ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [End] เมื่อสิ้นกำแพงชิน่า - Attack on Titan [Yuri] [Mikannie]

    ลำดับตอนที่ #10 : ตอนที่ 10 นครแห่งทะเลสาบ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.27K
      89
      3 พ.ค. 57

    ตอนที่ 10 นครแห่งทะเลสาบ

    “ชาช่า! แน่ใจนะว่าพาเรามาถูกทาง” แจนร้องโวยวาย

    “ไม่รู้แล้ว! หนีให้รอดก่อนเถอะ!!!” ชาช่าร้องตอบ

    ทันทีที่พวกเขาทั้งสามออกจากเขตกำแพงมาเรียพร้อมอาวุธและอุปกรณ์ใหม่ พวกเขาก็ถูกไล่ตามโดยไททันสูง 14 เมตรตัวหนึ่งและไททันวิปริตที่วิ่งด้วยแขนอีกตัว โชคร้ายที่พวกเขาออกมาสู่เขตพื้นที่โล่งแล้ว อุปกรณ์เคลื่อนที่สามมิติจึงไร้ความหมาย แจนได้แต่พยายามล่อไททันวิปริตให้เลี้ยวไปเลี้ยวมาเพราะดูเหมือนมันจะมีแต่เกียร์เดินหน้า ไม่มีเบรกหรือเลี้ยว ไททันวิปริตลื่นไถลไปตามทุ่งหญ้าเพราะออกตัวแรงเกินอีกครั้งและชนเข้ากับไททันสูง 14 เมตร ล้มโครมไปทั้งคู่

    “นั่น! ป่ายักษ์” คริสต้าร้องบอก ก่อนจะควบม้านำไปคนแรก

    ทุกคนตามคริสต้าไปโดยหวังเพียงว่าไททันวิปริตที่ตามมาติดๆนั้นจะปีนต้นไม้ไม่เป็น แต่ยังไม่ทันที่ทั้งสามจะไปถึงป่ายักษ์ ไททันวิปริตก็พุ่งตัวตามมา อ้าปากอันมหึมานั้นเพื่อจะเขมือบคริสต้าเข้าไป ตู้ม!!! ทันใดนั้น เท้าอันมหึมาก็ได้เหยียบให้ปากของไททันวิปริตต้องหุบสนิท มือใหญ่ยักษ์ของไททันสวมเกราะได้ประคับประคองร่างของคริสต้า...และม้า ขึ้นมาจากพื้นหญ้าอย่างเบามือราวกับกลัวว่าอีกฝ่ายจะแหลกสลายคามือไป

    ไททันสูง 14 เมตรเดินตามมาจนถึงตัวก็พยายามกัดเกราะที่แข็งแกร่งของไรเนอร์ เขาทุบกำปั้นข้างซ้ายใส่ และหัวของไททันตัวนั้นก็กลายเป็นชิ้นเนื้อลอยได้ แจนกับชาช่าได้แต่มองตามหน้าเหวอ ไรเนอร์เดินไปยังป่ายักษ์โดยทิ้งทั้งคู่ไว้ที่เดิม และก็ยังคงประคับประคองคริสต้าเดินต่อไปอย่างอ่อนโยน?

    สองมาตราฐานนี่หว่า!!!

    แจนและชาช่าตามไปถึงขณะที่ไรเนอร์วางม้าลงที่พื้นและวางคริสต้าไว้บนกิ่งไม้ใหญ่ เขาออกจากร่างไททัน และร่างของไททันสวมเกราะก็ค่อยๆระเหยหายไป แจนและชาช่าใช้อุปกรณ์เคลื่อนที่สามมิติดึงตัวเองตามขึ้นไปบนกิ่งไม้ใหญ่กิ่งนั้น ต่างเอามืดจับดาบพร้อมจะสู้ทันทีหากไรเนอร์มาเพื่อฆ่าพวกเขา

    “คริสต้า! แต่งงานกับผมด้วยเถอะ” นั่นคือประโยคที่ได้ยินเมื่อทั้งสองขึ้นมาถึงกิ่งไม้ใหญ่

    “..........” ทั้งแจนทั้งชาช่าก็...เงิบสิ

    “ผมหลงรักคุณมานานแล้ว คริสต้า... ”

