ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (END) 두근두근 ♡ HEARTBEAT | chanbaek hanhun

    ลำดับตอนที่ #12 : ` ( 두근두근 ♡ 11 )

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.82K
      26
      30 ก.ย. 56









        


     

     

    ไม่บ่อยครั้งที่จะเห็นปาร์คชานยอลยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เหมือนคนบ้าแบบนี้ ซึ่งลู่หานก็สาบานได้อีกนั่นแหละมันน่าหมั่นไส้เอามาก ๆ หนำซ้ำคนต้นเหตุยังเอาแต่เดินดุ่ม ๆ ไปด้วยกันประสาคนไม่รู้ตัวอีก นี่มันคู่แปลกประหลาดพันธุ์ลึกชัด ๆ

     

    พอเดินเข้าใกล้ห้องเรียนมากขึ้นเรื่อย ๆ  คนตัวเล็กที่สุดก็ค่อย ๆ เดินเชื่องช้าลงจนคล้ายว่าเป็นการเขยิบเท้าออกไปทีละนิดเสียมากกว่า ซึ่งนั่นทำให้ชานยอลอดไม่ได้ที่จะหันไปมองอย่างเป็นห่วง แบคฮยอนดูลังเลในการกลับเข้าไปในห้องเรียนพอควรหลังจากเกิดเรื่องชั่วโมงก่อน ทั้งยังความกังวลที่ว่าอาจารย์อาจจะหาว่าพวกเขาโดดเรียนนั่นก็ด้วย

     

    “ไม่เป็นไรหรอก”

     

    แต่ถึงอย่างนั้นพอได้หันไปข้าง ๆ และเห็นรอยยิ้มกว้างของคนสูงกว่าร่างบางก็ยิ้มออกมาได้ เสียงทุ้มนั้นพูดกับเขา มันช่างอบอุ่น และอ่อนโยนเสียจนสามารถผลักดันเขาให้เดินต่อไปข้างหน้า

     

    พอเตรียมใจว่าต้องเผชิญหน้ากับทุกคนได้อย่างนั้นแบคฮยอนก็สูดลมหายใจเข้าปอดอึดใหญ่ ครั้นมองกลับมาที่ข้างหน้าที่อีกทีก็เห็นลู่หานที่เดินรั้งท้ายมาตลอดเป็นฝ่ายเปิดประตูห้องเข้าไปแล้ว



     

    ยะ... ยังไม่พร้อมเลย!





     

    ห้องทั้งห้องเงียบกริบเมื่อเห็นคนที่เปิดประตูเข้ามาใหม่ และยิ่งเงียบลงกว่าเดิมเมื่อเห็นว่าข้างหลังนักฟุตบอลประจำห้องนั้นเป็นคนสองคนที่พวกเขาเพิ่งจะมีเรื่องเกิดขึ้นเมื่อเช้า ชานยอลมองตอบคนในห้อง ในขณะที่แบคฮยอนยังเลือกที่จะหลุบสายตามองพื้นอย่างเช่นทุกที

     

    “.......”

     

    โชคดีที่อาจารย์ประจำวิชาสั่งงานทิ้งไว้และออกไปแล้วสามคนมาใหม่จึงไม่ต้องถูกซักถามให้มากความ โอเซฮุนนั่งอยู่ประจำที่ แต่ดูท่าว่าคงจะมาถึงก่อนทั้งสามคนได้ไม่นาน

     

    เพียงแวบหนึ่งที่เผลอสบเข้ากับดวงตากลมโตของคนมาใหม่ เซฮุนก็รีบก้มลงเขียนงานในสมุดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น มันดูจะทำให้ลู่หานหงุดหงิดอยู่นิดหน่อย แต่ถึงอย่างนั้นเจ้าตัวกลับเดินดุ่ม ๆ ไปนั่งยังที่ประจำ หรือก็คือข้างคนที่หลบสายตาเขาเมื่อครู่นั่นเอง

     

    ถึงจะสังเกตเห็นว่าวันนี้เซฮุนไม่มีเสื้อนอก ทว่าเขาก็ไม่ได้ถามออกไป ได้แต่ปล่อยให้ความเงียบโรยตัวลงระหว่างกลางและเฝ้ารอดูการเดินเข้ามาของอีกสองคนที่กำลังเลื่อนปิดประตูห้องช้า ๆ

     

    ทันทีที่บยอนแบคฮยอนนั่งลงติดเก้าอี้ แรงสะกิดจากกลุ่มเด็กสาวข้างหลังก็เรียกให้เขาหันไปอย่างละล้าละลัง พวกเธอมองหน้าราวกับจะปรึกษากันทางสายตาอยู่นิดหน่อย สุดท้ายสายตาของคนในกลุ่มนั้นก็หันมาทางเขา และผงกศีรษะลงเล็กน้อยก่อนจะว่าเสียงเบาหวิว



     

    “เรื่องเมื่อเช้า.... พวกเราขอโทษนะ”



     

    “เห?”

