คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #32 : ` ( 두근두근 ♡ final )
พิธีจบการศึกษาค่อนข้างน่าง่วงนอนทีเดียว ผู้อำนวยการและอาจารย์อีกหลายต่อหลายท่านผลัดกันขึ้นกล่าวปราศัยผ่านกระดาษที่เรียบเรียงคำมาอย่างดีแล้ว เทศกาลสอบเข้าผ่านไปอย่างน่าเบื่อหน่าย อาจารย์เอาแต่พูดถึงความตึงเครียดและน่ากดดันถ้าเกิดสอบไม่ติดมหาวิทยาลัยในปีนี้ หลายคนต้องนอนลอยชายอยู่บ้านหรือทำงานพิเศษรอปีการศึกษาต่อไป แถมข่าวการฆ่าตัวตายก็มีทุกปี ไม่มีใครอยากเห็น เพื่อนคนใดคนหนึ่งในห้องนี่ต้องเครียดจนได้ขึ้นพาดหัวข่าวอย่างนั้น
หนึ่งเดือนกว่าที่พวกเขาต้องอยู่อ่านหนังสือที่โรงเรียนยันห้าทุ่ม ความอ่อนเพลียทำให้แบคฮยอนเลือกที่จะอาบน้ำนอนทันทีที่ถึงบ้าน เพราะพอวันรุ่งขึ้น เขาก็ต้องตื่นเช้าไม่เว้นแม้แต่วันเสาร์อาทิตย์ ชีวิตช่วงปลายมัธยมในเกาหลีใต้เป็นเรื่องหนักหน่วง มันทำให้ลืมแม้กระทั่งว่ามีใครที่อยู่ห่างไกลรอคุยด้วย แต่แบคฮยอนทำมันไม่ไหว
ชานยอลเองก็เครียดเรื่องมหาวิทยาลัยไม่ต่างกัน ที่บ้านเชียร์ให้เข้ามหาวิทยาลัยแทกูเพราะจะได้ไม่ต้องย้ายถิ่นฐานไปไหนไกลอีก ในทีแรก ร่างสูงพูดเล่นบ่อย ๆ เรื่องที่อยากกลับมาอยู่โซลเพื่อเรียนที่เดียวกับเขา แต่เมื่อโดนความตึงเครียดเล่นงานมากเข้าจากที่พูดเล่นและพอมีเสียงหัวเราะ ทั้งคู่ก็แทบไม่รู้ว่าจะมีอะไรที่น่าคุยไปกว่าเรื่องเครียดพวกนี้อีก
แต่ระยะอันตรายก็ผ่านพ้นไปหลังวันสอบ เราต่างขอโทษและพูดทุกอย่างที่ล้วนเป็นเหตุให้ผิดใจกันเมื่อก่อนหน้านี้ ชานยอลสารภาพว่าเขาไม่ได้เลือกมหาวิทยาลัยแทกูเลยสักอันดับ แล้วที่บอกว่าจะกลับมาอยู่โซลนั่นก็เป็นเรื่องจริงถ้าสอบติด
ลู่หานเป็นคนเดียวที่ไม่ต้องพบเจอสถานการณ์นั้น จากโกมีนัมที่ทุกคนเข้าใจว่าจะป่าเถื่อนหยาบคายแค่ตอนอารมณ์ไม่ดี กลายเป็นว่านั่นคือตัวตนของผู้ชายหน้าหวานซึ่งควบตำแหน่งดาวซัลโวทุบสถิติที่นักเรียนรุ่นก่อนเคยทำได้ แบคฮยอนคิดว่าลู่หานน่าอิจฉาจริง ๆ เพราะเขากับเซฮุนยังต้องอ่านหนังสือเอาเป็นเอาตายเพื่อเตรียมสอบไล่จนเส้นเลือดปูด
