ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Got7]Got 2 Survive {BNior,JackJae,MarkBam}

    ลำดับตอนที่ #32 : ตอนที่ 30 : 30th Bullets 100 เปอร์ช้าๆงับ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.29K
      18
      20 พ.ย. 57




    ตอนที่ 30 : 30th Bullets  - Leader Game ต่อ -



    "ทดสอบยังไงหน่ะเหรอ?.....อืม......ก็.......โดยปรกติต้องมีสถานการณ์อะไรสักอย่างมาทดสอบ

    ความสามารถในการแก้ปัญหาและการตัดสินใจ
      งั้น...การที่เรานั่งคุยกันไปก็ไม่ได้ประโยชน์

    อะไรสินะ
    " ชิโนบุ เก็นซุย เปรยกับตัวเองให้แจบอมที่นั่งตรงข้าม ไม่ไกลนักได้ยิน






     

    "อ่าห์...ชั้นนึกออกแล้ว  พอดีลืมบอกไป  พวกเราได้รับคำสั่งมาให้ สอนพวกนาย หรือกำจัดทิ้ง

    ซะ โดยแบ่ง เป็น 3 ทีม คือ ทีมที่ 1 คือ ทีม ของ ชั้น ทีมที่สอง คือทีมของ อากิ กับอาโอย และ

    ทีมที่ 3 คือ พวก ที่เหลือ ฉันเดาว่า ทีมที่ 3 คงจะให้ เด็กๆของนายฆ่ากันเองจนเหลือผู้ชนะ 1

    คน ส่วนทีมที่ 2 คงจะ ทรมานจนกว่าจะตาย ทั้งคู่ ส่วน ทีมของ ชั้น ก็คิดอยู่นะว่าจะจัดการเมื่อ

    ไหร่ดี
    " ชิโนบุเก็นซุย ใช้นิ้วเคาะโต๊ะไม้ญี่ปุ่นเนื้อดี ก่อนจะค่อยๆบรรจงยกถ้วยชาขึ้นจิบ โดยไม่

    ละสายตาจากคู่สนทนาตรงหน้าที่เริ่มมีประกายตาเปลี่ยนไป






     

    แจบอมเข้าใจว่านี่ไม่ใช่การจำลองสถานการณ์ เขากำลังถูกทดสอบการตัดสินใจในภาวะกดดัน

    ที่เกิดขึ้นจริง ยูคยอม แบมแบม และยองแจ ต้องมาสู้กันเองภายใต้แผนการอะไรสักอย่างที่นาย

    ใหญ่วางเอาไว้ ผลลัพธ์ที่แย่ที่สุดคือ ทั้ง 3 คนไม่ผ่านการทดสอบและต้องบาดเจ็บหนัก หรือ

    เสียชีวิต  มันคงแย่มากถ้าเกิดเหตุการณ์อย่างนั้น โดยที่เขาไม่สามารถทำอะไรได้  ตรงจุดนี้

    ต้องหาทางช่วยเหลือ  ส่วนด้าน มาร์ค กับแจ๊กสัน  ทั้งคู่เป็นคนจริงจัง และมีการตัดสินใจที่ดี 

    แต่ก็ไม่อาจวางใจได้ว่าจะผ่านการทดสอบ หรือการทรมานอะไรนั่นได้เหมือนกัน  ส่วนตัวเขาเอง

    นั้น  ก็ยังลูกผีลูกคนไม่มีอะไรมาการันตีเลยว่าจะผ่านการทดสอบตรงหน้าไปได้หรือป่าว
    ?

    แจบอม  ใช้ความคิด ขบกรามแน่นด้วยความเครียดโดยไม่รู้ตัว มีสีหน้าและท่าทางอยากจะฆ่า

    คนอย่างไม่ปิดบัง






     

    "ขอผมไปสังเกตการณ์การฝึกของน้องๆสักนิดได้ไหมครับ?" แค่พริบตาเดียวแจบอม สามารถ

    ระงับความกังวล กลับมาอยู่ในโหมดปรกติราวกับไม่รู้สึกกดดัน เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเป็นปลิด

    พริ้ง ได้อย่างน่าแปลกใจ






     

    ชิโนบุ เก็นซุยยกคิ้ว ขึ้นข้างหนึ่ง พร้อมกับอมยิ้มเล็กน้อยก่อนจะ ตอบว่า...





     

    "ได้สิ.......  แต่ต้องล้มชั้นให้ได้ก่อนนะ!!" ชิโนบุ เก็นซุย ใช้คาตาน่า ด้ามจับสีทอง พันเชือก

    ไหมสีดำ เว้นช่องว่างเป็นสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัด ประดับเมนุกิ*เป็นแผ่นเหล็กสีเงิน (*แผ่นเหล็ก

    สลักลายที่ใช้สอดใส่ในด้ามจับของดาบเพื่อบังหมุดเชื่อมดาบ ช่วยเรื่องความสวยงามและช่วย

    ให้จับดาบได้กระชับมือขึ้น) สลักชื่อมุรามาสะ ช่างตีดาบระดับตำนาน







    ดาบล้ำค่านั่นไม่รู้ว่าถูกชักออกจากฝักตอนไหน ฟันเข้ากลางโต๊ะญี่ปุ่น ที่แจบอมนั่งอยู่เมื่อครู่

    โดยไม่ให้ซุ่มให้เสียง ทั้งโต๊ะ ถ้วยชา และถาดรอง ขาดออกจากกันราวกับมันทำมาจากเต้าหู

    นิ่มๆ






     

    ความเร็วของการลงดาบสูงมากจนแจบอมเองก็หลบไม่พ้น ปอยผมหน้า ถูกคมดาบตวัดผ่าน

    ขาดปลิวออกมาเป็นกระจุก ตามด้วยเลือดสีแดงสด ที่ย้อยจากหว่างคิ้วของเขาลงมาอย่างเชื่อง

    ช้าเป็นลำดับสุดท้าย







    ไม่ทิ้งเวลาให้แจบอมโวยวายหรือตั้งคำถาม  ชิโนบุ เก็นซุย กระชับดาบคว่ำคมลงเตรียมโจมตี

    ต่อ  






     

    แต่ด้วยสัญชาติญาณ ทำให้แจบอมรู้ว่าครั้งต่อไป ต้องเข้าเป้าไม่ใช่แค่ขู่แบบเมื่อครู่แน่ๆ ทำให้

    เขารีบชักดาบเอฟุตาชิ ของตัวเองออกมาปัดคมดาบที่พุงตรงเข้าหมายคอหอยของเขาได้อย่าง

    หวุดหวิด






     

    แรงส่ง ความรวดเร็วและแม่นยำ มันสมบูรณ์แบบ น่าเกรงขราม ไม่สมกับเป็นฝีมือของชายวัย 60

    สักนิด มันเฉียบคม รุณแรง เต็มไปด้วยรังสีอำมหิต เปี่ยมพลังทำลายล้างมหาศาล ดุจชาย

    ฉกรรจ์ผู้ช่ำชองเป็นผู้ลงมือ






     

    ตั้งแต่เดบิวมา  ไม่ใช่สิ ตั้งแต่เกิดมา แจบอมไม่เคยรับรู้ความน่ากลัวระดับนี้มาก่อน ความกลัว

    ชนิดที่ว่าหากพลาดอะไรไปในเสี้ยววินาที คงไม่มีวันพรุ่งนี้อีกต่อไป ร่างกายสั่นเทิ้ม หัวใจเต้นรัว

    สุดขีด ตอนนี้เขากลัวมาก กลัวจนไม่กล้าหายใจ หรือแม้กระทั่งกระพริบตา






     

    ชิโนบุ เก็นซุย ยังคงโจมตีต่อ อย่างรุนแรง เน้นไปยังจุดตายทั้งสิ้น  แจบอมเองรู้จักจุดตายใน

    ร่างกายเป็นอย่างดี แม้จะหลบเลี่ยงบ่ายเบี่ยงไปได้ แต่ร่างกายก็ ค่อยๆโดนตัดกำลังบั่นทอน

    และมีบาดแผลเพิ่มขึ้นๆ






     

    ไม่โดนปาดเข้าคอหอย แต่ก็เฉียดเข้าเนื้อที่คอไป   ไม่โดนแทงเข้าหัวใจ แต่ก็ โดนปาดเข้าไหล่

    ซ้ายแทน  ไม่โดนฟันเข้าแสกหน้า แต่ก็โดนเฉียดขมับนิดเดียวเท่านั้น  ไม่ปักเข้าชายโครง แต่

    คมดาบก็แฉลบเข้าสีข้างเป็นแนวยาว







    แจบอม เริ่มหอบหนัก เลือดและ เหงื่อโทรมเหมือนไปวิ่งทางไกลมาซัก 10 กิโลเมตร ในขณะที่

