คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #42 : 36th Mission :: คนเอาแต่'ใจ' .. ที่ไม่น่า'รัก'เอาเสียเลย
�
"พี่ฮัน...จะไม่รักผมงั้นหรอ"
ทำไมจะไม่รักล่ะ
ทั้งๆที่ไม่น่า'รัก'เลยสักนิด...แต่เขาก็ยังรักได้มากมายเหลือเกิน
เอาแต่'ใจ'จริงๆ
ฮันคยองถอนหายใจออกมาเบาๆให้กับคนที่ช่างไม่เข้าใจอะไรเสียเลย...ช่างไม่เคยเห็น'ใจ'เขาเอาเสียเลยพลางเบือนสายตาหลบออกมาจากสีหน้าตัดพ้อต่อว่านั่น แต่ว่านะ...มันต้องเป็นเขาไม่ใช่หรอที่ต้องตัดพ้อต่อว่าน่ะ...มันไม่ใช่เขาหรือไงที่ต้องเสียใจ...คนที่ให้ไปแล้วไม่เคยได้อะไรตอบกลับมาเลยสักนิดคนนี้ต่างหากล่ะ!
"ฮยอกแจกลับบ้านเถอะครับ เย็นแล้ว เดี๋ยวที่บ้านจะเป็นห่วง...เราจะไม่พูดเรื่องนี้กันอีก"
เขาผละออก หมุนตัวเดินไปยังงานล้างรูปของตนที่ทำค้างไว้...เลือกที่จะหันหลังให้กับคนที่ยังคงมองเขาด้วยสายตาตัดพ้อ
"แต่เราคบกันอยู่...ไม่ใช่หรอพี่ฮัน"
"พี่เป็นตุ๊กตาของฮยอกแจไม่ใช่หรอ!...ฮยอกแจคบกับตุ๊กตารึไง!"
เสียงทุ้มตวาดกร้าวกลับพร้อมกับสายตาที่ตวัดกลับไปมองคนตัวเล็กที่สะดุ้งเฮือกขึ้นมาสุดตัว ฮยอกแจตัวสั่นอยู่ที่อีกมุมห้อง ในขณะที่เขาก็รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะร้องไห้...อย่ามามองเหมือนเขาเป็นคนผิดแบบนั้น...รักมากไปก็ผิด พอเขากกำลังจะเลิกรัก เขาก็ผิดอีก
หัวใจของเขา...ก็มีความรู้สึกเหมือนกันนะ!
มัน...เจ็บปวดได้เหมือนกัน
"พี่ฮัน..."
"กลับไปเถอะครับฮยอกแจ พี่ต้องทำงานอีก"
ฮันคยองหันกลับมาสนใจภาพถ่ายของตนต่อตามเดิมพร้อมกับความรู้สึกผิดที่ค่อยๆคืบคลานเข้ามาเกาะกุมหัวใจ...ไม่น่าไปตวาดฮยอกแจแบบนั้นเลยจริงๆ เขาถอนหายใจอีกครั้งเมื่อคนที่เขาตวาดไปเมื่อครู่ยังไม่มีทีท่าว่าจะขยับตัว...ก็ได้!...ถ้ายืนยันที่จะอยู่ตรงนี้เพื่อทำร้ายเขาด้วยความรู้สึกผิดล่ะก็ เขาไปเองก็ได้! แต่ยังไม่ทันที่จะก้าวเท้าออกจากห้องไป มือเล็กนุ่มนิ่มของฮยอกแจก็สอดเข้ามาใช้นิ้วชี้เกี่ยวนิ้วชี้ของเขาเอาไว้หลวมๆ คนตัวเล็กก้มหน้า ไม่ยอมสบตา...และฮันคยองก็ทำเหมือนไม่ได้รู้สึกอะไรด้วยการจ้องมองอยู่ที่งานล้างภาพของตนโดยไม่เอ่ยปากถามอะไรออกมา
"พี่ฮัน...พาผมไปส่งบ้านนะ"
........................................................
พวกเขาไม่เคยทะเลาะกัน
ตลอดปีกว่าที่รู้จักกันมา...ไม่เคยแม้แต่จะตะโกนใส่กันด้วยซ้ำ
คงเป็นเพราะเขาจะเป็นฝ่ายยิ้มไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
คงเป็นเพราะเขาจะเป็นฝ่ายยอมไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
แต่ตอนนี้พวกเขาทะเลาะกันอยู่รึเปล่านะ...ฮันคยองไม่รู้เลยจริงๆ
ระหว่างทางที่เขาพาฮยอกแจไปส่งบ้านนั้นเต็มไปด้วยความเงียบงันอย่างที่มันไม่เคยเป็น...พวกเขาปฏิเสธที่จะหันหน้ามาสบตามองกันตรงๆเสียด้วยซ้ำ แต่กระนั้นแล้ว...นิ้วชี้ของพวกเขาก็ยังคงเกาะเกี่ยวกันอยู่อย่างนั้นมาตลอดทางไม่ปล่อย ประตูรั้วหน้าบ้านของฮยอกแจปรากฏให้เห็นอยู่อีกไม่กี่ช่วงก้าว...และมันก็มีเพียงเสียงฝีเท้าที่ดังคั่นกลางอยู่ระหว่างพวกเขา
"พี่ฮัน..."
