ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [End] เมื่อสิ้นกำแพงชิน่า - Attack on Titan [Yuri] [Mikannie]

    ลำดับตอนที่ #34 : ตอนที่ 30 วันนี้จะเป็นยังไง... [EnD]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.54K
      96
      22 พ.ค. 57

    ตอนที่ 30 วันนี้จะเป็นยังไง... [EnD]

    แอนนี่พามิคาสะเดินเข้าป่า วูฟก็มาด้วย มันเป็นหมาป่าที่ไม่ได้มีความเชื่องเลยสักนิด แต่สำหรับนครแห่งขุนเขาแล้ว ก็มีมันอยู่ตัวเดียวนี่แหละที่ถูกมนุษย์เอามาเลี้ยง วูฟจะเห็นมิคาสะเป็นพ่อจอมดุ แต่มันก็ยังซนได้ตลอด ส่วนแอนนี่... จะบอกว่าวูฟเห็นเป็นอมยิ้มแท่งโตก็ไม่ผิด เจอทีไรเป็นได้ตะครุบเลีย

    ป่าแห่งนี้เป็นป่าโปร่ง แสงแดดอ่อนๆลอดลงมาตามรูใบไม้ แต่มันก็ไม่ช่วยให้อากาศในฤดูหนาวนี้อุ่นขึ้นเลย หิมะบนพื้นนั้นไม่ถึงกับหนา แต่ก็ส่งไอเย็นให้ลอยขึ้นมาตลอดเวลา สายลมอ่อนๆพัดผ่านป่าเข้ามาเหมือนแกล้งให้แอนนี่สั่นเล่น มิคาสะมองอีกฝ่ายแล้วนึกขำ รู้ก็รู้ว่าอากาศมันหนาวแต่ก็ไม่ใส่เสื้อที่หนากว่านี้มา มิคาสะไม่ค่อยรู้สึกหนาวเท่าไหร่ อาจจะเพราะเธออยู่นอกบ้านบ่อยกว่าแอนนี่จนชินกับอากาศแบบนี้ไปแล้ว

    “เอ้านี่” มิคาสะดึงผ้าพันคอตัวเองออก มันยาวพอให้พันได้สองคน เธอก็เอามันไปพันให้แอนนี่ด้วย “ดีขึ้นไหม”

    “อือ” แอนนี่มองมิคาสะ “ก้มแบบนั้นไม่เมื่อยเหรอ”

    “งั้นแบบนี้ไหมล่ะ” มิคาสะพูดแล้วอุ้มแอนนี่ขึ้นมาอย่างง่ายดาย

    “อะ?!” แอนนี่คว้าไหล่มิคาสะทันทีเพราะกลัวมิคาสะจะทำเธอหลุดมือ

    “ปกติเธอจะใส่เสื้อฮู้ดไม่ใช่เหรอ” มิคาสะมองเสื้อตัวในของแอนนี่ มันเป็นเสื้อตัวอื่นซึ่ง...นับว่าแปลก

    “เรื่องของฉัน” แอนนี่ตอบ

    “แล้ว... ไปทางไหนต่อล่ะ” มิคาสะยื่นหน้าไปใกล้เพราะอยากแหย่เล่น จากการที่ขอมาอาศัยอยู่บ้านของแอนนี่ที่ซ่อมใหม่แล้ว เธอก็ได้พบว่าการแกล้งแอนนี่เป็นอะไรที่สนุกที่สุดในปฐพี

    “อือ... ทางนั้น” แอนนี่หันหน้าหนีแล้วชี้ไปทางทุ่งโล่งที่เต็มไปด้วยดาบเสียบพื้นไว้

    “นั่นมันคืออะไรน่ะ” มิคาสะมองดาบมากมายที่เสียบอยู่บนพื้น ดาบแต่ละเล่มไม่มีเล่มไหนเหมือนกัน ทุกเล่มนั้นเสียบอยู่บนเนินเล็กๆที่มีหินสีดำจารึกอักษรโบราณไว้ “อ้อ... ”

    ถึงไม่ต้องให้แอนนี่อธิบายมิคาสะก็เดาได้แล้ว ที่นี่คือสุสาน แอนนี่คืนผ้าพันคอให้แล้วก้าวลงจากอ้อมแขนของมิคาสะ ก่อนจะลากเธอไปยังหลุมศพหลุมหนึ่ง มันมีดาบหินเสียบไว้ กลางดาบนั้นมีสัญลักษณ์รูปสิงโตซึ่งเป็นสัญลักษณ์ประจำตระกูลเลออนฮาร์ด ซึ่งจากรากศัพท์ของภาษาสมัยโบราณแปลว่าหัวใจสิงห์