    ชิโนบุ เก็นซุย มีแค่เหงื่อซึมตามไรผมนิดหน่อย
     ทั้งที่เริ่มต่อสู้กันมาได้ไม่ถึง 10 นาที







     

    "อ่อนแอ อย่างนี้จะไปช่วยใครได้เหรอ เอาตัวเองยังไม่รอดเลยนะ ฮ่า ฮ่า ฮ่าชิโนบุ เก็นซุย

    พูดจายั่ว โทสะแจบอม







    ก็โอเค๊ (เสียงสูง)...ถ้าเป็นเมื่อก่อนนี้ ผมคงโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยง หลงไปกับคำยั่วยุ ถากถาง

    เข้าชนกับทุกอย่างที่ไม่พอใจ ทุกสิ่งที่มาขวางมือขวางเท้า หรือขวางทางอย่างบ้าคลั่ง ตรงไป

    ตรงมา แต่ตอนนี้ผมไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว  ผมยังมีจินยอง และสมาชิกทีม
    Got7 อีก 5 คนที่เป็น

    เหมือนครอบครัว ต้องดูแล และฝ่าฟันปัญหาทุกอย่างไปด้วยกัน  ถ้าผมทำมันได้ดี  สามารถทำ

    ทุกอย่างได้ดี  ทุกอย่างจะต้องโอเค  ต้องใจเย็นๆ เข้าไว้ มันต้องมีหนทางสิน่า แจบอมบอกตัว

    เองพยายามตั้งสมาธิ อันดับแรก ต้องปกป้องตัวเองให้ได้ ก่อนจะไปปกป้องคนอื่นๆ






     

    แค่เพียงตั้งหลักได้ไม่นาน  แจบอมเริ่มหายตื่นเต้น ร่างกายเริ่มชินกับความเร็ว และการ

    เคลื่อนไหว สามารถรับรู้และอ่านทางการโจมตีของชิโนบุ เก็นซุยได้แล้ว และจนในที่สุด

    สามารถดักทาง ปัดคมดาบไม่ให้สัมผัสถูกร่างของเขาได้อย่างสมบูรณ์แบบ







    แจบอมเรียนรู้ด้วยร่างกายได้อย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ  ปรกติคู่แข่งหรือ ศัตรูที่ชิโนบุ เก็นซุยเคย

    เจอมานั้น ไม่ค่อยมีใครมีชีวิตรอดเกิน 10 นาที  หรือ ถึงเกินมาก็ ไม่เกิน 30 นาที และยิ่งกว่านั้น

    ไม่เคยมีใครสามารถปัดป้องการโจมตีของเขาได้อย่างสมบูรณ์แบบ อย่างที่แจบอมทำได้เลยสัก

    ครั้งเดียว แม้คมดาบจะไม่เข้าจุดที่ต้องการเพราะถูกปัด ป้องกัน หรือหลบได้ แต่ดาบมุรามาสะ

    ของเขา  ก็ต้องเข้าเนื้อได้เลือดทุกครั้งไปที่ถูกฟาดฟันออกไป  มันเคยเป็นอย่างนั้นมาตลอด จน

    กระทั่งได้เจอเด็กคนนี้
    ...






     

    "ชั้นคงแก่เกินไปแล้วสินะ  เรี่ยวแรง ความแม่นยำถึงได้ถดถอย  หรือว่า ที่หลบได้หน่ะแค่

    บังเอิญ
    ?!!" ชิโนบุ เก็นซุย พุ่งตัวเข้าโจมตีรอบใหม่ทันที แต่คราวนี้ แจบอมได้ตั้งท่าแสดงว่าจะ

    เตรียมเข้าต่อสู้ ไม่เอาแต่หลบหนี หรือ ปัดป้องเหมือนก่อนหน้านี้แล้วเหมือนกัน






     

    นั่นคือความกล้า หรือความบ้าบิ่นกันนะ ที่เขาเสี่ยงตัดสินใจหันคมดาบสู้กับยอดฝีมือที่ไม่มีทาง

    ชนะ
    ?






     

    ด้วยทักษะและประสบการณ์ที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน ยังไรเสีย ชิโนบุ เก็นซุย ก็มีฝีมือที่เหนือ

    ชั้นกว่าแจบอมมาก  แต่เรื่องแบบนี้ไม่ใช่ว่าเรียนรู้กันไม่ได้ เพราะแจบอมเองก็เป็นผู้มีทักษะด้าน

    การเอาตัวรอดไม่เป็นสองรองใคร รอบนี้ผลของการเข้าบวกกันตรงๆ ทำให้คมดาบมุรามาสะ

    ของชิโนบุ เก็นซุย ได้เสียบทะลุช่องท้องของแจบอมเข้าจริงๆ ส่วนเอฟุตาชิของแจบอมก็ได้ดื่ม

    เลือด นักฆ่าระดับเก็นซุยเช่นกัน แม้จะเป็นแค่ หัวไหล่ ไกลจุดตายตั้งเยอะ แต่แค่โจมตีโดนร่าง

    กายของนักฆ่าระดับนี้ได้นั้น  ยังไม่มีใครเคยทำได้มาก่อนเลยด้วยซ้ำ






     

    ชิโนบุ เก็นซุย รีบชักดาบมุรามาสะที่เสียบแจบอมอยู่ออก  ทำให้เลือดสีแดงจำนวนมาก แข่งกัน

    ไหลทะลักออกจากช่องท้องของเขาราวก๊อกแตก  แจบอมรีบปล่อยมือจากดาบอุฟุตาชิที่ส่งเข้า

    ปักไหล่ของเก็นซุย เพื่อเอามือมาอุดเลือดจากแผลของตัวเองที่เจ็บมาก มากที่สุดในชีวิต

    เพราะคมดาบผ่านทะลุเส้นประสาทนับไม่ถ้วน ตั้งแต่ผิวหนัง กล้ามเนื้อหน้าท้อง เข้าไปยัง

    ลำไส้เล็ก ลำใส้ใหญ่ ไม่รู้ว่าจะโดน กระเพาะ ม้าม ตับ หรืออะไรอย่างอื่นอีกไหม จนกระทั่งทะลุ

    ออกอีกฝั่ง ซึ่งต้องผ่านกล้ามเนื้อและผิวหนังอีกรอบ เป็นสองแผล แต่ที่แน่ๆ คมดาบมันตัดตรง

    โดนเส้นเลือดใหญ่ เลือดถึงได้ไหล ออกเร็วและไวขนาดนี้






     

    ชิโนบุ เก็นซุย ปล่อยมือจากดาบสุดที่รักโดยไม่รู้ตัว  เขารีบคุกเข่า ถอดสายโอบิออก แล้วพับ

    มันทบกันเป็นชั้นๆ ก่อนจะเอาผ้านั้นเข้าไปช่วยกดแผลห้ามเลือดที่ท้องให้แจบอมอีกแรง จาก

    นั้นจึงตะโกนเรียกคนงานแถวนั้น ให้ตามแพทย์ประจำคฤหาสน์มาดูแล






     

    แจบอมที่ควรจะอ่อนแออย่างคนเจ็บ กลับยิ้มแล้วยกแขนข้างหนึ่งโอบรอบคอ เก็นซุยที่กำลัง

    กุลีกุจอปฐมพยาบาลเขาอยู่ก่อนจะรั้งเกร็งข้อมือและกระชับข้อศอกของตัวเองแน่น ซึ่งมันเป็น

    ท่าที่สามารถหักคอคนได้ ด้วยแขนข้างเดียวสบายๆ






     

    เก็นซุย วัยชราเงยหน้า ยิ้มพอใจ ไม่ได้ฝืนดิ้น ก่อนจะกระแทกมือที่ห้ามเลือดอยู่กดให้แผล

    กระเทือน จน แจบอมตัวงอ ต้องปล่อยเสียงร้อง อย่างเจ็บปวดออกมาในที่สุด






     

    "โอ้ยยยยยๆๆๆๆ !! ผมยอมแพ้แล้วครับเซนเซย์  ยกโทษให้ผมเถอะคร๊าบบบ" แจบอมร้องอย่าง

    ดัง พร้อมกลับเอาแขนออกจากคอของชิโนบุเก็นซุย แล้วยกขึ้นมาเหมือนจะเป็นท่าห้าม หรือ

    พนมมือสักอย่าง แต่ด้วยแขนข้างเดียว เพราะอีกข้างกดแผลตัวเองอยู่






     

    ชิโนบุ เก็นซุย อมยิ้ม ไม่พูดอะไร เขาเหล่มองแจบอมด้วยหาตา แล้วตั้งใจกดแผล ห้ามเลือดอยู่

    สักพักจนความช่วยเหลือมาถึง





    .

    .

