ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ลุ้นรักหยอกใจ [YAOI]

    ลำดับตอนที่ #3 : ลุ้นรักหยอกใจ ตอนที่ 3 [YAOI]

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 78
      1
      23 เม.ย. 58

    ลุ้นรักหยอกใจ ตอนที่ 3

    หมอนั่นชอบเขาตรงไหนวะ?? คำถามนี้คอยตามหลอกหลอนรเมศซ้ำแล้วซ้ำเล่ามาร่วมหลายวันแล้วหลังจากได้รับของขวัญวันเกิดเป็นตุ๊กตาหมี ทีแรกเขาคิดว่ามิสเตอร์ลีต้องการหยอกตนเล่นเหมือนทุกครั้งหากเมื่อแกะห่อออกมาทำให้เปลี่ยนใจทันที ด้วยขนาด รูปทรงและชุดของหมีที่ใกล้เคียงกับของเดิมมากจนทำให้เขาอึ้งในครั้งแรก มันบ่งบอกถึงอะไรหลายๆ อย่างจากใจของผู้ให้ได้เป็นอย่างดี

    ชายหนุ่มผิวสีน้ำผึ้งสะบัดหน้าอย่างแรงเป็นรอบที่ร้อยแล้วพลางคิดเข้าข้างตนเองว่า อีกฝ่ายอาจจะบังเอิญเจอก็ได้ ไม่มีทางหรอกที่ตั้งใจตามหาของขวัญเพื่อเขาหรอก คนมากเล่ห์แบบนั้นไม่มีทางทุ่มเทให้ลำบากลำบนแน่ๆ คิดว่าทำแบบนี้แล้วตนจะใจอ่อนยอมง่ายๆ อย่างงั้นเหรอ คิดผิดมหันต์แน่นอนมิสเตอร์ลี

    ขาม เป็นอะไรวะทำหน้าแปลกๆ อีกแล้ว อนันตโชคที่นั่งร่วมทานมื้อเที่ยงด้วยกันขมวดคิ้วถาม เขาสังเกตท่าทีประหลาดมาหลายวันแล้วและอดใจไม่ถามไม่ได้แล้ว แม้จะไม่มีผลต่อการทำงานแต่ด้วยความสงสัยระคนเป็นห่วงนิดหน่อยเพราะเจ้าตัวเป็นพวกเก็บกดนิดๆ หากไม่ถึงที่สุดจะไม่ยอมเอ่ยปาก

    คนถูกถามยิ้มแห้งๆ เผลอแสดงอารมณ์ผ่านทางสีหน้าอีกแล้ว ใช่ว่ารเมศจะไม่รู้ข้อเสียจุดนี้ของตนเองว่าเป็นคนเก็บความรู้สึกไม่เก่งแต่บางครั้งก็ลืมไปเสียสนิท ผมแค่สนใจเกี่ยวกับตัวเองนิดหน่อยอ่ะพี่โชค คนอายุน้อยกว่าตอบเสียงอ้อมแอ้มพลางเหลือบตาขึ้นมองคู่สนทนาเป็นระยะ

    ว่ามาสิ เผื่อพี่จะช่วยตอบได้ หัวหน้างานควบตำแหน่งที่ปรึกษาของน้องๆ ทั้งหลายเปิดโอกาสให้ทันที ในฐานะรุ่นพี่ที่ทำงานมานานกว่าใครๆ จึงรู้ว่าแค่ได้พูดก็เป็นการช่วยระบายสิ่งที่อัดอั้นในใจได้มากแล้วและการทำงานบริการย่อมเก็บสะสมความเครียดโดยไม่รู้ตัวเป็นประจำ ดังนั้นหากตนช่วยให้ลูกน้องสบายใจขึ้นสักนิดก็ยินดีช่วยรับฟัง

    มีคนบอกว่าผม...เซ็กซี่...ตรงไหนอ่ะพี่?

    พรืดดด!!! ผู้ฟังกลั้นเสียงหัวเราะแทบไม่ทัน ยิ่งเห็นใบหน้าจริงจังของอีกฝ่ายแล้วยิ่งปิดเอาไว้ไม่ได้ โอ๊ย...ไอ้มะขามคิดมากกับเรื่องไม่เป็นเรื่องอีกแล้ว

    พี่โชค ผมไม่ขำด้วยนะ ผมซีเรียสนะ รุ่นน้องทำแก้มป่องขึ้นทั้งสองข้างโดยอัตโนมัติ รู้สึกน้อยใจไม่น้อยที่ถูกหัวเราะซะดังลั่นด้วยเรื่องที่เขาอยากได้คำตอบมากที่สุด

    พี่ขอเดานะขาม คุณวีไอพีของเราเป็นคนพูดใช่ไหม การพยักหน้ารับทำให้เจ๊ใหญ่ที่สุดของแผนกร้องบิงโกอยู่ในใจ ท่าทางมิสเตอร์ลีจะรุกคืบไปได้มากแล้ว ถ้าไม่เข้าไปอยู่ในใจของรเมศบ้างแล้ว ยากที่เจ้าตัวจะเก็บคำพูดมาคิดเช่นนี้ อาการแบบนี้น่าจะเกิดจากความไม่มั่นใจในตัวเองชัวร์ป้าด เรื่องนี้ไปถามคนพูดเองดีกว่าไหม เราไม่ใช่สเปคพี่ ดูยังไงก็ไม่เร้าอารมณ์วะ เขาพูดเคล้าเสียงหัวเราะพลางตบบ่าคนคิดเยอะ การแก้ปัญหาง่ายๆ ก็คือไปถามนายคนนั้นให้หายคาใจเถอะ เรื่องในใจของคนอื่นเขาไม่มีทางรู้ได้หรอก

    ผมถามแล้วมันตอบไม่ตรงประเด็นเอง ลูกน้องทำเสียงง้ำงอนอย่างชัดเจนก็ตนสงสัยจริงๆ นั้นแหละ ไม่ใช่เรื่องตลกโปกฮาสักหน่อย

    จ๊ะเอ๋ก็ไม่รู้เหมือนกันนะคะ หญิงสาวอีกคนที่นั่งเงียบฟังบทสนทนามานานแสดงความคิดเห็นของตนเอง แต่พี่มะขามน่ารักออก ไม่แปลกที่มิสเตอร์ลีจะชอบเนอะ หนุ่มผิวสีน้ำผึ้งย่นหน้าผากจนคิ้วแทบจะชิดกันอยู่แล้ว อยากจะเถียงในสิ่งที่รุ่นน้องเอ่ย

    พี่ว่า จ๊ะเอ๋น่ารักกว่านะ คนถูกชมหัวเราะเสียงใสพลางตบต้นแขนอีกฝ่ายเบาๆ สำหรับเธอแล้วรเมศเป็นเพื่อนร่วมงานและพี่ชายที่แสนดีหนึ่งคนเลยล่ะ ช่วงที่เธอมาใหม่ๆ และมีปัญหาในการทำงานก็ได้คนๆ นี้แหละที่ให้คำแนะนำจนเอาตัวรอดได้ถึงทุกวันนี้

    แหม ไม่ต้องปากหวานเลยพี่มะขาม ความน่ารักแต่ละคนไม่เหมือนกันหรอกค่ะ พี่อาจจะไม่รู้ตัวแต่จ๊ะเอ๋คิดว่ามิสเตอร์ลีคงถูกใจกับความน่ารักแน่ๆ ไม่งั้นคงไม่ตามตื้อแบบนี้หรอก เธอให้ความคิดเห็นจากมุมมองของตัวเองในฐานะผู้หญิง หากใครมาตามจีบแบบนี้ก็อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองบ้างแหละ

    แต่พี่ว่าฮีหยอกมะขามมากกว่านะ เหมือนจะรุกแต่ก็รุกไม่จริง ไม่ชัดเจนแบบนี้พี่ไม่แนะนำวะ เล่นตัวไปเรื่อยๆ ดีกว่า อนันตโชคให้ความเห็นในอีกมุมหนึ่งหากคนที่รู้แก่ใจดีที่สุดคงไม่พ้นเจ้าของปัญหานั่นแหละ แต่ด้วยความไม่มั่นใจต่อพฤติกรรมของคนฮ่องกงทำให้เขาลังเลและตัดสินใจให้เด็ดขาดไม่ได้เสียเอง

    ผมก็คิดเหมือนพี่โชคนะ หมอนั่นตั้งใจหยอกเล่น ไม่คิดจริงจังอะไรกับผมหรอก รเมศพูดย้ำกับตนเองอีกครั้งหากจ๊ะเอ๋ได้แต่ยิ้มบางๆ นึกอยากค้านแต่เลือกที่จะเงียบไว้ก่อนดีกว่า ถ้าเจ้าตัวคิดแบบนั้นอยู่คงยากที่จะกล่อมให้เปลี่ยนใจง่ายๆ ต้องรอให้รู้ตัวเองจะดีที่สุด

