แต่ออดอ้อนอย่างน่ารักไปแล้วยอมโดนกระทำแต่โดยดี ตอนที่ได้ยินเสียงครางตอบรับว่า 'อืม' ตาของเธอก็คล้ายจะปิดลงเสียอย่างนั้น...


    ไอริตื่นตอนสายของวันต่อมา เธอบิดตัวเกียจคร้านอย่างคนไม่อยากลุกแล้วมองไปรอบๆ ไม่มีวี่แววของนายหญิงอยู่ในห้องเลย

    เธอหยิบผ้าขนหนูขึ้นมาแล้วเดินไปยังส่วนอาบน้ำของห้องนอน คฤหาสน์ของขุนพลคนที่หกหรูหรามากจริงๆ ห้องนอนใหญ่โตหมดทุกห้องแถมมีห้องน้ำในตัวอีก

    หลังเสร็จธุระในนั้น เมื่อออกมากลับไม่รู้สึกแปลกใจเลยที่เห็นร่างกายผอมเพรียวนอนอวดหุ่นอยู่บนเตียง นัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลเอนเอียงมาทางนี้ ความขุ่นมัวทำให้เธอทราบว่านางยังไม่สร่างเมาดีนัก

    "เมื่อคืนเจ้าหลับ" นางลุกขึ้นนั่ง "มีอะไรจะแก้ตัวไหม"

    "เมื่อคืนหลังข้าหลับ นายหญิงได้ทำอะไรต่อไหม" ไอริถามกลับขณะนั่งลงบนเตียง ร่างกายยังเปียกโชกอยู่เลยไม่ระมัดระวังตัวมาก นายหญิงกวาดสายตาขึ้นลงร่างกายเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าหนึ่งครั้ง ไม่เข้าใกล้มาอย่างที่คิดไว้

    "เปล่า หมดอารมณ์แล้ว" นางกล่าว "ตอนแรกไม่ได้ตั้งใจจะทำ..."

    "..." ไอริเช็ดผมไปด้วย รับฟังไปด้วย

    "แค่อยากหาคนนอนกอด"

    ช่างเป็นการนอนกอดที่ร้อนรุ่มทั้งร่างกายจริงๆ

    "วันหลังนายหญิงต้องมาแบบเมาน้อยกว่านี้นะ" เธอขอ

    "เพราะ?" นางดูสงสัยจริงๆ

    "ข้าตกใจ ทำตัวไม่ถูก ง่วงก็ง่วง ข้ารองรับอารมณ์ท่านไม่ถูกหรอก" เมื่อได้โอกาสก็ตัดสินใจร่ายยาวในทันที นายหญิงมีวิธีการเอาใจหญิงที่ดีมากอันนั้นไม่กล้าเถียง แต่ว่าอีกอย่างที่นางต้องเรียนรู้คือการใช้เจตนาเข้าหาโดยไม่ทำให้คู่นอนตกใจ

    พูดแบบนี้เท่ากับว่าเธอยอมรับกลายๆ ว่าตัวเองเป็นคู่นอนให้ขุนพลคนนี้?

    ใช่ ยอมรับ และคงต้องเป็นไปอีกสักพักเลยล่ะ

    "ตกใจแต่ไม่ตบ ไม่ขัดขืน" ลมหายใจร้อนเป่ารินรดท้ายทอย ไอริสะดุ้งเฮือกเมื่อหันกลับไปแล้วพบว่านางขยับมานั่งด้านหลัง ใกล้มาก...แต่ไม่แตะตัว

    "ข้าไม่อยากตบท่าน ไม่อยากทำร้ายนายหญิง" เธอเม้มริมฝีปากแล้วหันหน้าหนี จงใจกดต่ำเพื่อให้นางเชื่อว่าเธอไม่อยากทำจริงๆ

    แต่ความจริงคือเธอทำไม่ได้ แค่เผลอไล่ไปหนึ่งคำนางยังลงแรงใส่เธอเลย ถ้าตบไปจริงๆ เธอจะไม่โดนฆ่าทิ้งเลยเหรอ

    "เป็นเด็กดีจริงๆ" นางกล่าวทั้งรอยยิ้ม ระยะห่างของใบหน้าเราลดลง และเป็นไอริเองที่ตรึงร่างกายตัวเองไว้ไม่ให้เผลอขยับหนี แต่ทว่านางกลับเพียงแค่วางมือลงบนแก้มเธอเท่านั้น "วันนี้...เด็กดีอยากได้อะไรแค่เอ่ยมาก็พอ"

    "..." ลมหายใจเธอสะดุด

    "ทุกอย่างที่เจ้าอยากได้ จะเป็นของเจ้า" ...ที่เอาใจขนาดนี้เป็นเพราะตอนนี้เธอเป็นผู้หญิงคนเดียวที่นางยอมให้อยู่ข้างกายรึเปล่านะ

    ไอริเก็บงำความสงสัยและสิ่งที่เธออยากได้จริงๆ จากนายหญิงไว้ในใจ เธอเพียงแค่คลี่ยิ้มอ่อนหวานอย่างลึกลับส่งให้นางเป็นคำตอบเท่านั้น

    "ส่วนนั่นเสื้อ" นายหญิงปรายตามองไปยังปลายเตียง เธอมองตาม เห็นเสื้อขนาดใหญ่กว่าไซส์จริงไปหนึ่งเท่าทุกตัว ดูไม่ใช่ของเก่าเลย หากนางบอกว่านางเพิ่งไปกวาดซื้อเสื้อไซส์นี้มาตอนที่เธอยังไม่ตื่น เธอก็เชื่อ "ชอบตัวไหน สีอะไร ลายอะไร ไปลองเอง"