    .

     

    "เดี๋ยว!!!!!" ทาคุยะเก็นซุยเข้ามาขวางทาง แบมแบม และยองแจ ที่กำลังตั้งท่าจะโจมตี ยูคยอม

    ที่เสียจังหวะดาบหลุดจากมือ






     

    "เฮ้ย!!!! " เสียง มิซากิ กับ เคน เก็นซุยดังขึ้นแทบจะพร้อมกัน





     

    "อารายว๊า ไอ้ทาคุยะ  แกเข้าไปแทรกทำไมอ่ะ เด็กถ้วยตัวโตนั่น จะถูกคัดออกอยู่แล้วเนี่ย ยอม

    แพ้ตามเกมดิวะ
    !!" มิซากิเก็นซุยโวยวาย






     

    "เดี๋ยวดิเห้ย  เมื่อกี้แค่ทดสอบดู ว่าเด็กพวกนี้มันมีฝีมืออะไรติดตัวมาบ้าง จะได้รู้ว่าต้องสอนตรง

    ไหน  ยังไม่ได้ถ่ายทอดอะไรเลยจะเป็นตัวแทนการแข่งของพวกเราได้ไงหล่ะ ใช่มะวะ เคน
    ?"

    ทาคุยะ เก็นซุย หันไปขอความเห็น เก็นซุยอีกคน






     

    "เอางี้  ในเมื่อเรายังตกลงกันไม่จบ ขอเพิ่มกฏอีกข้อแล้วกัน  ให้เก็นซุยแต่ละคน มีสิทธิ์หยุดการ

    แข่งได้ 1 ครั้ง ถ้าเห็นว่าตนเองเสียเปรียบ หรือตอนไหนก็ได้  ทาคุยะใช้สิทธ์ไปแล้ว  เหลือ ชั้น

    กับ มิซากิ มีสิทธิ์หยุดการแข่งได้คนละครั้ง ไม่งั้นให้สู้ต่อเลยนะ...  จบไหม
    ?" เคน เก็นซุยกล่าว

    สรุป โดยมีมิซากิ เก็นซุย ยิ้มหน้าบานยอมรับ ส่วนทาคุยะ เก็นซุยแม้ไม่พอใจแต่ก็ต้องยอม

    เหมือนกัน เพราะ ยูคยอมกำลังเสียเปรียบอยู่






     

    "แล้วจะหยุดนานแค่ไหน?" เคน เก็นซุยถาม ต่อ





     

    "2 วัน เคป่ะ เผื่อพวกนายอยากหยุดการต่อสู้มั่งจะได้เหลือเวลาให้   ปะ ไอ้ถ้วย มานี่!! " ทาคุยะ

    เก็นซุย เดินเข้าไปจับมือยูคยอม แล้วลากออกจากโรงฝึกไป ยังเรือนรับรองส่วนตัวของเขา






     

    เก็นซุยทั้ง 2 คนที่เหลือ มองหน้ากัน อย่างปลงๆ กับนิสัย โผงผาง ปนขี้โกง และหัวหมอ ของ

    ทาคุยะเก็นซุย ซึ่งเป็นมานาน เกินเยียวยา ก่อนจะ เรียกลูกศิษย์ของตัวเอง ไปหา เพื่อ

    กำหนดการฝึกต่อไป

     




    .

    .

    .

     

    "มานี่ๆๆๆ เจ้าถ้วย ตัวโต ท่าดีทีเหลว  แกจะทำให้ชั้นแพ้ตั้งแต่วันแรกได้ไงวะ?" พอลับตาคน

    ทาคุยะ เก็นซุยเปลี่ยนจากการจูงแขนยูคยอมเป็นดึงหูแทน  จนเข้ามาในเรือนรับรอง







    ยูคยอม เดินตัวเอียงรีบซอยเท้าตามทาคุยะ เก็นซุย พยายามไม่ให้หูตัวเองเจ็บ  แต่มันก็เจ็บ

    อยู่ดี จนตอนนี้ใบหูของเขาแดงไปหมด และหน้าก็แดง ตาก็แดงเพราะมันเจ็บจนน้ำตาซึม







    "เห้ย ไอ้ถ้วย  อย่าร้องไห้ดิวะ แกเป็นลูกผู้ชายหรือป่าวเนี่ย?!!" ทาคุยะเก็นซุยตะคอกใส่ยูคยอม

     





    เด็กน้อยรีบปาดน้ำตา แล้วเปลี่ยนเป็นฉีกยิ้มไร้เดียงสาให้ เซนเซย์ของตนเองแทน





     

    "เออ!! ดีมาก เจ้าถ้วย มายืนตรงนี้ดีๆ แล้วไหนลองถอดเสื้อออก ดิ๊" ทาคุยะ เก็นซุยสั่ง ซึ่ง    

    ยูคยอมก็รีบทำตามอย่างกระตือรือร้น






     

    "กางแขนออกด้วย  เร็วสิ!!" ทาคุยะเก็นซุย ใช้ดาบไม้ไผ่ ที่มีเก็บไว้แถวนั้น เคาะแขน ยูคยอมให้

    ยกขึ้นดีๆ






     

    "อืม ... ช่วงแขนได้เปรียบ ยาวกว่า เจ้าขวด(ยองแจ) กับแก้ว(แบมแบม) เกือบ 12 เปอเซนต์ ตัว

    ก็ สูงกว่า ขาก็ยาวกว่า กล้ามเนื้อก็ได้ส่วนดูดีกว่า  ทำไมแพ้ เจ้าแก้ว(แบมแบม)ได้นะ  ... ไหน

    ลองทำสะพานโค้งดิ๊
    !" ทาคุยะ เก็นซุย เอาดาบไม้ตีที่หลังยูคยอมไปด้วยพร้อมกับออกคำสั่ง






     

    ยูคยอมถึงกับ เหวอ อ้าปากหวอ ท่าสะพานโค้งนี่ เค้าเคยทำล่าสุดเมื่อไหร่นะ สมัยเด็กๆหล่ะมั้ง

    แล้วเซนเซย์จะสั่งให้ทำทำไมเนี่ย  แม้หน้าตาจะบ่งบอกว่าข้องใจในคำสั่ง  แต่ยูคยอมก็ก้มหน้า

    ก้มตา (จริงๆเงยหน้านะคะ 555) ทำท่าสะพานโค้ง จากท่ายืน ค่อยๆยืดแขนออกและเอนตัวไป

    ด้านหลัง  และ .... เหยียดแขนไปจนสุดจะยันพื้น.... และ...






     

    "  ตุ๊บ!!.... อูยยย"  หลัง และศีรษะของยูคยอม ตกกระแทกพื้นอย่างแรง  สะพานโค้ง กลายเป็น

    สะพานหักไปซะแล้ว






     

    น้ำหนัก ที่มากและการทิ้งตัว เต็มที่ ทำให้ยูคยอม มึน จนลุกทันทีไม่ได้ จึงโดนทาคุยะ เซนเซย์

    เอาดาบไม้ตีเข้าให้อีก






     

    "ว่าแล้วเชียว  ขาดความยืดหยุ่น  ไหนถ้วยลอง  วิ่ง..  ถ้วย กระโดด... ถ้วย ตบมือ ... ถ้วยม้วน

    หน้า ... ถ้วย ม้วนหลัง....ถ้วยตีลังกา...ถ้วย บลา บลา บลา ......
    etc." ยูคยอมโดนคำสั่งทดสอบ

    สมรรถภาพไปอีกหลายสิบอย่าง รวมไปถึงการชั่งน้ำหนัก วัดสายตา และเจาะเลือด
     จนเวลา

    ล่วงไป ถึงพลบค่ำ






     

    ทาคุยะ เก็นซุย ได้ทำแฟ้มรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลของยูคยอมโดยละเอียดเพื่อหาทาง

    พัฒนาให้เป็นสุดยอดนักฆ่าทายาทของเขาและหาทางเอาชนะ เก็นซุยคู่อาฆาตอีกสองคนอย่าง

    จริงจังสุดชีวิต






     

    ส่วนยูคยอมได้แต่นอนลิ้นห้อยหมดสภาพ เพราะโดนทดสอบนู่นนี่ไม่หยุด  และตอนนี้พาลจะ

    น้ำตาไหลขึ้นมาอีกรอบ เพราะหิวข้าว และคิดถึง สมาชิก
    Got7 คนอื่นๆ






     

    "เหล่าฮยอง ทั้ง 6 จะเป็นยังไงกันมั่งน๊า จะได้กินข้าวกันหรือยัง ยองแจ ฮยอง วันนี้ทำได้ดีกว่า

    ที่คิดไว้ ส่วน แบมแบมก็เก่งแต่ออมมือไว้มาตลอด อย่าที่คิดไว้จริงๆด้วย  ไม่เห็นต้องทำแบบนั้น

    เลย  ผมไม่โกรธสักหน่อยถ้าแพ้ คงอยากให้ผมดีใจสินะ ถึงได้คอยดูแลมาตลอด  ตอนที่แบม

    แบม พลาดฟันข้อมือผม ก็ทำหน้าตกใจซะ เบิกตาโตจนลูกตาจะทะลักออกมาแล้วมั้ง  หวังว่า

    ตอนนี้คงไม่ไปคิดมากหรือรู้สึกผิดอยู่หรอกนะ  ผมอยากจะบอกว่าผมไม่เป็นไร  ผมไม่เคยโกรธ

    แบมแบมเลยนะ อยากเห็นรอยยิ้มของทุกคนเร็วๆจัง  อยากกลับไปอยู่กับทุกคนไวๆอ่า
    ." ยูคยอม

    คิดอะไรเพลิน บวกกับความเหนื่อยอ่อน จึงหลับไปทั้งน้ำตา





    ......................
     