    คนอายุมากกว่าหรี่ตามองผู้พูดที่เสหลบสายตาโดยอัตโนมัติอย่างมีพิรุธ เอาเถอะมันเป็นเรื่องของคนสองคนอยู่ ตราบใดที่ไม่ทำให้หน้าที่การงานมีปัญหา ตนก็ไม่คิดขวางเส้นทางความรักของใครหรอก เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ทุกอย่างเอง เออ มะขามพี่ยื่นชื่อของแกไปแล้วนะ แต่ข่าวร้ายคือมีคู่แข่งจากสำนักงานใหญ่วะ ก็ลองดูละกัน อนันตโชคเปลี่ยนประเด็นเป็นเรื่องงานอย่างรวดเร็ว เขาอยากให้เจ้าตัวเผื่อใจไว้บ้างแต่ก็จะช่วยเชียร์อย่างเต็มที่

    ขอบคุณมากครับพี่โชค ถ้าได้น่ะผมขอจูบพี่สักทีได้มะ ลูกน้องเอ่ยทีเล่นทีจริงหากผู้ฟังถึงกับทำหน้าสยองโดยพลัน

    ไม่เอาโว้ย!!! ไอ้นี่...พี่ไม่กินเด็กในสังกัดย่ะ!!!” หนึ่งหนุ่มและหนึ่งสาวหัวเราะลั่นทันที หัวหน้างานของตนขึ้นชื่อลือเรื่องความเจ้าชู้ก็จริงแต่เจ้าตัวมีอุดมการณ์ชัดเจนว่าจะไม่ยุ่งคนในบริษัทเดียวกันเป็นอันเด็ดขาด

    งั้นเด็กนอกสังกัดก็ได้ใช่ไหมคะพี่โชค สาวน้อยหน้าแฉล้มแซวเล่นเพราะได้ยินข่าววงในมาว่า เจ๊ใหญ่กำลังคั่วกับลูกเรือของสายการบินอื่นอยู่

    ได้สิจ๊ะเอ๋ เธอมีเพื่อนกี่คนก็แนะนำให้เจ๊ได้เลย เจ๊รับได้หมด ขออย่างเดียว อย่าสาวเกินหน้าเกินตาเจ๊ก็พอ เจ๊ไม่อยากตีฉิ่ง หนุ่มใหญ่แกล้งบีบเสียงให้แหลมขึ้นสร้างความครื้นเครงให้กับวงสนทนาเป็นอย่างยิ่ง ช่วยคลายความตึงเครียดจากการทำงานครึ่งแรกลงได้มากทีเดียวและเตรียมพร้อมรับมือกับปัญหาต่างๆ ในครึ่งหลังต่อไป

     

     

        หนึ่งในเคสที่มะขามและเพื่อนร่วมอาชีพไม่อยากเจอมากที่สุดคือ ผู้โดยสารตกเครื่อง หากเจอคนที่ยอมรับความผิดพลาดของตนเองก็จบเรื่องอย่างง่ายดาย พวกตนก็จะแนะนำวิธีการแก้ปัญหาตามเงื่อนไขของตั๋วโดยสารไป แต่ก็มีคนประเภทหนึ่งที่สร้างความปวดหัวจนอยากกินยาแก้ปวดประชดต่อหน้าต่อตาเลยก็คือ พวกที่คิดว่าตนเองถูกเสมอนี่แหละ และวันนี้ตนก็หลีกเลี่ยงไม่ได้แล้วด้วย

    ชายหนุ่มผิวสีน้ำผึ้งพยายามทำหน้านิ่งพร้อมกับรอยยิ้มบางๆ ระหว่างฟังเสียงโล้งเล้งของลูกค้าที่มาช้ากว่าเวลาที่กำหนดไปยี่สิบนาทีแต่ตนไม่สามารถอะลุ้มอล่วยให้ได้หรอก ขออภัยด้วยนะครับ คุณมาช้ากว่าเวลาที่ทางเราระบุไว้ ผมรับเช็คอินไม่ได้แล้วครับ

    คู่สนทนาในครั้งนี้เป็นหญิงสาววัยกลางคนรูปร่างผอมแต่เสียงดังชนิดที่ทำให้ผู้คนในบริเวณเดียวกันหันไปมองทันที ทำไมล่ะ เครื่องบินยังไม่ออก แค่ให้ฉันเข้าไปคนเดียวจะทำไม่ได้เลยหรือไงคุณ

    กูว่าแล้ว รเมศคิดในใจกับเหตุผลยอดนิยมจึงต้องอธิบายสาเหตุว่าทำไมต้องปิดไม่รับขึ้นเครื่องก่อนเวลาเดินทาง ทุกอย่างต้องทำตามระเบียบอย่างชัดเจนเพื่อความปลอดภัยในการเดินทางทางอากาศ ตนอุตส่าห์ใช้วิทยุสื่อสารเพื่อสอบถามเพื่อนร่วมงานที่ประจำจุดอื่นได้ความว่าตอนนี้กระเป๋าทั้งหมดเตรียมรอขึ้นเครื่องแล้ว กัปตันเองก็เตรียมตัวพร้อมบินแล้วเช่นกัน อย่างไรก็ไม่รับคนเพิ่มตามที่ลูกค้าเรียกร้องโดยเด็ดขาด

    ฉันไม่มีกระเป๋า!!! คุณแค่เช็คอินให้ก็จบแล้ว ทำไมจะทำให้ไม่ได้ ดวงตาคมมองสัมภาระของอีกฝ่ายที่เป็นกระเป๋าขนาดกลางซึ่งยังไงก็ต้องเก็บไว้ที่ใต้ท้องเครื่องเท่านั้น

    ขออภัยครับ กระเป๋าของคุณมีขนาดใหญ่กว่าชั้นเก็บของเหนือศีรษะ ไม่สามารถนำติดตัวไปได้นะครับ เขาพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพเช่นเดิม หากการปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่ายิ่งทำให้ผู้ฟังโมโหจนหน้าแดงจัดแล้ว

    ขออภัยๆ อยู่ได้ ก็ให้ฉันขึ้นเครื่องสิ ยังหน้าด้านเถียงอยู่ได้ มันเสียเวลา!!!”

    ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากช่วยเหลือนะครับ ตอนนี้ระบบของเราปิดรับผู้โดยสารแล้วจริงๆ แต่ผมตรวจสอบให้ว่าเรายังมีเที่ยวบินรอบถัดไปว่างอยู่ ผมสามารถเปลี่ยนคุณได้ครับแต่รบกวนชำระเงินค่าเปลี่ยนแปลงด้วย มะขามใช้คตินิ่งไว้ก่อนและเสนอทางเลือกที่ดีที่สุดให้

    ไม่เอา ฉันซื้อตั๋วเวลานี้ ทำไมฉันต้องบินเวลาอื่น โอ๊ย คุยไม่รู้เรื่อง!!! เอาผู้จัดการมาคุยสิ พนักงานหนุ่มไม่รู้สึกตื่นตระหนกแต่อย่างใด

    ขออภัยครับ ผมเรียนแล้วว่าคุณมาช้ากว่าเวลายี่สิบนาที เรารับให้คุณขึ้นเครื่องไม่ได้นี่เป็นกฏระเบียบนะครับ ผู้จัดการเองก็จะให้คำตอบแบบเดียวกันแต่หากคุณต้องการพูดคุย กรุณารอสักครู่นะครับเป็นเรื่องปกติของพนักงานระดับล่างอย่างตนที่แม้จะพูดจนปากเปียกปากแฉะก็ไม่ฟังกัน หากเป็นระดับหัวหน้าพูดในเรื่องเดียวกันกลับยอมฟังซะดื้อๆ บางทีมนุษย์เราก็ประหลาดดีแท้ มะขามเปิดเครื่องวิทยุสื่อสารแล้วกดเรียกหาพี่โชคซึ่งเป็นหัวหน้าใหญ่ที่สุดของแผนกแล้วซึ่งได้รับคำตอบมาเช่นกันว่า...ไม่ได้

    ฉันรู้จักเจ้าของที่นี่นะ ฉันไม่ยอมเด็ดขาด มุกเดิม...อีกแล้ว ช่วงทำงานใหม่ๆ รเมศเคยกลัวประโยคนี้ไม่น้อยแต่เมื่อประสบการณ์เริ่มแก่กล้าจึงรู้ว่าส่วนใหญ่ที่พูดขึ้นมาต้องการข่มขู่เท่านั้น น้อยคนที่จะรู้จักผู้บริหารจริง เขาลอบพ่นลมหายใจพลางเบือนสายตามองออกไปไกลๆ ตนเองก็เสียเวลาโดยใช่เหตุเช่นกันเพราะยังมีลูกค้าคนอื่นๆ ที่ยืนรอต่อคิวเพื่อเช็คอินอีกมาก หากไม่รีบแก้ปัญหาตรงหน้านี้ให้ได้ เห็นทีเพื่อนร่วมงานจะลำบากแน่

    คุณครับ เอาแบบนี้ไหมครับ เที่ยวบินถัดไปห่างจากเวลาเดิมแค่หนึ่งชั่วโมงยี่สิบนาที หากคุณยอมเปลี่ยน ผมจะให้คุณนั่งแถวหน้าสุดของเครื่องบิน และจะให้พนักงานนำกระเป๋าของคุณออกจากเครื่องเป็นลำดับต้นๆ เขามองหาทางเลือกอื่นแทน หากมัวแต่เถียงกันแบบนี้คงไม่มีวันจบแน่ๆ ใช่ว่าเขาอยากอ่อนข้อให้นักหรอกเพราะจะทำให้เคยตัว แต่คุณต้องชำระเงินค่าเปลี่ยนแปลงตามเงื่อนไขของตั๋วนะครับ หนุ่มวัยยี่สิบปีกว่าๆ บอกยอดเงินให้ทราบพร้อมกับส่งยิ้มในเชิงท้าทายว่าคุณจะไปหรือต้องไปล่ะครับ?