    “กลับมาแล้วค่ะ” แอนนี่พูด มิคาสะเพียงแค่ยืนอยู่ห่างๆปล่อยแอนนี่พูดคุยกับหลุมศพไปเรื่อยๆ จนกระทั่งวางดอกไม้ป่าที่เก็บมาระหว่างทางให้บนหลุมศพเพื่อลา “นี่มิคาสะ... ”

    “ว่าไง”

    “ขอบใจนะ”

    “??” มิคาสะมองแอนนี่งงๆ เธอยังไม่ได้ทำอะไรให้ ทำไมแอนนี่ถึงมาขอบใจเธอ

    “เมื่อก่อนนี้... ฉันไม่กล้ามาเยี่ยมหลุมศพพ่อหรอก” แอนนี่บอก ส่วนเหตุผลน่ะเหรอ พวกเธอต่างก็รู้ว่าเหตุผลมันคืออะไร แอนนี่ก่อกองไฟขึ้นข้างๆหลุมศพพ่อของเธอ เสื้อหมวกฮู้ดที่มิคาสะถามถึงถูกพับไว้ข้างกองไฟ

    “วางไว้แบบนั้นเดี๋ยวก็ไหม้ไฟหรอก... เฮ้ย!” มิคาสะหลุดอุทานเพราะอยู่ๆแอนนี่ก็โยนเสื้อตัวนั้นเข้ากองไฟไป มันไหม้ไฟอย่างช้าๆ มิคาสะทำท่าจะเข้าไปหยิบออกมาแต่แอนนี่ก็คว้ามือเธอไว้

    “มันเป็น... ความเชื่อของพวกเราน่ะ ถ้านักรบคนไหนที่หมดห่วงแล้ว เราจะเผาสิ่งของของคนๆนั้นหรือของที่ได้จากคนๆนั้นทิ้ง เพื่อว่าดวงวิญญาณของเขาจะได้ไปสู่สุขคติในที่สุด” แอนนี่บอก นั่งมองเสื้อตัวเก่งถูกเผาไปช้าๆ เสื้อตัวนั้นพ่อของเธอเป็นคนให้ไว้ มิคาสะนั่งลงข้างๆและหยิบสร้อยเส้นหนึ่งออกมา “ ...สร้อยของชาร์ล็อตนี่?”

    “ใช่” มิคาสะตอบ โยนมันลงไปในกองไฟ ก่อนจะดึงผ้าพันคอสีแดงออกจากคอ

    “เธอไม่ต้องเชื่อแบบฉันก็ได้นี่” แอนนี่มองมิคาสะที่กำลังจะทิ้งผ้าพันคอลงในกองไฟ

    “ฉันว่า... ” มิคาสะโยนผ้าพันคอลงไป ปล่อยให้มันไหม้ไฟไปช้าๆ “ ...ฉันควรจะปล่อยเขาไป”

    ทั้งสองเดินกลับจากสุสาน วูฟวิ่งไปเล่นอะไรของมันตามป่า มิคาสะไม่ต้องคอยดูมันไว้เพราะถ้าถึงเวลานอน มันก็จะกลับไปนอนที่หน้าบ้านของแอนนี่เหมือนเดิมทุกคืน ตอนนี้ก็เริ่มเย็นแล้ว มิคาสะเข้าครัวไปแล้วหยิบเอาเนื้อที่ล่าได้มาทำอาหารเย็น เพราะจากประสบการณ์เมื่อเดือนก่อนนั้นทำให้เธอได้รู้ว่า... อย่าให้แอนนี่เข้าครัวเป็นอันขาด

    “แอนนี่ มื้อเย็นเสร็จแล้ว” มิคาสะโผล่หัวออกจากครัวมา แต่ภาพที่เห็นคือแอนนี่นอนหลับลึกอยู่บนโซฟาหนัง มีหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งวางโปะหน้าไว้ ด้วยนึกสนุกอยากแกล้งขึ้นมา มิคาสะก็ค่อยๆย่องเข้าไปข้างๆแล้วปีนขึ้นไปคร่อมอีกฝ่ายไว้โดยพยายามลงน้ำหนักบนโซฟาให้เบาที่สุด

    “จะลักหลับฉันรึไง” แอนนี่พูดขึ้นทันทีที่รู้สึกว่าโซฟายุบลง แต่เมื่อเธอหยิบหนังสือพิมพ์ออกแล้วเจอมิคาสะคร่อมตัวเธออยู่ก็ต้องสะดุ้ง “อะ..อะๆ ออกไปนะ!

    แอนนี่ตั้งท่าจะถีบมิคาสะตกจากโซฟา แต่มิคาสะก็กอดแอนนี่ไว้แน่น “ก็เธอน่าลักหลับ” มิคาสะยิ้มให้ แอนนี่ก็มอง... มอง... และถีบเต็มแรง โครม!

