ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Black N Blue (Yuri)

    ลำดับตอนที่ #50 : Black N Blue❖The destroyer 'six warlords' 13

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 833
      141
      7 ก.พ. 63


    คำเตือน :: บางช่วงบางตอนมีความรุนแรง เนื้อหาไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาหลักของตัวเกมแต่อย่างใด ฉากที่มีเนื้อหาเรท R จะไม่อัพลงเด็กดี โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน


    Song :: Boy Epic - Scars


    EPISODE13

    Alternative Universe 04The destroyer 'six warlords'


    บรรยากาศที่ทะเลสาบสงบเหมือนอย่างเคย ลิเลียน่าย่ำเท้าไปข้างหน้าอย่างรู้จุดหมายตัวเอง ถึงแม้เป็นเวลาใกล้เช้าแล้ว แต่เธอก็ทราบว่าเพื่อนสนิทต้องอยู่ที่นี่

    "มาหาข้าเหรอ ลิเลียน่า" ลินดิสกล่าวขึ้นท่ามกลางความเงียบ

    "..." เธอไม่ได้ตอบ แค่เอนตัวลงนอนแล้วเงยหน้าขึ้นมองดวงจันทร์บนท้องฟ้าเช่นเดียวกับนางเท่านั้น

    เธอไม่จำเป็นต้องตอบคำถามที่คนถามเองก็ทราบดีอยู่แล้ว

    เธอมาหานางอีกแล้ว

    อีกแล้ว

    ความจริงก็คือลินดิสไม่เคยชวนเธอมาที่แห่งนี้กับนางเลย แต่ช่วงที่เธอพักในอาณาเขตปีศาจ บางวันที่นางมานอนค้างที่บ้านพักเธอ นางมักจะออกไปข้างนอกในเวลาเดียวกันเสมอ และมีครั้งหนึ่งที่เธอตามมาจนมาเจอที่นี่

    เธอเสนอตัวตามมาอยู่เป็นเพื่อน นางเองก็ไม่เคยห้าม เราเลยมักลงเอยเช่นนี้ประจำ

    "ไม่ใช้เวลาอยู่กับทูตสวรรค์คนนั้นหรือ?" ลินดิสกล่าวถาม

    "นางหลับ"

    ลิเลียน่าทิ้งให้ลอเรียลนอนอยู่ในห้องคนเดียว นางเหนื่อยและต้องการการพักผ่อน แตกต่างกับเธอที่ยังมีแรงทำอย่างอื่นเหลืออยู่

    ลินดิสพยักหน้ารับ ใบหน้าของนางไม่แสดงอารมณ์อย่างที่เป็นเสมอมา ช่วงหลังมีเพียงแค่เรื่องของทาร่าเท่านั้นที่ทำให้นางออกอาการแปลกๆ ได้

    ลิเลียน่าทราบความสามารถของเพื่อนสนิทดี และด้วยความสามารถเหล่านั้นของนาง ทำให้นางแลกอะไรหลายอย่างเพื่อคงความสามารถนั้นไว้ในฐานะผู้เป็นเอลฟ์มืดเพียงหนึ่งเดียวตอนนี้

    เวลาเรากินน้ำชาที่ลินดิสเป็นคนทำ นางมักใส่ยาพิษลงไปผสมกับผงชาเสมอ ร่างกายของหกขุนพลทุกคนต่อต้านพิษอยู่แล้ว แต่สิ่งที่นางทดสอบอยู่ก็คือทักษะในการรับรู้รสชาติผ่านปลายลิ้น นางไม่เหลือความรู้สึกพวกนั้นอยู่เลย

    ลิเลียน่าที่อยากเอาใจเพื่อนสนิทจึงมักทำคุกกี้น้ำผึ้งที่หวานมากๆ มากินคู่กัน เพื่อล้างความขมบนลิ้นตัวเอง ก่อนประสาทสัมผัสจะเสียไปอีกคน

    ระหว่างที่กำลังนึกถึงเรื่องดีๆ ที่เคยเกิดขึ้นในระหว่างอยู่กับลินดิส ภาพของลอเรียลในชุดขาวก็แล่นวาบเข้ามาในหัว เห็นสีหน้าที่ฝืนมีความสุขของนางในยามที่เธอสวมแหวนให้

    ขุนพลลำดับที่ห้าชะงักไปเล็กน้อย...

    เธอไม่คิดว่าลอเรียลจะมีอะไรน่าสนใจมากพอให้มาอยู่ในความคิดของเธอ โดยเฉพาะในยามที่เธอใช้เวลากับลินดิสแบบนี้

    "เหมือนไม่สบายใจเลย มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า" ลินดิสลุกขึ้นนั่งแล้วใช้มือสางเส้นผมที่ยุ่งเหยิงให้เป็นทรง นัยน์ตาสีขาวบริสุทธิ์ราวกับมองทะลุเข้ามาในใจเธอได้ ยากมากที่จะปิดบังความจริงจากนาง

    "ไม่มีอะไร" เธอตอบ ไม่ได้หลบตา

    "...เหรอ"

    เป็นลินดิสที่เลื่อนสายตาไปทางอื่นพร้อมกับรอยยิ้มไม่น่าไว้วางใจบนริมฝีปาก

    "คิดอะไรอยู่" ลิเลียน่าถามกลับ

    "อีกสามวัน ข้าอยากให้เจ้าพาลอเรียลไปคฤหาสน์ของเวเรส" ขุนพลลำดับที่หนึ่ง เวลาที่นางเลือกจะไม่อ้อมค้อมมันก็น่ากลัวมากเช่นกัน นางมีความคิดพิเรนทร์ในหัวอีกแล้ว

    "ต้องดูก่อนว่าอิลูเมียจะคิดยังไง หรือมีอะไรให้ทำไหม" เป็นเรื่องจริงที่ว่าเทพีแห่งแสงต้องหาทางขัดขวางแน่ๆ หากมันเป็นเรื่องการนำตัวลอเรียลออกจากอาณาเขตสวรรค์

    "..." ลินดิสไม่ได้พูดอะไร นางเงียบ

    "ยังไงก็ตามข้าจะพาตัวนางออกมาให้ได้ สัญญา"

    เพราะคนคนนี้คือลินดิส เธอจึงใช้คำสัญญารองรับและผูกมัดไว้ รู้ดีว่านางเกลียดทุกสิ่งที่ไม่ดำเนินไปตามแผนการของตัวเอง และเธอยังไม่อยากเป็นคนน่าผิดหวังในสายตานาง

    ทุกๆ ครั้งที่ให้คำสัญญาไป นางจะตอบรับด้วยการเอื้อมมือมาจับแก้มเธอประมาณหกวิ แล้วผละไป ส่วนเธอชอบกุมมือนางไว้อีกสามวิเสมอ

    ครั้งนี้ก็เป็นเช่นทุกครั้ง แต่ลิเลียน่าไม่มีปฏิกริยาให้มันอีกต่อไป

    เธอไม่กุมมือนาง แล้วส่งยิ้มบางเบาไปให้แทน

    ลินดิสพยักหน้าแล้วล้มตัวลงนอนอีกครั้งก่อนหลับตาลง

    ลิเลียน่าควบคุมลมหายใจตัวเองไม่ให้ดังและเร็วเกินไป เพราะแบบนั้นจะเป็นการรบกวนการนอนของคนข้างกาย