     

    แบคฮยอนแทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองด้วยซ้ำว่าเขากำลังถูกขอโทษ ในตอนนั้นเองที่ร่างบางเห็นว่าคนครึ่งค่อนห้องก็กำลังมองมาทางเขาด้วยสายตาแบบเดียวกัน ก่อนเสียงจอแจจะดังขึ้นเล็กน้อย และมันค่อย ๆ ชัดขึ้น จนท้ายแล้วแบคฮยอนก็ได้ยินมันอย่างชัดเจน



     

    “ขอโทษ”

     

    “ขอโทษ”

     

    “ขอโทษ”



     

    หันไปมองคนข้างตัวราวกับจะถามว่าเกิดอะไรขึ้น หากแต่ชานยอลเพียงแค่ยิ้ม ยิ้มที่แสดงความยินดีอย่างจริงใจ พอหันไปเห็นเซฮุนกับลู่หาน แบคฮยอนก็ยิ่งงงหนักเข้าไปใหญ่เมื่อทั้งสองคนนั้นเอาแต่ยิ้ม ซ้ำยังส่งสายตาแบบรู้กันไปให้ชานยอลด้วย

     

    นี่มัน... ไม่จริงใช่ไหม?

     

    แม้ว่าจะยังมีคนบางกลุ่มที่เอาแต่นั่งเงียบ บ้างก็ทำสีหน้าตึง ๆ และไม่แม้แต่จะหันมามองเขา แต่พอเห็นเพื่อน ๆ คนอื่นที่พากันรอฟังคำพูดจากปากเขาหลังขอโทษแบบนี้ คนที่แทบไม่เคยมีใครมาตลอดอย่างแบคฮยอนยิ่งรู้สึกว่ามันดีแค่ไหนแล้ว

     

    ดวงหน้าขาวค่อย ๆ แย้มยิ้มออก... กว้างขึ้น... กว้างขึ้น... จนปาร์คชานยอลสาบานได้เลยว่ามันสดใสกว่ายิ้มของใครที่เขาเคยเห็นมา หัวใจภายใต้อกซ้ายเต้นดังตึกตัก... ตึกตัก... และมีแค่ตัวเขาเท่านั้นที่ได้ยินมัน



     

    ถึงจะรู้สึกหวงรอยยิ้มแบบนั้น... แต่ก็ดีแล้วล่ะ ถ้ามันจะทำให้แบคฮยอนมีความสุขขนาดนี้



     

    แต่ในเสี้ยวนาทีเป้าสายตาอย่างแบคฮยอนก็จำต้องหุบยิ้มลงอย่างขลาดอาย เมื่อเพื่อน ๆ ต่างกันส่งเสียงขึ้นมาเซ็งแซ่ มันแฝงไปด้วยความตื่นเต้น ประหลาดใจ และแบคฮยอนก็ยิ่งอายเข้าไปใหญ่เมื่อพอจับใจความคำพูดพวกนั้นได้



     

    “ยะ... ยิ้มเป็นด้วย”

     

    “ไม่จริงน่า....”

     

    “ฉันต้องรีบโทรบอกให้แม่เก็บผ้า! พายุต้องเข้าแน่ ๆ”



     

    ปาร์คชานยอลร่วมหัวเราะไปกับคำพูดขบขันแซวคนข้าง ๆ อย่างไม่จริงจังนัก หากแต่ก็ต้องสะดุ้งน้อย ๆ เมื่อได้ยินเสียงเรียกจากฝั่งหลังห้อง เพื่อนกลุ่มนั้น... กลุ่มที่มักจะถีบโต๊ะทุกครั้งพอเป็นเรื่องของแบคฮยอน

     

    “ชานยอล!

     

    “.......”

     

    “กลางวันนี้ไปกินข้าวด้วยกันไหม?”

     

    ได้ยินแค่นั้นร่างสูงก็ยิ้มกลั้วหัวเราะจนตาปิด มองแบคฮยอนที่หันมาหาเขาด้วยสายตาสงสัย แล้วก็มองตอบกลับไปยังกลุ่มเพื่อนเจ้าของคำถามนั้น

     

    “เอาสิ!