เซฮุนเป็นคนหัวดีที่สาว ๆ จ้องจะมาขอติวหนังสือด้วยตลอดเวลา ตอนนี้เจ้าชายของโรงเรียนทำผมดำแล้ว แถมมีข่าวลือว่าถูกเอเจนซี่ตามติดเพราะอยากให้ไปเป็นดาราอีกต่างหาก ซึ่งคนชอบดูซีรีส์อย่างเซฮุนก็คงทำอาชีพนี้ได้ไม่ยาก หลังจากพูดไปอย่างนั้น เซฮุนดับความตื่นเต้นของเขาด้วยคำว่าข่าวลือทั้งเพ (แต่ลู่หานบอกว่ามีมูลนะ)
ช่วงนั้น บ้านของแบคฮยอนกลายเป็นจุดศูนย์กลางให้เพื่อนอีกสามคนมารวมตัวเพื่อช่วยกันติวในวิชาต่าง ๆ ถ้าครั้งไหนลู่หานติดซ้อมฟุตบอลก็จะเหลือแค่เซฮุนกับจงอิน แบคฮยอนคิดว่าตัวเองโชคดีสุด ๆ ที่ได้อยู่ท่ามกลางเพื่อนหัวกะทิ ตอนที่ทุกคนได้รับแจกใบกรอกเลือกคณะและมหาวิทยาลัย จงอินโพล่งขึ้นทันทีว่าจะเข้าวิศวกรรมการบินของสถาบันชั้นสูงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเกาหลีที่เมืองแทจอน
ส่วนแบคฮยอนใช้เวลาคิดสะเปะสะปะอยู่นาน เขารู้ตัวว่าถนัดวิชาคณิตศาสตร์แต่ก็ไม่รู้จะเลือกอะไรดี การเป็นคนชัดเจนเหมือนจงอินนี่มันดีจริง ๆ จบมาแล้วจะต้องมีโปรไฟล์ที่ยอดเยี่ยมจนได้ทำงานในบริษัทชั้นนำแน่นอน
เซฮุนเป็นอีกคนที่เขียนใบสอบเข้าโดยไม่ต้องคิดเยอะเพราะตัดสินใจได้นานแล้ว ผลก็คือสอบติดที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยโซล ซึ่งนั่นเป็นเรื่องดีว่าต่อให้อยู่หอก็จะสามารถไปกลับบ้านบ่อย ๆ ได้
พวกเขาถูกปล่อยตัวออกมาในช่วงเที่ยง เซฮุนเป็นคนแรกที่ถูกดึงแยกไปอยู่ท่ามกลางวงล้อมของเด็กผู้หญิงค่อนโรงเรียน ก่อนหน้านั้นแบคฮยอนได้ยินลู่หานเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันบอกว่าอย่าไปยึดติดกับความเชื่อเรื่องกระดุมรุ่นพี่อะไรนั่นเด็ดขาด เพราะถ้าหายไปแม้แต่เม็ดเดียวล่ะมีเรื่อง (ถึงตรงนี้ แบคฮยอนเริ่มงงแล้วว่าลู่หานเกลียดความเชื่อเรื่องกระดุมขนาดนั้นเลยหรือ)
รองจากเซฮุนก็คงเป็นจงอินที่ฮอตอันดับสองของห้อง แบคฮยอนคิดนะว่าลู่หานอาจจะแค่อยากอยู่กลางวงล้อมสาว ๆ บ้าง เพราะบูมของชมรมกีฬาก็มีแต่พวกเด็กผู้ชายมายกตัวขึ้นแบกแล้วโยนอย่างน่าหวาดเสียว ส่วนบยอนแบคฮยอนได้แต่ยืนเฉย ๆ ตรงนี้ โอ้ ก็ไม่มีใครอยากมารุมล้อมผู้ชายธรรมดาอย่างนี้หรอกนี่นา
หลังเสร็จสิ้นพิธีอำลาแล้ว ทั้งห้องมีนัดไปกินเลี้ยงด้วยกันที่ร้านซึ่งกลุ่มจงฮยอนรับอาสาจองเอาไว้ เห็นว่าจะฉลองแบบผู้ใหญ่ ตลกดีที่ทุกคนต่างตื่นเต้นดีใจกับการก้าวเข้าสู่ชีวิตมหาวิทยาลัยขนาดนี้
“ขอกระดุมเม็ดที่สามได้ไหม”
