ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [End] เมื่อสิ้นกำแพงชิน่า - Attack on Titan [Yuri] [Mikannie]

    ลำดับตอนที่ #37 : ตอนพิเศษ 4 เพลิงไฟแห่งทะเลสาบ [รีไวล์ x ฮันซี่]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.18K
      22
      18 ก.ค. 57

    ตอนพิเศษ 4 เพลิงไฟแห่งทะเลสาบ [รีไวล์ x ฮันซี่]

    “ขอโทษที่ทำให้เดือดร้อน” ยูมิลบอก

    “ไม่หรอก ฝ่ายเราต่างหากที่ผิด” รีไวล์ตอบ

    รีไวล์และฮันซี่ได้อาศัยอยู่ในอาณาจักรลาสวู้ดของยูมิลมาเกือบเดือนแล้ว แต่ไม่ต้องอธิบายเลยว่าฮันซี่ที่อยู่ท่ามกลางเหล่าไททันที่สามารถแปลงร่างได้ตั้งแต่เกิดจะก่อปัญหาได้มากขนาดไหน หลายคนพากันเดินหนี ยิ่งหลังๆนี่ถึงขั้นต้องซ่อนตัวเวลาที่ฮันซี่เดินผ่าน เดือดร้อนถึงยูมิลที่จะต้องเชิญทั้งสองคนออกจากอาณาจักรไป

    “นึกว่าจะได้อยู่นานกว่านี้ซะอีก” ฮันซี่บ่น ขณะที่เธอปีนขึ้นหลังม้า จากที่ไม่ได้อาศัยอยู่บนพื้นดินมานาน การอยู่บนต้นไม้สูงนั้นเหมือนการใช้ชีวิตที่สงบสุขอย่างที่ไม่ได้เจอมานาน

    “เพราะใครล่ะ” รีไวล์ถาม

    “โถ่ ก็แค่ลองเฉือนเนื้อแขนไททันเล่นเอง ไม่ได้ตัดถูกตัวคนซะหน่อย” ฮันซี่ตอบ

    “เฮ้อ... ” รีไวล์ไม่เถียงต่อ แต่ควบม้านำออกไป

    “จะกลับเข้าไปในหุบเขาเหรอ”

    “ทำแบบนั้นคงได้โดนไล่ออกมาอีก” รีไวล์ตอบ เพราะในนครแห่งขุนเขาก็มีไททันจากกำแพงทั้ง 3 ชั้นเป็นประชากรส่วนมาก ถ้าปล่อยให้ฮันซี่อยู่กับพวกนั้นคงไม่ต่างจากอยู่ในอาณาจักรลาสวู้ด “ไปทะเลสาบดีกว่า”

    “นครแห่งทะเลสาบน่ะเหรอ? เคยได้ยินจากฮิสตอเรียอยู่หรอกนะ แต่ฉันไม่รู้ทางไป”

    “ฉันรู้” รีไวล์ตอบ แล้วเร่งม้านำหน้า

    ตึง...

    “ฮะ...?”

    เพียงถึงครึ่งกิโลเมตรหลังจากที่ม้าทั้งสองวิ่งออกจากป่า ทั้งสองก็พบไททันสูง 13 เมตร 3 ตัวกับไททันสูง 15 เมตรอีก 2 ตัวยืนรอดักหน้าอยู่ ราวกับว่ามันรู้ว่าป่าแห่งนี้เป็นถิ่นของใครจึงไม่กล้าย่างกรายเข้าไป แต่หากใครย่างกรายออกไปมันก็พร้อมจะเขมือบทันที 2 ใน 5 ตัวนั้นเป็นประเภทวิปริต พวกมันกระโจนเข้าใส่ทั้งสองทันที

    “ชิ” รีไวล์มองไททันพวกนั้นอย่างไม่สบอารมณ์ ตอนนี้พวกเขาอยู่ในที่โล่งแล้วและจำนวนก็แตกต่างกันเกินไป เขาจึงตัดสินใจเร่งม้าหนี ฮันซี่ควบม้าตามโดยไม่ถามแม้จะมีไททันวิปริต 13 เมตรคลานตามมาแทบจะถึงตัวแล้ว ทว่าไม่นานหลังจากนั้นไททันวิปริตก็เหนื่อยไปก่อน เหลือไททันอีก 3 ตัวที่ยังเดินตามมาซึ่งช้ากว่าฝีเท้าม้ามาก