    .

    .

    .


    เพดานห้องเทรนนิ่งที่เป็นโดมสูงขึ้นไปด้านบน  ฉายไฟสปอท์ไลท์หลายร้อยดวง สว่างอยู่

    ตลอดจนไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นเวลากลางวัน หรือกลางคืน







    หลังจากที่มาร์ค และแจ๊กสันเปลี่ยนเสื้อผ้ากันอย่างทุลักทุเล เพราะมือคนละข้างของทั้งสอง

    คนถูกใส่กุญแจมือล่ามติดกันไว้นั้น การทะเลาะและสงครามเย็นก็เริ่มต้น ซึ่งไม่มีทีท่าว่าจะ

    จบลงง่ายๆ
       สำหรับคนทั่วไปการทะเลาะ อาจจะเป็นการโวยวายเสียงดังใส่กัน  แต่สำหรับ

    สองหนุ่มที่ ค่อนข้างเงียบขรึมและเก็บตัวแล้วนั้น  มันคือสงครามประสาทดีๆนี่เอง







    ปรกติ มาร์ค ตอนอยู่ที่ หอ หรือ อยู่กับสมาชิกคนอื่นๆ มักจะไม่ค่อยพูดอะไรมากอยู่แล้ว เขา

    เป็นพวกอยากทำอะไรจะทำทันทีไม่มีอินโทร(
    introduction - การเกริ่นนำ) ลงมือจริงจัง

    มากกว่าพูดป่าวประกาศ  ขนาดชอบแบมแบมมากก็ อมพนำอยู่หลายปี ลุ้นแล้วลุ้นอีก กว่าจะ

    สารภาพรักกันสักที  แต่เขาดูแลแบมแบมอย่างดียิ่งกว่าไข่ในหินมาตลอดแต่ไหนแต่ไร ตั้งนาน

    แล้ว มาร์คถือคติ
    work hard play hard งานเป็นงาน เล่นเป็นเล่น มีสมาธิดี จดจ่อกับสิ่งที่ทำ

    และต้องทำให้สำเร็จ ไม่มีการล้มเลิก หรือยอมแพ้กลางครัน  เขามีสายตาที่เฉียบคม ทำงานเป็น

    ขั้นเป็นตอน มีความละเอียดพิถีพิถันเวลาจะทำอะไร บางทีจะนั่งนิ่งๆนานๆ เหมือนเฟอร์นินเจอร์

    ชิ้นหนึ่งในหอไม่เคลื่อนไหวได้เป็นวันๆ เวลาใช้ความคิดหรือวางแผนจะทำอะไรสักอย่าง และ

    เพราะแบบนั้น บางทีก็เดาไม่ออกว่าเขากำลังอยู่ในอารมณ์แบบไหน หรือคิดอะไรอยู่







    ส่วนแจ๊กสัน  เป็นคนจริงจังอีกคนที่มีโลกส่วนตัวสูง  ตั้งแต่เข้ามาในทีม Got7 แม้จะมี

    ปฏิสัมพันธ์กับสมาชิกอื่นบ้าง แต่ก็ไม่ได้มากไปกว่ามาร์ค เรียกได้ว่า เงียบพอๆกัน  และ

    เนื่องจากเขามีภูมิหลังชีวิตที่ซับซ้อน และบางทีก็มีอาการทางจิตแปลกประหลาดไม่เหมือนคน

    ทั่วไป  แม้ไม่มีปัญหากับการดำรงชีวิตประจำวัน แต่ก็มีมุมที่ไม่มีใครเข้าถึงอยู่เหมือนกัน แจ๊กสัน

    ตรงข้ามกับมาร์คตรงที่เขาทำอะไรตามอารมณ์ไม่เคยวางแผนอะไรซับซ้อน  แม้จะชอบทำอะไร

    รวดเร็วเหมือนมาร์ค ชอบเอาชนะ และไม่ทำอะไรครึ่งๆกลางๆเหมือนกัน แต่วิธีการและผลลัพธ์

    นั้นต่างกันอยู่พอสมควร  







    มาร์คมาเป็นไอดอลนักฆ่าเพราะมีความอยากค้นหาความท้าทายให้ชีวิต เป็นตัวกระตุ้น ส่วน  

    แจ๊กสันนั้น มาเป็นเพราะชื่นชอบความสนุกในการฆ่าคน  ดังนั้นจะต้องทำยังไงให้คนสองคนที่มี

    นิสัย และความคิดต่างกันคนละขั้ว ยอมละลายกำแพงหันหน้าเข้าหากัน และสามารถคิดเหมือน

    กันได้







    คำตอบคือยาก แม้แต่พี่น้องที่คลานตามกันมา เติบโตและมีการสื่อสารกัน ในสิ่งแวดล้อม

    เดียวกัน ยังไม่สามารถเข้าใจหรือคิดเหมือนกันได้ตลอดเวลาเลย ไอ้ข้ออ้างต่างๆนานาที่เก็นซุย

    หญิงทั้งสองยกมาหน่ะ ก็คงเพื่อทรมาน เด็กสองคนนี้เล่นเท่านั้นแน่ๆ







    "มาคิดดูแล้ว ผมรู้อะไรจากการเป็นรูมเมทมาร์คฮยองมา 3 ปี ที่ต่างจากเมมเบอร์คนอื่นบ้างเนี่ย 

    ผมยังไม่รู้เลยว่าฮยองชอบอะไร นอกจากชอบแบมแบม  กับการชอบทำตัวเป็น วอเปเปอร์นิ่งๆ

    ประดับห้อง
    ..." แจ๊กสันบ่นในขณะที่จ้องคมมีดพก ขนาด 6 นิ้วที่ได้รับมา ด้วยแววตาที่ดูไม่

    ปรกติ







    "อ๊ะ นี่เป็นครั้งแรกที่ชั้นคิดเหมือนนายนะ เป็นรูมเมทกับนาย มาก็นาน ชั้นยังไม่รู้จักนายจริงๆจังๆ

    เลยเหมือนกัน นอกจากปล่อยนายอยู่ในโลกของนายไป
    " มาร์ครีบควักมีดพกของตนเองออกมา

    เหมือนกัน เพราะเริ่มรู้สึกถึงความไม่น่าไว้ใจของแจ๊กสันขึ้นมา







    และมาร์คก็คิดถูก แจ๊กสันควงมีด สองสามทีก่อนจะกำด้ามมีดแล้วปักลงตรงหน้าขามาร์คที่ขยับ

    หนีไม่ได้ เพราะร่างของทั้งสองนั่งอยู่บนเก้าอี้ ม้ายาวแบบห้อยขาใกล้กับล๊อกเกอร์เปลี่ยน

    เสื้อผ้า แทบจะติดกันโดยมีกุญแจมือล่ามแขนไว้







    มาร์คแก้ปัญหาด้วยการสวนมีดเสียบฝ่ามือข้างที่แจ๊กสัน จับมีดปักขาเขา อย่างรวดเร็ว และแรง

    พอที่จะทำให้มือแจ๊กสันหลุดจากมีดของตัวเอง หงายฝ่ามือแล้วโดนมีดของมาร์คปักทะลุมือ

    เสียบตรึงมือของแจ๊กสันไว้กับโต๊ะไม้ ที่ติดกับม้านั่งของพวกเขาแทน ก่อนจะปล่อยมือ แล้วใช้

    มือนั้น ดึงมีดของแจ๊กสันที่ปักหน้าขาของตัวเองออก ซึ่งมันมีเลือดไหลซึมตามออกมา







    ส่วนแจ๊กสัน พอมาร์คปล่อยมือจากมีดของตัวเอง ก็ใช้มืออีกข้าง ถอนมีดของมาร์คที่ปักตรึงมือ

