ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ซัมปากีตา...สีหม่น : The Gray Jasmine

    ลำดับตอนที่ #37 : 6 เปิดตา เปิดใจ 5/6

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.62K
      1
      2 ก.พ. 65


    “ขวัญอ่อนจัง” ธตรัฐส่ายหน้าน้อย ๆ ก่อนยกมือข้างที่ถือบัตรขึ้นวางบนศีรษะคนขวัญอ่อนแล้วยีผมนุ่มสลวยเบา ๆ

    มานิลารับรู้ถึงการทำงานผิดปกติของร่างกายโดยเฉพาะระบบทางเดินหายใจกับระบบไหลเวียนโลหิต มันผิดปกติในแบบที่เธอคิดว่าหมอเก่ง ๆ ที่ไหนก็ไม่สามารถวิเคราะห์และประมวลสาเหตุได้ มีใครเคยบอกเขาหรือเปล่าว่าถ้าไม่คิดอะไรด้วยอย่าลูบผมผู้หญิงแบบนี้

    คนคิดมากไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกจากสมองตื้อ ๆ เขาคงคิดแค่ว่าเธอเป็นติวเตอร์ของน้องสาว เป็นลูกศิษย์ของแม่ เลยต้องตามไปส่งให้ถึงที่

    ...ก็เท่านั้น

    “บัตรนี่ของคุณ มันเป็นบัตรรายเดือน ผมซื้อเติมให้คุณห้าสิบเที่ยว ทีนี้ก็ไม่ต้องนั่งรถเมล์แล้ว นั่งไปนั่งกลับเล่น ๆ ก็ยังไหว”

    “เอ่อ เท่าไรคะ” เธอเบี่ยงกระเป๋าสะพายมาด้านข้างแล้วรูดซิปหยิบกระเป๋าเงินออกมา

    “เก็บไว้เถอะ ผมให้ เรามีกันคนละใบ ถ้าวันหลังคุณไม่ให้ผมขับรถไปส่งอีกเราก็นั่งรถไฟฟ้าเอาก็แล้วกัน”

    “แต่มันน่าจะหลายบาท...”

    “เถอะน่า” เขาแทรกขึ้นแล้วยัดบัตรสีส้มขนาดเล็กกว่าฝ่ามือนิดเดียวลงในมือหญิงสาว “ไปกันเถอะ ผมรู้ว่าคุณไม่อยากเห็นหน้าผมนานนักหรอก”

    ธตรัฐสาวเท้าไปยังทางเข้าแล้วยักคิ้วข้างหนึ่งให้ มานิลาจึงต้องเดินตามอย่างเสียไม่ได้ เขาพาเธอขึ้นมาถึงชานชาลาซึ่งมีผู้โดยสารคนอื่น ๆ ยืนรออยู่ก่อนแล้วเกือบเต็มพื้นที่ ไม่นานก็เห็นไฟสีเหลืองดวงใหญ่สองดวงใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ เจ้ารถไฟฟ้าขบวนยาวค่อย ๆ ชะลอความเร็วลง ก่อนจอดนิ่งสนิทแล้วเปิดประตูให้ผู้โดยสารก้าวเข้าด้านใน ชายหนุ่มสอดมือเข้าไปในมือนุ่มนิ่มของคนข้าง ๆ แล้วทำไม่รู้ไม่ชี้พาเธอขึ้นขบวนรถ

    “ป้าถือให้จ้ะ” หญิงวัยกลางคนอาสา ก่อนส่งมือไปรับกล่องวิโอลา

    “ขอบคุณครับ” ธตรัฐยิ้มให้คุณป้าใจดีแล้วถามผู้ร่วมชะตากรรม “คนแน่นหน่อย คุณยืนได้ไหมมะลิ”

    “ได้ค่ะ” ถึงจะเกือบสี่ทุ่มแล้วแต่ผู้โดยสารยังคงแน่นขบวนจนแทบจะเบียดกันเป็นปลากระป๋อง มานิลาหันรีหันขวางหาที่เกาะแต่กลับหมดหวังเพราะห่วงกลม ๆ และราวด้านบนถูกจับจองไว้หมดแล้ว ส่วนหากจะให้เกาะเสาก็ดูจะห่างไกลความจริงเพราะแขนเธอไม่ได้ยาวขนาดนั้น “โอ๊ะ !

    รถเคลื่อนออกจากชานชาลาทำให้หน้าผากของคนที่ยังไม่ทันตั้งหลักปักเข้ากับไหล่หนาไปเต็ม ๆ สองแขนเรียวโอบเอวเจ้าของไหล่ไว้ตามสัญชาตญาณกลัวการล้ม พอเริ่มรู้สึกตัวมานิลาก็หน้าแดงซ่าน พานนึกถึงเหตุการณ์วันแรกที่ตกอยู่ในอ้อมกอดเขา ความรู้สึกไม่ต่างกันกับตอนนี้เลย หญิงสาวทรงตัวขึ้นหมายเอื้อมมือออกไปอีกนิดเพื่อหาหลักให้ตัวเองยึด หากยังไม่ทันจะได้ทำอย่างที่คิดฝ่ามือเธอก็ถูกจับไปเกาะเข้ากับท่อนแขนแข็ง ๆ ด้วยฝีมือเจ้าของแขน

