ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Got7]Got 2 Survive {BNior,JackJae,MarkBam}

    ลำดับตอนที่ #43 : ตอนพิเศษ(4) : Frozen Tear (BNIOR special) 1/2

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 805
      4
      3 พ.ย. 59




    ตอนพิเศษ  :  Frozen Tear







    26 Jan. 2013






    เมื่อคืนหิมะตกหนักตลอด  แต่ก็ไม่อาจเป็นอุปสรรคจนการจัดงานสุดยิ่งใหญ่ที่ใครหลายคนตั้งตา

    รอต้องมีอันยกเลิก  เช้านี้ทุกอย่างจึงถูกปกคลุมด้วยหิมะสีขาว ซึ่งเข้ากับธีมหลักของงานได้เป็น

    อย่างดี  ตอนนี้มองไปทางไหนก็เห็นแต่รอยยิ้มได้ยินแต่เสียงแสดงความยินดี  ทั้งๆที่งานน่าจะ

    จบลงอย่างสวยงามด้วยความยินดีของทุกฝ่าย แยกย้ายจากกันด้วยความสุขเหมือนตอนเริ่มต้น 

    แต่...





     

    ตอนนั้น    พื้นหิมะสีขาว  และชุดลายลูกไม้ฟูฟ่องสีขาวบริสุทธิ์ของเจ้าสาวกลับถูกย้อมไปด้วย

    เลือดสีแดงฉาน  เสียงตะโกนก้องฟังไม่ได้ศัพท์ของใครหลายคนดังขึ้น  พร้อมกับเสียงปืน

    เปรี้ยงป้าง รัว กระหน่ำ กังวาลขึ้นทั่วบริเวณทางเดิน  ร่างบางของเจ้าสาวทรุดลงในอ้อมกอดของ

    ผมราวกับภาพสโลโมชั่น  ทักซิโด้เนื้อดีบนร่างที่หลายคนชมว่าผมใส่แล้วหล่อ ดูดีมาก กลาย

    เป็นชุดเกะกะที่น่ารำคาญที่สุด  มันมีขนาดพอดีตัวเสียจนทำให้ผมเคลื่อนไหวได้ไม่สะดวก ขา

    กางเกง ไหล่ ตึงดึงรั้งไปหมด






     

    "พาเจ้าสาวหลบไปก่อน"  เสียงใครบางคนดังขึ้น 






    "ไม่นะ!  ไม่ไป  อีก ไม่ถึง 10  เมตรเท่านั้น พาชั้นไปให้ถึงสิ  ขอร้องหล่ะ แจบอม" เสียงหวาน ดัง

    แผ่วกว่าเสียงของเธอยามปรกติกล่าวอ้อนวอน  คนที่ประครองร่างของเธอไว้






    "แต่.. แต่ พี่อาจจะตายก็ได้นะ  ถ้ากระสุนโดนจุดสำคัญอีกนัดละก็.." ร่างหนาของชายหนุ่มลังเล

    จะทำตามคำขอ  ควรปฐมพยาบาลก่อนดีไหม หรือ พาไปที่ปลอดภัยกว่านี้ดีนะ






    "อาจจะเป็นอย่างนั้น...แต่ ถ้าได้ตายในอ้อมกอดนาย ... มันก็ไม่เลวไม่ใช่เหรอ" เจ้าสาวกัดฟันยิ้ม

    ยิงมุกตามประสาคนคุ้นเคย






    "ไม่ตลก  ผมไม่ให้พี่ไปนะ  ฮรึก... ฮือ...  พี่อย่าทิ้งผมไปเลย" ร่างหนายากจะกลั้นน้ำตาไหว  แค่

    ปล่อยให้เจ้าสาวแต่งงานไปก็ยากจะทำใจแค่ไหนแล้ว  ยิ่งถ้าปล่อยมือจากกันในสภาพแบบนี้

    มัน...






    "นายไม่ใช่เด็กน้อยแล้วนะแจบอม  ...ขอโทษด้วย  ปล่อยพี่ไปเถอะ"






    "ทำไมพี่ต้องทิ้งทุกอย่างไปเพื่อคนคนนั้น  ทำไมพี่เลือกจะมีความรักทั้งๆที่นั่นคือจุดอ่อน  ของ

    พวกเรา
    "






    "นายเข้าใจผิดแล้วหล่ะ นี่คือจุดแข็งที่สุดที่ทำให้พี่ใช้ชีวิตไอดอลนักฆ่า มีชีวิตอยู่มาได้ถึงทุกวัน

    นี้  พี่มีความสุขมากจริงๆ
    "






    "...."






    "...."






    "น้ำตาของเจ้าชายน้ำแข็งอย่างนายก็ห้ามพี่ไม่ได้หรอก  อย่าร้อง...เก็บมันไว้ให้คนของนายเถอะ

    สักวันนายจะเข้าใจ
    ....พี่ยังไม่ได้บอกเรื่องสำคัญกับเขาคนนั้นเลย  ที่จัดงานแต่งเนี่ยเพราะพี่

    กำลังจะมี...ตัวเล็ก
    "






    "..."





    "..."






    ....


     




    "..ถ้านายมีคนที่คิดว่าใช่แล้ว ต้องบอกให้เขารู้ให้ได้นะ  คำว่ารักหน่ะ  ไม่มีใครไม่อยากฟังหรอก"






    "ถ้านายไม่ช่วยส่งพี่ให้ถึงปลายประตูนั่น  อย่างน้อยก็อย่ารั้งพี่ไว้  เราตกลงกันแล้วนะ..." เจ้าสาว

    คนสวยกำชายกระโปรงเปื้อนเลือดขึ้นมา แล้วสูดลมหายใจยาวเรียกพลัง ก่อนจะพยายามตั้งร่าง

    บางของตัวเองที่โงนเงนอยู่ให้ยืดตัวขึ้นตรง 
     โดยใช้ร่างหนาของคนข้างๆช่วยยันตัวขึ้น






    "เปรี้ยง !!!" แจบอมนึกโมโหเสียงของกระสุนปืนนัดนั้น ทำไมมันช่างดังก้องในสมองของเขา

    มากกว่ากระสุนนัดอื่นๆ
      เสียงมันกระตุกหัวใจของเขาให้หวิวไหว แทบขาดใจ  กับร่างตรงหน้าที่

    เดินไปได้ไม่ถึง สองก้าวก็ล้มลง






    "ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย..." นอกจากตะเบ็งสุดเสียง กับร้องให้ออกมา อิมแจบอม ก็

    ทำอะไรไม่ถูกเลยในนาทีนี้






    ตอนนั้น ผู้คนพากันกรูเข้ามาจากทางเข้า ด้านนอก  และผลักดันเบียดเสียดออกจากทางด้านใน

    จนเกิดโกลาหลใหญ่ ใครเป็นใครบ้างก็ไม่รู้  แต่ผมรู้สึกเจ็บหน้าอกอย่างรุนแรงไม่ต่างกับมีมือที่

    มองไม่เห็นมาบีบขยี้  รู้สึกเหมือนใจจะขาด  ที่ได้เห็นน้ำตาของเขา....แจบอมฮยอง 





     

    ผมก็อยู่ที่นั่น เฝ้ามองภาพนั้นด้วยความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้  เหมือนจะหายใจไม่ออก  เป็นครั้ง

    แรกที่ผมเห็นคนที่ผมคิดว่ารักมากที่สุดกำลังร้องให้ สะอึกสะอื้น ราวกับเป็นคนอื่นที่ผมไม่เคย

    รู้จัก  เขากอดร่างของผู้หญิงคนนั้น  ฟูมฟายปานจะขาดใจ  คนที่ผมคิดว่าเขาเย็นชามากเสียจน

    ไม่คิดว่าจะเสียน้ำตาให้กับอะไรบนโลกใบนี้ทั้งสิ้น  ถ้าผมเป็นแบบนั้น เขาจะกอดผมไว้ และร้อง

    ให้ให้ผมบ้างไหมนะ
    ?....






     

    ***********************************





     

    ผ่านมา 3 ปีแล้ว  และคิดว่านี่คงเป็นสาเหตุให้ผมเกลียดฤดูหนาว  ฤดูที่แสนอึดอัด และรู้สึกเศร้า

    เหงา โดยเฉพาะวันที่หิมะตก แต่เหนือสิ่งอื่นใดทั้งหมด....  ผมเกลียดมันเพราะเป็นครั้งแรกที่ผม

    ได้เห็นน้ำตาของเขา





     

    เจ้าเกล็ดน้ำแข็งสีขาวเย็นเยียบ  ตกโปรยปรายลงมาอย่างเงียบเชียบ  ปกคลุมถนนหนทาง 

    อาคารบ้านเรือน  ทุกหนทุกแห่ง  ทุกตารางนิ้ว  ย้อมทุกอย่างบนโลกใบนี้ให้เปลี่ยนเป็นสีขาว

    บริสุทธิ์  ผลึกคริสตัลใสดุจแก้วเจียระไน เปล่งประกายระยิบระยับยามแสงแดดตกกระทบ  กำลัง

    เต้นรำเป็นสายทิ้งตัวเดินทางลงมาจากสรวงสวรรค์อย่างอ้อยอิ่ง ราวกับม่านสีขาวที่ถูกทาบครอบ

    ลงมายังผืนดินเบื้องล่าง  ปุยหิมะอ่อนนุ่ม  ฟูนิ่ม น่าถนุถนอม พริ้วไหวยามต้องกระแสลม ดุจผ้า

    คลุมหน้าของเจ้าสาวแสนสวยที่ผมไม่มีวันได้สัมผัสกำลังสะบัดพริ้ว  นั่นทำให้ผม   .....รู้สึกแย่





     

    "คิวขมวดผูกเป็นโบว์เชียว  กำลังคิดอะไรอยู่ครับ" ร่างหนาไม่พูดเปล่า กลับเบียดเอาอกแกร่ง

    ซ้อนแนบมาทางด้านหลัง เอาคางอ้อมมาพาดไหล่ลาดนิ่ม แล้วแบ๊กฮักร่างบางที่เลือกยืนหัน

    ออกไปยังด้านนอกของระเบียงชั้น 7 ของหอพัก  คนโดนจู่โจมแกล้งห่อไหล่ ย่นคอ หนี  แต่ก็ไม่

    พ้น โดนหอมแก้มกลมขาวอมชมพูเข้าเต็มๆ ฟอด
    อยู่ดีในที่สุด






    "คิดเรื่อยเปื่อยอ่ะครับ  ไม่มีอะไรหรอก" รอยยิ้มฝืนปรากฏออกมาโดยไม่รู้ตัว






    "ไม่เชื่อ  ... หิมะตกทีไร นายชอบทำหน้าแมวหงอยทุกที  ถ้าปิดบังฮยองจะต้องโดนทำโทษนะ"

    แจบอม กอดจินยองแน่นขึ้นกว่าเดิม พร้อมกับเลื่อนมือเย็นเข้าไปใต้เสื้ออุ่นของคนน้องอย่าง

    ซุกซน






    "ฮยองอ๊า ไม่เอา  มันเย็น  จักกะจี้ ... สยิวด้วย คิก คิก" ร่างบางดิ้นไปมาในอ้อมกอดแข็งแรง แต่

    ก็ไม่อาจเป็นอิสระได้ง่ายๆ จนอดพองแก้ม บึนแบะริมฝีปากสีเชอรี่สวย แสดงอาการฮึดฮัดออกมา

    ไม่ได้  มันก็ผ่านมานานพอสมควรแล้ว เขาควรจะทำใจได้แล้วไม่ใช่เหรอ   เมื่อคิดดังนั้นจินยอง

    จึงรวบรวมความกล้าเอ่ยถึงเรื่องที่คาใจเขาอยู่ตลอด 3 ปีนี้ออกมา






     "ผมก็แค่คิดว่า... ถ้าผมตายไปอ่ะ ฮยองจะร้องให้ให้ผมบ้างไหมหน่ะครับ?"