    “โอยย” มิคาสะลงไปนอนครางอยู่กับพื้น แล้วแอนนี่ก็ลงมาที่พื้นตาม “ ...จะทำอะไร”

    แอนนี้ยิ้ม “กด”

    “เฮ้ย!!!” มิคาสะดิ้นเต็มที่จนแอนนี่ต้องปล่อย

    “ล้อเล่นหรอกน่า” แอนนี่ลุกขึ้น “หิวแล้ว กินกันเถอะ”

    “ล้อเล่นน่ากลัวนะ” มิคาสะมองตามอย่างหวาดๆ คราวก่อนที่เกือบโดนแอนนี่กด เธอก็ได้แผลไปไม่ใช่น้อยเพราะพยายามขัดขืน เธอเดินตามแอนนี่เข้าไปในห้องอาหารซึ่งถูกรวมเป็นห้องเดียวกับห้องครัว อาหารที่มิคาสะทำไว้นั้นวางอยู่บนโต๊ะ แอนนี่ก็ไปนั่งที่เก้าอี้แต่ไม่ยอมเริ่มกิน “รออะไรน่ะ”

    “นั่นสิ” แอนนี่ตอบ นานๆทีเธอจะอ้อนมิคาสะสักครั้ง แม้จะเป็นการอ้อนแบบแปลกๆก็ตาม

    “หันมาสิ” มิคาสะหยิบจานของแอนนี่มาแล้วป้อน “เอ้าอ้าปาก”

    “งั่ม” แอนนี่งับอาหารที่มิคาสะป้อนทีละคำ ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงนึกอยากอ้อนมิคาสะขึ้นมา เธอรู้แค่ว่าให้มิคาสะป้อนแล้วมันทำให้รู้สึกมีความสุขบอกไม่ถูก

    “เอ้า” มิคาสะยื่นมาอีกคำ แอนนี่ก็ยื่นหน้าไปกิน แต่มิคาสะกลับหันช้อนเข้าปาก

    “..........” แอนนี่มองมิคาสะอย่างเซ็งๆ ใช่ บางทีมิคาสะก็แกล้งเธอ

    “ดื่มไวน์ไหม” มิคาสะกลืนอาหารลงคอแล้วยื่นแก้วไวน์ให้แอนนี่ แต่พอแอนนี่จะดื่ม เธอก็หันเข้าปากตัวเองอีก

    “ฮา... ฮา... ฮา... ตลกมาก” แอนนี่พูด ตั้งท่าจะแย่งจานอาหารของตัวเองคืนมา แต่มิคาสะก็วางจานกับแก้วไวน์ลงแล้วคว้าตัวแอนนี่มาป้อนไวน์ให้ “อื้อ??!!!

    “อร่อยไหม” มิคาสะเลียปากตัวเองที่เปื้อนไวน์

    “ยัยบ้า!” แอนนี่ผลักมิคาสะหงายท้องตกเก้าอี้ โครม! ก่อนจะแย่งเอาจานตัวเองคืนมากินต่อ

    “ฮะๆๆ... ” มิคาสะหัวเราะแหยๆ “ ...เจ็บชะมัด”

     

    สายลมอ่อนๆพัดมาถูกบานหน้าต่างชั้นบนให้มีเสียงหวีดหวิวเล่น แอนนี่ปีนออกมานั่งตากลมบนขอบระเบียงห้องนอนของเธอและมิคาสะ เพราะบ้านไม่ได้มีขนาดใหญ่ เธอจึงต้องนอนห้องเดียวกับมิคาสะ ไม่นานนักมิคาสะก็ตามขึ้นมาในชุดนอน เธอเดินมาพิงขอบระเบียงข้างๆแอนนี่

    “เดี๋ยวก็ป่วยหรอก หนาวจะตาย” มิคาสะบอก

    “นี่มิคาสะ... ” แอนนี่เรียกชื่ออีกฝ่าย “ ...ถ้าวันนั้นฉันไม่เข้าไปในกำแพง วันนี้จะเป็นยังไง”

    “เธอก็อยู่นอกกำแพงไง” มิคาสะตอบแบบกำปั้นทุบดินจนแอนนี่อยากกระโดดถีบ

    “ฉันถามจริงๆ ถ้าเราไม่ได้ทำตามคำสั่งของคอเตช... โลกในกำแพงคงยังสงบสุขต่อไปได้ใช่ไหม”

    “ไม่มีใครรู้อนาคตจริงๆหรอกน่า” มิคาสะตอบ “คอเตชคงหาวิธีอื่นถล่มกำแพงจนได้”

    “เธอรู้ใช่ไหมว่าฉันถูกฝึกเป็นนักรบตั้งแต่จำความได้”

    “อือ”