สะดุ้งเล็กน้อยเพราะเสียงกระซิบจากทางด้านหลัง หัวใจของแบคฮยอนเต้นตึกตักอย่างคนที่ไม่รู้จักชินสักทีเวลาต้องเจอหน้าคนตัวสูงที่หายจากโซลไปเป็นปี ๆ ที่จริงเราเพิ่งคุยกันเมื่อสองคืนก่อน แต่ไม่เห็นบอกเลยว่า --
“ยินดีที่จบการศึกษา”
เชื่อเถอะว่าตอนที่พูดคำนี้ ปาร์คชานยอลอยากมีพร็อพดี ๆ เป็นช่อดอกไม้ใหญ่สักอันเพื่อสร้างความทรงจำน่าประทับใจให้คนตรงหน้า ติดก็แต่ที่นี่มีคนรู้จักเต็มไปหมด และคงไม่ดีแน่ถ้าคนอื่นมารับรู้ด้วยว่าช่อดอกไม้นั้นมีความหมายว่าอย่างไร
“มาตั้งแต่เมื่อไรเหรอ”
“เมื่อคืนนี้ แต่อยู่ค้างที่บ้านลู่หานน่ะ”
ตั้งแต่รู้ข่าวนั้น แบคฮยอนจะต้องหน้าแดงทุกทีเวลาที่ได้คุยกับคนตัวสูง ชานยอลยังไม่ได้บอกใครเรื่องที่สอบติด หนำซ้ำยังเป็นมหาวิทยาลัยยอนเซ ที่เดียวกับที่แบคฮยอนเลือกคณะบริหารธุรกิจเอาไว้
ทั้งคู่ไม่จำเป็นต้องถามสารทุกข์สุขดิบกันและกัน แต่แบคฮยอนรู้ได้ว่าที่ชานยอลตั้งใจมาแสดงความยินดีถึงที่นี่ด้วยเพราะทั้งคู่มีสัญญาร่วมกันข้อหนึ่ง สัญญาที่ชานยอลเคยขอร้องเอาไว้ว่าอย่าเพิ่งพูดจนกว่าถึงวันที่รู้แน่ว่าจะได้อยู่ด้วยกัน และวันนั้นก็เพิ่งเกิดขึ้นก่อนพิธีการศึกษาแค่เพียงไม่กี่วันเท่านั้นเอง
ร่างสูงกระแอมไอเบา ๆ คำพูดดี ๆ ที่เขาสู้นอนคิดประดิดประดอยมาทั้งคืนหายวับไปเพียงแค่อีกฝ่ายหันมามอง
“เป็นแฟ --”
“เฮ้ย! ปาร์คชานยอล”
เสียงของจงฮยอนตะโกนดังมาแต่ไกล ไอ้เรื่องขัดจังหวะนี่ขอให้บอกเถอะ มันเกิดขึ้นทุกทีเวลาที่ใครสักคนอยากพูดเรื่องสำคัญอย่างเช่นการขอคบกัน ทั้งคู่หัวเราะให้กันอย่างกับรู้ ก่อนจะหันไปให้ความสนใจคนอื่น ๆ ที่เดินเข้ามากอดคออดีตเพื่อนร่วมชั้นซึ่งย้ายไปไม่บอกไม่กล่าว
ไม่มีเวลาให้แบคฮยอนคิดว่าตัวเองเป็นส่วนเกินเมื่อคนตรงหน้ากำลังได้รับความสนใจ คิมจงอินเข้ามาประชิดตัวเขาพร้อมด้วยดอกไม้และของขวัญเต็มมือเต็มไม้ ดวงตาคมกริบปราดมองศัตรูหัวใจแค่เพียงครู่หนึ่ง จากนั้นจึงปรับอารมณ์ตัวเองด้วยการพูดประโยคซึ้ง ๆ ตามธรรมเนียม
“ดูแลตัวเองดี ๆ ล่ะ เพราะคนที่อยู่ตั้งแทจอนคงแวะมาหาเด็กยอนเซบ่อย ๆ ไม่ได้แล้ว”
“จงอินก็เหมือนกันนะ ถ้ามีโอกาสจะไปหาถึงที่นู่นเลย”
