คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ๏ ch.1 ๏ ๛
1
ผมหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กมาพาดคอไว้แล้วเดินออกจากบ้านเพื่อไปยังสวนสาธารณะใกล้ๆบ้านซึ่งเป็นสวนใหม่ที่รัฐบาลเพิ่งสร้างเสร็จเมื่อไม่นานมานี้ และวันนี้ผมเองก็จะเริ่มเข้าไปวิ่งจ็อกกิ้งเพื่อชมความงามของสวนแห่งใหม่นี้บ้างหลังจากที่ตั้งใจไว้ตั้งนานแล้วว่าจะมา
พอเดินเข้ามาในสวนผมก็ต้องมองรอบๆด้วยความตื่นเต้น สวนที่นี่ใหญ่มากและมีศาลาเรียงรายกันไปเพื่อให้มีที่พักสำหรับคนมาวิ่งออกกำลังกาย ผมก้าวเข้าแค่ก้าวเดียวก็เริ่มวิ่งเหยาะๆพร้อมกับคนอื่นๆที่มาออกกำลังกายเช่นกัน
“อ๊ะ! โอ๊ย!”
ทำไมถึงซื่อบื้อแบบนี้นะ ยังวิ่งไม่ถึงนาทีก็หกล้มซะแล้ว น่าอายเป็นบ้า!
“เป็นอะไรรึเปล่า ให้ช่วยมั้ย”
มือเรียวของใครบางยื่นลงมาจับมือผมให้ลุกขึ้นแบบที่ผมยังไม่ทันตั้งตัวเพราะกำลังเจ็บหัวเข่าที่ถลอกปอกเปิกจนน่ากลัว
“อ๊ะ”
ผมเซถลาไปชนเขานิดหน่อยโดยที่มีแขนของเขารับตัวผมเอาไว้ ยังไม่ทันเตรียมพร้อมกับความเจ็บเลยนะ คุณเล่นดึงผมไปขนาดนี้หัวเข่าผมก็ยิ่งแสบสิ รู้มั้ยว่าหนังที่ถลอกเวลาย่นเข้าหากันแล้วมันจะเจ็บขนาดไหน T^T
“ไปนั่งก่อนนะ ฉันพกพาสเตอร์มา เดี๋ยวฉันทำแผลให้”
“ไม่เป็นไรครับ แผลแค่นิดเดียวเอง”
ผมส่ายหน้าแล้วสบดวงตาที่ดูมีเสน่ห์อย่างน่าประหลาด ใบหน้าเรียวเล็ก จมูกโด่งรั้นที่รับกับริมฝีปากอมชมพู มันทำให้ใบหน้าของเขาดูสวยเหมือนผู้หญิงมาก ถึงแม้ว่าผมจะรู้ดีว่าเขาเป็นผู้ชาย เพราะดูจากท่าทางการเดินและร่างกายที่ไม่มีแม้แต่หน้าอกนั้นก็พอจะเดาออกได้ว่าเขาเพศอะไร
“ล้างแผลก่อนเถอะน่า”
เขาไม่สนใจที่ผมพูดเลยสักนิดเดียว หนำซ้ำยังลากให้เดินไปที่ศาลาใกล้ๆแล้วกดไหล่ผมให้นั่งลงแบบบังคับกันชัดๆ
“ผม...”