    ไม่นานทั้งสองก็สลัดไททันพวกนั้นหลุด พวกเขาปล่อยให้ม้าได้พักกลางทางเมื่อไม่เห็นไททันอยู่ในรัศมีการมองเห็นแล้ว และเดินทางต่อไปตามทุ่งโล่ง ผ่านแม่น้ำและเนินเขา

    “กราาา!!!” โดยไม่ทันตั้งตัว ไททันวิปริตสูง 5 เมตรก็โผล่ออกมาจากถ้ำ ระหว่างที่ทั้งสองควบม้าผ่านเนินหิน

    “ไปต่อ ฉันจัดการเอง” รีไวล์บอก

    “ยิงงง!!!” เสียงตะโกนดังจากเนินหินที่สูงขึ้นไป

    ตู้ม!! ฉั่วะ! ลิ่มเหล็กหัวฉมวกขนาดใหญ่ถูกยิงให้พุ่งลงมา มันปักทะลุปากของไททันตัวนั้นและตรึงมันไว้กับพื้น ไม่ทันที่รีไวล์จะใช้อุปกรณ์เคลื่อนที่สามมิติเลยด้วยซ้ำ

    “ไม่เป็นไรนะ” ชายคนหนึ่งตะโกนถามมาจากด้านบนเนิน

    รีไวล์มองขึ้นไปก็พบหอคอยติดอาวุธที่หากเดินทางมาจากทุ่งด้านนอกจะเห็นเพียงเนินหินบดบังไว้ บนนั้นมีทหารแต่งกายด้วยชุดเกราะหนักไม่ต่ำกว่า 10 คน ชุดแบบนั้นถ้าเจอไททันเข้าไปก็คงวิ่งหนีได้ไม่ทัน แต่พวกเขาก็ยังมีชีวิตรอดอยู่ได้อย่างน่าปาฏิหาริย์ บนเกราะอกของพวกเขาตีตราเป็นรูปราชสีห์สองตัวยืนสองขาตะครุบโล่ที่อยู่ตรงกลางซึ่งมีสีแดงกับเหลืองตัดกัน... ธงสิงห์ของเกาะอังกฤษ

    “ขอบคุณพระเจ้าที่คุณปลอดภัย” ทหารอังกฤษคนหนึ่งที่ดูเหมือนเป็นหัวหน้าป้อมลงมาหารีไวล์ ฮันซี่ไม่ได้อยู่กับเขา เธอมุ่งหน้าไปนครแห่งทะเลสาบแล้ว มันอยู่ห่างจากป้อมหินนี้ไปแค่กิโลเดียว

    “พระเจ้าไม่ได้ช่วยใครให้รอดตาย” รีไวล์ตอบด้วยทัศนคติขวางโลก ทำเอาอีกฝ่ายยิ้มเหงื่อตก

    “คุณมาที่นี่ได้ยังไงกันเนี่ย ข้างนอกนั่นมีแต่ไททันเต็มไปหมด” ทหารคนนั้นถาม

    “จากป่ายักษ์... ” รีไวล์ตอบ เขาเลี่ยงที่จะไม่พูดถึงอาณาจักรลาสวู้ด เหมือนสัญชาตญาณบอกว่าอีกฝ่ายยังไม่ควรรู้เรื่องพวกนี้ “ไม่เห็นรู้ว่ามีคนอังกฤษอยู่แถวนครแห่งทะเลสาบ”

    “อะแฮ่ม!” ทหารคนนั้นกระแอมขัด “กรุงบริเตน”

    “อะไรนะ?”

    “ตอนนี้นครแห่งทะเลสาบอยู่ในอำนาจปกครองของกษัตริย์ริชาร์ดแห่งอังกฤษ ท่านได้มีเมตตาตั้งชื่อเมืองใหม่ให้นครแห่งนี้ว่า กรุงบริเตน” ทหารคนนั้นอธิบายและยิ้มเหมือนมันเป็นเรื่องน่ายินดี

    “อ้อ... ” รีไวล์ตอบ ก่อนจะชักดาบออกมาจ่อปากทหารคนนั้นอย่างรวดเร็ว

    “เฮ้ย!” ทันทีที่รีไวล์ลงมือ ทหารอีกหลายคนบนหอคอยก็ง้างคันธนูขนาดใหญ่ขึ้นเตรียมยิงรีไวล์ทันที