ถ้าไม่ติดว่ามีของเต็มมืออย่างนี้ เชื่อเถอะว่าคนทำหน้าหมั่นเขี้ยวอย่างนี้ต้องโดนกอดแรง ๆ สักที ตราบใดที่คิมจงอินไม่ได้แต่งงานมีลูกหรือหลงรักใครสักคนล่ะก็ เขาจะรอวันที่เพื่อนตัวเล็กอกหักอย่างใจจดใจจ่อ ถึงตอนนั้น ต่อให้มีปาร์คชานยอลสักสิบคนก็รั้งคนตรงหน้าเอาไว้ไม่ได้แล้ว
“ถ้าไม่โสดก็ไม่ต้องมา”
คำพูดติดตลกที่ทำให้คนฟังหน้าขึ้นสี จงอินเป็นอย่างนี้ตลอดเลย
ลู่หานกับเซฮุนเดินมารวมตัวทางนี้หลังจากนั้นไม่นาน เซฮุนเป็นคนเดียวที่พอจะเหลือความตื่นเต้นอยู่บ้างตอนเจอหน้าเพื่อนตัวสูง ส่วนลู่หานคงนั่งคุยกันไฟแลบไปตั้งแต่เมื่อคืน นัดกินเลี้ยงคืนนี้ ชานยอลก็ถูกคนอื่น ๆ ชวนให้ไปร่วมด้วย ต่อให้ไม่ได้จบที่เดียวกันแต่ก็จบพร้อมกัน นั่นเป็นคำพูดแมน ๆ ที่พวกผู้ชายต่างพากันตะโกนโหวกเหวกในขณะที่รุมล้อมชานยอล
แบคฮยอนอาสาช่วยเซฮุนถือของพะรุงพะรังด้วยความเห็นใจ การเป็นเจ้าชายของโรงเรียนก็ลำบากอย่างนี้ สีหน้าของเซฮุนเหมือนจะเป็นเรื่องใหญ่ แต่แล้วก็ถูกเฉลยว่าเจ้าตัวแบ่งช็อกโกแลตให้เพื่อน ๆ จนหมดไม่ได้เพราะน้องสาวคนเล็กขอเอาไว้ นั่นจึงเป็นครั้งแรกที่แบคฮยอนคุยด้วยอย่างเป็นจริงเป็นจังว่านี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย (แต่ชานยอลก็ถามขึ้นมาอีกว่าแล้วทำไมต้องจริงจังตามเซฮุนด้วย)
“คือว่า... ฉันมีความลับจะบอก”
ลู่หานกระแอมไอเบา ๆ เมื่อมองไปรอบข้างแล้วไม่เห็นใคร แม้แต่คิมจงอินตัวอันตรายก็เลี่ยงไปอีกทางเพื่อบอกลาเพื่อนห้องอื่นแล้ว ทั้งที่ยังไม่ทันรู้เรื่อง แต่แบคฮยอนสังเกตได้ว่าหน้าของเซฮุนกลายเป็นสีแดงเรื่อตัดกับผิวขาวจนเด่นชัด
“จริง ๆ แล้ว ฉันกับเซฮุนคบกันตั้งแต่ช่วงปีสอง”
“อะไรนะ”
แบคฮยอนกับชานยอลแทบจะอุทานประสานเสียงกันเพราะประโยคเมื่อครู่ ส่วนเจ้าของชื่อที่ถูกอ้างถึงเอาแต่ยืนเข้มแล้วเจียดมือข้างหนึ่งขึ้นปิดหน้าเอาไว้
“รู้อยู่หรอกว่าไม่ควรปิด แต่เอาเป็นว่าวันนี้ก็บอกแล้วนะ” ลู่หานทิ้งท้ายไว้แค่นั้น ก่อนจะเอื้อมไปดึงมือออกจากใบหน้าหล่อเหลาและลากพาเดินไปด้วยกัน ส่วนคนฟังยังอ้าปากค้างด้วยความอึ้งกิมกี่ แสดงว่าที่ตัวติดกันมาตลอดนั่น --
อาจจะเพราะกลัวความลับหลุดรอดออกไป หนุ่มชาวจีนจึงไม่ลืมที่จะหันมาตะโกนทิ้งท้ายเอาไว้
“รู้แค่พวกนายสองคนนะเว้ย! แฟนอนุมัติแค่นี้ เจอกันตอนหัวค่ำ!”