    “เหรอคะ” คริสต้ายิ้มตอบอย่างที่ไม่ได้เห็นมานานแสนนานแล้ว “น่าขยะแขยงค่ะ”

    0_o!!!” คราวนี้เป็นฝ่ายไรเนอร์ที่ต้องสตั้น ดูเหมือนว่าเขาจะยังไม่เคยได้เห็นคริสต้าในโหมดดาร์กมาก่อน ส่วนแจนและชาช่าที่เริ่มจะชินแล้วก็ยังอดสงสารไรเนอร์ไม่ได้

    “ตะ...แต่... ” ไรเนอร์หยิกแก้มตัวเองเหมือนนึกว่ากำลังฝันร้ายอยู่ ไม่ช็อกได้ไงไหว

    “ฮิสตอเรีย จะพาพวกเราไปตายหมดรึไง” แจนกระซิบห่างๆ ทั้งคู่หลบอยู่หลังใต้กิ่งไม้เล็กกิ่งหนึ่ง

    คริสต้าก็เหมือนเพิ่งนึกได้ว่าไรเนอร์ในร่างไททันสวมเกราะ...หรือแม้แต่ในร่างมนุษย์ก็ฆ่าพวกเธอได้สบาย ถ้าหากเธอไปทำให้เขาเกลียดเธอขึ้นมา “เอ๋ ขอโทษจ๊ะ ฉันใช้คำแรงไป”

    “หา? งั้นหมายความว่า...?” ไรเนอร์เงยหน้าขึ้นมาอย่างมีหวัง

    “แต่ว่า...ไรเนอร์เป็นศัตรูนี่นา...ทำอย่างนั้น...ฉันจะไปแต่งงานกับคนแบบนั้นได้ยังไงล่ะ” คริสต้าทำท่าจะร้องให้ ส่วนชาช่ากับแจนมองหน้ากันพลางคิด...ไม่ยักกะรู้ว่าคริสต้าเจ้าบทบาทขนาดนี้

    “เรื่องนั้นนั่นเอง... ” ไรเนอร์จ๋อยสนิท “ความผิดในครั้งนั้น ผมจะไม่ขอให้ยกโทษให้หรอก ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมคุณรับรักจากผมไม่ได้”

    ไรเนอร์ทำหน้าเหมือนศพตายซาก ก่อนจะเดินหมดเรี่ยวหมดแรง กำลังจะจากไป

    “แล้วจะไม่รับผิดชอบเลยเหรอ!” คริสต้าตะโกน นั่นทำให้แจนกับชาช่าเหวออีกครั้ง ศัตรูจะจากไปดีๆแล้วแท้ๆ ยังจะไปเรียกให้หันกลับมาอีก “นายทำลายบ้านหลังสุดท้ายของเรา พอไม่ได้ดั่งใจก็ทิ้งให้เราต้องเสี่ยงอันตรายอยู่กับพวกไททัน! นายเป็นคนอย่างนี้จริงๆใช่ไหมไรเนอร์! ฮึกๆฮือ... ”

    คริสต้าทรุดตัวลงนั่ง เอามือเช็ดน้ำตาที่ไหลไม่หยุด ไรเนอร์ก็ถึงกับลน ทำอะไรต่อไม่ถูก จะพาคริสต้ากลับไปที่นครแห่งขุนเขาก็ไม่ได้ เพราะคำสั่งของคอเตชคือมนุษย์ในกำแพงทุกคนต้องตาย

    “อย่าร้องสิคริสต้า ขอร้องล่ะหยุดเถอะ” ไรเนอร์เข้ามาปลอบ แต่คริสต้าไม่ยอมให้จับตัว พอเอามือไปแตะ เธอก็สะบัดออกเหมือนเด็กงอแง “เอางี้นะคริสต้า ทางเหนือของป่านี้ห่างออกไปสามวันถ้าขี้ม้าไป ที่นั่นมีทะเลอยู่ เป็นอาณาเขตที่มีไททันน้อยมากเพราะไททันไม่ชอบน้ำลึก ไปทางตะวันออกต่อไปเรื่อยๆ ประมาณ 6 วัน เธอจะเจอทะเลสาบขนาดใหญ่... ที่นั่นมีนครแห่งทะเลสาบอยู่ เป็นเมืองท่าค้าขายของมนุษย์”

