ประวัติวันตรุษจีน หรือปีใหม่จีน
ตรุษจีนนั้นคล้ายคลึงกับวันปีใหม่ในประเทศทางตะวันตก
ร่องรอยของประเพณี และพิธีกรรมความเป็นมา
ของการฉลองตรุษจีน นั้นมีมานานกว่าศตวรรษ
จริงๆแล้วนานมาก
จนไม่สามารถย้อนกลับไปดูว่าเริ่มต้นฉลองมาตั้งแต่เมื่อไร
เป็นที่รู้จักและจำได้ทั่วไปว่า
เป็นการฉลองเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ
และการฉลองเป็นเวลานานถึง 15 วัน
การเตรียมงานฉลองส่วนใหญ่จะเริ่มหนึ่งเดือนก่อนวันตรุษจีน
(คล้ายกับวัน คริสต์มาสของประเทศตะวันตก)
เมื่อผู้คนเริ่มซื้อของขวัญ, สิ่งต่างๆ เพื่อประดับบ้านเรือน
รวมถึงอาหารและเสื้อผ้า
และการทำความสะอาดครั้งใหญ่ก็เริ่มขึ้น
ในวันก่อนตรุษจีนบ้านเรือนจะถูกทำความสะอาด
ตั้งแต่บนลงล่าง หน้าบ้านยันท้ายบ้าน
ซึ่งหมายถึง
การกวาดเอาโชคร้าย ออกไป
ประตูหน้าต่างมีการขัดสีฉวีวรรณทาสีใหม่ซึ่งสีแดงเป็นสีนิยม
ประตูหน้าต่างจะถูก ประดับประดาด้วยกระดาษที่มีคำอวยพร
อย่างเช่น อยู่ดีมีสุข ร่ำรวย และอายุยืนเป็นต้น
วันก่อนวันตรุษจีนนั้นเป็นวันแห่งการการรอคอย
จะว่าไปถือวันที่น่าตื่นเต้นมากที่สุด
ในบรรดาการฉลองทั้งหมดเห็นจะได้
ประเพณีและพิธีกรรมต่างๆ นั้นผูกไว้กับทุกสิ่งทุกอย่าง
ตั้งแต่ อาหาร ไปจนถึงเสื้อผ้า
อาหารค่ำนั้นประกอบด้วยอาหารทะเล และอาหารนึ่งเช่นขนมจีบ
ซึ่งแต่ละอย่างจะมีความหมายต่างๆกัน
อาหารอันโอชะอย่างเช่น กุ้ง
จะหมายถึง ชีวิตที่รุ่งเรืองและความสุข
เป๋าฮื้อแห้ง หมายถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่ดี
สลัดปลาสด จะนำมาซึ่งโชคดี
จี้ไช่ (ผมเทวดา) สาร่ายดูคล้ายผมแต่กินได้
จะนำความความร่ำรวยมาให้
และขนมต้ม (Jiaozi) หมายถึง บรรพชนอวยพร
และเป็นธรรมดาเสื้อผ้าที่ใส่สีแดง ถือเป็นสีที่เป็นมงคล
เป็นการไล่ปีศาจร้ายให้ออกไป
และการใส่สีดำหรือขาวเป็นสิ่งต้องห้าม
ซึ่งสีเหล่านี้ถือว่าเป็นสีแห่งการไว้ทุกข์
หลังจากอาหารค่ำทุกคนในครอบครัวนั่งกันจนเช้าเพื่อรอวันใหม่
โดยการเล่นเกม เล่นไพ่
หรือดูรายการทีวีที่เกี่ยวกับวันตรุษจีน
และในวันนี้จะต้องไม่โกรธ ริษยา หรือ ไม่พอใจ
เพื่อเป็นสิริมงคลที่ดีสำหรับปีที่กำลังจะมาถึง
เมื่อถึงวันตรุษจีน ประเพณีตั้งแต่โบราณมาเรียกว่า อังเปา
ซึ่งหมายถึง กระเป๋าแดง
เป็นการที่คู่แต่งงานให้เงินเด็กๆ
และผู้ใหญ่ที่ยังไม่ได้แต่งงานในซองสีแดง
หลังจากนั้นทุกคนในครอบครัว ต่างออกมาเพื่อกล่าวสวัสดีปีใหม่
เริ่มจากญาติๆ แล้วต่อด้วยเพื่อนบ้าน
ซึ่งคงคล้ายกับการที่ชาวตะวันตกพูดว่า
"Let bygones be bygones"