    เธอมองเสื้อเป็นยี่สิบตัวตรงหน้าพร้อมขมวดคิ้ว

    "มันเยอะไป" แล้วกล่าว

    "ไม่มีที่ชอบสักตัวเลย?" นางเอ่ยถามอย่างราบเรียบ ทว่ามึนตึงในขณะเดียวกัน "สงสัยพ่อบ้านที่ส่งไปซื้อให้คงจะมีแค่ตาแต่ไม่มีแวว ต้องลงโทษเสียหน่อย"

    "ไม่ค่ะ ชอบทุกตัวเลย" ไอริรีบตอบก่อนที่จะมีใครบางคนหัวหลุดออกจากบ่าเพราะความเลือดเย็นของนายหญิงคนนี้ "ท่านช่วยเลือกให้ข้าหน่อยได้หรือไม่ มันน่ารักจนเลือกไม่ถูกจริงๆ"

    นายหญิงเสื้อยื่นสีม่วงลายแมวเหมียวมาให้ราวกับเล็งไว้อยู่แล้ว

    เธอไม่มีปัญหา แค่เปิดตู้เสื้อผ้าแล้วหยิบกางเกงรัดรูปสีดำออกมาหนึ่งตัวเท่านั้น แต่หลังเช็ดตัวจนแห้งสนิทก็พบว่ายังแต่งตัวไม่ได้เพราะมีสายตาจับจ้องอยู่ตลอดเวลา

    "ช่วยหลับตาหน่อยได้ไหมเพคะ" เธออายจริงๆ

    "หืม?" นายหญิงแปลกใจ

    "ก็...จะแต่งตัวค่ะ อยากให้นายหญิงหลับตาหน่อย"

    "แต่งตัวไปเถอะ ไม่ทำไรหรอก" นางแสดงออกชัดเจนว่าคำพูดของเธอนั้นไร้สาระ ทำให้ไม่มีทางเลือกอะไร นอกจากเปลือยกายแล้วแต่งตัวต่อหน้านางต่อไป

    นายหญิงทำตามสิ่งที่พูด นางไม่ทำอะไรเธอทางกาย

    แต่ทางสายตา...ไม่น่าเหลือ

    "อาหารเช้ารออยู่ชั้นล่าง กินเสร็จเราจะออกไปข้างนอกกัน" มือของไอริถูกดึงไปกุมไว้อย่างอบอุ่น พวกเราสองคนลงมาข้างล่างด้วยกัน

    ในคฤหาสน์หลังนี้ ไม่มีใครสามารถพูดกับไอริในฐานะคนรับใช้ได้อีกต่อไป

    แต่เพราะไม่อยากโดนนินทา เธอปฏิบัติตัวปกติ อ่อนน้อมถ่อมตนกับทุกคนที่ดีด้วย แสดงออกหลายรูปแบบที่พอเหมาะพอดี ทั้งอ่อนโยนทั้งเข้มแข็ง เด็ดขาดแต่ไม่แข็งกร้าว เป็นคนที่ดูไม่เหมาะสม ทว่ากลับเหมาะสมที่สุดสำหรับการยกย่องของนายหญิง

    ทั้งหมดที่ว่ามาถือเป็นการ 'ประสบผลสำเร็จ' ขั้นแรกของภารกิจ

    หนึ่งชั่วโมงถัดมา เธอมาเยือนที่ตลาดขนาดใหญ่พร้อมนายหญิงในที่สุด อากาศค่อนข้างร้อนทีเดียว วงแขนแข็งแรงข้างหนึ่งจึงโอบเอวเธอไว้อย่างถนุถนอม

    "เดินไหวรึเปล่า" นางกล่าวถาม "แดดร้อน"

    ยังไม่ทันได้ตอบ นางหันไปพยักหน้ากับคนรับใช้ที่ตามมาด้วยกัน ปรากฏร่มไม้ไผ่สีแดงในมือของนายหญิงขณะที่นางกางมันเพื่อปกป้องเธอจากแสงแดด

    ความดีและความใส่ใจอย่างน่าเหลือเชื่อทำให้ไอริหวนคิดว่า... 'สิ่งใดทำให้ผู้หญิงคนนี้เลือกที่จะเดินไปในเส้นทางของขุนพลที่มีแต่การเหยียบย่ำและเค้นฆ่าผู้อื่น'

    ทว่าหลังผ่านไปหลายนาที ประกายความอ่อนโยนในดวงตาของนายหญิงทำให้เธอเหยียบความสงสัยนี้ไว้ในส่วนที่ลึกที่สุดของจิตใจ

    ไม่ว่านางจะตัดสินใจเพราะอะไร เธอไม่มีสิทธิ์ไปตัดสินมันว่า ดี หรือ ไม่ดี

    "เห็นอะไรที่ชอบบ้างไหม" คนข้างกายถาม

    เพราะนางตัวสูงกว่า เมื่อไอริเงยหน้ามองจึงเห็นได้แต่สันกรามคมเข้มเท่านั้น นัยน์ตาเย็นชาทอดมองไปข้างหน้า ทำให้ผู้คนที่เดินสวนกับเราตัวหลีบและหลบทางไปเองโดยไม่ต้องกระแทกกับใคร

