ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 1 .
Sometimes the truth hurts.
บางทีความจริงก็เจ็บปวด
.
.
.
"ฮีชอล"
เสียงทุ้มต่ำเรียกชื่อร่างบางที่กำลังง่วนอยู่กับการเก็บของยัดใส่เข้ากระเป๋าตนอย่างเร่งรีบอยู่ เจ้าของชื่อหยุดการกระทำของตนพร้อมกับใบหน้าหวานที่เงยหน้าขึ้นมามองอย่างงุนงง
"หืม? ชีวอนมีอะไรเหรอ?"
คิมฮีชอลถามออกไปด้วยน้ำเสียงใสแจ๋ว ดวงตากลมโตจับจ้องไปยังใบหน้าคมคายของคนรักที่ตีหน้าเครียด ร่างสูงข้างหน้าตนหลบสายตาพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนที่จะก้มหน้านิ่งเงียบ สมองสั่งให้กระทำสิ่งที่เขาตั้งเป้าเอาไว้...แต่ทำไมหัวใจถึงเต้นช้าลงเรื่อยๆ ?
ต้องบอก ยังไงก็ต้องบอกให้ได้
"เรา..."
"เรา..."
"เราอะไรเหรอรักที่สุด???"ร่างตรงหน้าถามพลางโน้มหน้าเข้ามาใกล้ๆคนรักตนที่ยืนก้มหน้านิ่ง เขามักจะทำเช่นนี้ตลอดเวลาสุดที่รักเกิดอาการพูดไม่ออกแบบนี้
"เรา..."
"เราอะไรเล้า?!?!?!!! ชีวอน มีอะไรพูดออกมาเซ่!"
เสียงหวานตะโกนแว้ดลั่นอย่างหงุดหงิดพร้อมกับหนังสือวาดรูปสีแดงเล่มใหญ่ที่ฟาดเข้าไปที่แขนแกร่งเสียเต็มแรง ชเวชีวอนเซไปเล็กน้อยแต่ก็ยังคงก้มหน้านิ่งเหมือนเดิม...จะบอกดีไหมนะ?
”ชเวชีวอน! รักที่สุดมีอะไรก็พูดออกมาเซ่!!!”ร่างบางเหวเสียงดังลั่นพร้อมกับใช้หนังสือเล่มเดิมกระหน่ำฟาดไปที่แขนแกร่งไม่ยั้งแต่คนโดนทำร้ายกลับยืนนิ่งไม่ตอบโต้อะไรทั้งสิ้น
ประโยคเพียงประโยค และทุกสิ่งทุกอย่างก็จบกัน
ประโยคเพียงประโยคเดียว และทุกสิ่งทุกอย่างก็จะเปลี่ยนไป ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว
จบกันเสียที...อย่างงั้นเหรอ?
ท่ามกลางหลากหลายความรู้สึกที่ปนเปกัน ทั้งเศร้าเสียใจ ดีใจ รู้สึกผิด เจ็บปวดนั้น ชเวชีวอนก็ได้เลือกที่จะเอ่ยประโยคๆนั้นออกมา "เราเลิกกันเถอะ"
สั้นๆ ง่ายๆ ได้ใจความแต่บั่นทอนลมหายใจของผู้รับฟังอย่างโหดเหี้ยมไร้เมตตา
ตุบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ...
หนังสือเล่มสีแดงที่เคยใช้ตีแขนคนรักหล่นลงไปอยู่บนพื้นทันทีโดยอัติโนมัติเมื่อจบประโยคของคนตรงหน้า คิมฮีชอลหยุดหายใจ ดวงตากลมโตเบิกกว้าง ลำคอแห้งเผือด ริมฝีปากเรียวสั่นระริก...เมื่อกี้คือคำบอกเลิกงั้นเหรอ?