    เธอไม่ใช่ทั้งขุนพลที่ฉลาดและเก่งที่สุด แต่จุดแข็งของเธอคือการเข้าหาคนอื่นและใช้ประโยชน์จากคนเหล่านั้น

    แม้ไม่ได้หาผลประโยชน์จากลินดิส แต่ก็จำได้เสมอว่าอะไรที่นางชอบ อะไรที่นางไม่ชอบ อะไรที่นางเกลียด เธอไม่เคยทำสิ่งเหล่านั้นเลย

    การจำรายละเอียดของขุนพลลำดับที่หนึ่งง่ายเสียยิ่งกว่าง่าย หากไม่นับสมองที่ซับซ้อนของนาง สิ่งที่นางทำแต่ละวันจะวนลูปเสมอ รวมถึงการกระทำของนางที่มีต่อเธอ มันเป็นจังหวะเดิมทุกครั้งจนสามารถนับออกมาเป็นวินาทีได้

    ลิเลียน่านอนอยู่ตรงนั้นจนใกล้รุ่งสาง เมื่อคิดได้ว่าตัวเองควรไปจากตรงนี้ได้แล้ว เธอจึงค่อยๆ ลุกขึ้นยืนแล้วหันหลังให้แก่ลินดิสที่ยังหลับสนิท

    เพราะเคยเป็นชาวสวรรค์มาก่อน จึงทราบทางเข้าและทางออกของมันแทบจะทั้งหมด เธอใช้ทางลัดที่ไม่ต้องผ่านวิหารแห่งแสงเข้าไปในอาณาเขตแล้วปิดมันก่อนคนอื่นมาเห็นเข้า

    ทางนี้ต่อมายังห้องโถงของสถาบันแห่งแสง ที่ที่เธอเคยศึกษาเมื่อยังละอ่อน

    มันยังมีรูปของเธอติดเอาไว้บนโถงทางเดินในฐานะนักเรียนเกียรตินิยมอันดับหนึ่งด้านพลังเวท เวลามันก็ผ่านมานานมากแล้ว เกือบร้อยปีได้ อย่าบอกว่าที่ผ่านมาไม่มีใครสักคนเลยที่ล้มเธอได้?

    ลิเลียน่าพ่นลมหายใจอย่างขำขัน ก่อนเลื่อนไปดูเกียรตินิยมอันดับสองด้านพลังเวทแทน และพบว่านางหน้าคุ้นมาก

    จะไม่ให้คุ้นได้ไงกัน...ก็ดันเป็นคุณคู่หมั้นที่เธอเพิ่งรังแกไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน

    "ทำอะไรอยู่" เสียงทักทายที่ไร้ที่มาที่ไปดังขึ้น เมื่อหันไปมองก็พบกับอิลูเมียที่ยืนตระหง่านอยู่กลางโถงทางเดินด้วยชุดกระโปรงยาวสีครีม ดวงตาสีฟ้าของนางซุกซ่อนอยู่ใต้หน้ากาก

    ลิเลียน่าลอบยิ้มแล้วหันไปเผชิญหน้า "ข้ามาเดินเล่นในสถาบันของข้าเอง หวังว่าคงไม่แปลกดูมากเกินไปในสายตาของท่าน"

    "ไม่หรอก แค่แปลกใจเพราะนี่มัน...เช้ามาก" นางขมวดคิ้ว

    "ข้าจะกลับไปบ้านพักแล้ว ลอเรียลน่าจะรออยู่"

    เธอโค้งให้แก่นางแล้วเดินเฉียดออกไป จงใจให้ไหล่ของเราสองคนกระทบกันเล็กน้อยแล้วเบี่ยงตัวหลบอย่างแนบเนียน

    มันคือการส่งสัญญาณอย่างหนึ่งว่าเธอไม่ได้กลัวอะไรนางเลยแม้แต่นิดเดียว

    ลิเลียน่าเดินสำรวจอะไรไปเรื่อยเปื่อยระหว่างทางกลับบ้าน

    อาณาเขตสวรรค์สงบจนน่าเบื่อเหมือนเดิม

    เมื่อกลับมาถึงบ้าน เธอเปิดประตูเข้าไปภายในแล้วได้กลิ่นหอมของอะไรบางอย่างที่น่าจะลอยมาจากครัว

    ภาพของลอเรียลในชุดกระโปรงสีขาวลายลูกไม้ยาวเท่าเข่าสวมทับด้วยผ้ากันเปื้อนดึงดูดความสนใจของเธอเอาไว้ได้อย่างหมดจด แต่นางหลบตาเธอแล้วหันไปใส่ใจกับเรื่องที่กำลังทำอยู่แทน

    น่าจะเป็นแพนเค้ก...ที่นางกำลังทำ

    ลอเรียลใช้เวลาประมาณสิบนาทีก่อนตักแพนเค้กใส่จาน หันไปหยิบกระปุกน้ำผึ้งมาวางไว้บนโต๊ะ

    "ไม่นั่งหรือเพคะ ท่านพี่" เสียงนางไม่มั่นคงเลย

    "นั่ง" ลิเลียน่าตอบรับ เดินไปนั่งตรงข้ามกับลอเรียลแล้วมองจานแพนเค้กที่นางทำไว้เผื่อเธอด้วย มือหยิบกระปุกน้ำผึ้งมาแล้วราดลงไปเล็กน้อย ใช้มีดกับส้อมตัดแล้วนำแพนเค้กที่นุ่มนิ่มเข้าปาก รสชาติของมันหวานมาก แถมการทำแป้งก็แสดงถึงความใส่ใจ

    เหมือนรสชาติอาหารที่แม่ทำให้กิน

    ลิเลียน่าไม่ได้เปิดบทสนทนา เธอแค่กินอาหารส่วนของเธอเงียบๆ จนเสร็จแล้วมองดูลอเรียลที่เขี่ยแพนเค้กในจานไปมาอย่างกินไม่ลง

    "ทำไมถึงตื่นเช้า" นางไม่น่าจะหลับได้ถึงหกชั่วโมงด้วยซ้ำ

    "นอนไม่หลับเพคะ เลยอาบน้ำแล้วมาหาอะไรทาน..." ลอเรียลตอบ นัยน์ตายังคงแดงก่ำเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ร่างกายเล็กดูบอบช้ำจนเห็นได้ชัดแม้มีเนื้อผ้าปกปิด "และคิดว่าท่านพี่คงหิว เลยทำอาหารเผื่อไว้ให้ด้วย หวังว่ารสชาติของมันจะไม่ได้แย่เกินไปนัก"

    ลิเลียน่ายื่นมือไปกุมมือนางไว้ "ไม่แย่หรอก"

    รู้สึกได้ถึงอาการกระตุก ราวกับนางอยากจะดึงมือออก แต่ก็เปล่า

    "ข้าโล่งใจมากที่ท่านพี่ชอบ" นางฝืนยิ้มอีกแล้ว

    เธอกุมมือนางแน่นขึ้นแล้วยืดตัวไปประทับริมฝีปากลงบนส่วนเดียวกันของนางอย่างแผ่วเบา ไม่ล้ำลึก แค่เป็นการแตะกันอย่างผิวเผินเท่านั้น

    ลอเรียลไม่ขัดขืน

    เธอดึงตัวเองให้กลับมานั่งขณะจ้องมองใบหน้าที่สงบนิ่งของนาง

    ผู้หญิงคนนี้นุ่มมาก ทั้งการใช้ชีวิตและการแสดงออก

    สำหรับนางแล้ว...ลิเลียน่าคงเป็นตัวตนอีกด้านหนึ่งที่นางไม่เคยสัมผัส เป็นทั้งความจำเป็น และความขมในชีวิตน้อยๆ ในกรงทองนั้น

    แต่จะให้หลีกเลี่ยงไม่ทำอันตรายแก่ลอเรียลนั้นคงเป็นไปไม่ได้เลย...