     

    อะไร ๆ ดูจะดีขึ้นหลังจากที่มีคนพูดความในใจออกไป บยอนแบคฮยอนไม่รู้หรอกว่าชานยอล ลู่หาน และเซฮุนทำอะไรลงไปบ้าง แต่ว่าตั้งแต่มีสามคนนี้ เขาก็รู้สึกอยากยิ้ม... หัวเราะ... และพูดคุยอย่างที่เห็นทุกคนเป็นมาตลอด รู้สึกว่าตัวเองตัวใหญ่ขึ้น มีสีสันมากขึ้น

     

    ...และอบอุ่นใจทุกครั้ง



     

    หากแต่ในขณะที่ทั้งห้องครึกครื้นไปด้วยเสียงหัวเราะ คนสองคนก็กำลังตกอยู่ในความเงียบอย่างน่าอึดอัด ทั้งพูดไม่ออก บอกไม่ถูก แม้ว่าอ้าปากจะทักทายออกไปอยู่หลายครั้ง แต่สุดท้ายแล้วมันก็วนกลับมายังความเงียบในที่สุด

     

    “......”



     

    “......”

     

    เงียบโดยที่ไม่รู้ว่ามันจะเป็นไปในทิศทางไหนต่อไป







     

    “เอ่อ... ชานยอล เซฮุน แบคฮยอน”

     

    เสียงของจุนมยอนที่ยืนอยู่หน้าห้องพร้อมด้วยใบรายชื่อบางอย่างในมือดูเหมือนจะช่วยคั่นทุกอย่างไว้ได้ชะงัดนัก เขาไล่ดูรายชื่อนั้นอย่างผ่าน ๆ ก่อนจะโบกมันไปมาหยอง ๆ

     

    “คือว่าตอนคาบโฮมรูม อาจารย์ควอนให้เราจัดการเรื่องรายชื่องานกีฬาสีกันน่ะ เหลือแค่พวกนายสามคนที่ไม่อยู่” จุนมยอนหันไปทางลู่หาน แล้วก็ว่าต่อ “ส่วนลู่หานน่ะเป็นทีมออลสตาร์ของชมรมฟุตบอลอยู่แล้ว เพราะงั้นก็ต้องแยกตัวไปแข่งของชมรมในวันจริงใช่ไหม เหลือก็แต่ทีมฟุตบอลของห้องเรา พวกจงฮยอนเสนอชื่อนายแน่ะชานยอล”

     

    ชานยอลพอจะจำได้ถึงกติกาการแข่งฟุตบอลซึ่งถือเป็นไฮไลท์ของกีฬาสีปีนี้เลยก็ว่าได้ โดยแต่ละห้องจะต้องฟอร์มทีมฟุตบอลขึ้นมาทีมหนึ่งโดยมีข้อแม้ว่าห้ามมีคนในชมรมฟุตบอลอยู่ด้วย จากนั้นก็ต้องไปแข่งรอบคัดเลือกกับห้องอื่นตามตารางแข่งในระหว่างก่อนถึงวันกีฬาสีในสัปดาห์หน้า จนกระทั่งเหลือเพียงทีมเดียวจากสามระดับชั้นเพื่อแข่งกับทีมออลสตาร์ชมรมฟุตบอลในวันจริง โดยคะแนนการแข่งขันมีผลมากทีเดียวว่าห้องไหนจะได้ครองเหรียญทองสำหรับปีนี้

     

    “ฉันน่ะเหรอ” ร่างสูงชี้หน้าตัวเองก่อนจะยิ้มกว้างออกมาแล้วก็หันไปชูสองนิ้วให้ว่าที่เพื่อนร่วมทีมคนอื่น ๆ “ไม่มีปัญหา”

     

    “แล้วก็นารินเสนอชื่อของเซฮุนในการแข่งขันกระโดดสูง ตอนมอต้นนายพอจะเคยแข่งอยู่ครั้งสองครั้งใช่ไหม”

     

    ถึงตรงนี้พวกผู้หญิงก็พอกันกรี๊ดกร๊าดและหันไปพูดคุยกับเจ้าของชื่อนารินกันสนุกปาก เธอเอาแต่เล่าถึงความสง่างามและหล่อเหลาของเซฮุนอย่างเป็นต่อเพราะมาจากโรงเรียนมัธยมต้นเดียวกัน

     

    “ฉันยังไงก็ได้” โอเซฮุนตอบรับอย่างไม่ใส่ใจนัก เขาได้แต่หมุนปากกาในมือแล้วก็ก้มหน้าก้มตาลงเขียนงานต่อ

     

    “แล้วก็.... แบคฮยอน” ถึงตรงนี้จุนมยอนได้ยิ้มแห้ง ๆ ก่อนจะชูใบรายชื่อในมือขึ้นระดับเดียวกับใบหน้า “คือว่ามันเหลือแต่วิ่งอึดแปดร้อยเมตร... ถ้านายโอเคล่ะก็จะดีมาก ๆ เลย”

     