    เรื่องยุติลงด้วยการเปลี่ยนแปลงเที่ยวบินของผู้โดยสารในที่สุดโดยเธอบ่นอุบตลอดที่ยืนรออยู่หน้าเค้าน์เตอร์เช็คอินแถมยังมีขู่รเมศทิ้งด้วยว่าจะร้องเรียนพฤติกรรมของเขาอีกด้วย บ่อยครั้งที่มักจะถูกข่มขวัญด้วยวิธีนี้จนเริ่มชาชินเสียแล้ว อยากทำอะไรก็ทำเถอะตราบใดที่ตนทำตามกฏระเบียบก็ยากที่จะเอาผิดได้

    พนักงานสายการบินรู้สึกเหมือนมีสายตาของใครบางคนจ้องตนอีกแล้วจึงหันไปมองรอบๆ ก็ไม่พบใครที่น่าสงสัยแต่อย่างใด เขานวดไหล่ตนเองแก้ขบเมื่อยหลังจากยกกระเป๋าน้ำหนักร่วมสามสิบกิโลกรัมลงสายพานแล้วจึงหันมายิ้มแย้มให้กับผู้โดยสารรายถัดไปตามเดิมจนกระทั่งปิดเค้าน์เตอร์เช็คอินเมื่อหมดหน้าที่ของตนเองแล้ว หน้าที่ส่วนใหญ่ของเขามักจะเป็นพนักงานเช็คอินเสียมากกว่า นานๆ ทีจะถูกผันไปรับหน้าที่อื่นบ้าง

    พี่ขามไปหาอะไรกินกันเถอะ เพื่อนร่วมงานสาวสวยแต่หัวใจไม่โสดแล้วยิ้มหวานให้พร้อมกับเดินควงแขนกันตามปกติซึ่งอาจจะทำให้บุคคลภายนอกเข้าใจผิดได้ว่าพวกตนเป็นคนรักกัน หากทว่าแผนนี้ใช้กับมิสเตอร์ลีไม่ได้ผลเลย  รเมศเคยขอให้รุ่นน้องทำเช่นนี้ต่อหน้าอีกฝ่ายและได้รับคำตอบเพียงแค่คิ้วที่เลิกขึ้นเล็กน้อยเท่านั้นและหลังจากนั้นหมอนั่นก็ไม่สนใจจ๊ะเอ๋ด้วยซ้ำ ทำเอาสาวสวยเสียเซลฟ์ไปหลายวันทีเดียว

    เราไม่รีบกลับบ้านหรือไง ชายหนุ่มถาม ปกติแล้วหญิงสาวเป็นคนประเภทเดียวกับเขาคือ รักบ้าน รีบกลับบ้าน ถึงเวลาเลิกงานปุ๊บก็ออกจากที่ทำงานทันที พอวันนี้ไม่รีบจึงรู้สึกแปลกใจนิดหน่อย

    แฟนไม่อยู่ ไปประชุมต่างจังหวัดค่ะ งั้นวันนี้จ๊ะเอ๋ขอยืมตัวพี่มะขามนะคะ เธอกล่าวเสียงอ้อนซึ่งไม่มีผู้ชายคนไหนปฏิเสธได้ลงคอหรอกซึ่งเจ้าของชื่อก็คิดว่าดีเหมือนกัน นานๆ ทีจะมีคนร่วมทานมื้อเย็นด้วย เขาจึงชักชวนรุ่นน้องไปที่ห้างสรรพสินค้าแทนด้วยเหตุผลว่าเบื่ออาหารของสนามบินแล้ว

     

     

    น้องขาม เดินเร็วๆ หน่อยสิ พี่ยังต้องแวะอีกหลายเค้าน์เตอร์นะ เสียงที่ถูกบีบให้แหลมจากผู้พูดซึ่งเป็นหญิงร่างใหญ่กำลังกวักมือเรียกหนุ่มผิวสีน้ำผึ้งให้เดินตามพวกตนมา

    พี่โชค เอ๊ย พี่ซินดี้ค่ะ จ๊ะเอ๋อยากแวะดูเครื่องสำอางยี่ห้อนี่หน่อยค่ะ ไปด้วยกันนะสาวน้อยหน้าตาสะสวยเอ่ยกับคนที่เดินควงแขนกันอย่างเปิดเผยพลางชี้นิ้วไปยังเค้าน์เตอร์เป้าหมาย

    อุ๊ย ดีเลย ลิปเจ้านี้เนื้อแน่นติดทนทุกสถานการณ์เลยนะจ้ะ พี่คอนเฟิร์ม สาวแท้และสาวเทียมหัวเราะคิกคักกันอย่างสนุกสนานตามประสาสาวช่างช้อปปิ้ง ส่วนชายหนุ่มเพียงคนเดียวได้แต่ส่ายหน้าด้วยความละเหี่ยใจเป็นที่สุด ตนพลาดที่เผลอบอกพี่โชคว่าจะมาเดินห้างเลยทำให้เจ้าตัวตามมาด้วยและผลก็เป็นดั่งที่เห็น หัวหน้าแผนกหนุ่มใหญ่ในคราบผู้หญิงกำลังทำตาลุกวาวอยู่ในบูทเครื่องสำอางยี่ห้อดัง

    มะขาม ซื้อตัวบำรุงหน้าสักหน่อยดีไหม รอยที่หน้าผากเธอมาแล้วนะ เจ้าของชื่อรีบทำปลายนิ้วคลึงรอยย่นระหว่างคิ้วโดยอัตโนมัติ สงสัยพักนี้จะคิดมากเกินไปแน่ๆ

    อ่า ก็ดีครับ รเมศตอบรับคำเดียว บีเอก็ประเคนเครื่องประทินโฉมพร้อมบรรยายสรรพคุณให้อย่างรวดเร็วจนต้องขอเวลาตัดสินใจสักครู่ ในฐานะที่ทำงานสายบริการหน้าตาคือว่าเป็นเรื่องสำคัญมาก อย่างน้อยผิวพรรณควรจะเรียบเนียนไม่มีรอยสิว ผิวหน้าสม่ำเสมอไม่มีรอยด่างและไม่เห็นรูขุมขนชัดเจน หากมีเวลาว่างในวันหยุดก็ต้องเข้าคอร์สนวดหน้าบ้างแต่เรื่องศัลยกรรมบนใบหน้าตนไม่สนใจเลยสักนิด

    อิจฉาพี่มะขามนะ ผิวเนียนมาก ดูอย่างจ๊ะเอ๋สิ กว่าจะลบรอยสิวได้ต้องโปะโน่นเติมนี่ สาวน้อยของกลุ่มเอ่ยและแอบดึงแก้มชายหนุ่มประกอบ

    จริง แค่ใส่รองพื้นกับทาแป้งนิดหน่อยก็โอเคแล้ว คนถูกชมรู้สึกเขินนิดหน่อยก็ถือว่าเป็นจุดดีอย่างหนึ่งของตนก็ว่าได้ที่ไม่ต้องซื้อเครื่องสำอางหลายชิ้น แต่ริ้วรอยเริ่มมีแล้วนะคะคุณน้อง กรุณาดูแลตัวเองให้มากกว่านี้ด้วย ใส่อย่างเดียวไม่พอนะต้องอีกชิ้น ชายในร่างผู้หญิงหยิบเครื่องสำอางดูแลผิวยื่นให้พนักงานอีกหนึ่งอย่าง

    ครับพี่ซินดี้ รเมศรับคำด้วยรอยยิ้มน้อยๆ ไม่คิดเถียงผู้เชี่ยวชาญด้านความงามทั้งสองคนหรอก เขาหยิบเงินให้กับพนักงานแล้วนั่งรอสองสาวสนุกสนานกับการเลือกใช้ลิปสติก บางทีตนก็ไม่เข้าใจผู้หญิงนะว่าปากก็มีแค่ปากเดียวทำไมหนอถึงต้องมีหลายชิ้นด้วยหนอ

    หนุ่มผิวสีน้ำผึ้งหาวเป็นครั้งที่สามทั้งสองก็ยังไม่เสร็จจากการเลือกด้วยซ้ำ เขาเอามือจับท้องเบาๆ รู้สึกว่ามีบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ภายในนั่นก็คือ น้ำย่อย... เขามองเวลาจากนาฬิกา ใกล้ทุ่มแล้วนี่เองมิน่าถึงหิวจนแสบไส้ขนาดนี้จึงลุกขึ้นยืนหมายจะเร่งให้ทั้งคู่ซื้อสักทีหากกลับมีเสียงที่คุ้นเคยทักขึ้นมาจากด้านหลัง

    มะขาม? หัวใจของรเมศหล่นวูบในบัดดลเมื่อได้ยินเสียงคนๆ นั้น ร่างทั้งร่างพลันแข็งทื่ออย่างหาสาเหตุไม่ได้ ทำไมโชคชะตาถึงเล่นตลกกับตนแบบนี้ด้วย แต่การเดินหนีไปไม่ใช่วิถีทางของเขาจึงต้องแข็งใจหันกลับไปทักทายอดีตคนเคยรักกัน

    หวัดดี พี่เบิร์ดเขาพูดเสียงห้วนกับอีกฝ่ายซึ่งไม่ได้มาตามลำพังยังมีผู้ชายอีกคนยืนใกล้ชิดจนบ่งบอกสถานภาพความสัมพันธ์ได้เป็นอย่างดี แต่แล้วก็ต้องชะงักไปเล็กน้อยเมื่อจำได้ว่าไอ้หมอนี่คือคนที่เดินชนไหล่เมื่อคราวก่อนนี่เอง มีธุระอะไรกับผมล่ะ?