    เพราะการทำร้ายคนที่ดีมากๆ คนนี้เป็นหน้าที่ของเธอ

    "เมื่อคืนไปไหนมาเหรอเพคะ ท่านพี่ได้นอนรึยัง" นางถาม แต่ไม่สบตาเธอ

    "ยังเลย" ลิเลียน่าตอบอย่างเรียบง่าย และเงียบลงเพราะเห็นความไม่สบายใจของลอเรียลฉายชัดออกมาจากตัวนางอย่างไม่รู้สาเหตุ

    "..."

    "เมื่อคืนไปเดินเล่นมา มีอะไรต้องคิดนิดหน่อย...เจ้าอย่ากังวลเลย"

    เพราะคำตอบที่ว่า 'ไปหาดวงใจ' ของตัวเองมาจะกลายเป็นคำตอบที่โหดร้ายมาก สำหรับหญิงสาวที่อีกหกวันข้างหน้าต้องแต่งงานกับเธอ

    นกน้อยคนนี้ไม่เหมาะกับเธอเลย

    คนแบบเธอ...มีแต่จะทำให้ตัวตนที่เคยสมบูรณ์ของนางแหลกสลายไม่เหลือชิ้นดีเท่านั้น

    "ทานให้หมดสิ" เธอเหลือบมองแพนเค้กที่ยังเหลือเต็มจานของนาง

    "..." ดวงตาสีทองของนางฉายชัดถึงคำว่า 'พยายามอยู่'

    "เดี๋ยวไม่มีแรงขึ้นมา ข้าจะโดนท่านอิลูเมียเขม่นเอา"

    นี่คงเป็นความห่วงใยเดียวที่เธอแสดงออกได้อย่างตรงไปตรงมา คือความเป็นห่วงที่แฝงไปด้วยการเป็นห่วงตัวเองอีกที

    "อืม..." การครางรับคำเบาๆ ของลอเรียลนั้นหนาวเย็นจับขั้วหัวใจ

    ลิเลียน่าเพียงแค่ระบายรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย

    นัยน์ตาของลอเรียล จากที่เคยบริสุทธิ์มากจนแทบกลายเป็นสีใส บัดนี้มันแปรเปลี่ยนเป็นหม่นหมองลง เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานกำลังกลืนกินนางอย่างที่เธอคิดไว้

    การได้ร่างกายแรกแย้มของเด็กสาวถือเป็นแค่ผลพลอยได้ของเธอเท่านั้น แต่เป้าหมายจริงๆ ของมันคือการฉุดรั้งให้นางมาเข้ากับฝ่ายมืด เพื่อให้นางแปรพักต์และทรยศอิลูเมีย

    ลอเรียลกำลังจิตตก

    ลิเลียน่าหวนนึกถึงสัญญาที่ให้ไว้กับลินดิส เธออาจจะทำได้ดีกว่านั้นด้วยซ้ำ เอาตัวไปที่คฤหาสน์ของเวเรสวันนี้เลยจะเป็นอะไรไป?

    "วันนี้ออกไปข้างนอกกับข้าหน่อย" เธอกระชับมือที่ยังกุมมือนางไว้ให้แน่นขึ้นกว่าเดิม

    "ก็ได้เพคะ" นางตอบรับอย่างไม่เต็มใจนัก

    เธอนั่งเฝ้าลอเรียลอย่างสบายอารมณ์ระหว่างรอให้นางทานอาหารเช้าเสร็จ พานางกลับขึ้นไปนอนบนห้องเพื่อพักผ่อนให้เพียงพอ และเพื่อเก็บเกี่ยวชั่วโมงนอนของตัวเองด้วย

    เธอกอดนางไว้แบบนั้นทั้งวันจนเราสองคนตื่นขึ้นมาไล่เลี่ยกันในเวลาตอนเย็น

    "อือ..." ลอเรียลครางอย่างงัวเงียแล้วบิดตัวหลบไป แต่เธอไม่ยอม เธอกระชับกายเล็กไว้ในอ้อมแขนอย่างนั้นไม่ปล่อย

    "ขี้เซา" ลิเลียน่าพึมพำใกล้ใบหูที่เป็นจุดอ่อนไหวของนาง

    เปลือกตาถูกเปิดขึ้นในทันทีที่ได้ยินคำพูดเธอ นางช้อนสายตาขึ้นมองเธอทั้งๆ ที่ตัวเองนอนหันหลังให้มาตลอด ส่วนเธอกำลังเท้าคางมองอย่างเงียบงัน

    "ปล่อยได้แล้ว ท่านพี่"

    "ไม่ปล่อย"

    ดูจากการกระทำของนางแล้ว...ไม่ต้องพูดคำว่า 'รังเกียจ' ออกมาเธอก็รู้และเข้าใจมันดี แต่เพราะรู้ ถึงไม่ยอมให้อะไรๆ เป็นไปตามความต้องการที่เห็นชัดนั้น

    อยากอยู่ห่างเธอเพราะรังเกียจ?

    ลอเรียลจะทำได้ก็ต่อเมื่อนางเป็นร่างไร้วิญญาณ

    "ท่านพี่มานอนกอดข้าแบบนี้มันเสียเวลา รู้ไหม ข้ามีนัดกับท่านอิลูเมียตอนหกโมงเย็น" ลอเรียลมองด้วยสายตาเย็นเยียบ แต่เธอไม่สะทกสะท้าน

    "มีนัดได้ก็ยกเลิกได้ เมื่อเช้าเจ้าตอบตกลงจะไปที่ที่หนึ่งกับข้า" ลิเลียน่าใช้ปลายนิ้วเขี่ยริมฝีปากของนางเล่น "เจ้ายังจำได้ไหม?"

    "จำได้เพคะ แต่..."

    "เจ้าไม่ว่าง ถูกไหม" เธอแสร้งถอนหายใจขณะลุกขึ้นนั่ง ปฏิเสธที่จะสัมผัสร่างกายคนตรงหน้า "ข้าก็เข้าใจอยู่หรอก แต่วันหลังอย่าได้รับปากอะไรอีก หากเจ้าทราบอยู่แก่ใจว่าทำมันไม่ได้"

    "..." นัยน์ตาคู่นั้นสั่นวูบ

    "หรือไม่...ก็เป็นข้าเองที่ไม่สำคัญพอ"

    มันคือการแสดงละครบทหนึ่งเท่านั้น...