“ชู่ เงียบเถอะ นายไม่อยากให้ฉันทำแต่ยังไงฉันก็จะทำอยู่ดี”
นิ้วเรียวยาวแตะที่ริมฝีปากผมเบาๆเพื่อเป็นสัญญาณให้ผมหยุดพูดหลังจากนั้นเขาก็หดนิ้วกลับไป ส่วนผมเพียงแค่เม้มปากเบาๆเท่านั้น เพิ่งรู้จักกันแท้ๆทำไมเขากล้าสกินชิพกันขนาดนี้เนี่ย
“เฮ้ยไอ้แบคฮยอน! ม่ออีกแล้วนะ!” เสียงจากผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังวิ่งผ่านศาลาตะโกนเข้ามาแล้วมองแบคฮยอนด้วยสายตานึกสนุกก่อนที่เขาจะวิ่งจากไป
“แบคฮยอน...” ผมทวนชื่อที่ผู้ชายคนเมื่อกี้พูด
“นั่นชื่อฉันเอง แล้วก็ไม่ต้องไปสนใจคำพูดเมื่อกี้นะ เพื่อนฉันมันก็แกล้งไปงั้นแหละ”
“โอเค อ๊ะ เย็นจัง”
ผมร้องอย่างตกใจเมื่ออยู่ดีๆเขาก็ราดน้ำเย็นใส่หัวเข่าของผมแล้วใช้ผ้าเช็ดหน้าซับเบาๆ นิ้วเรียวหยิบพาสเตอร์ลายทหารออกมาแล้วแปะลงที่แผลของผมอย่างถนุถนอมจนผมแทบจะไม่รู้สึกเจ็บอะไร
“ขอบคุณฮะ”
ผมก้มหัวขอบคุณหลังจากที่เขาทำแผลเสร็จ
“ไม่เป็นไร แล้วนายชื่ออะไรล่ะ”
“คยองซูฮะ”
“หรอ งั้นก็เลิกพูดแบบทางการสักทีเถอะ คุยแบบธรรมดาก็พอแล้ว”
ผมพยักหน้าหงึกหงัก เหมือนโดนสั่งยังไงก็ไม่รู้...
“แต่ว่า...”
“ฉันขอเบอร์นายหน่อยสิ”
“O_O”
ผมเบิกตามองเขาอย่างตกใจ เพิ่งเจอกันเองนะ ทำไมขอเบอร์กันซะแล้วล่ะ เขาคิดอะไรกับผมรึเปล่าเนี่ย หรือว่าผมหลงตัวเองอยู่
“ทำไมต้องทำตาโบ๋แบบนั้นด้วยล่ะ ที่ฉันขอเพราะฉันอยากสนิทกับนายต่างหากล่ะ”
ไอ้บ้า! นายมันปากเสียที่สุดเลย ทำไมต้องมาว่าฉันตาโบ๋ด้วย! คนน้ำใจงามไร้มารยาท!
“นั่นสินะ คิดว่าจะเป็นแบบอื่นซะอีก ตกใจหมดเลย”
ผมหยิบไอโฟนออกมาจากกระเป๋าหิ้วใบเล็กสุดเท่เพื่อมาแลกเบอร์กับแบคฮยอน แต่สิ่งที่ผมทำเอาผมแทบสะดุ้งก็คือการที่อยู่ดีๆใบหน้าเรียวก็ยื่นเข้ามาที่ข้างหูผมแล้วกระซิบเสียงแผ่ว
“ยินดีที่ได้รู้จักนะ คยองซู”
“จะ จักจี้นะ อ๊ะ”
T///T
ผมเปล่าตั้งใจนะ ผมก็แค่จักจี้ก็เลยหนีบคอกับไหล่แต่ไม่คิดว่าจมูกของกับปากของแบคฮยอนจะมาโดนเข้าที่แก้มของผมน่ะสิ
“ขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจ นะ น่าอายจัง” ผมก้มขอโทษอย่างอายๆแล้วหันหน้ามองไปทางอื่นเพราะไม่กล้าสบตาคมสวยนั่น
“ไม่ต้องคิดมาก แค่อุบัติเหตุเท่านั้นแหละ ฉันไปวิ่งต่อล่ะนะ ไว้เจอกันคราวหลังละกันนะคยองซู”
แบคฮยอนโบกมือลาผมแล้ววิ่งออกไปจากศาลา ทำไมผมถึงรู้สึกว่าเขาดูอารมณ์ดีกว่าตอนแรกนะ ทั้งๆที่อยู่กับผมเมื่อกี้ผมก็ไม่ได้ทำอะไรให้เขาหัวเราะหรือมีความสุขเลยนี่นา
“แปลกจัง”
ผมพึมพำอยู่คนเดียวแล้วเริ่มวิ่งเหยาะๆต่ออีกครั้งถึงแม้ว่าจะแสบแผลที่หัวเข่าก็ตาม แต่ไหนๆก็มาแล้วทั้งทีก็อยากจะสำรวจสวนที่นี่ให้มันหนำใจสักหน่อย เหนื่อยก็ค่อยเดินเอาละกัน แผลแค่นี้คงไม่ได้ทำให้ผมตายง่ายๆหรอกมั้ง
โฮ่ง ๆ ๆ ๆ
ผมชะงักทันทีเมื่อเห็นหมาสองสามตัวกำลังวิ่งมาทางนี้ ผมกลัวหมา... และหมาสามตัวนั้นก็วิ่งมาทางผมซะด้วย!