    ชานยอลหันไปมองคนข้าง ๆ ตาโต เพราะได้ไปนั่งร่วมประชุมเมื่อวานเขาถึงได้รู้ว่ากีฬาวิ่งอึดที่ว่ามันหินแค่ไหน แค่ดูจากสีหน้าทุกคนในห้องก็พอเดาได้แล้วว่าคงไม่มีใครอยากลงแน่ ๆ ถึงได้ยังทิ้งว่างจนเหลือมาให้แบคฮยอนอย่างนี้ ว่าก็ว่าเถอะ แต่ถ้าแบคฮยอนไม่ตกลงก็คงจะดี

     

    “อื้ม... ถ้าทุกคนวางใจให้ฉันลงล่ะก็”

     

    ไม่ทันขาดคำร่างบางก็ตอบรับออกไปอย่างง่ายดาย นี่มันมันกีฬาปล่อยทิ้งคะแนนไปชัด ๆ ไม่มีใครหวังเหรียญกีฬานี้อยู่แล้วนี่นา

     

    “ดีมาก ถ้างั้นก็ตกลงตามนี้นะ ก็ขอให้ทุกคนตั้งใจซ้อมจนกว่าจะถึงศุกร์หน้าละคว้าเหรียญทองมาให้ห้องเราให้ได้!

     

    สิ้นเสียงจุนมยอนหัวหน้าห้องทุกคนก็ปรบมือเฮกันสนุกสนาน ในระหว่างนี้ต่างคนก็ต่างต้องซ้อมกีฬาที่ตัวเองได้รับมอบหมาย ทางโรงเรียนยอมร่นเวลาเรียนลงให้กึ่งหนึ่งเพื่องานกีฬาสีในอีกหนึ่งสัปดาห์หลังจากนี้ และทีมฟุตบอลปีสองห้องบีก็มีแข่งนัดแรกกับปีสามห้องเอวันมะรืน วันนี้ไม่มีประชุมกรรมการจัดงาน นั่นหมายความว่าเขาจะต้องแยกกับแบคฮยอนไปโดยปริยาย









     

     

     

     

     

     

     

    เสียงหอบหายใจดังเป็นจังหวะหนักหน่วงก่อนมือเล็กจะยกขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากอย่างลวก ๆ แหงนหน้ามองนาฬิกาขนาดใหญ่บนยอดตึกของโรงเรียนแล้วก็เห็นว่าเป็นเวลาห้าโมงกว่าแล้ว ซ้อมวิ่งมาเกือบชั่วโมงจนรู้สึกเหนื่อยล้าไปหมด แต่ถึงอย่างนั้นก็รับหน้าที่มาแล้ว... ย่อตัวลงตั้งท่าพร้อมออกวิ่งอีกครั้ง เขาจะต้องเหนื่อยให้ได้มากกว่านี้ อึดกว่านี้อีก จะต้องไม่ทำให้ทุกคนผิดหวังเด็ดขาด

     

    ลู่วิ่งโรงเรียนยามเย็นเต็มไปด้วยคนที่พากันมาซ้อมกรีฑาจนแน่นสนาม บยอนแบคฮยอนไม่กล้าไปซ้อมตรงนั้นหรอก เขายอมมาซ้อมตรงข้างโรงเรียนที่ไม่มีใคร หนำซ้ำจากตรงนี้ยังมองเห็นสนามฟุตบอลได้ชัดด้วย

     

    ชานยอลกำลังวิ่งเลี้ยงลูกท่ามกลางเพื่อน ๆ คนอื่น เพียงอึดใจร่างสูงก็เตะมันเข้าโกลด์ได้อีกครั้งพร้อมเสียงเฮจากเพื่อนซึ่งร่วมซ้อมด้วยกัน ใคร ๆ ก็ว่าชานยอลเล่นฟุตบอลเก่ง น่าเสียดายจังที่ไม่ได้เข้าชมรมฟุตบอลอย่างที่หวังไว้

     

    ทั้งสดใส อบอุ่น จนทำให้เขารู้สึกมีพลังอยู่เสมอเลย...

     

    ตัดใจไล่ความฟุ้งซ่านที่เอาแต่ชื่นชมอีกฝ่ายอยู่อย่างนั้นแล้วตั้งเป้าวิ่งไปข้างหน้า เขาจะต้องวิ่งไปให้ถึงห้องน้ำเก่าตรงนั้นแล้วก็วิ่งกลับมาอีกสามรอบ



     

    “แบคฮยอนจ๊ะ”

     

    หันไปตามเสียงเรียกก็เห็นปาร์คจียอนและเพื่อนอีกสองคนที่เดินมาด้วยกัน ร่างบางรีบลุกขึ้นเก้อ ๆ ด้วยความขลาดเขิน หญิงสาวยิ้มกว้างให้เขา ไม่ไดมีทีท่ารังเกียจเหงื่อกีฬาเลยสักนิด ในมือเธอมีน้ำอยู่สองขวด และขวดหนึ่งก็ยื่นมาทางเขาอย่างใจดี

     

    “เหนื่อยแย่เลยนะ เอ้านี่จ้ะ”

     

    “อะ... เอ๋... ให้ผมเหรอ?”