    ของเขาไว้บนโต๊ะออกมาถือไว้ เป็นการแลกมีด กันไปโดยปริยาย
    โดยที่ฝ่ามือของเขาก็ได้เลือด

    เหมือนกัน







    "ใครร้อง แสดงความเจ็บปวดก่อนถือว่าแพ้"  ทั้งสองคิดเหมือนกัน จึงไม่มีเสียงอะไรเล็ดรอด

    ออกมา นอกจากการกัดฟัน เชิดศีรษะขึ้นของแจ๊กสัน และการก้มหน้ากัดริมฝีปากแน่นของมาร์ค

    เพื่อระบายความเจ็บปวด
      ช๊อตนี้ เขาสองคนก็คิดเหมือนกันโดยไม่รู้ตัว







    "ทั้งสองคน ลงสนามได้แล้ว" เสียงประกาศของอากิ เก็นซุย ดังขึ้น จากลำโพงที่ติดไว้ทั่วห้อง

    โดยมีเสียงอาโอยเก็นซุย ดังตามมา







    "ต้องลุยครบ 4 สนาม ก่อนนะถึงจะได้กินข้าว แล้วก็ต้องเก็บนักล่ารางวัลให้ครบ 50 คนก่อนถึง

    จะได้นอนพักนะจ๊ะ คิก คิก
    " มีเสียงหัวเราะ แหลม สะใจ ดังต่อท้าย มาอีก







    "อยากจะปาดคอ เจ้าของเสียงหัวเราะนี่จัง" ตอนนี้ มาร์คกับแจ๊กสัน ดันคิดเหมือนกันอีกแล้ว แต่

    ก็ไม่มีใครพูดออกมา







    "นายควรจะให้ชั้นนำหน้านะ เพราะชั้นอายุมากกว่า" มาร์คหันมาบอกแจ๊กสัน ก่อนจะลุกขึ้นเดิน

    นำ







    "ไม่เห็นเกี่ยวเลย  มาร์คฮยองอยู่เฉยๆแล้วเคลื่อนไหวตามผมให้ทันก็พอ น่าจะดีกว่าเหอะ!!"

    แจ๊กสันตอบกลับอย่างไม่ยอมแพ้ พร้อมกับเหวี่ยงหมัดเบาๆไปกระแทกแผลที่หน้าขามาร์คที่

    เขาปักมีดไว้ก่อนหน้านี้ ทำให้มาร์คถึงกับขาทรุด ต้องรั้งคอแจ๊กสันไว้เพื่อพยุงตัวไม่ให้ล้มลงกับ

    พื้น







    "งั้น...เอางี้ เราผลัดกันนำหน้าคนละวันดีกว่า  โอเคมะ? " มาร์คแกล้งแชคแฮน มือของแจ๊กสัน

    ข้างที่โดนเขาเอามีดปักเมื่อกี้เหมือนกัน มาร์คบีบมือนั้นอย่างเอาจริงเอาจัง จนแจ๊กสันหน้า

    เหยเก ขึ้นมา







    ทั้งสองยิ้มเครียด แยกเขี้ยวใส่กัน แต่ถ้ามองจากกล้องวงจรปิดไกลๆภาพที่ออกไปดูเหมือนทั้ง

    สองจะรักกันดีซะมากกว่าน๊า







    "ตกลง" แจ๊กสันสบัดมือออก แล้วกึ่งพยุง กึ่งลากมาร์คลงไปในสนามเพาะ ที่ 1 ทันที








    สนามเพาะ ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษกับโครงสร้างอาคารอยู่แล้ว ลักษณะคล้ายลู่วิ่ง ยาว100

    เมตร กว้าง 10 เมตร ลึก 4 เมตรถูกถมกลบด้วยทรายและมีกลไก กับดักพิเศษฝังอยู่ข้างใต้เต็ม

    ไปหมด ด้านข้างและเพดานมีกระจกกันกระสุน คลอบเป็นทางยาวตลอดแนวคล้ายอุโมงค์อีกที

    โดย สนามเพาะที่ 1 เป็นพื้นทราย สนามเพาะที่ 2 เป็นพื้นน้ำตื้นๆ ท่วมเกือบเข่า สนามที่ 3 เป็น

    พื้นโคลน ส่วนสนามสุดท้ายเป็นกล่องทึบข้างในมืดสนิท ยังไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่ข้างใน







    "กริ๊ก!!" มีเสียงแปลกๆที่พอได้ยินก็รู้ว่าเป็นเสียงสลักระเบิดโดนปลดดังขึ้น







    "ซวยแล้ว!!" มาร์ค และแจ๊กสัน หันมามองหน้าเป็นเชิงตำหนิกันเอง เพราะพวกเขาก้าวขาคนละ

    ข้างลงสนาม และตัวก็อยู่ห่างกันเกือบเต็มก้าว ทำให้ตอนนี้มีเวลาไม่ถึง 5 วินาที เพื่อหนีก่อนที่

    พื้นจะระเบิด ซึ่งแน่นอนว่าทั้ง 2 ตัดสินใจวิ่งหนีไปกันคนละทิศละทาง







    รอบนี้กุญแจข้อมือรั้งจนทั้งสองล้มลงกับพื้นทั้งคู่ เพราะการออกตัวแรง จึงถูกแรงต้านกลับมา

    แรงกว่า แต่ทั้งสองก็ไม่มัวเสียเวลาโต้เถียง กลับรีบกลิ้งเอาตัวรอดออกจากสนามไปทาง

    เดียวกัน
    อย่างเป็นเอกฉันท์ ได้ทันท่วงที







    โชคดีที่ระเบิดลูกแรกติดกับขอบสนามที่เพิ่งเดินลงไปทำให้ทั้งสองย้อนหนีกลับออกมาได้ง่าย

    แรงระเบิดของระเบิดลูกนี้ไม่มากเท่าไหร่นัก แต่เสียงของมันดังมากจนทั้ง สองหูอื้อไปพักหนึ่ง

    อนุภาพของมันมีแค่ทำให้ทรายในสนามกระจายเป็นวง รัศมี 4 เมตร ลึกสองเมตรกว่า  และมีไอ

    ความร้อนลวกแขนกับหลังนิดหน่อย แต่ก็เป็นเครื่องยืนยันได้ว่า ในสนามนี้มีระเบิดจริงๆ พวกเขา

    ต้องใช้ความระมัดระวังให้มากกว่านี้







    แล้วสิ่งที่ไม่มีใครทันสังเกตก็เกิดขึ้น มาร์ค และแจ๊กสัน ตั้งเข่าข้างเดียวกันก่อนจะทรงตัวลุกขึ้น

    และเดินเข้ามาหากัน อย่างกับภาพสะท้อนในกระจกเงา หลังจากตั้งสติได้  ก่อนที่พวกเขาจะรีบ

    หันหลังชนกัน แล้วควักมีดพกที่เป็นอาวุธเดียวที่มีอยู่ออกมา
    พร้อมเพรียงเหมือนนัดหมายกันไว้







    นักล่าเงินรางวัล ชุดแรก 10 คน ปรากฏตัวขึ้นจากประตูที่ห่างจากพวกเขาไป 30 เมตร พวกนั้น

    ทั้งหมดใส่ชุดดำทั้งตัว ทับด้วยเสื้อกั๊กผ้าใบลายพราง รูปร่างกำยำ แบ่งขบวน วิ่งนำมา 3 คน

    เดินก้าวยาว ตามมาอีก 4 และเดินทอดน่องรั้งท้ายอีก 3 คน  







    มาร์คขยับจะถอยแต่ก็ติดแจ๊กสัน  ที่ยืน ยันร่างนิ่งมั่นคง ไออุ่นจากเพื่อนร่วมทีมทำให้มาร์คกลับ

    มาสงบใจได้และสามารถพินิจพิเคราะห์ ผู้มาเยือนได้อย่างเยือกเย็นขึ้น







    "เท่าที่เห็น ไม่มีใครพกอาวุธปืน หรือเครื่องทุ่นแรงระยะไกล พวกธนู หน้าไม้ ที่เป็นอันตราย ...ก็

    ยังดีค่อยมีลุ้นหน่อย
    "มาร์คพูดเบาๆพอให้คนข้างๆได้ยิน







    "ฮยองอย่าเป็นตัวถ่วงผมนะ" แจ๊กสันก้มหน้า 45 องศา เหลือบตามองไปข้างหน้าเขม็ง เผยยิ้ม

    โรคจิตถูกใจอย่างไม่ปิดบัง







    "นั่นมันคำพูดของชั้นต่างหากหล่ะ" มาร์คผ่อนลมหายใจก่อนที่จะสูดอัดอากาศฟอดใหญ่เข้าใน

