ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SJ:KIHAE] :: Heartquake ภารกิจเขย่าหัวใจนายตัวร้ายให้ลงล๊อค

    ลำดับตอนที่ #14 : [SF:HBD JO KYUHYUN] :: Twilight (100%)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.94K
      9
      5 ก.พ. 54








    "ทำไมพ่อต้องย้ายผมกลับไปเรียนที่เกาหลีด้วยล่ะครับ ผมอยู่นี่ก็ดีอยู่แล้ว"

     

    "แกเมาหยำเปแบบนี้ทุกวันแกว่าดีเรอะเชวซีวอน!"

     

     

     

    เชวซีวอนคิดถึงการโต้เถียงกับพ่อเมื่ออาทิตย์ก่อนแล้วก็เซ็งในอารมณ์จนต้องสบถออกมาเป็นภาษาอังกฤษยาวเหยียดลั่นรถ...ใช่ว่าเขขาไม่รักบ้านเกิดของตัวเองหรอกนะ เขารักเกาหลีแลภูมิใจในประเทศของตัวเองอย่างกับอะไรดี แต่จะให้คนที่ตั้งแต่เล็กจนโตถูกเลี้ยงดูแบบอเมริกันแท้ๆโดยแม่เลี้ยงชาวอเมริกัน เรียนเตรียมอนุบาลยันตอนนี้ปีสามเข้าไปแล้วในสถาบันการศึกษาของอเมริกัน ใช้ชีวิตปาร์ตี้แบบสุดเหวี่ยงทุกคืนไปกับเหล้าบุหรี่ผู้หญิง(ผู้ชายบ้าง)เซ็กส์และโคเคน(แบบพอหอมปากหอมคอ)แบบอเมริกันกลับไปอยู่ในสังคมของเกาหลีที่เคร่งครัดต่างจากที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูมาลิบลับเนี่ยนะ?!!...พ่อท่าจะทำงานหนักจนเพี้ยนไปแล้วจริงๆ!

     

    "เลี้ยวซ้าย อีกห้าร้อยเมตร"

     

    "ไม่บอกตอนกูเลยไปแล้วแล้วเลยล่ะ"

     

    ริมฝีปากหยักโค้งได้รูปสวยที่คาบบุหรี่เอาไว้อย่างหมิ่นเหมขยับพ่นคำค่อนขอดเจ้าจีพีเอสในรถที่บอกให้เลี้ยวเกือบจะช้าไปจนเขาต้องเหยียบเบรคกระทันหันเพื่อจะได้เลี้ยวทันตามที่มันบอกได้ เขาหักพวงมาลัยหาเจ้ารถออร์ดี้คันสวยที่เพิ่งถอยมาสดๆเมื่อคืนวานเพื่อขับมามหาลัยโดยเฉพาะไปตามถนนที่เขาไม่คุ้นเคย...เขาไม่คุ้นเคยอะไรกับเกาหลีสักอย่างนั่นล่ะ สิ่งเดียวที่เขาจำได้ก่อนจะจากมาตอนประมาณสามสี่ขวบก็มีเพียงแค่แม่น้ำฮันเท่านั้นเอง

     

    หนุ่มสาววัยมหาลัยเริ่มมีให้เห็นหนาตามาขึ้นเมื่อเขายิ่งขับรถเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ...คงอยู่ในเขตมหาลัยแล้วกระมัง เขาไม่ทันเห็นป้ายชื่อมหาลัยเสียด้วยสิ แต่ไอ้จีพีเอสเฮงซวยที่ร้องบอกว่าคุณได้มาถึงที่หมายแล้วก็ตอยคำถามให้แก่เขาได้ ซีวอนขับรถเลี้ยวไปตามป้ายที่เขียนเป็นภาษาเกาหลีและเขาก็อ่านมันได้แบบแคระๆแกนๆยิ่งกว่าความรู้ของเด็กอนุบาล

     

    "คณะบริหาร...คณะบริหาร"

    พ่อเด็กนอกรูปหล่อพึมพำกับตัวเองเป็นภาษาเกาหลีที่ท่องมาอย่างดีพลางชะเง้อคออ่านป้ายบอกทางที่ติดเรียงกันอยู่บนเสาเป็นตับเพื่อหาป้ายบอกทางของคณะบริหาร โชคดีที่รถน้อย ไม่งั้นเขาต้องโดนบีบแตรไล่แน่ๆ ในที่สุดเขาก็หาป้ายที่บอกทางไปคณะบริหารเจอเสียที ซีวอนหักพวงมาลัยเคลื่อนรถไปตามลูกศร และเพียงไม่นาน ตึกใหญ่ที่มีตัวอักษรแปะหราอยู่ที่ป้ายด้านหน้าว่าคณะบริหารธุรกิจก็ปรากฏแก่สายตาของเขา

     

    ซีวอนวนรถหาที่จอด ซึ่งเขาก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จในการหาเร็วนักจนชักจะหงุดหงิดขึ้นมาใหม่อีกรอบ ร่างสูงก้าวลงมาจากรถ เขวี้ยงบุหรี่ที่ยังไม่หมดมวนดีลงพื้นด้วยท่าทางพาลๆพร้อมกับกระแทกประตูรถคันสวยของตนปิดเสียงดัง...ถือเป็นการเปิดตัวที่ดีทีเดียวสำหรับนักศึกษาคนใหม่ เพราะแค่รถคันหรูที่ขับวนรอบตึกคณะอยู่กว่าเกือบสิบรอบก็เรียความสนใจจากนักศึกษาที่เเดินผ่านไปผ่านมาได้มากโขอยู่ ซีอวนล้วงหยิบเอกสารสองสามแผ่นออกมาจากกระเป๋าการเกงยีนส์ด้านหลัง...มันยับเยินพอควรเชียวล่ะ ทั้งๆที่ตรงมุมล่างของเอกสารอุตส่าห์เขียนกำกับเอาไว้แล้วแท้ๆว่าห้ามพับ ดวงตาคมกวาดมองตรวจดูความเรียบร้อบพลางใช้นิ้วกดย้ำเข้าที่ภาพถ่ายหน้าตรงของตนให้มันติดกับกระดาษมากขึ้น

     

    ร่างสูงก้าวเดินเข้าไปในตัวตึก และร่างสมส่วนราวกับนายแบบแถมยังเป็นคนแปลกหน้าก็ดึงดูดสายตาของทุกคนให้หันมามองที่เขาอย่างง่ายดาย ซีวอนยืนรอลิฟต์อย่างใจเย็น...ชั้นเก้า พ่อน้ำนักย้ำหนา(พอๆกับคำว่าคณะบริหาร)ว่าชั้นเก้า

     

    ถ้ามันยุ่งยากขนาดนี้แล้วจะให้เขาย้ายมาที่นี่ทำไมนะ

     

    อีกแค่ปีครึ่งเขาก็จะจบอยู่แล้ว

     

    กลุ่มหญิงสาวที่เพิ่งเดินออกมาจากประตูลิฟต์ที่เปิดออกต่างพากันเหลือบสายตามามองจ้องเขาก่อนจะหันไปซุบซิบกันเองและค่อยๆพากันเคลื่อนตัวจากไป และแหงล่ะ...เชวซีวอนคนดีไม่ได้ทำให้เรื่องราวที่มีอยู่ใหญ่โตเพิ่มมากขึ้นด้วยการตีสีหน้าเรียบเฉยเอาไว้เหมือนปกติและแทรกตัวเดินผ่านเข้าไปนลิฟต์ นิ้วเรียวกดหมายเลขก้าวแล้วจึงกดปุ่มปิดประตูทันทีอย่างไม่คิดรอใครหน้าไหนก้าวเข้ามาอีก

     

    "เดี๋ยวก่อนครับ!"

    เสียงนุ่มของใครบางคนร้องขึ้นพร้อมกับมือขาวจัดที่สอดเข้ามาขวางประตูลิฟต์ที่กำลังจะปิดสนิทเอาไว้...จวนเจียนจะโดนหนีบอยู่อีกไม่กี่เซนต์อยู่แล้วจนซีวอนต้องรีบกดปุ่มเปิดประตูลิฟต์ให้ ร่างสูงโปร่ง...หากทว่าบอบบางกว่าเขามากนักรีบแทรกตัวเข้าใาในลิฟต์ ยืนหอบจนตัวโยนอยู่ที่อีกมุมหนึ่งของลิฟต์โดยไม่กดชั้น

     

    "ขอบคุณครับ"

    ผู้ชายร่างบางคนนั้นหันมายิ้มขอบคุณเขา แก้มขาวซีดจางขึ้นสีระเรื่อเล็กน้อยเพราะความเหนื่อยหอบ...ขาวจัดเกินไปรึเปล่านะ ยิ่งทำผมสีน้ำตาลเข้มแบบนั้นด้วยแล้ว...ยิ่งดูบอบบางเข้าไปใหญ่เลย ซีวอนละสายตาออกมาจากการเหลือบมองผู้ชายคนนั้นก่อนจะก้าวออกจากลิฟต์ไปเมื่อมันได้พาเขาขึ้นมาถึงชั้นเก้าเป็นที่เรียบร้อย และมันก็ไม่น่าแปลกใจอะไรเลยสักนิดที่ผู้ชายผิวขาวจัดคนนั้นจะเดินตามเขาออกมาด้วย เด็กนอกรูปหล่อไหวไหล่นิดก่อนจะหันไปจัดการเรื่องเกี่ยวกับการเรียนของตนโดยไม่คิดใส่ใจผู้ชายแปลกหน้าคนนั้นอีก

     

    ................................................................

     

    ซีวอนพาดแขนทั้งสองข้างของตนลงบนหลังคารถ มือข้างหนึ่งคีบจับบุหรี่ที่ยังคงมีควันลอยขึ้นมาอย่างเอื่อยเฉื่อยเอาไว้หลวมๆ ในขณะที่อีกมือก็ถือตารางสอนที่เพิ่งได้รับมาเอาไว้ ดวงตาคมจ้องมองมันอยู่อีกเพียงชั่วครู่ก็ปล่อยให้สายลมพัดพาเจ้ากระดาษแผ่นนั้นให้ปลิวหายไปอย่างไม่คิดจะใส่ใจอะไรกับมันอีก...ให้มันรู้ไปสิว่าเชวซีวอนจะหาเรื่องกลับอเมริกาไม่ได้น่ะ!

     

    "ฮยอกแจอ่า!...วันนี้มันตาของฉันใช้รถนะ ไหนว่าเราแบ่งวันกันแล้วไงล่ะ!"

    เสียงนุ่มคุ้นหู้ที่กำลังตะโกนโหวกเหวกเสียงดังเรียกดวงตาคมที่กำลังทอดมองไปเบื้องหน้าอย่างว่างเปล่าให้มีจุดวางสายตาที่ดีกว่าอากาศธาตุในที่สุด ซีวอนหันไปมองตามเสียงร้อง ซึ่งแหงล่ะ....เขาจำได้ว่ามันเป็นเสียงของผู้ชายผิวขาวจัดคนนั้น ร่างสูงโปร่งหากทว่าบอบบางหอบหนังสือเล่มหนาไว้ในอ้อมแขนข้างหนึ่ง กระเป๋าสะพายข้างใบใหญ่ที่ทำท่าจะหลุดจากหัวไหล่แหลีมิหลุดแหล่ยิ่งทำให้ตัวบางๆนั่นดูวุ่นวายงุ่นง่านหนักเข้าไปใหญ่...หอบของเด็มไม้เต็มมือจนเดินแทบจะไม่ตรงขนาดนั้นแล้วก็ยังอุตส่าห์มีมือว่างโทรศัพท์อีก...ทำไมถึงชอบทำให้ตัวเองดูบอบบางนักนะ

     

    "ยุนโฮบอกฉันแล้วว่านายเป็นคนเอาไป...อย่ามาบีบน้ำตานะเว้ย! คิดว่าใช้กับคิบอมได้ผลแล้วจะมาใช้กับฉันได้รึไง!....โอ๊ะ!!"

    คนที่กำลังตะโกนแว้ดๆใส่โทรศัพท์มือถือร้องอุทานออกมาลั่นเมื่อเดินสะดุดเข้ากับทางเดินต่างระดับจนหกล้มหน้าทิ่ม...คงเจ็บนั่นล่ะ ก็ดูทำหน้าเข้าสิ ซีวอนถอนหายใจออกมาเบาๆเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายตั้งท่าจะปล่อยโฮอยู่แล้ว...เกรงว่าถ้ายังไม่มีคนเข้าไปช่วยเก็บของที่หล่นกระจัดกระจายให้ตอนนี้คงได้นั่งร้องไห้อยู่ตรงนั้นจริงๆแน่ๆ เขายกมวนบุหรี่ขึ้นมาสูดควันลงปอดเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะโยนมันทิ้งลงพื้นและก้าวเดินไปหาคนที่นั่งจุ้มปุ้กเก็บข้าวของอยู่บนพื้น

     

    "เจ็บมั้ย"

     

    "อื้อ"

    ซีวอนถอนหายใจออกมาเบาๆให้กับการพยักหน้าหงึกหงักโดยไม่เงยหน้าขึ้นมามองเขาแบบนั้นพลางทรุดตัวนั่งลงบนปลายเท้าของตน ช่วยเก็บหนังสือทั้งหลายทั้งแลให้อย่างใจเย็น แต่กระนั้นแล้ว...คนตรงหน้าก็ยังไม่เงยหน้าขึ้นมามองหน้าเขาเสียที

     

    "ลุกไหวมั้ย"

     

    "ไหว"

     

    "เดี๋ยวไปส่งเอาเปล่า"

     

    "เอา"

     

    ช่างเป็นผู้ชายที่พูดจาตรงดีจริงๆพับผ่าสิ

     

    ผู้ชายผิวสีขาวจัดคนนั้นเงยหน้าขึ้นมาฉีกยิ้มกว้างให้เขา ดวงตาซุกซนสีดำสนิทยังคงแวววาวไปด้วยน้ำตาหากแต่มันก็กำลังส่งรอยยิ้มมาให้เขาด้วยเช่นกัน...เหมือนตาของลูกแมว เขาสรุปกับตัวเองอยู่เงียบๆในใจ ซีวอนโอบประคองหนังสือทั้งหมดที่หนักใช่เล่นเอาไว้ด้วยแขนเพียงข้างเดียวได้สบายๆพลางขยับตัวลุกขึ้นยืน เขาไม่ได้ส่งมือให้อีกฝ่ายอย่างที่ควรจะทำ...มันไม่ใช่นิสัยของเขาที่จะเป็นสุภาพบุรุษขนาดนั้นกับคนที่ไม่รู้จัก

     

    ผู้ชายคนนั้นค่อยๆชันตัวลุกขึ้นตามเขา มือเรียวบาง...เหมือนมือของผู้หญิงจับกระชับสายกระเป๋าของตัวเองเข้าแนบกับหัวไหล่โดยที่ยังคงกำมือถือของตนเอาไว้...ปล่อยให้หนังสือมากมายหล่นกระจาบโดยไม่ยอมปล่อยโทรศัพท์เครื่องเล็กๆให้หลุดออกจากมือ ช่างเป็นคนที่มีทักษะเรื่องความปลอดภัยยอดเยี่ยมจริงๆ

     

    "จะไปไหน"

     

    "คณะวิดยา"

     

    "บอกทางนะ"

     

    "ได้"

    พอจบบสนทนาสั้นๆของพวกเขา ซีวอนก็เดินนำอีกฝ่ายไปยังรถของตัวเอง โยนเจ้าหนังสือเคมีบ้าบอมากมายพวกนั้นใส่ไว้ที่เบาะด้านหลังก่อนจะพาตัวเองไปประจำที่ที่นั่งคนขับ โดยมีคนตัวบางนั่งคอยอยู่ที่เบาะนั่งข้างๆอยู่แล้ว

     

    "ชื่ออะไร"

     

    "โจวคยูฮยอน"

     

    ชื่อบ้าอะไร ออกเสียงยากชะมัด

     

    สารถีจำเป็นแอบเก็บมันเอามาบ่นในใจพลางสตาร์ทรถ และพารถเคลื่อนไปตามทาง โจวคยูฮยอนคนนั้นเอื้อมมือไปกดเปิดวิทยุของเขาอย่างถือวิสาสะราวกับอึดอัดในความเงียบที่ขั้นกลางอยู่ระหว่างพวกเขา แต่เจ้าของรถก็ไม่คิดจะติติงอะไรให้มากความ ดวงตาคมสีน้ำตาลเข้มเหลือบมองคนข้างกายนิด....จ้องมิงแก้มเนียนเรื่อยลงไปตามแนวลำคอระหง ไปจนถึงไหปลาร้าก่อนที่มันจะหายเข้าไปใต้เสื้อยืดสีอ่อน...ดูบอบบางจริงๆนั่นล่ะ

     

    "คุณชื่ออะไร"

     

    "เชวซีวอน"

     

    "งี้นี่เอง"

     

    งี้นี่เองมันใช้หลังจากคนแปลกหน้าแนะนำตัวงั้นเหรอ

     

    ภาษาเกาหลีของผู้ชายตัวบางคนนี้ดูถ้าจะมีปัญหามากกว่าเขาเสียอีกนะ

     

    คยูฮยอนหันมาคลี่รอยยิ้มให้เขา...มันดูสดใส แสนซื่อ หากแต่ดวงตาสีเข้มคู่นั้นกลับซุกซน...มีบางอย่างแอบซ่อนอยู่ ซีวอนหักพวงมาลับเลี้ยวตามรถคันข้างหน้าไป ดวงตาคมหันกลับไปจ้องมองถนนตรงหน้าตามเดิมเมื่อเห็นว่าผู้โดยสารกิตติมศักดิ์ตัวบางที่นั่งอยู่ข้างกายได้หันไปสนใจวิวนอกหน้าต่างรถแทนเขาเสียแล้ว

     

    "ขอบคุณที่ช่วยนะ"

     

    "ไม่เป็นไร"

     

    "ค่าตอบแทน...เป็นเซ็กส์ได้มั้ย

     

    ........................................................

     

    "อ้ะ!...แรงอีก!...อีก!"