"นายคนวันนั้นนี่"
เสียงของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้นมาขัดกลางคำพูดของฮยอกแจ และเจ้าของเสียงก็เป็นหญิงสาวที่เขาจำได้ว่าเป็นพี่สาวของฮยอกแจ เธอปั่นจักรยานสีฟ้าคันเดิมเข้ามาใกล้ จ้องมองหน้าเขาทีหน้าน้องชายของหล่อนทีคล้ายอยากจะจับผิดบางอย่างก่อนเธอจะปั่นจักรยานนำขึ้นหน้าเลี้ยวเข้าประตูรั้วบ้านเข้าไป
"มาทานข้าวเย็นด้วยกันสิ แม่คงดีใจที่ไอ้ไก่มีเพื่อนนอกจากซองมินสักที...ฉันไม่รับฟังคำปฏิเสธหรอกนะ"
เอาแต่ใจทั้งพี่ทั้งน้องเลย
ฮยอกแจเกี่ยวกระหวัดนิ้วของเขาแน่นขึ้น ไม่เสนอความเห็นหรือโต้เถียงใดๆเพิ่มเติม ทำเพียงพาเขาเดินเข้าไปในบ้านของตนเท่านั้น...บ้านของฮยอกแจยังคงให้ความรู้สึกอบอุ่นเหมือนเดิมไม่มีผิด ยิ่งเมื่อมีคนอาศัยอยู่ภายในและกำลังทำงานอยู่ในครัว แถมบนโต๊ะอาหารก็ยังเต็มไปด้วยอาหารที่เพิ่งทำเสร็จอีก มันก็ยิ่งให้ความรู้สึกของคำว่าบ้านมากกว่าเดิมเสียอีก
"ฮยอกแจพาเพื่อนใหม่มาบ้านด้วยค่ะแม่"
พี่สาวของฮยอกแจตะโกนขึ้นลั่นบ้านพร้อมกับที่เจ้าหล่อนก้าวฉับๆถือข้าวของเครื่องใช้ตรงเข้าไปในครัว คุณแม่ของฮยอกแจส่งเสียงร้องออกมาอย่างแปลกใจก่อนเธอจะเดินออกจากครัวมาทักทายเขาที่ยืนคว้างอยู่กลางบ้านโดยมีเจ้าของบ้านตัวเล็กเกี่ยวนิ้วเอาไว้ไม่ปล่อย ฮันคยองคลี่ยิ้มพร้อมกับค้อมตัวลงทักทายอย่างสุภาพ คุณแม่ของฮยอกแจหัวเราะคิกคักให้กับท่าทางเก้กังที่แสนสุภาพของเขา หล่อนเช็ดมือเข้ากับผ้ากันเปื้อนสีเหลืองที่สวมอยู่พลางกวักมือเรียกลูกชายของตนให้เข้าไปหา
"พาใครมาล่ะฮยอกแจ เพื่อนใหม่รึไง"
"เป็น...รุ่นพี่ที่มหาลัยน่ะครับ"
ฮันคยองเป็นคนตอบคำถามแทนพร้อมกับปล่อยให้คนตัวเล็กวิ่งเข้าไปคลอเคลียมารดา ลูกไก่ตัวเล็กถูแก้มเข้ากับต้นแขนของคุณแม่ ส่งเสียงครางหงุงหงิงอย่างออดอ้อนด้วยท่าทางน่าเอ็นดูจนคนเฝ้ามองอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้
"ทำไมเจ้าตัวเล็ก จะมาอ้อนเอาอะไร วันนี้แม่ทำของโปรดของฮยอกแจหลายอย่างเลยนะ พาพี่เค้าไปนั่งสิ...ทำไมหืมม์...ฮยอกแจคนเก่งไปเร็ว มาอ้อนแม่อย่างนี้ไม่อายพี่เค้ารึไง ไปเร็ว...อย่าให้แขกยืนนาน"
ฮยอกแจครางหงุงหงิงอิดออดกับคุณแม่เหมือนไม่อยากจะให้เขานั่งร่วมโต๊ะอาหารด้วยในเย็นนี้ แน่ล่ะ...เขาเองก็ไม่อยากนั่งเหมือนกัน กลัวว่าการอยู่ใกล้ลีฮยอกแจอีกแม้เพียงนิดเดียวจะทำให้หัวใจของเขากลับไปหาลีฮยอกแจอีก...กลัวว่าจะตามใจลีฮยอกแจจนลืมหัวใจของตัวเองอีก แต่เมื่อโดนคุณแม่รุนหลังมา ฮยอกแจก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากเดินมาเกี่ยวนิ้วเข้ากับนิ้วของเขาและพาเดินไปนั่งยังโต๊ะอาหารเล็กๆประจำบ้าน
"ชวนพี่เค้าทานได้เลยนะฮยอกแจ วันนี้คุณพ่อไปต่างจังหวัด คงกลับดึกๆนั่นล่ะ"
ฮยอกแจพยักหน้ารับคำคุณแม่หงึกหงักด้วยท่าทางเหมือนเด็กๆ(ผงกหัวถี่ๆจนผมขยับไหวแบบนั้นนั่นล่ะ) ต่างจากพี่สาวของตนที่เริ่มคีบอาหารเข้าปากทันทีที่ได้รับอนุญาตให้ทาน คนตัวเล็กก้มหน้างุด คีบกิมจิเข้าปากเคี้ยวหงับๆอยู่อย่างเดียวจนแขกชาวต่างชาติต้องถอนหายใจออกมา(เป็นครั้งที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้)และเอื้อมมือไปคีบผักคีบเนื้อที่วางอยู่กลางโต๊ะมาวางใส่จานข้าวให้
"ทานดีๆสิครับ"