    “มนุษย์เหรอ!?” ชาช่าอุทาน นั่นทำให้ไรเนอร์หันขวับและทำท่าจะจากไป

    “เดี๋ยวสิ! แค่นี้เหรอ! จะไปพาเราไปที่นั่นเหรอ” คริสต้าเงยหน้าขึ้นมาขอร้อง

    “ขอโทษนะ ผมเป็นนักรบ หน้าที่ของผมอยู่ที่นี่” ไรเนอร์พูด ก่อนจะวิ่งจากไปด้วยร่างของไททันสวมเกราะ

    “ตีบทแตกกระจาย” แจนบอก

    “ขอโทษนะ” คริสต้าบอก เธอนั่งหันหลังให้ทั้งสองคนอยู่

    “ขอโทษทำไมเล่า เธอทำดีแล้วน่า” ชาช่าเข้าไปตบหลังคริสต้า

    คริสต้าหันมามองด้วยสีหน้าของโหมดดาร์ก คือหน้านิ่งหน้าตายเหมือนหมดอาลัยตายอยากทุกอย่างแล้วในชีวิต เธอยื่นกระติดน้ำโลหะกระติกเล็กทรงสี่เหลี่ยมขึ้นมา “ฉันเผลอใช้น้ำกินหมดแล้ว”

    ตาของคริสต้าแดง นั่นก็เพราะเธอพยายามขยี้ตาให้มันแดงเหมือนกำลังร้องไห้ แล้วเอาน้ำกินที่พกติดตัวตลอดเวลามาพรมให้ไหลเหมือนน้ำตา ไรเนอร์ซึ่งไม่ได้เห็นหน้าคริสต้าชัดๆก็ไม่รู้ถึงความแตกต่างนี้

    “แล้ว... มีใครรู้บ้างว่าอะไรคือทะเล” ชาช่าถาม แจนมองหน้าคริสต้า ไม่มีใครในที่นี้รู้จักคำว่าทะเลหรือทะเลสาบ มันไม่ได้มีอยู่ในกำแพงมาเรีย โรส หรือชิน่า จะมีแต่พวกอยากออกไปดูโลกภายนอกเต็มที่อย่างเอเลนกับอาร์มินเท่านั้นที่พยายามจะขวนขวายหาสิ่งแปลกใหม่จากหนังสือเก่าที่ถูกแบน

    “เราจะเชื่อไรเนอร์ได้จริงๆน่ะเหรอ” แจนถาม

    “เขาไม่ได้โกหก” คริสต้าบอก “ฉันมองออก”

    “งั้น...จะไปสินะ ที่ที่เรียกว่าทะเลน่ะ” แจนถามต่อ ทุกคนพยักหน้า “ไปก็ไป”

     

    การเดินทางนั้นกินเวลากว่าที่คิด คริสต้าคิดว่าพวกเขายังไปไม่ถึงจนกระทั่งผ่านมาถึงวันที่ 7 ของการเดินทาง พวกเขาเสียเวลาไปกับการหนีไททันในทุ่งโล่ง ชาช่าบอกว่าพวกเขาถึงทะเลแล้วหลังจากที่เจอดินแดนที่ปกคลุมด้วยทรายและหินกรวด แต่คริสต้าก็ยังให้พวกเขาไปต่อ เพราะคิดว่าทะเลที่ไรเนอร์พูดถึงมีหน้าตาเหมือนสถานที่มีน้ำลึกอยู่ด้วย น่าแปลกที่ในระยะหลังพวกเขาแทบไม่เจอไททันอย่างที่ไรเนอร์บอกจริงๆ ดูเหมือนว่าไททันจะกลัวน้ำ? เป็นความรู้ใหม่ที่กว่าจะรู้นั้นก็ช้าไปเสียแล้ว ในที่สุดทั้งสามคนก็มาถึงทะเล

    “ว้าว” ชาช่าอุทาน

    ผืนสมุทรกว้างไกลสุดลูกหูลูกตาทอดยาวไปถึงท้องฟ้าสีคราม ลมทะเลพัดหอบเอากลิ่นของเกลือขึ้นมาบนฝั่งปะทะใบหน้าทั้งสาม โลกในกำแพงนั้นดูเหมือนยิ่งใหญ่ก็จริง ทว่าเมื่อนำมาเปรียบเทียบกับทะเลที่กว้างใหญ่นี้ กำแพงมาเรียกลับดูเหมือนเป็นเพียงกะลาที่ครอบเหล่ามนุษย์ที่อ่อนแอไว้ภายใน