“มงกูย่า จังกูย่า พ่อนายไม่ใช่คนนี้”
ผู้ชายผมบลอนด์ทองที่เป็นคนถือสายปลอกคอเอ่ยออกมาเสียงเนือยๆพร้อมใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเบื่อหน่าย
“จังอาย่า นายพาเพื่อนนายวิ่งมาเองนะ ขอโทษเด็กคนนี้เลยนะ”
ผู้ชายร่างสูงอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆบอกน้องหมาที่เขาวิ่งตามมา เขาคุยกับหมารู้เรื่องด้วยรึไงน่ะ แปลก แต่เขาคิดว่าผมเป็นเด็กล่ะ ให้ตาย... ผมโตจนทำงานได้แล้วนะ
“อ้าว จงอิน”
“พี่คยองซู/พี่คยองซู”
คงเป็นเพราะพวกผมทั้งสามคนเพิ่งสังเกตหน้ากันก็เลยเพิ่งรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใครสินะ =_=
จงอินกับเซฮุนเป็นเพื่อนสนิทสุดซี้กันครับ ความจริงก็ไม่รู้จักผมกันหรอก แต่เป็นเพราะว่าผมเป็นเจ้าของร้านคาเฟ่หน้ามหาฯลัยของทั้งสองที่ชอบเข้ามาอุดหนุนผมบ่อยๆก็เลยทำให้เรารู้จักกัน ผมเป็นฝ่ายทำความรู้จักเขาทั้งสองคนเองแหละ เพราะเห็นว่าเป็นลูกค้าประจำร้าน
เซฮุนมีผมสีบลอนด์ทองดูไม่เด่นหราเท่าไหร่เพราะคนในมหาฯลัยก็ย้อมสีนี้เยอะ ส่วนจงอินย้อมผมสีขาวที่ตัดกับสีผิวเขาจริงๆ แต่ยังไงสำหรับผมมันก็ดูดีนั่นแหละ ทั้งสองคนเลย
“หมาพวกนี้ของใครหรอ”
ผมถามทั้งที่ยังยืนตัวแข็งอยู่ ยังดีที่ทั้งสองคนถือสายปลอกคอเอาไว้ไม่ให้ไปไหน ไม่งั้นผมคงฉี่ราดแน่ๆ
“ของผมเอง ผมให้เซฮุนช่วยผมพามงกูกับจังกูมาเดินเล่น”
จงอินตอบผมยิ้มๆแต่ผมยิ้มกลับให้เขาแห้งๆแล้วค่อยๆถอยหลังมาสองสามก้าว
“พี่คยองซูกลัวหมาหรอ”
เซฮุนที่ดูจะรู้ทันถามผมอย่างสงสัย
“อะ อืม”
ผมตอบกลับในลำคอแล้วยิ้มแห้งๆอีกครั้ง สายตาก็คอยเหลือบมองหมาทั้งสามตัวว่าจะวิ่งมาทางผมรึเปล่า
พวกมันพยายามวิ่งมาหาผมล่ะ แต่ติดที่ปลอกคอยังอยู่ในมือของเซฮุนกับจงอินทำให้มันวิ่งมาหาผมไม่ได้ แบบนี้ก็ดีเลย ไม่ต้องวิ่งมาทางนี้จะเป็นอะไรที่ดีมากจริงๆ ต่อให้มันน่ารักแค่ไหนผมก็ยังกลัวหมาอยู่ดี