    เธอกำลังเล่นกับจุดอ่อนทางอารมณ์ของอีกฝ่าย การที่คนใกล้ชิดมีท่าทางแปลกไปแม้แต่นิดเดียว จะรู้ได้ตั้งแต่สังเกตเพียงแวบแรก เพราะฉะนั้นเธอจงใจให้นางรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ของเธอ

    มันจะทำให้นางรู้สึกไม่มั่นคง แม้นางสามารถแย้งตัวเองในใจได้ว่า 'นางไม่ใช่คนผิด'

    แต่นางไม่สามารถปกปิดความสงสัยของตัวเอง 'นางทำอะไรผิดกันแน่' คำถามนี้เหมือนเป็นคำถามที่วนซ้ำไปซ้ำมาในหัวหากไม่ได้คำตอบ

    ลิเลียน่าเปิดประตูออกมาจากบ้านอย่างอารมณ์ดี ต่อให้แผนของเธอในการล่อให้ลอเรียลทำตามจะสำเร็จหรือไม่สำเร็จ เธอก็จะกลับไปหาหกขุนพลสักหน่อย มีเรื่องต้องคุยกับมีน่าหลายเรื่อง

    "ท่านพี่" แต่สัมผัสแผ่วเบาที่แผ่นหลังรั้งเธอไว้

    "..." มาจนได้สินะ

    "ข้าไปด้วย"

    ก็ดี...ดีมากๆ


    เพราะไม่อยากประสาทเสียกับท่าทางของลิเลียน่าในภายหลัง เธอตามนางมาที่ภูเขาแห่งความเงียบจนได้

    ลอเรียลมองรอบข้างอย่างหวาดระแวง ที่นี่มีแต่ไอความมืดเต็มไปหมด หากท่านอิลูเมียทราบว่าเธอเอาตัวเองมาเสี่ยงอันตรายอยู่ที่นี่จะต้องโดนดุแน่ๆ

    รู้ตัวอีกครั้งก็โดนพาเข้ามาในบ้านหลังใหญ่แล้ว แต่เรียกว่าคฤหาสน์คงดีกว่า มันมีสองหลัง หลังที่ถูกพาตัวเข้ามาถูกตกแต่งด้วยโทนสีแดง ส่วนอีกหลังถูกตกแต่งด้วยโทนสีเหลืองและน้ำตาลอ่อน

    มีหญิงสาวคนหนึ่งนั่งอยู่ภายใน บนโซฟา รังสีอำมหิตรอบตัวของนางเกือบทำให้ลอเรียลสะดุ้งเฮือกอย่างตกใจ

    อะไรกัน ผู้หญิงคนนี้เป็นใครกัน?

    "ลินดิส" แต่คู่หมั้นของเธอส่งเสียงเสียก่อน นางเดินไปหาหญิงสาวคนที่นั่งอยู่แล้วคุกเข่าลงบนพื้น กุมมืออย่างอ่อนโยน แล้วปลายตามองมาเธอ "ข้าเอาตัวทูตสวรรค์มาให้เจ้ายลโฉมแล้ว"

    ลอเรียลฝืนยิ้มทักทาย ทั้งๆ ที่ภายในใจเธอราวกับกำลังถูกฉีกกระชากทีละน้อย

    "ดี" เสียงของลินดิสนั้นให้ความรู้สึกเหมือนกำลังยืนอยู่ท่ามกลางพายุเหมันต์ที่หนาวติดลบอย่างน้อยสิบองศา เมื่อรวมกับนัยน์ตาสีขาวบริสุทธิ์แล้ว ราวกับทุกอย่างของนางรวมถึงหัวใจถูกสร้างขึ้นจากน้ำแข็ง "อิลูเมียจะไม่ตามมาใช่ไหม"

    ลิเลียน่าชะงักไปเล็กน้อย แต่ยังกุมมือลินดิสไว้แน่นก่อนกล่าวตอบ "ไม่หรอก ไม่มีทางตามมาแน่ๆ"

    ลอเรียลถอนหายใจ เมื่อคืนเราเพิ่งหมั้นหมายกันแถมยังมีเรื่องที่เธอไม่ยินยอมเกิดขึ้น วันต่อมานางพาเธอมาสู่กับดักของพรรคพวกตัวเองโดยไม่สนใจวิหารแห่งแสงเลยแม้แต่น้อย

    ช่างเป็นคนที่เหลือทนจริงๆ ใครมันจะไปรักคนแบบลิเลียน่าได้ลงกัน

    "เช่นนั้นก็จับตัวไว้"

    จบคำนั้น ลอเรียลเบิกตากว้างเมื่อเห็นลิเลียน่าทำตามคำสั่งของลินดิสทันทีโดยไม่ลังเล นางโจมตีเธอด้วยโซ่เวทมนตร์ยาว หากไม่เอียงใบหน้าหลบเมื่อครู่ มันต้องทำลายสักส่วนบนใบหน้าของเธอไปแล้วแน่ๆ

    เธอกางปีกทั้งหกของตัวเองออกมาเพื่อเตรียมรับการโจมตีต่อไป แต่ในระหว่างนั้นก็ถอยออกจากทางเดินแล้วตรงไปยังประตูหน้าด้วยเช่นกัน

    แอด!

    ทว่า...มีใครบางคนเปิดประตูเข้ามาเจอเธอก่อน

    นัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลที่ฉายแววงุนงงสบตาเข้ากับเธอ

    "บัตเตอร์ฟลาย อย่าปล่อยให้หนีไป!" ลิเลียน่าตะโกนมา ลอเรียลเงยหน้าขึ้นสบตากับคนที่ชื่อบัตเตอร์ฟลายทันที

    ผลัก!

    "โอ๊ย..." ความรู้สึกเจ็บทำให้เธอนอนตัวงอเมื่อถูกฝ่าเท้ายันเข้าเต็มหน้าท้องจนกระเด็นกลับเข้ามาภายใน มันแรงมากจนทำให้อะไรบางอย่างบอบช้ำได้

    โซ่ของลิเลียน่าพันรอบกายเธอไว้ในทันที

    เส้นผมของเธอถูกกระชากอย่างรุนแรงโดยฝีมือของลินดิส

    ลอเรียลกัดฟันขณะที่นางกำลังใช้สายตามองสำรวจเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า ปีกทั้งหกหายไปแล้วเพราะโซ่ของลิเลียน่าดูดซับพลังเวทมนตร์

    "ไม่เห็นจะมีอะไรดี" ลินดิสพึมพำ หากเดาไม่ผิด นางคงเป็นขุนพลลำดับที่หนึ่ง "แต่ปล่อยไว้ก็จะเป็นอันตราย เพราะฉะนั้นข้าคงต้องกำจัดเจ้าทิ้งเสียเนิ่นๆ"

    คิดอยู่แล้วเชียวว่าต้องมีแผนร้าย

    ลอเรียลรู้สึกสิ้นหวัง เธอก้มหน้าลงกับพื้นห้องทันทีที่เส้นผมโดนปล่อย

    ได้ยินเสียงคนเดินมาใกล้

    ปลายคางถูกเชิดขึ้น

    "เป็นอะไรไหม" เสียงนี่คือเสียงของลิเลียน่า สัมผัสของนางอ่อนโยน แต่มันคงไม่อ่อนโยนเท่าเวลาที่นางกุมมือผู้หญิงอีกคน ไม่มีสิ่งใดเทียบกันได้เลยระหว่างลอเรียลและลินดิส

    กับลินดิส ทั้งสัมผัส แววตา สีหน้า ลิเลียน่าจะแสดงออกอีกแบบทั้งหมดเลย

    "อย่ามาทำเหมือนว่าท่านพี่หวังดีกับข้าเลย"

    ทำไมถึงยังเรียกนางว่าท่านพี่อยู่กันนะ?

