http://www.youtube.com/watch?v=NsxGHN_gqqY
รวมเพลง ในวันChristmas
ซานตาครอส
เป็นสิ่งแรกๆ ที่คนจะนึกถึงในฐานะสัญลักษณ์ของวันคริสต์มาส
ซึ่งว่ากันว่าซานตาคลอสคนแรก คือ นักบุญ (เซนต์) นิโคลัส
ผู้เป็นสังฆราชแห่งเมืองไมรา มีชีวิตอยู่ในศตวรรษที่ 4
และเหตุที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นซานตาครอสคนแรก
มาจากวันหนึ่งที่ท่านปีนขึ้นไปบนหลังคาบ้านของเด็กหญิงยากจนคนหนึ่ง
แล้วทิ้งถุงเงินลงไปทางปล่องไฟ
บังเอิญถุงเงินหล่นไปทางถุงเท้าที่เด็กหญิงแขวนตากไว้ข้างเตาผิงพอดี
นักบุญนิโคลัส นั้นเป็นนักบุญที่ชาวฮอลแลนด์นับถือว่า
เป็นนักบุญผู้อุปถัมภ์ของเด็กๆ
เมื่อชาวฮอลแลนด์กลุ่มหนึ่งอพยพไปอยู่ในสหรัฐฯ
ก็ยังรักษาประเพณีการฉลองนักบุญ นิโคลาส
ในวันที่ 5 ธันวาคม เอาไว้ ซึ่งหมายถึงนักบุญนี้จะมาเยี่ยมเด็กๆ
และเอาของขวัญมาให้เด็กอื่นๆ ที่ไม่ใช่ลูกหลานของชาวฮอลแลนด์
ที่อพยพมา ประเพณีนี้จึงเริ่มเป็นที่รู้จักและแพร่หลายในอเมริกา
โดยมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง
คือ ชื่อนักบุญนิโคลัสก็เปลี่ยนเป็น ซานตาคลอส
และแทนที่จะเป็นสังฆราชก็กลายเป็นชายแก่ที่อ้วนและใส่ชุดสีแดง
อาศัยอยู่ที่ขั้วโลกเหนือ มีเลื่อนเป็นยานพาหนะที่มีกวางเรนเดียร์ลาก
และจะมาเยี่ยมเด็กทุกคนในโลกนี้ในโอกาสคริสต์มาส
โดยลงมาทางปล่องไฟของบ้าน
เพื่อเอาของขวัญมาให้เด็กเหล่านั้นตามความประพฤติของเขา
ถึงแม้ซานตาคลอสจะเป็นเพียงตำนาน
ที่เกิดขึ้นมาเพื่อเฉลิมฉลองวันคริสต์มาสก็ตาม
แต่ก็เป็นสัญลักษณ์ที่รวมเอาวิญญาณ
และความหมายของคริสต์มาสไว้อย่างมากมาย อาทิ
ความปิติยินดีชื่นชม ความโอบอ้อมอารี ความรัก และความเป็นกันเอง
ถุงเท้า
จากที่นักบุญนิโคลัสได้ปีนขึ้นไปบนปล่องไฟของบ้านเด็กหญิงยากจน
เพื่อที่จะมอบเหรียญเงินให้เป็นของขวัญ
แต่เหรียญนั้นกลับตกไปอยู่ในถุงเท้าที่เด็กหญิงแขวนตากไว้หน้าเตาผิง
พอรุ่งเช้าเด็กหญิงตื่นมาเจอเหรียญเงินในถุงเท้าจึงดีใจมาก
และกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการที่ผู้คนมากมาย
ต่างพากันแขวนถุงเท้าคริสต์มาสไว้
เพื่อหวังจะได้รับของขวัญเช่นเดียวกันบ้าง
ดอกคริสต์มาส
มีต้นกำเนิดที่ประเทศอังกฤษ
ลักษณะเป็นดอกสีขาว และมักออกดอกในช่วงฤดูหนาว
ตำนานของดอกคริสต์มาสนี้มีอยู่ว่า