    ซีวอนกระแทกตัวใส่คนร้องขอที่นั่งประจันหน้าคร่อมทับอยู่บนหน้าตักของเขาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะปลดปล่อยทุกความต้องการของตนที่หลั่งไหลออกมาเข้าไปในช่องทางคับแคบเป็นครั้งที่สาม เช่นเดียวกับที่อีกฝ่ายปลดปล่อยออกมาเลอะตัวเขาอีกแล้วเป็นครั้งที่สาม คยูฮยอนเอนซบลงมากับไหล่ของเขา หอบสะท้านจนตัวโยนไปหมดเพราะความเหน็ดเหนื่อย ผิวสีขาวจัดยามอยู่ท่ามกลางแสงแดดยิ่งดูขาวราวกับงาช้างถึงแม้จะแต่งแต้มไปด้วยรอยช้ำรอยขบกัดมากมายก็ตามที...รอยตำหนิยิ่งทำให้แลดูบอบบางมากเข้าไปใหญ่

     

    ซีวอนขยับตัวเอนหลังพิงเข้ากันหัวเตียงพลางใช้มือลูบแผ่นหลังเปลือยเปล่าขึ้นลงไปมาคล้ายอยากจะพยายามให้อีกฝ่ายหายใจช้าลง พวกเขายังคงเชื่อมติดกันอยู่ แต่ก็ดูเหมือนจะไม่มีใครเดือดร้อนกับความจริงนั้นสักเท่าไร

     

    "เหนื่อยมั้ย"

     

    "เหนื่อย"

     

    "เป็นอะไรรึเปล่า"

     

    "ฉัน...หายใจ...ไม่ทัน"

    คนที่ยังคงหอบหายใจหนักจนแทบไม่มีแรงตอบคำถามตอบเขากลับมาอย่างยากลำบากพร้อมกับเกร็งมือทั้งสองข้างจิกต้นแขนของเขาเอาไว้แน่นราวกับใช้มันเป็นที่ยึดเหนี่ยวไม่ให้ตัวเองได้ล้มลง ริมฝีปากบางชวมเจ่ออ้าออกเพื่อกอบโกยอากาศเข้าเลี้ยงปอดของตนให้ได้มากที่สุด ซีอวนไม่ได้ไต่ถามอะไรเพิ่มเติมอีก เขาเพียงใช้แขนข้างหนึ่งโอบกอดร่างบางเข้ามาแนบตัวมากขึ้น...ให้คนตัวเล็กได้สัมผัสกับจังหวะการหายใจของเขาได้ชัดๆ ในขณะที่มืออีกข้างก็ยังคงลูบแผ่นหลังของคนในอ้อมกอดขึ้นลงไปมา

     

    "หายใจตามฉัน"

     

    "ไม่...ได้...ทำไม่ได้"

     

    "ต้องได้...ดีขึ้นรึยัง"

     

    "ดีแล้ว"

    คำสั่งของคนเอาแต่ใจชอบสั่งคนอื่นไปทั่วได้ผลชะงักนักภายในแทบจะไม่กี่วินาทีต่อมา ลมหายใจของคยูฮยอนกลับเข้าสู่จังหวะปกติอีกครั้ง คนตัวเล็กยังคงนั่งนิ่งอยู่ในท่าเดิมไม่ขยับ ซบใบหน้าอยู่กับไหล่กว้าง ปล่อยลมหายใจให้รวยรินอยู่ใกล้ๆผิวกายอุ่นของเจ้าของอ้อมกอดที่อุ่นไม่แพ้กัน

     

    "ชอบสั่งจังเลย"

    คนที่โดนสั่งบ่นออกมาเบาๆพลางใช้ริมฝีปากขบเม้มไปมาตามแนวลาดไหล่และลำคอแกร่งของคนที่ชอบสั่ง หมั่นเขี้ยวหนักหน่อยก็ใช้ฟันกัดลงไปเบาๆจนปรากฏรอยฟันฝากเอาไว้บนผิวขาวๆนั่น ซีวอนไม่ยี่หระต่อคำค่อนขอดนั่นเท่าไรนัก พอๆกับที่เขาไม่สนใจความซุกซนเหมือนลูกแมวจอมซนของคนในอ้อมกอดของตน เขาเอื้อมมือไปหยิบซองบุหรี่ของตัวเองที่วางทิ้งไว้อยู่ที่โต๊ะข้างเตียงมาเคาะมวนบุหรี่ออกมาคาบไว้บนเรียวปากก่อนจะควานหาไฟแช็คมาจุดมัน เขาสูดควันอุ่นๆเข้าปอด...และระหว่างพวกเขาก็ยังคงไม่มีคำพูดใดๆหลุดออกมา

     

    "ขอสูบบ้างได้มั้ย"

    เสียงของคนที่ชักจะเริ่มซีดขาวมากเกินไปเอ่ยขอออกมาเบาๆพร้อมกับที่เจ้าตัวผละออกมาจากอ้อมอกของเขาเพื่อสบตา ซีวอนไม่ได้เอ่ยตอบรับเสียงนุ่มๆนั่นกลับไปเช่นเดิม เขายกบุหรี่ที่คีบอยู่ระหว่างนิ้วของตนขึ้นแนบริมฝีปาก ดูดควันเหล่านั้นเอาไว้ให้ได้มากที่สุดในหนึ่งลมหายใจก่อนจะดึงมวนบุหรี่ออกจากริมฝีปาก และรั้งร่างบอบบางเข้ามาประกบจูบ ป้อนควันกลิ่นเมนทอลอ่อนๆเหล่านั้นผ่านจูบอันเร่าร้อนรุนแรงตามนิสัยคนเอาแต่ใจ

     

    "เอาไปแค่นั้นพอ"

    แค่เสียเหงื่อเล็กๆน้อยๆยังหอบหายใจแทบขาดใจแบบนี้ ยังจะสูบบุหรี่ให้ปอดพังเพิ่มเข้าไปอีก...มันน่าตีชะมัด! ใบหน้าค่อนไปทางหวานของคยูฮยอนง้ำลงนิดเหมือนจะไม่พอใจที่เขาไม่ตามใจ แต่คนตัวเล็กก็ไม่ได้โวยอะไรออกมาให้เขารำคาญใจ ร่างบอบบางเอนตัวกลับเข้ามาพิงอกของเขา เอนแก้มอันเย็นเฉียบเข้ากับบ่าพร้อมกับร้องเพลงหงุงหงิงเบาๆอยู่กับตัวเอง

     

    เด็กขี้เหงา

     

    เขาให้คำนิยามกับคนตรงหน้าแบบนั้น...ชอบทำตัวเองให้ดูบอบบางและเหงาอยู่ตลอดเวลาจริงๆ ซีวอนยกแขนขึ้นโอบกอดเอวคอดเอาไว้เพื่อนให้ร่างอันเย็นเฉียบของอีกฝ่ายอุ่นขึ้นมากว่านี้สักนิดพลางใช้ฝ่ามือลูบไปตามแผ่นหลังเรียบลื่น...ปลอบโยน เขารู้สึกว่าตัวเองกำลังทำแบบนั้น

     

    "ฉันมีเรียนตอนบ่ายโมงด้วยล่ะ"

     

    "ไม่ต้องไป"

     

    เดินไม่ไหวหรอก

     

    เขาเก็บประโยคนั้นเอาไว้ในใจพลางเหลือบมองไปยังกองคราบเลือดมากมายบนเตียง...นี่ยังไม่รวมถึงที่ไหล่เปรอะอยู่ตรมปลีน่องขาวที่แนบอยู่กับสะโพกของเขาอีกนะ

     

    "กอดแน่นกว่านี้หน่อยได้มั้ย"

    ซีวอนไม่ปฏิเสธคำขอนั้น เขากระชับอ้อมแขนของตนให้แน่นขึ้นพลางเกยคางวางลงไปบนไหล่บาง ริมฝีปากยังคงคาบบุหรี่เอาไว้ ปล่อยให้อีกฝ่ายมุดหน้าเข้ากับซอกคอราวกับลูกแมวตัวน้อยช่างอ้อนอยู่แบบนั้นโดยไม่คิดห้าม...โจวคยูฮยอนเริ่มร้องเพลงออกมาอีกครั้ง

     

    "จะให้เอาออกมั้ย"

     

    "ค้างไว้แบบนี้ดีแล้ว"

     

    "ไม่เจ็บรึไง"

     

    "เจ็บสิดี...เจ็บบ่อยๆเดี๋ยวก็ตายเอง"

     

    พูดอะไรพิลึก

     

    ซีวอนคิดแบบนั้น หากแต่เขาก็ไม่ได้เอ่ยคำใดออกไป ความรู้สึกตอนพระอาทิตย์ใกล้ลาลับหายไปจากขอบฟ้าเป็นอย่างไร โจวคยูฮยอนก็กำลังให้ความรู้สึกแบบนั้น...มืดมนลงเรื่อยๆ เขาดึงบุหรี่ออกมาจากริมฝีปาก พ่นควันสีเทาให้ลอยฟุ้งไปทั่วห้องของโรงแรมสามดาวซึ่งเป็นโรงแรมแรกที่จีพีเอสในรถของเขาร้องบอกก่อนจะกดริมฝีปากอุ่นจัดเพราะควันบุหรี่ของตนเข้าที่ซอกคอขาวที่เต็มไปด้วยรอยฟันช้ำแดงมากมายเบาๆ...ปลอบประโลมอีกฝ่ายด้วยสัมผัสอันเบาบางที่แทบจะหาความหมายใดๆไม่ได้เลย แขนเรียวขาวของคนตัวเล็กสอดเข้ามาโอบกอดรอบตัวของเขาเบา...รั้งเอาไว้หลวมๆเพื่อให้กายแนบชิดกับเขามากกว่าเดิม

     

    "ซีวอนตัวอุ่นจัง...ฉันชอบ"

     

    "นายตัวเย็นไปต่างหาก"

    เขารู้ว่าคนตัวเล็กในอ้อมกอดของเขากำลังยกยิ้มเพราะคำพูดของเขา...มันจะเป็นรอยยิ้มที่สดใส เขารู้สึกแบบนั้น ซีวอนลากนิ้วไปตามแนวสันหลัง ไต่ปลายนิ้วไปมาทั่วแผ่นหลังเนียนอันเปลือยเปล่าอย่างเรื่อยเปื่อย

     

    "ไม่สบายรึเปล่า"

     

    "เปล่า"

    คยูฮยอนนิ่งไปก่อนสุดท้ายแล้วจะทำเพียงแค่พึมพำร้องเพลงกับตัวเองเบาๆไปตามภาษาอยู่ที่ข้างหูของเขา โยกเอนหัวไปมาซ้ายขวาเล็กน้อยตามจังหวะเพลงที่มีความหมายเศร้าชะมัดในความคิดของเขา...ไม่เห็นมีอะไรให้น่าโยกตามเลยสักนิด

     

    "ซีวอนอ่า"

     

    "หืมม?"

     

    "ฉันขอร้องไห้หน่อยได้มั้ย"

     

    "ตามใจสิ"

     

    "ปลอบด้วยนะ"

    ไม่มีคำตอบสำหรับคำขอนั้น ซีวอนยกบุหรี่ขึ้นมาคาบไว้บนเรียวปากอีกครั้งก่อนจะใช้มือกดศีรษะเล็กลงมาเข้าแนบกับหัวไหล่ของตนพร้อมกับลูบผมสีน้ำตาลเข้มนุ่มมือนั่นไปมา...เขารู้สึกว่าคยูฮยอนกำลังคลี่รอยยิ้มออกมาอีกครั้ง

     

    "ขอบคุณนะ"

     

    เสียงร้องเพลงแสนเศร้าถูกแทนที่ด้วยเสียงร้องไห้สะอึกอะอื้น

     

    และสำหรับซีวอน...มันบีบหัวใจได้มากกว่าเพลงที่เศร้าที่สุดเสียอีก

     

    ..........................................................

     

    "หลังนี้รึเปล่า"

     

    "อื้อ"

    คยูฮยอนขานรับเขาออกมาสั้นๆพลางปลดเข็มขัดนิรภัยออกเพื่อเอี้ยวตัวไปหยิบหนังสือเรียนของตนที่เบาะหลัง คนตัวเล็กกระชับสายกระเป๋าเข้ากับหัวไหล่ก่อนจะหันมาคลี่รอยยิ้มให้แก่เขา...มันอ่อนหวาน มันสดใส หากแต่ดวงตาแมวคู่นั้นก็ทำให้มันหม่นหมอง

     

    "ขอบคุณนะ"

    ซีวอนดูดกลืนคำขอบคุณนั้นด้วยริมฝีปากของตนอย่างหนักหน่วงดื้อรั้น มือกร้านแทรกเข้าไปตามผมนิ่มเพื่อติดตรึงใบหน้าหวานไม่ให้ถอยห่างหากว่าเขายังไม่สั่งให้ถอย และกว่าเขาจะสั่งให้ถอย ริมฝีปากบางก็โดดดูดกลืนจนช้ำแดงไปหมดเสียแล้ว คยูฮยอนม้มปากเข้าหากันนิด เสสายตาก้มมองหนังสือที่วางอยู่บนหน้าตักของตนชั่วครูก่อนจะเปิดประตูก้าวลงจากรถไปอย่างรวดเร็วโดยไม่เอ่ยคำลาใดๆ มีผู้ชายสามคนถลาออกมาจากประตูบ้านทันทีที่คนตัวเล็กเอาเท้าเหยียบพื้นคอนกรีตด้านนอก

     

    'คนเล็ก'...เขาได้ยินเสียงของผู้ชายพวกนั้นเอ่ยเรียกร่างบางแบบนั้น

     

    ร่างสูงเอื้อมมือไปขยับเกียร์เพื่อจะเคลื่อนรถของตนจากไป แต่ก่อนที่เขาจะทันได้แตะคันเร่งเพื่อนเร่งให้มันเคลื่อนที่เร็วขึ้น เขาก็ได้สบตากับคุณคนเล็กคนนั้นอีกครั้ง....โจวคยูฮยอนยิ้มอีกแล้ว

     

    "จะยิ้มอะไรนักหนา"

     

     

     

    "นี่คนเล็ก!...จะหายไปไหนก็หัดบอกก่อนสิ จู่ๆสายก็ตัดไป ฉันตกใจนะ!"

    ลีฮยอกแจแว้ดใส่เขาด้วยหน้ามุ่ยๆ ปลายจมูกรั้นๆนั่นออกจะแดงอยู่หน่อยๆแถมดวงตาเรียวรีคู่นั้นก็ช้ำแดง...คยูฮยอนคิดว่าพี่ชายคนเล็กของเขาคงต้องโดนใครสักคนดุจนร้องไห้ไปแล้วแน่ๆ เขาก็เลยคิดจะไม่ซ้ำเติมกลับไปให้อีกฝ่ายบ่อน้ำตาแตกออกมาอีกรอบ เขาทำเพียงแค่ส่งรอยยิ้มไปให้พวกพี่ๆและส่ายหน้าปฏิเสธทุกคำถามที่ถูกเอ่ยถามออกมา

     

    "ทำไมต้องทรมานตัวเองทุกวัน ถ้าอยากตายนักฉันก็บอกแล้วว่าจะจุดไฟเผานายให้"

    พี่ชายคนร้องคิมคิบอมมีวิธีพูดให้เขาประทับใจได้เสมอนั่นล่พ แวมไพร์หนุ่มคนเล็กของบ้านก้มหน้ามองที่ปลายเท้าของตน...ยังคงยิ้มและกอดหนังสือของตัวเองเอาไว้แนบอกแน่น

     

    คิบอมไม่ทำหรอก

     

    คิบอมทำไม่ได้หรอก

     

    คนบ้านนี้ทำลายเขาพอๆกับที่ช่วยอะไรเขาไม่ได้นั่นล่ะ

     

    "เดินไม่ไหวล่ะสิ ยืนนิ่งเชียว"

    เสียงทุ้มของพี่ชายคนโตเอ่ยขึ้นพร้อมกับสัมผัสปลายนิ้วเข้าที่ข้างแก้มมของเขา...ปลายนิ้วของพี่ชายเย็นเฉียบ หากแต่มันก็ให้ความรู้สึกอบอุ่น...ชองยุนโฮเป็นพี่ชายที่เขาชอบที่สุดมาตลอด แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นคนที่เขาพูดคุยด้วยน้อยที่สุด รอยยิ้มอ่อนอกอ่อนใจถูกส่งมาให้เขาก่อนที่พี่ชายจะจัดการช้อนตัวเขาขึ้นจากพื้น...เมื่อกี้หลายสิบปีก่อนง่ายดายอย่างไร พี่ชายก็ยังคงทำมันได้อย่างง่ายดายอยู่แบบนั้น

     

    "พี่ชาย..."

    คยูฮยอนร้องหาพี่ชายออกมาเบาๆ และพี่ชายทั้งสามคนของเขาก็ตอบรับเสียงเรียกหาของเขาในทันที ฮยอกแจถือกระเป๋าให้ คิบอมยกหนังสือให้ และยุนโฮก็กระชับเขาเข้ากับอ้อมอกมากขึ้น พวกเขาเคลื่อนตัวกลับเข้าไปในตัวบ้าน...มันเงียบสนิท คุณพ่ออีทึกคงยังไม่กลับมาจากโรงพยาบาล

     

    "วันนี้มันอาจจะเจ็บ แต่พรุ่งนี้มันก็จะหายสนิท...นายก็รู้นี่คนเล็ก"

     

    รู้สิ...มันเป็นแบบนั้นมาตลอดอยู่แล้ว

     

    เขาถึงยังไม่ตายสักทีแบบนี้ไงล่ะ

     

    "อืม"

     

    "หัวใจที่เจ็บปวดทำให้นายได้แค่ความทรมาน มันทำให้นายตายไม่ได้หรอกนะคนเล็ก"

     

    "อืม"

    ร่างสูงของยุนโฮอุ้มพาเขามายังห้องนอนที่ชั้นบน พี่ชายคนโตของบ้านตระกูลปาร์คจัดการวางร่างของน้องชายคนเล็กลงบนเตียงอย่างทะนุถนอมแล้วจึงขยับห่มผ้าให้อย่างอบอุ่น แวมไพร์อย่างพวกเขาไม่มีวันหลับ แต่คยูฮยอนเป็นข้อยกเว้น เขารู้ดี...ร่างกายของน้องชายคนเล็กไม่แข็งแรง แม้แต่เลือดแวมไพร์บริสุทธิ์ของคุณพ่อก็ช่วยอะไรไม่ได้ถ้าเจ้าลูกแมวแสนดื้อไม่ยอมดื่มมันเข้าไปมากกว่านี้

     

    "นอนพักซะ เลือดสักหน่อยคงทำให้นายรู้สึกดีขึ้น เดี๋ยวฉันจะให้ฮยอกแจยกขึ้นมาให้"

    ยุนโฮว่าพลางลูบมือลงบนผมนิ่มเบาๆ...เสียงทุ้มโทนเบสของพี่ชายคนโตมีอำนาจชักจูงสูงเสมอ เพราะมันทำให้เด็กดื้อของบ้านพยักหน้ารับทุกคำพูดได้อย่างง่ายดายทุกครั้งไป ชายหนุ่มกวาดสายตาตรวจดูความเรียบร้อยของห้องเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะกวักมือเรียกน้องชายอีกสองคนของตนให้เดินออกมาเสียที

     

    คยูฮยอนพลิกตัวนอนตะแคงขดตัวอยู่ใต้กองผ้าห่มผืนหนา...ดูตัวเล็กลงไปอีกเป็นเท่าตัว คอยไม่นาน พี่ชายคนเล็กฮญอกแจก็เดินกลับเข้ามาพร้อมกับแก้วทรงสูงที่บรรจุเต็มไปด้วยเลือดตามที่พี่ชายคนโตสั่งไว้ก่อนหน้า...คงเป็นเพราะลีฮยอกแจช่างอ้อนช่างเจรจากระมัง ทุกสิ่งที่เกี่ยวกับเขาถึงถูกผลักไปให้พี่ชายตัวเล็กคนนี้ทำเสมอ

     

    "คนเล็ก"

    เสียงหวานของพี่ชายเอ่ยเรียกคล้ายจะเอ่ยถามว่าเขาหลับไปแล้วรึยังพร้อมกับที่เจ้าตัวเดินมาทรุดตัวนั่งที่ขอบเตียง และทันทีที่ร่างบอบบางของพี่ชายคนเล็กแตะสัมผัสลงบนเตียง เขาก็ไม่รอช้าที่จะขยับตัวไปนอนหนุนตักนิ่มอย่างที่ชอบทำ...ลีฮยอกแจอ่อนโยน เขาชอบที่มันเป็นแบบนั้น

     

    "กินนะ...นายจะได้รู้สึกดีขึ้น"

    คยูฮยอนปฏิเสธความหวังดีนั้นด้วยการพลิกกานแนบหน้าเข้ากับหน้าท้องแบนราบ แขนยาวตามลักษณะคนโครงสูงหากทว่าเล็กบาง...เหมือนแขนผู้หญิงตวัดรัดเอวเล็กคอดของพี่ชายเอาไว้แน่น

     

    "ไม่กิน...ไม่อยากกิน"

     

    "คยูฮยอนอ่า...อย่าทำแบบนี้สิ"

    เสียงของฮยอกแจอ่อนใจเหมือนจะเบื่อคำพูดที่เขาพูดมันมานับหลายสิบปีนี่เต็มทน เขาพยายามออกแรงพลิกตัวของน้องชายให้นอนหงายขึ้นมาสบตาโดยไม่ทำให้อีกฝ่ายเจ็บ แต่มันก็ไม่เป็นผล เพราะยิ่งเขาออกแรง คยูฮยอนก็ยิ่งกอดเขาแน่นขึ้นและครางอื้อออกมาอย่างดื้อรั้น

     

    "แค่นิดเดียวก็ได้ ร่างกายนายจะอ่อนแอนะคนเล็ก"

     

    "ไม่กิน...อื้อออ!!...บอกว่าไม่กินก็ไม่กินไงล่ะ! อย่าเอาของโสโครกน่ารังเกียจพรรค์นั้นมาให้ฉันกิน!"