เจ้าบ้านตัวเล็กเหลือบสายตามามองเขานิดคล้ายอยากจะหาความหมายที่อาจจะแฝงอยู่ในประโยคนั้นก่อนเจ้าตัวจะงึมงำขอบคุณและก้มหน้าก้มตาทานต่อไป ฮันคยองได้แต่สั่นหน้าให้กับเจ้าลูกไก่ตัวน้อยที่ชอบหาเรื่องมารังความนหัวใจของเขาอยู่เรื่อยพลางคีบข้าวในจานของตัวเองเข้าปากบ้าง...และเขาก็คงชินกับการที่มีลีฮยอกแจมารังควานหัวใจเป็นแน่ ถึงได้เลิกใส่ใจลีฮยอกแจไม่ได้เสียที
"อ่า...ลืมถามชื่อเลย ชื่ออะไรล่ะจ้ะพ่อหนุ่ม"
คุณแม่ของฮยอกแจเอ่ยถามพลางวางชามใส่กิมจิชิเกควันฉุยลงตรงกลางโต๊ะก่อนจะเดินอ้อมไปนั่งยังที่นั่งประจำของตนซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเขาพอดี เธอหันมายิ้มให้เขาอย่างใจดีจนเขาอดไม่ได้ที่จะคลี่ยิ้มตอบกลับไป
"หานเกิงครับ แต่เพื่อนเกาหลีส่วนใหญ่ชอบเรียกผมว่าฮันคยองมากกว่า มันออกเสียงง่ายกว่าน่ะครับ"
"ว่าแล้วเชียวว่าไม่ใช่คนเกาหลี มาจากไหนล่ะจ้ะ จีนรึเปล่า"
"ครับ มาจากจีน"
คุณนายลีหัวเราะออกมาเหมือนเธอจะดีใจที่ลูกชายของตนสามารถคบค้าสมาคมกับคนต่างชาติได้รู้เรื่อง เธอคีบเนื้อใส่จานลูกๆของเธอก่อนจะเลยคีบมาใส่จานให้เขาด้วย
"คิดถึงบ้านแย่เลย กินอะไรดีๆบ้างรึเปล่าเนี่ย ดูซิ ผอมเชียว วันหลังก็มาบ่อยๆสิจ้ะ แม่จะได้ทำอาหารอร่อยๆให้ทาน วันหลังชวนพี่เค้ามาอีกนะฮยอกแจ พี่เค้าจะได้ไม่เหงา"
"งืม"
ฮยอกแจรับคำคุณแม่ด้วยการครางในลำคอเพียงสั้นๆพร้อมกับการพยักหน้ารับหงึกๆอีกสองทีโดยไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาสบตากับใครเลยสักคน พี่สาวของเจ้าตัวบ่นพึมพำนิสัยน้องชายไปตามประสา(เขาได้ยินว่าซื่อบื้ออะไรสักอย่างนั่นล่ะ)ก่อนจะขอลุกขึ้นเอาจานไปเก็บเพื่อกลับไปทำงานต่อ คุณแม่ของฮยอกแจหันไปตะโกนไล่หลังลูกสาวอีกเพียงไม่กี่คำก่อนจะหันกลับมาให้ความสนใจกับเขาตามเดิม
"แล้วฮันคยองไปเจอฮยอกแจได้ยังไงล่ะ เจ้าเด็กกะโปโลนี่ไม่ค่อยร่วมกิจกรรมอะไรกับคนอื่นเค้าเท่าไรหรอก"
"ก็...เผอิญรู้จักกันเฉยๆน่ะครับ"
คนตอบอมยิ้มออกมานิดเมื่อหัวใจพลันกระหวัดไปนึกถึงเรื่องในวันนั้นอีกครั้ง...วันที่ลูกไก่ตัวน้อยวิ่งตัดหน้ากล้องของเขา และกลายมาเป็นนายแบบให้เขาทำงานส่งอาจารย์ในหัวข้อฤดูร้อนไปโดยที่เจ้าตัวไม่รู้ตัว...อืม...นานพอตัวเลยล่ะ
"งั้นหรอจ้ะ...นี่ฮยอกแจ อย่าเขี่ยถั่วงอกออกสิ ไม่อายพี่เค้ารึไง ดูซิ ไม่กินถั่วงอกจนหัวโตตัวลีบจะเหมือนถั่วงอกอยู่แล้ว"
�����������
"แม่อ่า...ฮยอกแจไม่เหมือนถั่วงอกสักหน่อย"
คนที่หัวโตตัวลีบเหมือนถั่วงอกเถียงกลับด้วยเสียงหงุงหงิงงอแง...แบบนี้ได้ผลดีนักล่ะ ฮันคยองรู้ดี ทำเสียงหงิมๆเหมือนจะร้องไห้แบบนั้น เป็นได้รอดไปทุกเรื่อง เขาสะดุดความคิดของตัวเองไปนิดก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆคล้ายจะเหนื่อยใจกับตัวเองเต็มทน...ก็เล่นมีฮยอกแจอยู่ในหัวตลอดเวลาแบบนี้ แล้วเมื่อไรจะเลิกรักได้เสียที เอาแต่'ใจ'มากไป หัวใจเองนั่นล่ะจะแย่เอา
"อิ่มแล้วหรอจ้ะฮันคยอง...ไม่เอาๆ เติมข้าวอีก เดี๋ยวแม่ลุกไปเติมให้ ผอมมากไปเดี๋ยวก็หมดหล่อกันพอดี...มาๆ เอาจานมานี่เร็ว"
จนแล้วจนรอด เขาก็ต้องนั่งกินข้าวไปเสียตั้งสองชาม อยู่คุยเป็นเพื่อนคุณแม่ของฮยอกแจอีกกว่าชั่วโมง กว่าจะโดนปล่อยตัวให้กลับบ้านได้ ฟ้าก็มืดสนิทเสียแล้ว แถมยังมีฝนพรำตกลงมาไม่หยุดอีกต่างหาก(บ้าเอ๊ย!...มันต้องเป็นตอนที่เขาจะต้องกลับบ้านทุกทีสินา!)