ครั้งหนึ่งผมเคยปีนขึ้นไปนั่งบนทีวีเพราะหมาวิ่งมาหาผม และนั่นก็เป็นสาเหตุที่ทีวีบ้านผมพังเพราะโดนผมนั่งจนบุบลงไปแล้วผมก็ตกลงมาจนกระจกหน้าจอทีวีบาดเข้าที่ก้น แต่บาดไม่ลึกมากก็เลยทำให้ไม่มีแผลเย็บ
“ไม่อยากจะเชื่อว่าคนน่ารักๆแบบนี้จะกลัวหมาด้วย” เซฮุนว่ายิ้มๆ
“พี่กลัวไม่ได้หรอ”
งงนะ กลัวหมาแล้วมันเกี่ยวอะไรกับน่ารักเนี่ย...
“พวกนายรีบเอามันออกไปเลยนะ พี่กลัว”
ผมบอกทั้งสองอีกครั้งพลางเดินถอยหลังไปเรื่อยๆ แต่ว่าเซฮุนกับจงอินก็ยังก้าวเข้ามาหาผมเรื่อยๆพร้อมกับหมาสามตัวที่พยายามจะวิ่งมาหาผมซะให้ได้
“ไปเลยจังอา!” จงอินว่าเสียงดังจนทำเอาผมใจหาย
“ไม่อ๊าววว!”
ผมวิ่งออกมาทันทีเมื่อหมาพุดเดิ้ลทอยกำลังวิ่งมาหา
“ฮ่าๆๆ ผมล้อเล่นครับ พี่จะวิ่งไปไหนน่ะ ผมยังรั้งสายปลอกคอจังอาไว้อยู่นะ”
ผมหยุดวิ่งแล้วหันไปมองด้านหลัง ปรากฎว่ามันก็เป็นอย่างที่จงอินพูดจริงๆ จังอายังวิ่งมาไม่ถึงผมเพราะจงอินดึงสายปลอกคอไว้อยู่
บ้าที่สุด! ผมเกือบจะหัวใจวายตายเพราะกลัวหมาแล้วนะ T^T
“นายแกล้งพี่!”
ผมกอดอกว่าเขาอย่างหงุดหงิดแต่เซฮุนกับจงอินก็ไม่มีทีท่าว่าจะขอโทษขอโพยผมเลย แบบนี้มันน่าฆ่าให้ตายซะเลยนะเนี่ย
“ผมเปล่าแกล้งนะ”
จงอินพูดหน้าตาเฉยแต่มุมปากก็ยังอมยิ้ม
“แสดงว่าเมื่อกี้พี่ฝันรึไง”
“แล้วพี่คยองซูมาทำอะไรที่นี่ครับ”
เซฮุนตัดบทขึ้นมาเพราะไม่อยากให้พวกผมต่อความยาวสาวความยืดแล้วยิ้มให้ผมฉบับที่เขาชอบทำบ่อยๆ
“มาออกกำลังกายน่ะ งั้นพี่ไปวิ่งต่อล่ะนะ ไว้เจอกันที่ร้านพรุ่งนี้”
“โอเคครับ เจอกันพรุ่งนี้นะ”
ผมโบกมือลาทั้งสองคนแล้ววิ่งต่อไป คราวนี้ไม่ใช่แค่วิ่งเหยาะๆอย่างที่ตั้งใจไว้ เพราะเห็นคนอื่นที่วิ่งสวนกันไปมาเริ่มวิ่งกันเต็มสปีดเยอะแยะก็เลยทำให้ผมอยากจะวิ่งแบบนั้นบ้าง แต่ก็ไม่ได้ตั้งใจจะวิ่งแบบเร็วโคตรๆนะ แบบนั้นมันเหนื่อย
ระหว่างที่วิ่งก็ผ่านป้ายบอกรายละเอียดของสวนที่บอกว่าที่นี่ใหญ่ขนาด 50 ไร่ ถือว่าใหญ่มากจริงๆ สมควรแล้วที่จะมีศาลาตามทางเยอะแยะ เพราะต่อให้วิ่งเท่าไหร่ก็คงไม่ได้ครึ่งของสวนสักที กว่าจะวิ่งรอบสวนนี้ได้ก็คงอีกนานแน่ๆ
แต่แล้วอยู่ดีๆก็...
