ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ซัมปากีตา...สีหม่น : The Gray Jasmine

    ลำดับตอนที่ #1 : อารัมภบท

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 7.39K
      2
      1 ก.พ. 65


    รถยนต์สีน้ำตาลเข้มสัญชาติเยอรมันจอดสวนเลนริมบาทวิถีอย่างไม่เป็นระเบียบนัก ล้อด้านหน้าแนบสนิทกับขอบทาง นั่นทำให้หญิงสาวซึ่งปั่นจักรยานผ่านมาอดชะลอฝีปั่นแล้วเหลือบมองไม่ได้ สิ่งดึงดูดสายตาเธอให้ต้องสนใจคือชายที่นั่งพิงต้นไม้ด้วยท่าทางหมดแรง เปลือกตาปิดสนิทแต่เดิมพลันลืมขึ้นอีกทั้งมองตรงมายังเธอคล้ายขอความช่วยเหลือ แต่ภัยร้ายที่เห็นตามสื่อหลายแขนงอยู่บ่อย ๆ ทำให้เท้าคู่เล็กส่งแรงปั่นเร็วและแรงขึ้น

    ถ้าหากเธอใจดำกว่านี้สักนิดคงปั่นต่อไปจนถึงที่หมายโดยไม่สนใจคนคนนั้น ทว่าจิตใต้สำนึกส่วนดีสั่งให้เลี้ยวจักรยานกลับมาที่เดิม แสงแดดแรงจ้าในเวลาเกือบเที่ยงช่วยให้เธออุ่นใจว่าอย่างน้อยก็ยังปลอดภัยอยู่บ้าง หญิงสาวจอดจักรยานหน้ารถยนต์ราคาแพงลิบแล้วค่อย ๆ ก้าวเข้าใกล้ร่างนั้นอย่างระแวดระวัง เป็นจังหวะเดียวกับที่คนซึ่งนั่งพิงต้นไม้เบี่ยงตัวไปอีกทางแล้วขย้อนบางอย่างออกมา

    “คุณคะ เป็นอะไรมากไหม” เธอตรงเข้าลูบหลังให้เขาอย่างไม่ลังเล อาเจียนหนักขนาดนี้คงไม่ใช่เรื่องล้อเล่นแล้ว “คุณ !!

    โชคยังดีที่เธอคว้าร่างหนัก ๆ ไว้ได้ทันก่อนที่เขาจะไถลลงไปกองรวมกับเศษอาหารที่ไหลตามแรงโน้มถ่วงของโลกลงไปในคูน้ำกว้างราวหนึ่งเมตรนั่น หญิงสาวรวบรวมกำลังและความกล้ารั้งร่างชายแปลกหน้าลากขึ้นมานั่งพิงกับต้นไม้ใกล้บาทวิถี

    “ไหวไหมคะคุณ” เธอปลดกระเป๋าสะพายหลังควานหากระดาษเช็ดหน้าออกมาส่งให้เขา “เช็ดหน้าเช็ดปากหน่อยนะคะ”

    ชายหนุ่มพยักหน้าให้แล้วรับมาเช็ดสะเปะสะปะเป็นเหตุให้คราบอาเจียนเปื้อนเลอะเทอะยิ่งกว่าเดิม ร้อนถึงคนสังเกตการณ์ต้องหยิบกระดาษอีกแผ่นมาเช็ดให้เอง ดูเหมือนเขาพยายามบังคับเปลือกตาหนัก ๆ ให้เบิกกว้าง แต่เพียงไม่กี่วินาทีมันก็ปิดลงดังเดิม

    “ดีขึ้นไหมคะ” มือหนึ่งเช็ดหน้าให้ อีกมือล้วงหาของในกระเป๋าสะพายหลัง และในที่สุดก็เจอสิ่งที่พอจะใช้แทนพัดได้ ไม่นานลมหายใจของผู้ชายตรงหน้าก็เริ่มเป็นปกติ หญิงสาวละมือมาควานหาขวดน้ำในกระเป๋าที่เธอมักพกติดตัวตลอดเวลาออกมาเปิดฝาแล้วเทน้ำลงบนผ้าเช็ดหน้าของตัวเอง ก่อนส่งน้ำที่เหลือในขวด “น้ำค่ะ”