    "อันที่จริงก็...ยังเพคะ" เสื้อยืดเมื่อเช้ามันเพียงพอแล้วกับการใส่ในคฤหาสน์อย่างเดียว

    "ไม่มีเลย?" ยามที่พูดประโยคนี้ ดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลทอประกายความกราดเกรี้ยวและฉายชัดออกมาเป็นคำพูดว่า 'ช่างเป็นตลาดที่ไร้ประโยชน์เสียจริง'

    "ร้านเครื่องประดับตรงนั้นสวยดีเพคะ" ไอริเหลือบไปเห็นร้านเล็กๆ ที่ถูกตกแต่งอย่างเรียบง่ายอยู่ระหว่างทางที่เดินผ่านพอดี เธอดึงมือนายหญิงให้เดินตามเข้าไปด้วยกัน เพื่อหยุดยั้งความคิดทำลายตลาดทิ้งในหัวของนาง

    แม้จะไม่ได้คิดซื้ออะไรอย่างจริงจัง แต่สายตาดันโดนสร้อยเส้นนึงตกเข้าจนได้

    เจ้าของร้านผู้หญิงรีบเข้ามาคุยทันทีที่เห็นประกายความอยากได้ในตาไอริ

    "คุณนายชอบสร้อยเส้นนี้หรือเพคะ" ...คุณนาย?

    "..." เธอไม่ได้ตอบในทันทีเพราะมัวแต่อึ้งกับสรรพนามที่โดนเรียก สักพักก็เตือนตัวเองได้ว่ามันเป็นเพราะอานิสงค์ความร่ำรวยและความน่ากลัวของนายหญิงที่โอบเอวเธอไม่ห่าง "...ชอบค่ะ"

    นายหญิงไม่ได้พูดอะไร นางไม่ได้พิจารณาอย่างถี่ถ้วนด้วยซ้ำว่าของที่เธออยากได้คุ้มค่ากับเม็ดเงินที่นางต้องเสียรึเปล่า นางเพียงแค่โบกมือให้คนรับใช้เข้ามาจัดการเรื่องการชำระเงินให้แล้วพาเธอออกมายืนรอหน้าร้าน

    "สร้อยเมื่อกี้...สวยมากไหม?" ดูสิ ออกมาจากร้านแล้วนางเพิ่งถาม

    "สวยเพคะ" เธอกล่าวตามความจริง

    "..."

    "นายหญิงสวมต้องดูสวยและมีออร่ากว่าที่ข้าสวมแน่นอน"

    "เหรอ" นางเลิกคิ้ว เป็นจังหวะเดียวกับที่คนรับใช้เดินออกมาพร้อมถุงผ้าขนาดเล็ก นายหญิงรับมันมาแล้วหยิบสร้อยขึ้นมาไว้ในมือ "หันหลังมาสิ"

    จังหวะที่เธอหันหลังแล้วนายหญิงก็พาดสร้อยขาวรูปมังกรลงบนลำคอเธอ สายตาที่ดีเกินเหตุกลับสังเกตเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังเดินตรงมาทางนี้ ใบหน้านิ่งเฉยที่คุ้นเคยของเขาปรากฏในสายตาเธอ

    เมื่อเขาเห็นเธอ ใบหน้าที่เคยเรียบสนิทเริ่มฉาบด้วยความตื่นเต้น

    มูราจ หนึ่งในสภาผู้นำของฝั่งพันธมิตร เป็นเพื่อนในกลุ่มเดียวกันกับเธอและแอสทริด แต่พอโตขึ้นมาหน่อย...การทำงานคนละอย่างกันทำให้เราไม่เคยได้เจอกันอีกเลยในรอบสองปี

    เธอกำลังส่ายหน้าเป็นเชิงบอกเขาว่า 'ห้ามทักอย่างเด็ดขาด'

    แต่มันไม่ทัน...

    "ไอริ!" เสียงทุ้มแหบตะโกนเรียก

    ผู้ถูกเรียกเช่นเธอหน้าถอดสี นายหญิงที่สวมสร้อยให้เธอเสร็จก็เบนสายตาขึ้นมาพอดี

    เมื่อครู่นายหญิงกำลังก้มหน้าอยู่ ทำให้เขาไม่ได้สังเกตว่านางเป็นใครเลยสุ่มสี่สุ่มห้าทักมา ส่วนเธอกลับรู้สึกได้ถึงรังสีอำมหิตในทันที

    "คนนั้นใคร" นางถามอย่างคนวางเฉย แต่ดวงตากระหายเลือด "เจ้ารู้จักเขา?"

    เพื่อนสมัยเด็กที่ไม่ได้เจอกันพักใหญ่ มาถึงก็รนหาที่ตายต่อหน้าต่อตา

    ไอริมองนายหญิง สลับกับมูราจที่ยืนนิ่งอยู่กับที่

    "ข้าว่าเขาแค่จำคนผิดเพคะ" เธอควบคุมเสียงให้เรียบเฉย มองชายหนุ่มด้วยหางตาแล้วส่งยิ้มให้นายหญิง "เราไปกันดีกว่านายหญิง ข้าอยากได้ชุดกระโปรงชุดใหม่"

    ...เธอโกหกและซ่อนมือที่สั่นเทาของตัวเองไว้ด้านหลังอย่างแนบเนียน

    "..." นายหญิงไม่ได้กล่าวสิ่งใด แค่ปรายตามองมูราจทิ้งท้ายราวกับกำลังหมายหัวเขาไว้แล้วเดินตามเธอมาอย่างใกล้ชิดเท่านั้น