ครืนนนน
ฟ้าร้อง!
T^T
ผมวิ่งมาไกลมากเลยนะ! ทั้งตัวก็มีแค่ผ้าขนหนูผืนเล็กที่พาดคอไว้อยู่ กับกระเป๋าสะพายใบเล็กๆใบโปรดที่ใส่ขวดน้ำไว้ ร่มก็ไม่ได้พกมาแล้วจะกลับยังไง
แต่สักพักก็ทำให้ผมจำเป็นต้องวิ่งเข้าศาลาเมื่อฝนลงเม็ด...
“โชคร้ายเป็นบ้าเลย รู้งี้ไม่มาดีกว่า ทั้งที่ทีแรกท้องฟ้ายังไม่มีทีท่าจะตกเลยด้วยซ้ำ”
ผมนั่งพูดฟึดฟัดอยู่คนเดียวเหมือนคนบ้า ก็มันหงุดหงิดนี่นา อยู่ดีๆก็ตกลงมาแบบนี้
ยิ่งนานๆเข้าฝนก็ยิ่งตกหนักขึ้น ทุกคนที่กำลังวิ่งอยู่ต่างก็พากันวิ่งเข้าศาลาเพื่อหลบฝนกันหมด แต่เนื่องจากศาลาผมอยู่ไกลมากก็เลยไม่มีใครเข้ามาทางนี้เลย
“หนาวๆๆ”
เสียงทุ้มนุ่มของใครบางคนดังมาแต่ไกลพร้อมกับเงาที่แทบมองไม่เห็นเพราะฝนตกหนักมากจนบดบังคนตรงหน้า จนในที่สุดเขาก็เดินมาถึงศาลาที่ผมนั่งอยู่และก็ทำให้ผมรู้ว่าคนๆนี้คือแบคฮยอนนั่นเอง ตัวนี่เปียกชุ่มมาเลยล่ะ
“อ้าว คยองซู”
เขาว่าอย่างดีใจเมื่อเห็นว่าเป็นผมที่นั่งอยู่ในศาลา
“ตัวเปียกหมดแล้ว”
ผมยื่นผ้าขนหนูที่พาดคอให้แบคฮยอนเพื่อให้เขาเช็ดหน้า
“ขอบใจ”
“นายมาคนเดียวหรอ ไม่เห็นเพื่อนนายเลย”
“วิ่งหลงกันน่ะสิ ฝนตกหนักจนแทบมองไม่เห็นอะไรเลย กระเด็นเขาตาซะเจ็บจี๊ด”
แบคฮยอนว่าพลางซี๊ดปาดจนทำเอาผมอดยิ้มไม่ได้เมื่อเห็นท่าทางของเขา
“หนาวชะมัด ขอกอดนายหน่อยสิ”
“หือ อะ เฮ้ย”
ผมอุทานเสียงเบาเมื่ออยู่ดีๆแบคฮยอนก็ดึงผมเข้าไปกอดข้างๆ ผมทำอะไรไม่ถูกทันทีเมื่อเจอแขนของแบคฮยอนโอบรัดผมแน่นขึ้นเรื่อยๆ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็กอดเขาตอบเพื่อให้ความอบอุ่นแก่เขา ก็เขาเป็นคนบอกเองนี่ว่าหนาวน่ะ
แต่มันกลับมีบางสิ่งที่ทำให้ผมแทบช็อคเมื่อเขาพูดออกมา...