    ชายหนุ่มรับขวดน้ำมาบ้วนปากจากนั้นจึงกรอกที่เหลือลงท้อง และก็ต้องมองผู้หญิงตรงหน้าเมื่อสัมผัสได้ถึงความเปียกชื้นตรงแก้มตน

    “ขอโทษนะคะ แต่เช็ดหน้าแล้วคุณจะรู้สึกดีขึ้นค่ะ”

    คนเริ่มได้สติมองหญิงสาวที่บรรจงซับหน้าให้อย่างพินิจ เธอไม่ได้สวยเปรี้ยวโฉบเฉี่ยวทว่ากลับมีแรงดึงดูดบางอย่างที่ทำให้ละสายตาไปไหนไม่ได้ หากแต่ดวงตายามเผลอสบกับเขากลับดูเศร้า

    ...มันไม่เหมาะที่จะประดับอยู่บนใบหน้าหวานหยดนี้เลยด้วยซ้ำ

    “ดีขึ้นแล้ว ขอบคุณมากครับ” เขายิ้มอ่อนพลางค่อย ๆ ยืดหลังนั่งตัวตรง “ผมบริจาคเลือดน่ะครับ ตรงศูนย์เรียนรวมมีรถจากสภากาชาดมารับบริจาค ขอโทษด้วยที่ต้องรบกวนคุณ”

    เธอพอจะรู้มาบ้างว่ารถรับบริจาคเลือดเคลื่อนที่จะมาประจำที่มหาวิทยาลัยทุกวันพฤหัสแรกของเดือน แต่การแต่งกายของเขาไม่เหมือนกับนิสิตเลยสักนิด สูทที่ใส่ค่อนไปทางอาจารย์หรือนักธุรกิจมากกว่า

    “คุณเมาเลือดหรือคะ”

    “ทำนองนั้นครับ คงเพราะเมื่อคืนนอนดึกไปหน่อย คุณล่ะ เรียนที่นี่หรือ”

    หญิงสาวมีท่าทีลังเลที่จะตอบแต่สุดท้ายก็พยักหน้าพอเป็นพิธี จากนั้นจึงเก็บขวดน้ำกับผ้าเช็ดหน้าเปียก ๆ ลงในกระเป๋าสะพายหลังโดยไม่มองหน้าเขา

    “ขอบคุณนะครับ ถ้าไม่ได้คุณผมคงแย่” ใช่ คงแย่ ! เขาอาจอาเจียนไส้บิดและกลิ้งตกลงคูน้ำจนหาสภาพเดิมไม่เจอ

    “ก็...เกือบจะไม่แวะดูเหมือนกันค่ะ”

    “แต่คุณก็แวะดูผม”

    พูดจบชายหนุ่มก็ลุกขึ้นแล้วพยายามเดินกลับไปที่รถ อีกเพียงไม่กี่ก้าวก็จะถึง แต่ร่างกายที่ยังแข็งแรงไม่เต็มร้อยกลับซวนเซ และคงล้มไปกองกับพื้นหากไม่ได้ลำแขนเรียวโอบรั้งไว้

    “คุณอย่าเพิ่งรีบก้าวสิคะ” หญิงสาวเอ่ยเตือน ทว่าสายตาคมเข้มที่มองหน้าเธอแล้วไล่มาตรงเอวทำให้ต้องรีบปล่อยมือที่เกาะเกี่ยวเอวเขาอยู่ออกโดยพลัน

    น่าอายจริง ๆ

    “ถ้าไม่รบกวนคุณเกินไป ช่วยหยิบมือถือในรถให้ผมหน่อยได้ไหมครับ ผมคงขับรถต่อไปไม่ไหวแน่ ๆ จะโทรให้คนที่บ้านมารับ”

    “คะ...ค่ะ ได้ค่ะ” เธอเกี่ยวผมไว้หลังใบหูกลบเกลื่อนอาการเขินอาย “อยู่ตรงไหนหรือคะ”

    “น่าจะหล่นอยู่แถว ๆ เบาะคนขับ”

    “ค่ะ” หญิงสาวรับคำแล้วเดินมายังประตูรถที่เปิดทิ้งไว้ มือบางเอื้อมหยิบเครื่องมือสื่อสารบนเบาะแล้วยื่นให้เจ้าของทันที “นี่ใช่ไหมคะ”