    เราเดินซื้อเสื้อผ้ากันอีกสักพักใหญ่ ไอริได้ชุดกระโปรงมาหลายสิบชุด กับเครื่องประดับจุกจิกตามประสาผู้หญิง เมื่อไม่มีอะไรกวนใจ นายหญิงก็เหมือนจะลืมเรื่องขุ่นเคืองจนหมดสิ้น

    ทว่าเมื่อเรากลับมายังคฤหาสน์หลังงาม นายหญิงหายเข้าไปในห้องทำงานกับท่านมีน่าและท่านทาร่าในทันทีด้วยท่าทางที่แสดงชัดเจนว่ามีเรื่องต้องคุยหารือ

    เธอติดตามไปอย่างเงียบเชียบโดยไม่ให้ใครสังเกตเห็น ใช้ทักษะนักฆ่าเฉพาะตัวเพื่อหลบเลี่ยงการถูกจับได้ให้มากที่สุด

    เธอเอนตัวพิงกำแพงแล้วแนบหูเข้ากับประตูไม้สลักบานใหญ่

    "ท่านวีร่าเข้าสู่สภาวะจำศีลแล้วนะ" เสียงเรียบๆ นี้เป็นของท่านมีน่า เธอจำได้แม่นยำเพราะลักษณะการพูดของทั้งสามคนไม่มีใครคล้ายกันเลย "ตอนนี้เป็นหน้าที่โดยชอบธรรมของเวเรสในการดูแลบัลลังก์ ส่วนอื่นๆ คนจัดการจะเป็นลินดิสเหมือนเดิม"

    "ท่านวีร่าใช้เวลาจำศีลแค่สองเดือน ช่วงนี้พวกเราอยู่เงียบๆ กันได้อยู่แล้ว หากไม่มีอะไรที่นอกเหนือความคาดหมายเกิดขึ้นเสียก่อน" เสียงต่อมาเป็นนายหญิง นางดูจริงจังเป็นอย่างมาก

    "ไม่เห็นต้องเป็นห่วง" ท่านมีน่าโต้ตอบกับนายหญิง "การที่เจ้าไม่สามารถโจมตีมนุษย์ก่อนได้ ไม่ได้หมายความว่าเจ้าจักเสียเปรียบ แค่ต้องรอให้ร่างกายเป็นแผลก่อนสักแผล...หลังจากนั้นจะทำอะไรก็ทำ"

    "ข้าไม่ได้ห่วงเรื่องการรบ" นายหญิงกล่าว "ไม่เคยห่วงอยู่แล้ว"

    "..."

    "ตอนนี้ข้าพอใจดีกับชีวิตที่เป็นอยู่"

    "พูดเหมือนเจ้าจะไม่หันกลับมาจับสงครามสักพักใหญ่เลย" ท่านมีน่าหัวเราะเบาๆ ลอดผ่านออกมาทางช่องใต้ประตู "เห็นสิ่งที่เจ้าทำให้ไอริแล้ว ไม่นึกเลย...ว่าเมื่อสองสามอาทิตย์ก่อนเจ้าจะหลงใหลความสวยงามของเซฟีร่าได้ปานนั้น"

    "กับผู้หญิงคนนั้นข้าไม่ได้คิดอะไรมาก"

    "..."

    "การไม่ได้เซฟีร่า ไม่ได้หมายความว่าข้าจะหาคนอื่นมาเติมเต็มไม่ได้"

    "ข้าทราบว่าเจ้าเสน่ห์แรง หญิงเยอะ แต่..." ท่านมีน่าพูดไม่จบ

    "ผู้หญิงพวกนั้นก็แค่ของบำเรอชั่วคราวตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ไม่ได้มีค่าให้สนใจนานๆ" ประโยคนี้ทำให้ไอริตระหนักได้ว่าในความคิดนายหญิง สตรีรอบตัวนางเป็นได้แค่ของบำเรอ

    "แล้วเจ้ากำลังจะบอกข้าว่าสักวันหนึ่ง...ไอริก็จะหมดความสำคัญไป?"

    "..."

    "ทุกเรื่องที่เจ้าทำให้นาง เจ้าทำแม้จะรู้ว่ามันสูญเปล่า?"

    "..."

    "ถูกไม่ถูก?"

    เมื่อสิ้นเสียงท่านมีน่า ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ จากนายหญิงอีก ผ่านไปสักพักท่านทาร่าที่เงียบมานานก็ชวนคุยเรื่องไร้สาระอย่างเรื่อยเปื่อย ไอริผละออกจากบานประตูแล้วเดินขึ้นไปบนห้องของตัวเอง จัดการแยกเสื้อผ้าที่ซื้อไว้เพื่อที่จะนำมันไปซัก กลบเกลื่อนความคิดฟุ้งซ่านจากสิ่งที่ได้ยินมา

    แต่วันนั้นไอริไม่รู้ว่าเธอพลาดอะไรไป เธอกำลังลงไปเตรียมอาหารเย็นให้นายหญิงตอนที่พ่อบ้านมาแจ้งให้ทราบว่านายหญิงกับสหายจะออกไปทำธุระข้างนอกสองสามวัน ให้เธอใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ได้ตามสบายเลย