    ปอดแล้วพุ่งตัวเข้าหาเป้าหมายพร้อมแจ๊กสัน โดยไม่ต้องให้สัญญาณนัดหมายใดๆ







    ถ้าเป็นการต่อสู้ 10 ต่อ 2 ถึงเก่งอย่างไรก็เสียเปรียบ แต่การพุ่งเข้าใส่ พวกนักล่าเงินรางวัลชุด

    แรก และลงมือก่อน ทำให้เป็นการปะทะ ย่อยลงเหลือ 3 ต่อ 2 ซึ่งพวกที่เยอะกว่ามัวชะล่าใจ ก็

    ต้องโดน 2 หนุ่มไอดอลนักฆ่า แห่ง
    Got7 ปิดบัญชีไปอย่างรวดเร็วง่ายดาย  โดยที่ทั้ง 3 ไม่ทัน

    ตอบโต้แม้จะมีอาวุธอยู่ในมือ







    นักล่าเงินรางวัลแถว 2 ที่มี 4 คน ชะงักไปชั่วครู่ ก่อนที่จะตั้งหลักแล้ววิ่งกรู วิ่งเข้าใส่ มาร์คกับ

    แจ๊กสัน พวกแถวสองนั้นใช้ มีดอีโต้ยาว 2 คน  โซ่ระยะโจมตี 2 เมตร 1 คน และมีดนินจา 2 มือ

    อีก 1 คน







    ถ้าเป็นปรกติก่อนหน้านี้ที่ทำประจำ พวกเขาจะแบ่งคู่ต่อสู้ออกเป็น สองกลุ่ม คือ 2 ต่อ 1 มาร์ค

    รับผิดชอบ 2 คน แจ๊กสัน รับผิดชอบอีก 2 คน
    แต่ถ้าเรียนรู้ตามคอนเซป์ที่เก็นซุยหญิงทั้ง 2 เคย

    บอกไว้ จะให้ได้เปรียบต้องแบ่งกำลังเป็น พวกเขา 2 คน ต่อ ศัตรู 1 คน แล้วรีบจัดการคู่ต่อสู้ที

    ละคนให้ไวที่สุด







    มาร์คและแจ๊กสันทุ่มกำลังและเร่งสปีดความเร็วเข้าโจมตีเจ้าคนที่ถือโซ่ก่อน โดยแจ๊กสันเอา

    แขนไปรับโซ่ที่ตวัดเข้าโจมตีใส่เขา ก่อนจะดึงให้เจ้าของโซ่ให้เซตามมา โดนมาร์คใช้มีดเสียบ

    เข้าท้ายทอย แล้วใช้เข่าพยุงร่างเจ้าคนใช้โซ่ก่อนจะล้ม ให้แจ๊กสัน ผลักร่างไร้วิญญาณนั่น

    เข้าหา อีก 3 คนที่เหลือ
    เป็นการประสานงานต่อเนื่องที่ลื่นไหลเหมือนอ่านใจกันได้







    แจ๊กสันพุ่งเข้าหา เจ้าคนที่ใช้ดาบนินจาคู่ที่กำลังเสียหลัก เพราะหลบร่างที่ถูกโยนเข้าใส่ โดย

    ไม่ได้ระวังด้านหลัง ที่มีมืออีโต้ยาว 2 คนกำลังง้างแขนเตรียมสับ ทำให้มาร์ครีบคว้าโซ่ จากร่าง

    ที่หมดลมไปแล้วตรงหน้า ขึ้นรับการโจมตี ป้องกันแจ๊กสันไว้แทน







    อีโต้ยาวอันหนึ่งแฉลบโซ่เหล็กเข้าเนื้อที่แขนของมาร์คเป็นแนวยาว ก่อนที่มาร์คจะจัดการใช้โซ่

    พัน อีโต้ยาวสองอันนั้นกลับเข้าไปติดกันให้เจ้าของหงุดหงิด โจมตีต่อไม่ได้ในชั่ววินาที แล้ว

    ตามแจ๊กสันเข้าไปซ้ำ เจ้าคนถือดาบนินจาคู่







    แม้จะจัดการเจ้าดาบนินจาคู่ได้ แต่สถานการณ์กลับแย่ลงเมื่อ นักล่าเงินรางวัลอีก 3 คนที่เดิน

    ทอดน่องรั้งท้ายมาในตอนแรก เดินมาสมทบกับ มืออีโต้ อีกสองคนได้ทัน ตอนนี้จึงกลายเป็น

    ศัตรู 5 ต่อพวกเขา 2 คนแล้ว







    แปลก!!??... แทนที่มาร์คจะหวั่นใจกับรูปแบบการต่อสู้ที่เสียเปรียบ หากแต่เขากลับรู้สึกสดชื่น

    ตื่นเต้น และท้าทาย ขึ้นมากกว่า  ในขณะที่แจ๊กสันก็ยิ้มกว้าง หัวเราะในคอ และเลียริมฝีปาก

    อย่างไม่ต้องบอกว่ารู้สึกอย่างไร  นั่นไม่ใช่เพราะพวกเขาคิดว่าจะชนะผ่านไปได้  แต่เป็นเพราะ

    พวกเขาพอใจที่จะได้รีดเร้นความสามารถทั้งหมดของตัวเองที่มี เพื่อเอาชีวิตรอดออกไปให้ได้

    ต่างหาก







    เก็นซุยหญิงฝาแฝดทั้งสองที่ติดตามดูเหตุการณ์แต่แรกถึงกลับอ้าปากค้าง กับการต่อสู้ตอบโต้

    ของมาร์ค และแจ๊กสัน







    "สองคนนี้เข้ากันได้ดีผิดคาดแฮะ" อาโอยเก็นซุย ออกความเห็นก่อนที่จะโน้มตัวลงกอดคอน้อง

    สาวที่นั่งอยู่หน้าเคาเตอร์คอนโทรล ที่มีปุ่มอะไรไม่รู้ยุบยับ เยอะแยะ และมีจอมอนิเตอร์เรียงราย

    เป็นสิบ







    "ใช่ มีเซนต์เรื่องการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมทั้งคู่ การเคลื่อนไหวมีประสิทธิภาพสูงสุดทุกก้าว ทุกสเตป

    ไม่มีสูญป่าว ยกเว้นตอนตีกันเองอ่ะนะ
    " อากิเก็นซุยยิ้ม หมุนเก้าอี้นิดหนึ่ง และกอดตอบพี่สาว







    "จะต้องฆ่าทิ้งจริงๆเหรอเนี่ย  เสียดายจัง"  อาโอยเก็นซุยเปรยขึ้นมา แต่น้ำเสียงนั้นบ่งบอกว่า

    เสียดายจริงๆ







    "ใจอ่อนไวจังพี่สาว  ถูกใจแขนล่ำๆขาวๆของเจ้าเด็กผมดำ ตาโตนั่น ขนาดนั้นเลยเหรอคะ?" 

    อากิเก็นซุยแกล้งแซวพี่สาวที่ปรกติมักจะโหดเหี้ยม ชอบทรมานคนมากกว่าตนเองเป็นไหนๆ







    "ก็...ดูแววตาโรคจิตนั่นสิ  เห็นแล้วรักเลยอ่ะ" อาโอยเห็นซุยเอาสองมือโอบแก้มตัวเองแล้วบิด

    กายไปมา ทำหน้าแดงเหมือนสาวแรกรุ่นเวลาเขินอาย จนน่าหมั่นไส้







     "พอเหอะ ขนลุก ถ้าเคลีย บททดสอบตามเป้าได้ก่อนเวลาจะรับไว้พิจารณาละกันนะ เก็บนักล่า

    เงินรางวัล 300 คน ลงสนามเพาะ 30 รอบ แล้วก็ สู้กับพวกเราอีก 30 นาที ถ้าผ่านหมดก่อน 7

    วัน ก็จะปล่อยไป
    " อากิเก็นซุยปั้นหน้าเครียด







    "เข้มงวดจังน๊า...  ที่ไม่ยอมปล่อยพ่อหนุ่มผมแดงนั่น ไม่ใช่เพราะว่าเขาหน้าเหมือนแฟนเก่าเธอ

    หรอกเหรอ
    ?!" อาโอยเก็นซุย แขวะน้องสาวจนหน้าแดงขึ้นสี ก่อนที่จะหลบออกจากห้อง

    คอนโทรลไปอย่างรวดเร็ว  เพราะโดนอากิ เก็นซุยซัดอาวุธลับ มีดสั้น ดาวกระจายใส่ไม่ยั้ง

    อย่างไม่กลัวข้าวของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิคในห้องนั้นจะเสียหาย







    .

    .

    .
     