    คนที่โดนตามใจจนกลายเป็นคนดื้อรั้นตวาดออกมาเสียงดังลั้นพร้อมกับหันไปปัดแก้วทรงสูงในมือของพี่ชายจนมันหล่นแตกกระจัดกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยอยู่บนพื้น คยูฮยอนตวัดตัวลุกขึ้นยืน ก้าวเดินโครมครามไปยังหน้าต่างของห้องของตนด้วยใบหน้าบึ้งตึง

     

    "คยูฮยอนอ่า..."

    พี่ชายคนเล็กตั้งท่าจะเดินเข้ามารั้งตัวของเขาเอาไว้ หากแต่ยังไม่ทันได้เข้าใกล้ด้วยซ้ำ คุณคนเล็กประจำบ้านตระกูลปาร์คก็กระโดดหายออกไปนอกหน้าต่างเสียแล้ว และแน่ล่ะ...หากโจวคยูฮยอนไม่ประสงค์ แม้แต่แวมไพร์เลือบริสุทธิ์ชั้นสูงก็ไม่มีทางตามหาเขาเจอ

     

    ...............................................................

     



     

    เชวซีวอนเกลียดรถติด...อย่างน้อยนิวยอร์คกับโซลก็มีอะไรเหมือนๆกันอยู่อย่างล่ะนะ หลังจากขับรถตะลอนๆไปทั่วโซลเพื่อดูนู่นดูนี่ให้ชินจาก รถของเขาก็มาติดแหง็กอยู่ที่ย่านที่เจ้าจีพีเอสเฮงซวยร้องบอกว่าชื่อคังนัมนานนับชั่วโมงจนฟ้าเริ่มจะเปลี่ยนสีอยู่แล้ว...อีกไม่กี่บล๊อคก็จะถึงคอนโดของเขาแล้วให้ตายห่าสิ! ชายหนุ่มเท้าข้อศอกลงบนขอบหน้าต่างที่เลื่อนลงมาจนสุดเพื่อระบายควันพิษจากมวนบุหรี่ซึ่งถูกคาบอยู่บนเรียวปาก นิ้วเรียวสวยเคาะเบาๆที่พวงมาลัยด้วยท่าทางใจเย็น...หมายถึงพยายามจะใจเย็นน่ะนะ!

     

    "บ้าเอ๊ย!"

    พ่อเด็กนอกรูปหล่อสบถออกมาเป็นภาษาอังกฤษพลางผ่อนเบรคที่เขากดเหยีบค้างอยู่ลงนิดเพื่อให้รถเคลื่อนไปตามคันข้างหน้า และเมื่อดูจากสถานการณ์แล้ว เขาก็เลือกที่จะเลิกทรมานขาตัวเองด้วยการเปลี่ยนเกียร์เป็นPแม่งเสียเลย

     

    ซีวอนสูดควันลงปอดเฮือกใหญ่ก่อนจะใช้ปลายนิ้วชี้กับนิ้วกลางคีบดึงมันออกมาพักไว้ที่ขอบหน้าต่าง ดวงตาคมซึ่งทอประกายหงุดหงิดชัดเจนกวาดมองไปเรื่อยเปื่อยตามฟุตบาธที่มีการขยับเคลื่อนไหวมากกว่าบนถนนใหญ่เสียอีก เหม่อได้อยู่ไม่นานสายตาของเขาก็สะดุดเข้ากับร่างผอมบางของคนคุ้นตาที่เขาเพิ่งพาไปส่งบ้านเมื่อไม่กี่สี่ห้าชั่วโมงก่อน

     

    ซีดขนาดนั้น พี่ชายปล่อยให้คุณคนเล็กออกมาเดินเตร็ดเตร่แบบนี้ได้ยังไงนะ

     

    คนตัวบางดูซีดขาวกว่าครั้งสุดท้ายที่เขาจำได้มากนัก...ซีดจนแทบจะไม่มีสีเลือดอยู่แล้ว ทั้งๆที่แสงแดดสุดท้ายของวันทำให้ทุกอย่างมีสีเข้มเกินความเป็นจริงไปแทบทั้งหมด ซีวอนเฝ้ามองอีกฝ่ายก้าวเดินอย่างเชื่องช้าไปตามริมฟุตบาธ พร้อมด้วยใบหน้าที่ก้มต่ำ...ดูท่าทางการเดินก็รู้แล้วว่าฝืนเดินมาไกลมากขนาดไหน เขาลังเลอยู่พักหนึ่ง แต่สุดท้ายแล้วก็ติดสินใจยกบุหรี่ขึ้นมาสูดควันพิษเข้าปอดเป็นเฮือกสุดท้ายก่อนจะโยนมันทิ้งออกไปนอกรถอย่างไม่คิดใส่ใจว่ามันจะไปโดนรถคันข้างๆรึเปล่า แล้วจึงเปิดประตูพาตัวเองก้าวลงมาจากรถตามมันออกมาด้วย

     

    "โจวคยูฮยอน!"

    เสียงตะโกนดังลั่นของเขาได้ผลชะงักนัก เพราะเจ้าของชื่อหันขวับมาหาเขาทันทีที่สิ้นคำ ซีวอนเดินตรงเข้าไปจับต้นแขนเล็กก่อนจะกระชากชากรั้งอีกฝ่ายมายังรถของตนที่จอดค้างอยู่กลางถนนโดยไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายได้มีโอกาสเอ่ยถามหรือร้องโวยวายใดๆให้เป็นที่ขัดใจ เขาเปิดประตูด้านข้างคนขับ จับคนตัวเล็กยัดเขาไปนั่งด้านในอย่างไม่ถนอมมือเท่าไรนักก่อนจะผลักประตูปิดโครมใหญ่ และเดินกลับมาประจำที่นั่งของตน

     

    "ทำบ้าอะไร"

     

    "ไม่จำเป็นต้องตอบ"

    เสียงอ่อนนุ่มตอบเขากลับมาห้วนสั้น...หยาบกระด้างและเย็นชา ซีวอนถอนหายใจออกมาเบาๆให้กับคนที่แลดูดื้อรั้นมากเหลือเกินพลางกดปุ่มปิดกระจกเพื่อจะได้เปิดแอร์ให้คนข้างกายรู้สึกดีขึ้น

     

    เด็กดื้อ!

     

    เขามอบคำนิยามให้คนตัวบางนี่อีกคำล่ะกัน

     

    "อยากไปไหน จะไปส่ง"

     

    "นรก...พาไปได้มั้ย"

    คำตอบมาพร้อมกับดวงตากลมโตที่หันกลับมาสบตา ซีวอนไม่ได้เอ่ยตอบอะไรในทันที เขากระชากใบหน้าของเด็กดื้อเข้ามาใกล้เพื่อใช้ปลายจมูกของตนไล้ไปตามผิวแก้มอันเย็นเฉียบ มือหยาบติดตรึงใบหน้าหวานไม่ให้ถอยหนีด้วยการสอดเข้าไปจับที่ท้ายทอย....ผิวเรียบลื่นที่มีกลิ่นหอมหวานประหลาดกำลังทำให้เขาหลงใหลโดยไม่รู้ตัว มารู้ตัวอีกที...ก็ติดมันเหมือนติดบุหรี่เสียแล้ว

     

    เชวซีวอนไม่ใช่คนช่างเอาใจ

     

    เชวซีวอนไม่ใช่คนปากหวาน

     

    แต่ว่านะ...

     

    "นางฟ้า...ต้องอยู่บนสวรรค์ไม่ใช่รึไง"

     

    .....................................................................

     

    เขาเดินตามร่างบางเข้าไปในห้องพักของตน แน่ล่ะ...แม้แต่เขายังแปลกใจตัวเองเลยที่พาคนที่เพิ่งเคยมีเซ็กส์กันเพียงครั้งเดียว(แต่สี่ยก)กลับมายังที่พักส่วนตัวของตน มันไม่ใช่นิสัยของเขาที่จะพาใครเข้ามาในพื้นที่ของตัวเองง่ายๆแบบนี้ แม้แต่คู่ควงที่เขาเคยเดตนานที่สุด ก็ไปไกลได้เพียงแค่ห้องพักส่วนตัวที่สกีรีสอร์ตของตระกูลเท่านั้นเอง ซีวอนเอื้อมมือไปดึงประตูห้องปิดพลางถอดรองเท้าหนังราคาแพงของตนออกวางเคียงข้างรองเท้าผ้าใบสีน้ำเงินเข้มของแขกตัวบางที่ดูจะตื่นเต้นกับห้องของเขามากเหลือเกิน

     

    "ห้องใหญ่จัง"

    เสียงนุ่มของคนที่เดินไปหยุดยืนอยู่กลางห้องนั่งเล่นร้องขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเหมือนเด็กเล็กๆที่กำลังพยายามกลั้นอาการตื่นเต้นเพื่อรักษามารายาทพร้อมกับที่เจ้าตัวหันกลับมาคลี่รอยยิ้มสดใสซุกซนให้แก่เขา ใช่แล้วล่ะ...ผล็อยหลับไปได้หน่อยเดียว ตื่นมาอีกทีโจวคยูฮยอนก็กลับมายิ้มร่าช่างเถียงได้เหมือนเดิมเสียแล้ว เจ้าของห้องไหวไหล่นิด เพราะเขาไม่รู้ว่าควรจะขานตอบรับคำใดกลับไป...อีคิวต่ำ เพื่อนหลายคนชอบด่าเขาแบบนั้น และเขาก็น้อมรับมันโดยไม่แต่โดยดี เพราะเขารู้ตัวเองดีว่าเป็นแบบนั้นจริงๆ

     

    ร่างสูงหมุนตัวเดินเข้าไปในครัว ปล่อยให้แขกตัวเล็กตื่นเต้นกับวิวจากมุมสูงอยู่ที่ประตูกระจกกั้นระเบียงเพียงลำพังโดยไม่คิดห้ามไม่ให้ซุกซนมากไปกว่านี้

     

    เด็กดื้อมันก็ต้องซนอยู่แล้วนี่

     

    "หิวมั้ย"

     

    "ฉันอยากกินคาโบนาร่า"

     

    "หึ"

    ซีวอนหลุดยิ้มออกมานิดให้กับคนที่ไม่เคยคิดเกรงใจเขาเอาเสียเลยพลางเปิดตู้เย็น กวาดสายตาไปตามอาหารแช่แข็งทั้งหลายทั้งแหล่ที่เขาซื้อมาตุนไว้ว่ามีคาโบนาร่าที่แขกอยากทานอยู่หรือไม่ และก็....อ่า...มีสปาร์เก็ตตี้คาโบนาร่าจริงๆด้วยเว้ย! เขาได้ยินเสียงลากเท้าเดินเข้ามาในห้องครัว และก่อนที่เขาจะทันได้หันไปดุว่าจะมาซนอะไรในห้องครัว คยูฮยอนก็เดินมาประชิดที่ด้านหลังพร้อมกับเขย่งปลายเท้าเกยคางเข้ากับหัวไหล่ของเขาเสียแล้ว

     

    "อาหารเยอะจัง"

     

    "จะเปลี่ยนใจมั้ยล่ะ"

     

    "เปลี่ยน!"

     

    "ว่ามาสิ"

     

    "เอาข้าวแกงกะหรี่"

    ซีวอนเลื่อนมือไปหยิบกล่องข้าวแกงกะหรี่่ออกมาตามคำขอ แล้วจึงส่งให้คนอยากทานไปจัดการทำต่อด้วยตัวเอง ส่วนคาโบนาร่าก็ตกมาเป็นของคนกินง่ายที่สักแต่จะกินให้อิ่มท้องอย่างเขาไปโดยปริยาย เขาเดินถืออาหารเย็นของตัวเองเดินตามคนตัวเล็กไปยังไมโครเวฟเงียบๆ คยูฮยอนดูมีความสุขยามที่กำลังจัดการอาหารเย็นของตัวเองให้พร้อมทาน เขารู้สึกแบบนั้น...ทำเหมือนไม่เคยทานอาหารแช่แข็งงั้นล่ะ อ้อ...เขาลืมไป มีพี่ชายดูแลอยู่ตั้งสามคนในบ้านหลังเบ้อเริ่มนี่นา

     

    "ซีวอนอ่า"

     

    ทำไมถึงชอบเรียกชื่อของเขาด้วยเสียงลากยาวแบบนั้นจังนะ

     

    "ว่าไง"

     

    "กอดหน่อย"

    ลูกแมวช่างอ้อนจอมดื้อเอ่ยขออ้อมกอดจากเขาเอาเสียดื้อๆก่อนเจ้าตัวจะหมุนตัวกลับมากอดเอวของเขาเอาไว้แน่นพร้อมกับซุกหน้าเข้ากับอกของเขาโดยไม่สนสีหน้าของเขาเลยสักนิด ซีวอนยืนนิ่ง...อึ้งไปชั่วเสี้ยววินาทีก่อนจะปล่อยให้คนตัวบางกอดอยู่อย่างนั้นโดยไม่ได้เอ่ยห้ามอะไร...ถึงว่า ใครๆถึงได้หลงคนช่างอ้อนนัก และเชวซีวอนก็ชอบเสียด้วยสิ เขาพยายามจะจัดการอาหารเย็นของตนให้พร้อมทานโดยมีคนช่างอ้อนกอดอยู่แบบนั้น และเขาก็ประสบความสำเร็จได้อย่างสวยงามเสียด้วยสิ

     

    "เป็นอะไร"

     

    "เปล่า"

     

    "อาหารเสร็จแล้ว"

     

    "อุ้มหน่อย"

    ซีวอนถอนหายใจออกมาเบาๆให้กับคนที่ชอบหาเรื่องมาให้เขาแบบไม่หยุดหย่อน แต่กระนั้นก็ยังยอมย่อตัวช้อนร่างผอมบางของคนขอให้อุ้มขึ้นมากอดกระชับไว้แนบอก...โจวคยูฮยอนตัวเบาได้อย่างน่าประหลาดเชียวล่ะ เขาวางร่างบางลงบนเก้าอี้ที่โต๊ะอาหารด้านหนึ่งก่อนจะหันไปจัดแจงอาหารเทอาหารใส่จานอย่างคล่องแคล่ว

     

    "ซีวอนเก่งจังนะ"

     

    "อยู่คนเดียวก็ควรจะทำเป็นไม่ใช่รึไง"

    ชายหนุ่มเจ้าของห้องพักว่าเรียบๆพลางเดินเอาข้าวแกงกะหรี่มาวางลงบนโต๊ะตรงหน้าคนอยากทาน ก่อนจะเดินถือคาโบนาร่าของตนไปนั่งยังอีกด้านของโต๊ะอาหาร ใช้ส้อมม้วนเส้นเข้าปากคำโตอย่างไม่รั้งรอให้แขกเป็นฝ่ายทานก่อนตามมารยาทเจ้าบ้านที่ดี

     

    คยูฮยอนดูลังเลที่จะตักอาหารเข้าปากอย่างเห็นได้ชัด มือเรียวถือกำช้อนเงินแน่น ในขณะที่ใบหน้าหวานก็เริ่มเผือดซีดลงโดยไร้สาเหต ซีวอนชะงักการกินของตนไปนิดเมื่อเห็นว่าแขกตัวบางของเขาดูท่าเหมือนไม่อยากอาหารเอาเสียเลย

     

    "เป็นอะไรรึเปล่า"

     

    "เปล่าสักหน่อย"

    เด็กขี้อ้อนเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้เขาทันทีที่เขาเอ่ยถามพร้อมกับจ้วงตักข้าวแกงกะหรี่เข้าปากไปคำใหญ่คล้ายจะพิสูจน์ให้เขาเห็นว่าไม่ได้เป็นอะไรมากมายจริงๆ ซีวอนจ้องจับผิดคนที่นั่งประจันหน้าอยู่ที่อีกฝากโต๊ะอยู่อีกชั่วครู่ก่อนจะไหวไหล่เมื่อไม่เห็นอะไรผิดปกติและก้มหน้ากลับลงมาทานอาหารของตนต่อตามเดิม แต่เสียงอึกอักของคนที่ปัญหาเยอะมากจริงๆก็เรียกความสนใจของเขาได้อีกครั้ง

     

    "นี่..."

     

    "ม่ะ...ไม่...อุ๊บ!"

    คยูฮยอนทะเล้อทะล่าลุกขึ้น ทิ้งช้อนส้อมลงกระทบจานเสียงดังก่อนจะวิ่งหายเข้าไปในส่วนของห้องนอนของเขาอย่างรวดเร็ว มีเสียงโ๕รมครามตามมาหลายครั้ง และเขาก็เห็นจากหางตาไวๆว่าคนตัวบางล้มลุกคลุกคลานไปตลอดทาง ซีวอนรีบลุกขึ้น และวิ่งตามอีกฝ่ายเข้าไปในห้องนอนของตน เสียงโอ้กอ้ากที่ดังแว่วมาจากในห้องน้ำทำให้เขาชะงักไปนิดก่อนสุดท้ายแล้วจะตัดสินใจเดินเข้าไปด้านใน...เจ้าเด็กดื้อรีบร้อนเสียจนไม่ได้เปิดไฟห้องน้ำด้วยซ้ำ

     

    ร่างสูงกดสวิตช์ไฟเปิดก่อนจะเดินไปทรุดตัวนั่งลงข้างๆคยูฮยอนที่นั่งอย่างหมดท่าอยู่ที่หน้าชักโครก โก่งคออาเจียนออกมาอย่างน่าสงสาร...ยิ่งดูซีดขาวเข้าไปใหญ่ มือกร้านลูบขึ้นลงไปมาตามแผ่นหลังบางคล้ายอยากจะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกดีขึ้น

     

    "เจ็บ...จัง"

    พูดออกมาได้เพียงแค่นั้น คยูฮยอนก็ขย่อนทุกอย่างที่อยู่ในกระเพาะออกมาอีก ซีวอนไม่ได้พูดเอ่ยปลอบอะไรกลับไป เขาทำเพียงแค่นั่งอยู่ตรงนั้นและคอยลูบหลังให้เบาๆ...โจวคยูฮยอนไม่มีสีเลือดแล้ว

     

    "ไปโรงพยาบาลมั้ย"

     

    "ไม่ไป"

     

    "ฉันจะพานายกลับบ้าน"

     

    "ไม่กลับ!...ฉันหายแล้ว...หายแล้ว"

    คนที่คิดว่าตัวเองไม่เป็นไรแล้วว่าอย่างดื้อรั้นพลางชันกายลุกขึ้น เอื้อมมือไปกดชักโครกแล้วจึงก้าวเดินไปล้างหน้าล้างปากที่อ่างล้างหน้า...และซีวอนก็ทำเพียงแค่เฝ้ามองทุกการกระทำอยู่ที่เดิม ไม่ได้ลุกขึ้นไปช่วยประคองอีกคนอย่างที่ควรจะทำเลยสักนิด...เขาไม่ได้สุภาพบุรุษขนาดนั้น ก็บอกแล้วนี่ ร่างสูงขยับตัวเอนหลังพิงเข้ากับกำแพงกระเบื้อง สบตากับคนที่มีใบหน้าเปียกปอนและดวงตาแดงก่ำช้ำน้ำตาผ่านกระจกเงาบานใหญ่ที่แขวนอยู่เหนืออ่างล้างหน้า

     

    "ซีวอนอ่า..."