    "ท่านบัตเตอร์ฟลายเตรียมทุกสิ่งทุกอย่างไว้ให้พร้อมแล้วขอรับ" พ่อบ้านเก่าแก่กล่าว "หากท่านไอริอยากได้สิ่งใดก็เอ่ยสั่งได้เลย"

    "..." เธอเกือบลืมไปแล้วว่าขุนพลลำดับที่หกมีชื่อว่า 'บัตเตอร์ฟลาย'

    ก็...เธอคิดว่านายหญิงมันเหมาะกับตำแหน่งและนิสัยหยิ่งยโสของนางมากกว่าชื่อนี้

    "ตอนนี้ท่านไอริมีสิทธิ์ทุกอย่างเท่าเทียมท่านบัตเตอร์ฟลายในบ้านหลังนี้ขอรับ" หลังเอ่ยประโยคนี้ คุณพ่อบ้านก็ขอตัวไปเก็บของเพื่อเตรียมกลับบ้าน

    ไอริควรดีใจสิที่นายหญิงถึงขนาดยกฐานะเธอให้เท่าเทียมกับนางในยามที่นางไม่อยู่

    ควรดีใจสิที่ผู้หญิงที่เพียบพร้อมทุกอย่างและเป็นที่หมายปองของใครหลายคน จู่ๆ ก็มายกย่องเธอคนเดียว

    'ทุกเรื่องที่เจ้าทำให้นาง เจ้าทำแม้จะรู้ว่ามันสูญเปล่า?' ประโยคที่ได้ยินเมื่อหลายชั่วโมงก่อนแล่นเข้ามาในหัว โดยเผินๆ แล้วมันอาจจะดูไร้ความสำคัญต่อตัวเธอที่เมื่อภารกิจสำเร็จก็จะจากไป แต่ทว่าความหนักอึ้งในจิตใจไม่ปล่อยให้เธอปัดเป่าความกังวลออกไป

    กังวลไปก่อนในเรื่องที่ยังเป็นนามธรรม

    กังวลไปอย่างคนโง่ที่คิดสิ่งใดไม่เป็น

    กังวลอย่างไร้ความหมาย คิดวนไปวนมาทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าทำไม...

    วันถัดมา หลังผ่านคืนที่สับสนมาด้วยตัวเองได้ ไอริตัดสินใจกลับเข้าไปในเมืองอีกรอบ เธอคงไม่ได้บอกไว้ว่าคฤหาสน์ของนายหญิงตั้งอยู่ในพื้นที่ที่กึ่งชนบทกึ่งเมือง เป็นบ้านหลังใหญ่หลังเดียวที่มีรั้วล้อมสูงมาก เป็นบ้านที่บ่งบอกฐานะได้อย่างน่ากลัวในแถบนี้

    เธอมาถึงบ้านที่ฝ่ายพันธมิตรเช่าไว้เพื่อติดตามข่าวสาร เห็นมูราจอยู่ข้างใน

    "ไอริ" ชายหนุ่มร่างโปร่งลุกขึ้นยืนทันทีที่เห็นเธอ

    "เจ้าเด็กน้อยโตขึ้นเยอะเลยนะ" เธอกอดเขาเพื่อให้หายคิดถึง เมื่อเราผละออกจากกันและกันเธอจึงสังเกตใบหน้าเขาได้ใกล้ขึ้น "ไปทำไรมา...ทำไมดูหล่อขึ้น"

    "ไม่ได้ทำอะไรเลย ข้าหล่อวันหล่อคืนของข้าเอง" แม้จะคล้ายการพูดจาโอ้อวด แต่มูราจก็หล่อมากจริงๆ นัยน์ตาคมสีน้ำตาลช็อคโกแลต ขนตายาวแพงอนราวกับสตรีเพศ ทว่าทั้งสันจมูก ริมฝีปาก แก้ม รวมไปถึงร่างกาย องค์ประกอบทุกอย่างของเขาบ่งชี้ชัดถึงบุรุษเพศเต็มวัยที่แข็งกร้าวพอสมควร

    "อื้อ เจ้าหล่อ" เธอกล่าว "แล้วทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ"

    มูราจชะงักไปวูบหนึ่ง "ข้าได้ยินว่าเจ้ามาทำงานเสี่ยงอันตรายอยู่คนเดียว เลยอยากมาดูให้มั่นใจเสียหน่อยว่าเจ้าเอาอยู่"

    "เดี๋ยวเจ้าก็กลับไปยังดินแดนทะเลทรายหรือ"

    งานฝั่งมูราจถือเป็นงานที่ทั้งง่ายและยากในตัวเอง

    เขาเป็นผู้นำสังกัดอยู่ในดินแดนทะเลทราย

    จัดการพวกปีศาจทราย กองทัพที่สามารถเข้ามาเสริมพวกหกขุนพลได้เพียงเท่านั้น

    คนอยู่สังกัดทะเลทรายทั้งหมด หากไม่จำเป็นจะไม่ถูกเรียกตัวกลับมา แต่หากจำเป็น...พวกเขาต้องมาเผชิญหน้ากับหกขุนพลไม่ต่างจากพวกเรา

    "กลับสิ เดี๋ยวกลับวันนี้เลย ข้ามีเวลาว่างแค่ไม่กี่วัน" เขาหัวเราะ "อากาศที่นี่ดีมาก หากเป็นไปได้ก็อยากขออนุญาตพวกสภาใหญ่ให้ข้าอยู่ที่นี่นานๆ แต่สงครามฝั่งทะเลทรายก็ดุเดือดไม่แพ้กัน"