    "..."






    "..."






    ไม่มีคำตอบใดเล็ดรอดออกมา นอกจากความเงียบ  ....จนจินยองต้องถอนหายใจยอม






    "ไม่เหรอ... อืม...ไม่เป็นไรหรอกครับ  ผมแค่ลองถามดู" หยาดน้ำสีใสเอ่อมาเคลือบดวงตากลม

    สวยประดุจลูกแก้วให้แวววาวอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะเหือดหายไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น  ความน้อยใจ

    พุ่งเข้าจู่โจมจินยองอย่างช่วยไม่ได้
      แต่เขาก็แอบทำใจมาบ้างแล้ว จึงฝืนไม่ร้องให้ออกมา






    "ไม่ใช่อย่างนั้น......นายไม่มีทางตายหรอกน่า (ชั้นจะใช้ชีวิตนี้ปกป้องนายเอง - ตรงนี้แจบอมแค่

    คิดต่อแต่ไม่ได้พูดออกไป)
    " ดวงตาเรียวยิ้มจนปิด พร้อมกับกดจูบแผ่วเบา แต่รู้สึกได้ถึงความอุ่น

    นิ่มของริมฝีปากที่แตะลงมายัง กลางหน้าผากของจินยอง






    "ตอบไม่ตรงคำถาม" คนน้องแกล้งลูบหน้าผากป้อยๆ แต่ก็ไม่สามารถซ่อนรอยยิ้มดีใจไว้ได้  ถึง

    แจบอมฮยองจะพูดเยอะขึ้นกว่าเมื่อก่อนแล้ว  แต่บางอย่างเขาก็ชอบแสดงออกด้วยการกระทำ

    มากกว่าคำพูด (แต่ถึงกระนั้นจินยองก็ยังอยากได้ยินเขาพูดทั้งหมดออกมาอยู่ดี)






                         

    ******************************************

     





    วันนี้ เมื่อ 3 ปีที่แล้ว  ผม  ปาร์ค จินยอง และ อิม แจบอม  ได้เดบิวในวงการไอดอลนักฆ่าอย่าง

    เป็นทางการ ในนามของ
    JJ project ครบ 1 ปี และยังเป็นวันครบรอบที่เราตกลงเป็นแฟนกัน  ใน

    ช่วงเวลานั้นผมค่อนข้าง ไฮเปอ ร่างเริง พูดเก่ง ขี้เล่น เอาแต่ใจ และไม่ค่อยมีเหตุผล  ต่างกับ

    ตอนนี้เยอะเลยครับ  ส่วน แจบอมฮยอง หน่ะ ก็ไม่เหมือนเขาในปัจจุบันทุกวันนี้เช่นกัน 

     






    ถ้าจะให้อธิบายเรื่องทั้งหมดจริงๆละก็ น่าจะเป็นที่ตอนนั้นพวกเราเป็น Youth duo player killer

    นักฆ่าเยาวชนคู่แรกของบริษัท เปิดตัวมาได้ไม่เปรี้ยงป้างเท่าไหร่  แต่ก็ไม่ถึงกับแย่นะ  พวกเรา

    เป็นโปรเจ็คทดลองอะไรหลายๆอย่าง  ซึ่งเวลานั้นมันยากที่เด็กอายุ 15 -16 ปี สองคนจะรับมัน

    ไว้ทั้งหมด  ความกดดัน และความเครียดของจริงหลังได้เดบิวนั้นสูงกว่าตอนเป็นแค่เทรนนี่มาก

    การฆ่าคนไม่ใช่ง่าย และไม่เข้าใกล้คำว่าเรื่องสนุก  สาเหตุที่ผมมาเป็นไอดอลนักฆ่าก็คือ  มัน

    เป็นค่านิยมของคนในตอนนั้น  มันคืออาชีพอาชีพหนึ่ง เหมือนเมื่อสมัยก่อนที่ใครๆก็อยากเป็น

    ดารา นักร้อง ที่มีชื่อเสียง มีฐานะ  มีหน้ามีตา มีอิทธิพลในสังคม  แต่ในปัจจุบัน ยุคนี้มันก็คือการ

    เป็นไอดอลนักฆ่านั่นหล่ะครับ 






     

    แรกสุดเลยผมคิดว่ามันก็คงเหมือนอาชีพแบบนักกีฬาทั่วไปที่มีการเตรียมตัว ฝึกฝน แข่งขัน

    สร้างสถิติ และทำลายสถิติ  แต่มันไม่ใช่  วงการนี้มันเริ่มจาก  การที่มีการยกเลิกระบบคุก และ

    เรือนจำในประเทศแถบยุโรปไป  เพราะไม่มีคนทำผิดกฎหมายเลย  แล้วทีนี้พวกที่ทำผิดเล็กๆ

    น้อยๆ ก็ต้องมาทำงานรับใช้สังคม ไปจนถึงพวกที่ทำผิดมากๆเข้าถึงจะมีจำนวนน้อยมากแต่ก็ยังมี

    อยู่   จึงมีการตั้ง ลีคทำโทษให้ต่อสู้กันเอาตัวรอดตามระยะเวลาของโทษที่ทำผิดในพื้นที่กักกันที่

    จัดไว้  ต่อมามีรายการทีวีเข้าไปถ่ายชีวิตพวกเขาแล้วมันกลับได้รับความนิยม  จนตอนหลังมีคน

    หัวใส  จัดให้นักโทษคดีร้ายแรงอุกฉกรรจ์ที่ต้องโทษประหาร มาร่วมรายการด้วยและจัดเป็นเซอ

    ไวเวอร์ เพราะไม่มีคุกแล้ว ก็ไม่รู้จะเอาคนพวกนี้ไปไว้ที่ไหน เลยจัดให้ฆ่ากันเองซะ โดยใช้คำ

    สวยหรูว่า การเอาตัวรอด (
    survive) นั่นแหละ  พอมีการเผยแพร่ออกไปดันได้รับความนิยมมาก

    ขึ้นไปอีก  มีการพนันขันต่อ มีโฆษณาขั้นรายการ มีสปอนเซอร์มาช่วยสนับสนุน เลยกลายเป็น

    ธุรกิจสายบันเทิงขนาดใหญ่มากแทน 





     

    จนถึงตอนนี้ไม่ต้องหานักโทษมาแข่งขันแล้ว  คนดีๆก็อยากเข้าแข่งเพราะได้รับผลตอบแทนที่

    คุ้มค่า มหาศาล  ความรุนแรง ถึงฆ่ากันออกอากาศ ตอนแรกก็มีคนคัดค้าน  แต่ต่อมาก็ทนกระแส

    ไม่ไหว เปิดให้มีรายการพวกนี้ได้ แต่ควบคุมโดยระดับรัฐบาลของแต่ละประเทศไปเลย  แถม

    ปัจจุบันไม่มีการทำสงคราม ชิงดินแดน  หรือการป้องกันประเทศเพื่อความมั่นคงอะไรกันแล้ว

    สงครามที่ใช้ทหารเข้าสู้รบไม่มีมามากว่า 20 ปี  การรุนรานต่อสู้ระหว่างประเทศในปัจจุบันจึงวัด

    กันที่ฐานะการเงินและเศรษฐกิจของแต่ละประเทศแทน  ประเทศที่มีลีค นักฆ่า ก็จะมีเงินสะพัด

    มาก มีอิทธิพลระดับโลกมาก รัฐบาลหลายประเทศจึงเข้ามาสนับสนุนและทุ่มเม็ดเงินปั้นไอดอล

    นักฆ่าแทนการสร้างกองทัพ  และฝั่งผู้รับชมเองก็ต้องมีการจำกัดอายุ  แสกนม่านตา  เข้าชมด้วย

    ระบบเนิฟ วิชชัวล์ ผ่านแพลทฟอร์มเครือข่ายที่ต้องลงทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น  ส่วน

    การเข้าชมในสนามก็เข้มงวดไปอีกถึงกับต้องมีการทดสอบสภาพจิตทั้งก่อนเข้าและหลังเข้าชม

    แล้วมันก็พัฒนามาจนถึงการคัดหน้าตา เทคนิคต่อสู้ การสร้างสตอรี่ มีดราม่ามากมาย จนมีไอดอ

    ลนักฆ่าโลดเล่นเป็นธุรกิจบันเทิงสายหลักอย่างถูกกฎหมายในปัจจุบันนี้ 

     





    วงการนี้เข้ามาแล้ว ห้ามออก  นอกจากตายเท่านั้น คุณจะถูกบรรจุเป็นประชากรอีกชนชั้น  มีการ

    ควบคุมทะเบียนประวัติ  เมื่อเดบิวแล้ว ไม่สามารถกลับไปใช้ชีวิตธรรมดาร่วมกับคนปรกติทั่วไป

    ได้  ยิ่งกว่านั้นความโหดร้าย มืดดำของวงการนี้ยังสาธยายเป็นสิบวันก็ยังไม่หมด
      อาชีพไอดอล

    นักฆ่าหน่ะ ทำเงินได้มากมายมหาศาลก็จริง  แต่การจะไปยังจุดสูงสุดนั้น ต้องใช้ทรัพยากรและ

    ต้นทุนเกินกว่าจะจินตนาการถึง  ทรัพย์สินที่ได้มาก็มักหมดไปกับค่ารักษาพยาบาล ค่าอาวุธ

    ยุทโธปกรณ์ไฮเทคทั้งหลายที่จะเป็นแต้มต่อให้ในการแข่งขัน  ค่าแมนเทแนซ์ ค่ายา วิตามิน

    อุปกรณ์เสริม เครื่องสำอาง เสื้อผ้า ค่าบำรุงรักษาตัวเองให้ดูดี ค่าแอสเซสซอรี่แต่งตัวออกงานให้

    สมฐานะ  ดึงดูดแฟนคลับ ค่าจัดหาสตาฟ์  ผู้ฝึกสอน นักเทคนิคอลทั้งหลาย โปรดิวเซอร์คนเก่งๆ

    ให้มาร่วมงาน  ค่าประชาสัมพันธ์ สร้างฐานแฟนคลับ  และอีกมากมายที่ต้องใช้เม็ดเงินมูลค่าสูง

    มหาศาลมาเป็นปัจจัยหลัก
      ซึ่งพวกเรายังเพิ่งอยู่ในระดับเริ่มต้นเท่านั้น

     





    ตอนนั้น แจบอมฮยอง ทั้งเย็นชา  หยาบคาย  ท้าทาย  อวดดี  ชอบออกคำสั่ง  และไม่เคยมานั่ง