    แต่ปากเจ้ากรรมมันไม่ยอมเปลี่ยนคำที่ใช้ เธออยากกัดลิ้นตัวเองตายซะตรงนี้ หากว่าจะต้องตายอยู่แล้วก็ขอเป็นการตายด้วยฝีมือตัวเองดีกว่า

    "นี่มันเกิดอะไรขึ้น ยังไม่เห็นรู้เรื่องอะไรเลย" หญิงสาวที่มีนามไพเราะว่าบัตเตอร์ฟลายกระชากไหล่ลิเลียน่าอย่างแรง "ไหนบอกว่าจะรอแต่งงานก่อนแล้วค่อยเริ่มแผนการสะกดพลังนางไว้ บอกข้าหน่อย พวกเจ้าพานางมาทำบ้าอะไรที่นี่!"

    ขุนพลลำดับที่หกหัวฟัดหัวเหวี่ยง ใบหน้ายามโมโหร้ายของนางน่ากลัวมาก

    "แผนการยิ่งเริ่มเร็วเท่าไหร่ ยิ่งดี" ลินดิสตอบ

    "แต่เจ้าเสี่ยงมากนะ กับการทำแบบนี้" บัตเตอร์ฟลายโต้กลับอย่างดุเดือด "เจ้าทราบว่าพวกมันมีทาร่าอยู่ หากมันส่งทาร่ามาไล่ล่าพวกเราก่อนที่แผนการทุกขั้นจะสำเร็จ เจ้าช่วยยืนยันหน่อย...ว่าพวกเราทุกคนจะรอดจากการโจมตีแรกของทาร่าไปได้"

    ลอเรียลคิดตาม พวกนางกลัวพลังของท่านทาร่า แต่ก็ถูกแล้ว มีใครบ้างที่จะไม่กลัว?

    "แผลที่ใบหน้าเจ้าก็ยังไม่หายไม่ใช่หรือไง? แค่ใช้พลังเวทกลบเกลื่อนร่องรอยไว้ อย่าคิดว่าข้าไม่รู้!"

    "เจ้าโมโหอะไรมากันแน่ บัตเตอร์ฟลาย" ลิเลียน่ากล่าวขึ้นอย่างเย็นชา ทั้งๆ ที่นางยังประคองแก้มของเธอไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง นัยน์ตาสีทองเหลือบไปมองขุนพลลำดับที่หกอย่างเอาเรื่อง

    ความหมายในสายตานั้นคือ 'หุบปากซะ'

    ลอเรียลนิ่งเงียบ ทำตัวเป็นนักโทษที่ดีเพราะทั้งเจ็บและปวดหัวในเวลาเดียวกัน

    "อะไรนะ?" ขุนพลลำดับที่หกขมวดคิ้ว

    ทูตสวรรค์จากวิหารแห่งแสงเพียงหนึ่งเดียวต้องรู้สึกยังไงกันแน่ที่ตอนนี้โดนมัดอยู่ท่ามกลางสงครามอารมณ์ขนาดย่อมๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างศัตรูของตัวเอง

    แต่ในระหว่างที่คนทั้งสองกำลังมองหน้ากัน ประตูบ้านถูกเปิดออกอีกครั้ง

    และครั้งนี้มีคนที่เธอคุ้นเคยดีเดินเข้ามาด้วย

    นัยน์ตาสีเขียวน้ำทะเลดูตกใจที่เห็นเธอ ก่อนที่เซฟีร่าจะประเมินสถานการณ์รอบด้านโดยรอบแล้วสาวเท้าเข้ามาใกล้ กระชากคอเสื้อลิเลียน่าอย่างรุนแรง

    และ...

    เพียะ!

    ตบขุนพลลำดับที่ห้าอย่างแรงจนหน้าหัน

    "เจ้าทำอะไรลอเรียล" น้ำเสียงจริงจังถูกกดจนต่ำเมื่อท่านเซฟีร่าเอ่ยปากถาม ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบสงัด สี่ขุนพลในห้องไม่มีใครขยับ

    ลิเลียน่าเองก็ไม่ขยับ แต่เหลือบสายตาไปมองขุนพลลำดับที่สี่ เวเรส ผู้ซึ่งมาใหม่พร้อมคนรักเพียงเท่านั้น

    "...หึ" ก่อนจะแค่นหัวเราะในลำคอ

    ขุนพลลำดับที่ห้าสะบัดมือท่านเซฟีร่าออกไป ร่างกายของลอเรียลถูกดึงให้ลุกขึ้นยืนด้วยเรี่ยวแรงอันมหาศาล เธอโดนลากให้เดินตามขึ้นไปชั้นสองแล้วเข้าไปในห้องห้องหนึ่ง

    ปัง!

    นี่คือเสียงลิเลียน่าที่กระแทกประตูห้องให้ปิดลง

    "อื้อ!" ริมฝีปากเธอถูกจู่โจมอย่างรวดเร็ว ความดุร้ายถูกขยี้ลงมาอย่างไร้ความปราณี กลิ่นคาวเลือดและความชอกช้ำไม่อาจหยุดความปรารถนาที่รุนแรงนั้นได้

    นานหลายวินาที นางผละออกไป

    ลอเรียลที่โดนปลดพันธนาการถูกบังคับให้นั่งลงบนเตียง แต่นางไม่ได้นั่งลงกับเธอ ร่างเพรียวยังคงเดินวนไปวนมาอย่างหัวเสียกับเรื่องเมื่อครู่ รอยแดงบนแก้มนางชัดมากเมื่อแสงแดดยามเย็นส่องกระทบ

    เพล้ง!

    เสียงกระจกแตกดังตามมา ขุนพลลำดับที่ห้าเป็นคนชกมันเพื่อระบายอารมณ์ ลอเรียลสะดุ้งอีกครั้งกับเสียงและเพราะเห็นรอยเลือดเต็มฝ่ามือ

    "บัดซบ" นางยังคงหัวเสีย

    ลอเรียลไม่อาจกลั้นน้ำตาของตัวเองได้อีกต่อไป เธอโผกอดลิเลียน่าที่เดินกลับมายังเตียงนอนจนนางเซถอยหลัง เธอซุกใบหน้าลงกับไหล่ของนางอย่างหาที่พึ่งพิง ทนไม่ไหวอีกแล้วกับความกดดันที่ตัวเองได้รับตลอดเวลา มันมากเกินไปแล้ว...