    คู่สนทนาส่งยิ้มให้เหมือนเช่นเคยโดยไม่นึกน้อยใจกับคำพูดห่างเหิน แค่ทักทายคนรู้จักกันไม่ได้เลยหรือไง มะขาม

    ก็ได้ แค่ผมไม่คิดว่าพี่เบิร์ดจะมาเดินช้อปปิ้งเป็นด้วย รเมศจงใจพูดประชดประชัน การคบหาระหว่างตนกับคนๆ นี้มักไม่ค่อยไปไหนมาไหนด้วยกันเว้นแต่ว่าจะออกไปกินข้าวหรือนั่งฟังเพลงในผับซะส่วนใหญ่

    โกโก้อยากซื้อของน่ะ พี่เลยมาเป็นเพื่อน นักบินหนุ่มเอ่ยพลางหันมองเจ้าของชื่อที่กำลังทำหน้าไม่ใคร่สบอารมณ์นักซึ่งมะขามรู้สึกปวดใจจิ๊ดๆ เพราะคนนี้แหละที่แย่งพี่เบิร์ดจากตนไปโดยที่กว่าจะรู้ตัวหัวใจของคนรักเก่าก็ไม่ได้อยู่กับเขาอีกแล้ว

    งั้นก็ไปซื้อสิค่ะ ยืนบื้ออีกทำไม เสียงแหลมปริ๊ดของอนันตโชคเหมือนระฆังช่วยชีวิต มืออุ่นที่โอบไหล่เสมือนบ่งบอกว่าเขาไม่ได้อยู่ตามลำพังแล้ว

    ไปก็ได้พี่เบิร์ด ท่าทางพวกเขาคงไม่อยากเสวนาด้วยเลย หนุ่มอายุน้อยกว่าสะบัดหน้าพรืดพลางดึงแขนร่างสูงให้เดินต่อหากอีกฝ่ายยังต้องการจะคุยต่ออีกหน่อย

    พี่โชค ผมขอคุยกับมะขามหน่อยได้ไหม? คนถูกถามเหลือบมองรุ่นน้องแทน เรื่องนี้ตนตัดสินให้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าเจ้าตัวจะยอมพูดด้วยหรือไม่แต่ถ้าเป็นไปได้ก็ไม่อยากให้ต้องมาเจอะเจอกันอีก เมื่อจบความสัมพันธ์กันไปแล้วก็ควรให้ต่างฝ่ายได้เดินตามเส้นทางของตนเองต่อไป มะขาม พี่ขอเวลาแป๊บเดียวนะ นักบินส่งสายตาอ้อนวอนซึ่งรู้ว่าไม่มีทางปฏิเสธได้หรอก

    ถามแฟนใหม่ของพี่ก่อนดีกว่า รเมศผลักภาระไปให้อีกคนทันที

    พี่ถามมะขามต่างหาก ไม่ได้ถามโกโก้ เจ้าของชื่อทั้งสองทำหน้ามึนตึงกันทันทีเพราะต่างอยู่ในที่สาธารณะจึงไม่สามารถโวยวายสิ่งที่อยู่ภายในใจออกมาได้

    หนุ่มผิวสีน้ำผึ้งยักไหล่พร้อมกับชี้ไปยังปากทางเข้าห้องน้ำซึ่งมีคนเดินเข้าออกค่อนข้างมาก งั้นไปตรงโน้นก็ได้ เขาเองก็อยากรู้เช่นกันว่าอีกฝ่ายต้องการจะพูดอะไรกับตนอีก หลังจากวันที่เลิกรากันไป ตนก็ลบหมายเลขโทรศัพท์ของอีกฝ่ายทิ้งทันทีรวมถึงข้อความต่างๆ ที่เคยส่งมา เก็บเอาไว้แค่ความทรงจำก็พอเพื่อไม่ให้ตนเองช้ำไปมากกว่านี้

    เอางั้นก็ได้ครับ ร่างสูงกว่าถอนหายใจเล็กน้อยแล้วยอมเดินไปตามที่คู่สนทนาต้องการ ปล่อยให้คนนอกยืนรอลุ้นด้วยความกังวลผสมกับอยากรู้ด้วยเช่นกัน

    มีอะไรก็พูดๆ มาเถอะ ผมหิวแล้ว รเมศพูดกับอีกฝ่ายเสียงห้วนโดยไม่ยอมมองหน้ากันตรงๆ เหมือนสมัยก่อน แน่นอนว่าถ้าเป็นไปได้ก็ไม่อยากเสวนากันอีกเพราะคนที่เจ็บดูเหมือนจะมีแค่เขาคนเดียว

    ไม่สบตาพี่ ยังโกรธอยู่ใช่ไหม คนอายุมากกว่าดักทางได้ไม่ยาก หนึ่งปีกว่าที่คบกันในฐานะคนรักทำไมมองไม่ออกว่าแฟนเก่ากำลังคิดอะไรอยู่บ้าง เขายังคงส่งยิ้มให้เช่นเดิมพลางเอื้อมจับมือและได้รับการสะบัดออกเช่นเคย มะขามเป็นคนใจอ่อนแต่บางครั้งก็หัวดื้อจนน่าตีเหมือนกัน พี่อยากขอโทษที่เลิกกันโดยกะทันหันแบบนั้น

    ดวงตาคมเหลือบขึ้นมองแสดงความไม่พอใจออกมาชัดเจน เรื่องจบไปตั้งสามสี่เดือนแล้วต้องการฟื้นฝอยตอกย้ำแผลในใจของเขาอีกหรือไง เหรอ?

    พี่ยอมรับว่าตอนนั้นทำตัวไม่ดีจริงๆ แต่โกโก้เขาต้องการความชัดเจน พี่กับมะขามก็ห่างกันมาพักใหญ่แล้ว พี่เลยคิดว่าเราคงไม่เป็นอะไรหรอก ถ้าพี่ไม่อยู่ด้วย ผู้ฟังกำหมัดแน่นในทันที ยิ่งฟังยิ่งไม่สบอารมณ์ คิดเอาเองโดยไม่เคยถามความรู้สึกของเขาสักคำ ช่วงนั้นพี่รู้ว่ามะขามยังทำใจเรื่องคุณย่าไม่ได้ พี่เลยยอมรอ และบอกเลิกอีกสองอาทิตย์หลังจากวันครบรอบร้อยวันต่างหาก เขาต่อประโยคขยายความให้ในใจ

    ทั้งๆ ที่เขารู้สึกเศร้าจากการด่วนจากไปของญาติผู้ใหญ่เพียงคนเดียว แต่คนๆ นี้กลับไม่เข้ามาอยู่ข้างเคียงในวันที่ต้องการใครสักคนมากที่สุด ใช่ว่าไม่รู้ว่าอีกฝ่ายหายไปไหนและไปกับใครแต่ความโง่ส่วนตัวที่คิดเข้าฝ่ายตนเองนั่นแหละว่ายังไงพี่เบิร์ดก็ต้องเลือกมะขามแน่นอนทำให้ตนเจ็บจนเจียนตายจนถึงขั้นออกไปนั่งดื่มเหล้าย้อมใจตามลำพัง

    การมีอะไรกับคนอื่นในขณะที่ยังมีแฟนเป็นตัวเป็นตนทำให้เขารู้สึกแย่กับการกระทำงี่เง่าเช่นกัน หากเมื่อถูกตัดสัมพันธ์ไปแล้วทำให้ความรู้สึกผิดบาปตรงนี้ลดลงไปมากทีเดียว อาจเป็นเพราะคนที่ผิดไม่ได้มีแค่เขาคนเดียว เขาทำไปโดยขาดสติหากพี่เบิร์ดทำทุกอย่างทั้งๆ ที่รู้ตัว เมื่อเทียบระดับความเลวแล้วความผิดของตนถือว่าเล็กน้อยมาก

    ตอนนี้มะขามสบายดีไหม? นักบินหนุ่มถามเมื่อคู่สนทนาไม่ยอมพูดอะไรเลย

    กินอิ่ม นอนหลับดีรเมศตอบเสียงแข็งกับคำถามงี่เง่าที่ไม่น่าจะคิดได้ด้วยซ้ำ เคยสำนึกบ้างไหมว่าเขาจะรู้สึกอย่างไรบ้างเมื่อไม่มีใครอยู่ด้วยเหมือนเคย