    “งั้นฉันคงต้องคุยกับราชาของแกหน่อยแล้ว บอกลูกน้องแกให้วางธนูลงถ้าแกไม่อยากกลายเป็นศพให้แร้งจิกกิน” รีไวล์ขู่ ในครั้งที่ทูตจากอังกฤษมาที่นครแห่งขุนเขานั้น เขาเคยได้ยินชื่อเสียงของพลธนูยาวแห่งอังกฤษ จริงๆหากมีใครใจกล้าปล่อยลูกธนูใส่เขา เขาก็อาจจะหลบไม่พ้น ยิ่งบริเวณนี้ไม่มีอะไรให้อุปกรณ์เคลื่อนที่สามมิติยึดจับนอกจากหอคอยของศัตรู แต่ไม่ว่าใครมาโดนดาบจ่อปากแบบที่หัวหน้าพวกนี้โดนอยู่แล้วก็ทำใจกล้าไม่ออกกันทั้งนั้น

    “ด...ได้....ผมจะพาคุณไป”

    ทหารอังกฤษคนนั้นพารีไวล์เข้าเมือง ส่วนทหารคนที่เหลือจำเป็นต้องเฝ้ายามต่อ นครแห่งทะเลสาบต่างไปจากที่รีไวล์ฟังจากคริสต้ามาก อยากแรกคือมีการก่อสร้างสะพานหินอย่างดีเพื่อข้ามฟาก แทนที่จะปกป้องเมืองด้วยน้ำรอบทิศอย่างที่เคยเป็น และที่เด่นสะดุดตาคือท่าเรือขนาดใหญ่ที่ถูกสร้างขึ้นที่ปากอ่าวนั้นเต็มไปด้วยเรือรบอังกฤษไม่ต่ำกว่า 40 ลำ

    “เรือรบพวกนั้นใช้ทำอะไร” รีไวล์ถาม

    “มันอาจไม่ต้องใช้ กษัตริย์ริชาร์ดตั้งใจจะสานสัมพันธ์กับราชินีของนครแห่งขุนเขาโดยให้เจ้าชายจอห์นขออภิเษกสมรสกับราชินีฮิสตอเรีย แต่ถ้านครแห่งขุนเขาตอบโต้ด้วยความรุนแรง กองทัพเรืออังกฤษพร้อมจะตอบโต้”

    “ว่าง่ายๆ บังคับคลุมถุงชน” รีไวล์สรุป

    ทหารอังกฤษพารีไวล์ไปจนถึงปราสาทที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่เพื่อความสวยงามโดยเฉพาะ ที่แห่งนี้ไม่มีทหาร แต่กลับเป็นอัศวินในสวมเกราะเต็มยศบนหลังม้ากำลังดวลทวนกันอยู่ พวกนั้นควบม้าเข้าหากันแล้วแทงให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งร่วงตกม้า ใครอยู่บนหลังม้าได้เป็นคนสุดท้ายคือผู้ชนะ

    “เฮ้ย ใครอนุญาตให้เข้ามาแถวนี้ฟะ เจ้าลูกพ่อค้า” อัศวินคนหนึ่งเดินเข้ามาและเขี่ยหัวทหารอังกฤษคนนั้นไปไกลๆ ก่อนจะหันมามองรีไวล์ “แล้วนี่อะไร”

    รีไวล์เปลี่ยนเป้าหมายจากทหารคนนั้นมาเป็นอัศวินคนนั้นแทนเพราะเห็นได้ชัดว่าชีวิตทหารชั้นล่างไม่มีความหมายกันอัศวินพวกนี้ ทว่าเมื่อคมดาบนั้นมาจ่อที่ลำคอของอัศวิน อีกฝ่ายกลับหัวเราะร่า

    “ฮ่าๆๆๆ คิดเหรอว่าดาบบางๆแบบนั้นจะฟันเกราะนี้เข้าน่ะ” อัศวินพูดแล้วชักดาบของตัวเองขึ้นมา “เห็นแก่ที่เจ้าอยากตายเร็ว ข้าจะสงเคราะห์ให้แล้วกัน”