    เหนื่อยมากแล้ว

    "อย่าทำร้ายตัวเองได้ไหม..." เธอร้องขอนางอย่างเปล่าประโยชน์

    ไม่มีคำตอบใดๆ กลับมา

    แต่มีบางอย่างตกกระทบแก้มของเธอ บางอย่างที่เป็นหยดและเปียกชื้น

    ลิเลียน่ากอดตอบเธอในที่สุด ร่างกายของนางที่เคยเกร็งเครียดผ่อนคลายลงอย่างเชื่องช้า พร้อมกับจังหวะหายใจที่สงบลง

    "อย่าร้องไห้" นางเอ่ยเบาๆ

    นางกอดเธอแน่นมากราวกับไม่เปิดโอกาสให้เธอได้เห็นชัดว่า สิ่งที่กระทบแก้มของเธอนั้น...มันคืออะไร

    "ไม่ร้อง...แล้ว" ตอบทั้งๆ ที่น้ำตายังนองเต็มใบหน้า

    ลิเลียน่าดึงให้เธอผละออก เรานั่งลงบนเตียงด้วยกัน ใบหน้าของนางไม่มีวี่แววของน้ำตาหรืออะไรทั้งนั้น มันมีแค่ความสงบ

    นางใช้ปลายนิ้วลูบแก้มเธอที่ยังไม่สามารถหยุดสะอื้นได้

    "ข้าทำผิดต่อเจ้า"

    "..."

    "ข้าขอโทษ"

    นางเช็ดน้ำตาให้เธอด้วยสองมือคู่นั้น ความอบอุ่นอ่อนโยนแล่นเข้ามาในตัวราวกับกระแสไฟฟ้า เธอเกร็งร่างกายและถอยหลังหนีนางเป็นครั้งแรกอย่างไม่เคยคิดจะทำมาก่อน

    นางขมวดคิ้วโดยไม่พูดสิ่งใด

    ลอเรียลทำให้ลิเลียน่าเข้าใจเธอผิดรึเปล่า...

    "ข้าไม่ได้..." น้ำตาเธอเหือดแห้ง รู้สึกร้อนทั้งการกระทำและใบหน้าของตัวเอง "ข้าไม่ได้ตั้งใจจะหลบสัมผัสของท่านพี่"

    "..." นางไม่ได้พูด แค่เลิกคิ้วขึ้นช้าๆ

    "ข้าพูดจริงๆ" เพราะไม่อยากให้นางคิดมาก เธอเอนตัวไปข้างหน้าโดยหมายจะกอดนางไว้หลวมๆ แต่เธอเหมือนจะลืมไปว่าท่านั่งของตัวเองไม่ได้อำนวยขนาดนั้น รวมถึงชุดที่สวมใส่อยู่ มันเลยกลายเป็นเธอเซถลาไปข้างหน้าและใบหน้าก็กระแทกกับหน้าอกนุ่มนิ่มของนางอย่างน่าอาย

    ฟุบ

    ลิเลียน่ารับเธอไปกอดไว้อย่างแผ่วเบา

    "แล้วเหตุใดถึงหลบสัมผัสของข้า?" นางกระซิบถาม

    หญะ...หญิงสาวคนนี้ต้องรู้แน่ๆ ว่าจุดอ่อนของเธออยู่ที่ใบหู

    "อือ..." และมันดันเป็นเธออีกที่โดนแหย่นิดหน่อยก็เผลอครางอย่างอ่อนไหวออกมาแล้วพยายามจะเบี่ยงตัวหลบ

    "ไหนบอกว่าไม่ได้ตั้งใจหลบสัมผัสพี่ ตั้งใจอยู่เห็นๆ ไม่ใช่หรือไง" นางกอดเธอแน่นมากเป็นรอบที่สามของวัน

    "ก็ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ" ลอเรียลก้มหน้างุด เขินอายจนไม่กล้าสู้หน้า "ท่านพี่ทำให้ข้ารู้สึกแปลกๆ ข้าเลยกลัวที่จะให้ท่านสัมผัสตัวเพราะระแวงความรู้สึกตัวเอง"

    "ความรู้สึกดีหรือไม่ดี?" นางถาม

    "ดี..." เธอยอมรับเสียงเบา

    เห็นอย่างเลือนรางว่านางหลุดยิ้มออกมา นัยน์ตาคู่นั้นเปล่งประกายแปลกประหลาดที่เธอไม่คิดว่าจะได้เห็นมันจากนาง ประกายที่เรียกว่า 'ความสุข'

    ลอเรียลผ่อนคลายอยู่ในอ้อมแขนของนาง ได้ยินเสียงหัวใจของนางเต้นเป็นจังหวะที่ค่อนไปทางเร็ว

    "แล้ว...เจ้าไม่สนใจคำขอโทษของข้าหรือ" นางเกี่ยวเส้นผมของเธอไว้กับใบหู "ข้าพูดขอโทษไป ข้ารู้สึกผิดกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่เหมือนเจ้าไม่ใส่ใจมันเท่าใดนัก มันเป็นเพราะเหตุใดกัน?"

    "ท่านพี่ทำผิดจริงๆ" เธอเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าของนาง "แต่ข้าไม่โกรธ"

    "ทำไม?"

    "ข้าไม่ทราบ ข้าแค่สัมผัสถึงความโกรธตัวเองไม่ได้" อธิบายเพิ่มเติมไปเพราะเห็นว่านางไม่เข้าใจ เธอยอมให้ตัวเองกอดนางแน่นขึ้นบ้างในตอนนั้น เพราะอ้อมกอดของนางดันทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยอย่างไม่น่าเป็นไปได้

    ราวกับลิเลียน่านิ่งไปครู่หนึ่งเลยทีเดียว

    "เจ็บไหม" นางกระซิบ ปลายจมูกกดลงบนศีรษะของเธอเบาๆ "นางไม่น่าทำแบบนั้นกับเจ้าเลย"

    ลอเรียลคิดอยู่สักพักถึงนึกขึ้นได้ว่านางหมายถึงที่ลินดิสกระชากผมเธอ

    ยอมรับว่าตอนนั้นเจ็บ แต่ความเจ็บนั้นไม่มากเท่าตอนที่ลิเลียน่าทำตัวอ่อนโยนใส่ลินดิส

    "ไม่เจ็บเพคะ" นี่คือคำตอบของเธอ

    กลิ่นกายของลิเลียน่าให้ความรู้สึกเหมือนกำลังเดินอยู่ในทุ่งลาเวนเดอร์ เธอสูดดมมัน ผ่อนคลายมากขึ้นกว่าเดิมอีก เป็นครั้งแรกที่เธอสังเกตว่านางเป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์มากคนหนึ่ง

    "เจ้ายั่วข้าอยู่หรือ" นางดันให้เธอถอยออกห่างแล้วโน้มใบหน้ามาจนริมฝีปากเราแทบจะกระแทกกันอยู่ร่อมร่อ "เอาหน้ามาซุกคอข้าตอนข้าเผลอ หากเจ้าไม่ได้ลวนลามก็แปลว่ากำลังยั่วยวนข้าอยู่เป็นแน่"

    ลอเรียลหน้าแดงซ่านอีกรอบ เมื่อครู่เธอเพิ่งสูดดมกลิ่นกายของนางโดยการเอาหน้าไปซุกคอของนางเหรอ

    "หากข้าบอกว่าข้าทำ ท่านพี่จะทำยังไง" แต่คำตอบนั้นกลับกลายเป็นคำท้าทาย

    "..."