    ทั้งสามคนหยุดพักเพื่อหาเสบียง ชาช่าไม่เจอสัตว์ป่าแถวนั้นเลย แต่เธอก็ล่านกนางนวลมาได้หลายตัว แจนไปลองตกปลาอยู่แถวหน้าผาหิน เขาก็ตกได้ปลาตัวจิ๋วๆมาสองสามตัว คริสต้าลองดำน้ำลงไปดู แต่ก็ยอมแพ้กลับขึ้นมาทันทีเพราะแสบตา น้ำทะเลนั้นทั้งสามกินไม่ได้ ต้องตามหาแม่น้ำที่เป็นน้ำจืดเพื่อหาน้ำแทน ทั้งหมดเดินทางต่อไปทางตะวันออกอย่างที่ไรเนอร์บอก ครั้งนี้การเดินทางไม่ล่าช้า นั่นเพราะตลอดทางมานั้นไม่มีไททันโผล่ออกมาให้เห็นแม้สักตัว

    “นั่นเหรอ... ” แจนพูดเบาๆ เขาเคยตกตะลึงกับความงามของทะเลมาแล้ว แต่ครั้งนี้พวกเขาได้เดินทางมาถึงหุบเขาที่ภายในถูกเติมเต็มด้วยน้ำจืด พวกเขาได้มาถึงนครเมืองท่าของมนุษย์แล้ว

    นครแห่งทะเลสาบ

    นครแห่งนี้ตั้งอยู่ ณ ใจกลางของทะเลสาบ ปลอดภัยจากไททันและเป็นเมืองท่าที่เข้าถึงได้จากทุกทิศทาง เรือมากมายจอดเทียบท่า แม้ทั้งสามจะรู้สึกแปลกที่เรือเหล่านั้นล่องในผืนน้ำได้โดยไม่ต้องมีสลิงเหนือตัวเรืออย่างที่มีในกำแพงมาเรีย เรือเล็กทอดแหล่าปลา ขณะที่เรือใหญ่ขนข้าวปลาอาหารและสินค้าต่างๆจากดินแดนห่างไกลมาขาย

    สิ่งที่พวกเขาเห็นนั้นมันสงบสุขเหลือเกิน...ราวกับว่า...โลกนี้ไม่เคยมีไททัน

    “เราจะข้ามน้ำไปยังไง” ชาช่าถาม

    “นั่นไง” แจนชี้

    ลงจากเนินเขาที่พวกเขาอยู่ แม่น้ำหลายสายไหลมาบรรจบกันยังทะเลสาบ มีท่าเรือขนาดเล็กอยู่แถวนั้นพร้อมกับหอคอยสูงที่ดูเหมือนมีไว้เพื่อสอดส่องอันตรายจากโลกภายนอก นั่นเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้จดจำได้...เป็นไปไม่ได้ที่โลกนี้จะปราศจากไททัน ยักษ์ที่บ้าคลั่งเหล่านี้จะไม่มีวันศูนย์หายไปจากโลก

    ทั้งสามลงจากเนินไปตามที่แจนบอก พวกเขามาถึงท่าเรือแล้ว แถวนี้มีคนอยู่ไม่น้อย ส่วนใหญ่เป็นคนตัดไม้ที่เพิ่งกลับมาจากการหาของป่าและฟืน บางคนเป็นนายพราน เพิ่งล่าสัตว์กลับมาได้ เรือที่ท่าเรือนี้เป็นเรือขนส่งข้ามฟากทั้งหมด แทบไม่มีใครสังเกตเห็นอาคันตุกะทั้งสามเลยเพราะมัวแต่ยุ่งอยู่กับงาน

    “เอ่อ ขอโทษครับ” แจนร้องเรียกคนตัดไม้คนหนึ่ง “เราอยากเดินทางไปที่เมืองนั้น”

    คนตัดไม้มองทั้งสามคนอย่างแปลกใจ “มาจากไหนกันล่ะเนี่ย”