    “ไม่คิด” รีไวล์กดยิงสลิงของอุปกรณ์เคลื่อนที่สามมิติ มันพุ่งผ่านหน้าของอัศวินไปและทะลุเสาหินอ่อนด้านหลังจนร้าวไปทั้งต้น ก่อนจะปล่อยและดึงกลับมา ตอนนี้อัศวินขี่ม้าขาวหน้าซีดเป็นไก่ต้ม “พาฉันไปหาราชาของแก”

    “ร..ราชา...? กษัตริย์ริชาร์ดอยู่ในระหว่างการเดินทางข้ามทะเล ตอนนี้มีเพียงเจ้าชายจอห์นเท่านั้นที่อยู่ภายในปราสาทแห่งนี้” อัศวินตอบ ขาสั่นอย่างหยุดไม่อยู่

    “พาไป”

    ภายในปราสาทถูกประดับประดาด้วยของฟุ่มเฟือยตลอดทางเดิน อัศวินหนุ่มถูกบังคับไม่ให้ปริปากโดยไม่จำเป็น ไม่เช่นนั้นเขาจะมีรูพรุนบนตัว เจ้าชายจอห์นดูเหมือนกำลังฝึกดาบอยู่กับราชครูของเขาภายในห้องโถงกว้าง

    “เข้ามาทำไมเนี่ย?” เจ้าชายจอห์นหันมามอง

    “มีเรื่องจะคุยนิดหน่อย” รีไวล์บอกและไล่อัศวินออกไป

    “แกเป็นใคร เจ้าสามัญชน!” ราชครูตวาด

    “ไม่เป็นไร วิลเลี่ยม” เจ้าชายจอห์นบอก ท่าทางเหมือนเด็กยังไม่ยอมโตอย่างที่ไม่เหมาะจะมาเป็นคนใหญ่คนโตที่สุดในแนวคิดแบบของรีไวล์ “มีธุระอะไรก็ว่ามา”

    “ราชินีฮิสตอเรียจะไม่มีทางยอมรับการคลุมถุงชน” รีไวล์บอก เขารู้ ฮิสตอเรียเจอการบังคับมามากพอแล้วในชีวิตของเธอ อีกทั้งเธอรักยูมิล ไม่มีใครกังขาในเรื่องนี้

    “ใช่ว่าข้าอยาก” เจ้าชายจอห์นตอบ “ใครจะอยากรีบแต่งงานกัน แต่ทำยังไงได้ ท่านพ่ออยากได้ดินแดนนี้ เจ้าก็อวยพรขอให้ราชินีของเจ้าไม่รับการเจรจาละกัน เราจะได้เปิดศึกกันเสียที”

    “ฉันจะพูดให้เข้าใจง่ายขึ้นแล้วกันนะ” รีไวล์บอก “ไสหัวไปจากดินแดนนี้”

    “ไอ้คนไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง! คนอย่างแกมันต้องก้มหัวคำนับเจ้าชายจอห์น” ราชครูของขึ้นก่อนเจ้าชายจอห์นจะทันขมวดคิ้วไม่สบอารมณ์ซะอีก

    “หุบปากซะตาแก่” รีไวล์สั่ง แต่ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ

    “แกมันวอนหาที่แล้วไอ้เตี้ยเอ๊ย” ราชครูยกดาบขึ้น มันเป็นดาบคนละแบบกับที่พวกอัศวินใช้ ดาบนี้เป็นดาบทหารเสือ ยาว บางและใบดาบกว้างไม่ถึงนิ้ว เหมาะแก่การแทงมากกว่าใช้ฟัน เขาตวัดดาบก่อนจะตั้งท่าตลกๆให้ดู เขายกดาบชี้หน้ารีไวล์แต่ท่าทางทั้งตัวและแขนอีกข้างเหมือนกำลังจะขอใครสักคนเต้นรำด้วย

    “น่ารำคาญชะมัด” รีไวล์ชักดาบขึ้นมาทั้งสองเล่ม

    “มองก็รู้ว่าคนอย่างแกมันไม่มีวิชาดาบ” ราชครูมองดูวิธีจับดาบของรีไวล์แล้วขำ แต่สิ่งที่เขาพลาดไปคือจิตสังหารของรีไวล์ คนที่จะสัมผัสเจอมีเพียงคนที่เคยเฉียดความตายมาหรืออยู่กับความตายตลอดเท่านั้น