"ฝนตกไม่หยุดเลยนะครับ"
"นั่นสิ ฮันคยองนั่งดูทีวีไปก่อนละกันนะจ้ะ ฝนหยุดแล้วค่อยกลับบ้าน ออกไปตอนฝนตกหนักๆแบบนี้เดี๋ยวพรุ่งนี้จะป่วยเอาซะเปล่าๆ คุณพ่อก็เอารถไปใช้อีก ฮยอกแจลูก!....มานั่งเป็นเพื่อนพี่เค้าหน่อย แม่จะเก็บโต๊ะจ้ะ!"
คนที่ถูกไล่ให้ไปอาบน้ำทันทีหลังจากทานข้าวเสร็จวิ่งกุกกักลงมาจากชั้นบนในชุดนอนลายลูกเจี๊ยบสีฟ้าสดใส มัดจุกผมที่ปรกหน้าผากขึ้น แถมยังปะแป้งเสียห้อมฟุ้งมาถึงหน้าทีวี ฮยอกแจมองคุณแม่ที มองเขาที่นั่งอยู่บนโซฟาหน้าทีวีที ก่อนสุดท้ายแล้วจะยอมพยักหน้ารับคำและเดินมานั่งข้างเขาที่โซฟา...เว้นระยะห่างไว้พอตัวเลยล่ะ ซึ่งนั่นก็ดีแล้ว...ดีต่อหัวใจของเขาแล้ว
"ผมทำให้พี่ฮันลำบากรึเปล่า"
"ไม่ใช่หรอก"
เขาตอบกลับไปห้วนสั้นโดยไม่ยอมละสายตาออกมาจากหน้าจอทีวีเลยสักนิด...ก็เดี๋ยวจะทนไม่ไหว...ก็เดี๋ยวจะได้ทำร้ายหัวใจตัวเองอีกโดยการรักลีฮยอกแจเพิ่มมากขึ้นไปอีก...เป็นแบบนั้นไม่ดีเลย แต่กลิ่นแป้งเด็กหอมอ่อนๆก็ทำให้เขาอดทนได้ยากนัก...ทั้งๆที่เขาก็อดทนกับลีฮยอกแจมาตั้งหลายเรื่องแล้วแท้ๆ พวกเขานั่งดูข่าวภาคค่ำ ต่อด้วยละครหลังข่าว ตามด้วยรายการเกมส์โชว์ จนข่าวภาคดึกจะออนแอร์ในอีกไม่ถึงสองชั่วโมงดีอยู่แล้ว ฝนก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดตกเสียทีจนเขาถอดใจที่จะคอยฝนตกอีกต่อไป ฮันคยองลุกขึ้น เดินไปหาคุณนายลีที่ยังคงทำงานอยู่ในครัว
"คุณน้าครับ ผมว่าผมกลับแล้วดีกว่า ดึกกว่านี้ผมกลัวว่ารถเมล์จะหมดน่ะครับ"
"ได้ไงล่ะ ฝนตกหนักขนาดนี้เดินไปป้ายรถเมล์ไม่ไหวหรอก คืนนี้ค้างที่นี่ก่อนดีกว่ามั้ยจ้ะ ห้องของฮยอกแจก็ยังพอนอนได้อยู่นะ"
"เอ่อ..."