“ฉันชอบนาย”
“พูดอะไรของนาย”
ผมขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ จะผละออกจากเขาเพื่อถามตรงๆแต่แขนของเขากลับกอดแน่นไม่ยอมปล่อยให้ผมออกจากอ้อมกอดของเขาไปได้ง่ายๆ
“ฉันชอบนายมาก ตั้งแต่ที่เจอเมื่อกี้แล้ว”
“พูดเป็นเล่น ปล่อยฉันเลยนะ”
ผมสั่งเขาเสียงเฉียบแต่แบคฮยอนก็ไม่ยอมปล่อยผมง่ายๆ และนั่นก็ทำให้ผมเริ่มดิ้นเพื่อให้เขาปล่อย
“อย่าดิ้นสิ”
ผมรู้สึกหัวใจจะวายเมื่อแบคฮยอนยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผม มือเรียวของแบคฮยอนไล้ที่ใบหน้าผมเบาๆจนทำเอาหัวใจของผมเต้นระรัว ไม่รู้ว่าเป็นเพราะกลัวรึเปล่า
“ถ้านายไม่ปล่อยฉันจะร้องให้คนมาช่วย!”
“ฮะๆ พูดแปลกๆนะ ฝนตกหนักขนาดนี้ไม่มีใครได้ยินหรอก”
แบคฮยอนยิ้มกริ่มแล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนหน้าผากของเราสองคนชนกัน มือเรียวที่ไล้หน้าผมก็รั้งหัวผมไว้ไม่ให้ขยับไปไหน จนกระทั่งริมฝีปากของเขาประทับที่ริมฝีปากผมช้าๆ จนผมหลับตาปี๋ทันที
ความรู้สึกนุ่มนิ่มยังคงมีอยู่ที่ริมฝีปากของผม นิ้วเรียวบีบคางของผมแรงจนผมต้องร้องออกมาเพราะความเจ็บแต่มันกลับกลายเป็นว่าตอนนี้ลิ้นของแบคฮยอนรุกล้ำเข้ามาในปากของผมซะแล้ว
“อือ”
ในหัวของผมมันสับสนไปหมด มือที่ผมคิดว่ามันคงจะไร้เรี่ยวแรงเหมือนในนิยายที่ผมเคยอ่านมันกลับไม่ได้เป็นอย่างที่ผมคิด
ผมใช้มือทั้งสองข้างพยายามผลักไหล่ของแบคฮยอนด้วแรงทั้งหมด แต่ดูเหมือนว่าแบคฮยอนจะไม่สะทกสะท้านเลยสักนิด ถึงแม้ว่าเขาจะตัวโตกว่าผมนิดหน่อยแต่ก็ไม่น่าจะมีแรงรั้งตัวเองได้ขนาดนี้นี่นา เขาคงต้องแข็งแรงมากแน่ๆ
“บะ แบค อือ”
ผมจะทนไม่ไหวแล้วนะ พอเขาถอนริมฝีปากออกก็เอาแต่สูดดมที่ซอกคอของผมจนจักจี้ไปหมดแล้ว
“หยุดนะ!”
แบคฮยอนชะงักทันทีเมื่อถูกผมขึ้นเสียงใส่ ผมทั้งอายทั้งโกรธที่สู้เขาไม่ได้ ผมรู้ตัวว่าแรงผมน้อยนั่นจึงทำให้ผมผละออกจากตัวเขาไม่ได้สักที แต่นี่มันเป็นการเจอกันครั้งแรก เขาไม่น่ามาทำแบบนี้กับผมเลย
“ฉัน...”