    แล้วไม่เหงาแล้วใช่ไหม?” คนตัวสูงถือวิสาสะจับปลายคางบังคับให้สบตาด้วย

    ผมจะรู้สึกยังไงไม่ใช่เรื่องของพี่เบิร์ดอีกต่อไป มะขามตอบอย่างไม่ใยดี พลางย้ำกับตนเองตลอดเวลาว่าอย่าเผลอใจอ่อนเป็นอีกเด็ดขาด มิฉะนั้นคนที่จะเจ็บซ้ำซากก็มีเพียงตนเท่านั้น

    เราเป็นคนขี้เหงามาก พี่ถึงเป็นห่วงมาตลอด แววตาอ่อนโยนเหมือนเคยที่ส่งมาให้ทำให้ผู้มองหวั่นไหวไม่น้อย หากต้องกัดฟันทำใจแข็งต่อไป หากความรู้สึกที่มีให้ต่อกันไม่เหมือนเดิมแล้วอย่ามาทำดีเหมือนวันที่เคยรักกันอีกเลย เขาไม่ต้องการเลยสักนิด

    ขอบคุณแต่ผมว่าไม่ต้องยุ่งเรื่องของผมอีกจะดีกว่า รเมศหมุนตัวหนีเมื่อเห็นว่าควรจะจบการสนทนาได้แล้ว พอเสียที เขากับคนๆ นี้เลิกรากันโดยสมบูรณ์โดยที่ไม่มีวันหวนกลับไปได้อีกแล้ว ตนยอมใจแข็งเจ็บเจียนตายในตอนนี้ดีกว่าจะต้องทรมานไม่มีวันจบ

    ถ้าเราเหงา พี่ยังช่วยเราได้นะ แววตากรุ้มกริ่มสื่อความนัยที่ซ่อนอยู่ได้ชัดเจนและประโยคเห็นแก่ตัวยิ่งทำให้ผู้ฟังนึกอยากวนกลับไปต่อยหน้าที่สุด สุดท้ายแล้วพี่เบิร์ดก็ยังคิดถึงตัวเองเป็นหลักเช่นเดิม เขาหยุดยืนแล้วกำหมัดแน่นกว่าเดิม ต้องตั้งสติให้ได้ อย่าตอบด้วยอารมณ์โดยเด็ดขาดหากวินาทีนี้เขาไม่สามารถยิ้มออกมาได้แล้ว

    ถ้าจะช่วย ช่วยบอกแฟนใหม่ของพี่ให้เลิกระรานผมสักทีเถอะ ผมไม่ได้มีนิสัยต่ำ คิดจะแย่งแฟนชาวบ้านเหมือนเขาหรอก เมื่อเอาไปแล้วก็ดูแลกันเอง ผมไม่รับเดนของใครอีก เมื่อกล่าวในสิ่งที่ตั้งใจจะบอก มะขามจึงเดินออกมาทันทีโดยไม่หันไปมองอีก เขากลับมาหาเพื่อนร่วมงานทั้งสองและไม่คิดจะปรายตามองคู่กรณีอีกคนเสียด้วย สิ่งที่ตนต้องการในวินาทีมากที่สุดคือ ไปให้ไกลที่สุด อย่าได้เจอกันอีกเลยต่างหาก

     

     

    พี่โชค เอาไงดีอ่ะ พี่ขามอาการหนักมาก หญิงสาวกระตุกแขนเสื้อของคนข้างๆ พลางขอความช่วยเหลือเมื่อคนที่เอ่ยถึงไม่พูดอะไรกับใครสักคำ แม้แต่จะสั่งอาหารยังใช้นิ้วจิ้มแทนด้วยซ้ำ พฤติกรรมนี้ใครๆ ก็รู้ว่าไม่ปกติแล้วเพียงแต่เธอไม่รู้จะปลอบใจหรือพูดให้อีกฝ่ายรู้สึกดีได้อย่างไรนี่สิ จู่ๆ ก็เจอแฟนเก่าแบบไม่ได้เตรียมใจเป็นใครก็ย่อมรู้สึกไม่ดีกันทั้งนั้น แถมยังเลิกกันไม่สวยอีกด้วย

    ปล่อยมันไปสักพักเถอะ รอให้มันเย็นกว่านี้ก่อน อนันตโชคในมาดผู้หญิงกระซิบบอกรุ่นน้องพลางเหลือบมองคนร่วมโต๊ะด้วยความเป็นห่วงไม่น้อย แผลกายยังหายง่ายกว่าแผลใจเสียอีก เขาเป็นคนเดียวที่เคยเห็นรเมศร้องไห้ในวันที่ไม่สามารถทนต่อความเจ็บปวดได้อีก หากเวลานี้ตนเริ่มกังวลว่าอีกฝ่ายจะอดทนไหวหรือไม่ แม้จะทำตัวปกติยังไงก็หลอกสายตาเขาไม่ได้หรอก หากว่าปู่ย่ายังมีชีวิตอยู่ก็คงจะดีกว่านี้เพราะมีคนคอยปลอบอยู่ข้างๆ แต่ตอนนี้อยู่ตัวคนเดียวแล้วยิ่งทำให้ตนกังวลมากกว่าครั้งก่อนเสียอีก แผลเก่าที่ถูกซ้ำอีกแล้วมันหายยากเสียด้วย เจ้านั่นไม่น่ามาทักมะขามเลยเถอะ ต่างคนต่างอยู่ก็น่าจะดีกว่านี้

    ชายหนุ่มผิวสีน้ำผึ้งใช้ส้อมจิ้มผักต้มในจานของตนอย่างแรงแล้วกำไว้ท่าเดิมพักใหญ่ ร่างกายมันสั่นระริกตั้งแต่เมื่อพบหน้ากับคนๆ นั้นแล้ว ปลายนิ้วเย็นเฉียบไม่ยอมอุ่นสักที ความเจ็บแปล๊บที่หัวใจยังไม่จางหายลงแม้แต่น้อย ปวดไปหมด เขาไม่ชอบตนเองที่มีอาการเช่นนี้เลย ราวกับตอกย้ำว่าเวลาที่ผ่านมาไม่ได้ช่วยให้ยืนหยัดด้วยตนเองอีกครั้ง หากต้องทนต่อไปเมื่อไม่เหลือใครให้เขาได้แสดงความอ่อนแออีกแล้ว

    มะขาม เสียงทุ้มต่ำจากคนร่วมโต๊ะเอ่ยเตือนให้เขาตั้งสติให้ได้ การทรมานตัวเองไม่ใช่ทางออกที่ดีเลย คืนนี้ไปนอนที่หอพี่ละกัน แม้ว่าจะไม่ใช่ญาติร่วมสายเลือดหรือเป็นคนพิเศษแต่ในฐานะเพื่อนคนหนึ่งไม่สามารถปล่อยให้รเมศอยู่ตามลำพังในสภาพไม่ปกติได้เลย ถึงรู้แต่ลูกน้องไม่มีทางคิดสั้นหรอกแต่การอยู่คนเดียวอาจจะทำให้จมปลักกับความคิดที่ทำร้ายจิตใจเจ้าของร่างได้เช่นกัน

    ขอบคุณครับพี่โชคแต่ผมยังไหว เดี๋ยวผมเรียกแท็กซี่กลับเอง คนร่วมโต๊ะค้านในใจขึ้นมาทันที ดวงตาทั้งสองข้างเริ่มแดงบ่งบอกว่าเจ้าตัวพยายามอดกลั้นความรู้สึกเอาไว้อยู่

    ทำไงดีพี่โชค งานนี้ไม่มีพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยแน่ๆ หญิงสาวกระซิบบอกคนข้างตัวด้วยน้ำเสียงตึงเครียดเช่นเดียวกัน หากพี่มะขามมีใครสักคนก็คงจะดีไม่น้อยและเธอก็นึกออกเพียงคนเดียวเท่านั้น

    ต่อให้เรียกมาได้ มะขามก็ไม่ยินดีหรอกจ๊ะเอ๋ มันเจ็บ มันต้องรักษาใจมันเอง คนอื่นให้ได้แค่กำลังใจเท่านั้นนะ ผู้มีประสบการณ์มากกว่าได้แต่ถอนหายใจมองคนเจ็บทางใจด้วยความเป็นห่วงยิ่งกว่าเดิม ไอ้ขามเอ๋ย ถ้ามึงมีใครสักคนที่จริงใจกับมึงบ้างก็เรียกมาเถอะ อย่าปล่อยให้ตัวเองเจ็บอยู่แบบนี้เลยวะ

    ชายหนุ่มวางมีดกับส้อมลงเมื่อสเต็กหมูพร่องลงไปเพียงแค่หนึ่งในสามของจานเท่านั้น ไม่สามารถฝืนกลืนลงไปได้มากกว่านี้แล้ว ผมอิ่มแล้ว

    กินให้มากกว่านี้มะขาม คนอายุมากกว่าสั่งเสียงแข็งอาหารจานหนึ่งราคาไม่ใช่ถูกๆ นะ อย่ากินทิ้งกินขว้างเด็ดขาด ยิ่งกินน้อยแล้วจะเอาแรงที่ไหนไปรับมือกับผู้โดยสาร เขาเตือนด้วยความหวังดีล้วนๆ โดยปกติรุ่นน้องทานจุมากกว่านี้ด้วยซ้ำ ตนไม่อยากให้เรื่องของคนๆ เดียวมาทำลายชีวิตอีกคนแบบนี้เลย