     

    “ก็ใช่น่ะสิ เร็วเข้าเดี๋ยวหายเย็นนะ” จียอนกลั้วหัวเราะแล้วก็คะยั้นคะยอให้เขารับมันไว้ เธอปล่อยให้เพื่อนอีกสองคนรออยู่ห่างออกไป ตาเรียวสวยมองไปทางชานยอลในสนาม แล้วจึงหันกลับมาหาเขาด้วยรอยยิ้ม “เรื่องเมื่อวาน... ฉันต้องขอบคุณแบคฮยอนมากนะ”

     

    “ไม่เป็นไรหรอก ผมก็ไม่ได้ทำอะไรเลยแท้ ๆ”

     

    พูดเสียงเบาหวิวแต่ก็ติดจะอาย ๆ อยู่ในที จียอนทำท่าเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ เธอหยิบเอาสมุดโน้ตที่หนีบไว้ใต้แขนออกมายื่นให้ “อันนี้เลคเชอร์การประชุมที่สัญญาว่าจะจดไว้ให้จ้ะ”

     

    “ขอบคุณครับ...”

     

    “ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวก่อนนะ” พูดจบก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งไปทางสนามเพียงคนเดียว ไม่ลืมที่จะหันมาขยิบตาให้เขาเป็นครั้งสุดท้ายด้วยรอยยิ้มกว้าง “เรื่องชานยอลน่ะ ฉันเองก็จะสู้ดูสักตั้ง! แบคฮยอนก็ตั้งใจซ้อมนะจ๊ะฉันจะคอยเชียร์แน่นอน”

     







     

     

     

    “เฮ้ยชานยอล! ลูกไปทางนั้นแล้ว”

     

    “อะ... อื้มโทษที”

     

    ร่างสูงสะดุ้งน้อย ๆ ก่อนจะหันมาใช้ขาเดาะรับลูกฟุตบอลไว้ได้ทันท่วงที เขาเตะส่งลูกไปอีกทางแล้วก็เบนสายตาไปทางข้างโรงเรียนอีกครั้ง อีกแล้ว... จียอนมาคุยกับแบคฮยอนอีกแล้ว รู้สึกไม่มีสมาธิเลย

     

    ยอมรับว่าเขาแทบจะแอบมองแบคฮยอนอยู่ตลอดแต่ไม่มีโอกาสได้เข้าไปคุย เห็นตั้งใจซ้อมอย่างนั้นแล้วมันก็รู้สึกเหมือนตัวเองมีพลังขึ้นมาดื้อ ๆ

     

    แต่ถ้าจะถามว่าหึงเหรอที่เห็นคนตัวเล็กใกล้ชิดกับจียอนแบบนั้น คำตอบก็คงใช่

     

    ตัดสินใจหนีภาพตรงหน้าด้วยการหันมาพูดคุยกับเพื่อนร่วมทีมในตอนพักเหนื่อย หากแต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อทุกคนพากันฮือฮาและมองไปทางข้างหลังเขา



     

    “ชานยอลจ๊ะ”

     

    ปาร์คจียอนกำลังเดินมาทางนี้

     

     







     

     

     บยอนแบคฮยอนมองดูปาร์คชานยอลที่รับขวดน้ำจากมือหญิงสาวไปด้วยรอยยิ้มแล้วก็อดรู้สึกแปลก ๆ ขึ้นมาไม่ได้ เขาคิดว่าอาการที่เป็นอยู่นี่มันชักจะหนักขึ้นทุกที ความรู้สึกปวดแปลบที่ใจ แต่บางทีก็เต้นแรงจนเหมือนจะหลุดออกมาจากอก

     

    “เหมาะสมกันมากเลยเนอะ จียอนกับชานยอลเนี่ย”

     

    “ใช่ ๆ คนหนึ่งก็สวยมาก อีกคนก็หล่อสุด ๆ ไปเลย”

     

    เสียงเด็กสาวพูดคุยกันห่างออกไปไม่ไกล เพื่อนของจียอนนั่นเอง แต่ครั้นมองกลับไปที่สนามก็เห็นว่าเพื่อนคนอื่น ๆ ต่างพากันร้องแซวทั้งคู่สนุกสนาน จียอนได้แต่ยิ้มเขิน ส่วนชานยอลก็ยิ้มรับอย่างทุกที

     

    นั่นสินะ... เหมาะสมกันจริง ๆ ด้วย

     

    เผลอขยำกางเกงโดยไม่รู้สึกตัวเมื่อมองภาพตรงหน้า ทั้งชานยอลและจียอนล้วนเป็นคนที่ดีกับเขา น่ายินดีออกถ้าทั้งคู่จะชอบกันขึ้นมาจริง ๆ



     

    แต่ถึงอย่างนั้น...