“ฉันโกรธนาย!”
ผมว่าตัดบทใส่แบคฮยอนเสียงดังแล้วลุกขึ้นไปนั่งที่อื่นเพราะไม่อยากนั่งใกล้คนอย่างเขา แต่ก็ไม่คิดจะออกไปจากศาลาหรอกนะ มันจะเปียก!
“ขอโทษ ฉันแค่ลืมตัว”
แบคฮยอนรีบเดินเข้ามาหาผมแล้วทำหน้าหูตกหางตกแต่ผมก็ไม่ใจอ่อนให้หรอก ผมไม่ใช่คนจิตใจดีเหมือนหน้าตาตัวเองสักหน่อย
“นี่มันเป็นการเจอกันครั้งแรกของฉันและนายนะแบค ถ้าอยากเป็นเพื่อนฉันอยู่ก็อย่าทำแบบนี้ นายมาล้อเล่นความรู้สึกของฉันไม่ได้”
“แต่ฉันชอบนายจริงๆนะ”
“แล้วมีอะไรที่จะมายืนยันได้ว่านายชอบฉันจริงๆ”
“หมายความว่าถ้าฉันยืนยันความรู้สึกของฉันได้ นายก็จะยอมเป็นแฟนฉันรึไง”
“ไม่มีทางแน่นอน ฉันก็แค่จะให้โอกาสนายเข้ามาในชีวิตฉัน”
ผมเริ่มขยับห่างออกจากแบคฮยอนเมื่อเขาเริ่มขยับเข้ามาใกล้ผมเรื่อยๆ ทำไมเขาขี้ตื๊อแบบนี้นะ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ผมขอไปสะดุดขี้หมาที่ไหนสักแห่งที่ไม่มีเขาได้มั้ยเนี่ย
ทั้งมือทั้งแขนของแบคฮยอนเริ่มอยู่ไม่สุขแล้วมาจับนู่นจับนี่ผมไปทั่ว ผมทั้งปัดทั้งแกะมือเรียวนั้นออกแต่แบคฮยอนก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดสักที ให้ตาย ผมจะร้องไห้แล้วนะ เขามาทำรุ่มร่ามแบบนี้กับผมได้ยังไงกัน ไร้มารยาทที่สุด
“อย่ามายุ่งกับฉันนะแบค”
ผมพูดปรามแบคฮยอนเสียงนิ่ง
“ไม่เอา แบคขอโทษจริงๆนะ”
อะไรเนี่ย! ทำไมอยู่ๆเขาก็แทนตัวเองว่า ‘แบค’ ล่ะ แบบนี้มันทำให้ผมรู้สึกแปลกๆนะ ยังไม่ได้สนิทกันมากมายอะไรขนาดนั้นสักหน่อย
“ไม่เห็นจะต้องคิดอะไรมากเลยนะคยองซู ฉันแค่จูบนาย ไม่ได้คิดจะปล้ำนายสักหน่อย”
“ลองนายทำดูสิ ฉันจะฆ่านายแน่”
“จริงหรอ ท้าแบคสินะ...”
แบคฮยอนยิ้มกริ่มจนผมเริ่มใจไม่ดี อย่าบอกนะว่าเขาคิดจะทำจริงๆน่ะ T^T
“นะ นายอย่าคิดจะทำนะ”
“แต่คยองซูเป็นคนท้าแบคนะ”
“ฉันแค่ขู่นาย ไม่ได้จะท้าสักหน่อย”
ผมขยับถอยหลังไปเรื่อยๆจนแผ่นหลังติดกับเสาของศาลา แขนทั้งสองข้างยกขึ้นมากั้นผมไว้ไม่ให้ไปไหน
ผมใช้มือทั้งสองข้างปิดหน้าตัวเองไว้ ยิ่งใบหน้าของแบคฮยอนเข้ามาใกล้เท่าไหร่ผมก็รู้สึกลมหายใจที่กำลังรดรินอยู่บนมือของผมก่อนที่มันจะค่อยๆหายไป
“อื้อ เจ็บ!”