ทั้งคู่หันมามองหน้ากันอีกครู่หนึ่ง ก่อนชานยอลจะเป็นฝ่ายหัวเราะออกมาเสียงดังเมื่อสิ่งที่ค้างคาใจได้หายไปอีกข้อ
“ว่าแล้วเชียว”
“ชานยอลดูออกเหรอ” แบคฮยอนทำตาโต ถึงจะคิดว่ามันแปลก ๆ อยู่หลายครั้ง แต่บทสรุปทุกอย่างในหัวเขาก็จบลงด้วยคำว่าสองคนนั้นสนิทกันดีจัง
“ก็เดาน่ะ แต่ไม่เห็นลู่หานเคยพูดอะไร ไม่คิดว่าจะเป็นอย่างที่คิด”
ดูเอาเถอะ ทีเรื่องตัวเองล่ะอุบเงียบ แต่กับเขาและแบคฮยอนนี่ หมอนั่นเห็นเป็นของเล่นชัด ๆ
ร่างสูงหันมายืนประจันหน้าเมื่อสถานการณ์สงบ สิ่งที่เขาพูดค้างเอาไว้ยังไม่จบประโยคดีเลยด้วยซ้ำ วันนี้คือการสิ้นสุดความอดทนของนักเรียนแทกู ในเมื่อได้เรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน มีอนาคตที่สามารถเจอกันได้บ่อยๆ ชานยอลก็คิดว่าคงไม่มีอะไรต้องกลัวอีก
มือใหญ่ล้วงหยิบบางอย่างในกระเป๋าเสื้อตัวนอกออกมา มันเป็นกระดาษขนาดสี่คูณหกนิ้วที่ถูกใส่อยู่ในซองใสอย่างดีและมีรอยยับสักเล็กน้อย เมื่อแบคฮยอนยอมรับหลังจากมันยื่นตรงหน้า เชื่อเถอะว่าอกซ้ายของเขาต้องระเบิดจริง ๆ แน่แล้ว
ภาพใบหน้าเหวอที่หันมาทำใส่กล้อง แสงสีฟ้าเขียวจากผืนน้ำและเต่าทะเลว่ายผ่านทางด้านหลังทำให้เด็กหนุ่มจำได้ว่ารูปนี้ถูกถ่ายเมื่อไร ใช่ ตั้งแต่ตอนนี้ที่ชานยอลย้ายมาโรงเรียนนี้ใหม่ ๆ และเราต้องไปทัศนศึกษาทั้งที่ยังคิดว่าไม่สนิทกันดีด้วยซ้ำ ความหมายของรูปถูกเขียนไว้หลังภาพ หรือมันอาจจะแทนความรู้สึกหมดทั้งมวลที่ไม่จำเป็นต้องเป็นคำพูดออกมาจากปาก
หลงรักตั้งแต่ตอนนั้น
“แล้วเราล่ะแบคฮยอน จะเป็นแฟนกันไหม”
คนสูงกว่าพูดทั้งใบหน้าแดงก่ำ มันเรียกเสียงหัวใจให้เต้นโครมครามจนหยุดไม่อยู่ ภาพเหตุการณ์ตั้งแต่ปีสองเทอมแรกฉายย้อนขึ้นมาในหัวราวม้วนฟิล์ม แบคฮยอนคิดว่าเขาต่างหากที่เหมือนอยู่ในความฝัน
คน ๆ นั้นที่หันมายิ้มให้เมื่อเขาและเซฮุนเปิดประตูเข้ามา คนที่เจิดจ้าอย่างกับมีแสงในตัวเองเหมือนดวงอาทิตย์ ความสดใส เสียงหัวเราะ และทุกอย่างที่ชานยอลเคยมอบให้ แบคฮยอนไม่คิดเลยว่าจะมีวันที่เขาและคนตรงหน้ามาจนถึงจุดนี้ จุดที่เราอาจเคยนึกถึงและขีดเส้นคำว่าเป็นไปได้ยากไว้ให้มัน
พอแน่ใจว่าคงไม่มีใครมาขัดจังหวะแล้ว ร่างเล็กจึงตัดสินใจพูดสิ่งที่อยู่ในใจ ออกไปอีกครั้ง สิ่งที่ทั้งเขาและชานยอลอาจจะรู้ แต่มันคงดีกว่าถ้าได้ยินจากปาก
“ชานยอลจำได้ไหม ที่ฉันเคยเล่าเรื่องอาการประหลาดให้ฟัง”
รู้ เพราะว่าเคยเป็นเหมือนกัน
“ที่ว่าเจ็บหน้าอก หัวใจเต้นแรงจนเหมือนจะหลุดออกมา”