    เสียใจ หรือร้องไห้เสียน้ำตา เสียเวลาให้กับใครและอะไรทั้งสิ้น  ต่างกับผมที่ร้องไห้ได้ง่ายมาก 

    ด้วยความที่พวกเรายังเด็ก แม้จะเป็นคนรักกันแล้ว (ถึงคนปากหนักจะยังไม่สารภาพรัก หรือบอก

    อะไร  แต่ผมก็ทึกทักว่าใช่ไปเองแล้วหล่ะ)  แต่เราก็ทะเลาะกันบ่อยครั้ง  มีตั้งแต่การถกเถียงกัน 

    ด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง  แม้ผมจะเป็นคนบ่นก่อน โต้เถียง เปิดประเด็นก่อน  แล้วใน 10 ประโยคที่

    ผมพลั้งปากไปด้วยความโมโห  มักจะถูกตอกกลับมาด้วยคำ หรือประโยคสั้นๆที่ทำให้ผมหน้า

    หงายได้เสมอ     จนไปถึงขั้นลงไม้ลงมือกัน...  ก็เคยนะ  ถ้ามีอาวุธอยู่ในมือเวลาทะเลาะกันละก็ 

    ประกันได้เลยว่าต้องมีใครสักคนต้องเลือดตกยางออก  พวกเราอารมณ์ร้อน มือไว ทั้งโมโหร้าย

    และโมโหง่ายมากทั้งคู่  นิสัยของพวกเราแทบจะเหมือนกันทุกอย่าง ทั้งความเอาจริงเอาจังกับ

    งาน  และเรื่องส่วนตัว  ต่างกันนิดหน่อยแค่ผมมักจะพูดทุกอย่างออกมา  กับแจบอมฮยองที่มักจะ

    เก็บทุกๆอย่างไว้โดยเลือกจะไม่พูดอะไร  ใครๆก็ว่าฮยองมีเสน่ห์ที่ทั้งชิค ทั้งดาร์ค และเย็นชา 

    ส่วนผมก็ สดใส ร่างเริง น่ารัก อะไรไปแนวนั้น

     





    แต่อย่างไรก็ตาม ตอนนั้นผมยังไม่มีความมั่นใจในตนเองสักนิด  ทั้งฝีมือที่ยังไม่ก้าวหน้า  ภาพ

    ลักษณ์ที่ออกไปทางน่ารักหน่อมแน๊ม  เด็กๆ ทำให้ไม่ได้รับความนิยมในฐานะนักฆ่าเหมือนแจ

    บอมฮยองเท่าไหร่  แล้วยิ่งเรื่องหัวใจผมยิ่งไม่มั่นคงหนัก  เพราะแจบอมฮยองได้เข้า ลีคจัด

    อันดับคนเดียว มีชื่อเสียงมากขึ้นๆ ทั้งๆที่เราทำงานด้วยกัน  แถมฮยองก็ยังได้เจอผู้คนมากมาย 

    ผมหมายถึงทั้งแฟนๆ และผู้หญิงสาวๆสวยๆทั้งหลายเป็นร้อยเป็นพันล้วนอยากใกล้ชิดเขา  ก็แน่

    หล่ะ อิม แจบอมเชียวนะ  ทั้งหล่อ  ทั้งเย็นชา  น่าค้นหา  แล้วก็เป็นสุภาพบุรุษที่สุดอีกด้วย


     




    พวกเราทำงานหนักทั้งคู่เพื่อให้เป็นที่รู้จัก  นอกจากการแข่งขันตามตารางปรกติ สัปดาห์ละ 4

    ครั้งแล้ว  ลีคเดี่ยวก็กินเวลาพักผ่อนไปอีกจนไม่เหลือวันว่าง  ทั้งๆที่พยายามอย่างเต็มที่ในทุก

    วัน  แค่นั้นมันยังไม่พอ  เมื่อครบเวลาประเมินผลประกอบการประจำปีมาถึง....

     





    ***************************************

     





    เจ้าชายน้ำแข็งผู้เย็นชา  คือฉายาของ อิม แจบอม  ตอนนั้น  ใบหน้าหล่อเหลาราวเทพบุตร ผิว

    ขาวเรียบเนียนละเอียด น่าสัมผัส  ริมฝีปากบางเหยียด รับกับสันจมูกคมโด่งสวย  สันกรามเด่นขับ

    กรอบหน้าให้คมเข้ม ไม่อาจละสายตา  ดวงตาเรียวรี คมลึก เฉี่ยว ดุ น่าเกรงขามแต่ลึกลับน่า

    ค้นหา แล้วยังรูปร่างสมสวนค่อนข้างแน่น แข็งแรง กำยำ เต็มไปด้วยมัดกล้ามดูดี  น่ามอง มีช่วง

    คอแข็งแรง บ่าหนา และไหล่กว้างแกร่ง น่าซุกซบ  ส่วนสูงกำลังดี มีบุคลิกนิ่งๆ สง่างาม ลักษณะ

    ภายนอกที่โดดเด่น สะดุดตา เป็นที่โจษขานในหมู่แฟนคลับ  ประชาชนทั่วไป หรือแม้แต่ในหมู่

    ไอดอลนักฆ่าด้วยกันเอง  ติดแต่ถ้าอัธยาศัยดีกว่านี้  คงมีชื่อเสียงโด่งดังกว่าที่เป็นอยู่นี้ได้ไม่

    ยาก  ....แสนเงียบ และเย็นเยียบ หน้าตาบูด ราวกับไม่เคยพอใจอะไรในโลกใบนี้  โกรธทุกสิ่งทุก

    อย่างและทุกคนอยู่ตลอดเวลา ไม่พูดไม่จา มนุษยสัมพันธ์ติดลบขั้นสุด รังเกียจการเข้าสังคม  ไม่

    ทำกิจกรรมร่วมกับใครถ้าไม่ใช่ช่วงทำงาน หรือมีการแข่งขัน  

     





    แต่เรื่องแบบนี้ทางบริษัทคอยส่งฟิคแบ๊คมาตำหนิให้เขาปรับปรุงตัว แต่ อิม แจบอมหาได้แคร์ไม่

    เพราะภาพพจน์เข้าถึงยาก บวกกับมาด ชิค แอนด์ ดาร์ค ทำให้เขามีที่ว่างส่วนตัวที่ไม่มีใคร

    สามารถล่วงล้ำได้พอสมควร  ถึงจะถูกนินทาลับหลังว่า หยิ่ง  ถือดี  ไม่มีเห็นหัวใคร  อิม แจบอมก็

    ไม่ได้ตอบโต้อะไร  ยังคงใช้ชีวิตนักฆ่า หน้าใหม่ของเขา กับปาร์ค จินยองไปเงียบๆ  จนมีบางสิ่ง

    มาเปลี่ยนชีวิตของเขาไป

     





    หลังจากถูกประธานบริษัทเรียกไปคุยส่วนตัวเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนหน้า  เรื่องการยุบทีม JJ project

    เพราะผลงานหลังจากเปิดตัวในปี 2012 จนถึงตอนนี้ของผมไม่ดีเท่าไหร่นัก  ทางผู้บริหารจึงบีบ

    ให้ท่านประธานพิจารณาทำทีมใหม่ขึ้นมา ซึ่งยังไม่ได้ตัดสินใจว่าสมาชิกจะมีใครบ้าง  ส่วนทั้งผม

    และจินยองจะต่อสัญญาหรือไม่ก็ได้  และยังไม่รับปากว่าเราทั้งสองคนจะได้อยู่ในทีมที่วางแผน

    จะทำขึ้นมาใหม่นี่ด้วยไหม  วงการไอดอลนักฆ่านี้ทักษะ ผีมือสำคัญก็จริง  แต่ถ้าจะให้อยู่รอด

    และโด่งดังมีแค่นั้นมันไม่พอที่จะเป็นที่รักและเข้าไปอยู่ในใจของผู้คนจำนวนมากได้  ถ้าเปรียบ

    เราเป็นสินค้าทางธุรกิจชิ้นหนึ่งก็คือ ต้นทุนในการสร้างและพัฒนาพวกเราสูงไป แพคเกจออกมา

    เฉพาะกลุ่มไป ไม่แมส ขายไม่ออก ไม่น่าสนใจในความคิดของคนทั่วไป จะดันทุรังเสียค่าวาง

    ขายต่อก็มีแต่จะเสียหายขาดทุนมากขึ้นเท่านั้น

     





    ดังนั้นจากตารางที่ยุ่งมากหลังเดบิวในปี 2012 ของผมกับจินยอง ตอนนี้มันกลับว่างเปล่าในปี

    2013 (
    GOT7 เดบิวต้นปี 2014^^) ถ้ามองในแง่ดีก็คือผมจะยังมีเวลาพัฒนาตัวเองเพิ่มอยู่นะ 

    ร่างกายยังแข็งแรงดี ไม่มีบาดเจ็บตรงไหน  อายุก็ยังไม่มาก ผมหวังว่าจินยองจะไม่ถอดใจ

    เหมือนกัน  ร่างบางถูกเรียกเข้าไปพบท่านประธานต่อจากผม  ท่านคงจะคุยเรื่องเดียวกันกับที่

    เพิ่งบอกผมไปนั่นแหละ  อยู่รอสักหน่อยดีกว่า  เด็กคนนั้นคงจะออกมาฟูมฟายขนาดไหนก็

    ไม่รู้....เขาดูบอบบางน่าถนุถนอม จนผมกลัวว่าเขาจะแตกสลายหายไปถ้าไม่ได้รับการดูแลจาก

    ผม เขาเป็นคนเดียวที่ทำให้ผมรู้สึกถึงคำว่ามีชีวิตชีวาของโลกใบนี้  ผมแค่หวังว่าเราจะได้อยู่ด้วย

    กัน และทำงานด้วยกันตลอดไป แต่ดูเหมือนทุกอย่างจะไม่เป็นแบบนั้น ........

     





    พวกเรายังได้สิทธิ์ใช้หอพักด้วยกันอยู่ แต่ตอนกลางวันจินยองจะถูกส่งกลับไปในส่วนของเทรน

    นิ่ง เซนเตอร์  ต้องฝึกปะปนไปกันเทรนนี่คนอื่นๆใหม่  ส่วนผมแย่กว่านั้นเพราะต้องไปเป็นคนรับ

    ใช้ให้กับพวกรุ่นพี่  เพื่อดัดนิสัยที่ไม่ดีทั้งหลายของผม  ซึ่งตอนแรกผมนึกว่ามันเป็นการลงโทษ 

    และนั่นทำให้ผมพบกับ ผู้หญิงที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่าง ...