     

    "มานี่"

     

    "ซีวอนอ่า..."

     

    "ฉันบอกให้มานี่"

    คยูฮยอนเดินกลับมาหาเขาในที่สุด และโดยไม่ต้องสั่งอะไรให้มากความ เด็กดื้อก็ทรุดตัวตรงกลางหว่างขาของเขา ขดตัวซุกเข้าหาแผ่นอกเพื่อให้เขากอดอย่างว่าง่าย ซึ่งแน่ล่ะ...เขาไม่เคยปฏิเสธที่จะไม่โอบกอดโจวคยูฮยอนได้เสียที ลูกแมวจอมดื้อที่ตัวยังคงสั่นเทาและเย็นเฉียบเบียดกายเข้าหาเขามากขึ้นคล้ายอยากจะบอกให้เขากอดให้แน่นขึ้น...แน่นมากกว่านี้อีก

     

    "ซีวอนอ่า..."

     

    "ว่าไง"

     

    "ถ้าฉันบอกว่าฉันเป็นแวมไพร์...จะเชื่อมั้ย"

     

    ...................................................................

     

    พระเจ้าคงกำลังทดสอบศรัทธาของเขาอยู่แน่ๆ...คงกำลังคิดว่าการที่เขาไม่เคยคิดจะเข้าโบสถ์เลยกำลังจะทำให้เขาเป็นคนชั่วร้ายรึไงนะ ถึงได้ส่งผู้ชายประหลาดคนนี้มาทดสอบศรัทธาของเขาแบบนี้ ซีวอนพลิกตัวนอนตะแคงหันหลังให้กับหน้าต่าง และที่นอนหลับสนิทอยู่ตรงหน้าเขาก็คือร่างบอบบางของโจวคยูฮยอนผู้มีใบหน้าตอนหลับใหลได้น่าเอ็นดูที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมา...หรือบางที ความสัมพันธ์ซึ่งเขาสร้างขึ้นในแต่ล่ะครั้งที่ผ่านๆมา มันไม่นานพอจนไปถึงเช้าวันใหม่กันแน่นะ

     

    เขากระชับผ้าห่มเข้าแนบร่างกายขาวจัดของคนที่สวมใส่เพียงเสื้อเชิ้ร์ตของเขาเป็นนชุดนอนตัวยาวให้แน่นมากขึ้นก่อนจะเลื่อนมือไปเกลี่ยปอมผมออกจากแก้มนวลเพื่อให้เขาสามารถเห็นใบหน้ายามหลับใหลของคนตรงหน้าได้ชัดตามากขึ้น แล้วเขาก็ต้องยกยิ้มขึ้นมานิดเมื่อริมฝีปากบางของโจวคยูฮยอนจู่ๆก็ขยับคลี่ออกเป็นรอยยิ้มบางๆ

     

    ฝันดีถึงอะไรอยู่นะยัยเด็กขี้อ้อน

     

    "ซองมินอ่า"

    ชื่อของใครบางคนที่เขาไม่รู้จักซึ่งหลุดรอดผ่านกลีบปากบางออกมาทำให้ปลายนิ้วของเขาที่แตะค้างอยู่ที่ค้างแก้มนิ่มชะงักไปนิด ความหงุดหงิดแล่นขึ้นมาเป็นริ้วๆจนทำให้ใบหน้าของคนหลับใหลไม่น่าเอ็นดูสำหรับเขาอีกต่อไป...ซีวอนไม่ได้หึง คนที่ไม่มีความรู้สึกใดๆให้แก่กันไม่หึง เขารู้เรื่องนั้นดี แต่นี่มันเตียงของเขา ห้องของเขา...และที่นอนอยู่ตรงนี้ก็คือเขา...เชวซีวอนไม่ใจกว้างพอที่จะให้ใครสักคนมาพร่ำเพ้อหาคนอื่นในที่ๆเป็นของเขาหรอกนะ!

     

    ชายหนุ่มพลิกตัวไปคร่อมทับร่างบอบบางเอาไว้ และแน่ล่ะ...คยูฮยอนตื่นแทบจะในทันทีที่เขาขยับตัว ดวงตากลมโตของคนที่นอนอยู่ใต้ร่างของเขาจ้องมอง...ไม่ได้ตื่นตระหนก ไม่ได้งุนงง...เพียงแค่จ้องมองอยู่อย่างนั้น

     

    "ทำไม"

     

    "กฎข้อที่หนึ่ง..."

     

    "ทำไมต้องทำตาม"

     

    "ที่ของฉัน...กฎของฉัน"

     

    "ว่ามาสิ"

     

    "อยู่กับฉันเรียกแค่ชื่อฉัน...เป็นตุ๊กตาของฉันต้องมีแค่ฉันเป็นเจ้าของแค่คนเดียว แม้แต่ในความฝันก็ต้องมีแค่ฉัน"

     

    "ถ้าไม่ทำตาม...?"

     

    "Get the fuck outta here"

     

    "Fine!"

    คยูฮยอนผลักร่างของเขาให้ออกห่างด้วยแรงมากมายไม่น่าเชื่อก่อนจะก้าวลุกออกจากเตียงไปอย่างรวดเร็ว และแน่ละ...เชวซีวอนไม่ตาม เขาทำเพียงแค่ชันตัวลุกขึ้นนั่ง เฝ้ามองร่างบางเดินว่อนไปมาเพื่อสวมใส่เสื้อผ้าตัวเก่าของตนด้วยท่าทางเย็นชาไม่แพ้คนที่นั่งตีสีหน้านิ่งเฉยอยู่บนเตียง

     

    "ลาก่อนเชวซีวอน!"

    คนเสียงนุ่มกระแทกเสียงใส่หน้าเขาก่อนจะหุนหันออกจากห้องไปโดยไม่ลืมที่จะกระแทกประตูห้องของเขาปิดเสียงดังเพื่อประกาศความไม่พอใจให้เขาได้รับรู้

     

    "นี่มันห่าเหวอะไรของแม่งวะเนี่ย!"

    คุณชายตระกูลเชวสบถออกมาพร้อมกับล้มตัวกลับลงไปนอนตามเดิม และก็ไม่รู้ว่ามันโชคร้ายหรือโชคดีกันแน่ที่ทำให้จุดที่เขาเอนกายลงนอนนั้นเป็นจุดเดิมที่คนตัวบางเคยใช้นอนอยู่...เขาไม่ได้รู้จากไออุ่นหรอกนะ เพราะมันไม่ได้มีไออุ่นค้างเหลืออยู่เลยสักนิด หากแต่เป็นกลิ่นหอมจางๆนี่ต่างหาก...กลิ่นเฉพาะตัวของโจวคยูฮยอน ผู้ชายที่ปั่นหัวเขาได้อย่างร้ายกาจเป็นที่สุด! ซีวอนพลิกตัวนอนคว่ำ ฝั่งหน้าลงกับหมอนนุ่มเพื่อนจะได้ปิดเปลือกตาหลับต่อ...เข็มสั้นยังไม่เลยเลขเจ็ดดีแบบนี้ ไม่เคยเป็นเวลาตื่นนอนของเขาอยู่แล้ว

     

    "ซีวอน"

     

    ทีตอนไปก็ไปซะเสียงดังลั่น แต่พอกลับมานี่ก็มาเสียเงียบเชียว

     

    เจ้าของชื่อไม่ได้ขยับตัวตามเสียงเรียกแม้เพียงนิด ไม่ได้แม้แต่จะเปิดเปลือกจาขึ้นมองคนที่เดินกลับเข้ามาด้วยซ้ำ ถึงจะตะหงิดๆใจอยู่หน่อยๆก็ตามว่าเครื่องสแกนลายนิ้วมือหน้าห้องเปิดประตูปล่อยให้เจ้าลูกแมวจอมดื้อนี่กลับเข้ามาได้ยังไงก็ตาม

     

    "มีอะไร"

     

    "อย่าบอกเรื่องเมื่อคืนกับพี่ชายของฉันได้มั้ย"

     

    พูดเหมือนเขาเป็นเพื่อนของครอบครัวงั้นล่ะ!

     

    "เรื่องอะไร"

     

    "ทุกเรื่อง...เมื่อคืน"

     

    "ก็ตามใจนายสิ"

    ซีวอนพลิกหน้าหนีไปอีกด้านหนึ่งของเตียงคล้ายเบื่อที่จะสนทนากับคนอารมณ์เอาแน่เอานอนไม่ได้อีกต่อไป...เขาถึงว่า คนนิสัยเหมือนกันอยู่ด้วยกันได้ไม่ยืด!

     

    "อืม...ตั้งใจเรียนนะซีวอน ฉันไปก่อนนะ"

     

    .............................................................

     


    มันไม่ใช่เพราะคำอวยพรให้ตั้งใจเรียนนั่นแน่อยู่แล้วที่ทำให้คนอย่างเชวซีวอนสามารถลุกขึ้นมาอายน้ำแต่งตัวและขับรถมาทันคาบเรียนเก้าโมงครึ่งแบบนี้...ไม่ใช่แน่นอนอยู่แล้วล่ะ! ร่างสูงที่มานั่งหลบอยู่ที่บันไดด้านหลังตึกคณะอัดนิโคตินเพื่อนยากเข้าปอดเฮือกใหญ่ราวกับอยากจะให้มันไล่ความหงุดหงิดตะหงิดๆในใจที่ให้หายไปเสียที แค่เอาหัวขึ้นจากหมอนก่อนเที่ยงเขาก็ครั่นเนื้อครั่นตัวจะแย่อยู่แล้ว ใบหน้าขาวซีดดื้อรั้นเอาแต่ใจของใครบางคนก็ตามมาหลอกหลอนให้ได้หงุดหงิดหัวใจจนต้องหนีออกมาสูบบุหรี่แบบนี้อีก

     

    โจวคยูฮยอนช่างเป็นผู้ชายที่ร้ายกาจชะมัด!

     

    "แล้วกูจะมาเรียนทำไมวะเนี่ย"

    พ่อเด็กนักเรียนนอกรูปหล่อสบถพึมพำออกมาเป็นภาษาอังกฤษกับตัวเองเบาๆพลางสูดควันอีกเฮือกเข้าปอด เป็นจังหวะเดียวกับที่ร่างใหญ่ของผู้ชาบคนหนึ่งเดินลงมาจากบันได้ตึกเรียนและทรุดตัวนั่งลงบนขั้นสูงถัดขึ้นไป

     

    "มีไฟแช็คป่ะวะ"

    ผู้ชายที่มาใหม่เอ่ยถาม และเชวซีวอนคนมีน้ำใจก็โยนไลท์เตอร์เงินอันสวยของตนไปให้เพื่อตัดความรำคาญ ไม่นานกลิ่มบุหรี่อีกกลิ่นก็ลอยฟุ้งมาจากด้านหลัง แต่เขาก็ไม่ยี่หระอะไรกับมันนักหรอก

     

    "กูคังอิน หวัดดี"

     

    "ซีวอน"

    คำแนะนำตัวสั้นๆระหว่างคนสองคนจบลงแค่นั้น ต่างฝ่ายต่างจมอยู่กับรสชาติบุหรี่ของตัวเองไปเงียบๆโดยไม่มีใครคิดจะพูดเอ่ยอะไรออกมาให้เป็นที่น่ารำคาญ...ดี! แบบนี้ค่อยคบกันได้หน่อย!

     

    "เมื่อวานเห็นมึงชวนโจวคยูฮยอนคณะวิดยาขึ้นรถ"

    ผู้ชายที่แนะนำตัวเองว่าชื่คังอินเอ่ยขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ...และจากนั้นมาก็ตามมาด้วยความเงียบอีกครั้ง ดวงตาคมสีดำที่กำลังกวาดมองดินฟ้าอากาศที่เริ่มอึมครึมใกล้ฝนตกไปเรื่อยเปื่อนตวัดกลับมามองผู้ชายที่นั่งอยู่สูงกว่าเขานิดเหมือนอยากจะรู้ว่าอีกฝ่ายต้องการจะสื่ออะไรจากประโยคบอกเล่าสั้นๆเมื่อครู่

     

    "ก็ใช่ แล้วไง"

     

    "ไปถึงเตียงรึเปล่าล่ะ หรือว่าเสร็จตั้งแต่อยู่ในรถ"

    น้ำเสียงของคังอินช่างฟังดูขัดหูเขานักยามที่หมอนั่นอ้าปากเอ่ยถ้อยคำเหล่านั้นออกมา แต่ซีวอนก็ยังคงนิ่ง...ไม่ได้เอ่ยตอบอะไรกลับไป ทำเพียงแค่เหม่อมองหยดน้ำฝนที่เริ่มตกเปาะแปะลงมาจากฟ้าด้วยสายตาว่างเปล่า แต่ในใจเขาไม่ได้รู้สึกว่างเปล่า เขารู้จักตัวเองดี

     

    "เพี้ยนไปหน่อย แต่ก็ร้องแรงเป็นบ้าเลยว่ามั้ย"

     

    "หมายความว่าไง"

     

    "ก็ไม่ได้หมายความว่าไง ทุกคนเค้าก็รู้กันหมดนั่นล่ะว่าโจวคยูฮยอนเป็นยังไง"

    น้ำเสียงเยาะหยันนั่นเรียกให้สายตาของเขาหันไปจ้องหน้าคนพูดอีกครั้ง และคังอินก็มีรอยยิ้มเหยียดอยู่บนเรียวปากเหมือนที่น้ำเสียงของเจ้าตัวไม่มีผิด ซีวอนไม่รู้หรอกนะว่าโจวคยูฮยอนคนนั้นเป็นคนยังไงแล้วทุกคนคิดว่าโจวคยูฮยอนคนนั้นเป็นคนยังไง...เขาไม่สนใจ เพราะโจวคยูฮยอนไม่ได้อยู่ในโลกของเขาเลยสักนิด แต่คนบอบบางแบบนั้นน่ะ...คนอ่อนแอแบบนั้นน่ะ...แค่คิดก็หงุดหงิดแล้ว!

     

    "แล้วโจวคยูฮยอนเป็นยังไง"

    ชายหนุ่มกดเสียงถามอีกฝ่าย และยิ่งเมื่อคังอินกระตุกมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้มแสยะแบบนั้น ในหูของซีวอยก็ยิ่งรู้สึกเหมือนมีเสียงหึงๆดังลั่นไปหมดจนมันน่ารำคาญ

     

    คนบอบบางแบบโจวคยูฮยอนน่ะ

     

    คนอ่อนแอแบบโจวคยูฮยอนน่ะ

     

    ต้องการแค่คนเข้าใจเท่านั้นเอง

     

    "หึ...ของสาธารณะยังมีคนใช้น้อยกว่านี้เลย ถามใครก็ได้ ขี้คร้านว่าจะตอบกันมาหมดว่าเคยกับโจวคยูฮยอนแล้วทั้งนั้น มึงไม่ใช่คนแรกหรอกว่ะ เสียใจด้วยนะ"

    ซีวอนผลุดลุกขึ้นพร้อมกับหันไปใช้สองมือขยุ้มคอเสื้อของเพื่อนร่วมคณะตัวใหญ่เอาไว้จนหมอนั่นต้องแหงนหน้าขึ้นมาเพื่อสบตา ดวงตาคมกดมองคนที่มีสีหน้าตกใจเล็กๆกับอาการวู่วามของเขาด้วยแววตาเย็นชา เรียวปากหยักโค้งสวยได้รูปที่คาบมวนบุหรี่ที่มอดไหม้ไปเพียงครึ่งเอาไว้อย่างหมิ่นเหม่ขยับเหยียดออกเป็นรอยยิ้มเย็นส่งไปให้

     

    "ไปบอกคนอื่น...ตอนนี้โจวคยูฮยอนเป็นของของกู จนกว่ากูจะเบื่อ โจวคยูฮยอนจะเป็นแค่ตุ๊กตาของกู ห้ามใครสะเออะมาเสือก ถ้าเงี่ยนนัก ...บอกพวกมันให้คอยกินซากที่เหลือจากกูละกัน!"

     

    .....................................................................

     

    สาบานได้ว่าที่ขับรถฝ่าสายฝนออกมาวนหาตึกคณะวิทยาศาสตร์ไม่ใช่เพราะหึงผู้ชายที่ชื่อว่าโจวคยูฮยอน...ไม่ได้รัก แล้วจะหึงได้ยังไง! เชวซีวอนแค่หวงของของตน...ของที่เขายังไม่เบื่อ ให้ตายยังไงใครก็ไม่มีสิทธิ์แตะ! ที่ปัดน้ำฝนช่างส่งเสียงขยับครืดคราดน่ารำคาญนักยามที่อารมณ์ของเขาไม่คงที่แบบนี้ เขาเพ่งมองผ่านกระจกรถไปยังหน้าตึกคณะวิทยาศาตร์ที่มีนักศึกษามากมายยืนออกันอยู่ใต้กันสาดเพื่อหลบฝนและคอยให้ฝนหยุดตก

     

    "อยู่ไหนของแม่งวะ"

    ชายหนุ่มสบถพึมพำ เมินสายตาหนีสายตาของหญิงสาวมากมายที่ทอดมองมายังรถของเขาด้วยแววตาเชื่อมหวาน...และหลายๆคู่ก็ยั่วยวน

     

    แต่โจวคยูฮยอนไม่ยั่วยวน เขารู้ดี

     

    ไม่เลยสักนิดเดียว

     

    โจวคยูฮยอนก็แค่...ร้อนแรง

     

    รถสีดำคันสวยที่เขามองเห็นรุ่นไม่ชัดนักขับปาดเข้ามาจอดเทียบกับบันไดหน้าตึกคณะวิทยาศสาตร์...พวกผู้หญิงมองรถคันนั้นตาเยิ้มยิ่งกว่ารถของเขาเสียอีก และที่วิ่งโร่ไปกระโดดขึ้นรถคันนั้นไปทันทีที่มันจอดสนิทก็คือผู้ชายตัวเล็กผิวขาวจัดที่เขาจำได้ว่าเป็นหนึ่งในพี่ชายของคุณคนเล็กคนนั้น ตามมาด้วยผู้ชายตัวสูงอีกคนที่มีหุ่นเพรียวสมส่วน ซึ่งก็เป็นหนึ่งในสามของพี่ชายของคุณคนเล็กอีกนั่นล่ะ

     

    หน้าตาไม่เหมือนกันเลยสักนิด เขาเพิ่งจะสังเกต พี่น้องสี่คนไม่มีใครหน้าตาเหมือนกันเลยสักคนเดียว และแล้วในที่สุดคนที่เขามาดักรอก็เดินเบียดออกมาจากฝูงชน...โจวคยูฮยอนหอบหนังสือมาเยอะแยะเกินตัวเหมือนเคย ซีวอนไม่รอช้าที่จะเปิดประตูรถและพาตัวเองก้าวเดินฝ่าสายฝนตรงไปร่างผอมบางที่กำลังโยนตั้งหนังสือใส่พี่ชายที่นั่งอยู่ในรถ

     

    "อ้ะ!"