เขาเหลือบตาไปมองคนตัวเล็กที่นั่งนิ่งอยู่บนโซฟานิด...ฮยอกแจก้มหน้างุด ไม่ยอมสบตากับเขาเลย แล้วเขาจะรู้ได้ยังไงว่ากำลังรู้สึกอย่างไร ฮันคยองขยับตัวไปมาอย่างอึดอัด แน่ล่ะ...หัวใจของเขาอึดอัด ก็ในเมื่อมันไม่ได้ทำสิ่งที่มันอยากทำ...แล้วจะไม่อึดอัดได้อย่างไร แต่ทำตามใจอีกต่อไปไม่ได้แล้ว เขารู้ดี...ทำตามใจต่อไป ก็เจ็บปวดต่อไป
"ไม่ดีกว่าครับ ผมกลับได้ สบายมาก"
คุณแม่ของฮยอกแจทำหน้ามุ่ยพลางเหลือบสายตาออกไปมองนอกหน้าต่างคล้ายอยากจะประเมินสภาพอากาศว่าเขาสามารถกลับได้สบายมากอย่างที่ปากว่าจริงรึเปล่า แต่ก็นั่นล่ะ...ลมแรงจนแทบจะโยกต้นไม้ใหญ่ได้ทั้งต้น แถมฟ้ายังร้องครืนๆไม่หยุดก็ทำให้เธอส่ายหน้าไปมา
"ไม่เอาล่ะ แม่ไม่ยอม ฝนตกฟ้าร้องขนาดนี้อันตราย ถ้ารถเมล์หมดก็นอนที่นี่ละกัน....ฮยอกแจไปจัดห้องให้พี่เค้านอนด้วยเร็ว"
เขาอ้าปากจะโต้เถียงออกไปอีก แต่คุณนายลีกลับส่ายหน้าปฏิเสธไม่ยอมรับฟังเสียงใดๆจากเขาอีกและหันไปไล่ลูกชายของเธอให้ขึ้นไปจัดห้อง ฮยอกแจเหลือบสายตามามองเขานิดด้วยแววตาที่เขาอ่านไม่ออก ก่อนร่างเล็กๆในชุดนอนตัวหลวมจะวิ่งดุ๊กดิ๊กกลับขึ้นไปข้างบนเพื่อจัดห้องตามที่คุณแม่สั่งอย่างว่าง่าย
"เดี๋ยวแม่เตรียมชุดนอนให้นะจ้ะฮันคยอง"
เอาแต่ใจเหมือนกันทั้งบ้านเลยจริงๆ
ฮันคยองได้แต่ถอนหายใจพลางล้วงหยิบโทรศัพท์มือถือของตนมากดโทรหารูมเมทเพื่อบอกว่าคืนนี้เขาจะไม่กลับห้อง(อันที่จริง โจวมี่ก็ไม่เคยใส่ใจอยู่แล้วนั่นล่ะว่าเขาจะอยู่ห้องรึเปล่า) โจวมี่ซักไซ้อยู่หลายคำ ถามถึง'เจ้าเปี๊ยก'อยู่บ่อยครั้ง เช่นเดียวกับรี่อินที่เขาได้ยินแว่วๆว่าถามหา'ผู้ชายตัวเล็กคนนั้น'อยู่ใกล้ๆหูโทรศัพท์ เขาก็ได้แต่ตอบเลี่ยงไปว่าไปส่งบ้านแล้วก่อนจะตัดบทและกดวางสายเอาดื้อๆอย่างที่ทำไม่บ่อยนัก
จะทำยังไงกับลีฮยอกแจดีนะ
จะทำยังไงกับ'หัวใจ'ที่เอาแต่ได้ดีนะ
เหนื่อย'ใจ'จัง
..................................................................
ถึงคุณลีจะเป็นคนที่ตัวใหญ่ที่สุดในบ้านแล้วตามที่คุณนายลีเอ่ยอ้าง(ด้วยท่าทางเขินๆพิกล) แต่เขาว่าถ้าเอาเข้าจริงๆ...เขาคงเป็นคนที่ตัวใหญ่ที่สุดที่พักอาศัยอยู่ในบ้านตระกูลลีแน่ๆ เพราะแม้แต่กางเกงผ้ายืดใส่นอนที่คุณนายลียืนยันมาแล้วว่าตัวใหญ่ที่สุดเแล้ว ชายกางเกงก็ยังลอยสูงขึ้นมาเหนือข้อเท้าของเขาอยู่เกือบคืบกว่าอยู่ดี ฮันคยองถอนหายใจออกมาเบาๆพลางสวมเสื้อยืดที่ได้รับมาด้วยท่าทางเหนื่อยใจ...มันค่อนไปทางย้วยมากกว่าจะพอดีตัว เขาคิดแบบนั้น เขาเช็คสภาพความเรียบร้อยของตัวเองอยู่หน้ากระจกเงาในห้องน้ำอีกชั่วครู่แล้วจึงเปิดประตูเดินออกมาโดยมีผ้าขนหนูผืนเล็กวางพาดอยู่บนหัวเพื่อให้มันซับน้ำจากผมที่ยังคงเปียกชื้นไม่ให้มันหยดเปียกเลอะเทอะไปทั่วพื้นเหมือนที่เขาชอบทำตอนอยู่ห้องพัก
"ใส่ได้มั้ยจ้ะฮันคยอง...อ่า...เสื้อย้วยไปหน่อย แต่ก็ยังดูหล่ออยู่น้าา"
คุณแม่ของฮยอกแจเอ่ยชมพลางเดินเข้ามาจับนู่นจับนี่ให้เรียบร้อย คนถูกชมได้แต่ยิ้มเขินๆ ยืนนิ่งเป็นหุ่นให้อีกฝ่ายได้ลูบหน้าลูบตาเช็ดหยดน้ำที่เกาะค้างอยู่ให้