    *********************************



    ต่อค่ะ 





    ยกคิ้วสวยที่ถูกเขียนไว้โก่งดังคันศร  มิน ซอนเย  ลีดเดอร์ ทีม Wonder Girl  กำลังซ้อมยิงเป้าบิน 

    ที่ปล่อยจากฐานยิงสำหรับซ้อม 20 ตัว ฐานทั้งหมดถูกตั้งอัลกอริทึ่มแบบแรนด้อมไว้สำหรับปล่อย 

    คีท เป้าบินเป็นจานหมุนทำจากดินเผา(Clay)ขนาดเล็กกว่าปรกติที่ใช้ในกีฬายิงเป้าบินทั่วไป  

    ทิศทางและจำนวนของมันในแต่ละชุดถูกสุ่มออกมาในแบบ Hard Mode (5 - 20 ตัว ต่อรอบ)  จาน

    เล็กๆสีส้มถูกแรงส่งลอยไปในอากาศด้วยความเร็วสูง เมื่อถึงจุดสูงที่สุดจะโค้งทิ้งตัวลงมาตามแรง

    โน้มถ่วงเลียนแบบการเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิตที่ถูกล่าเป็นกีฬาเช่น พวกนกต่างๆ  กระสุนปืนรัวใส่

    สอยวัตถุที่กำลังบินพวกนั้นแตกกระจายตกลงมาอย่างแม่นยำ  ดีดปลอกกระสุนที่ยิงออกไปแล้ว

    ทิ้ง  ใบหน้านิ่งพลางหันมามองสองร่างที่เดินเข้ามาใกล้โดยไม่หยุดบรรจุกระสุนใหม่แล้วยิงเป้าบิน

    ชุดต่อไป  ร่างสูงของไอดอลหนุ่มรุ่นน้องกับเพื่อนร่วมทีมที่เพิ่งเข้ามา  ถึงกับตกตะลึงตาค้าง 



     

     

    "ถ้าเล็งแล้วยิงโดนนับว่าธรรมดา  นี่หันหน้ามาแล้วยังสอยเป้าบินได้ทุกอันเนี่ย ไม่เก่งไปหน่อยเห

    รอแม่มิน" ปาร์ค เยอึน สมาชิกอีกคนของทีม Wonder Girl พารุ่นน้องตาตี่มาส่ง พร้อมกับหนังสือ

    คำสั่งของประธานบริษัท ที่มอบหมายภาระงานให้ลีดเดอร์ของเธอดูแลเด็กหนุ่มตรงหน้า  แฟ้มสีดำ

    ถูกแกว่งไปมาแกล้งก่อกวนเล็กน้อยก่อนยื่นให้



     

     

    "หลับตายิงยังได้เหอะ  แล้วนี่มาดามถึงขั้นมาส่งเจ้านี่ด้วยตัวเอง  หรือทางผ่านจะไปไหนต่อ?" 

    ซอนเย หรือชื่อเล่นที่แฟนคลับเรียกกันคือ แม่มิน ยกยิ้มถามกลับลูกทีมกิตติมศักดิ์ ที่มีชื่อเล่นที่

    แฟนคลับตั้งให้ว่า มาดาม  มือไม่ว่างจะรับแฟ้มมาด้วยต้องใช้ประครองปืนทั้งสองข้างจึงพยักเพยิด

    หน้าให้ลูกทีมโยนแฟ้มนั้นไว้แทบเท้า

     



     

    "เข้าแล๊ปสิคะคุณแม่  คนเค้าไม่ได้ว่างงานอย่างตัวหนิ  ต้องพัฒนาอาวุธแบบใหม่ให้ทันแข่งกับ

    บริษัทอื่นด้วย  ถ้าหยุดค้นคว้าไปคนอื่นเขาได้นำหน้าทิ้งห่างหน่ะสิ  อนาคตของ JYP เชียวนะ   

    ....จะว่าไปช่วงนี้พวกเราไม่ค่อยได้ออกแข่งทัวร์นาเม้นแล้ว  แม่มิน คงคันไม้คันมือใช่ไหมหล่ะ  

    ฝากเจ้านี่ไว้ด้วยแล้วกัน  น่าจะสร้างความบันเทิงแก้ขัดได้ไม่มากก็น้อยแหละแต่อย่าให้ถึงกับตาย

    นะ  ....บอสเจาะจงมางี้" หลิวตาส่งซิกเป็นอันรู้กัน  เยอึนยักไหล่ชิลๆ  มองตั้งแต่ศีรษะจรดปลาย

    เท้าของไอดอลหนุ่มรุ่นน้องที่เดินมาด้วย  อาจจะได้เห็นหน้าเป็นครั้งสุดท้าย  เสียดายความหล่อ

    ชมัด  ~ Que  sera  sera  what ever will be will be, the future's not ours to see  ...Que  

    sera  sera  ผิวปาก ฮัมเพลงเบาๆ แล้วเดินจากไป 



     

     

    ตอนนี้บนเนินเขาหลังบริษัท  ส่วนที่จัดไว้คล้ายสวนสาธารณะมีดงหญ้าขึ้นเขียวเป็นลากกว้างแต่

    เป็นสถานที่ส่วนบุคคล เหลือแต่ร่างบอบบางของหญิงสาวถือปืน shot gun กระบอกสวยคนหนึ่ง  

    กับร่างสูงกำยำ มือเปล่าของเด็กหนุ่มอีกคนหนึ่ง  ซอนเยชี้ปลายกระบอกปืนลูกซองลำกล้องคู่ที่

    บรรจุกระสุนจริงของเธอไปทางเด็กร่างสูงโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง   มันเป็นสถานการณ์ที่อันตราย

    มาก เพราะทุกข้อกำหนดของทุกการฝึกมีข้อห้ามในการชี้ปลายปืนใส่คนอื่นไม่ว่าจะมีการโหลด

    กระสุนไว้หรือไม่  แล้วยิ่งเป็นปืนลูกซองที่ใช้ยิงเป้าบิน ยิ่งอันตรายมากๆ ด้วยเบิร์ด ช๊อตส่วนใหญ่

    เป็นกระสุนลูกปลาย ยิงแล้วกระจายออก  ระยะยืนของหนุ่มรุ่นน้องกับรุ่นพี่ตรงหน้าห่างกันไม่ถึง 3 

    เมตร ถ้าปืนลั่นขึ้นมา นอกจากไส้แตกแล้วศพคงกระจุยเละเทะ ระเบิดออกกระจัดกระจายไม่เหลือ

    ชิ้นดี  คนที่เป็นรุ่นพี่จงใจขู่ คุกคาม ประกาศสงครามก่อน

     



     

    "ปัง!!!"



     

     

    "ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง....."

     

     



    หากแต่นั่นไม่ใช่แค่การขู่....

     

     



    เป้าบินเปลี่ยนทิศ ขึ้นทางด้านหลังของเด็กหนุ่มที่ยืนค้าง  แล้วซอนเย ก็ยิงเป้านั่นรัวๆ ข้ามศีรษะคน

    ตรงหน้าไป  ปรกติปืนลูกซองที่ใช้ยิงเป้าบินนิยมใช้แบบปั๊ม ลำกล้องคู่ ขนาด 12 เกจ จะบรรจุ

    กระสุนได้ทีละ 2 นัด ซอนเยสามารถถอดบรรจุกระสุนใหม่ติดต่อกันได้อย่างรัวๆ รวดเร็วโดยไม่

    ติดขัดราวกับทำปืนลูกซองแบบปั๊มให้เป็นแบบออโตเมติก  ซึ่งทักษะการเคลื่อนไหวของเธอจัดว่า

    ไม่ธรรมดา และความแม่นยำแทบไม่ต้องถามถึง ( โดยทั่วไปปืนลูกซองจะแบ่งเป็น แบบปั๊ม คือเรา

    สามารถบังคับ ปรับความแรง ระยะเวลาโหลดกระสุนเองได้ กับ แบบ ออโตเมติก ที่สามารถโหลด

    กระสุนได้อัตโนมัติทีละ 5 - 9 นัด โดยไม่ต้องมานั่งเติมกระสุนทีละ นัด สอง นัดเหมือนแบบปั๊ม 

    แล้วยังแบ่งเป็นลำกล้องเดี่ยว ลำกล้องคู่ ลำกล้องผสม แบ่งตามความยาวของลำกล้อง แยกย่อย

    ไปได้อีก  ส่วนกระสุนก็มีสองแบบคือ แบบลูกโดด (Slug) คือ มีลูกตะกั่วขนาดใหญ่อยู่อันเดียวใน 

    1 นัด กับแบบ ลูกปราย (Buck) คือมีลูกตะกั่วเล็กๆอยู่ข้างในอีก 9 -100 ลูก ใน 1 นัด เวลาถูกยิง

    ออกไปจะกระจายออกเป็นวงกลมรัศมีประมาณ 30 นิ้ว คือสะดวกตรงที่ไม่ต้องเล็งมาก ก็กระจาย

    โดนเป้าหมายได้ง่ายๆ หวังผลได้ใน ในระยะ 0-1500 หลาทีเดียว (แต่ขึ้นกับปัจจัยปลีกย่อยๆอีก

    หลายอย่าง) )

     



     

    ผมเคยฝึกยิงเป้าบินอยู่เหมือนกัน ขนาดใช้ลูกซองแบบอัตโนมัติยังโหลดกระสุนแทบไม่ทัน  นี่พี่

    เขาโหลดมือ ดีดปลอกกระสุนออกหลังยิงเสร็จแล้วก็ใส่เข้าไปใหม่ได้อย่างโคตรของโคตรเร็วมาก

    จนน่าทึ่ง น่าจะเร็วกว่าการโหลดของลูกซองแบบออโต้ด้วยซ้ำ แรงถีบของปืนลูกซองแบบปั๊มเวลา

    ยิงนั้นมีมากด้วย  ถ้าไม่ชำนาญมาก่อนนี่  ยิงแต่ละทีมีหน้าตาแหกกันบ้าง แต่พี่ซอนเยนี่ยิ่งกว่าชิล 

    จับปืนเล็งเป้ามือเดียวส่วนอีกมือใช้ช่วยประครองบ้าง  แต่หลักๆคือใช้ดีด ใส่ ดีด ใส่ กระสุนปืนที่

    ยิงไปแล้ว กับกระสุนนัดใหม่สลับกันไปเรื่อยๆ  อาวุธชนิดนี้เรียกว่าโกงสุดในการแข่งขันแล้ว

    เผลอๆความรุนแรงไม่ต่างจากไรเฟิลของพวกสไนเปอร์เลยด้วยซ้ำ แถมมีข้อได้เปรียบหลายอย่าง

    คือ ระยะยิงปรับมือได้ทั้งไกล้และไกล  มีขนาดและน้ำหนักเบากว่า ถือและเคลื่อนย้ายง่ายกว่า 

    พลังทำลายล้างของมันมีอานุภาพสูงมากบางไฟท์ หรือ บางทัวร์นาเม้นก็ห้ามใช้แข่ง เพราะมันฆ่า

    คนได้เร็วเกินไป ไม่สนุก แต่สนามใหญ่ๆส่วนมากอนุญาตให้ใช้ได้ทั้งนั้น  แล้วปืนลูกซองแบบปั๊มก็

    มีข้อดีกว่าแบบออโต้ ตรงที่มันทนทานกว่า ขัดลำกล้องน้อยกว่า ดูแลรักษาง่าย  แต่ใช้งานยาก

    กว่า ประสิทธิภาพของมันจะดึงออกมาได้สูงเท่าไหร่ก็ขึ้นกับทักษะของคนที่ใช้  ในแมทช์ที่แข่งกัน

    นานๆเป็นเดือนๆนี่  ปืนลูกซองแทบจะเป็นอาวุธหลักติดมือทีมระดับสูงแทบทุกทีม  อย่างไรก็ตาม

    คนที่ใช้มันได้อย่างคล่องแคล้ว เก่งฉกาจ ราวกับแค่การหายใจปรกติไปวันๆคงต้องยอมให้ผู้หญิง