    คนเสียงนุ่มอุทานออกมาเมื่อเขาตรงเข้าไปจับยึดข้อมือและพาลากรั้งเดินฝ่าสายฝนกลับมายังรดออดี้สีขาวของเขาที่จอดอยู่ห่างออกมา ข้อมือเล็กพยายามจะบิดหนี เช่นเดียวกับมือเล็กอีกข้างที่พยายามจะแกะนิ้วของเขาออก

     

    แต่ว่านะ...แรงน้อยกว่าเดิมรึเปล่าโจวคยูฮยอน

     

    "ซีวอน!...ปล่อยนะ!"

     

    "หุบปากแล้วเข้าไปนั่งซะ"

     

    "คนเล็ก!"

     

    "ไม่เป็นไร!...เดี๋ยวฉันกลับมา"

    คนที่เปียกปอนไปหมดยังไม่วายเป็นห่วงคนอื่นด้วยการหันไปตะโกนบอกพี่ชายที่ตั้งท่าจะถลาเข้ามาชกหน้าเขาอยู่แลวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลพร้อมด้วยรอยยิ้มบางบนเรียวปากที่เริ่มซีดจางลงทุกที เขาเหลือบสายตากลับไปมองพี่ชายทั้งสามคนของอีกฝ่ายเล็กน้อย...ท้าทายด้วยแววตาอยู่ในทีก่อนจะหันกลัยมาผลักคนตัวบางเข้าไปในรถและปิดประตูใส่โครมใหญ่ก่อนจะรีบสิ่งกลับไปประจำยังที่คนขับและพารถเคลื่อนที่ออกมาจากสายตาอยากรู้อยากเห็นของเด็กวิดยาทั้งหลายในที่สุด

     

    "หรี่แอร์หน่อยได้มั้ย"

     

    "ให้ตายสิ!...ไม่สบายอยู่รึไง"

    ซีวอนอดที่จะสบถออกมาไม่ได้เมื่อเหลือบไปเห็นผิวกายของคนที่นั่งห่อตัวอยู่ข้างๆซึ่งแทบจะไม่มีสีเลือดเลยสักนิด เขาเอื้อมมือไปหรี่แอร์ตามคำขอก่อนจะเอี้ยวตัวไปหยิบแจ๊คเก็ตหนังของตนที่เบาหลังมาโยนใส่หน้าของคนหนาวสั่นด้วยท่าทางเหมือนจะไม่พอใจเท่าไรหนัก

     

    "เอาเช็ดหัวซะ อย่ามาจามให้ฉันได้ยินด้วย"

     

    "ฉันไม่ได้ป่วยสักหน่อย"

    คยูฮยอนไม่วายพึมพำแก้ตัวข้อกล่าวหาของเขาทั้งๆที่ริฝีปากซีดๆนั่นสั่นจนแทบจะควบคุมไม่ได้อยู่แล้ว ซีวอนส่ายหน้าหน่ายๆให้กับคนที่ดื้อรั้นได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุดพลางปาดน้ำฝนออกจากดวงตาของตน...เขาก็เปียกทั้งตัวเหมือนกัน ยังไม่เห็นจะหนาวอะไรขนาดนั้นเลย บอบบางจนน่าหงุดหงิดจริงๆ!

     

    "whatever!"

     

    ..................................................................

     

    ทันทีที่เครื่องแสกนลายนิ้วมือหน้าห้องสามารถบอกได้งว่าหัวแม่โป้งข้างนี้เป็นของเชวซีวอนผู้ซึ่งเป็นเจ้าของห้องจริงๆ เขาก็ผลักร่างบอบบางเข้าไปด้านในอย่างรวดเร็ว ใช้เท้าเขี่นประตูปิดเสียงดังอย่างรีบร้อนก่อนจะกระแทกร่างของคนที่อยู่ภายใต้การกักขังของเขาเข้ากับกำแพงห้องเสียเต็มแรงอย่างไม่คิดสนใจเลยสักนิดว่าจะทำให้คนที่แทบจะสัมผัสได้เพียงแค่กระดูแข็งๆจะเจ็บมากรึเปล่า

     

     แขกผู้มาเยือนห้องพักของเขาเป็นครั้งที่สองภานในเวลาไม่ถึง24ชั่วโมงดีเบ้หน้านิดอย่างเจ็บปวดก่อนเจ้าตัวจะเชิดปลายคางขึ้นด้วยท่าทางถือดี...ด้วยท่าทางที่เหมือนไม่รู้สึกอะไร ถึงตัวจะเย็นเฉียบและซีดเซียวเพราะสายฝน แต่ดวงตาลูกแมวคู่นั้นก็ไม่ได้ทอแววว่าจะยอมลงให้เขาเหมือนคนอื่นๆเลยสักนิด

     

    ซึ่งมันน่าโมโหชะมัด!

     

    ริมฝีปากบางซีดขางเม้มเข้าหากันแน่น แต่ก่อนที่เขาจะปล่อยให้อีกฝ่ายได้พ่นคำพูดเย่อหยิ่งดื้อรั้นใดๆออกมาให้เขาได้หงุดหงิดมากไปกว่านี้ ซีวอนก็จัดการประกบจูบลงไปที่เรียวปากบางนั่นหนักๆเพื่อปิดกั้นเสียงทุกอย่างไม่ให้มันได้มีโอกาสหลุดลอดออกมากระทบหูของเขา เขาดูดดึงริมฝีปากอ่อนนุ่มนั่นอย่างหนักหน่วงหยาบกระด้าง ไล่ต้อนเรียวลิ้นเล็กอย่างเอาแต่ใจจนคยูฮยอนถึงกับครางอือออกมาและเริ่มใช้มือผลักไสเขาให้ออกห่างเพื่อขออากาศหายใจ แต่คนอย่างเชวซีวอนน่ะ...ถ้าเขาไม่คิดปล่อย ก็อย่ามาเรียกร้องให้เเหนื่อยเสียเลยดีกว่า! คนตัวสูงที่ลำตัวเปียกชื้นและเย็นเฉียบไม่แพ้กันคว้าข้อมือเล็กทั้งสองข้างขึ้นกดตรึงเข้ากับกำแพงพลางขยับกายเข้าบดเบียดร่างบางมากขึ้นจนแทบจะทำให้อีกฝ่ายจมหายลงมาในอกของเขา

     

    ผอมบางมากเกินไปจริงๆ

     

    คยูฮยอนไม่ได้พูดอะไรออกมาแม้สักคำยามมที่เขาผละห่างออกมาจากเรียวปากบวมเจ่อที่เขาทำให้มันกลับมามีสีเลือดอีกครั้งด้วยริมฝีปากของเขาเอง ดวงตากลมโตที่เขาให้คำนิยามไปแล้วว่าเหมือนดวงตาของลูกแมวทำเพียงแค่ต้องมองตรงมายังเขาอย่างเงียบงัน...และเขาก็อ่านความหมายในแววตานั้นไม่ออกเอาเสียเลย แต่คนอย่างเชวซีวอนก็ไม่คิดจะหาความหมายจากมันให้เสียเวลาหรอกนะ! เขาบดจูบลงไปอีก ไล่ขบเม้มลงมาตามแนวลำคอจนถึงลาดไหล่ ฝากฝังรอบจ้ำแดงและรอยฟันเอาไว้ตลอดทางที่พาดผ่าน แต่ถึงแม้เขาจะดูดดึงผิวขาวละเอียดนั่นจนห่อเลือดแดงช้ำ...โจวคยูฮยอนก็ยังไม่มีเสียงสักคำหลุดออกมาให้เขาได้ยิน

     

    "อ๊ะ!"

    เสียงอุทานแผ่วเบาหลุดลอดออกมาจากเรียวปากช้ำเจ่อแผ่วเบาเมื่อเขาจับอีกฝ่ายหันหน้าเขากระแทกกำแะงอย่างไม่ถนอนมือเท่าไรนัก เสื้อเปียกชื้นถูกดึงทึ้งออกจากร่างกายอย่างรวดเร็วเร่งร้อน ก่อนที่เขาแทรกกายอันขยายพองของเขาเข้าไปในช่องทางคับแคบด้วยกริยารีบร้อนหิวกระหายไม่แพ้กัน...กลิ่นกายของโจวคยูฮยอนทำให้เขาหลงใหลมากจริงๆ

     

    คยูฮยอนที่ยังคงมีกางเกงยีนถอดกองอยู่ที่หัวเข่าตัวกระตุกในทันทีที่เขาดึงดันจนสามารถแทรกกายเข้าไปด้านในได้จนสุด เขารู้สึกได้ถึงกลิ่นคาวเลือดที่ไหล่ออกมาจากแผลที่เกิดจากการฉีกขาดอย่างชัดเจน แต่คนเจ็บปวดก็ยังไม่เอ่ยร้องอะไรออกมา...ไม่เลยสักคำ และคนเย็นชาดื้อรั้นแถมยังไม่เคยสนใจใครมากกว่าตัวเองก็ไม่คิดจะสนใจมัน

     

    "ต่อจากนี้ไป นายมีสิทธิมีเซ็กส์ได้แค่กับฉัน"

    ซีวอนรั้งเอวคอดเข้ามาแนบกายพร้อมกับจรดริมฝีปากกระซิบเอ่ยถ้อยคำเอาแต่ได้อยู่ที่ข้างใบหูของคนที่มีผิวกายเย็นมากเหลือเกินด้วยน้ำเสียงที่เขาไม่ได้มีไว้เพื่อฟังคำปฏิเสธ ซีวอนขมเม้มใบหูเล็กเบาๆก่อนจะไซ้ปลายจมูกไปตามลาดไหล่เนีนเพื่อลูดดมกลิ่นกานหอมหวานเฉพาะตัวที่เขาหลงใหล

     

    หลงใหล...เขายอมรับ

     

    โจวคยูฮยอนทำให้เขาหลงใหลมากจริงๆ

     

    ก็แล้วใครจะไม่หลงใหลโจวคยูฮยอนบ้างล่ะ เขาอยากรู้นัก!

     

    "ตุ๊กตาของฉัน...ฉันไม่ชอบแบ่งของเล่นกับใครหรอกนะโจวคยูฮยอน"

    ซีวอนขยับตัว เชื่องช้าเนิบนาบในช่วงแรกก่อนจะรุนแรงเร้าร้อนในวินาทีต่อมาจนเขาต้องโอบประคองร่างบอบบางเอาไว้เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายได้ทรุดลงไปกองอยู่บนพื้นเสียก่อน มืออีกข้างก็เลื่อต่ำลงไปตอบสนองความต้องการให้คนที่เขายังไม่ได้ยินแม้เสียงครางเครือหวานหู...มันน่าขัดใจมากจริงๆ!

     

    "อึก..."

     

    "ฉันไม่ได้ยินเสียงของนายโจวคยูฮยอน"

    เขาส่งคยูฮยอนไม่ถึงความสุขสมหลังจากการขยับมืออีกเพียงไม่กี่ครั้ง และมันก็ยังไม่มีเสียงใดจากโจวคยูฮยอนนอกจากเสียงหอบหานใจหนักๆ...น่าหงุดหงิดนัก! จะทำตัวดื้อรั้นได้ไม่มีที่สิ้นสุดมากเกินไปแล้ว! ซีวอนกระแทกตัวเข้าไปในร่างของคนตัวบางแรงขึ้น...หนักหน่วงขึ้น...โกรธเกรี้ยวมากขึ้น

     

    "โจคยูฮยอน"

     

    "ซีวอนอยากให้ฉันทำอะไร"

    เสียงของคยูฮยอนไม่ได้เล็กหวาน...มันนุ่มนวล ทุ้มลึก และอบอุ่น หากแต่ประโยคเมื่อครู่ เขากลับคิดว่ามันช่างแว่วหวานและฟังดูเปราะบางนักจนเขาถึงกับเผลอชะงักการกระทำของตนไปชั่วขณะ ใบหน้าค่อนไปทางหวานที่ก้มต่ำมองพื้นเบือนข้ามไหล่มาสบตากับเขา ...ทำให้เขาประจักษ์กับน้ำตาที่เอ่อคลออยู่ในดวงตาคู่นั้นในที่สุด โจวคยูฮยอนเบ้หน้า

     

    เจ็บปวดอย่างนั้นหรอ

     

    ถ้าเจ็บปวดแล้วทำไมต้องขอร้องอย่างสิ้นหวังแบบนั้นล่ะ

     

    "ถ้าฉันทำให้แล้ว...ซีวอนฆ่าฉันได้มั้ย"

     

    "..."

     

    "ช่วยทำ...ให้ฉันตายหน่อย...ฮึก...ได้มั้ย"

     

    .........................................................

     

    ซีวอนเหลือบสายตามองโทรศัพท์มือถือเครื่องเล็กที่หล่นอยู่ข้างเตียง(มาได้ยังไงก็ไม่รู้)สั่นส่งเสียงครืดคราดน่ารำคาญอยู่บนพื้นด้วยสายตาว่างเปล่า ไม่นานมันก็เงียบไปและขึ้นเป็นมิสคอลล์ของคนที่ชื่ฮยอกแจเป็นสายที่295 ซึ่งถ้าจะนับรวมมิสคอลล์ของคนที่ชื่อยุนโฮกับคิบอมด้วยแล้วล่ะก็ โทรศัพท์เครื่องนั้นคงมีมิสคอลล์เหยียบห้าร้อยได้แล้วล่ะ(จากที่เขานอนๆมองมันสั่นอยู่น่ะนะ ยังไม่นับในส่วนที่โทรมาตอนเขาหลับอยู่ด้วยนะ)

     

    ซีวอนเบือนสายตากลับมาสนใจใบหน้าหวานของคนที่นอนหลับสนิทอยู่บนตัวของเขามาตั้งแต่เมื่อคืนด้วยสายตาที่ว่างเปล่าน้อยกว่าเดิมลงเพียงนิด เขาไม่รู้สึกหนักจนอยากจะผลักอีกฝ่ายลงไปเลยสักนิดทั้งๆที่นอนอยู่แบบนี้ยาวมาตั้งแต่เมื่อคืน...โจวคยูฮยอนจัวเบาเกินไปจริงๆนั่นล่ะ

     

    "อืมม"

    คนตัวบางครางงึมงำพลางขยับตัวพลิกหน้าหลบไรแดดที่ส่องลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาอย่างรำคาญ ผิวแก้มนิ่มเย็นเฉียบแนบสนิทอยู่กับหน้าอกเปลือยเปล่าของเขา...ตัวเย็นมากเหลือเกิน เขากอดแน่นมากเท่าไรก็ไม่อุ่นขึ้นเสียที ซีวอนเหลือบมองนาฬิกาบนโต๊ะข้างเตียงนิด แล้วก็ต้องถอนหายใจออกมาเมื่อเห็นว่ามันยังเพียงแค่แปดโมงเช้าเท่านั้น

     

    โจวคยูฮยอนทำให้เขากลายเป็นคนตื่นเช้าไปเสียแล้ว

     

    ร้ายกาจชะมัด!

     

    "ซีวอนอ่า"

    ดูเหมือนเสียงถอนหายใจของเขาจะปลุกให้คนตื่นง่ายรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเสียแล้ว คยูฮยอนขยับตัววเลื่อนขึ้นมานิดเพื่อซุกปลายจมูกเข้ากับข้างลำคอของเขาพร้อมกับเลื่อนมือนิ่มทั้งสองข้างมาวางแปะอยู่บนหน้าอดของเขาเพื่อพยุงตัวเองขึ้นนิด

     

    "พี่ชายนายโทรมา"

     

    "ใคร"

     

    "ทุกคน"

     

    "ไม่เป็นไรหรอก"

     

    "..."

     

    "ซีวอนอ่า"

     

    "..."

     

    "ฉันไม่มีแรงเลย"

     

    "..."

     

    "ฉันกำลังจะตาย...ใช่รึเปล่า"

    ซีวอนใช้ความเงียบเป็นคำตอบสำหรับทุกถ้อยคำที่คนตัวบางซึ่งนอนนิ่งไม่มีแรงอยู่บนตัวเขาเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่เขารู้สึกอีกครั้งว่ามันช่างแว่วหวานและเปราะบางในความรู้สึก เขากระชับอ้อมกอดของตนให้แน่นจึ้นพร้อมกับกดริมฝีปากลงบนกลุ่มผมสีน้ำตาลเข้มคล้ายอยากจะให้อีกฝ่ายเลิกคิดเรื่องนั้นเสียที

     

    ใครจะพูดคำว่าตายได้ง่ายดายขนาดนั้นกันนะ

     

    "วันนี้ฉันมีเรียนนะ"

     

    "ไม่ให้ไปหรอก"

     

    "ซีวอนทำฉันโดดเรียนอีกแล้ว"

    คยูฮยอนยกหัวขึ้นมาทำหน้ายู่ใส่เขาอย่างขัดเคือง และตาค้อนๆกับปากมู่ๆแบบนั้นก็น่าหมั่นไส้ชะมัดจนเขาอดไม่ได้ที่จะรั้งร่างบอบบางเข้ามาฟัดแก้มซ้ายทีขวาทีไปเสียหนักๆหลายที

     

    "งื้ออ!...ซีวอนอ่าา!"

    เด็กขยันตัวบางครางอื้อออกมาอย่างน่ารักพลางรีบมุดหน้าลงกับอดของเขาเพื่อหลบเลี่ยงแก้มขาวๆของตนให้พ้นจากริมฝีปากของเขา...ท่าทางเหมือนลูกแมวช่างอ้อนขี้ตกใจทำให้ซีวอนหลุดรอยยิ้มออกมานิดอย่างเอ็นดู

     

    ก็บอกแล้ว...โจวคยูฮยอนช่างร้ายกาจนัก!

     

    "จะพาไปเที่ยว...ไปมั้ย"

     

    "ไปไหน!"

    ลูกแมวขี้ตกใจเงยหน้ากลับขึ้นมาสบตากับเขาอีกครั้งด้วยดวงตาเป็นประกายวาววับอย่างน่าหมั่นไส้(อีกแล้วฉ...เหมือนเด็กเล็กๆที่ไม่เคยออกจากบ้านงั้นล่ะ! และซีวอนก็อดไม่ได้(อีกครั้ง)ที่จะฟัดแก้มขาวๆนั่นไปหนักๆพร้อมกับจับร่างผอมบางกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียงนอน จัดการขบเม้มไปเรื่อยเปื่อยตามร่างนิ่มๆจนคยูฮยอนเปล่งเสียงหัวเราะคิกคักออกมาอย่างน่ารัก

     

    "ซีวอนอ่าาา!...อื้ออ!"

     

    "ขี้โวยวาย"

    กลับมาจบอยู่ที่เขามีคนตัวผอมนอนทับอยู่ด้านบนเหมือนเดิม คยูฮยอนมุ่ยหน้าให้กับคำติติงนั่นนิด แต่หัวยุ่งๆกับตาค้อนๆนั่นก็ทำให้มันดูน่าเอ็นดูมากกว่าจะน่ากลัวไปยอย่างนั้น ลูกแมวขี้อ้อนช่างโวยวายแค่นเสียงขึ้นจมูกนิดๆเหมือนจะงอนก่อนจะฟุบหน้าแนบลงมากับแผ่นอกเปลือยเปล่าของเขาตามเดิมคล้ายไม่อยากจะทนสบตากับเขาอีกต่อไปแล้ว

     

    ลูกแมวชะมัด!

     

    "จะไปมั้ย"

     

    "ไป!"