    เคร้งๆๆๆ! ฉั่ว! เพียงชั่วพริบตาที่เผลอ รีไวล์ฟันใส่อีกฝ่ายไม่ยั้ง มารยาทในการดวลดาบเป็นสิ่งที่รีไวล์ไม่มีและก็ไม่คิดอยากจะมีด้วย ยิ่งการพูดข่มก่อนดวลยิ่งไม่ต้องพูดถึง มือซ้ายของราชครูถูกตัดจนขาดสะบั้นเพราะเขายกขึ้นมากันลำคอตัวเองจากคมดาบมัจจุราชที่หลุดมาจากระยะดาบของเขา

    “อยู่นั่นไง!!!” อัศวินที่ถูกปล่อยตัวไปเมื่อครู่วิ่งกลับมาพร้อมอัศวินเกราะหนักอีกหลายคน

    “ชิ” รีไวล์วิ่งหนีไปอีกทางซึ่งเป็นทางที่เจ้าชายจอห์นยืนอยู่ เขาหันไปกระซิบอีกฝ่ายในพริบตาที่วิ่งผ่านไป “ถ้ายังไม่ออกไปซะ ครั้งหน้าตาแก”

    เพล้ง! รีไวล์กระโจนทะลุกระจกสีที่ทำเพื่อตกแต่งและยิงสลิงโหนตัวหนีไป เจ้าชายจอห์นมองดูสิ่งที่รีไวล์ทำอย่างตื่นเต้น ทั้งอยากรู้อยากเห็นและอยากลองดู เจ้าอุปกรณ์หน้าตาแปลกๆแบบนั้น

    “ไปเอาตัวมันมา” เจ้าชายจอห์นพูด

    “แต่พระองค์... ”

    “เรียกพลธนูยาว! ไปสอยตัวมันมาให้ข้า! ใครเอาตัวมันมาได้ข้าจะตบรางวัลให้อย่างงาม” เท่านั้นแหละทั้งอัศวินทั้งทหารพลธนูกรูกันออกไปตามล่าตัวรีไวล์กันหมด

     

    “ซิบ... รีไวล์” ฮันซี่เรียกรีไวล์เข้าไปหลบในโรงเหล้าแห่งหนึ่ง เจ้าของดูเหมือนจะเป็นมิตรมากกว่าพวกทหารอังกฤษที่วิ่งอยู่ด้านนอก “เจ้าของร้านนี้เล่าให้ฟัง เขาบอกว่า... ”

    “ฉันรู้แล้ว” รีไวล์ตัดบทจบปล่อยให้ฮันซี่อ้าปากค้างในท่าเตรียมจะเล่า “ดูเหมือนตอนนี้เราไม่มีทางหนี ทหารหลายกลุ่มไปรวมตัวกันที่ป้อมทางออก”

    “ไปทางทะเลสิ” เจ้าของร้านแนะนำ “ข้าพาไปได้ เรือหาปลาจะออกหาปลาตอนกลางคืน พวกเธอแอบติดเรือไปได้ แล้วพายเรือเล็กไปจนถึงนครแห่งขุนเขา”

    “ตามนั้น” รีไวล์มองท้องฟ้า มันเป็นเวลาเย็นแล้ว พวกเขาเพิ่งเดินทางมาจากอาณาจักรลาสวู้ดตลอดทั้งวัน

    “เฮ้พ่อหนุ่ม ฉันถามอะไรอย่างสิ” เจ้าของร้านถามขึ้น “พอจะรู้บ้างไหมว่าทหารอาสาที่เดินทางไปนครแห่งขุนเขาเมื่อเดือนก่อนน่ะ ทำไมถึงยังไม่กลับมากันเลย”

    “..........” ฮันซี่มองชายคนนั้นอย่างอึดอัด เขาคงเป็นหนึ่งในญาติของทหารอาสา เท่าที่รู้...คนที่รอดตายนั้นมีน้อยมากและเดินทางกลับมากันหมดแล้ว คงไม่มีใครอยากพูดถึงคนที่ตายไปจึงปิดเงียบกันหมด “พวกเขาได้ตายอย่างกล้าหาญแล้วในสมรภูมิที่เหมือนขุมนรก แต่พวกเพราะพวกเขา เราถึงได้ชนะ”