    ตรงหน้าจริงๆ

     



     

    "เก่งหนิ ไม่ขยับสักก้าว.......นาย.....?" น้ำเสียงหวานแต่แฝงคำประชดประชันไม่ใคร่เป็นมิตร ออก

    แนวเหยียดๆ ดังขึ้น

     



     

    "อิม แจบอม ครับ" รีบดึงสติจากที่ตะลึงอ้าปากค้างตอบกลับ  ถึงจะกล้าแกร่งใจเพชรแค่ไหน ลอง

    โดนคนที่ไม่รู้จักมักคุ้นเล็งปืนใส่ เป็นใครต่อใครก็ต้องใจแกว่ง  สติแตกมั่งแหละ   นี่คุณพี่เธอเล่น

    หันกระบอกปืนใส่แล้วยิงออกมาจริงๆ  รับรู้ได้ถึงแรงอัดกระสุนที่วิ่งเฉี่ยวศีรษะและใบหูไป  แถม

    เหมือนได้กลิ่นกระจุกผมไหม้ด้วยซ้ำ  ไม่ใช่ผมไม่ตกใจจนอยากจะขยับหนีหรอกนะ  แต่ผมตื่นกลัว 

    อกสั่นขวัญแขวน  เกินกว่าจะก้าวขา หรือเขยื้อนตัวออกไปต่างหาก  แม้จะเกร็งหน้าให้นิ่งเข้าไว้ 

    เหมือนจะไม่รู้สึกรู้สา แต่ว่าหัวใจข้างในอกนี่เต้นระรัว ถี่ลั่น  สั่นดิ๊กๆๆๆ แทบจะกระโจนออกมา  มัน

    แบบทั้งตกใจ ทั้งกลัว จนขวัญหนีดีฝ่อ  เหงื่อซึมออกขมับ ปลายมือปลายเท้า และตัวเย็นไปหมด  

    กลั้นหายใจจนกล้ามเนื้อเครียดแข็งทื่อเหมือนท่อนไม้  แถมยังแอบหลับตาปี๋ด้วย  เพราะเสียงปืนที่

    ดังมาก สร้างคลื่นเสียงมากระทบให้เปลือกตามีรีเฟล็กปิดตัวลงเพื่อป้องกันอันตรายที่จะเกิดกับ

    นัยน์ตาของเราโดยอัตโนมัติ  ไม่ได้ขลาดกลัวจริงจริ๊ง

     

     



    ผ่อนลมหายใจออกค่อยมองคนตรงหน้าอย่างกริ่งเกรง  รุ่นพี่ มิน ซอนเย  ลีดเดอร์ ของ Wonder 

    Girl ทีมไอดอลนักฆ่าหญิงระดับ E ทีมแรกของวงการไอดอลนักฆ่าเกาหลี และของบริษัท JYP  มี

    ฝีมือ  รูปร่าง หน้าตา และความเหี้ยมโหด โชกโชน โดดเด่นที่ไม่เป็นสองรองใครในวงการไอดอล 

    นักฆ่ารุ่นแรกๆ เป็นหน้าเป็นตาของบริษัท และของประเทศเกาหลีด้วยซ้ำในการไปบุกเบิกแข่งลีค 

    นักฆ่าในต่างประเทศ  ระดับพี่เขากับพวกผมต่างกันมากๆ  ถึงจะอยู่บริษัทเดียวกันแต่ผมเคยเห็น

    พวกพี่เขาจากในทีวีเท่านั้น  ตัวจริงใกล้ๆนี่เป็นนูน่าผู้หญิงรูปร่างเล็กๆ บอบบาง หน้าตาสะสวย ผิว

    ไม่ขาวจัดดูสุขภาพดี  ไว้หน้าม้าและตัดผมบ๊อบระดับติ่งหู  มีเรือนผมสีดำสนิท ไม่แต่งหน้า แต่งตัว

    เรียบร้อยในชุดสูทสากลกระโปรงสั้นลายสีเทา ทับด้วยเสื้อกั๊กมีกระเป๋าสำหรับใส่กระสุนปืน

    ลูกซอง  ดูเผินๆเหมือนไม่น่าเชื่อว่าจะฆ่าคนได้ด้วยซ้ำ  ถ้าไม่เห็นถืออาวุธในมือหน่ะนะ พี่เขา

    เหมือนพวกคุณครูสอนเด็กประถมมากกว่า โคตรพ่อโคตรแม่ของคำเปรียบเปรยว่าหมาป่าห่มหนัง

    ลูกแกะตัวจริงเสียงจริงเลยหล่ะ ไม่น่าจะ เอ่อ....

     



     

    "นินทาชั้นในใจพอหรือยัง  อิม แจบอม ในหนังสือนี่บอกว่าท่านประธานส่งนายมาเป็นเบ๊ให้ชั้น  

    พวกไร้ประโยชน์เอ้ย" ใช้เท้าเขี่ยเปิดแฟ้มแล้วอ่านจากท่ายืน  สะบัดเสียงใส่พร้อมปลายปืนลูกซอง

    สีดำทำจากเหล็กแข็ง ยังกรุ่นเขม่าอุ่นๆ ถูกจ่อมายังปลายคางของผม  แถมมือของพี่ซอนเยเขาก็ยัง

    อยู่ในไกปืนเสียด้วย  เป็นอีกครั้งที่อิมแจบอมคน(เคย)ชิคแทบไม่กล้าหายใจหรือทำอะไรอึกอัก  

    น้ำลายเหนียวคอขึ้นมาทันที   เมื่อกี้โชคดีที่พี่เขาแต่งปืนนั่นโดยใส่ฟลูโช๊ค  ช่วยสำหรับยิงวัตถุ

    ระยะไกลบังคับให้กระสุนลูกปรายไม่แตกกระจายเป็นวงกว้างมากนัก บวกกับฝีมือระดับเทพของพี่

    เขา  ผมเลยยังปลอดภัยอยู่  ถ้าพี่เขาไม่ได้แต่งปืนมาละก็ตัวผมคงพรุนเป็นรังผึ้งเฝ้าสวนอยู่หลัง

    บริษัทนี่ไปแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย (นี่เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ผมคิดว่าต้องตายแน่ๆแล้วหลังจากได้ยิน

    เสียงปืน  ขยับหนียังไงก็ไม่มีทางพ้นรัศมีกระสุนลูกปรายหรอก  โดนลูกซองจ่อแล้วยิงผ่านระยะ

    เผาขนขนาดนี้  ตอนนั้นไม่นึกว่าใจคอพี่เขาจะยิงออกมาจริงๆด้วยซ้ำ จะร้องหาพ่อแก้วแม่แก้วยัง

    ไม่ทันเลย)



     

     

    เชิญพี่ท่านบัญชามาเถอะครับ นาทีนี้ผมไม่กล้าหืออือใดใดทั้งสิ้นอีกแล้ว ผมรีบยกสองมือหงายขึ้น

    ระดับอกแบบท่ายอมแพ้  ถ้าสามารถนอนแบเหมือนสุนัขหงายท้องยอมศิโรราบต่อจ่าฝูงได้คงทำ

    ไปแล้ว  เพียงแต่ความหล่อ เริด เชิด หยิ่ง ค้ำคอไว้ จึงได้แต่ทำหน้าบูดบิดราวกับปวดท้องถ่าย

    หนักโดยไม่พูดอะไรที่ต่อความยาวสาวความยืดออกไป  ออร่าของพี่ซอนเยน่ากลัวจริงๆครับ  ผมงี้

    ขนลุกซู่ไปหมด  ขาสั่นพับๆ พร้อมจะเป็นลมได้ทุกเมื่อ  เกิดมาไม่เคยกลัวใครจับจิตจับใจขนาดนี้  

    พี่เขาระเบิดแผ่รังสีกดดันออกมาอย่างมาก(ระดับ E นี่ครับ) ผมเกรงใจ(กลัว)พี่เขาจนลนลาน  เก็บ

    อาการแทบไม่อยู่  วิญญาณพลันจะออกจากร่างมะลำมะล่อแล้ว  ไว้ชีวิตผมเถอะ  อย่าทำอะไรผม

    เลยนะ



     

     

    "นี่เหรอ เจ้าชายน้ำแข็งที่เขาเล่าลือกัน  รู้จักรักตัวกลัวตายเหมือนกันนี่  ....ไม่เห็นจะเท่าไหร่เลย   

    ลองมาทำความรู้จักกับนูน่าอย่างใกล้ชิดสักนิดดีไหม  เผื่อเราจะได้รักใคร่  สนิทสนม กลมเกลียว

    กันมากขึ้น   หึ หึ ...อืม...ใช้ให้ทำอะไรดีน๊า? (แกล้งทำเป็นมองซ้ายมองขวา) เอาเป็น....ภายในวัน

    นี้นายต้องถอนหญ้าแถวนี้กับบนเนินเขาสี่ไร่ตั้งแต่ตรงที่ชั้นยืนอยู่ไปจนจรดริมแม่น้ำฮัน ด้วยมือ

    เปล่าให้เรียบร้อยดีไหม? คิก คิก.. ชั้นจะปล่อยโดรน ไว้ตามดูนายด้วย  ขอให้สนุกนะ  แล้วอย่าให้

    ใครมาช่วยหล่ะ  ไม่เสร็จไม่ต้องกินข้าว รวมถึงห้ามกลับเข้าตึกเด็ดขาด  ไม่งั้นคงรู้นะว่าต้องเจอกับ

    อะไร..." กระแทกปลายปืนที่จออยู่ใต้คางคมย้ำคำสั่งก่อนจะลดปืนลงถือไว้ระดับสะโพก  ผมได้แต่

    เชิดหน้าหลับตาปี๋ รอบนี้มีเวลาสวดภาวนาหาพระเจ้าด้วยใจระทึก   โชคดีที่พี่เขาเปลี่ยนอีกมือมา

    ตบไหล่หนา ปุ ปุ ปลอบ (ไม่ต่างกับตบหัวแล้วลูบหลังเลยครับพี่)  พี่ซอนเย  เดิน ลัล ลา ทำท่า

    เหมือนสาวน้อยกระโดดอยู่กลางทุ่งลาเวนเดอร์อย่างพอใจแล้วเดินจากไป 



     

     

    ผมรีบทรุดเข่าถอนหายใจเลิกเกร็งไปทั้งตัวเสียที  เมื่อกี้คือเครียดมาก นี่เรารอดแล้วหรือยังนะ ผม

    ยังสงสัย  ตอนนี้พอมีเวลากวาดสายตามองไปทั่วๆบริเวณสวนที่ว่า ...4 ไร่ ในเวลาใกล้พลบค่ำ  

    พื้นที่ของพี่ซอนเยที่บอก 4 ไร่ มันคือแนวระนาบ แต่เนื้อที่จริงนี่มันเป็นเนินเขาไง  สภาพทาง

    ภูมิศาสตร์คือพื้นที่มันชันนูนขึ้นเกือบเรียกว่าภูเขาแล้ว พื้นที่ผิวมันจึงเยอะกว่านั้น (มากกว่า 4 ไร่

    แน่ๆ) ต้นหญ้ารกสูงท่วมข้อเท้าถึงเข่า  แล้วแค่สองมือของผมคนเดียวนี่ มันจะไปทำสำเร็จได้ยังไง

    เนี่ย   เด็ดเอาทีละต้นเหรอ  รอบๆตัวแถวนี้มันไม่มีเครื่องทุ่นแรงอะไรเลยนี่นา  เครื่องตัดหญ้าคงไม่

    ได้ กรรไกรตัดหญ้าก็อย่าหวัง  มีดดายหญ้าหล่ะ  หรืออย่างน้อยขอใส่ถุงมือได้ไหม   ก็จนใจอีกไม่

    ได้เตรียมอะไรติดตัวมาด้วยเลย  ...เฮ้อ  จากไอดอลเกือบดัง  ต้องมานั่งถอนหญ้าในสวนรกหลัง

    บริษัทเหรอ ดีว่ามันเริ่มมืดแล้วนะ  คงไม่มีใครมาเห็น   สภาพตอนนี้คือแต่รู้ถึงไหนอายถึงนั่นแน่ 

    ....  อิม แจบอม เอ๋ย...