    ไอริหันไปมองความร้อนของแสงแดดอ่อนๆ ของวันนี้ อากาศดีอย่างที่เขาว่าไว้ สายตาหันกลับมาสังเกตเห็นว่าตรงเข็มขัดคาดเอวของชายหนุ่มจะมีกระติกน้ำสีน้ำตาลห้อยติดตัวอยู่เสมอ คงเป็นความเคยชินจากการอยู่ในทะเลทราย

    "หมายความว่ายังไง" เธอเกร็งสายตาจ้องไปที่เขา "เรื่องสงคราม"

    "..." เขาไม่ได้ตอบในทันที ยังคงความเงียบไว้หลายส่วน

    "ทะเลทรายควรเป็นฝั่งที่เงียบที่สุดไม่ใช่เหรอ"

    "ทะเลทรายน่ะ เป็นที่ที่อสูรทรายอยู่กันได้อย่างอิสระ ไม่เหมือนที่นี่ที่มีอาณาเขตปีศาจ เพราะฉะนั้นช่วงที่พวกมันเริ่มคลั่งขึ้นมา เลยไม่มีอาณาเขตแบ่งกั้น การตั้งรับเต็มรูปแบบเกิดขึ้นสักพักแล้ว"

    ไอริสงสัยอะไรบางอย่างอยู่ในใจ ในที่สุดเธอก็เล่าเรื่องที่ได้ยินมาว่าราชินีวีร่าเข้าสู่สภาวะจำศีลให้เขาฟัง

    "ฟังดูไม่ใช่เรื่องบังเอิญเลย" มูราจเห็นด้วยไม่ต่างกัน

    เธอเงียบเพื่อครุ่นคิด รอบๆ ตัวเธอกับมูราจมีพลทหารระดับสูงที่คอยจดคำพูดที่มีประโยชน์ของเราไว้ด้วย เพื่อนำมันไปรายงานให้แก่สภาใหญ่

    "ไอริ" เสียงทุ้มเรียกเธอ ใบหน้าเขาแสดงออกถึงความไม่สบายใจ "นางไม่ได้สงสัยใช่หรือไม่ว่าเจ้าเป็นใคร"

    'นาง' ที่ว่าคงหมายถึงนายหญิง

    "ไม่หรอก" เธอว่า

    "ทำไมถึงมั่นใจเหรอ" มือแกร่งวางลงบนมือของเธอบนโต๊ะ ความร้อนผ่าวซึบซาบทางผิวหนัง "แล้วถ้านางสงสัยขึ้นมา...เจ้าได้คิดรึเปล่าว่าเจ้าจะเป็นอย่างไรต่อ"

    "คิดสิ" ไอริกล่าวด้วยรอยยิ้ม ดึงมือออกจากสัมผัสของมูราจแล้วลุกขึ้นยืน "ข้าต้องกลับแล้ว เดี๋ยวพ่อบ้านในคฤหาสน์สงสัยแล้วเขาจะรายงานเจ้านายเขา"

    เธอไม่ได้ตอบมูราจว่าทำไมถึงมั่นใจ เพราะกลัวมันจะกลายเป็นการ 'มั่นใจจนเกินไป' ของเธอเอง

    แต่หากถามว่าทำไมถึงมั่นใจ...เพราะเธอคิดว่าทำทุกอย่างดีแล้ว ไม่มีพลาดไป จะไม่ให้มั่นใจเลยมันคงเป็นไปไม่ได้หรอก

    การกลับไปยังคฤหาสน์ยากกว่าที่คิดไว้เพราะฟ้าเริ่มมืดอย่างรวดเร็ว ฝนตกลงมาแรงมาก เธอที่มาได้เกือบครึ่งทางหยุดลงที่ร้านน้ำชาเล็กๆ แล้วกำลังคิดว่าจะไปต่อหรือรอให้ฝนหยุดก่อนดี

    "เข้ามาในร้านก่อนไหมเพคะ" หญิงสาวคนหนึ่งเดินมาหาเธอ ส่วนสูงเราเกือบเท่ากัน อายุก็คงไล่เลี่ยเช่นกัน

    ไอริยิ้มอย่างอ่อนโยนแล้วพยักหน้า

    "เชิญนั่งเพคะ"

    เธอนั่งลงที่โต๊ะริมในสุดของร้านแล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง ใครจะทราบว่าจะมีพายุเข้า ตอนใช้เวลาสนทนากับมูราจก็เห็นเพียงแค่แสงแดดเท่านั้น

    "รับเครื่องดื่มอะไรไหม" หญิงสาวยังยืนอยู่

    ไอริกวาดสายตามองไปทั่วร้าน มีลูกค้าแค่ไม่กี่โต๊ะ คาดว่าแค่เห็นฟ้าเริ่มมืดชาวบ้านก็เริ่มกลับเข้าบ้านกันหมด

    "เมนูที่ดังที่สุดในร้านคืออะไร...ข้าเอาอันนั้น" เธอยิ้ม

    หญิงสาวเจ้าของร้านหายไปเพียงแค่สิบนาทีแล้วกลับมา นางถือวิสาสะนั่งลงตรงข้ามพร้อมกับแก้วกาแฟที่วางลงตรงหน้า