    “งั้นเหรอ... ” สีหน้าของชายคนนั้นเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด “ถ้าอยากนั้น...ครั้งนี้ก็อย่าให้แพ้เชียวล่ะ ให้พวกขี้ขลาดพวกนี้ได้รู้จักความน่ากลัวของคนที่พิชิตราชาไททันลงได้ อย่าให้กล้ากลับมาอีกเลยนะ”

    “แน่นอน”

     

    ความมืดเข้าครอบคลุมทุกสิ่งยามราตรี คนสามคนเดินเท้าไปยังท่าเรือหาปลาโดยไม่มีใครสนใจ รีไวล์และฮันซี่ยอมทิ้งอุปกรณ์เคลื่อนที่สามมิติไว้และแต่งกายเป็นชายประมงเพื่อไม่ให้มีใครสนใจ อาวุธที่มีตอนนี้มีเพียงมีดทำอาหารจากร้านเหล้าคนละเล่มเท่านั้น

    “ถึงแล้ว เดี๋ยวฉันจะไปคุยกับเจ้าของเรือให้ก่อน” ชายคนนั้นบอกและเดินไปคุยกับชาวประมงคนหนึ่ง อีกฝ่ายพยักหน้าสองสามครั้งและยกดาบยาวทหารเสือแทงทะลุอกเจ้าของร้านเหล้า

    “บ้าเอ้ย!” รีไวล์รีบลุกหนีจากที่ซ่อน ฮันซี่ก็ด้วย แต่อัศวินหลายคนกำลังกรูกันเข้ามาจากด้านหลัง ฮันซี่จึงกระโดดนำข้ามกล่องลังไปหาชาวประมงคนนั้น อีกฝ่ายยิ้มร่าและรีไวล์ก็เห็นหน้าของเขาชัดเจน เจ้าชายจอห์น เขาแทงดาบตรงมาแต่รีไวล์เอี้ยวตัวหลบและเตะข้อมืออีกฝ่ายอย่างแรงตามด้วยเตะกลับหลังฟาดท้าทอย ทว่าเจ้าชายจอห์นก้มหลบได้ทันและเตะกวาดระดับข้อเท้า รีไวล์กระโดดหลบและใช้หัวเจ้าชายจอห์นเป็นที่ถีบตัว

    “โอ๊ย! ไอ้เจ้า!” เจ้าชายจอห์นหันมาตวัดดาบแทง แต่คนที่อยู่ตรงหน้านั้นไม่ใช่รีไวล์ ฮันซี่หลบแทบไม่ทันเพราะมัวแต่สู้กับพลธนูกับอัศวิน 3 คนอยู่ เจ้าชายจอห์นหารีไวล์ไม่เจอท่ามกลางความชุลมุน เขาจึงเบนเป้าหมายมาที่ฮันซี่แทน แทงหลบและแทง ฮันซี่ไม่ว่างพอจะมาหลบทุกคมดาบ

    ฉึก! ปลายดาบแทงลึกไปในเอวทำให้ฮันซี่เซเกือบล้ม แต่กัดฟันไม่ร้องและวิ่งหนีไปตั้งหลัก รีไวล์เพิ่งหลุดจากวงอัศวินมาได้และตามมาสมทบกับเธอ

    “ผู้หญิงช่างมัน แต่จับเป็นเจ้าเตี้ยนั่นมาให้ข้า” เจ้าชายจอห์นสั่ง และทหารทั้งหมดก็กรุกันเข้าไปบนท่าเรือ

    “ชิ” รีไวล์ยกมีดและดาบอัศวินที่ตกพร้อมจะสู้ ถึงแม้น้ำหนักจะต่างกันโดยสิ้นเชิง เขาก็ฟันและฟาดอัศวินร่วงตกน้ำไปได้หลายคน แต่เขาก็ไม่ยุ่งเกินกว่าจะไม่ทันสังเกตว่าฮันซี่ทรุดลงไปนั่งกับพื้นข้างหลังเขา “โฮ่ย ไหวรึเปล่า”

    “อะไร ที่โคลอสเซียมหนักกว่านี้ตั้งเยอะ” ฮันซี่ตอบ แต่เหมือนร่างกายจะไม่ได้เป็นอย่างที่พูด เลือดไหลออกมาไม่หยุดและหากแถวท่าเรือสว่างกว่านี้เธอจะเห็นว่าเลือดนั้นเป็นสีดำเพราะใบดาบอาบยาพิษ

    “ลงเรือไป!