    “ตอนเด็กน่ะ... พวกนักรบเคยพาฉันเข้าไปในกำแพงครั้งหนึ่ง กลายเป็นไททันแล้วพาฉันข้ามกำแพงเข้าไป ตอนนั้นพวกนั้นพาฉันเข้าไปฝึกในป่าพร้อมๆนักรบเด็กคนอื่นๆ... ก็ช่วงที่มีคนลองของนั่นแหละ” แอนนี่เล่า “ฉันเห็นเธอ”

    “อะไรนะ?” มิคาสะถามย้ำ

    “ฉันเห็นเธอ... ถูกโจรลากตัวไปในกระท่อมร้าง” แอนนี่พูด “ฉันอยากไปช่วยนะ แต่ฉันกลัว... ถ้าเกิดขยับตัวหรือส่งเสียง ตอนนั้น... แม้แต่หายใจฉันยังไม่กล้า”

    “เหรอ... ”

    “ในวันนี้จะเป็นยังไง... ถ้าในวันนั้น คนที่เจอเธอคือฉัน ...ไม่ใช่เอเลน” แอนนี่ถาม เอนตัวมาพิงมิคาสะที่ยืนอยู่

    “ไม่รู้สิ ไม่มีใครรู้อนาคต... ฉันบอกไปแล้วนี่” มิคาสะตอบ “แต่ฉันดีใจนะ ...ที่ในวันนี้ฉันได้รู้จักเธอ”

    “นี่มิคาสะ... เธอรักฉันไหม”

    “เออ... ”

    “น่า... ฉันไม่เคยได้ยินเธอพูดจากปากเลยนะ” แอนนี่เอานิ้วเขี่ยหน้ามิคาสะเล่น

    “ก็ได้ ฉันรักเธอแอนนี่” มิคาสะพูด “ตาเธอ”

    “ฮึๆ ฉันเป็นผู้หญิงนะมิคาสะ เธอก็เป็นผู้หญิง” แอนนี่ยิ้มตอบ

    “แล้วเธอเคยสนรึไง” มิคาสะถามกลับ เอาสองมือคล้องคอแอนนี่

    “ไม่เคยแม้แต่จะคิด” แอนนี่ตอบ ก้มลงไปและบรรจงทาบริมฝีปากลงบนริมฝีปากของมิคาสะ

    ใต้แสงจันทร์และดวงดาวพร่างพราวเต็มฟ้า นี่คือหัวใจที่แอนนี่มอบให้มิคาสะ ความรักที่เธอไม่เคยได้รับ บัดนี้เธอได้รู้จักมันแล้ว มิคาสะได้มอบให้เธออย่างสุดหัวใจ ไม่ว่าสิ่งใดจะเกิดขึ้นหลังจากนี้ พวกเธอจะไม่ทิ้งกันไป...ไม่มีวัน
     


     

    ********************************************************************
     

    >>>หลังฉาก...รายงานข่าวโดยชาช่าและโคนี่<<<

    ชาช่า : นี่คือการรายงานข่าว...
    โคนี่ : ไม่ใช่ๆ ต้องเรียกว่าอ่านจดหมายลาตาย
    ชาช่า : ของใครนะ
    โคนี่ : ของไรท์ไง ก็พวกเราเพิ่งจะฝังเขาไป
    ชาช่า : อ้อใช่ๆ นี่คือการอ่านจดหมายลาตายของไรท์ของพวกเรา
    โคนี่ : //เปิดจดหมายปิดผนึก
               ต้องขอโทษที่ลงตอนสุดท้ายช้ากว่ากำหนดไป 20 นาทีและอาจจะไม่หวานมดขึ้นอย่างที่คาด
               เนื่องจากแม่ของไรท์มานั่งพูดเรื่องปฏิวัติข้างๆหู อารมณ์หวานจึงหายวับไปกับตา
    ชาช่า : และต่อไปนี้คือการสปอยสำหรับภาคต่อไป
                สำหรับภาคต่อไปนั้นไรท์ของเรายังไม่ได้ตั้งชื่อ แต่วางพล็อตคร่าวๆว่าเป็นโลกยุคปัจจุบัน
                กลุ่มหนึ่งเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจ ส่วนอีกกลุ่มทำอาชีพผิดกฎหมายแบบเต็มประตู
                ฉากบู๊ๆฉากมันๆยังคงอยู่และไม่แน่อาจจะยังมีเลือดสาดให้อ่านกัน
    โคนี่ : เราขอจบการายงานข่าวไว้เพียงเท่านี้ หากมีข่าวมาเพิ่มเราจะมารายงานในตอนพิเศษ

    ไรท์เตอร์ : ช่วยด้วย... //โดนจับใส่โลงแล้วฝังทั้งเป็น
                       ว่าแต่... ได้ฟังกันรึยัง เพลงนี้ไรท์ร้องเอง ทิ้งไว้ด้านหน้าแหละแต่กลัวไม่มีคนสน T^T



     

    Happy MikasaXAnnie Ending

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×