ถ้าเกิดว่ามนตร์ดำมีจริง ปาร์คชานยอลคิดว่าตอนนี้ เขาก็คงโดนมนตร์นั้นเล่นงานอยู่เป็นแน่ เพราะไม่ว่าจะเจอกันกี่ครั้ง คุยกันมากเท่าไร อ่านหนังสือฆาตกรรมมากมายแค่ไหน แต่ความรู้สึกที่มีให้คนตรงหน้ากลับไม่เคยลดลงเลยสักนิดเดียว
“มันเป็นกับชานยอลคนเดียว”
แบคฮยอนหลงรักริมฝีปากอิ่มที่ยิ้มกว้างกับใบหูแดง ๆ และเขาคงทำอะไรไม่ได้นอกจากยอมรับอาการประหลาดนี้ไปจนกว่าจะถึงวันที่ไม่รู้ว่ามีอยู่จริงหรือเปล่า
ร่างเล็กเซถลาไปข้างหน้าเพราะแรงโถมกอดจากทางด้านหลัง จากนั้นจึงถูกดันเข้าไปเรื่อย ๆ จนใบหน้าฝังอยู่บนอกแกร่งของคนในชุดไปรเวท รอบ ๆ คือนักเรียนห้องบีที่กำลังหัวเราะกันโหวกเหวกโวยวาย บางคนก็ราวกับกำลังชั่งใจอยู่วงนอก แล้วจึงคิดได้ว่าควรเข้ามาร่วมพิธีกรรมบ้า ๆ นี้เป็นครั้งสุดท้าย แบคฮยอนได้ยินเสียงตะโกนเรียกให้คนที่กำลังจะเดินออกไปวิ่งกลับมา และหนึ่งในนั้นมีชื่อลู่หานกับเซฮุนอยู่ด้วย
“เฮ้ย! ไม่คิดจะรับพรกับเจ้าแห่งมนตร์ดำของห้องบีหน่อยเหรอวะ อวยพรพวกเราหน่อยแบคฮยอน!”
คนถูกขอหน้าเหวอ คิดตามไม่ทันว่านี่มันเรื่องอะไรกันแน่ ทุกคนกอดล้อมเขาเหมือนกับงานกีฬาสีเมื่อปีก่อน ในวันนั้นก็เป็นแบบนี้ มีอ้อมแขนของชานยอลโอบรอบเพื่อช่วยกันแรงดันจนร่างของเราไร้ช่องว่างระหว่างกัน เสียงทุ้มหัวเราะเบา ๆ เมื่อเรื่อง ไร้สาระที่เคยยืนขึ้นปกป้องคนตัวเล็กกลางห้องกลับกลายมาเป็นสิ่งที่ทำให้ยิ้มได้ในวันนี้
“ฉันเองก็อยากได้พรเหมือนกัน” ใบหน้าหล่อก้มลงกระซิบ ราวกับขู่ว่าถ้ารอช้าไปกว่านี้ ทั้งคู่จะต้องเป็นจุดศูนย์กลางให้เพื่อนรุมกันเข้ามาจนหายใจไม่ออกแน่
แบคฮยอนไม่รู้ว่าคิมจงอินอยู่ร่วมในวงนี้ด้วยหรือเปล่า แต่เขาเกิดอยากขอบคุณคำสาปพวกนั้นเสียแล้ว
“โชคดีนะ! ทุก ๆ คนเลย!”
สิ้นเสียงตะโกน ทุกคนเฮลั่นราวกับว่าได้น้ำมนต์ศักดิ์สิทธ์อย่างไรอย่างนั้น ก็ลองดูเถอะว่าถ้าได้ไปเล่าให้เพื่อนตอนมหาวิทยาลัยฟังว่าพิธีจบการศึกษาเป็นอย่างนี้ คงจะได้ถูกหัวเราะแล้วหาว่าไร้สาระกลับมาแน่ แต่ใครสน!
รู้อะไรไหม?
เราอาจเคยนึกเสียใจกับสิ่งที่พบเจอ
แต่หลังจากนั้น เราจะรู้ว่าการเปลี่ยนแปลงมีค่าเพียงใด
______________________________________
โอ้ จบจริงๆแล้วสำหรับฟิคที่น่ารักที่สุดในชีวิตโอ้อะฮ่า
5555555555555555555555555555555 ไม่รู้จะทอล์คอะไรจริงๆค่ะ
เอาเป็นว่ารักฟิคเรื่องนี้มาก รักผู้อ่านทุกคนมากจริงๆ
ขอบคุณแรงบันดาลใจฟินๆจนทำให้เกิดฟิคเรื่องนี้ขึ้นมา
ต้นแบบชานยอลคุงและแบคฮยอน
ต้นแบบลู่หานและเซฮุน
ความคิดเห็น