    “เกาะได้ ผมไม่หวงแขนหรอก”

    “ขอบคุณค่ะ” มานิลาตอบทั้งที่ยังก้มหน้างุด เวลานี้ไม่ใช่เวลาสำหรับการทะนงตน เพราะไม่อย่างนั้นแล้วเธอจะไม่มีหลักยึดและอาจลงไปนั่งกองกับพื้นรถไฟฟ้า

    ธตรัฐแอบอมยิ้มมาตลอดทาง มานิลาทำให้ช่วงเวลาแสนน่าเบื่อสำหรับใครหลายคนกลายเป็นช่วงเวลาน่าจดจำสำหรับเขา ระหว่างเขากับแม่คนหน้าหวานนัยน์ตาเศร้ามีเรื่องเข้าใจผิดมามากพอแล้ว นับจากนี้ต่อไปเขาจะไม่ปล่อยให้ประวัติศาสตร์ต้องซ้ำรอยเดิมและจะไม่ยอมเสียเวลาไปอีกแม้แต่วินาทีเดียว

     

    “ยังจำวันแรกที่เราเจอกันได้หรือเปล่า” ธตรัฐทำลายความเงียบระหว่างเดินออกจากสถานีรถไฟฟ้าเพื่อไปส่งเธอที่อะพาร์ตเมนต์ในซอยใกล้ ๆ กัน

    “วันแรก ?” วันแรกสำหรับเธอคือครั้งที่เจอเขานั่งพิงต้นไม้ด้วยท่าทางหมดแรง แต่วันแรกสำหรับเขาคงเป็นวันที่เจอเธอในฐานะติวเตอร์ภาษาอังกฤษของธริษตรี ตรงม้านั่งใต้ตึกจรัดสุนทรสิงห์ “วันที่เราเจอกันที่ภาควิชาหรือคะ”

    “ไม่ใช่” ชายหนุ่มปฏิเสธเสียงนุ่ม มานิลาหยุดเดินแล้วเงยขึ้นมองหน้าเหมือนจะเร่งให้บอกคำตอบ หากแสงไฟตามบาทวิถีสว่างมากกว่านี้เขาคงเห็นดวงตาอยากรู้นั้นชัดขึ้น

    “ไม่ใช่หรือคะ”

    “เราเจอกันครั้งแรก วันที่ผมบริจาคเลือดแล้วเมาเลือดตัวเองจนอ้วกไม่เป็นท่า” ริมฝีปากหนาระบายยิ้ม ก่อนออกเดินต่อโดยไม่ลืมแตะแขนเธอเบา ๆ ให้ออกเดินด้วย “หรือคุณจำไม่ได้แล้ว”

    “เอ่อ ไม่ค่ะ”

    “ไม่ค่ะ ? แปลว่าไม่ได้จำหรือไม่ได้ลืม”

    “มะ...ไม่ได้ลืมค่ะ” แค่ถูกชายหนุ่มลูบผมก่อนขึ้นรถไฟฟ้ามาก็ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นมาในระดับหนึ่งแล้ว หากตอนนี้เขายังรื้อฟื้นความทรงจำเก่า ๆ ที่เธอเพิ่งรู้ว่าไม่ได้เป็นฝ่ายจดจำเพียงคนเดียวขึ้นมาอีก อยากบอกเขานักว่าอย่าก่อกวนกับความรู้สึกเธอมากไปกว่านี้จะได้ไหม เธอยังไม่อยากรู้สึกดีกับคนที่มีเจ้าของแล้ว

    “ผมก็ไม่ได้ลืมหรอกนะมะลิ” ชายหนุ่มหันมองคนข้าง ๆ แวบหนึ่ง แล้วหันกลับไปมองทางเดินข้างหน้าต่อ “ขอโทษที่ก่อนหน้านี้ไม่ค่อยจะทำตัวดีกับคุณสักเท่าไร”

    หญิงสาวมองปลายเท้าตัวเองที่ก้าวเหยียบพื้นไปทีละก้าวอย่างไม่รู้จะพูดอะไรออกไปดี

    “ไม่ต้องสงสัยเรื่องที่ผ่านมาหรอก”

    มานิลานึกอึ้ง หลายครั้งแล้วที่เขารู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ราวกับแอบมาฝังเครื่องแปลความรู้สึกทิ้งเอาไว้ในสมอง ทิ้งไว้นานหลายเดือน ก่อนมากดรหัสถอดเอาข้อมูลออกไป...หรือไม่แน่ ผู้ชายคนนี้อาจจะมาถอดเอาข้อมูลไปเรื่อย ๆ โดยที่เธอไม่รู้ตัว

    คนถูกถอดรหัสทางความคิดสอดมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงแล้วเงยหน้ามองท้องฟ้ามืดมิดไร้ซึ่งแสงจันทร์และแสงดาว เขาบอกว่าไม่ต้องสนใจเรื่องที่ผ่านมา และเป็นครั้งแรกที่เธอเห็นด้วย บางเรื่องในอดีตรื้อฟื้นไปก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นมา ปัจจุบันกับอนาคตคือสิ่งสำคัญกว่า


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×