    ดวงตากลมโตของลูกแมวตวัดขวับขึ้นมาจ้องหน้าเขาพร้อมกับที่เจ้าตัวแยกเขี้ยวขู่ฟ่อคล้ายอยากจะขู่ห้ามไม่ให้เขาผิดคำพูดนะ...น่ากลัวตายล่ะ! ซีวอนดีดปลายจมูกโด่งรั้นของลูกแมวตัวบางไปเสียหนึ่งทีพร้อมกับจับฟัดไปเสียอีกหนึ่งรอบแล้วจึงปล่อยให้อีกฝ่ายลุกไปอาบน้ำแต่งตัวโดยที่เขายังคงมีรอยยิ้มค้างอยู่บนใบหน้ายามที่คนตัวบางผู้เอาเสื้อเชิ้ร์ตตัวใหญ่ของเขามาใส่นอนอีกแล้วเดินเอื่อยเฉื่อยเข้าไปอายน้ำ

     

    แค่อยากให้ออกไปโดนแดดให้หายซีดบ้างก็เท่านั้นเอง

     

    แต่ก็นั่นล่ะ...โจวคยูฮยอนชักจะร้ายกาจเกินไปแล้วจริงๆ!

     

    .........................................................

     

    'ยุนโฮเคยขอให้คุณพ่อซื้อรถแบบนั้นให้ด้วยล่ะ ฉันกับฮยอกแจชอบแอบเอามันออกไปซิ่งบ่อยๆ โดนคิบอมจับได้อยู่เรื่อยเลย ต้องให้ฮยอกแจบีบน้ำตาอ้อน คิบอมถึงจะใจอ่อนไม่เอาไปฟ้อง แต่พอยุนโฮขอคุณพ่อไปเช่าอพาร์ทเม้นท์อยู่คนเดียวได้ พี่ชายก็เอามันไปด้วย...ไม่ยุติธรรมเลย ทำไมคุณพ่อไม่ซื้อให้ฉันกับฮยอกแจมั่งก็ไม่รู้'

     

    เพียงเพราะเสียงเหงาๆกับตาหมองๆของลูกแมวยามที่เจจ้าตัวทอดมองรถมอเตอร์ไซต์คัยใหญ่สีดำที่ขับตัดหน้ารถของเขาไป มันทำให้เขาไม่คิดลังเลเลยสักนิดที่จะตรงไปยังโชว์รูมของBMWที่ใกล้ที่สุด และใช้บัตรแพลตตินั่มสีดำของตนรูดซื้อเจ้ามอเตอร์ไซต์สีดำคันใหญ่เครื่องแรงที่ตั้งโชว์อยู่หน้าร้าน(แถมยังเหมือนกับไอ้คันคู่กรณีเด๊ะ)โดยไม่เสียเวลาฟังพนัดงานบอกราคาของมันด้วยซ้ำ ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้กลับมาก็ช่างคุ้มค่าอย่างที่เขาคิดว่าไม่เคยมีอะไรคุ้มกับเงินของเขาเท่ากับไอ้มอเตอร์ไซต์คันนี้มาก่อน

     

    รอยยิ้มและดวงตาสดใสแบบจริงๆจังๆของโจวคยูฮยอนทำให้โลกสดใสมากขึ้นจริงๆ

     

    คนตัวเล็กแทบจะทำตาถล่นออกมาจากเบ้ายามเห็นพนักงานเข็นเจ้ารถมอเตอร์ไซต์มาจอดหน้าร้านหลังจากที่เขารูดบัตรไปสองชั่วโมง(แน่ล่ะ...ถ้าเชวซีวอนต้องการเดี๋ยวนี้ มันก็ต้องเป็นเดี๋ยวนี้) แล้วก็เอาแต่ถามว่าของซีวอนหรอๆอยู่นั่นล่ะจนเขานึกหมั่นไส้และเอาหมวกกันลมใบใหญ่ครอบศีรษะเล็กๆนั่นไปเสียเลย

     

    "จะขึ้นมั้น"

     

    "ขึ้นๆ!...ซีวอนขับซิ่งๆเลยนะ"

    คยูฮยอนร้องรับเสียงตื่นเต้นพร้อมกับถอดหมวกกันลมใบนั้นมาใส่ให้เขาแทนและกระโดดขึ้นไปนั่งซ้อนอยู่บนรถด้วยท่าทางคล่องแคล่ว ซีวอนได้แต่ส่ายหน้าน้อยๆให้กับความซุกซนนั่นพลางวาดขาขึ้นไปนั่งคร่อมบ้าง...ถึงจะสดใสได้ขนาดนั้นแล้ว มันก็ยังน่าเป็นห่วงอยู่ดีนั่นล่ะ โจวคยูฮยอนดูซีดเซียวมากเหลือเกินจนเขานึกเป็นห่วงขึ้นมาจริงๆ เขาสตาร์ทรถคันใหม่ บิดคันเร่งให้ส่งเสียงคำรามดังกระหึ่มอยู่ครั้งสองครั้งแล้วจึงพามันซิ่งไปตามถนน เขาได้ยินเสียงคยูฮยอนหัวเราะคิกคักให้กับสายลมที่พัดพาเข้ามากระทบใบหน้า มนขณะที่ลำแขนเรียวเล็กนั่นก็โอบกอดเอาวของเขาเอาไว้หลวมๆ

     

    "ซีวอนเร็วอีก...คิๆ...เร็วอีก!"

     

    เอาแต่ใจดีชะมัด!

     

    ซีวอนถอนหายใจออกมาหน่ายๆให้กับคนที่เอาแต่ใจมากเหลือเกินพลางยกมือข้างหนึ่งขึ้นไปมาดันกระจกบังลมลง

     

    "กอดฉันแน่นๆ"

     

    "แน่นพอรึยัง"

     

    ที่อยากจะให้เขาตามใจ พูดคำไหนคำนั้นเชียว!

     

    มันร้ายนัก!

     

    จะทำให้หลงไปถึงไหนกันโจวคยูฮยอน!

     

    ..............................................

     

    "ทะเลๆๆๆๆ!"

    คยูฮยอนกระโดดลงจากรถมอเตอร์ไซต์ตั้งแต่มันยังไม่จอดสนิทดีก่อนจะวิ่งถลาลงไปตามแนวชายหาดเล็กๆที่เขาพามา...มันไม่ใช่ทะเลที่สวยจนน่าตื่นตาหรอก มันอยู่ชิดเมืองหลวงมากเกินไปแถมยังดูไม่ค่อยได้รับความสนใจจากภาครัฐเท่าที่ควร ทุกอย่างจึงดูเหมือนถูกทิ้งร้างเอาไว้ แต่ซีวอนก็หาที่เจอโดยบังเอิญจากการขับรถตระเวณไปทั่วเมื่อวันก่อน

     

    เมื่อคืมฝนตกหนัก ทำให้วันนี้อากาศค่อนข้างเย็นและมีหมอกหนาตามไปด้วย...ไม่เหมาะสำหรับมาเดินชายหาดเลยสักนิด แต่เขาก็ไม่เสียใจเลยสักนิดเมื่อขับรถพาคนตัวบางมาที่นี่...ไม่เลยสักนิดจริงๆ ถ้ามันอาจจะทำให้อีกฝ่ายป่วยในเวลาถัดมา แต่ก็แลกมาด้วยความสดใสแบบนั้น...คนอย่างเชวซีวอนสนใจความต้องการของตัวเองก่อนใครเสมอ และเขาก็อยากที่จะเห็นโจวคยูฮยอนร่าเริงสดใสแบบนี้

     

    "ซีวอนมาเร็ว!"

    ลูกแมวตัวน้อยของเขาดูตื่นเต้นเสียจนเขาอดที่จะอมยิ้มไม่ได้ ซีวอนถอดหมวกกันน๊อคของตนออกวางไว้บนเบาะแล้วจึงก้าวเท้าเดินไปหาคนร้องเรียกที่กางแขนหมุนตัวไปมอยู่ท่ามกลางแสงแดดหม่นๆที่มะลุผ่านม่านหมอกลงมาได้อย่างน้อยนิด

     

    แต่โจวคยูฮยอนทำให้ทุกอย่างสดใสขึ้น...เขารู้สึกแบบนั้น

     

    แม้เจ้าตัวจะมืดหม่นลงเรื่อยๆ แต่กลับทำให้ทุกอย่างรวบตัวสว่างขึ้นมาได้อย่างน่าประหลาด

     

    ซีวอนหยุดยืนมองภาพรอยยิ้มกว้างของคนที่เงยหน้ายิ้มให้กับท้องฟ้าชั่วครู่เพื่อซึมซับความงดงามของมัน แล้วเขาก็ต้องเดินเข้าไปรวกอดเอวคอดเข้ามาแนบกายเอาไว้เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายทำท่าเหมือนจะหมดแรงล้มลงไปกองกับพื้นทราย คยูฮยอนหัวเราะคิกพลางใช้สองมือยึดจับเสื้อของเขาเอาไว้เพื่อใช้พยุงตัว

     

    "ซีวอนอ่าา"

    เสียงนุ่มเอยเรียกชื่อของเขาออกมาแผ่วเบา...ลากยาวให้ความรู้สึกเหมือนลูกแมวช่างอ้อนมาครางอ้อนขอนมเหมือนเคย คยูฮยอนเอนกายพิงเขาเอาไว้พร้อมกับยึดจับเสื้อของเขาแน่นขึ้น คนนตัวบางหอบหายใจหนักเหมือนกำลังรั้งตัวเองไม่ให้ล้มลงไปจนเขาต้องโอบประคองเอาไว้ให้กระชับกับแผ่นอกแน่นขึ้น

     

    เป็นอะไรไปอีกล่ะ

     

    "ซีวอนอ่า"

     

    "หืมม?"

               

    "ฉันอยากวิ่งเล่นจัง...อยากเล่นน้ำ...คิกๆ...อย่างเห็นซีวอนเปียกเป็นลูกหมาตกน้ำ"

     

    "ก็เล่นสิ ใครห้ามล่ะ"

     

    "ซีวอนอ่า"

     

    "ว่าไง"

     

    "ฉันไม่มีแรงแล้ว...ไม่มีแรงเหลือแล้ว"

    ถ้อยคำของคยูฮยอนช่างแผ่วเบาจนเหมือนเสียงของสายลม เช่นเดียวกับจังหวะลมหายใจที่เขาคิดว่ามันเจือจางลงทุกที...ตัวของคนดื้อรั้นเย็นมากเสียจนเขารู้สึกกลัวขึ้นมา และจำต้องรีบช้อนร่างบ้างขึ้นมาอุ้มเอาไว้แนบอกเมื่อคนที่บอกว่าไม่มีแรงไม่มีแม้เพียงแรงที่จะยืนด้วยขาของตนอีกต่อไป...ซีวอนรู้สึกเหมือนจังหวะหัวใจของตัวเองเต้นถี่ขึ้น

     

    "ซีวอนอ่า"

     

    "รู้แล้ว ไม่ต้องเรียกแล้ว"

    เขาก้มหน้าลงไปดุคนในอ้อมแขนเสียงเข้มเพื่อห้ามปรามถ้อยคำที่เหลือ หากแต่ดวงตาของลูกแมวจอมดื้อที่เปลี่ยนไปก็ทำให้เขาชะงักการก้าวเดินของตัวเองไปนิด...มันสีอ่อนจางลง รูม่านตาก็หดตัวเล็กลง และเขาก็ไม่อยากจะหลอกตัวเองหรอกนะว่าไม่เห็นเขี้ยวเล็กๆอยู่ในปากของอีกฝ่ายน่ะ!

     

    "You gonna be kidding me"

    ชายหนุ่มสบถออกมาเป็นภาษาอังกฤษด้วยน้ำเสียงไม่อยากเชื่อพลางรีบพาเจ้าแวมไพร์ลูกแมงที่มีปัญหาอะไรมากมายเหลือเดินตรงกับไปยังรถมอเตอร์ไซต์ที่เพิ่งถอยมาเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนของตน...พระเจ้าคิดว่าเขาถ่อยเกินไปจนไม่สามารถเข้าถึงพระองค์ได้รึไงวะ ถึงได้ส่งเจ้าลูกแมวนี่มาทดสอบเขาแบบนี้น่ะ!

     

    "คยูฮยอน"

     

    "ซีวอนอ่า"

     

    "ฉันจะพานายกลับบ้าน นั่งดีๆเข้าใจมั้ย"

    อย่างน้อยเขาก็ยังเบาใจที่คยูฮยอนมีแรงมากพอที่จะดื้อดึงที่จะปฏิเสธคำสั่งนั้น ร่างบางที่เขาอุ้มไปวางไว้บนเบาะนั่งส่ายหน้าปฏิเสธเขาทันทีที่สิ้นคำแถมยังคิดจะกระโดดลงมาอีก แต่คนเอาแต่ใจอย่างซีวอนก็ไม่คิดสนใจจะฟังคำปฏิเสธนักหรอก เขาจัดการคว้ามหยิบหมวกกันน๊อคมาสวมใส่ วาดขาขึ้นคร่อมตัวถัง ก่อนจะออกรถบึ่งจรงไปยังบ้านของโจวคยูฮยอนในทันทีโดยไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายได้ดื้อดึงอีกต่อไป

     

    ..............................................................

     

    "คนเล็ก!...คนเล็ก!"

    พี่ชายตัวขาวของคยูฮยอนแทบจะกรีดร้องวิ่งออกมาจากบ้านในทันทีที่เขาจอดรถที่หน้าประตูบ้าน ซีวอนรีบร้อนลงจากรถเพื่อหันไปอุ้มคนที่นั่งซ้อนเขาอยู่ที่ด้านหลังขึ้นมาแนบอก ลูกแมวหมดแรงดูตื่นตระหนกเมื่อได้ยินเสียงอันคุ้นเคยของพี่ชาย และยิ่งเมื่อมีพี่ชายอีกสองคนวิ่งตามออกมาสมทบจากในบ้าน คยูฮยอนก็ยิ่งดื้อรั้นและดิ้นรน

     

    "ไม่กลับบ้าน!...ฉันไม่กลับบ้าน!"

     

    "คนเล็กเป็นอะไร"

     

    "เขาไม่มีแรง"

    ซีวอนเอ่ยตอบผู้ชายที่สูงที่สุดในสามคนนั้นซึ่งเขาคิดว่าเป็นพี่ชายคนโตของบ้านพลางสาวเท้าเดินตามอีกฝ่ายเข้าไปด้านใน ขึ้นชั้นสองตรงไปยังห้องนอนที่เขาคิดว่าคงเป็นของคุณคนเล็กของบ้านเป็นแน่

     

    "เขาบอกนายรึยัง"

     

    "บอกอะไร"

     

    "เรื่องนั้น"

     

    "แวมไพร์น่ะหรอ"

    ซีวอนคิดว่าที่ผู้ชายตัวสูงคนนั้นเงียบไปคงเป็นเพราะอีกฝ่ายได้รับคำตอบที่ต้องการแล้ว เขาวางร่างของลูกแมวจอมดื้อไว้บนเตียงกว้าง แต่เมื่อแผ่นหลังแตะเตียง คยูฮยอนก็ดูเหมือนจะยิ่งไม่พอใจใหญ่นพี่ชายอีกสองคนที่เหลือต้องเข้าไปจับล๊อคแขนทั้งสองข้างตรึงเอาไว้กับพื้นเตียงไม่ให้คนตัวบางได้อาละวาดมากไปกว่านี้

     

    "คนเล็กไม่มีแรง เพราะเขาไม่ยอมดื่มเลือด เขาอาจตายได้นะจริงๆแล้วน่ะ...แห้งตายอย่างที่คนอื่นเค้าว่ากันนั่นล่ะ แต่กว่าจะแห้งตาย คนเล็กคงคุมตัวเองไม่ได้ไปเสียก่อนและหาเลือดแถวนั้นกิน...ซึ่งมันก็คงเป็นนายนั่นล่ะ"

     

    ทำไมเขาถึงไม่นึกกลัวเลยนะ

     

    "แต่ปกติไม่อาละวาดเร็วแบบนี้หรอก คงกินอาหารเข้าไปล่ะสิใช่มั้ย...แวมไพร์อย่างคนเล็ก...อย่างเรา กินอาหารแบบมนุษย์ไม่ได้หรอกนะ ร่างกายของเรารับอาหารแบบนั้นไม่ได้อีกต่อไปแล้ว กินไป...มันจะทำให้เราตายทันที แต่สำหรับกรณีของคนเล็ก มันก็แค่ทำให้เขาอ่อนแอลงเร็วขึ้นน่ะ"

    พี่ชายคนโตของบ้านยังคงอธิบายทุกอย่างให้เขาฟังด้วยน้ำเสียงใจเย็นในขณะที่วางมือทาทาบลงไปบนหน้าผากเนียนของน้องชายที่นังดิ้นพล่านร้องตะโกนให้ปล่อยอย่างไม่ยอมแพ้ คำว่าตายทำให้ลมหายใจของเขาสะดุดไปนิด แต่เขาก็ไม่แสดงอาการอะไรออกไปด้วยการทำเพียงนิ่งเฉยและเบี่ยงตัวหลบให้พี่ชายตัวเล็กของคยูฮยอนวิ่งโครมครามลงไปชั้นล่าง

     

    "คนเล็กมีเลือดของแวมไพร์น้อยเกินไป...เขาไม่ตายง่ายแบบนั้นหรอก บางทีการมีเลือดของแวมไพร์น้อยเกินไปก็ดูจะดีกว่าพวกที่เป็นเลือดบริสุทธิ์นะว่ามั้ย"

     

    "ฮยอกแจหายไปไหนนานนัก"

    สิ้นเสียงของพี่ชายอีกคนที่กำลังใช้แรงทั้งหมดยึดร่างของน้องชายจอมดื้อรั้นให้อยู่กับเตียง คนที่ถูกเรียกว่าฮญอกแจก็วิ่งตึงตังกลับขึ้นมาพร้อมกับถือประคองแก้วทรงสูงที่มีของเหลวสีแดงเข้มอยู่ปริ่มขอบติดมือขึ้นมาด้วย...แค่ได้กลิ่นจางๆในอากาศเขาก็รู้แล้วว่ามันเป็นอะไร

     

    "มาแล้วๆ...คนเล็กดื่มนะ จะได้ไม่ทรมาน"

     

    "อื้อออ!...ไม่เอา!...ซีวอนอ่า!...ซีวอนอ่า!"

    เสียงร้องเรียกชื่อของเขาอย่างตื่นตระหนกเรียกสายตาจากเจ้าของชื่อได้ในทันที เช่นเดียวกับพี่ชายทั้งสามคนที่หันมามองเขาเป็นตาเดียว ดวงตาของล๔กแมวที่ชักจะไม่เหมือนนัยน์ตาของคนเข้าไปทุกทีจ้องมองเขา...มันปริ่มน้ำตาและกำลังอ้อนวอนจนสุดท้ายแล้วเขาก็ใจอ่อนเดินเข้าไปทรุดตัวนั่งอยู่ที่ของเตียง ใช้นิ้วดีดเข้าไปเบาๆที่ปลายจมูกโด่งรั้นคล้ายอยากจะลงโทษคนที่ดื้อดึงได้มากเหลือเกิน

     

    "ทำไมถึงดื้อนัก"

     

    "ซีวอนสัญญาแล้ว"

     

    "..."

     

    "ถ้าฉันทำตามที่ซีวอนต้องการ ซีวอนจะทำให้ฉันตาย...สัญญาแล้ว!"