    พี่โชคค่ะ เดี๋ยวจ๊ะเอ๋บอกให้พนักงานห่อกลับไปดีกว่า เอาไว้กินวันหลังก็ได้ หญิงสาวเสนอทางเลือกให้ซึ่งดีกว่าเอาอาหารลงขยะไปไหนๆ  ซึ่งทั้งสองก็ยอมรับได้จึงเรียกให้พนักงานมาเก็บบิลได้เลย

    รเมศอยู่ในสภาพร่างที่ไร้วิญญาณ เขาไม่สนใจว่าใครจะเดินชนหรือกำลังจะเดินชนสิ่งกีดขวางเส้นทางของตน เดือดร้อนจนเพื่อนๆ ต้องคอยดึงหลบจนถึงทางออกจากห้างสรรพสินค้า จ๊ะเอ๋จึงขอตัวแยกย้ายเนื่องจากบ้านอยู่คนละเส้นทางกัน ส่วนอนันตโชคกอดอกทำหน้าเครียดยิ่งกว่ายามทำงานเสียอีก ตนทนให้ลูกน้องเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้วจริงๆ จึงตั้งใจว่าจะลากกลับคอนโดด้วยกัน เขายืนต่อแถวโบกรถแท็กซี่จนกระทั่งถึงคิวของตนเอง ร่างของคนข้างๆ ที่ไม่ยอมพูดยอมจามาร่วมครึ่งชั่วโมงก็รีบเปิดประตูเข้าไปนั่งตามลำพัง

    ไปไหนครับ คนขับรถถามผู้โดยสารหากไม่มีใครสนใจจะฟังเลย

    ผมกลับเองครับพี่โชค ไม่ต้องห่วงจริงๆ พรุ่งนี้เจอกันนะ ผมไม่ลางานด้วยเรื่องแค่นี้หรอก ผู้พูดพยายามส่งยิ้มให้แต่ดวงตายังคงแดงก่ำเช่นเดิม ยิ่งทำให้คู่สนทนากังวลมากกว่าเดิม มึงมองหน้าเศร้าๆ ของตัวเองในกระจกก่อนแล้วค่อยพูดดีกว่าไหมมะขาม

    เขยิบไปมะขาม อนันตโชคออกคำสั่งกับลูกน้องแต่ได้รับการส่ายหน้าปฏิเสธตามคาด หัวดื้อจนน่าตีจริงๆงั้นอย่างน้อยก็บอกพี่ว่าอยู่ที่ไหนด้วย คนเขาเป็นห่วง” 

    ขอบคุณครับพี่โชค รเมศไม่ยอมตอบรับแล้วจึงปิดประตูรถตัดการสนทนาอีกด้วย เขาขยับร่างมานั่งตรงกลางพลางชำเลืองมองคนมาส่งด้วยความรู้สึกขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง หากไม่มีใครอยู่ด้วยเขาคงจะจินตนาการไม่ออกว่าตนเองจะรับมือกับสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกอย่างไรดี แต่เวลานี้เขาอยากอยู่ตามลำพังเพื่อจัดการความรู้สึกของตนเองให้เด็ดขาดเสียที

    ไปไหนครับ คนขับรถแท็กซี่ถามซ้ำด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดที่ลูกค้าไม่ยอมตอบสักที

    หนุ่มผิวสีน้ำผึ้งย่นคิ้วเข้าหากัน กัดริมฝีปากจนสั่นและกำหมัดเอาไว้ตลอดเวลา คำตอบมันจุกอยู่ที่คอหอยอีกแล้ว เขาไม่แน่ใจว่าตนเองอยากจะไปที่นั่นจริงหรือแค่ต้องการจะหนีปัญหาอีกเหมือนที่เคยทำ หากใบหน้าบึ้งตึงของโชเฟอร์บีบให้รีบตัดสินใจจึงเอ่ยชื่อสถานที่แห่งหนึ่งออกไปแต่ทว่าไม่ใช่บ้านของตน

     

     

    กริ๊ง!!! เสียงสัญญาณจากโทรศัพท์ตั้งโต๊ะภายในห้องพักทำให้ชายหนุ่มผิวขาวเหมือนงาช้างละความสนใจจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ชั่วขณะ ร่างสูงลุกจากโซฟาเพื่อไปรับสายจากในห้องนอนด้วยตนเองด้วยความสงสัยว่าใครจะมีธุระอันใดในเวลาดึกดื่นเช่นนี้

    ลีไม่นิยมให้หมายเลขโทรศัพท์กับลูกค้าหน้าใหม่ หากต้องการติดต่อก็ให้ผ่านทางบริษัทหรือทางโรงแรมแทน มิฉะนั้นเขาอาจจะไม่มีเวลาเป็นส่วนตัวเลยเว้นแต่คู่ค้าเจ้าประจำที่ทำงานร่วมกันจนพอรู้จักนิสัยใจคอกันบ้างแล้ว หรือหากเป็นเรื่องด่วนจริงๆ ก็ให้คนของบริษัทติดต่อตนเอาเอง

    “Yes?” เจ้าของห้องยกหูแล้วตอบรับสั้นระหว่างฟังพนักงานต้อนรับอธิบายถึงเหตุผลของการรบกวนในยามวิกาล “Okay, Let him come in.” เขาวางสายด้วยความประหลาดใจเป็นที่สุดที่จู่ๆ คนๆ นั้นก็มาหาเช่นนี้ ตนสังหรณ์ว่าจะต้องมีเรื่องไม่ชอบมาพากลเป็นแน่แต่ถ้าหากเจ้าตัวต้องการมาพบเขาก็อนุญาตอยู่แล้ว

    หนุ่มฮ่องกงเดินกลับไปเซฟงานและปิดเครื่องคอมพิวเตอร์เสียก่อนเพราะข้อมูลและความลับต่างๆ ในเรื่องงานทั้งหลายทั้งปวงอยู่ภายใน ควรเก็บเอาไว้ให้พ้นสายตาของแขกไม่รับเชิญที่ยังไม่ทราบจุดประสงค์ของการมา ไม่ใช่ไม่เชื่อใจอีกฝ่ายแต่การป้องกันเอาไว้ก่อนไม่ใช่เรื่องเสียหายและทำให้คนที่เข้ามาไม่รู้สึกเกรงใจที่มารบกวนเวลาอีกด้วย

    เสียงเคาะประตูสามครั้งทำให้เจ้าของห้องเดินไปยังประตูเพื่อส่องตาแมวเสียก่อน เมื่อเห็นใบหน้าเศร้าของแขกจึงรีบเปิดประตูให้เข้ามาทันที

    What’s wrong with you? เจ้าของห้องรู้สึกใจหายไม่น้อยที่เห็นดวงตาแดงก่ำ

    “Nothing…” รเมศตอบเป็นภาษาเดียวกัน เขายืนตัวแข็งทื่อด้วยความสับสนในตนเองอย่างมหาศาล เขาแค่ไม่อยากกลับบ้านในวันนี้เท่านั้นแต่ก็ไม่รู้ว่าสิ่งใดดลใจให้บอกชื่อโรงแรมที่มิสเตอร์ลีพักอยู่กับคนขับรถแท็กซี่ไป หากเมื่อรู้สึกถึงไออุ่นจากคนข้างๆ เขาก็ได้คำตอบในทันที

    “Do not lie. Your face looks terrible. What happened? Can you tell me?” ฝ่ามือใหญ่จับแก้มเนียนพร้อมลากปลายนิ้วลูบริมฝีปากที่แห้งผาก ดวงตาคมไม่สดใสเหมือนเคยเต็มไปด้วยความเศร้าสร้อย ร่างสูงดึงอีกฝ่ายให้มานั่งพักสงบสติอารมณ์ที่โซฟาเสียก่อน

    ความอบอุ่นจากอุ้งมือของใครสักคนที่รเมศถวิลหาค่อยๆ มลายความอดกลั้นตลอดหลายชั่วโมงทีละนิดละน้อย เขาแหงนหน้าสบตากับนัยน์ตาสีอ่อนกว่าจากดวงตาตี๋ๆ แววตาเอื้ออาทรที่มองตอบมาทำให้ทำนบน้ำตาทลายในที่สุด หนุ่มผิวสีน้ำผึ้งดึงร่างหนาเข้ามากอดแน่นพลางซบหน้าที่แผ่นอกปล่อยโฮออกมาดังๆ

    ลีตกใจกับอากัปกิริยาของคนในอ้อมกอดไม่น้อย สิ่งที่ทำได้คือกอดตอบลูบแผ่นหลังที่สะอื้นฮักไม่ยอมหยุดพร้อมปลอบประโลมให้คลายเศร้าไปด้วย “Cry as much as you want, dear. I’m here with you” หนุ่มฮ่องกงเอ่ยแล้วก้มลงจูบที่กลางศีรษะอีกฝ่าย