ในช่วงที่พระเยซูประสูติ
มีผู้รอบรู้ 3 คนกับคนเลี้ยงแกะเดินทางมาพบพระเยซู
ระหว่างทางพวกเขาพบกับ มาเดลอน
เด็กหญิงที่เลี้ยงแกะคนหนึ่ง
เมื่อเธอทราบว่าทั้งหมดเดินทางมาเพื่อมอบของขวัญให้พระเยซู
มาเดลอนก็เสียใจที่ไม่มีของขวัญใดไปมอบให้พระเยซูบ้าง
ก่อนที่นางฟ้าที่เฝ้ามองเธออยู่จะเกิดความเห็นใจ
จึงร่ายมนตร์เสกดอกไม้สีขาวน่ารักและมีสีชมพูอยู่ตรงปลายกลีบให้เธอ
และดอกไม้นั้นคือ ดอกคริสต์มาสนั่นเอง
เพลงวันคริสต์มาส
เพลงคริสต์มาสเริ่มมีขึ้นในศตวรรษที่ 5
แต่งโดยพระสงฆ์และฆราวาส
มีเนื้อร้องเป็นภาษาลาติน
ลักษณะของเพลงเป็นแบบสง่า
เน้นถึงความหมายของการเสด็จมาของพระเยซูเจ้า
แต่ในศตวรรษที่ 12 ได้มีการแต่งในท่วงทำนองที่ร่าเริงสนุกสนานมากขึ้น
เริ่มจากประเทศอิตาลี
โดยนักบุญฟรังซิส อัสซีซี และนักบวชคณะฟรังซิสกัน
เป็นผู้สนับสนุน ให้มีเพลงคริสต์มาสแบบใหม่
เพลงคริสตมาสแบบใหม่นี้
เป็นที่ชื่นชอบของชาวบ้าน
เพราะมีท่วงทำนองที่ร่าเริงกว่า
และเน้นถึงความชื่นชมยินดีในโอกาสคริสต์มาส
เพลงเหล่านี้มีทั้งที่เป็นภาษาลาติน และภาษาพื้นเมือง
เพลงหนึ่งที่แต่งในสมัยนั้น (แต่งคำร้องในปี ค.ศ.1274)
และยังใช้อยู่จนถึงปัจจุบัน คือ เพลง Oh Come, All Ye Faithful
หรือ Adeste Fideles ในภาษาลาติน
เพลงคริสต์มาสที่นิยมร้องมากที่สุดในปัจจุบัน
ได้แต่งขึ้นในศตวรรษที่ 19 จากประเทศเยอรมัน
และประเทศอังกฤษเป็นส่วนใหญ่
เพลงที่มีชื่อเสียงมากได้แก่ เพลง Silent Night, Holy Night
ความเป็นมาของเพลงนี้มาจากวันก่อนวันฉลองคริสต์มาส
ของปี ค.ศ.1818 คุณพ่อโจเซฟ โมห์ (Joseph Mohr)
เจ้าอาวาสวัดที่โอเบิร์นดอฟ (Oberndorf) ประเทศออสเตรีย
ได้ข่าวว่าออร์แกนในวัดเสีย
ทำให้วงขับร้องไม่สามารถร้องเพลงตามที่ซ้อมไว้ได้
จึงมีการแต่งเพลงคริสต์มาสใหม่
นำไปให้เพื่อนชื่อ ฟรานซ์ กรูเบอร์ (Franz Gruber)
ใส่ทำนองในคืนวันที่ 24 นั่นเอง
และเล่นเพลง Silent Night เป็นครั้งแรก
โดยมีการเล่นกีตาร์ประกอบการขับร้อง
ซึ่งกลายเป็นเพลงที่นิยมมากที่สุดทั่วโลก
1. Jinger Bells
2. We wish you a merry Christmas
3. Joy to the world
4. Santa claus is comin' to town
5. Here comes santa claus
6. Frosty the snowman
7. Rudolph the red nosed reindeer
8. Sleigh Ride
9. Let it snow