(อะไรที่ผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไป)
ในวันตรุษนี้ อารมณ์โมโหโกรธาจะถูกลืม และไม่สนใจ
การฉลองวันตรุษจีนสิ้นสุดลงในงานโคมไฟ
ซึ่งฉลองโดยการร้องเพลง เต้นรำ และงานแสดงโคมไฟ
ถึงแม้ว่าการฉลองวันตรุษจีน จะมีแตกต่างกันออกไป
แต่สิ่งที่เหมือนกัน คือ การอวยพร ความสงบ
และความสุขให้กับคนในครอบครัวและเพื่อนทุกคน
ความเชื่อโชคลางในวันตรุษจีน
"ทุกคนจะไม่พูดคำหยาบหรือพูดคำที่ไม่เป็นมงคล
ความหมายเป็นนัย และคำว่า สี่ ซึ่งออกเสียงคล้ายความตาย"
ก็จะต้องไม่พูดออกมา
ต้องไม่มีการพูดถึงความตายหรือการใกล้ตาย
และเรื่องผีสางเป็นเรื่องที่ต้องห้าม
เรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นในปีเก่าๆ ก็จะไม่เอามาพูดถึง
ซึ่งการพูดควรมีแต่เรื่องอนาคต
และทุกอย่างที่ดีกับปีใหม่และการเริ่มต้นใหม่
หาก"คุณร้องไห้ในวันปีใหม่"
คุณจะมีเรื่องเสียใจไปตลอดปี
ดังนั้นแม้แต่เด็กดื้อที่ปฎิบัติตัวไม่ดีผู้ใหญ่ก็จะทน
และไม่ตีสั่งสอน
"การแต่งกายและความสะอาด"
ในวันตรุษจีนเราไม่ควรสระผม
เพราะนั้นจะหมายถึงเราชะล้างความโชคดีของเราออกไป
เสื้อผ้าสีแดงเป็นสีที่นิยมสวมใส่ในช่วงเทศกาลนี้
สีแดงถือเป็นสีสว่าง สีแห่งความสุข
ซึ่งจะนำความสว่างและเจิดจ้ามาให้แก่ผู้สวมใส่
เชื่อกันว่าอารมณ์และการปฏิบัติตนในวันปีใหม่
จะส่งให้มีผลดีหรือผลร้ายได้ตลอดทั้งปี
เด็ก ๆ และคนโสด เพื่อรวมไปถึงญาติใกล้ชิดจะได้ อังเปา
ซึ่งเป็นซองสีแดงใส่ด้วย ธนบัตรใหม่เพื่อโชคดี
วันตรุษจีนกับความเชื่ออื่น ๆ
สำหรับคนที่เชื่อโชคลางมากๆ
ก่อนออกจากบ้านเพื่อไปเยี่ยมเยียนเพื่อนหรือญาติ
อาจมีการเชิญซินแส
เพื่อหาฤกษ์ที่เหมาะสมในการออกจากบ้านและทางที่จะไป
เพื่อ เป็นความเป็นสิริมงคล
บุคคลแรกที่พบและคำพูดที่ได้ยินคำแรกของปี
มีความหมายสำคัญมาก
ถือว่าจะส่งให้มีผลได้ตลอดทั้งปี
การได้ยินนกร้องเพลงหรือเห็นนกสีแดง
หรือนกนางแอ่น ถือเป็นโชคดี
การเข้าไปหาใครในห้องนอนในวันตรุษ
ถือเป็นโชคร้าย
ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นคนป่วย
ก็ต้องแต่งตัวออกมานั่งในห้องรับแขก
ไม่ควรใช้มีดหรือกรรไกรในวันตรุษจีน
เพราะเชื่อว่าจะเป็นการตัดโชคดี
ทุกวันนี้ไม่ใช่ว่าชาวจีนทุกคนจะคงยังเชื่อตามความเชื่อที่มีมา
แต่ทุกคนก็ยังคงยึดถือ และปฎิบัติตาม
เพราะสิ่งเหล่านี้เปรียบเสมือนธรรมเนียม และวัฒนธรรม
โดยที่ชาวจีน ตระหนักดีว่าการปฏิบัติตามขนบธรรมเนียมมาแต่เก่าก่อนเป็นการแสดงถึงความเป็น ครอบครัวและเอกลักษณ์ ของตน
ความคิดเห็น