    "ข้ามีนามว่าไวโอเล็ต" นางแนะนำตัวเอง ส่วนไอริพยักหน้าให้นางพูดต่อได้เลย "ข้าเคยเห็นท่านมาก่อน ครั้งแรกที่ข้าไปเมืองหลวงแห่งแพนเธีย ข้าเห็นท่านยืนอยู่เคียงข้างราชินีแอสทริดตลอดเวลา"

    "เจ้าจำคนไม่ผิดหรอก" เธอยืนยัน

    ไม่คุ้นหูเหมือนกันกับการที่คนอื่นเรียกแอสทริดว่าราชินี เพราะนางเพิ่งขึ้นครองบัลลังก์ได้เพียงสามวันเท่านั้น และไอริก็ไม่ได้ไปร่วมงานสำคัญของเพื่อนสนิท ตลอดทั้งชีวิตของเธอ เธอเรียกแอสทริดว่าเจ้าหญิง จะให้เปลี่ยนขึ้นมาก็เก้อเขินไม่น้อยทีเดียว

    "แต่เมื่อหลายวันก่อน ชาวบ้านลือกันว่าท่านมากับท่านบัตเตอร์ฟลาย จริงหรือเพคะ" ไวโอเล็ตมีสีหน้าเคร่งเครียด

    "การมากับท่านบัตเตอร์ฟลายมันแปลกหรือ" ไอริชะงัก

    นางดูลังเลที่จะอธิบาย แต่สุดท้ายก็กล่าวออกมาด้วยเสียงที่ถูกลดให้เบาลง "...ไม่ทราบว่าท่านทราบไหม ถึงไม่มีใครพูดสิ่งใด มันมีข่าวลือมานานแล้วว่าท่านบัตเตอร์ฟลายเป็นหนึ่งในหกขุนพล แต่เพราะท่านบัตเตอร์ฟลายมีอำนาจมากในเมืองนี้ ทำให้ไม่มีผู้ใดกล้าตัดสินตามอำเภอใจเพคะ"

    ไอริเพียงแค่ยิ้มกับคำพูดนั้น ยกกาแฟขึ้นจิบ รสชาติละมุนละลายอยู่บนลิ้น

    "กาแฟของเจ้ารสชาติดีจริงๆ"

    "ท่านไม่เชื่อหรือว่าท่านบัตเตอร์ฟลายเป็นขุนพล" ไวโอเล็ตหงอยลง ดูเป็นคนที่ไม่สามารถเบี่ยงประเด็นด้วยได้เลย

    "ไม่รู้สิ" ไอริแย้มยิ้ม เธอตอบอย่างคนที่ไม่รู้ไม่เห็นสิ่งใดทั้งนั้น "เรื่องแบบนี้ต้องรอพิสูจน์ก่อน"

    "แล้วเหตุใดท่านถึงมาอยู่กับท่านบัตเตอร์ฟลายหรือ"

    ไวโอเล็ตเป็นคนที่ถามคำถามได้ฉลาดจริงๆ

    แต่คำถามไม่ได้กระทบไอริมากนักหรอก

    "ข้าแค่มาดูว่าท่านบัตเตอร์ฟลายอยากกลับไปเป็นขุนนางหรือเปล่า" ใช่ ตั้งแต่ได้ที่อยู่ของนายหญิงมา แอสทริดก็บอกมาตรงๆ วันนั้นเลยว่าตระกูลของนายหญิงเคยเป็นขุนนางเก่ามาก่อน แต่ฐานะความร่ำรวยยังเป็นปริศนาอยู่ "แต่อีกไม่นานคงกลับ...เพราะนางดูไม่ได้สนใจเท่าไหร่"

    "แล้ว...ที่มีคนบอกว่าท่านกับท่านบัตเตอร์ฟลายคบกัน ไม่จริงหรือ?" ไวโอเล็ตยิ้มกรุ้มกริ่ม

    รู้สึกเหมือนกำลังโดนแซวยังไงไม่รู้...

    "ไม่ใช่ความจริงหรอก" สุดท้ายเธอก็ตอบเพียงแค่นั้น ดื่มกาแฟแสนอร่อยจนหมดแก้วแล้วลุกขึ้นยืน ยื่นเงินค่ากาแฟไปให้ไวโอเล็ต "ต้องไปแล้ว"

    "แต่ฝนยังไม่หยุดเลยนะ" นางขมวดคิ้ว

    เธอส่ายหน้าเล็กน้อย ฝนหยุดหรือยังไม่หยุดมันไม่สำคัญหรอก

    ไอริแค่อยากกลับบ้านเท่านั้นในตอนนี้


    บัตเตอร์ฟลายนั่งอยู่ในห้องประชุมกับขุนพลคนอื่น

    ห้องประชุมที่เป็นห้องประชุมจริงๆ ไม่ใช่ห้องที่พวกเราใช้นั่งเล่นนอนเล่นกันประจำหรอก

    ห้องนี้เป็นห้องที่ค่อนข้างมืดกว่าห้องอื่น มีโต๊ะกลมขนาดใหญ่กับเก้าอี้สิบเอ็ดตัว บ่งบอกถึงขุนพลสิบคนกับเก้าอี้ราชินีของท่านวีร่า

    แต่มาวันนี้ค่อนข้างว่างเปล่าเป็นพิเศษ ขุนพลตายไปแล้วสี่ ส่วนราชินีของพวกเราก็อยู่ในช่วงจำศีลที่ใช้เวลานานถึงสองเดือน