    มะขามยังคงสะอื้นไม่หยุด มือทั้งสองเกาะแผ่นหลังกว้างแน่นเป็นเวลานานมากกว่าน้ำตาที่เก็บกักไว้จะไหลออกจนหมดจึงค่อยคลายออก เขายันหัวไหล่คนตัวโตออกห่างพยายามสูดลมหายใจเข้าทางปากแทนทางจมูกที่มีแต่น้ำมูก ลีหัวเราะในลำคอหยิบกระดาษให้เจ้าตัวได้สั่งออก

    “Do you feel better?” คนถูกถามพยักหน้ารับพลางสั่งน้ำมูกออกให้หมดจนจมูกแดงเถือก หัวสมองโล่งไปหมดเมื่อความอัดอั้นได้ระเบิดออกมาแล้ว “Can you tell me what happened to you?” หนุ่มฮ่องกงถามย้ำอีกครั้ง เขาอยากรู้ความในใจของคนในอ้อมกอด เหตุใดถึงยอมมาหาตนในยามวิกาลเช่นนี้ล่ะ

    ดวงตาคมหลุบลงไม่ยอมมองหน้าคนถามทันที รเมศพูดไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับมิสเตอร์ลีเลย เขาเพียงแค่ใช้ประโยชน์จากความอ่อนโยนของคนๆ นี้เป็นหลักยึดเท่านั้น ถึงอย่างไรตนก็ไม่ยอมบอกโดยเด็ดขาด

    “I guess, you cried because of guy named Bird, right?” ร่างเล็กกว่าเบิกตาโตมองหน้าคู่สนทนาทันที ทำไมหมอนี่ถึงรู้จักชื่อนี้ได้? ลียิ้มกริ่มเมื่อเดาถูกทางจึงยอมเฉลยในสิ่งที่ตนพอรู้มาบ้าง “That night, you moaned that name many times” ผู้ฟังใบหน้าแดงก่ำด้วยความอายทันที ความเมาทำให้ตนใช้อีกฝ่ายเป็นตัวแทนของคนรักเก่าอย่างงั้นหรือ งานนี้โทษใครไม่ได้นอกจากตนเอง เขามันบ้าและงี่เง่าที่สุด

    อย่าเพิ่งถามตอนนี้ได้ไหม มะขามช้อนตามองคู่สนทนาพลางยกแขนโอบรอบลำคอขาว เวลานี้เขาไม่อยากได้ยินชื่อนั้นอีกต่อไป อยากให้ลบเลือนความทรงจำที่เจ็บปวดออกจากสมองทีเถอะ กอดผมที

    คำขอร้องแสนหวานทำให้เจ้าของห้องรู้สึกประหลาดใจ เขาหรี่ตามองแววตาร่างเล็กกว่าพลางโอบรั้งเอวเข้ามาประชิดหน้าท้องทำให้เจ้าตัวแข็งทื่อโดยอัตโนมัติหากกลับพูดในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับร่างกาย

    กอดผมทีเถอะแม็กซ์ Do whatever you want. หนุ่มผิวสีน้ำผึ้งอ้อนวอนในสิ่งที่ไม่เคยขอกับใครมาก่อน ช่วยทำให้เขาผ่านพ้นค่ำคืนนี้โดยไม่ต้องอยู่ตามลำพังทีเถอะ ปลายนิ้วเรียวไล้จากไหปลาร้าลงมาสัมผัสหน้าท้องผ่านเสื้อนอนของคนตัวโตกว่าบ่งบอกถึงความต้องการชัดเจน เวลานี้จะทำรุนแรงแค่ไหนก็ยินดีรับไว้ ขอแค่กอดตนไว้แน่นๆ อย่าปล่อยให้ต้องนอนอ้างว้างอีก

    “No, I can’t”

    คำปฏิเสธชัดถ้อยชัดคำของคนอายุมากกว่าสร้างความงุนงงให้แก่ผู้ฟังเป็นที่สุด มะขามอุตส่าห์เสนอตัวให้โดยไม่ขัดขืนด้วยซ้ำ ทำไมถึงไม่ยอมมีอะไรกับตนล่ะ หรือว่า...เขาไม่เป็นที่ต้องการจากคนๆ นี้เช่นกัน เพียงแค่คิดด้วยอารมณ์น้อยใจที่ยังคั่งค้างยิ่งทำให้ต่อมน้ำตาเริ่มทำงานอีกครั้ง

    เจ้าของห้องทำหน้ายุ่งพลางหยิบทิชชู่มาซับน้ำตา “I don’t want you to hurt yourself. I’ll be appreciated if you really need me from heart not your stand-in shadow.”

    เหตุผลของคนที่เป็นผู้ใหญ่มากกว่าทำให้รเมศรู้สึกตนเองกลายเป็นคนงี่เง่าโดยสมบูรณ์แบบ มิสเตอร์ลีอ่านใจเขาออกทุกอย่างทุกประเด็น เขาตั้งใจจะทำเช่นนั้นจริงๆ

    “Everything between you and him is already the past. You know to be hurt and never let it happen to you again.” ผู้ฟังพยักหน้าขึ้นลงอย่างแรงและรู้สึกขอบคุณคู่สนทนาที่ไม่เค้นถามอะไรเลย ถือว่าเป็นความกรุณาอย่างยิ่งแล้ว “Don’t do stupid thing like this again and please treasure yourself more” เจ้าของห้องกล่าวจบแล้วเดินไปยังห้องนอนของตนแล้วนำชุดนอนมาให้แขกไม่ได้รับเชิญ

    เอ่อ...ผมกลับเองได้ เมื่อสติสตังเริ่มกลับเข้าที่เข้าทางบ้างแล้ว รเมศจึงรู้สึกกระดากอายในสิ่งที่ตนเองทำไปเมื่อครู่จนไม่กล้าสู้หน้าคนตัวโตกว่าด้วยซ้ำ เรื่องมันจะเลวร้ายขึ้นอีกหากว่ามิสเตอร์ลียอมทำตามที่ขอร้องเพราะท้ายที่สุดคนที่เสียใจกับการกระทำก็คือเขานี่แหละ

    “Take a shower and rest here. I don’t let crybaby go home and cry alone again.” ผู้ฟังรู้สึกใบหน้าร้อนฉ่าขึ้นมาอีกหนเมื่อถูกดักทางได้อีกรอบจึงยอมรับชุดนอนแล้วยอมไปอาบน้ำแต่โดยดี

    สายน้ำอุ่นช่วยชำระล้างคราบน้ำตาบนผิวใบหน้าจนเกลี้ยงเกลา ชายหนุ่มยืนเปลือยเปล่าใต้ฝักบัวสีเงินในห้องกระจกใส ครั้งที่แล้วตนถูกร่างใหญ่จู่โจมอย่างหมดทางสู้และอดคิดไม่ได้ว่าเมื่อเปิดประตูออกไป มิสเตอร์ลีอาจจะเปลี่ยนใจก็ได้ วัวเคยขาม้าเคยขี่แบบนี้มีหรือจะพลาดโอกาสง่ายๆ เขาใช้สบู่เหลวลูบไล้ตามตัว ตนได้กลิ่นนี้ตอนกอดอีกฝ่ายด้วยเช่นกันแสดงว่าเจ้าตัวเพิ่งอาบน้ำมาหมาดๆ ก่อนที่ตนจะมาถึง

    รเมศหมุนก๊อกน้ำเมื่ออาบน้ำเสร็จสิ้น เขาหยิบผ้าเช็ดตัวที่เจ้าของห้องเตรียมมาให้ออกมาซับหยาดน้ำตามตัวพลางมองตนเองในกระจก ดวงตาแดงช้ำ แววตาดูอิดโรยจนน่าตกใจไม่น้อย เขาไม่รู้ตัวเลยตนเองอาการหนักถึงเพียงนี้ด้วยซ้ำเพราะเอาแต่หลอกตนเองว่าไม่เป็นไร เขาทนได้อยู่ตลอดเวลา

    ชุดนอนผ้าแพรสีสดนุ่มลื่นขนาดใหญ่กว่าตัวเขาไปบ้างแต่ก็ดีกว่าไม่ได้สวมใส่อะไรเลยแบบครั้งก่อนเพราะเสี่ยงต่อการถูกลวนลามทุกเวลา ร่างสันทัดเปิดประตูห้องน้ำออกมาโดยถือเสื้อผ้าชุดเดิมออกมาด้วย เห็นทีตนอาจจะต้องตื่นเช้าเพื่อแวะเปลี่ยนชุดที่บ้านก่อนไปทำงานด้วย

    ใส่เสื้อผ้าลงในถุง เจ้าของห้องซึ่งนั่งรอที่โซฟากลับมาใช้ภาษาไทยอีกครั้งพร้อมกับยื่นถุงพลาสติกสีขาวให้ เดี๋ยวส่งซักให้

    ผมเกรงใจนะคุณ พรุ่งนี้ค่อยกลับไปซักที่บ้านก็ได้ คนอายุน้อยกว่ารีบปฏิเสธ

    ทำงานกี่โมง

    เอ่อ เก้าโมง ถือว่าเป็นความโชคดีที่ตนไม่ต้องทำงานกะเช้าจึงพอจะมีเวลาโอ้เอ้ได้บ้าง

    ดี งั้นพรุ่งนี้ผมไปส่งที่สนามบิน ร่างสูงลุกขึ้นแล้วจัดการยัดเสื้อผ้าลงถุงแทนผู้เป็นเจ้าของที่ทำหน้างงงวยเพราะยังตามความคิดไม่ทัน อะไรน่ะจะไปส่งตนอย่างงั้นหรือ? นายลีคิดอะไรอยู่กันแน่?