     

    "แต่ฉันยังต้องการนายอยู่ นายยังทำตามสัญญาของเราไม่ครบเลย"

    ซีวอนลากปลายนิ้วไปตามริมฝีปากอันซีดจางอย่างแผ่วเบา...ให้สัมผัสอ่อนโยนมากกว่าครั้งใดที่เขาเคยจับต้อง ถึงแม้ในใจอยากจะดุแรงๆไปเสียทีให้เลิกดื้อรั้น แต่ถ้าใครสามารถดุโจวคยูฮยอนตอนกำลังจ้องมองด้วยสายตาตัดพ้อที่เต็มไปด้วยคำอ้อนวอนแถมยังมีน้ำตาเอ่อจวนเจียนจะไหลแบบนั้นได้ล่ะก็ คงต้องเป็นคนที่ใจแข็งเกินทน และถึงแม้ว่าเชวซีวอนจะเป็นคนค่อนข้างถ่อยที่เอาแต่ใจไม่มีใครเกิน...เขาก็ไม่เคยใช้คนใจแข็งเอาเสียเลย เขาเอื้อมมือไปแย่งเจ้าแก้วปริ่มเลือดมาจากมือของฮยอกแจก่อนจะเป็นฝ่ายนำมันไปจ่อที่ริมฝีปากบาง

     

    "กินซะ นายจะแห้งตายก่อนครบสัญญาของเราไม่ได้หรอกนะ"

     

    "ไม่กิน!...ก็ปล่อยให้ฉันตายไปซะสิ!"

    คนที่ดื้อรั้นได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุดตวาดออกมาลั่นพร้อมกับปัดแก้วในมือของเขาทิ้งสุดแรงจนมันหล่นลงไปกระแทกพื้นแตกกระจายเป็นเสี่ยง ของเหลวด้านในหกเปื้อนอยู่เต็มพื้ไปหมดส่งกลิ่นคาวคละคลุ้งไปทั่วอย่างน่าเวียนหัว ซีวอนแอบย่นจมูกอย่างไม่ชอบใจนิด ในขณะเดียวกันกเหลือบไปเห็นสายตาและสีหน้าอ่อนใจของพี่ชายทั้งสามคนของคุณคนเล็กทั้งสามคนที่ยืนอยู่รอบเตียง

     

    "คนเล็ก...คนเล็กฟังพี่ชายหน่อยได้มั้ย มีคนอยากให้นายมีชีวิตอยู่นะ"

    เสียงทุ้มโทนเบสของพี่ชายตัวสูงคนนั้นได้ผบชะงักนักจนน่าแปลกใจ เพราะมันเป็นเพียงเสียงเดียวที่ทำให้โจวคยูฮยอนหยุดดิ้นรนและนิ่งฟัง แม้จะเป็นการนิ่งฟังด้วยน้ำตาปริ่มดวงตาก็ตาม

     

    "ซองมินอยากให้นายมีชีวิตอยู่นะ จะทำเพื่อซองมินหน่อยไม่ได้เลยรึไงคนเล็ก"

    เสียงของพี่ชายนุ่มนวล...อบอุ่นและอ่อนโยน ในขณะที่คนพูดเดินไปนั่งยังอีกฝั่งของเตียงพร้อมกับวางมือลงบนผมสีน้ำตาลเข้ม ชื่ออันคุ้นเคยของใครสักคนที่เขาได้ยินมาแล้วเป็นครั้งที่สองทำให้ซีอวนเผลอชะงักลมหายใจของตนไปนิด...สำคัญมากขนาดไหนกันเชียว!...เขาไม่ชอบให้ตุ๊กตาของเขาหายใจอยู่เพราะคนอื่นที่ไม่ใช่เขาหรอกนะ!

     

    "แต่ฉันไม่...ฮึก...อยากนี่...ฮึก...ฉันอยากอยู่กับเขานี่พี่ชาย"

     

    "พี่ชายรู้...แต่ซองมินขอคุณพ่อไว้ คนเล็กก็รู้นี่ใช่มั้ย คนเล็กอยากให้พี่ชายโทรหาคุณพ่อหรอ เลือดของคุณพ่อเป็นยังไงนายก็รู้นี่ นายจะแข็งแรงจนไม่ต้องพัก...ถ้าเป็นแบบนั้น นายก็จะไม่มีแม้แต่ความฝันนะ นายจะมีซองมินอยู่แค่ในความทรงจำของนายที่ไม่นานนายก็จะลืมมันเท่านั้น...นายจะไม่มีทางได้เห็นหน้าของซองมินอีก คนเล็กอยากให้มันเป็นแบบนั้นหรอ"

    คำขู่ใช้ได้ผลดีกับเด็กดื้อเสมอ เชวซีวอนรู้ดี เพราะคนดื้อด้านอย่างเขาก็โดนพ่อขู่มาตลอดเหมือนกันถึงจะยอมทำตาม และสำหรับโจวคยูฮยอน คำขู่ที่ว่าจะไม่มีแม้แต่ความฝันก็คงจะร้ายแรงมากพอที่จะทำให้เจ้าตัวนิ่งงันไป....ซึ่งเป็นปฏิกริยาที่เขาไม่ถูกใจเอาเสียเลย! ตุ๊กตามีสิทธิ์อะไรฝันถึงคนอื่นนอกจากเขา...ไม่มีสิทธิ์เลย!...ไม่มีสิทธิ์มีใครในความคิดนอกเหนือไปจากเขาทั้งนั้น!

     

    ซีวอนยื้อแย่งความสนใจของคุณคนเล็กออกมาจากพี่ชายด้วยการใช้มือบีบบังคับแก้มนุ่มให้หันมาสบตาอย่างเอาแต่ใจ และถึงแม้ดวงตาที่เริ่มเปลี่ยนไปจะไม่มีเขาอยู่ในนั้เลยก็ตาม เขาก็ยังคงดื้อด้านให้อีกฝ่ายจ้องมองมาแค่เขา

     

    "หายใจต่อไป...และจากนี้ไปหายใจแค่เพื่อฉัน"

    ดวงตาของคยูฮยอนทอแววดื้อรั้นขึ้นมาทันทีที่สิ้นคำพูดของเขา แต่เขาก็ไม่ปล่อยให้อรกฝ่ายได้เอ่ยโต้เถียงใดๆออกมาด้วยการบีบแก้มขาวแรงขึ้นจนปรากฏรอยนิ้วช้ำแดงชัดตาบนผิวบอบบาง ในขณะที่มืออีกข้างก็เอื้อมลงไปหยิบเศษแก้วที่แตกกระจายไปเมื่อครู่ขึ้นมา

     

    "ฉันจะไม่ให้นายตายจนกว่าฉันจะไม่ต้องการนายอีกโจวคยูฮยอน"

    เขากดปลายคมของเศษแก้วลงบนข้อมือของตนข้างที่บีบบังคับแก้มนวลอยู่ ให้เลือดไหลซึมลงมากระทบที่เรียวปากบางซึ่งเม้มเข้าหากันแน่นอย่างดื้อรั้น ซีวอนสบถ เขวโยนเศษแก้วทิ้งเพื่อใช้มืออีกข้างบีบกระชับเข้าที่ลำคอระหง ดันใบหน้าหวานให้เชิดปลายคางขึ้ยเพื่อบังคับให้อีกฝ่ายอ้าปาก

     

    "อื้อออ!!"

    คยูฮยอนดื้อรั้นดิ้นรน เกือบจะหลุดไปได้อยู่แล้ว หากแต่คุณคนเล็กก็ยังช้ากว่าพี่ชายทั้งสามคนที่แทบจะถลาเข้ามายึดจับร่างของน้องชายเอาไว้ทันทีที่เขาสามารถทำให้หยดเลือดไหลลงลำคอของคนดื้อรั้นไปได้

     

    "อย่ามากเกินไปนะคนเล็ก ได้ยินพี่ชายพูดมั้ย"

    ดูเหมือนเลือดอุ่นๆของเขาจะทำให้คยูฮยอนขาดสติไปเสียแล้ว เพราะบัดนี้มือเล็กนุ่มนิ่มได้ยกขึ้นมาจับข้อมือของเขากดแนบเข้ากับริมฝีปากของตนเสียแล้ว ลิ้นอุ่นตวัดไล้ไปมาเบาๆบริเวณปากแผลของเขา ให้ความรู้สึกเสียววูบวาบประหลาดในช่องท้อง ก่อนอีกต่อมาไม่นานความรู้สึกเจ็บจี๊ดบางอย่างที่ข้อมือก็ทำให้เขาสะดุ้งขึ้นมาเบาๆ และเขาก็ยังเสือกเหลือบตาไปเห็นทันว่าเจ้าลูกแมวจอมดื้อได้ฝังรอยเขี้ยวเข้าที่ข้อมือของเขาไปเสียแล้ว ถึงเขาจะเป็นคนแข็งแรงก็เถอะนะ...เจอแบบนี้ก็ชักจะหน้ามืดเสียแล้วสิ

     

    "ซีวอนแย่แล้วยุนโฮ!"

     

    สิ้นเสียงโวยวายของใครสักคนนั่น โลกในตาของเขาก็ดับวูบลง

     

    .................................................................

     

    เขาได้ยินเสียงฝนตก...ตกหนักด้วย ตอนนี้อยู่ในรถมั้ง มองอะไรไม่ค่อยชัดเท่าไรเลย มีเสียงหัวเราะเต็มไปหมด แข่งคู่ไปกับเสียงเพลงจากวิทยุเก่าๆที่ให้เสียงไม่ต่างไปจากเสียงที่ผ่านมาจากกระดาษทราย แสงไฟส่องจ้าเข้ามา...มีคนกรีดร้อง รู้สึกตัวอีกทีก็นอนอยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว...มองอะไรไม่ค่อยเห็นเอาเสียเลยจริงๆนะ ทุกอย่างวุ่นวายไปหมด ภาพรอบกายวูบไหวจนน่าปวดหัว...ชักกลัวแล้วล่ะ

     

    "ทำให้คยูฮยอนหายใจ...นะครับ"

     

    หืมม?...เสียงใครน่ะ

     

    "ให้เขา...มีชีวิตต่อไป...นะครับคุณหมอ"

     

     

     

     

    "ฟื้นแล้วหรอ ดื่มนี่ก่อนนะ จะได้มีแรง...ช๊อคโกแล๊ตน่ะ ไม่ใช่อะไรหรอก หาของกินได้แบบนี้ในบ้านนี้ไม่ค่อยจะมีเท่าไรหรอก รสชาติไม่ดีเท่าไร แต่เจ้าฮยอกแจก็รับรองว่าพอกินได้ล่ะนะ ค่อยๆดื่มล่ะ มันร้อน"

    เสียงอ่อนโยนแสนใจดีของใครคนหนึ่งดังขึ้นทันทีที่เขาเปิดเปลือกตาขึ้นมา ขอบแก้วเซรามิคแตะลงมาเบาบนเรียวปากของเขาคล้ายอยากจะให้เขาดื่มของเหลวกลิ่นหอมที่บรรจุอยู่ด้านในลงคอไปสักหน่อยก่อนที่จะลุกขึ้น และเขาก็ทำตามแต่โดยดีเพราะตอนนี้เขาไม่มีแรงแม้แต่จะอ้าปากพูดด้วยซ้ำ มือแข็งแรงคู่หนึ่งค่อยๆช้อนประคองแผ่นหลังของเขาขึ้นนั่งพิงกับหัวเตียง และสักพักเขาก็จำได้ว่ามันเป็นเตียงเดิมกับที่เขาเคยนั่งก่อนสลบไปนั่นล่ะ

     

    "ดื่มเข้าไปอีกสิก่อนที่มันจะหายร้อนไปเสียก่อน"

    เขาเหลือบสายตาไปมองชายหนุ่มเจ้าของเสียงที่ยืนอยู่ข้างเตียวผู้ซึ่งพยายามคะยั้นคะยอให้เขาดื่มช๊อคโกแล๊ตร้อนเข้าไปให้มากกว่านี้นิดคล้ายอยากจะประเมินว่าอีกฝ่ายเป็นใคร...และรอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้าอ่อนหวานซึ่งปรากฏลักยิ้มบุ๋มอยู่ที่แก้มข้างซ้ายก็ไม่ได้ผิดแผกไปจากที่เขากำลังจินตนาการถึงนิสัยของผู้ชายคนนี้มากนัก ซีวอนรับแก้มเซรามิคใบนั้นมาถือไว้ด้วยสองมือ พึมพำขอบคุณให้พอดูเป็นคนมารยาทดีแล้วจึงยกมันขึ้นดื่มช้าๆ ปล่อยให้ความหวานปนขมของช๊อคโกแล๊ตร้อนๆค่อยๆซึมเข้าไปในกระแสเลือด

     

    "ข้อมือของเธอฉันเย็บให้แล้วนะ คนเล็กเล่นเธอซะน่าดูเลย แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวมันก็หาย ช่วงนี้อย่าใช้มือข้างนั้นยกของหนักๆก็แล้วกัน"

    ดวงตาคมตวัดมองไปยังข้อมือข้างซ้ายของตนที่ถูกพันแน่นด้วยผ้าพันแผลสีขาวสะอาดตาก่อนเจ้าตัวจะไหวไหล่คล้ายอจะบอกว่ามันไม่ใช่ปัญหาใหญ่มากมายสำหรับชีวิตของเขาเสียเท่าไร...มันไม่เจ็บเลยสักนิดจริงๆ

     

    "ชื่อซีวอนสินะ เป็นเพื่อนกับคนเล็กใช่มั้ย"

     

    "ทำนองนั้น"

    ซีวอนพึมพำตอบกลับไปไม่เต็มเสียงนักพลางเบือนสายตาหนีผู้ชายใจดีคนนั้นออกไปมองนอกหน้าต่างแทนที่...มืดแล้ว เขาสลบไปนานเลยทีเดียว ช๊อคโกแล๊ตร้อนเริ่มทำให้เขารู้สึกสดชื่นและมีแรงขึ้นมาบ้าง เขาจิบมันเข้าไปอีก...รสชามันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร อันที่จริงแล้วน่ะนะ

     

    "อีกไม่กี่ชั่วโมงฟ้าก็จะสางแล้ว จะให้ฉันโทรบอกที่บ้านเธอให้มั้ยว่าหายไปไหนมาทั้งคืน"

     

    "ผมอยู่คนเดียว"

     

    "งี้นี้เอง"

     

    ตอบแบบนี้อีกแล้ว...โจวคยูฮยอนต้องจำมาจากผู้ชายคนนี้แน่ๆ

     

    "ฉันชื่ออีทึกนะ เป็นพ่อของเจ้าพวกนั้น...พ่อบุญธรรมน่ะ"

    ผู้ชายตาหวานยิ้มสวยคนนั้นแนะนำตัว และซีวอนก็ไม่คิดรักษามารยาทโดยการแนะนำตัวกลับ...ความสุภาพไม่ใข่สิ่งจำเป็นสำหรับคนที่เขาไม่คิดจะกลับมาเจออีกเป็นครั้งที่สอง เขาคิดแบบนั้น ซีวอนดื่มช๊อคโกแล็ตร้อนอึกสุดท้ายในแก้วลงคอไปก่อนจะหันมาสบตาตรงๆกับคุณพ่อเลี้ยงลูกสี่เป็นครั้งแรกของการสนทนา

     

    "เขาอยู่ไหน"

     

    "ใคร"

     

    "ลูกแมว...โจวคยูฮยอน"

    อีทึกหลุดหัวเราะออกมาให้กับคำว่าลูกแมวของเขาเล็กน้อยพลางดึงแก้วในมือของเขาออกมาถือไว้ให้ ร่างสูงโปร่งหมุนตัวเดินไปวางแก้วเปล่าใบนั้นลงบนโต๊ะเขียนหนังสือใกล้ๆ...ไม่ได้ตอบอะไรในทันที

     

    "คนที่ไม่รู้จักคุณค่อของการมีชีวิตกำลังถูกลงโทษน่ะ...เด็กดื้อต้องโดนทำโทษซะบ้างจะได้จำ ซีวอนคิดเหมือนฉันมั้ย"

     

    ....................................................................

     

    ซีวอนแหงนหน้าขึ้นมองยอดสูวเสียดฟ้าของโบสถ์ที่คุณพ่อเลี้ยงหน้าเด็กอีทึกบอกว่าคนดื้อรั้นโดนทำโทษอยู่ด้วยสายตาไม่แน่ใจเท่าไรนัก ปกติเขาก็ไม่เคยเข้าโบสถ์อยู่แล้ว นี่เขาเล่นมาโบสถ์ตั้งแต่ตีสี่แบบนี้...พ่อรู้คงปลื้มตายชักเลย เขาลังเชอยู่ที่หน้าประตูบานใหญ่เล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจผลักมันเปิดเข้าไป

     

    แสงไฟจากเชิงเทียนที่ตั้งเรียงรายอยู่ตามขอบพนังโบสถ์ทำให้ทุกอย่างภายในดูนุ่มนวลอบอุ่น ไม่เว้นแม้แต่ร่างผอมบางที่นั่งหันหลังให้เขาอยู่ที่เก้าอี้ยาวตัวหนึ่ง โจวคยูฮยอนเบือนหน้ากลับมามองเขาเล็กน้อย ผิวกายยังคงซีดขาว...หากแต่ก็ดูมีน้ำมีนวลขึ้นในความคิดของเขา ดวงตากลมโตของลูกแมวต้องมองเขาอย่างเย็นชาอยู่ชั่วครู่ก่อนมันจะเบือนกลับไปมองบางอย่างเบื้องหน้าต่อตามเดิม ร่างสูงก้าวเดินเข้าไปหา เสียงฝีเท้าของเขาดังหนักๆก้องไปทั่วโบสถ์อันเงียบงันที่มีแค่เพียงแสงเทียนวูบไหว

               

    "หายรึยัง"

     

    "ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน"

    มือของเขาที่กำลังจะเอื้อมไปแตะผิวแก้มถูกปัดออกอย่างแรงโดยคนที่ไม่แม้แต่จะหันมาสบตากับเขาเป็นครั้งที่สอง แต่คนดื้อด้านเอาแต่ใจอย่างเชวซีวอนไม่ปล่อยให้ตัวเองได้รับคำปฏิเสธจากใครหรอกนะ! เขาใช้มือข้างหนึ่งจับพนักพิงของม้านั่งยาวเอาไว้ ในขณะที่มืออีกข้างก็เอื้อมไปบีบบังคับใบหน้าหวานของคนดื้อรั้นให้หันมาสบตา

     

    "มีสิทธิปฏิเสธฉันด้วยรึไงโจวคยูฮยอน"

     

    "ฉัน...เกลียด...นาย"

    เสึยงนุ่มย้ำถ้อยคำนั้นออกมาอย่างเชื่องช้า หากทว่าก็ชัดเจนจนทำให้เขาเผลอชะงักไป ซีวอนจ้องมอง...ดวงตาของลูกแมวกำลังพูดบางอย่างมากมาย และหนึ่งในคำพูดเหล่านั้นก็คือถ้อยคำตัดพ้อ เขาถอนหายใจออกมาเบาๆพลางเชิญตัวเองนั่งลงบนเก้าอี้ยาว

     

    "ก็ตามใจนาย"

    เขาตอบกลับไปเท่านั้นก่อนจะขยับตัวเอนหลังนอนบนเก้าอี้โดยใช้หน้าตักของคนตัวบางต่างหมอนพร้อมกับคว้ามือเล็กข้างหนึ่งมาวางลงบนแผ่นอกของตน...ตรงหัวใจพอดี ซีวอนจับประสานมันไว้อยู่ตรงนั้นเงียบๆโดยไร้คำพูดใดอยู่ชั่วครู่

     

    "บางครั้ง...ดื้อรั้นมากเกินไปก็ไม่มีประโยชน์หรอกนะ"

     

    "..."