10. Deck the halls
11. Little drummer boy
12. Jolly old saint Nicolas
13. White Christmas
14. I saw mummy kissing Santa Claus
15. Winter wonderland
16. The First Noel
17. Mary's little boy child
18. O'come all ye faithful
19. Good king wenceslas
20. The Christmas song
21. Christmas is Christmas
22. Ding Dong Merrily on high
23. Have yourself a merry little drummer boy
24. Wonderful Christmas time
คำอวยพรวันคริสต์มาส
ในวันคริสต์มาสเรามักจะใช้คำอวยพรให้แก่กันและกันว่า
Merry X'mas
คำว่า Merry ในภาษาอังกฤษโบราณ แปลว่า
"สันติสุขและความสงบทางใจ"
คำนี้จึงเป็นคำที่ใช้อวยพรขอให้เขาได้รับสันติสุขและความสงบทางใจ
และได้จัดให้มีการฉลองเพื่อระลึกถึงการบังเกิดของพระเยซู
ที่เขายกย่องเหมือนกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งสากลโลก
ผู้ทรงเกียรติเลอเลิศ
ประเพณีนี้ได้เริ่มมาจากรุงโรมในศตวรรษที่ 4
และค่อยๆ เผยแพร่ไปทุกทวีป
สีประจำวันคริสต์มาส
สีที่เกี่ยวข้องในวันคริสต์มาสประกอบด้วย
สีแดง : เป็นสีของผลฮอลลี่ หรือซานตาครอส
เป็นสีของเดือนธันวาคม ที่แสดงถึงความตื่นเต้น
และหากเป็นสัญลักษณ์ตามศาสนา
สีแดงจะหมายถึง ไฟ, เลือด และความโอบอ้อมอารี
สีเขียว : เป็นสีของต้นไม้ สัญลักษณ์ของธรรมชาติ
หมายถึงความอ่อนเยาว์และความหวังที่จะมีชีวิตเป็นนิรันดร์
เปรียบได้กับว่าเทศกาลคริสต์มาส คือ เทศกาลแห่งความหวัง
สีขาว : เป็นสีของหิมะ และเป็นสัญลักษณ์ทางศาสนา
คือแสงสว่าง ความบริสุทธิ์ ความสุข และความรุ่งเรือง
สีขาวนี้จะปรากฎบนเสื้อคลุมนางฟ้า, เคราและชายเสื้อของซานตาครอส
สีทอง : เป็นสีของเทียนและดวงดาว
เป็นสัญลักษณ์ของแสงอาทิตย์และความสว่างไสว
เทียนและพวงมาลัย
พวงมาลัยนั้นเป็นสัญลักษณ์ที่คนสมัยก่อนใช้หมายถึงชัยชนะ
แต่สำหรับการแขวนพวงมาลัยในวันคริสต์มาสนั้น
หมายถึงการที่พระองค์มาบังเกิดในโลก
และทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างครบบริบูรณ์ตามแผนการณ์ของพระเป็นเจ้า
ซึ่งธรรมเนียมนี้
เกิดจากกลุ่มคริสตชนกลุ่มหนึ่งในประเทศเยอรมัน
ได้เอากิ่งไม้มาประกอบเป็นวงกลมคล้ายพวงมาลัย
แล้วเอาเทียน 4 เล่ม วางไว้บนพวงมาลัยนั้น
ในตอนกลางคืนของวันอาทิตย์แรกของเทศกาลเพื่อเตรียมรับเสด็จ