    ผมไปเองได้นะคุณลีมะขามแย่งถุงกลับพร้อมกับกอดแน่นประหนึ่งเป็นสมบัติมีค่า หากเจ้าของห้องเริ่มยืนกอดอกทำท่าไม่ใคร่พอใจออกมาแล้ว

    ถ้าพรุ่งนี้คุณไม่ทำงาน ผมจะตีจับก้นซะให้เข็ด

    ผู้ฟังหัวเราะขึ้นทันทีกับความคิดนี้ เขาไม่ใช่เด็กสองสามขวบแล้วนะ โตๆ กันแล้วพูดกันด้วยเหตุผลได้ ไม่ต้องใช้กำลังหรอก

    “At least, you can smile now” ลียิ้มกริ่มแสดงถึงความพึงพอใจแต่ผู้ฟังถึงกลับอึ้งไปในทันที ผู้ชายคนนี้ตั้งใจอย่างงั้นหรือ ประโยคที่กล่าวมาบ่งบอกถึงความห่วงใยในตัวเขาได้เป็นอย่างดี รเมศภาวนาว่าตนคงไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองฝ่ายเดียวใช่ไหม? และเขาจะลองเสี่ยงสักครั้งดีไหม?

    ผมไม่ได้ยิ้มยากสักหน่อยนะ คนอายุน้อยกว่ากล่าวแก้เขินแล้วยื่นถุงพลาสติกใส่ชุดใช้แล้วให้กับเจ้าของห้องตามความต้องการ

    หิวไหม ผมจะได้สั่งรูมเซอร์วิสมาด้วย เมื่อพูดถึงมะขามก็รู้สึกหิวทันทีและจำได้ว่าถูกจ๊ะเอ๋ยัดเยียดสเต็กที่กินเหลือมาให้แต่ดูเหมือนว่าตนจะทิ้งไว้ในแท็กซี่จนได้ แต่เวลานี้จะให้กินมื้อหนักไปเลยก็ไม่ดีแน่

    คุณมีนมหรือน้ำหวานบ้างไหม ดึกแล้วผมไม่อยากกินข้าว

    นมอยู่ในตู้เย็น แก้ววางอยู่ด้านบน ใช้ได้เลย เมื่อได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของห้องเขาจึงเปิดตู้เย็นรินนมจืดใส่แก้วทันที ห้องชุดของมิสเตอร์ลีจัดว่าเป็นห้องที่มีอุปกรณ์ที่จำเป็นครบครันทีเดียว มีตู้เย็น ไมโครเวฟและเตาไฟฟ้าให้อีกด้วย เขาสังเกตจากอ่างล้างจานที่ว่างเปล่าไม่มีคราบน้ำติดอยู่บ่งบอกว่าเจ้าของห้องคงไม่ค่อยได้ใช้งานสักเท่าไหร่ และที่สำคัญในตู้เย็นมีแต่เครื่องดื่มต่างๆ และแอลกอฮอล์เท่านั้น ไม่มีของกินอย่างอื่นเลย

    คุณไม่มีแฟนหรือ เป็นครั้งแรกที่รเมศถามเรื่องส่วนตัวของลี ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยคิดจะสนใจด้วยซ้ำว่าผู้ชายคนนี้เป็นใครมาจากไหน รู้เพียงแค่ว่าเป็นสมาชิกวีไอพีของสายการบินที่ตนทำงานอยู่เท่านั้น เมื่อตนคิดจะเปิดใจให้ก็ควรจะรู้พื้นเพบ้างเพื่อที่จะได้กลับหลังทันก่อนที่จะเจ็บปวดเหมือนครั้งแรก

    ไม่มี หนุ่มฮ่องกงปฏิเสธอย่างง่ายดายและเป็นไปตามคาดของคนถามเสียด้วย เขารู้สึกว่าคนๆ นี้โกหกได้เก่งเกินไปจนดูไม่ออกว่า คำพูดไหนจริงหรือโกหก

    น่าแปลกนะ คุณดูดีมาก ทำไมถึงไม่มีแฟนล่ะมะขามไม่ได้เอ่ยเกินจริงนัก มิสเตอร์ลีถือว่าเป็นคนที่มีบุคลิกโดดเด่นสะดุดตาตั้งแต่แรกพบ เขาถึงไม่เชื่อว่าอีกฝ่ายจะไม่มีเรื่องกุ๊กกิ๊กตามประสาชายวัยฉกรรจ์เลยเถอะ

    เคยมีแล้วเลิกกันเหมือนมะขามไง หนุ่มวัยยี่สิบปีกว่าๆ ยกนมขึ้นดื่มจนหมดแก้วแล้ววางทิ้งไว้ในอ่างล้างจาน เขาตั้งใจเดินเข้าหาคนบนเตียงอย่างเปิดเผย เอาวะ เป็นไงเป็นกัน ถามให้หมดเปลือกไปเลยดีกว่าว่าวันนั้นตนได้พร่ำเพ้อมากแค่ไหน

    คุณรู้เกี่ยวกับผมแค่ไหน เล่ามาได้ไหม คนอายุมากกว่ายิ้มเจ้าเล่ห์พลางรวบเอวอีกฝ่ายเข้าหาตนหมายจะใช้จมูกสูดกลิ่นเดียวกันที่ซอกคอแต่มือที่ไวกว่ารีบดันหน้าผากตนออกห่างอย่างเฉียดฉิว คุณลี...เล่ามาก่อน เสียงขู่ต่ำๆ ไม่ทำให้เขาสะดุ้งสะเทือนหรอกแต่ที่ยอมปล่อยให้เป็นอิสระเพราะว่าวันนี้คนๆ นี้ก็ไม่คิดหนีจากตนแน่นอน เขาจึงขอตัวหิ้วถุงพลาสติกไปให้พนักงานโรงแรมที่กดกริ่งเรียกได้ถูกเวลาพอดิบพอดี

    “It’s bed time, dear” เจ้าของห้องเอ่ยกับคนที่เพิ่งร้องไห้หนักมาหมาดๆ ชายหนุ่มผิวสีงาช้างเอนตัวลงนอนบนเตียงพลางตบฟูกตรงที่ว่างให้ผู้ร่วมเตียงได้ลงไปนอนร่วมเตียงเดียวกันอย่างไม่มีทางเลือก ช่วยไม่ได้ล่ะ เสื้อผ้าถูกเอาไปซักแล้วครั้นจะออกไปทั้งชุดนอนสีแสบตาแบบนี้ตนก็ไม่กล้าจึงจำใจนอนพักเอาแรงดีกว่า  

    แสงไฟทั้งห้องดับลงเหลือเพียงแสงสลัวจากไฟที่ระเบียงชมวิวเท่านั้น รเมศนึกสงสัยว่านายลีลืมปิดอย่างงั้นหรือหากเมื่อพลิกตัวกลับไปหาอีกฝ่ายก็พบว่าหลับไปเสียแล้ว เขาจึงพลิกตัวกลับมายังท่าเดิมอีกครั้ง แม้จะง่วงนอนมากแค่ไหนแต่ด้วยความแปลกที่ทำให้ตาสว่างอย่างไม่มีเหตุผล เขาได้แต่กรอกตามองไปรอบๆ ห้องในความมืดโดยมีเสียงหายใจของคนตัวโตอยู่ใกล้ๆ

    ตกลงคุณชอบผมตรงไหนกันแน่ เขาเอ่ยเบาๆ โดยไม่หวังจะได้คำตอบในตอนนี้หรอก แผลเก่าที่กลัดหนองมานานได้ถูกทิ่มแทงเอาความเจ็บปวดออกไปบ้าง หากว่าตนยังเข็ดหลาบกับความรักอยู่จึงไม่กล้าเปิดใจกับคนที่ไม่รู้ว่าเป็นใครมาจากไหนด้วยซ้ำ มะขามหลับตาลงพลางดึงผ้าห่มขึ้นปกคลุมตัวเองจนเกือบมิด แม้คนร่วมเตียงจะไม่ได้ดึงตนมากอดตามที่คิดไว้แต่กลิ่นสบู่ที่ใช้ร่วมกันทำให้รู้สึกผ่อนคลายลงมาก ไออุ่นจากร่างใหญ่ทำให้ตนวางใจว่าอย่างน้อยคืนนี้ก็เป็นคืนที่ตนไม่ต้องนอนเดี่ยวดายแล้ว

     


    จบตอนที่ 3

    By Keaw (21/11/15)
     

    คุยกันท้ายบท : พบกันอีกครั้งแล้วนะคะ ตอนนี้แอบดราม่าเล็กน้อยตามประสาคนอกหัก ฮ่าๆ แต่ไม่ต้องห่วงมะขามนะคะ เขามีคนปลอบใจเป็นทีเรียบร้อยแย้ววว คนแต่งแอบอิจฉานะเนี่ย อิอิ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×