     

    "Sometimes...You just have to let go"

     

    "เหมือนเรื่องของพี่สาวของซีวอนใช่มั้ย"

    เจ้าของตักที่ทำหน้าที่เป็นหมอนหนุนหัวให้แก่เขาเอ่ยออกมาโดยไม่ยอมก้มหน้าลงมาสบตา และเรื่องนั้นก็ทำให้เขาเผลอชะงักลมหายใจของตนไป ซีวอนเบือนสายตาของตนไปมองพนักพิงหลังสีน้ำตาลเข้มชั่วครู่

     

    "อืม...เหมือนเรื่องของพี่สาวฉันนั่นล่ะ"

     

    "ซีวอนรู้มั้ย..."

     

    "..."

     

    "There's always something...you just can't let go"

    คยูฮยอนว่าด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ดวงตาที่ก้มลงมาสบตากับเขาแตกร้าวเพราะน้ำตาที่เอ่อคลออยู่...เป็นอีกครั้งที่โจวคยูฮยอนช่างดูเปราะบางในความรู้สึกของเขา ไม่เข้าใจเลยจริงๆพับผ่าสิ! ซีวอนเลือกที่จะปิดเปลือกตาลงไม่รับรู้ความบอบบางนั้นพร้อมกับชันเข่าขึ้นหนึ่งขึ้นเพื่อความสบายของตัวเอง...เลือกที่จะทำให้เป็นมองไม่เห็นน้ำตาเหล่านั้นที่ทำให้หัวใจของตัวเองปวดหน่วง เขากระชับมือบางที่เกาะกุมกันอยู่บนอกของเขาให้แน่นขึ้น

     

    "Hold me instead of it then"

     

    ...........................................................

     

    "เห็นภาพใช่มั้ยล่ะ คนเล็กก็เห็นเหมือนกัน...มันเป็นความทรงจำน่ะ ฉันอธิบายไม่ได้หรอกนะ แต่ใครเขาก็เป็นกันนั่นล่ะเวลาได้ดื่มเลือดน่ะ อยากให้ฉันเล่าให้ฟังมั้ยล่ะ ภาพที่เธอเห็นน่ะ...มันประมาณแปดสิบปีกว่าปีก่อนน่ะ ไม่ใช่ที่โซลหรอกนะ เป็นที่ๆไกลกว่านั้นมากเลย มันมีอุบัติเหตุ...รถคว่ำน่ะ คุณพ่อกับคุณแม่ที่นั่งอยู่ด้านหน้าเสียชีวิตคาที่ ส่วนพี่สาวก็มาเสียชีวิตตอนระหว่างทางมาโรงพยาบาล สมัยก่อนเครื่องมือแย่มาก ถนนก็ไม่ค่อยดีนัก...มีอุบัติเหตุทีไร ไม่ค่อยมีคนรอดเท่าไรหรอก แล้วยิ่งอยู่ต่างจังหวัดแบบนั้น มันก็เลยยิ่งยากใหญ่”

     

    แต่คยูฮยอนก็อดทนมาถึงโรงพยาบาลจนได้...ดื้อมากจริงๆนั่นล่ะ เด็กผู้ชายอีกคนก็มาถึงโรงพยาบาลได้เหมือนกัน แต่ซองมินน่ะอาการสาหัสน้อยกว่าคยูฮยอนเยอะเลย ฉันไม่รู้หรอกนะว่าพวกเขาเป็นอะไรกัน...ฉันไม่กล้าถามหรอก คนเล็กจะโมโหทุกทีที่ได้ยินชื่อของซองมินน่ะ...อันที่จริงแล้ว เขาไม่ค่อยยอมพูดกับฉันเท่าไรด้วยซ้ำ แต่ก็คงเป็นคนรักกันนั่นล่ะ ก็เล่นจับมือกันมาตลอดทางแบบนั้นนี่นะ พวกเขานอนอยู่บนเตียงฉุกเฉินข้างกัน ฉันจำได้”

     

    “คืนนั้นฝนตกหนักมาก มันก็เลยมีอุบัติเหตุเยอะไปหมด ไม่มีห้องฉุกเฉินไหนว่างเลย ฉันรักษาชีวิตของทุกคนไม่ได้หรอกนะ หมอในโรงพยาบาลเล็กๆแบบนั้นน่ะ พอถึงเวลาที่มันรับไม่ไหวจริงๆ...มันก็ต้องเลือกนั่นล่ะ แล้วซองมินก็เป็นคนที่ฉันเลือก เขามีสิทธิรอดมากกว่าคยูฮยอนเยอะ....คยูฮยอนน่ะแทบจะไม่หายใจแล้วด้วยซ้ำตอนมาถึงที่โรงพยาบาลน่ะ มันมี...อ่า...จะพูดยังไงให้เธอเข้าใจดีนะ...มันมีกระดูกทะลุปอดของเขาเข้าไปน่ะ มันทำให้เขาหายใจไม่ได้ แต่ซองมินก็บอกให้ฉันไปหาคยูฮยอน...ให้ฉันช่วยชีวิตคยูฮยอนทั้งๆที่ตัวเองก็แทบจะไม่ไหวแล้วเหมือนกัน นี่ฉันไม่ได้ล้อเล่นนะว่าเหมือนเขาจะรู้ว่าฉันเป็นอะไร...เหมือนเขาจะรู้ว่าฉันช่วยคยูฮยอนได้”

     

    “ตอนแรกฉันก็ว่าจะไม่ทำหรอก แต่พอโดนขอร้องหนักเขา ฉันก็เลย...นั่นล่ะ...ให้เลือดเขาไป มันเป็นทางเดียวที่ทำให้คนใกล้ตายกลับมามีชีวิตอีกครั้งน่ะ เลือดของฉันเยียวยาอาการบาดเจ็บของเขาได้ น่าตลกนะ...มันทำให้คยูฮยอนกลับมาหายใจได้อีกครั้ง ในจังหวะเดียวกับที่ซองมินหยุดหายใจพอดี เธอก็รู้นี่ว่าคยูฮยอนเอาแต่ใจได้มากแค่ไหนถ้าต้องการ...เขาดื้อรั้นไม่ยอมดื่มเลือดจากฉันอีก บังคับให้ฉันทำให้ซองมินฟื้นอยู่นั่น แต่ก็นั่นล่ะ...เลือดของฉันทำให้คนที่ไม่หายใจแล้วกลับมามีชีวิตได้อีกหรอกนะ คยูฮยอนเลยดื้อรั้นไม่ยอมดื่มเลือจากฉันอีก เขาถึงไม่แข็งแรงอย่างที่ควรจะเป็นสักที...ปอดของเขาไม่หายดีน่ะ ฉันคิดว่าเธอคงเคยสังเกต

     

    “ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเธอรู้สึกยังไงกับลูกชายของฉันคนนี้ แต่ของร้องนะ...อย่าทำให้เขาดับแสงลงได้มั้ย"

     

     

     

     

    คำพูดของอีทึกวนเวียนอยู่ในหัวของเขาซ้ำไปซ้ำมาราวกับเทปเก่าๆที่ถูกเปิดให้วิ่งวนไปวนมา ซีวอนพลิกตัว....และที่นอนอยู่ข้างๆเขาก็คือร่างบอบบางขาวจัดของโจวคยูฮยอนที่นอนคว่ำผินหน้ามาหาเขา ลมหายใจสม่ำเสมออันแผ่วเบาทำให้เขารู้ว่าอีกฝ่ายยังคงจมลึกอยู่ในห่วงนิทราแสนหวานของตน...จมอยู่กับความฝันของตัวเอง มือเล็กบางวางแนบอยู่ที่พื้นเตียง เขาจ้องมองมันอยู่ชั่วครู่ก่อนจะค่อยๆวางมือของตนทับซ้อนลงไป ค่อยๆแทรกนิ้วจับประสานเอาไว้อย่างแผ่วเบาทะนุถนอมราวกับกลัวว่าอีกฝ่ายจะสะดุ้งตื่นขึ้นมา แต่มันก็เท่านั้น เจ้าแวมไพร์ลูกแมวขี้อ้อนรู้สึกตัวง่ายเสมอ...นั่นไง ยังไม่ทันขาดคำเลย

     

    "ซีวอนอ่า"

     

    "ว่าไง"

     

    "ฉันฝันเห็นซีวอนด้วยนะ"

     

    "ฉันกำลังทำอะไรล่ะ"

     

    "ซีวอนกำลังมองพระอาทิตย์ขึ้น...ตอนรุ่งสาง"

    รอยยิ้มสดใสของคนเพิ่งตื่นทำให้เขาอดไม่ได้ที่ยิ้มตามออกมา...โจวคยูฮยอนบริสุทธิ์ได้มากขนาดไหน เขาประจักษ์เรื่องนี้ได้แล้ว ซีวอนออกแรงถึงร่างผอมบางที่เอาเสื้อเชิ้ร์ตของเขามาสวมนอนอีกแล้วขึ้นมาวางเกยอยู่บนตัวของตน คยูฮยอนหัวเราะคิกออกมาเบาๆพลางใช้ฟันกัดงับเข้าที่ลาดไหล่ของเขาคล้ายจะหมั่นเขี้ยว

     

    "อยากกินเลือดฉันอีกรึไง"

    แวมไพร์ลูกแมวเงยหน้าขึ้นมาย่นจมูกใส่เขาอย่างน่ารัก และสำหรับเขา ท่าทางเหมือนจะดูถูกเลือดของเขาเสียเต็มประดา(เขาน่ะผู้ดีเก่านะขอบอก!)ก็น่าหมั่นไส้ชะมัดจนเขาอดไม่ได้ที่จะใช้มือหนีบจมูกจมูกโด่งรั้นนั่นส่ายไปมาเบาๆ

     

    "จนกว่าฉันจะอยากให้นายตาย ฉันจะเป็นอาหารให้นาย...แค่ฉันเข้าใจมั้ยโควคยูฮยอน"

     

    "ซีวอนชอบสั่งอ่ะ!"

    งับคอเขาเข้าให้อีกรอยเป็นการแก้แค้นก่อนเจ้าตัวจะแนบแก้มลงกับแผ่นอกเปลือยเปล่าของเขา...ผิวของโจวคยูฮยอนยังคงเย็นเฉียบไม่เปลี่ยน...ให้ความรู้สึกบอบบางน่าทะนุถนอมไม่เปลี่ยน ซีวอนกอดกระชับร่างผอมบางแน่นขึ้นพลางฝังปลายจมูกลงที่กลุ่มผมนิ่มที่มีกลิ่นหอมอ่อนๆ...ช่างน่าประหลาดที่มันมีกลิ่นเดียวกับผิวกายที่เขาหลงใหลไม่มีผิด

     

    "ฉันจะเป็นคนเดียวที่อยู่ในช่วงสุดท้ายของนายโจวคยูฮยอน...จะเป็นคนที่อยู่ในสายตาของนายเพียงคนเดียวก่อนที่นายจะดับแสงลง มีแค่ฉัน คิดถึงแค่ฉัน หายใจแค่เพื่อฉัน...แค่นั้นก็พอแล้วโจวคยูฮยอน"

     

     

     

     

    "เป็นไงไอ้ลูกชาย เกาหลีดีกว่าที่แกคิดใช่มั้ยล่ะ"

     

    "ก็คงงั้นล่ะครับ"

     

    "เห็นแกทำตัวเป็นเด็กดีหรอกนะ อาจารย์ที่ปรึกษาบอกว่าแกทำคะแนนมิดเทอมได้ที่หนึ่งเกือบทุกวิชา คนของฉันก็บอกว่าแกไม่เที่ยวเลยตั้งแต่มาถึง..."

     

    "พ่อจะพูดอะไร เอาตรงๆ...ตอนนี้ผมไม่ว่าง ลูกแมวร้องอยู่"

     

    "แกเลี้ยงแมวเรอะ?!"

     

    "พ่อ..."

     

    "ก็ได้ๆ...แกอยากกลับนิวยอร์กรึยังล่ะซีวอน ฉันเลิกโกรธแกแล้ว"

     

    "..."

     

    "เชวซีวอน คำตอบตอนนี้นะ"

     

    "ไม่ดีกว่าครับ ผมต้องอยู่ให้อาการลูกแมวน่ะ"

     

    ........................................................

     

     

     

     

     

    เกือบทันวันเกิดโจวคยูแล้วเชียว! ครบปีพอดีสำหรับเอสเอ็ฟเรื่องนี้นะ = =

     

    อธิบายสักเล็กน้อยสำหรับตอนนี้นะ Twilight แปลว่า ช่วงเวลาหลังพระอาทิตย์ตกหรือก่อนฟ้าสาง ว่ากันง่ายๆก็คือช่วงเวลาที่พระอาทิตย์อยู่ที่ขอบฟ้าน่ะค่ะ จะแปลได้ทั้งในความหมายที่ว่ากำลังจะขึ้น(ตอนเช้า)หรือกำลังจะตก(ตอนเย็น)ก็ได้ แต่ส่วนใหญ่เขาจะใช้กับตอนเย็นกันค่ะ หรืออีกความหมายนึงก็คือ ช่วงเวลาสุดท้าย (เริ่มเข้าเค้ากับที่ตาวอนพูดแล้วใช่ม้า) ในหนังไรเตอร์คิดว่ามันน่าจะหมายถึง ตอนย่ำค่ำนะ เพราะภาคถัดไปมันชื่อว่านิวมูนอ่ะ ชีวิตของเบลล่ามืดมนลงเพราะเจอเอ็ดเวิร์ด เข้าไปอยู่ในช่วงเวลาใหม่ที่ไม่คุ้นเคย อะไรทำนองนั้น นั่นคือที่ไรเตอร์เข้าใจนะคะ แล้วเรื่องนี้เป็นทไวไลท์ตรงไหน ในแง่ที่หนึ่ง ชีวิตของซีวอนสว่างขึ้นเรื่อยๆเมื่อมาเจอคยูค่ะ เหมือนที่ฟ้าจะสว่างขึ้นเรื่อยๆเมื่อพระอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้านั่นล่ะ ในทางกลับกัน เหมือนที่วอนพูดไว้ในเรื่องนั่นล่ะค่ะ ชีวิตของคยูกลับดูมืดมนลงเรื่อยๆ ดับแสงลงเรื่อยๆ(ก็เจ้าตัวร้องจะตายๆมาทั้งตอนเลยนี่นา) ซึ่งก็สะท้อนความหมายของคำว่าทไวไลท์ออกมาใช่มั้ยล่ะ และในอีกแง่หนึ่ง อันนี้ตอนท้ายๆเลย วอนบอกว่าคยูจะต้องมีชีวิตจนกว่าเขาจะไม่ต้องการ ซึ่งพอวอนไม่ต้องการแล้ว คยูก็อาจจะไปตายจริงๆก็ได้ใครจะรู้ล่ะ ซึ่งนั่นก็หมายถึงช่วงเวลาสุดท้ายในชีวิตค่ะ วอนถึงบอกว่า แค่มีเขาเป็นช่ววงเวลาสุดท้ายของชีวิตก็พอ ถ้าไม่ต้องการแล้ว จะไปตายที่ไหนก็เชิญ อะไรทำนองนั้นนะ สรุปแล้ว ไรเตอณืเอาความหมายของคำว่าทไวไลท์มารวมกันซะเละเลย= =

     

    แล้วเข้าใจประโยคภาษาอังกิดที่วอนพูดในโบสถ์กันมั้ยคะ ตอนแรกวอนพูดว่า บางอย่างก็ต้องปล่อยวางบ้าง คยูก็ย้อนว่าเหมือนเรื่องของพี่สาวนายใช่มั้ย(ซึ่งเกิดอะไรขึ้น ไรเตอร์ก็ไม่รู้เหมือนกัน= =) แล้วเจ้าตัวก็ต่อว่า บางอย่างน่ะ...มันก็ปล่อยวางไม่ได้หรอกนะ ปล่อยทิ้งให้หายไปเฉยๆไม่ได้ อะไรทำนองนั้น(ถ้าใครเคยอ่านจัสต์ยู ฟีลเหมือนที่แฝดคนพี่บอกกับคุณหมอจีน่ะค่ะ...จะให้ปล่อยได้ยังไงในเมื่อทุกอย่างที่เขายึดไว้ เป็นสิ่งเดียวที่ปล่อยไปไม่ได้ เป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เขายังยอมหายใจ อะไรทำนองนั้น(ไรเตอร์เอามาจากเพลงอะไร ใครตอบได้ ให้ฟิคฟรีเลยค่ะ(นี่จริงจังนะ)) ตาวอนเลยสวนกลับ(ตามฉบับนิสัยคุณชายเอาแต่ใจ)ว่า ก็จับฉันไวแทนสิ เหมือนแบบ ให้ปล่อยสิ่งนั้นไปซะ แล้วยึดเขาเอาไว้แทน อะไรทำนองนั้น...เอาแต่ใจแถมยังเห็นตัวเองสำคัญ(?)ดีเนอะ = =




    และถ้าใครจะจับได้ ไรเตอร์เอาหนังแวมไพร์สองเรื่องมารวมกันค่ะ เรื่องแรก ไม่ต้องสงสัยเลย ก็คือทไวไลท์ค่ะ(ไม่เหมือนเท่าไร แต่อย่างน้อยวอนก็ย้ายเข้ามาใหม่นะ แถมคยูก็มีญาติอยู่ตั้งสามคน ในหนังมันมีสี่หนิ ใช่ม่ะ) ส่วนอีกเรื่องหนึ่ง คือ
    underworld ค่ะ เป็นหนังไม่กี่เรื่องที่ไรเตอร์ชอบนางเอกมากก เพราะเท่ห์กินขาดกว่าใครเพื่อนเลย เป็นตอนคยูกินอาหารค่ะ ถ้าจำไม่ผิด พระเอกของหนังเรื่องนี้(น่าจะเป็นภาคสองนะ) กินข้าวเสร็จก็อ้วกแตกอ้วกแตนเหมือนคยูเป๊ะเลย = =

     

    วอนคยูเรื่องแรกของเราก็มาแบบมึนๆอึนๆเนอะ(แถมยาวมากอีกต่างหาก แต่น้ำเพียบเลย) พระเอกก็อึน นายเอกก็ซึน อึนๆซึนๆรวมกันก็ออกมาดาร์กเล็กๆที่ให้อารมณ์เหมือนอยู่ในหมอกเลย(เอื่อยๆเฉื่อยๆ แถมยังหนาวอีก อะไรทำนองนั้น) ถ้าจะถามว่าพวกเขารักกันมั้ย...ไรเตอร์ตอบไม่ได้อ่ะ แต่ถ้าในความคิดของไรเตอร์นะ พวกเขา(ยัง)ไม่รักกันค่ะ มันเป็นกรณีตรงกันข้ามกับยุนแจของภาคนิวมูนน่ะค่ะ วอนคยูแค่เข้าใจกัน(ในแบบอึนๆซึนๆแบบนั้นนั่นล่ะ) ถึงจะดื้อด้านด้วยกันทั้งคู่ แต่นิสัยส่วนใหญ่จะหลบกันอ่ะค่ะ คยูช่างอ้อน ตาวอนก็ขี้ใจอ่อน ตาวอนชอบสั่ง คยูก็ไม่เถียงสักคำ อะไรทำนองนั้น แง้มเล็กๆ(สปอยกันให้ฟังอย่างถ้วนหน้า) คู่รองเรื่องถัดไปกับคู่หลักของเรื่องถัดของถัดไปอีก ให้อารมณ์แบบนี้ล่ะค่ะ^^

     

    ทำไมถึงแต่งวอนคยู? เอาคลิปนี้ไปดูละกันนะ ช๊อตในตำนานของวอนคยูค่ะ^^ คยูตัวเล็กนิดเดียวเองเมื่อเทียบกับวอนเนอะ ทั้งๆที่ไรเตอร์ว่าคยูเองก็เป็นผู้ชายที่ตัวใหญ่พอสมควรแล้วอ่ะ








     






    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×