     

    ถึงอย่างนั้น...



     

    คลายมือที่ขยำกางเกงออกเมื่อรู้สึกตัว อาการปวดหัวใจคลายตัวลงแล้ว และแบคฮยอนก็รู้ดีว่าสิ่งที่เขาควรทำก็คือการให้สิ่งดี ๆ ตอบกลับไปแก่เพื่อนทั้งสอง

     

    โดยเฉพาะชานยอล... ที่ควรจะได้ผู้หญิงสวย ใจดี สมบูรณ์พร้อมทุกอย่างแบบจียอนเป็นแฟน



     

    มันก็ถูกต้องแล้ว...

     

    ใช่... นี่มันถูกต้องที่สุดแล้วล่ะ

     

     

     

     









     

     

     

     

    งานกีฬาสีใกล้เข้ามาทุกขณะ การแข่งขันฟุตบอลนัดแรกของปีสองห้องบีชนะปีสามห้องเอขาดลอยเสียจนคนพากันพูดถึงดาวซัลโวปาร์คชานยอลที่กลายเป็นตัวยิงประตูให้ทีมจนโดดเด่นเสียจนมีจำนวนแฟนคลับสาว ๆ เพิ่มขึ้นในพริบตา

     

    เพียงแต่ไม่มีใครคิดจะข้ามหน้าข้ามตาปาร์คจียอนที่ครองใจแก๊งค์นักเรียนชายไปแล้วเต็ม ๆ ด้วยการถือถาดน้ำผึ้งมะนาวมาแจกจ่ายเพื่อนข้ามห้อง ทั้งยังมีขนมน่ารัก ๆ อีกกล่องใหญ่ พวกผู้ชายต่างเรียกเธอว่านางฟ้า ถึงจะอยากเข้าไปพูดคุยทำความรู้จักแค่ไหน แต่มันก็ค่อนข้างชัดเจนทีเดียวว่าเธอมีใจให้ปาร์คชานยอล

     

    “ชานยอลจ๊ะ กินให้ชื่นใจสักหน่อยนะ”

     

    ยื่นถาดน้ำผึ้งมะนาวไปตรงหน้าร่างสูงที่กำลังเช็ดเหงื่อพลางพูดคุยกับคนอื่น ๆ เรื่องชัยชนะเหนือปีสามในการแข่งเมื่อครู่ ชายหนุ่มหันมายิ้มแล้วหยิบชิ้นมะนาวไปดูดใส่ปากอย่างชื่นใจ

     

    “ขอบคุณนะ”

     

    ถึงจะไม่ได้มีอะไรพิเศษไปกว่าทุกทีแต่ชานยอลก็ยังยิ้มใจดีเช่นเคย บรรยากาศรอบ ๆ ดูจะสดใสเจิดจ้าเสียจนคนรอบข้างต้องพากันอิจฉายกใหญ่

     

    และบยอนแบคฮยอนก็ทำได้แค่ยิ้มรับอย่างยินดีเมื่อจียอนหันมาชูสองนิ้วให้เขาพลางขยับปากเป็นเชิงว่า สำเร็จแล้ว

     

     









     

     

    การแข่งนัดต่อไปปีสองห้องบีก็ยังครองชัยชนะเหมือนเคย ชานยอลกลายเป็นดาวรุ่งและตัวนำโชคของทีมไปโดยปริยาย มีสาว ๆ มาพูดคุยกับเขามากขึ้น ให้ขนมทำเอง ทั้งยังมีข่าวลือด้วยว่าชมรมฟุตบอลส่งคนมาทาบทามเขาเข้าทีมแทนรุ่นพี่ปีสามที่จะต้องเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัยในเทอมหน้า



     

    เป็นอีกครั้งที่แบคฮยอนเห็นสาว ๆ ต้องหลีกทางให้จียอนซึ่งเดินมาพร้อมข้าวกล่องสองอัน เธอนั่งลงร่วมโต๊ะกับพวกชานยอลในโรงอาหาร และพวกผู้ชายก็ส่งเสียงวี้ดวิ้วเมื่อปาร์คชานยอลรับข้าวกล่องนั้นมาเปิดกินด้วยรอยยิ้ม

     

    “.......”