    “ครับ ขอบคุณมากครับ” ชายหนุ่มรับมา เลื่อนหาหมายเลขที่ต้องการแล้วกดโทรออก ไม่นานปลายสายก็ตอบรับ “มารับพี่หน่อย อยู่ทางลัดที่จะออกประตูฝั่งพหลฯ...นั่งพี่วินมาเลยนะ...มาก่อน เดี๋ยวพี่เล่าให้ฟัง...เหอะน่า มีปัญหานิดหน่อย...ตามนั้นครับที่รัก”

    คำว่า ที่รักบ่งบอกชัดเจนว่า คนที่บ้านที่เขาหมายถึงไม่ใช่คนขับรถอย่างแน่นอน การแต่งตัว แถมรถที่เขาขับยังยืนยันฐานะทางการเงินได้ดี ไม่แปลกหรอกที่ผู้ชายคนนี้จะมีเจ้าของแล้ว

    “คุณรีบไปไหนหรือเปล่า ให้ผมเลี้ยงตอบแทนคุณสักมื้อนะครับ อีกไม่ถึงห้านาทียายตัวเล็กคงมาถึง” ชายหนุ่มมองลึกลงไปในดวงตาคู่เศร้านั้นคล้ายอยากทำความรู้จักมากขึ้น

    “ไม่เป็นไรค่ะ ตายแล้ว !!!” หญิงสาวร้องเสียงหลงหลังยกข้อมือขึ้นดูเวลาบนหน้าปัดนาฬิกา เธอคว้ากระเป๋าสะพายหลังมารูดซิปปิดแล้วยกขึ้นสะพายในเวลาอันรวดเร็ว “เอ่อ คุณอยู่คนเดียวได้ไหมคะ ยังมึนอยู่หรือเปล่า คือ...หนูมีเรื่องต้องทำน่ะค่ะ”

    “ครับ ผมดีขึ้นมาก ขอบคุณนะครับ แต่ผมรบกวนขอนามบัตรคุณไว้ได้ไหม เบอร์ติดต่อก็ได้ครับ อยากเลี้ยงขอบคุณที่คุณอุตส่าห์แวะช่วยผม” เขาปลดล็อกโทรศัพท์เตรียมบันทึกหมายเลข

    คนธรรมดาอย่างเธอไม่เคยมีนามบัตรอะไรอย่างใครอื่นเขา และก็ไม่เห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องให้เบอร์ติดต่อกับคนที่เพิ่งเจอหน้ากันครั้งแรกและอาจเป็นครั้งเดียวในชีวิตด้วย หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอด ไม่อยากให้เขาคิดว่าเธอเป็นชาวประมงโลภมากที่ใช้ปลาเล็กเป็นเหยื่อล่อดักจับปลาใหญ่

    “ไม่เป็นไรค่ะ ที่ช่วยเพราะเห็นคุณกำลังแย่ ไม่ได้หวังอะไรจากคุณ อ้อ และก็ไม่ได้ อุตส่าห์หรอกค่ะ หนูเต็มใจ ไปก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ” หญิงสาวพูดยาวเป็นพรวน ประนมมือไหว้แล้วผลุนผลันมายังจักรยานของตน ก่อนขึ้นคร่อมและปั่นออกมาอย่างรวดเร็ว

    ใบหน้าสวยหวานที่แปรเปลี่ยนเป็นไม่เรียบนิ่งเป็นเครื่องยืนยันว่าเธอไม่พอใจในคำพูดของเขาแน่แล้ว ชายหนุ่มมองตามคนที่ปั่นจักรยานไกลออกไปเรื่อย ๆ เส้นผมซึ่งปลิวสยายยามโต้ลมนั้นเขาพิสูจน์มาแล้วเมื่อครู่ว่าช่างหอมยวนใจ

    วันนี้เขาเผลอแสดงเรื่องน่าอายให้ผู้หญิงที่เพิ่งเจอกันครั้งแรกได้เห็น First Impression เสียไปแบบไม่สมเกียรตินักธุรกิจเลือดใหม่ติดอันดับหนึ่งในสิบของประเทศเลยสักนิด

    ไม่รู้ละ...

    เธอคือผู้หญิงคนแรกที่ได้เห็นเขาในมุมน่าอาย เพราะฉะนั้นเธอต้องรับผิดชอบ

    “ผมสัญญาว่าเราจะได้เจอกันอีกแน่ครับ แม่คนหน้าหวานนัยน์ตาเศร้า...ของผม”


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×