"ทำไมเจ้าฮยอกแจมันไม่ตัวโตเหมือนฮันคยองบ้างน้าา แม่จะได้มีลูกชายหล่อๆเดินควงไปตลาดให้คนอื่นอิจฉาเหมือนยัยมินจีข้างบ้านบ้าง"
คนโดนชมว่าหล่อเป็นครั้งที่สองภายในเวลาไม่ถึงห้าวินาทีหัวเราะออกมาเบาๆด้วยท่าทางเขินๆให้กับคำค่อนขอดของคุณแม่ที่บ่นเจ้าลูกชายตัวเล็กไปเรื่อยเปื่อย ฮันคยองคลี่ยิ้มออกมานิด...และเจ้าตัวก็คงไม่รู้ว่ามันแสนอ่อนหวานขนาดไหน
"ฮยอกแจก็น่ารักนะครับ...น่ารักมากๆเลยจริงๆ"
"รายนั้นน่ะเหรอ ขี้อ้อนขี้แยไปวันๆนั่นล่ะ ฮันคยองก็ทนๆเจ้าตัวเล็กมันหน่อยละกันนะจ้ะ"
ทนแน่สิ
ทนแน่อยู่แล้ว
ทนไหวแน่อยู่แล้ว
คนน่ารักที่ไม่น่า'รัก'เลยคนนั้น...เท่าไรหัวใจก็ทนได้ทั้งนั้น
"ไปๆ...ไปนอนได้แล้ว แม่สั่งให้ฮยอกแจปูฟูกให้ฮันคยองแล้วนะจ้ะ ให้เจ้าฮยอกแจมันนอนพื้นนะ อย่าให้เจ้าตัวเล็กมันงอแงใส่ล่ะ แขกต้องนอนสบายๆสิจริงมั้ย อย่าลืมเปาผมให้แห้งด้วยนะจ้ะ เดี๋ยวจะไม่สบายเอา"
เธอลูบหัวเขาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเดินลงไปจัดการงานบ้านที่ด้านล่างต่อตามเดิม ปล่อยให้เขาเดินไปยังห้องนอนของฮยอกแจเพียงลำพัง...แล้วคนที่คิดจะทำตัวเย็นชาใส่หัวใจตัวเองก็ต้องหลุดรอยยิ้มออกมาเมื่อผลักประตูเข้าไปเห็นเจ้าของห้องนั่งจุ้มปุ๊กอยู่บนฟูกที่ปูวางอยู่ข้างเตียงและมีกองผ้าห่มมากมายคลุมอยู่บนหัว คนตัวเล็กดิ้นดุ๊กดิ๊กออกมาจากกองผ้าห่ม เงยหน้าขึ้นมามองหน้าเขาตาใส
"ขึ้นไปนอนข้างบนสิครับฮยอกแจ"
"แม่บอกให้นอนข้างล่าง แล้วให้พี่ฮันนอนบนเตียง"
"แต่พี่อยากนอนบนพื้น พี่บอกคุณแม่ของฮยอกแจแล้ว คุณแม่ไม่ว่าอะไรหรอกครับ"
"แต่ว่า..."
"อย่าดื้อนักเลยฮยอกแจ"
อย่าดื้อกับความห่วงใยของเขานักเลย
แบบนี้...ก็เหนื่อยนะ
สิ้นเสียงที่เขาพยายามแทบตายให้มันฟังดูเรียบเฉยและเย็นชา ฮยอกแจก็เม้มปากเข้าหากันแน่น ดวงตาเรียวรีจ้องขึ้นมาสบตากับเขาด้วยแววตาเหมือนจะไม่พอใจกับคำพูดของเขา แหงล่ะ...เขาเคยดุฮยอกแจที่ไหนกัน และมันก็เป็นเขาที่ต้องเป็นฝ่ายเบือนสายตาหลบออกมาพร้อมกับแสร้งทำเป็นวุ่นวายอยู่กับการใช้ผ้าขนหนูเช็ดผม...ทนมองต่อไป เขาก็จะจบด้วยทำร้ายหัวใจของตัวเองอีก...รักฮยอกแจมากเพิ่มขึ้นไปอีก จากหางตา เขาเห็นฮยอกแจยกมือขึ้นกอดอกพร้อมกับเชิดปลายคางขึ้นด้วยท่าทางดื้อรั้น
"จะนอนตรงนี้!...ถ้าพี่ฮันอยากนอนก็ต้องนอนด้วยกัน"
คนไม่น่า'รัก'เอาแต่'ใจ'ตัวเองมากเกินไปแล้ว
ทำแบบนี้...ไม่เห็น'ใจ'กันเลย
ไม่รู้รึไงว่าเขารักมากขนาดไหน!
ฮันคยองรู้สึกเหมือนตัวเองอยากจะสบถออกมา ในขณะที่อีกความรู้สึกหนึ่งเขาก็อยากจะร้องไห้ออกมาดังๆให้กับคนที่ทำตัวเหมือนไม่รู้อะไรเลย เขาดึงผ้าขนหนูลงมาจากศีรษะ ก้มหน้าจ้องมองมันพาดตัวนิ่งอยู่บนมือของตัวเองนิดก่อนจะตัดสินใจหมุนตัวเดินออกไปจากห้อง...เขาโมโห แน่ล่ะ...โมโหแน่อยู่แล้ว ลีฮยอกแจจะเอาอะไรกับเขานักหนา ลีฮยอกแจมีปัญหาอะไรกับเขานักหนา แค่ทำให้เขารักก็เอาแต่ใจมากพออยู่แล้ว!