     

    โอเซฮุนมองคนที่เดินอยู่ข้างเขาโดยไม่พูดอะไร พักหลัง ๆ มานี้ชานยอลมักจะนั่งกินข้าวกลางวันกับพวกเขาบ้าง แต่บางทีก็กินกับเพื่อนกลุ่มอื่น ๆ ที่โรงอาหารเพราะว่าไม่มีข้าวกล่องมาเหมือนแบคฮยอน แต่สำหรับคนที่หลีกหนีความวุ่นวายอย่างเขาแล้วแค่อาหารเล็ก ๆ น้อยและนั่งกินกับแบคฮยอนสองคนก็ดีอยู่แล้ว

     

    บยอนแบคฮยอนไม่เคยมีทีท่าอะไรเลยกับการที่ชานยอลไปมีสังคมกับคนอื่น และเขาเองก็รู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คนคิดมากในเรื่องแบบนั้น

     

    แต่ก็ไม่เคยเห็นแบคฮยอนดูซึมขนาดนี้มาก่อน

     

    “นี่ ฉันให้”

     

    ยื่นห่อช็อกโกแลตในกระเป๋าเสื้อให้อีกฝ่ายในขณะที่เดินขึ้นตึกเรียนมา ร่างบางดูจะตกใจอยู่เล็กน้อยแต่ก็ยิ้มตอบบาง ๆ ให้พลางรับมันไปเพราะรู้ว่าเขาไม่มีทางกินมันแน่ ๆ

     

    “ขอบคุณนะ”

     

    กัดช็อกโกแลตเข้าไปคำหนึ่งแล้วเคี้ยวกร้วม ๆ พักนี้เหลือแค่แบคฮยอนและเซฮุนที่มักจะตัวติดกันในช่วงพักกลางวัน ตอนเย็นต่างคนก็ต่างแยกซ้อมเพราะใกล้วันกีฬาสีเข้ามาทุกขณะ

     

    “พักนี้ลู่หานไม่ค่อยอยู่เลยเนอะ”

     

    ได้ยินชื่อนั้นร่างโปร่งก็ชะงักไปครู่หนึ่ง จริงอยู่ว่าเขากับหมอนั่นนั่งข้างกัน แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ใช่ทุกวัน และแทบไม่มีใครเปิดปากพูดอะไรด้วยซ้ำ

     

    บางวันลู่หานก็หายไปทั้งวันเพราะต้องซ้อมฟุตบอลในช่วงที่สนามว่างเว้นจากกิจกรรมกีฬาสี การแข่งฤดูร้อนเองก็เหลือเวลาอีกเพียงแค่เดือนเศษ ๆ ชมรมฟุตบอลต้องเร่งซ้อมหนักจนไม่เป็นอันเรียน

     

    จะว่าห่างกันก็คงใช่... แต่พอเห็นหน้าทีไรความรู้สึกแปลก ๆ ในคืนวันนั้นก็ย้อนขึ้นมาทำให้ต้องสับสนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน



     

    จนสุดท้ายก็เลือกที่จะให้เวลาผ่านเลยไปเฉย ๆ โดยที่ต่างคนต่างก็มีโลกของตัวเองอยู่แล้ว

     

     

     

     









     

     

     

    อีกแล้ว...

     

    เช้าวันนี้โอเซอุนก็พบช็อกโกแลตบบคุ้นตาถูกใส่ไว้ในล็อกเกอร์อย่างเช่นวันก่อน ๆ ที่ผ่านมา ถึงจะได้ขนมพวกนี้บ่อยก็เถอะ แต่ไม่เคยมีใครถึงขั้นเอามันมาใส่ไว้ในล็อกเกอร์เขาทุกเช้าแบบนี้มาก่อน

     

    และยิ่งต่างออกไปตรงที่วันนี้มีเสื้อสูทนักเรียนตัวนอกถูกพับเก็บไว้ในถึงกระดาษอย่างเรียบร้อย กลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มหอมฉุยชวนให้รู้สึกดีไม่น้อย

     

    ใช้เวลานึกอยู่ครู่ใหญ่ว่าเสื้อของเขามันหายไปตั้งแต่ตอนไหน ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเขาใช้มันคลุมร่างเด็กผู้หญิงคนหนึ่งไปเมื่อวันก่อน เด็กผู้หญิงปอน ๆ คนหนึ่งที่แทบจำหน้าตาไม่ได้ด้วยซ้ำ



     

    เห็นทีวันนี้ก็ต้องเอาช็อกโกแลตไปให้แบคฮยอนกินแทนเหมือนเดิม

     

    เดินขึ้นมาก็เห็นปาร์คจียอนคนนั้นยืนพูดคุยกับบยอนแบคฮยอนด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม ถึงจะไม่รู้ว่าใจของแบคฮยอนรู้สึกยังไงก็เถอะ แต่เขาค่อนข้างแน่ใจทีเดียวว่าแบคฮยอนกำลังฝืนยิ้ม... ยิ้มที่บอกว่าตัวเองรู้สึกยินดีในเรื่องของปาร์คจียอนแค่ไหน

     

     