ผมร้องเสียงดังเมื่อแบคฮยอนเลื่อนริมฝีปากลงมาดูดที่ซอกคอผม ถ้าฝนไม่ตกป่านนี้ผมคงวิ่งหนีแบคฮยอนออกไปตั้งนานแล้ว ไม่ปล่อยให้เขามาทำรุ่มร่ามอะไรแบบนี้หรอกนะ
“ถือว่าแบคจองคยองแล้วนะ ใครเห็นก็คงไม่กล้าจีบแล้วล่ะ”
“นายมันบ้าที่สุดเลย!”
ผมพูดใส่แบคฮยอนอย่างหงุดหงิดแล้วหยิบผ้าขนหนูที่ให้เขายืมมาพาดที่คอตัวเองเพื่อปกปิดรอยคิสมาร์คของเขา ตอนนี้ใบหน้าของผมคงแสดงออกมาได้อย่างชัดเจนว่ากำลังหงุดหงิดอยู่แน่ๆ
“ห้ามมาแตะต้องตัวฉันเด็ดขาด ไม่งั้นฉันจะเกลียดนายไปมากกว่านี้แน่ๆ”
ผมพูดเบรคเมื่อแบคฮยอนจะเข้ามากอดผมอีกแล้ว
“แต่แบคหนาวนะ”
เขาพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อนแต่มันก็ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกดีเลยสักนิด แบคฮยอนทำตัวเหมือนกับว่าเมื่อกี้มันไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นเลยสักนิด แต่ผมไม่ได้คิดแบบเขา รู้มั้ยว่านั่นมันจูบแรกของผมเลยนะ!
อีกอย่างผมก็ไม่เคยมีแฟนด้วย อยากจะเสียจูบแรกให้คนที่รักมากกว่า ไม่ใช่มาเสียให้คนที่มาแกล้งผมเล่นนะฮะ T^T
“แข็งตายไปเลย ฉันไม่สนใจหรอก ทำตัวไม่ดีเองนี่!”
แบคฮยอนทำหน้าเศร้าจนเห็นได้ชัด และผมมันก็เป็นพวกใจแข็งซะด้วย ไม่คล้อยตามง่ายๆหรอกนะ
“ใจร้ายว่ะ”
“เรื่องของฉัน”
“ไม่มีน้ำใจ”
“เรื่องของฉัน”
“ไม่มีความเมตตา”
“หุบปากเลยนะ!”
คราวนี้ผมลุกขึ้นมองแบคฮยอนอย่างโมโหก่อนจะเดินออกจากศาลาไปทันทีโดนไม่สนว่าฝนตกหนักแค่ไหน ขอทีเถอะ ขออย่าให้ผมได้พบได้เจอกับผู้ชายคนนี้อีกเลย ผู้ชายอะไรฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องรึไงนะ ห้ามเท่าไหร่ก็ไม่ฟัง
แต่เขาว่ากันว่าเกลียดอะไรมักได้อย่างนั้น...
งั้นผมจะขอให้มันตรงข้ามเพื่อไม่ให้เจอเขาดีกว่า
ขอให้ผมได้เจอแบคฮยอนบ่อยๆนะครับ!
_____________________________________________________________________________________
TALK
สวัสดี สวีดัส ชาวรีดเดอร์ที่รักของบัตเตอร์ ^O^
ในที่สุดฟิคแบคโด้ก็เปิดเรื่องงงงงงง!!
ฝากติดตามด้วยนะคะ เม้นสักนิดจิตใจแจ่มใสฝุดๆ
สองทุ่มแล้วก็รีบอาบน้ำทำการบ้านแล้วนอนกันซะนะคะ เดี๋ยวจะตื่นสายเอาาา
ความคิดเห็น