     

     



    ถ้าเป็นช่วงเดบิวใหม่ๆผมมั่นใจว่า ผมคงไม่มานั่งทำอะไรแบบนี้หรอกครับแม้จะถูกรุ่นพี่สั่ง (ถอน

    หญ้า)  อาจจะมองเย็นๆแล้วทำเป็นไม่สนใจไป แต่ตอนนี้ด้วยคำสั่งของพี่ซอนเย(และปืนลูกซองใน

    มือพี่เขา)  ผมกลายเป็นคนมีสัมมาคาราวะ  อ่อนน้อมถ่อมตนกับผู้ใหญ่ขึ้นมาได้ในทันที  ไม่รู้ทำไม

    ผู้หญิงตัวเล็กๆถึงน่าเกรงขามขนาดนี้  แต่อย่างว่าพี่เขาไม่มีอะไรจะใช้ผมทำแล้วเหรอ  ให้สุดหล่อ 

    มาถอนหญ้า ดูๆไปนี่คือการ bully กลั่นแกล้งไหม? หรือพี่ซอนเยมีจุดประสงค์อะไรอื่น? ไม่ได้สนิท

    ขนาดเดาใจกันได้เสียด้วย บ่นไปแต่มือก็ไม่หยุดถอนหรอกครับ  ไม่ได้หวั่นพี่เขาเล๊ยยย  

      .....โอ้ย!!  ใบหญ้าบาดมืออ่ะ  ฝ่ามือขาวๆ  มีเลือดไหลออกมาเลย  บ้าชมัด  ....ป่านนี้จินยอง  

    ของผมจะเป็นยังไงมั่งนะ...

     



     ..

    ....


    ...


    ..


    .


    .




    อีกด้าน

     

     



    ให้กลับมาเทรนนิ่งเซ็นเตอร์แต่ไม่มีตารางฝึกให้แล้ว  ก็จบหลักสูตรจนเดบิวไปแล้วนี่นา ปาร์ค จิน

    ยองเดินเคว้งคว้างผ่านกลุ่มเทรนนี่คนนั้นคนนี้อย่างไร้จุดหมาย  คนพวกนั้นมีการมองมาและจับ

    กลุ่มซุบซิบนินทาเขาในระยะเผาขน 

     



     

    "นั่นไงไอดอลขายไม่ออก 


     

    "มาทำอะไรแถวนี้อ่ะ  โดนบอกเลิกสัญญาแล้วหรือยังนะ?"


     

    "ล้มเหลว แล้วยังกล้ามาเดินลอยหน้าลอยตาแถวนี้อีก"


     

    "ยังไม่ลาออกอีกเหรอ  พิจารณาตัวเองได้แล้ว  นายทำให้พี่แจบอมของชั้นต้องตกต่ำซวยไปด้วย

    จะรู้ตัวไหม?"


     

    "ตัวถ่วงนี่เรา"


     

    และอื่นๆ อีกบลาๆๆๆ ที่ล้วนแทงใจดำ ทำร้ายความรู้สึกของจินยองจนนับไม่ถ้วน....



     

     

    ต่อหน้าพวกเขาผมแกล้งทำเป็นไม่สน  ทั้งที่ความรู้สึกข้างในไม่ใช่  ใจมันจมดิ่งลงไปแล้ว  จะไป

    ตอบโต้อะไรได้ในเมื่อมันคือความจริง  ...ก็ทำใจมาบ้างว่าต้องเจอแบบนี้  แต่พอเจอเข้าจริงๆแล้ว

    น้ำตาจะไหล  มันเจ็บมากเลย  โดยเฉพาะเรื่องที่ผมเป็นตัวถ่วงพี่แจบอม  ลำพังผมจะเป็นยังไงก็ไม่

    ว่า  แต่ถ้าพี่เขามาแย่ด้วยเพราะผม  มันทำให้ผมรู้สึกไม่ดีเลย  แค่ได้เดบิวมันเป็นแค่การเริ่มต้น 

    ไม่ได้การันตีว่าทุกคนจะต้องประสบความสำเร็จหรอกนะ  ท่านประธานเคยบอกพวกเราไว้  แต่ให้

    ลองพยายามต่อไปไม่ได้เหรอ  ทำไมต้องจับพวกเราแยก แล้วส่งผมกลับมาที่นี่ด้วย  เครียดจน

    อยากจะอาเจียนออกมา  รู้สึกเวียนหัว บ้านหมุนมาก  ขมับปวดตุบๆเหมือนมีอะไรมาบีบรัด  ออก

    ไปสูดอากาศข้างนอกหน่อยคงจะดีกว่านี้ 

     



     

    สองเท้าเดินมาหยุดที่ห้องน้ำแห่งหนึ่งหลังตึกเทรนนิ่ง  บริเวณนี้ไม่ค่อยมีคนผ่านมาใช้เท่าไหร่นัก  

    ม้านั่งด้านหน้าที่จินยองจงใจหมายมั่นจะมานั่งพักกลับถูกจับจองด้วยเด็กหนุ่มแปลกหน้า  ใน

    อารมณ์ไม่อยากเจอหน้าใครจึงเปลี่ยนใจเดินหนีไปหาที่นั่งที่อื่น  ...แต่แทบจะทันทีที่จินยองหัน

    หลัง  ประกายวาววับของโลหะมีคมในกำมือของคนที่เมื่อกี้ยังนั่งอยู่ก็มาพุ่งมาจ่อที่ลำคอขาวของ

    เขา 

     



     

    คมมีดเย็นเยียบปาดเข้าเนื้อแค่ชั้นผิวหนังบริเวณกล้ามเนื้อหลังต้นคอ  มันแสบแปร๊บ และลึกจนได้

    เลือดหยดตามรอยมีดออกมาทันที  อันตรายมากเฉียดหลอดลมจุดตายไปนิดเดียวเท่านั้น  จินยอง

    ที่ไม่ทันตั้งตัวมีปฏิกริยาตอบสนองด้วยการรีบพุ่งตัวม้วนหน้าหนี  พอตั้งหลักได้แล้วจึงกลับหลังหัน

    มามองเจ้ามือมีดนั่นชัดๆ  บริษัทปล่อยให้คนร้ายเข้ามาที่นี่ได้ยังไงเนี่ย!? ยามไปไหน?  ระบบรักษา

    ความปลอดภัยมีปัญหาหรือไงนะ



     

     

    ลูบไล้ ล้วงคลำไปตามร่างกายของตัวเอง  จินยองได้อาวุธแค่ปากกาติดตัวมา 1 ด้าม  เด็กหนุ่ม

    แปลกหน้าตรงข้าม มีคอมแบทไนฟว์ 6 นิ้ว โยนสลับมือไปมาไม่พอ หมอนั่นยังหมุนควงมีดโชว์เขา

    ด้วยความช่ำชองเสียอีก  หมั่นไส้เป็นบ้า  คนถือมีดก้าวรุกเข้ามาหาเขาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ  ร่างบาง

    ค่อยๆถอยหลังอย่างระแวดระวังจนไปติดพุ่มไม้ประดับ ริมกำแพง  ไม่มีทางเหลือให้หลบเลี่ยงไป

    ไหนแล้ว



     

     

    จะร้องเรียกคนมาช่วยเหรอ  ตอนนี้ยังขายหน้าไม่พออีกหรือไง  จินยองไล่ความคิดแรกของตัวเอง

    ออกไป  พิจารณาดีๆแล้วร่างตรงหน้าสมส่วนกำยำ อาจจะสูงน้อยกว่าเขาไม่มาก ใส่เสื้อกล้ามสีดำ 

    โชว์หุ่นล่ำ  สวมหมวกแก๊ปสีขาวครีมปิดหน้า  ผิวพรรณดี หน้าตาเห็นไม่ชัดแต่จัดว่าหล่อ คม สม

    เป็นไอดอลได้  คงเป็นเทรนนี่ใหม่สักคนมั้ง  แต่ทำไม มาอยู่คนเดียวแถวนี้แล้วยังหันอาวุธใส่เขา

    อย่างไม่ประสงค์ดีอีกด้วยหล่ะ 

     



     

    แม่เอ๊ย.... เจ้านี่เก่งอ่ะ  เก่งกว่าเทรนนี่ทั่วไปที่ผมเคยเจอ  เก่งพอๆกับไอดอลนักฆ่าที่เดบิวแล้ว

    เลย  พวกผมเดวบิวไปแค่ปีเดียว กลับมีรุ่นน้องที่ฝีมือร้าย เก่งกาจขนาดนี้มาจ่อคิวรอแล้วเหรอ  

    หรือว่าผมจะเป็นความผิดพลาดของบริษัทจริงๆนะ  ถึงออกมาแย่กว่ามาตรฐาน  เอ๊า!!   ให้ตาย

    เถอะ!!  ผมหลบคมมีดของคนตรงหน้าแทบไม่ได้เลย มีดนั่นเฉือนเข้าเนื้อ แก้ม ไหล่ แขน ข้อมือ 

    ไม่พอยังปาดเข้าหน้าอก สีข้าง สะโพก ต้นขาจนเลือดซึมเปื้อนออกมาเต็มไปหมดทั้งเสื้อและ

    กางเกงของผมแล้ว  นั่นทำให้ผมรู้สึกเหนียวตัวเคลื่อนไหวลำบาก  เจ็บไปหมดทุกที่ที่คมมีดแล่

    เนื้อ เถือหนัง เวลาขยับตัวงี้น้ำตาเล็ด ต้องกัดฟันอดทน  เอาหล่ะ ในเมื่อหลบไม่ได้ ก็ไม่หลบแล้ว

    นะ  หลังจากวิ่งไล่กันอย่างบ้าคลั่งราวกับหนังแอ๊กชั่น ปากกาที่ผมมีไม่ได้ช่วยอะไร ปาใส่คนถือมีด 

    มันปัดที่เดียวแล้วก็เหยียบแตกไปแล้ว  ผมพยายามจะใช้ martial art เข้าสู้  ศิลปะป้องกันตัวของ

    ผมก็ไม่ใช่กระจอก  แต่เจ้ามือมีดมันก็มีฝีมือไม่ธรรมดา ปัดป้องผมได้ แล้วได้เปรียบที่มีอาวุธด้วย  