    พวกเรานั่งลงเก้าอี้ของตัวเอง แต่มีการเคลื่อนย้ายนิดหน่อยเพราะเก้าอี้ลำดับที่สองข้างเก้าอี้ราชินีถูกเซฟีร่ายึดไป ทาร่ามันเลยไปนั่งที่เก้าอี้ลำดับที่สี่แทนเวเรสผู้นั่งแทนที่ท่านวีร่า

    จริงๆ เซฟีร่าไม่ได้ยึดเก้าอี้ตัวนั้นหรอก ทาร่ามันลุกให้เองมากกว่า

    ก็นานๆ ทีเวเรสจะปล่อยให้เมียมันออกมาเดินเล่นนอกคฤหาสน์หลังนั้น

    ทุกครั้งที่บัตเตอร์ฟลายเบนสายตามองไปทางเซฟีร่า ไม่ว่าจะตั้งใจหรือบังเอิญก็ตาม จะได้รับการมองที่นิ่งมากของเวเรสเป็นการตอบรับเสมอ ในขณะที่คนถูกมองจริงๆ ร่าเริงและไม่ได้สนใจอะไร

    หวงไปทั่วแบบปัญญานิ่มจริงๆ

    เซฟีร่าสวยมากแล้วไง มีหมานั่งเฝ้าข้างๆ ก็จบ

    เป็นไปไม่ได้เลยที่บัตเตอร์ฟลายจะไม่ด่าเวเรส ผู้หวงเมียยิ่งกว่าอะไร

    แต่ก็มีหลายอย่างที่บ่งบอกว่าเซฟีร่าเหมาะแค่กับเวเรสเท่านั้น เพราะหากให้มองมุมกลับกัน หากผู้หญิงของบัตเตอร์ฟลายสวยสง่า มีออร่านางฟ้านางสวรรค์อยู่รอบตัวตลอดเวลา แต่มีนิสัยส่วนตัวที่ค่อนข้างหัวแข็งและยโส เธอจะทำยังไง?

    คำตอบคือ เธอทิ้ง

    ผู้หญิงประเภทเซฟีร่าถูกใจเธอแค่ความสวยของนางเท่านั้น นิสัยเราเข้ากันไม่ได้

    บัตเตอร์ฟลายหวนนึกถึงไอริที่ไม่รู้ว่าทำอะไรอยู่ที่คฤหาสน์

    เธอชอบไอริจริงๆ แต่การชอบพอของเธอไม่ได้หมายถึงความรัก

    ผู้หญิงคนนั้นน่ารัก หัวอ่อนแต่ไม่ยอมคน ร้ายกาจทว่าเหมาะสม วางตัวได้ถูกสถานการณ์เสมอ ยิ่งเธอได้ใช้เวลาอยู่ด้วยเธอก็ยิ่งชอบ

    อยากกลับบ้าน

    "บัตเตอร์ฟลาย" ตอนที่คิดก็เป็นจังหวะเดียวกับที่โดนเวเรสเรียกชื่อ

    "หืม?" เธอครางรับอย่างไม่ใส่ใจ และยังคงฟุบใบหน้าอยู่บนโต๊ะหินอ่อนเย็นเฉียบ

    "เจ้าถูกส่งไปจัดการกับอสูรที่อาละวาดอยู่ที่ทะเลทราย"

    "..." อ้อ ที่มันเรียกคือหาเรื่องใช้งานนี่เอง

    "ไปแจ้งข่าวว่าท่านวีร่าจำศีลแค่สองเดือน หากอาละวาดอีกก็ฆ่าทิ้งซะ" เวเรสสั่งการเสร็จก็หันไปกระซิบกระซาบบางอย่างกับเซฟีร่าต่อทันที

    เจ้าคนติดเมีย

    เธอด่าในใจทิ้งท้ายแล้วลุกขึ้นอย่างโงนเงนเพราะรู้สึกง่วง

    รีบไปจัดการให้เสร็จ แล้วกลับไปหาไอริดีกว่า


    แต่ใครจะรู้ว่ารวมเวลาทั้งหมดที่ออกจากบ้านมาจะมากกว่าห้าวันไปแล้ว เพราะการก่อกวนของพวกศัตรูที่ตั้งฐานอยู่ในทะเลทรายช่างน่ารำคาญจริงๆ

    และเพราะโดนก่อกวนหนักเข้า บัตเตอร์ฟลายเลยใช้โอกาสนั้นมาสอดส่องฐานทัพของพวกมันเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายก่อนจะกลับไปยังคฤหาสน์ของตัวเอง

    การมาในครั้งนี้ทำให้เธอสังเกตเห็น...'มัน' เข้า

    ผู้ชายคนนั้นไง คนที่เข้ามาทักไอริเมื่อหลายวันก่อน

    มันคือผู้นำของที่นี่

    บัตเตอร์ฟลายแค่นยิ้มแล้วหันหลังให้ สัญญาณ 'ความไม่น่าไว้ใจ' ถูกจุดขึ้นในหัวเธอราวกับพลุ แต่หัวใจเธอสั่งให้ลืมว่าเธอเห็นอะไรที่นี่ คนที่ฉลาดมาทั้งชีวิตอย่างเธอเลยยอมเป็นคนโง่ครั้งแรกด้วยเหตุผลที่ว่า

    '...เพราะเธอเชื่อใจน้อง'





    - Butterfly -
    6th Warlord
    Cast By -


    - Airi -
    Leader of Dragon clan
    Cast By -


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×