    2 วันต่อมา







    ภายในคฤหาสน์หลัก ได้มีการประชุมเพื่อวางแผนจัดพิธีชงชาขึ้นอย่างใหญ่โต  โดยมีแขกเหรือ

    และบุคคลสำคัญทั้งในและนอกวงการนักฆ่า วงการการเมือง และวงการบันเทิงเข้าร่วมมากมาย

    จุดประสงค์ก็เพื่อฉลองพิธีโมหงิ ( พิธีบรรลุนิติภาวะของเด็กผู้หญิง จัดขึ้นเมื่ออายุ 13 ปี ต้อนรับ

    การเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ ) ของไอกะ หลานสาวของนายใหญ่ พี่สาวของทากะอากิระ เป็นนัยว่ามันคือ

    พิธีดูตัว เลือกคู่นั่นเอง







    ผู้ที่จะเข้ารับการคัดเลือกมีตั้งแต่ เด็กกว่าอายุ 10 ขวบไปจนถึง แก่กว่ามากๆ อายุกว่า 50 ปี ซึ่ง

    ต้องผ่านการตรวจสอบชาติตระกูล และฐานะทางการเงิน การศึกษา อย่างดีเสียก่อนถึงจะมีสิทธิ

    เข้าร่วม







    เมื่อคุณสมบัติผ่านเกณฑ์ ก็จะมีการสัมภาษณ์กันเล็กๆน้อยๆ และให้เข้าพิธีชงชา กับ แสดงฝีมือ

    คิวโด (การยิงธนูแบบญี่ปุ่น)
    ผู้ที่มีคะแนนสูงสุด 3 อันดับแรก ถึงจะมีสิทธ์พบไอกะ และให้เด็ก

    หญิงเป็นผู้ตัดสินใจเลือกผู้ที่จะใช้ชีวิตด้วย







    มันออกจะโหดร้ายไปสักหน่อยสำหรับเด็กผู้หญิงอายุขนาดนี้ แต่มันก็เป็นชะตาชีวิตของบุตรีที่

    เกิดมาในตระกูลยากูซ่า ที่ต้องแบกรับ  ต้องทำเพื่อความรุ่งเรืองของตระกูล







    "โอะนิซัง(พี่ชาย) ได้โปรดช่วยไอกะซัง ด้วยเถอะครับ จะให้ทำอะไรผมยอมทุกอย่าง"

    ทากะอากิระ เด็กชายวัย 10 ปี ผู้เงียบขรึม ปรกติจะนั่งเรียบร้อย กระพริบตาเฉยๆ ราวตุ๊กตา

    กระเบื้องเคลือบญี่ปุ่น จะมีชีวิตชีวาสักหน่อยก็ตอนได้เล่นหมากล้อม แต่ตอนนี้กลับมาร้องไห้

    ฟูมฟายเสียภาพลักษณ์กับเขา  ปาร์คจินยอง พี่เลี้ยงชั่วคราวที่เพิ่งเข้ามาดูแลได้ ไม่ถึง 2 วัน







    "จะให้ผมช่วยคุณหนูยังไงเหรอครับ?" จินยองกอดตอบเด็กน้อยแล้วใช้มือหนึ่งลูบศีรษะปลอบ







    "โอะนิซัง ช่วยเข้าแข่งชงชา และ คิวโด เอาชนะทุกคนได้ไหมครับ  ไอโกะซังจะได้ไม่ต้องไป

    มั่นหมาย เข้าพิธีกับคนแปลกหน้า
    " หยดน้ำตาพรั่งพรูเป็นสายจากดวงตากลมแป๋วของเด็กน้อย

    ทำให้จินยองนึกถึงน้องๆ แบมแบม กับยูคยอม สมัยมาอยู่กับเขาใหม่ๆ ก็เคยร้องไห้งอแง น่ารัก

    แบบนี้มาก่อน







    "นายใหญ่คงไม่อนุญาตหรอกครับ นี่มันเป็นเรื่องใหญ่ เกี่ยวพันกับชื่อเสียงและหน้าตาของ

    ตระกูลของนายน้อยนะครับ ผมเป็นคนนอก เป็นชาวต่างชาติ แล้วผมก็ไม่มั่นใจว่าจะชนะด้วย
    " 

    จินยองยิ้มให้ พร้อมกับเอาชายกิโมโน ของตนซับน้ำตาให้นายน้อย







    "อีกไม่กี่วัน ท่านปู่ก็จะแต่งตั้งผมเป็นทายาทอย่างเป็นทางการแล้ว  เมื่อถึงตอนนั้น หากปาร์ค จิ

    นยองซังทำตามคำขอร้องของผม  ผมจะให้ทุกสิ่งที่คุณต้องการ ถึงผมจะยังเป็นเด็กในสายตา

    ของคุณ แต่ผมไม่ผิดคำพูดแน่นอน  ได้โปรดช่วยพี่สาวของผมด้วยนะครับ
    " ทากะอากิระ ก้ม

    คำนับศีรษะให้จินยอง อย่างจริงจังอยู่นาน จน จินยองสงสาร







    "ทำไมนายน้อยไม่ไปพูดกับนายใหญ่โดยตรงหล่ะครับ?!!" จินยองใช้โทนเสียงนุ่มนวล เจรจา

    กับเด็กน้อยที่ยังไม่ยอมเงยหน้า







    "ไปมาแล้ว  เลยต้องมาขอร้องพี่ชายแบบนี้  ได้โปรดเถอะครับ" ทากะอากิระ ก้มหน้าพูดเสียง

    อู้อี้ ปนเสียงสะอื้น จนจินยองใจอ่อน







    "ตกลงครับ  ผมจะช่วยนายน้อยจนสุดความสามารถ  ห้ามนายน้อยก้มหัวให้ใครอีกต่อจากนี้ไป

    ตกลงนะครับ
    " จินยองจับร่างเด็กน้อยแล้วประคองให้ลุกขึ้น  ก่อนจะชวนทากะอากิระเล่นหมาก

    ล้อมต่อ เพื่อปรับอารมณ์ให้เด็กน้อย







    "นี่มันเป็นเรื่องจริงที่มีการกำหนดไว้แล้วใช่ไหมนะ ไอ้เรื่องการมั่นหมายของคุณหนูแก๊งยากูซ่า

    เนี่ย  คงไม่ใช่แผนของนายใหญ่ที่จะใช้เด็กๆมาบีบบังคับให้เขาต้องเข้าร่วม แล้วตกหลุมต้องมี

    พันธะแทนหรอกนะ  ถ้าใช่นี่บอกเลยว่าโหดเหี้ยมมาก  ใช้ทุกอย่างกระทั่งความรู้สึกของคนใกล้

    ตัว ลำบากใจจังแฮะ
    " จินยองเดินหมากไป พร้อมกับคิดถึงเรื่องต่างๆไปด้วย  รวมถึงเรื่องสำคัญ

    ถ้าแจบอมรู้ว่าเค้ารับปากอะไรแบบนี้ คงต้องเคลียกันยาวแน่ๆ







    .

    .

    .

     


    เวลาเกือบตี 4 ของเช้าวันที่ 3 ที่สมาชิก GOT7 แยกกันฝึก







    อิม แจบอม ลืมตามาในห้องพยาบาลที่มี เตียงแบบสมัยใหม่ แขนขวามีสายน้ำเกลือระโยงระ

    ยาง แขนซ้ายมีสายให้ยาต่อจาก ขวดยาปฏิชีวนะที่เป็นขวดแก้วขนาด 100
    cc. มีน้ำยาสีเหลือง

    ใส เหลือเกือบครึ่งขวด ปลายนิ้วมีอุปกรณ์วัด ค่าความอิ่มตัวของ ออกซิเจน และหน้าอกมี

    เรดดอท ติดสายไฟ สำหรับติดตามชีพจรและคลื่นหัวใจ  ลองกลืนน้ำลายรู้สึกเจ็บคอ และอยาก

    จะไอนิดๆ อาจเป็นเพราะเขาเพิ่งได้รับการผ่าตัดใหญ่ด้วยการวางยาสลบและใส่ท่อช่วยหายใจ 

    ความปวดที่แผลหน้าท้องและด้านหลังที่ถูกเย็บ ไม่มากเท่าไหร่ คงเพราะยังมีฤทธิ์มอร์ฟีนเหลือ

    อยู่ 







    เนื่องจากอาชีพไอดอลนักฆ่าต้องผ่านห้องผ่าตัด โรงพยาบาลมาไม่มากก็น้อยจึงทำให้เขาพอ

    ประเมินอาการตัวเองได้บ้าง 






    ภายในคฤหาสน์ของแก๊งยากูซ่าใหญ่ระดับ 1 ใน 3 ของประเทศจะมีห้องพยาบาล ไฮเทค

    อุปกรณ์ครบเหมือนโรงพยาบาลย่อมๆก็ไม่แปลก เพราะนอกจากธุรกิจฆ่าคนเพื่อความบันเทิง

    เบื้องหน้า แล้วทางแก๊งยังมีธุรกิจมืดเบื้องหลังอีกมากมายที่ต้องใช้การต่อสู้ ฆ่าฟัน  การบาดเจ็บ