    "หากข้ายั่วยวนท่านจริงๆ ท่านจะทำยังไงเพคะ?"

    เป็นคำถามที่ราวกับการโยนเนื้อให้สุนัขจิ้งจอกแล้วคาดหวังว่ามันจะไม่กิน

    "ไม่ทำอะไร" ลิเลียน่าเป็นคนประหลาดจริงๆ ในยามที่เธอขัดขืนแทบเป็นแทบตาย นางเล่นเอาซะเธอแทบลุกไม่ขึ้น แต่พอแกล้งใช้คำพูดเชิงเสนอตัว โดยยอมรับผลที่ตามมาเอาไว้แล้ว นางกลับไม่ทำอะไร "ข้าในตอนนี้ไม่อยากทำอะไรเจ้าทั้งนั้น"

    มันหมายความว่าอะไร เธอไม่เข้าใจเลย

    ลอเรียลทำอะไรไม่ดีอีกแล้วเหรอ?

    เธอหลบสายตาที่เศร้าสร้อยของตัวเองไม่ให้นางเห็น ก่อนถอยใบหน้าออกมาด้วย

    "เป็นอะไร" แต่นางกลับไม่ยอมปล่อยผ่านง่ายๆ นางใช้สองมือประคองใบหน้าเธอให้สบตาด้วย คิ้วเรียวขมวดมุ่นอีกครั้ง ก่อนที่ขุนพลลำดับที่ห้าจะถอนหายใจเบาๆ

    ริมฝีปากของนางทาบทับลงมา ความนุ่มนวลกลายเป็นความร้อนฉ่าที่ติดประทับแน่น นางทำเพียงแค่นั้นแล้วผละออกไป ลุกขึ้นยืนแล้วดึงมือเธอให้ลุกตามไป

    ไม่ได้นับแล้วว่ากับคนคนนี้ เธอโดนจูบไปแล้วกี่ครั้งในรอบสองวัน

    ลิเลียน่าพาเรากลับมายังชั้นล่างคฤหาสน์ ซึ่งตอนนี้มีขุนพลอีกห้าคนนั่งรออยู่อย่างครบครัน รวมถึงท่านเซฟีร่าและท่านไอริ บรรยากาศมาคุที่ลอยจางอยู่ในอากาศแทบทำให้เธอหายใจไม่ออก

    เหมือนตอนนี้พวกขุนพลจะแบ่งแยกออกเป็นสองความคิด หนึ่งคือฝั่งบัตเตอร์ฟลายและเวเรส รวมท่านเซฟีร่าไปด้วยอีกหนึ่ง ที่คัดค้านการมาปรากฏตัวของเธอที่นี่ สองคือลินดิสและหญิงสาวอีกคนที่มีรูปหน้าคล้ายคลึงกับทาร่า พวกนางเหมือนจะเห็นตรงกันเรื่องการเริ่มแผนการที่รวดเร็วฉับไว

    ส่วนมีน่ากำลังนั่งเฉยๆ ท่ามกลางความกดดัน ใบหน้าของนางราบเรียบและเย่อหยิ่ง แตกต่างจากปกติที่มักจะมีรอยยิ้มอยู่เสมอ

    "ลอเรียล" ท่านเซฟีร่าที่สังเกตเห็นเธอลุกขึ้นแล้วเดินมาดึงให้เธอออกห่างจากลิเลียน่า

    ขุนพลลำดับที่ห้าไม่ได้ขัดขืน แค่มองตามเธอมาเท่านั้น

    "ท่านเซฟีร่า" ลอเรียลยิ้มกว้าง หลายเดือนแล้วที่ไม่ได้เจอนางเลย "ท่านเป็นอย่างไรบ้างเพคะ อยู่ที่นี่สบายดีใช่ไหม ข้าเป็นห่วงท่านมากเลย"

    ไม่ทราบว่าคิดไปเองไหม ว่าหกขุนพลเหมือนจะอึดอัดกับคำพูดของเธออยู่ไม่น้อย แม้กระทั่งลิเลียน่าก็แสดงออกถึงสีหน้าลำบากใจ

    "ข้าสบายดี ลอเรียล แล้วเจ้าเล่า...มีอะไรเกิดขึ้นที่อยากเล่าให้ข้าฟังไหม" สายตาของท่านเซฟีร่าหลุบลงมองแหวนที่สวมอยู่บนนิ้วนางซ้ายของเธอ แล้วเลื่อนไปมองแหวนที่นิ้วนางซ้ายของลิเลียน่าด้วยเช่นกัน

    "ก็...ไม่มีอะไรมากหรอกเพคะ" ลอเรียลยิ้มเจื่อน

    เธอไม่สามารถหาคำมาจำกัดความความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับลิเลียน่าได้เลย

    คนรัก? คู่หมั้น? หรือเธอเป็นภรรยาของนาง?

    มันเหมือนไม่ใช่สักอย่างเลย คำว่าศัตรูยังดูเข้าเค้ามากกว่าอีก

    แต่มันมีเรื่องสำคัญมากกว่านั้นให้คิด ลอเรียลพิจารณาสถานการณ์ของพวกหกขุนพล มันไม่ดีเลย ราวกับว่าหากเธอใส่ไฟกับท่านเซฟีร่านิดหน่อย พวกนางก็พร้อมหยิบอาวุธกระโจนใส่กันเองแล้ว ทว่าเธอดันทราบดีด้วยว่าท่านเซฟีร่าฉลาดเกินกว่าจะปล่อยให้พวกนางตีกันเอง

    อีกอย่างคือลอเรียลไม่สามารถโกหกใครได้ เธอไม่เคยทำมันมาก่อน

    ยุยงให้แตกคอกันอย่างเช่นคนขี้ขลาดทำกัน อันนั้นก็ไม่เคยทำเช่นกันและไม่คิดจะทำเลยแม้แต่ครั้งเดียว

    "นี่" ท่านเซฟีร่ากระซิบใกล้มากในคราวนี้ แต่เธอยืนนิ่งไม่ไหวติง ไม่เหมือนกับตอนที่ลิเลียน่าแกล้งกระซิบและเป่าลมใส่ ความรู้สึกไม่คล้ายกันเลย "เจ้าไม่จำเป็นต้องเล่นตามเกมสงครามของใคร ข้าไม่อยากให้เด็กดีแบบเจ้าต้องมาเสีย...ตัวตนให้แก่เรื่องพวกนี้"