    บางจังหวะผมเตะฟาดเข้าเป้าข้อมือที่ถือมีดของมันจังๆ  แต่มีดก็ไม่หลุดจากมือใหญ่แข็งแรงนั่น

    เลย  ราวกับว่ามีดเป็นอวัยวะหนึ่งที่ไม่สามารถแยกออกมาจากของร่างกายของเจ้านั่นไปแล้ว  

    ยอมรับว่าสู้ไม่ได้จริงจัง  แต่ผมก็ยังไม่อยากตายนี่ครับ  ในเมื่อตื้อนัก หนีไม่รอด สะบัดไม่หลุด ก็

    บวกแมร่งเลยละกัน



     

     

    แม้จะอ่านการเคลื่อนไหวคนตรงหน้าไม่ออกนัก แต่จังหวะง้างมือจะแทงใส่แรงทั้งหมดเข้ามาหา

    นั้น  ผมดูออกอยู่นะ  ลูบแขนตรงรอยปาด บีบเลือดออกมาแล้วดีดใส่ตาของเจ้านั่น  ในเสี้ยววินาที

    แห่งโชคชะตา ....เข้าเป้า  ได้ผล ....เจ้านั่นเสียหลักยกมือขึ้นขยี้ตา  ผมรีบเข้าประชิดติดตัวมันแล้ว

    ใช้มือหนึ่งบีบลูกกระเดือกที่คอแล้วดันขึ้นอย่างแรง(ตรงนี้เป็นจุดตาย สามารถทำให้เลือดออกใน

    หลอดลม ขัดขวางการหายใจถึงขั้นเสียชีวิตได้)  อีกมือก็เอาไปจับข้อมือข้างที่มันถือมีดไว้  ในเมื่อ

    มันไม่ละความพยายามจะทำร้ายผม  ทำแบบนี้ก็ยังดีที่ยับยั้งการแทงเข้ามาได้  ผมกับมันยื้อกันอยู่

    สักพัก  แมร่งถึกทนเกินคนธรรมดาแล้ว  โดนผมบีบลูกกระเดือกกดลึกถึงหลอดลมยังยืนอยู่ได้ คอ

    มันดูหนากว่าปรกติหรือไงนะ แล้วยังเงยหน้าสูดอากาศตามแนวดิ่งตลอดอีก แปลว่ารู้วิธีแก้ท่า  

    ส่วนผมเริ่มฝืนจนจะหมดแรงแล้ว  ฮรึก... อยู่ๆตอนนี้ก็รู้สึกคิดถึงใบหน้าของพี่แจบอม ขึ้นมา  ...ผม

    จะได้เจอพี่อีกไหมนะ  เจ้ามือมีดพยายามกดมือถือมีดที่ผมดันไว้  มันเกร็งข้องอแขนจนปลายคม

    มีดใกล้จะปักเข้าหลังผมเต็มทีแล้ว  ผมเองก็ยันเต็มกำลังจนตัวสั่น เกร็งกล้ามเนื้อสู้กับมัน   ไม่ยอม

    แพ้หรอกเว้ย!!!



     

     

    "ปึก!!!"  เอาเอาหัวโขกแมร่ง อยากยื่นหน้าเข้ามาใกล้นัก   รู้สึกเจ็บ มึน จนเห็นดาววิ้งๆ

     

     



    "ปัก!!!" เชรี้ยเอ้ย  ...เจ็บ  ยังครับไม่ได้ถูกมีดปักเข้ากลางหลัง  แต่มีคนมีช่วยจับผมกับมันแยกกัน

    ด้วยการเตะตัดขา เจาะยางพวกเราจนล้มพับทั้งคู่  แล้วมาอยู่ในท่าคุกเข่าหันหน้าหากัน

     

     



    "แจ๊กสันฮยองหยุดเลย  คนคนนี้ฆ่าไม่ได้นะ!!" เสียงเล็กของเด็กผู้ชายยังไม่แตกเนื้อหนุ่มดีดังขึ้น 

     

     



    "แบมแบม!!?..มาร์ค?!!..." แจ๊กสันคือชื่อของมือมีดที่เข้ามาทำร้ายผม  แบมแบมคือเทรนนี่รุ่นน้องที่

    ผมเคยดูแลเขา  เราสนิทกันมาก ก่อนที่ผมจะได้เดบิว  แบมแบมยืนอยู่ด้านหลังของแจ๊กสัน  ส่วน

    มาร์คเป็นเทรนนี่อีกคนที่ผมรู้จักแต่ไม่สนิทมาก  มาร์คจะสนิทกับแบมแบมมากกว่า  มาร์คยืนอยู่

    หลังผม  ทั้งสองคนเข้ามาแทรกการต่อสู้โดยที่พวกผมไม่ทันสนใจ  เพราะเกือบจะฆ่ากันตายอยู่

    แล้ว  วิธีแยกพวกผมออกจากกันของแบมแบมกับมาร์คนี่ได้ผลชะงักดี  ตอนนี้น่องกระตุกเต้นบังคับ

    เกร็งให้ลุกขึ้นไม่ได้   แต่แบบนี้ก็แปลว่า แบมแบม และมาร์ค รู้จักกับแจ๊กสันอยู่แล้วเหรอ  ขมวดคิ้ว

    ทำหน้าสงสัยใส่เจ้าเด็กแก้มกลม  กลับได้รับรอยแย้มแหยๆ จากน้องส่งมาให้   แบมแบมกับมาร์ค

    เข้ามาช่วยประครองผมและแจ๊กสันไปนั่งที่ม้านั่งใกล้ๆเพื่อคุยกันดีๆ  และเพราะเห็นว่าแบมแบม

    แย่งมีดออกมาจากมือแจ๊กสันแล้วผมถึงยอมตามพวกนั้นไป

     



     

    "อ่า... จะเริ่มยังไงดี  แบมแบมขอแนะนำให้พี่จินยองรู้จักนะครับ  นี่พี่แจ๊กสันมาจากฮ่องกง  เพิ่งเข้า

    มาเป็นเทรนนี่หลังจากที่พี่กับพี่แจบอมเดบิวไป  แหะๆ ..ยังๆ ...อย่าเพิ่งถาม เดี๋ยวแบมเล่าเอง  คือ 

    เพราะพี่แจ๊กสันเข้ามาหลังแบมไง ถึงจะแก่กว่าแต่ถือว่าเป็นรุ่นน้อง ต้องทำตามกฎ เคารพรุ่นพี่  สั่ง

    อะไรต้องทำตาม  ประกอบกับ แบมได้อันดับที่ 1 จากการประเมินเดือนนี้  แบมแบมจึงสั่งให้พี่แจ๊ก

    สันอดข้าวกลางวัน 1 เดือน"



     

     

    "ห๊ะ!!?  เพื่อ!!??  ชั้นไม่อยู่ดูแป๊บเดียว  นายกลายเป็นเด็กเกเร อันธพาลไปแล้วเหรอ  แล้วมาร์ค

    ทำไมไม่ห้ามน้องหล่ะ จะตามใจกันไปไหน?" แบมแบมมาเป็นเทรนนี่ที่เกาหลีตั้งแต่ยังเล็ก  ตอน

    แรกตัวเตี้ยกว่าหน้าอกผมอีก  ผมดูแลเขามาตลอดจนถึงช่วงที่ต้องเดบิว  จากนั้นผมก็ฝากฝังมาร์ค

    ช่วยดูต่อ  ถึงแม้แบมแบมจะรู้เรื่อง และเก่งพอที่จะดูแลช่วยเหลือตัวเองได้แล้ว แต่การแข่งขันกัน

    ระหว่างเทรนนี่มันรุนแรงเกินกว่าจะปล่อยน้องไว้คนเดียว มีเทรนนี่เสียชีวิตก่อนเดบิวเยอแยะและ

    ต้นสังกัดก็ไม่ได้สนใจ ยิ่งกว่านั้นแบมแบมยังเป็นคนต่างชาติที่บางคนก็รับไม่ได้  เป็นเป้าง่ายๆให้

    โดนรังแกอีก  การอยู่กับมาร์คที่เป็นต่างชาติเหมือนกันน่าจะเข้ากันได้ ช่วยเหลือกันไปในทางที่ดี  

    ....ไม่ใช่เหรอ



     

     

    "คืองี้ จินยอง  แจ๊กสันหน่ะมีปัญหาบางอย่าง  เขาไม่พูดกับใคร  ตั้งแต่เข้ามาเป็นเทรนนี่ก็ฆ่าเทรน

    นี่คนอื่นวันละคนก่อนทานอาหารกลางวัน  แต่แบมแบมสนใจเขาเลยไปท้าแข่งเดิมพันด้วยผลการ

    ประเมินประจำเดือน  ใครชนะต้องทำตามคำสั่งคนแพ้  ที่สั่งให้งดอาหารกลางวันเนี่ย  ก็ลดจำนวน

    คนตายไปได้เยอะนะ  ฝีมือแจ๊กสันนี่แทบจะเก่งที่สุดในหมู่เทรนนี่ที่ยังไม่ได้เดบิวแล้ว  นายก็เจ

    อกับดัวแล้วนี่แผลเยินเต็มตัวเชียว" เพราะเห็นเด็กน้อยโดนดุ จนปากยู่ มาร์คจึงแก้ต่างให้ด้วย

    ประโยคที่ยาวที่สุดในรอบปี  ปรกติมาร์คเองก็ไม่ค่อยพูดกับใครเท่าไหร่อยู่แล้ว



     

     

    "ออ... โมโหหิว เลยมาโจมตีชั้นสินะ" จินยองขมวดคิ้ว ยกมือขึ้นมานวดขมับ  มองไปทางแจ๊กสัน   

    หมอนั่นต่อหน้าแบมแบมกับมาร์ค ทำเป็นก้มหน้านิ่ง  นิสัยจริงๆของเขาเป็นยังไงนะ  น่าสนใจจัง

     



     

    "แล้วนั่นป้ายอะไรอ่ะแบมแบม" จินยองเพิ่งสังเกตว่าแบมแบมใส่สายสะพายสีทองพาดเฉียงไหล่  

    ทับเสื้อเชิตลายสก๊อตสีน้ำเงินตัวโคร่ง

     



     

    "king of  trainees   เชอะ...จะมีความหมายอะไรถ้าไม่ได้เดบิว" แบมแบมอ่านภาษาอังกฤษบน

    สายสะพายออกมาหลังจากจับยกมันให้จินยองดูชัดๆ  เด็กน้อยพ่นลมหายใจทางปากอย่างไม่

    พอใจพร้อมเสียจิ๊ จ๊ะ  สายสะพายนี้จะถูกมอบให้กับเทรนนี่ที่ทำคะแนนสูงสุดในแต่ละเดือนติดต่อ

    กัน เกิน 12 ครั้ง  คงเป็นเพราะแบมแบมยังอายุน้อยและตัวเล็กนัก  แม้ว่าจะได้คะแนนที่ 1 ตลอด

    ทุกเดือน จนร่วมปี แต่ก็ยังไม่ได้ถูกทาบทามให้เข้าโปรเจ็คเดบิวอะไรกับใครเขาสักที 

     



     

    จินยองรู้ว่าน้องเก่งมานานแล้ว  อาจจะไม่ครบเครื่องเรื่องการสู้ประชิดเพราะเสียเปรียบด้านรูปร่าง

    ที่ยังไม่โตเต็มวัย  แต่การคิดอ่านวางแผน  ปฏิภาณ ไหวพริบ ก็เข้ามาช่วยในการแข่งขันเก็บแต้ม

    คะแนนประจำเดือนได้เยอะ  อดเอ็นดูไม่ได้เพราะแบมแบมก็เทรนมานานเกือบ 3 ปีแล้วเหมือนกัน  

    หน้าตาก็ออกจะน่ารักขี้อ้อนขนาดนี้ ฐานแฟนคลับก่อนเดบิวก็มี  ถ้าเขาเป็นผู้บริหารนะ จะจับแบม

    แบมใส่โปรเจคเดบิววันนี้พรุ่งนี้เลย  ...แต่พูดไปตัวเขาเองก็ยังเอาตัวไม่รอด  ถูกพับโปรเจคทั้งๆที่

    เดบิวไปแล้ว  สถานการณ์ตอนนี้เลยไม่รู้ว่าทางเขาหรือแบมแบมจะน่าสงสารกว่ากัน



     

     

    แจ๊กสันก้มหน้านิดๆส่งสายตาแวววาวประหลาดไปทางจินยอง  "นายเก่งนะ" เอ่ยด้วยรอยยิ้มมุม

    ปาก จินยองถือคนที่สามที่รอดจากคมมีดของเขา ต่อจาก มาร์ค และแบมแบม  ร่างบางตรงหน้า

    สามารถต้านเขาได้นานด้วยมือเปล่า  ไม่เหมือนเทรนนี่ คนอื่นที่ถูกแทงตายง่ายๆ  น่าสนใจว่าถ้า

    ถืออาวุธเหมือนกันใครจะชนะ



     

     

    "....."