    ล้มตายขณะทำงานในแก๊งเป็นเรื่องปรกติ การไปรักษาตามโรงพยาบาลต้องทำประวัติ บางทีมัน

    เป็นเรื่องผิดกฎหมาย อาจจะมีตำรวจมาเกี่ยวข้องอีก  การลงทุนทำหน่วยพยาบาลย่อยๆเองในนี้

    จึงคุ้ม และดีกว่าเป็นไหนๆ







    "กี่โมงแล้วน๊า  นี่เราหลับไปนานเท่าไหร่แล้วเนี่ย?" แจบอมถอดเข็มน้ำเกลือและอุปกรณ์ติดตาม

    สัญญาณชีพทั้งหลายออกจากตัว เหลือขวดยาฆ่าเชื้อไว้อย่างเดียว ก่อนจะหิ้วมันติดมือแล้วลุก

    เดินกระย่องกระแย่ง ออกจากห้องพยาบาลมาแต่ไม่รู้ว่าเป็นโชคดีหรือโชคร้าย เพราะคนแรกที่

    เขาเจอคือ ชิโนบุ เก็นซุย







    "อ่าว ?!! รู้สึกตัวแล้วก็ลุกขึ้นมาเลยเหรอ?" ชิโนบุ เก็นซุย ทักทายแจบอมด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ผิด

    กับภาพที่เขาจำได้ในสมองล่าสุด ภาพที่ดาบคาตาน่าด้ามยาว ปักเข้าที่ช่องท้องของเค้า พร้อม

    สีหน้าเก็นซุยที่ จริงจังน่ากลัวเกินบรรยาย จนแจบอมเอามือลูบท้องบริเวณที่มีแผลอย่างไม่รู้ตัว







    "ไม่ต้องกลัวน่า นายผ่านการทดสอบขั้นที่ 1 ของชั้นแล้ว  ฮ่า ฮ่า ฮ่า" เก็นซุย หัวเราะอารมณ์ดี

    แล้วพยักหน้าให้แจบอมเดินตามเขาไปยังสนามซ้อมกลางแจ้งที่มี เสาเป็นท่อนฟาง ผูกกับไม้

    ตั้งเรียงราย







    ชิโนบุเก็นซุย ปลด gi ลง (เสื้อแบบญี่ปุ่น ที่ใส่คู่กับกางเกงฮากามะ) เปิดไหล่ข้างหนึ่งเผยให้

    เห็นกล้ามเนื้อแขน ไหล่ หน้าอก ที่ยังคงรูปสมบูรณ์สวย เหมือนวัยรุ่น ใช้ดาบมุรามาสะ หวดลม

    เร็วๆ เป็นการอบอุ่นร่างกายอยู่ 30 นาที (น่าจะฟันลมมากกว่า 1000 ครั้ง ) ก่อนจะลงดาบกับ

    เสาฟาง ที่ เห็นการตวัดชัดๆครั้งเดียว แต่เสานั้นหักออกเป็น 4 ท่อน
    และแสดงท่าหันหลังฟัน

    กระโดดตีลังกาฟัน ปิดตาฟัน และอีกหลายๆท่ายาก ที่ให้ผลลัพธ์เหมือนกัน ให้แจบอมดู ก่อนจะ

    บอกเงื่อนไข







    "ถ้าทำได้ 1 ท่า จะให้พบสมาชิกทีม 1 คน ดีไหม?" ชิโนบุเก็นชุย เก็บดาบเข้าฝัก แล้วเดินมา

    หาแจบอมที่ ยืนอึ้งอยู่บนระเบียงที่มีทางเดินในชายคาที่ยกขึ้นมาจากพื้น ประมาณครึ่งเมตร







    แจบอม เปลี่ยนท่ายืนเป็นเอามือกอดอก โดยมีมืออีกข้างยกขึ้นมาลูบคางตัวเอง แล้วปิดปาก

    พร้อมกับหัวเราะนิดๆ ซึ่งเป็นคำตอบที่ เก็นซุยไม่คาดคิด







    "มีอะไรตลกเหรอ หรือนายเสียสติไปแล้ว?" เก็นซุย ถามเชิงเย้าแหย่ ด้วยสายตาที่คาดหวังบาง

    อย่างกับคำตอบของแจบอม







    "ตอนนี้ผมรู้สึกดีจน อดที่จะยิ้มหรือหัวเราะออกมาไม่ได้อ่ะครับ ผมจะเอาชนะเงื่อนไขของเซน

    เซย์โดยที่คิดว่าถ้าทำสำเร็จแล้วจะไปหาสมาชิกคนไหนก่อนดี และจะพูดกับพวกเขาว่าอะไร

     คงจะมีรีแอกชั่นแปลกๆและเรื่องสนุกๆรออยู่เป็นแน่
    และผมจะได้พบพวกเขาทั้งหมดในวันนี้

    เลยไหมนะ
    " แจบอมยิ้มตาเป็นขีด กับความตื่นเต้น ท้าทายที่จะได้ทุ่มเทความสามารถทั้งหมดที่

    มี  เพื่อทำตามเป้าหมายตรงหน้าในตอนนี้







    นั่นทำให้ ชิโนบุ เก็นซุยรู้สึกถูกใจแจบอมขึ้นไปอีก  จนอดที่จะ ถามอะไรต่ออีกนิดหน่อยไม่ได้







    "ตอนนั้นนายไม่กลัวตายเหรอนายมีวิธีเอาชนะชั้นได้อยู่ใช่ไหม หรือนายแค่ไอ้บ้าธรรมดา

    กัน
    ?"







    "กลัวสิครับ  แต่ผมกลัวจะต้องตายโดยไม่ได้ทำอะไรมากกว่า สู้แล้วตายครับ  ขอให้ได้ลงมือ

    อย่างเต็มที่ มันดีกว่าการนั่งรอความตายเฉยๆ อย่างน้อยผมก็ไม่มีอะไรติดค้าง
    "







    "ก็จริง .. ถ้านายไม่ตอบโต้ในตอนนั้น  นายตายไปแล้ว" ชิโนบุ เก็นซุย เดินมาถึงตัวแจบอม แล้ว

    แตะไหล่ ก่อนจะก้าวขึ้นชายคา แล้วส่งดาบเอฟุตาชิ ของแจบอมคืนให้







    "นายหลับไป 2 วัน และตอนนี้ น่าจะประมาณ ตี 5 กว่าๆ ของวันที่ 3 หลังจากเราเจอกันนะ  ถ้า

    ทำได้ตามที่บอกแล้ว ไปตามชั้นได้ที่เรือนไม้สีดำด้านหลัง ได้ทุกเมื่อ
    " ชิโนบุเก็นซุย ดึง gi ขึ้น

    มาสวมให้เรียบร้อยเหมือนเดิม ก่อนจะเดินหายไป







    "ถ้าผมสามารถผ่านการทดสอบได้ สมาชิกคนอื่นๆก็ไม่น่าจะมีปัญหา มันไม่ได้ยากเกินกว่าความ

    สามารถของมนุษย์สักหน่อย
    "
    แจบอมปลุกใจตนเอง พร้อมกับถือดาบคู่กาย เดินออกจากชายคา

    ลงไปยังสนามซ้อมด้านล่าง พร้อมกับท้องฟ้าที่ค่อยสว่างขึ้นเป็นลำดับ...





    .................


    ชะลาล่า หายไปไม่มาต่อ แบบ เขิล ลืมลง ตอนนี้เลยยาว ขึ้น 20% 555 ยกโทษให้เก๊าเตอะ แบบ วาง พล๊อทไว้ยากไปนิด

    จริงๆอยากจะสื่อถึงภาวะผู้นำของแจบอม เลยชื่อว่า Leader game กะจะให้จบใน 2 ตอน แต่เอาจริงแล้วจบไม่ลง คือเป็น

    เรื่องไกลตัวไปนิส แล้วมี รายละเอียดเยอะ ตอนแรกกะจะตัดออก กลัวรี๊ดจะขี้เกียจอ่าน + รอนาน แต่คิดไปคิดมา มันคือ

    นิยายอะนะ ถ้าไม่ชอบอ่านตัวหนังสือเยอะๆ จะมาอ่านนิยายกันเรอะ  (ไหมนะ) เลยเขียนมันหมด ที่วางไว้ และยังมีต่ออีก

    ตอน ถ้าจบตอนโหดแล้วจะแทรกด้วยตอนหวีด อีกทีนะคะ  กลับมาอ่านกันเถอะน๊าาาาาา  

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×