    ลอเรียลแย้มยิ้มแล้วส่ายศีรษะปฏิเสธ "ข้าโตและมีความรับผิดชอบแล้ว"

    ท่านเซฟีร่าเป็นอีกหนึ่งคนที่ไม่ทราบว่าเธอและท่านอิลูเมียเป็นแม่ลูกกัน

    เธอไม่ได้เล่นตามเกมสงครามของใคร เธอแค่รับใช้แม่ของเธอในฐานะลูกกตัญญูเท่านั้นเอง

    "ยังไงข้าก็เป็นห่วงเจ้ามากอยู่ดี" นางจับแขนเธอไว้

    ยังไม่ทันที่เราจะได้สนทนากันมากกว่าเดิม กลับมีเสียงสองเสียงประสานกันเสียก่อน

    "พอได้แล้ว / เมื่อไหร่จะหยุด"

    เสียงแรกคือเสียงของหญิงสาวผมแดงที่ชื่อเวเรส ส่วนเสียงที่สองเป็นเสียงลิเลียน่า

    ลอเรียลเผลอสบตากับเวเรส และเห็นแววตากึ่งโมโหและเหยียดหยามอยู่ในนั้น มันทำให้เธอหลบตามาอย่างเงียบเชียบ เหตุใดพวกขุนพลถึงน่ากลัวกันนัก

    ลิเลียน่าเดินเข้ามาใกล้ ดึงนิดหน่อยก็ดึงร่างของเธอให้ปลิวไปอยู่ในวงแขนได้แล้ว

    "พวกเจ้าอย่าทะเลาะกัน ข้าจะพาลอเรียลกลับไปเจอหน้าอิลูเมียแล้ว" ขุนพลลำดับที่ห้ากล่าว มันทำให้เธอมองนาฬิกาแขวนบนผนังแล้วพบว่านี่เป็นเวลาหกโมงกว่าแล้ว เลยเวลานัดกับท่านอิลูเมียแล้ว

    ลอเรียลรู้สึกขนลุก เธอไม่เคยผิดนัดกับท่านแม่เลยนะ

    แค่ไปสายก็ไม่เคย

    ตายแน่เลยเรา

    "ลิเลียน่า" เสียงของลินดิสทำให้ลิเลียน่าที่กำลังพาเธอเดินออกจากคฤหาสน์ชะงัก

    ลอเรียลเม้มริมฝีปาก...

    สายตาเหลือบมองผู้โดนเรียกชื่อว่านางจะเอายังไง เพราะนางนิ่งมาก ใบหน้าไม่แสดงออกถึงความรู้สึกใดเลย มันนิ่งมากกว่าตอนที่นางขอเธอแต่งงานด้วยซ้ำ มันคงทำให้นางลำบากใจ เรื่องที่ต้องเลือกเธอที่เป็นหน้าที่กับผู้หญิงคนนั้น

    "เลือ..." ลอเรียลกำลังพูดให้นางเลือกลินดิสแทนเธอ

    เธออยากให้นางเลือกความสุขของตัวเอง

    "ไว้ข้ามาคุยกับเจ้าวันหลัง ลินดิส" แต่ผิดคาดเหมือนกันที่ขุนพลลำดับที่ห้าตอบปฏิเสธขุนพลลำดับที่หนึ่ง

    คนแปลกใจไม่ได้มีแค่เธอ แต่มันรวมไปถึงบุคคลอื่นในห้องทั้งหลายด้วย

    ตอนโดนจับมือให้เดินออกมา เธอเหลือบไปมองด้านหลังและสบตากับคนสองคนเข้า หนึ่งคือนัยน์ตาที่ดุร้ายของลินดิส สองคือนัยน์ตาที่เยือกเย็นของเวเรส มันทำให้เธอเก็บความสงสัยเอาไว้ รายแรกยังเข้าใจได้ว่านางไม่ชอบเธอ แต่รายสองจำไม่เห็นได้เลยว่าไปทำอะไรให้

    จำได้ครั้งเดียวก็ตอนที่นางกำลังจะลักพาตัวท่านเซฟีร่าไป แล้วเธอไปสู้ขัดขวางไว้

    แต่ครั้งนั้นเธอไม่ได้ชนะด้วยซ้ำ นางทำให้เธอสลบภายในเวลาสามนาที

    เมื่อกลับมาถึงวิหารแห่งแสง ท่านอิลูเมียนั่งรออยู่บนบัลลังก์ นางช่างสวยสง่างามเหมือนทุกวัน เป็นคนที่ทรงคุณค่าทุกตารางนิ้ว สักวันเธอหวังว่าเธอจะเป็นแบบนั้นได้บ้าง

    "ท่านอิลูเมีย" ลอเรียลวิ่งไปกอดร่างของเทพีแห่งแสงไว้อย่างโหยหา เรื่องราวร้ายกาจที่เพิ่งเจอมามันสร้างความขวัญเสียให้พอสมควร "ข้าขอโทษที่มาสาย ให้อภัยข้าได้ไหม พอดีข้าไปทำธุระกับ..."

    "กับลิเลียน่า?" ท่านอิลูเมียขมวดคิ้ว

    "เพคะ ข้าไปทำธุระกับนางมา" ลอเรียลหอมแก้มท่านแม่ "แต่ท่านไม่ต้องคิดหรอกว่าลิเลียน่าเป็นคนที่ทำให้ข้ามาพบท่านสาย ข้าแค่เดินเล่นจนเพลินแล้วลืมเวลาไปเลย"

    ยังไงก็ให้นางรับทราบเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้เด็ดขาด

    ให้นางเห็นว่าลิเลียน่าเป็นคนผิดไม่ได้เด็ดขาด

    เธอไม่ยอม


    ลิเลียน่ารับฟังลอเรียลคุยกับเทพีแห่งแสง เธอยืนอย่างสำรวมอยู่ด้านหลัง ขณะที่เผลอยิ้มบ้างในบางครากับความน่ารักของคุณคู่หมั้น

    เธอทราบอยู่เต็มอกว่าลอเรียลกำลังปกป้องเธออยู่

    มันทำให้น้ำตาหยดที่สองของเธอไหลแล้วจางหายไปกับสายลมอย่างเงียบเชียบ โดยที่สองแม่ลูกตรงนั้นไม่สังเกตเห็น

    ด้วยความดีที่มากล้นของนาง มันกำลังหลอมละลายความมืดในใจเธอให้สลายไป

    เธอไม่คิดว่าจะมีใครสักคนทำแบบนี้กับเธอได้จริงๆ

    ตอนนี้เธอคงต้องจารึกเอาไว้แล้วว่า 'ลิเลียน่า ขุนพลลำดับที่ห้า แม่ทัพของกองกำลังทหารแห่งนรกภูมิ... พ่ายแพ้ให้กับตัวตนแสนงดงามราวกับสิ่งที่พระเจ้าบรรจงสร้างของเด็กสาวทูตสวรรค์คนหนึ่งอย่างสมบูรณ์แบบ'


    [150%]



    - Liliana -
    5th Warlord
    Cast By Soojoo

    - Lauriel -
    The Next goddess of light
    Cast By Dilreba



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×