    “ฉันยังสู้ได้!

    “บอกให้ไป!” รีไวล์สั่ง ก่อนจะจับอัศวินอีกคนทุ่มลงน้ำ

    “นึกว่านายไว้ใจพรรคพวกมากกว่านี้ซะอีก” ฮันซี่ลุกขึ้นจับอาวุธ

    “ฉันไว้ใจมากพอแล้ว” การไว้ใจสำหรับรีไวล์หมายถึงการเสียพรรคพวกไป ทีละคน... ทีละคน... รีไวล์หันกลับมาหาฮันซี่และยกแขนบัง ลูกธนูดอกหนึ่งพุ่งเข้าปักทะลุแขนข้างนั้น หากเขาหลบไปคนที่จะหลบไม่ทันก็คือฮันซี่ รีไวล์เอาหัวโขกอีกฝ่ายเรียกสติ “ฉันไม่เชื่อใจเธอ ไปได้แล้วยัยบ้าเอ๊ย”

    “เดี๋... ” ฮันซี่ไม่ทันจะพูดตอบ เธอก็ถูกอีกฝ่ายผลักหงายท้องและตกลงไปบนเรือบดลำหนึ่ง รีไวล์ตวัดดาบตัดเชือกที่มัดเรือลำนั้นไว้และถีบเรือให้ลอยออกไปโดยไม่รอฟังคำโต้แย้งใด

    ฮันซี่ได้แต่มองรีไวล์สู้อยู่ในความมืด แต่ไม่นานอัศวินหลายคนก็กระโจนตัวทับเขาไว้เหมือนกีฬาอเมริกันฟุตบอล ฮันซี่หันหลังให้และพายเรือออกไป เธอฉลาดพอจะคิดได้เองว่าการหันกลับไปไม่ได้เกิดประโยชน์อะไร รีไวล์มองฮันซี่พายเรือห่างออกไปเรื่อยๆจนลับตาจากใต้ร่างที่หนักอึ้งมากมายที่ทับเขาอยู่

    หากการไว้ใจใครของเขาเป็นการนำพาคนๆนั้นไปสู่ความตาย เขาก็เลือกที่จะไม่ไว้ใจใครอีกแล้ว ตลอดกาล...
     

    *********************************************************************
     

    >>>หลังฉาก<<<
    ไรท์เตอร์ : ไรท์ก็... หายไปนานน่าดูเลยเนอะ
    รีไวล์ : เออ นึกว่าตายไปแล้ว
    ไรท์เตอร์ : อย่าแช่งสิ! อุตส่าห์แต่งคู่นี้ให้
    รีไวล์ : ใครอยากได้กัน
    ไรท์เตอร์ : เอ่อ... รีดเดอร์น่ะ
                      แต่ด้วยความที่ไรท์ชอบให้นายไม่มีคู่ มันก็เลยออกมาไม่ได้ใกล้เคียงความรักเลย โทษที
    รีไวล์ : ดีแล้ว
    ไรท์เตอร์ : (-.-) ต่อไปก็คู่ของยูมิลกับฮิสตอเรียสินะ
                      มีความรู้สึกว่าไรท์แต่งตอนพิเศษไปเรื่อยๆแล้ว...
                      ตอนพวกนี้จะต่อกันเป็นเรื่องราวได้อีกเรื่องหนึ่งซะแล้วสิ
    ฮันซี่ : อ้าว แล้วไหนบอกว่าจะทำเรื่องของตำรวจผู้ร้ายไงไรท์
    ไรท์เตอร์ : อันนั้นโครงการปิดเทอมใหญ่ครั้งหน้า แต่...ปิดเทอมตุลานี้อาจจะมีภาคอื่นแทรกก็ได้ ใครจะรู้
    รีไวล์ : แกนั่นแหละควรจะรู้
    ไรท์เตอร์ : ขอโทษก๊าบบ
                      แต่ไม่แน่ๆ อาจจะมี "เมื่อสิ้นกำแพงชิน่า2" ก็ได้ เปิดสงครามกับเกาะอังกฤษโลด!
                      งั้นวันนี้ก็แค่นี้ก่อนละกัน
                      พบกันคราวหน้า(จะนานขนาดไหนก็ไม่รู้นะ)
                      ตอนพิเศษ 5 ศึกนครแห่งขุนเขา [ยูมิลXคริสต้า]

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×