     

    "...."


     

    "....."



     

     

    อยู่ๆก็เกิดเดท แอร์ ระหว่างคนทั้ง 4 ที่นั่งสุมหัวกันอยู่ที่ม้านั่งหินอ่อนหน้าห้องน้ำหลังตึกเทรนนิ่ง  

    จินยองนั่งก้มหน้าพับตัวใช้ข้อศอกสองข้างยันไว้กับเข่า  เขากำลังจมดิ่งไปกับความคิดที่เอาแต่

    โทษตัวเองจากความล้มเหลวที่เกิดขึ้นหลังจากเดบิวมาได้ 1 ปี ฟีดแบค และคำตำหนิที่ระลึกได้

    มากมายจนรู้สึกท้อแท้  แผลตามร่างกายที่โดนรอยมีดยังมีเลือดสดหยดไหลแต่ไม่มากแล้ว  แผล

    ภายนอกอีกไม่นานก็คงหาย  แต่แผลในใจนี่สิ  ทั้งเจ็บลึกและฝังแน่นจนยากจะลืมเลือน



     

     

    แบมแบมกำลังเงยหน้าเหม่อมองไปยังท้องฟ้ากับความหวาดกลัวที่ว่าตนเองจะมีโอกาสได้เดบิว

    ไหม  พยายามทุกอย่าง ทุกวิถีทางให้เบื้องบนของบริษัทมองเห็นแล้ว  อยู่ในจุดสูงสุดของเทรนนี่ที่

    เหลือแต่รอเดบิว  หรือเพราะตัวเองเป็นคนต่างชาติ  หรือเพราะตัวเองหน้าตาไม่ดี  หรือเพราะยังมี

    ข้อบกพร่องอื่นๆอยู่ที่คะแนนประเมินไม่สามารถบอกได้หมด  แบมแบมสามารถฝึกฝนแก้ไขได้ทุก

    อย่าง ขอแค่บอก  เว้นแต่รูปร่างที่เล็กแกรน นี่แหละที่ยังเป็นปัญหา  แต่แบมเพิ่งอายุ 14 เองนะ น่า

    จะยังโตได้อีกเยอะ  คุณพ่อบนท้องฟ้า ขอช่วยให้แบมแบมโตไวๆด้วยเถิ๊ดด    ในความเงียบเด็ก

    น้อยแอบหลับตาภาวนาในใจ 



     

     

    ส่วนมาร์ค  ดวงตาคมแจ่มใสกำลังลอบมองไปยังแบมแบมอีกที เขามีความคิดที่จะปกป้องเด็ก

    น่ารักคนนี้ไปเรื่อยๆแต่จะทำด้วยวิธีไหน  และทำยังไงให้แบมแบมปลอดภัยไปตลอดรอดฝั่ง  มาร์ค

    แอบช่วยเหลือให้คะแนนประเมินของแบมแบมขึ้นที่ 1 ด้วยการกำจัดคนอื่นที่ทำท่าจะเป็นภัยต่อ

    น้องก่อน  ส่วนคะแนนที่น้องทำได้เป็นฝีมือของน้องเองอยู่แล้ว  มาร์คกำลังหนักใจอยู่ว่าถ้าแบม

    แบมได้เดบิวไปคนเดียว  เขาจะตามไปปกป้องได้ยังไง  อย่าเพิ่งรีบโตเลยนะ  อย่างน้อยรอให้มี

    โปรเจ็คที่จะได้เดบิวด้วยกัน  เขาจะพยายามทุกอย่างเพื่อแบมแบม



     

     

    ทางแจ๊กสัน  ปรกติเขาก็เงียบอยู่ในโลกส่วนตัวอยู่แล้ว  หากอยู่เฉยๆไม่ได้สะบัดคมมีดเขาจะถูก

    ความคิดบางอย่างในอดีตตามหลอกหลอน  อยู่ๆก็กระวนกระวายหายใจหอบเป็นพักๆ  อยู่ๆก็มี

    น้ำตาคลอ  และอยู่ๆก็ยิ้มอยู่คนเดียว  การกำมีดไว้บางทีก็ใช้ปาดแขนตัวเองเพื่อเรียกสติให้กลับ

    มายังปัจจุบัน    เลื่อนมือจับไปที่ลูกกระเดือกของตัวเอง  แจ็กสันรู้สึกเจ็บคอมาก จนบ้วนน้ำลาย

    ออกมาเป็นเลือด  เขาเองก็เกือบเสียทีจิงยองเหมือนกัน  ถ้าแบมแบมไม่มาแยก เขาก็อาจจะทนถูก

    บีบคอได้อีกไม่นาน  คนพวกนี้  แบมแบม มาร์ค และจินยอง  พิเศษกว่าเทรนนี่คนอื่น  นอกจากเก่ง

    แล้วยังให้ความรู้สึกไม่อยากเป็นศัตรูด้วย  ถ้าได้เป็นทีมเดียวกันก็คงจะดี  แต่แจ๊กสันคิดว่าคงไม่มี

    ใครอยากรับเขาเข้าร่วมทีมหรอก  วันดีคืนดีเขาก็ฆ่าเพื่อนร่วมทีมตายหมด  มันเคยเป็นแบบนั้นมา

    หลายครั้ง  จนไม่มีใครอยากร่วมทีมด้วย  ...คนพวกนั้น (เพื่อนร่วมทีมในอดีต) ช่างอ่อนแอ  

     



     

     ....ท่ามกลางความเงียบเหล่านั้นหากจะมีคนจำได้  นี่เป็นจุดเริ่มต้นก่อนที่ความคิดของทุกคนจะ

    ตรงกันเรื่องการรวมตัวเป็นทีมเดียว  ตั้งโปรเจ็คขึ้นมาเองแล้วไปเสนอทางบริษัทโดยภายหลังได้

    กลายมาเป็นทีม GOT7  ในปัจจุบัน


     

     

    ส่วนทางด้านว่าที่ ลีดเดอร์ของทีมที่ยังไม่รู้ตัวนั้น    เขายังคง....ตบยุง  ....และถอนหญ้าอยู่ในความ

    มืด.......







    *****************************





    100% กรี๊ดดดดดดดด  หายไปตั้งแต่ปีใหม่ 555   


    อะไรนะ อะไรนะ  อย่าด่าเลา  เรายอมรับความผิดทุกอย่าง  ไม่เทหรอกเรื่องนี้ จะรีบกลับมาต่อแน่นอล


    ขอมีตอนพิเศษต่อนะ นะ นะ นะ คือยังไม่จบตามที่วางไว้ มาอ่านต่อกัน นะ นะ นะ นะ  


    รักรี๊ดทุกคนนะคะ จุฟๆ  









    สวัสดีปีใหม่ รีดเดอร์ที่น่ารักทุกคนนะคะ

    ตอนพิเศษกะจะ หวานแหว๋ว ...ไหม!!??  ก็กลายเป็นซะแบบนี้ 555  

    ยางค่ะ มันต้องมีเลือดตกยางออก ดราม่าเล็กน้อยก่อน

    ตอนพิเศษของหลายเรื่องเขามีสวีทหวี ติ๊ดชึ่งกันไปแล้วไง

    ของไรท์ก็ถนัดแต่อะไรแบบนี้  รบกวนช่วยติดตามกันต่อไปด้วยนะคะ

    เดี๋ยวตอนปรกติก็ตามมา ไม่นานจริง จริ๊งงงง  ฮรี่ๆ 



    โอ๊ะ ลืม  อวยพรปีใหม่  "ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลก

                                       จงดลบัลดาบให้ รีดเดอร์ #ฟิคต้องรอด ทุกคน บรรลุธรรม ร่ำรวย รูปสวย สุขภาพดี มีเวลาเหลือเฟือ

                                       รู้จักวางแผนชีวิต และพิชิตเป้าหมายที่ต้องการให้ได้นะคะ ยิ่งอายุน้อย ยิ่งกำไร

                                       หาสิ่งที่รัก สิ่งที่ใช่ ให้เจอโดยไวทุกคน เทอญ"  อิ อิ.




    สำหรับคนที่กรอกฟอร์มไว้ ไรท์ส่งการ์ด และของขวัญไปหัยแล้วน๊า ได้รับแล้วโปรดบอกด้วย บางคนใส่ชื่อ มาแบบ... กลัว

    ไปไม่ถึงมือหง่ะ  พี่ไปรษณีย์ไทย เป็นไงก็คงรู้ๆกัน  เวลาเขียนการ์ดอวยพรก็สนุกดีนะคะ  ของขวัญก็ไม่ได้มีค่าอะไรมาก  แต่

    ให้ด้วยใจ  เหมือนอยากให้เพื่อนกัน  ที่ติดตามมายาวนาน  มีสองคนที่ไรท์ใช้มาร์คเกอร์เขียนแล้วสีมันซึมมาอีกด้าน ต้องขอ

    โทษด้วยน๊า  คนหลังๆเลยเปลี่ยนไปใช้สีเมจิกวาดแทน  สมัยเด็กๆเกลียดสีเมจิมากอ่ะ ระบายออกมาไม่เคยสวย  แต่ตอนนี้

    หาได้แค่นี้ไงเลยต้องใช้  แล้วมันก็ไม่เลวเท่าไหร่นะ หวังว่าจะชอบกัน แล้วคือแบบ  ไรท์ลืมถ่ายรูปไว้ เขียนเสร็จก็ใส่ซอง

    เลย  ใครได้รับแล้ว ถ้าไม่ลำบากช่วยถ่ายรูป แล้วส่งมาที่ @got2survive ในทวิตเตอร์ทีน๊า  ขอรบกวนหน่อย 




     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×