ทุกคนในครอบครัวจะจุดเทียนหนึ่งเล่ม สวดภาวนา
และร้องเพลงคริสต์มาสร่วมกันเป็นเวลา 4 อาทิตย์ก่อนถึงวันคริสต์มาส
ประเพณีเป็นที่นิยมอยางมากในประเทศอเมริกา
ต่อมาได้มีการเปลี่ยนแปลง
โดยนำเทียน 1 เล่มนั้นมาจุดไว้ตรงกลางพวงมาลัยสีเขียว
และนำไปแขวนไว้ที่หน้าต่าง
เพื่อเป็นการเตือนให้คนที่เดินผ่านไปมาได้รู้ว่าใกล้ถึงวันคริสต์มาสแล้ว
ส่วนเหตุผลที่พวงมาลัยมีสีเขียวนั้น
เป็นเพราะมีการเชื่อกันว่าสีเขียว
จะช่วยป้องกันบ้านเรือนจากพวกพลังอันชั่วร้ายได้
ระฆังวันคริสต์มาส
เสียงระฆังในวันคริสต์มาสคือการเฉลิมฉลองให้กับการประสูติของพระพุทธเจ้า โดยมีตำนานเล่าว่า
มีการตีระฆังช่วงก่อนเวลาเที่ยงคืนของวันคริสต์มาส
เพื่อลดพลังความมืด และบ่งบอกถึงความตายของปีศาจ
ก่อนที่พระเยซูผู้ที่จะมาช่วยไถ่บาปให้กับมวลมนุษย์จะถือกำเนิดขึ้น
และระฆังนี้มีเสียงดังกังวาลนานนับชั่วโมง
ก่อนที่ในเวลาเที่ยงคืนเสียงระฆังนี้จะกลับกลายมาเป็นเสียงแห่งความสุข
ดาว
ดาว ในความหมายของชาวคริสต์เตียน
หมายถึงการแสดงออกที่ดีของพระเยซูคริสต์
ที่บัญญัติไว้ในพระคัมภีร์ไบเบิ้ลว่า
"The bright and morning star"
มีความหมายพิเศษเหมือนกับว่า
ดวงดาวเหล่านั้นได้แบ่งที่อยู่กับสรวงสวรรค์
ไม่ว่าจะมีกำแพงอะไรขวางกั้นระหว่างพื้นผิวโลกด้วยก็ตาม
เครื่องประดับและแอปเปิ้ล
ในบางแห่งเชื่อว่า
ลำต้นของแอปเปิ้ล มองดูคล้ายกับต้นไม้ในสรวงสวรรค์
จึงมีการนำเอาแอปเปิ้ลมาประดับตามต้นไม้ในวันคริสต์มาส
ส่วนเครื่องประดับชิ้นเล็กๆ ที่ตกแต่งต้นคริสต์มาสนั้น
เป็นงานศิลปะที่จำลองจากผลไม้
และที่มีสีสันสดใสนั้นเพื่อให้เกิดความรื่นเริงในบ้าน
อีกทั้งแสงระยิบระยับที่สะท้อนไปมา
ยังดูสวยงามคล้ายแสงเทียนและแสงไฟ
ของขวัญวันคริสต์มาส
การแลกเปลี่ยนของขวัญในวันคริสต์มาสนั้น
เริ่มต้นจากเมือง Saturnalia ในช่วงยุคโรมัน
ต่อมาชาวคริสต์รับประเพณีนี้เข้ามา
ด้วยความเชื่อว่า
การให้ของขวัญนี้มีความเกี่ยวเนื่องกับของขวัญประเภททอง,
ยางสนที่มีกลิ่นหอม และ ยางไม้หอม
ซึ่งพวกนักเวทย์จากตะวันออกที่เดินทางมาคารวะพระเยซูคริสต์
นำมาให้ตอนที่ท่านประสูติ
ทั้งหมดนั้นก็คือการเฉลิมฉลองให้กับพระเยซู
ที่เกิดมาเพื่อชำระบาปให้แก่ชาวคริสต์ทั้งหลาย
และเป็นเทศกาลที่นำความสุข สนุกสนาน มาสู่หมู่มวลมนุษย์
ความคิดเห็น