    “เอ่อ... ก็เดินทางมาจากป่าเขาแถวนี้... ”

    “คิดว่าฉันโง่รึไงไอ้หนุ่ม” คนตัดไม้บอก “ข้างนอกนั่นมีแต่ไททัน พวกแกยังปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ออกไปอยู่เขตป่าไม่ถึงวันคงโดนเขมือบก่อนใครเพื่อน”

    “เราคือทหารหน่วยสำรวจ มาจากกำแพงชิน่า” คริสต้าตอบ พลางเปิดผ้าคลุมสีเขียวของหน่วยสำรวจออกให้เหนอาวุธและอุปกรณ์เคลื่อนที่สามมิติชัดๆ ทุกคนหันขวับมามองเธอเป็นตาเดียว

    “กำแพง!?” คนตัดไม้คนนั้นทวนคำ “พวกเธอเป็นคนในกำแพงงั้นเหรอ”

    “ใช่ ทำไม” แจนถามกลับ

    “ขอทางหน่อย” ทหารที่เฝ้าประจำการบนหอคอยรีบโหนเชือกลงมา “ขอโทษที่จะต้องเสียมารยาท แต่ฉํนคิดว่าเจ้าหญิงคงอยากจะพบพวกเธอ”

    “เจ้าหญิงไหน” แจนถาม เพราะคริสต้าที่ยืนอยู่ข้างๆเขานี่ก็เจ้าหญิงเหมือนกัน เพียงแต่ไม่มีใครรู้และอาณาจักรของเธอได้ล่มสลายไปแล้ว “ทำไมเธอถึงอยากจะพบพวกเรา”

    “ท่าน! ไม่ใช่เธอ!” ทหารแก้คำ “เจ้าหญิงเซียจากอาณาจักรแห่งน้ำแข็งรับสั่งไว้ให้ตามหาคนที่รอดจากอาณาจักรในกำแพงมานานแล้ว แต่เราทำไม่ได้ พวกเธอต้องไปพบท่านด่วนที่สุด”

    “พวกแกรู้จักกำแพงมาเรียเหรอ โรส ชิน่า พวกแกรู้?!” แจนถามอย่างโมโห “รู้รึเปล่าว่าเราเหมือนตกนรกขนาดไหน ขณะที่พวกแกใช้ชีวิตสบายๆโดยไม่มีไททันตามรังควาน”

    “นั่นเป็นการเลือกจุดยุธศาสตร์ที่ผิดของพวกเธอเอง ไม่ใช่ความผิดเรา!” ทหารตะคอกกลับ “พวกเธอต้องมากับฉันได้แล้ว ก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนใจ ไล่พวกเธอกลับไปเจอกับพวกไททัน”

    ทั้งสามคนยอมลงเรือตามทหารไปโดยดี เพราะนี่อาจจะเป็นโอกาสที่ดีที่พวกเขาจะได้อยู่อย่างปลอดภัยอีกสักครั้งในชีวิต ไม่มีใครรู้ได้ว่าพรุ่งนี้จะเป็นยังไง โลกที่สงบสุขอย่างนครแห่งทะเลสาบแห่งนี้อาจะพังทลายไปในชั่วข้ามคืน

    “พวกแกคิดว่า...วันพรุ่งนี้พวกแกจะเป็นยังไงล่ะ?”

    “พรุ่งนี้พวกแกจะสามารถรับประทานอาหารได้อย่างสงบรึเปล่า?”

    “พวกแกคิดว่า...พรุ่งนี้พวกแกจะสามารถนอนหลับสบายและตื่นขึ้นมาได้อย่างปกติรึเปล่า?” คำพูดของรีไวล์ยังคงฝังอยู่ในความทรงจำของทั้งสามคน “คนที่อยู่ข้างๆพวกแกในตอนนี้ พรุ่งนี้...พวกแกคิดว่าจะได้เห็นเขารึเปล่า”

    “นรกอาจจะคืบคลานเข้ามาภายในวันพรุ่งนี้ก็ได้ พรุ่งนี้นรกมันอาจจะแล่นเข้ามาในสายตาพวกแก และไม่มีการรับประกันใดๆว่า...สิ่งเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นภายในวันพรุ่งนี้จริงๆ”

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×