"พี่ฮัน!"
มือเล็กนุ่มนิ่มรั้งจับเข้าที่ข้อมือของเขาพร้อมกับที่เจ้าของมือวิ่งขึ้นมาดักหน้าเขาเอาไว้พร้อมด้วยใบหน้าบึ้งตึง คนตัวเล็กกระตุกมือของเขาเบาๆ จ้องมองเขาด้วยสายตาตั้งคำถามที่เต็มไปด้วยความดื้อรั้น...แล้วจะให้เขาทำอย่างไร ในเมื่อไม่ว่าจะเป็นอย่างไร...เขาก็ยังรักมากมายจริงๆ ฮันคยองเลือกที่จะเบือนสายตาหนีออกมาจากใบหน้าหวานใสของคนที่เขาหลงรักมากมายเหลือเกินคนนั้น
"จะไปไหน"
"เอาผ้าเช็ดตัวไปตากครับ ฮยอกแจปล่อยพี่ก่อน"
คนที่ถูกสั่งให้ปล่อยไม่ปล่อย และมันก็ต้องเป็นเขาเองที่เป็นฝ่ายดึงมือออกมาจากการเกาะกุม ฮันคยองหมุนตัวเดินตรงดิ่งไปยังห้องน้ำโดยไม่ยอมเสียเวลาหันไปสบตากับคนตัวเล็กเลยแม้แต่เสี้ยววินาทีเดียว...ไม่เปิดโอาสให้หัวใจได้ทำตามความต้องการแม้เพียงนิดเดียว เขาจัดการคว้าชุดเดิมของตนที่คุณนายลียังไม่ได้ขึ้นมาเอามันไปซักให้กลับมาสวมใส่อีกครั้ง อาศัยจังหวะที่เจ้าของบ้านวุ่นวายอยู่กับการทำงานในครัวเปิดประตูเดินออกจากบ้านไปท่ามกลางสายฝนกระหน่ำแบบนั้น
ฝนตกหนักๆอาจจะทำให้เขารู้สึกดีกว่านี้ก็ได้
จะได้ร้องไห้ได้สมใจเสียที
อยู่ใกล้กันแบบนี้...ไม่ดีต่อหัวใจของเขาเลยจริงๆ
...............................................................
"ฮัน?...เอ้ยย!!....ไอ้ต่างด้าว! ไหงเดินตากฝนมา เป็นอะไรรึเปล่า"
เพื่อนสนิทคนสวยรีบวิ่งลงมาจากบนเวทีที่เจ้าตัวกำลังซ้อมบทละครอยู่มาหาเขาที่เดินสะโหลสะเหลเข้ามาในห้องประชุมด้วยร่างกายอันเปียกโชกและดวงตาที่แดงก่ำ...เขาร้องไห้จนสะใจไปเลยล่ะ ตอนนี้ก็แค่เหนื่อยชะมัดเท่านั้นเอง ฮีชอลสบถสาบานออกมาดังลั่นพลางหันไปสั่งรุ่นน้องให้หาผ้าขนหนูมาให้เขาเสียจนวุ่นวายไปทั้งฮอลล์ คนสวยหันมาทำตาเขียวใส่เขาพร้อมกับใช้พัดขนนกในมือเขกหัวเขาให้โป้กใหญ่
"ทำอะไรไม่คิดนะแก! เป็นบ้าอะไรอีกล่ะ โดนไอ้เด็กไก่ทำอะไรให้น้ำตาตกมาอีกรึไง"
"เปล่าสักหน่อย ก็แค่ขี้เกียจกลับห้อง"
"เหอะ!...ปกป้องกันเข้าไป วันนี้ฉันไปรู้มาแล้วนะยะว่าแกไปตกลงเป็นแฟนกับไอ้เด็กนั่นมานานแล้วน่ะ แล้วเป็นบ้าอะไรอีก ยังไม่สมใจรึไง"
คนสวยว่าออกมายาวเหยียดพลางหันไปคว้าผ้าขนหนูผืนใหญ่มาจากมือรุ่นน้องที่วิ่งเอามาให้ก่อนจะนำมันมาคลุมหัวของเขาไว้ด้วยท่าทางหัวเสียพิกล ฮีชอลหันไปตะโกนโล้งเล้งบอกว่าให้พวกสตาฟทั้งหลายไปพักกันได้แล้วจึงหันกลับมาทำตาขวางใส่เขาอีก และฮันคยองก็ได้แต่ยิ้มให้เพื่อนสนิทของตน...หนาวจนแทบหายใจไม่ออกอยู่แล้ว แต่ชาแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ไม่รู้สึกอะไรดี
"เช็ดหัวซะ แล้วบอกฉันสักทีว่าเกิดอะไรขึ้น"
ชายหนุ่มชาวจีนแค่นยิ้มขึ้นมานิดพลางยกมือขึ้นมาขยี้ผ้าขนหนูไปตามผมอันเปียกชื้นของตน แต่ทำได้อยู่ไม่เท่าไร เขาก็เดินเข้าไปชิดร่างบอบบางของเพื่อนสนิทและเกยคางลงไปบนไหล่บาง ฝังปลายจมูกเข้ากับซอกคอขาวที่กรุ่นไปด้วยกลิ่นหอมจางๆที่เขาจำได้เสมอว่าเป็นกลิ่นของคิมฮีชอล ฮันคยองถอนหายใจออกมาเบาๆ อมยิ้มออกมานิดเมื่อเพื่อนคนสวยของตนโอบแขนสอดเข้ามากอดเขาเอาไว้หลวมๆ
"ว่าไงล่ะ เกิดอะไรขึ้น"
"ฮีชอลเคยรักคนที่ไม่น่า'รัก'เลยมั้ย...คนที่ทำให้นายเสียใจอยู่เรื่อยเลยน่ะ คนไม่น่า'รัก'ที่ชอบทำตัวน่ารักให้หลงรักอยู่เรื่อย...คนไม่น่า'รัก'ที่ไม่เคยรู้สึกถึงคำว่ารักเลยน่ะ แบบนี้...เหนื่อยมากเลยล่ะฮีชอล ฉันควรจะรักเขาให้มากขึ้น หรือรักเขาให้น้อยลงดีนะ"
"แล้วนายทำแบบไหนได้ล่ะ"
"ทำไม่ได้...ทั้งสองอย่างเลยน่ะสิ ถึงได้ร้องไห้อยู่แบบนี้ไง"
......................................................................