     

     









     

     

     

    เสียงหัวเราะโหวกเหวกของคนในชมรมฟุตบอลที่พากันเดินสะพายกระเป๋ากลับบ้านกันครึกครื้นหลังจากที่ซ้อมมาตลอดทั้งช่วงบ่าย สนามฟุตบอลเริ่มถูกเตรียมพร้อมสำหรับนัดการแข่งขันของวันนี้แล้ว

     

    วันนี้ก็เป็นอีกวันที่เขาไม่ได้เจอโอเซฮุนเลย แต่ถึงเจอก็ไม่รู้จะพูดอะไรออกไปอยู่ดี ก็เจ้าตัวเอาแต่หลบหน้า ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทำตัวติดกับแบคฮยอน แล้วเลิกเรียนยังต้องไปซ้อมกระโดดสูงอีก

     

    ไม่ทันขาดคำก็ได้ยินเสียงกรี๊ดกร๊าดของเด็กสาวที่ยืนรายล้อมเสากระโดดสูง บ้างก็หยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูป อัดคลิป และแทบไม่ต้องสืบเลยว่าทั้งหมดนั้นเป็นทาสรักของใคร

     

    โอเซฮุนเดินมาในชุดเสื้อพละและกางเกงขาสั้นคล่องตัว ในมือนั้นถือไม้ค้ำยาวอย่างที่ใช้ในกีฬากระโดดสูงทั่วไป ดวงตาคมจับจ้องยอดเสาก่อนจะถอยออกไปก้าวหนึ่งเพื่อตั้งท่าเตรียมพร้อม ในขณะที่บรรดาเด็กผู้หญิงส่งเสียงเชียร์กันเกรียวกราว

     

    อื้อหืม... นี่ขนาดแค่ซ้อมนะเนี่ย

     

    เผลอหยุดมองจนเพื่อนร่วมชมรมเดินนำหน้าไปไกล ก็ไม่รู้ว่าทำไมสายตาถึงได้จับจ้องอีกฝ่ายอย่างนั้น จนกระทั่งได้ยินเสียงร้องเรียกให้รีบเดินตาม

     

    “เฮ้ยลู่หาน! ยืนทำไรวะ มาเร็ว ๆ ดิ”

     

    “ไปก่อนเถอะน่า เดี๋ยวตามไป”

     

    โบกมือปัด ๆ แล้วยืนล้วงกระเป๋ากางเกงมองคนที่กำลังจะซ้อมกระโดดสูง ไม่เข้าใจสักนิดว่ามันน่าสนใจมากกว่าสาว ๆ ที่คาราโอเกะตรงไหน เพียงแต่มันละสายตาไปไหนไม่ได้

     

    ลุ้นจนตัวโก่งเมื่อโอเซฮุนวิ่งแล้วเอาไม้ค้ำไว้กับพื้นก่อนจะปล่อยให้แผ่นหลังลอยผ่านเสาและกระแทกลงกับเบาะรองอย่างสวยงาม เผลอถอนหายใจโล่งอกและอมยิ้มออกมาในขณะที่มองอีกฝ่ายอยู่ท่ามกลางวงล้อมของใครหลาย ๆ คน

     

     







     

     

    โอเซฮุนกระดกน้ำเย็น ๆ ที่ได้รับมาจากเด็กสาวใกล้ ๆ พลางใช้ผ้าซับเหงื่อบนใบหน้า ชั่ววูบหนึ่งที่รู้สึกราวกับมีสายตาจ้องมองมาจากที่ห่างออกไป ครั้นหันไปมองกลับเห็นเพียงความว่างเปล่า

     

    “.......”

     

    แต่พอมองเลยไปทางประตูโรงเรียน ก็เห็นแผ่นหลังและเรือนผมสีน้ำตาลแดงคุ้นตาที่เดินทอดน่องออกไปโดยไม่แม้แต่จะหันมามอง



     

    เสียงหัวใจเต้นระรัวในอกค่อย ๆ ผ่อนลงจนเงียบงันไปในที่สุด


















    ______________________________________

    แล้วก็ไม่กีฬาสีสักที 55555555555
    ตอนหน้ากีฬาสีจริง ๆ แล้วค่ะ จะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น

    แบคฮยอนจะรู้สักทีไหมว่าทำไมต้องเจ็บหน้าอก
    แล้วชานยอลชอบจียอนไหม
    เซฮุนกับลู่หานจะเป็นยังไง


    เจอกันแชปเตอร์ 12 ค่ะ กีฬาสี ฮูเล่ ฮูเล่ ฮูเล่ฮ่าฮ่า !



    อย่าลืมติดแท็ก #ฟิคฮบ แล้วก็คอมเมนท์เป็นกำลังใจให้กันหน่อยนะคะ









     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×