�
ส่วนตัวชอบคอนเซปตอนนี้มาก เพราะเล่นคำดีอ่ะค่ะ น่ารัก เชื่อค่ะว่าหลายคนรู้ว่าคนที่’น่ารัก’น่ะ น่า’รัก’มากขนาดไหน เพราะลีฮยอกแจน่ารักมากจริงๆนี่เนอะ^^(คยูที่รักก็น่ารักเหมือนกัน อย่าน้อยใจไปนะตัวเอง) เปนอีกหนึ่งหนุ่ม(?)นะที่ได้พบกับแม่ภรรยา แถมยังเกือบได้นอนค้างบ้านด้วย ถือว่าล้ำหน้ากว่าคู่ไหนเลยเนอะสำหรับฮันฮยอก มากันแบบซึมๆอึนๆ แถมฮยอกน้อยก็พูดน้อยเป็นประวัติการณ์ของเรื่องนี้เลยจริงๆ มีอยู่ไม่กี่ประโยค ตอนนี้ก็ยังให้ฟีลแบบอึมครึมๆอยู่ในโซนสีเทาเนอะ ป๋าแกก็ยังดูสับสนกับชีวิตอยู่ ว่าจะรักต่อไปดีหรือว่าเลิกรักดี ส่วนฮยอกน้อยก็ดูท่าจะยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นนะ �ส่วยจางรี่อิน ตอนนี้ก็ยังไม่เคลียว่าเปนใครมาจากไหน(แถมยังไม่มีบทด้วยอีกต่างหาก) ตอนนี้ก็ฉากเดียว วันช๊อตสุดฤทธิ์ถ้าไม่นับฉากของเจ๊ฮีฮี(ที่โผล่มาในแบบมาดพระเอก(?)อีกแล้ว= =) เพราะตอนนี้มีฉากเดียวจริงๆ นั่นคือที่บ้านฮยอกแจ ก็ต้องรอลุ้นต่อไปว่าป๋าจะเลิกหรือจะรักนะ(น้องรีดเดอร์บอก แค่ตอนนี้ป๋าก็เลิกมากกว่าครึ่งทางแล้วววว)
ตอนหน้า(ซึ่งไม่รู้ว่าจะมาตอนไหน ไรเตอร์ใกล้เปนศพแล้วค่ะ โปรเจคสองอันไม่เสด จะสอบในอีกสองอาทิตย์ ชีวิตช่างลำเค็ญ) จะเข้าสู่ช่วงงานกีฬามหาลัยที่เกริ่นๆมาไว้ตั้งแต่ตอนต้นๆเรื่องนะ แน่นอนค่ะ คู่ที่ผูกขาดเรื่องงานกีฬาจะเป็นคู่ไหนไม่ได้เลยนอกจากยุนแจเนอะ^^ ไปพบกับงานกีฬาสักสามสี่พาร์ท จบด้วยคิเฮอีกสักตอน แล้วเรื่องนี้ก็จะจบแล้วค่ะ
ช๊อตแวมไพร์ลูกแมววอนคยูจบแล้วนะคะ(วันเกิดคยูอีกปีพอดี= =) รอของป๋าต่อไปค่ะ น้องคนนึงช่างทวงได้ใจจริงๆ มันครบวันเกิดป๋าอีกปีเข้าไปแล้ว เราก็ยังไม่ได้อ่านเอสเอฟของป๋ากันสักทีนะ- -
ใครรอเมลอบกลับเรื่องจองฟิคอยู่ ใจรร่มๆเน้อ ไรเตอร์ยังไม่ว่างเช็คเมลเลยค่ะ แจ้งหน่อย เมลเก่าใช้ได้แล้ว จะพยายามออนให้บ่อยละกันนะ
เจอกันตอนหน้าค่ะ แฮปปี้วาเลนไทน์นะ ใครไม่ได้ดอกไม้(เหมือนไรเตอร์) ไรเตอร์ให้ค่ะ^^ เพราะรักคนอ่านทุกคนเลย
ความคิดเห็น