"นายพูดจริง? ทำไมหละ? ทำไมชีวอน...บอกมา!!!"เสียงหวานตะโกนถามเสียงสั่นพร้อมกับมือเรียวที่เขย่าแขนคนตรงหน้าที่ยังคงก้มหน้านิ่ง หยาดน้ำใสไหลอาบแก้มเนียนของร่างบางที่ยังคงเขย่าแขนแกร่งต่อไปราวกับคนบ้า
"เรา...เข้ากันไม่ได้"
ชเวชีวอนพูดพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมาสบสายตาปวดร้าวของคนรักตน สายตาจริงจังแต่แฝงไปด้วยความปวดร้าวยิ่งตอกย้ำว่าร่างสูงตรงหน้าคิดจริงและทำจริง และพูดจริง
"เรา...เข้ากันไม่ได้"
ชเวชีวอนพูดพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมาสบสายตาปวดร้าวของคนรักตน สายตาจริงจังแต่แฝงไปด้วยความปวดร้าวยิ่งตอกย้ำว่าร่างสูงตรงหน้าคิดจริงและทำจริง และพูดจริง
มือเรียวที่เคยขยำเสื้อนักเรียนของชีวอนจนเป็นรอยค่อยๆปล่อยเสื้อนักเรียนออกมาแล้วแนบสนิทข้างลำตัวร่างบาง คนตัวเล็กเมื่อไร้เรี่ยวแรงที่จะยื่นสุดท้ายนั้นก็ทรุดตัวลงพร้อมกับริมฝีปากที่พึมพำซ้ำไปซ้ำมา "ไม่จริง เป็นไปไม่ได้"
ชเวชีวอนหนะเหรอ บอกเลิกเขา? ไม่จริง...
นี่เป็นความฝัน!!!
แต่มันจะใช่ความฝันได้ไงหละ? ในเมื่อความเจ็บปวดที่อยู่ในหัวใจและประโยคล่าสุดจากปาก'อดีต'ชายหนุ่มคนรักนั้นยังคงก้องกังวานซ้ำไปซ้ำมาไม่ขาดสายตอกย้ำความเป็นจริงทีเป็นอยู่ ณ ตอนนี้
ทีเห็นและเป็นอยู่คือความจริง
คนตรงหน้าเพิ่งบอกเลิกเขาไป
ชเวชีวอนเพิ่งบอกเลิกเขาไป
รักที่สุดเพิ่งบอกเลิกเขาไป
“คบกันมา9ปีจะขึ้นปีที่10แล้วนะ...ชีวอน...นายบอกเลิกฉันจริงๆงั้นเหรอ? มันเป็นความฝัน...ฉันฝันร้ายไปเองใช่ไหม...บอกฉันทีสิ…รักที่สุด?”
คนตรงหน้าเพิ่งบอกเลิกเขาไป
ชเวชีวอนเพิ่งบอกเลิกเขาไป
รักที่สุดเพิ่งบอกเลิกเขาไป
“คบกันมา9ปีจะขึ้นปีที่10แล้วนะ...ชีวอน...นายบอกเลิกฉันจริงๆงั้นเหรอ? มันเป็นความฝัน...ฉันฝันร้ายไปเองใช่ไหม...บอกฉันทีสิ…รักที่สุด?”
ใบหน้าหวานเงยขึ้นมาถามด้วยน้ำเสียงหวานที่สั่นเครือ ดวงตากลมโตที่ปวดร้าวนั้นจ้องลึกไปยังคนตรงหน้าราวกับจะค้นหาความจริง หากแต่คนตรงหน้ากลับบ่ายหน้าไปทางอื่นเพื่อหลบดวงตากลมโตที่เอ่อล้นไปด้วยน้ำตา...สงสารหละมั้งคือความรู้สึกที่ชีวอนมีต่อร่างเล็กตรงนี้
คนตรงหน้ายังคงเชื่อว่ามันเป็นแค่ฝันร้าย
คิมฮีชอลยังคงเชื่อว่ามันเป็นแค่ฝันร้าย
สุดที่รักยังคงเชื่อว่ามันเป็นแค่ฝันร้าย
“มันเป็นความจริง...ฮีชอล ฉันขอโทษ”
เสียงของอดีตคนรักยิ่งดังเข้าไปใหญ่เมื่อร่างสูงจบประโยคของตนด้วยการหมุนตัวแล้วเดินหันหลังออกไปจากห้อง...ไม่แม้แต่จะเหลียวหลังกลับมามองแม้แต่น้อย
ไปเสียแล้ว...
"ชีวอน!!! กลับมา ฉันรักนาย~ กลับมาเถอะนะ...ไม่นะ!!! อย่าทิ้งฉันไป....ฮือออ~~~"เสียงหวานร้องเรียกชื่อคนที่เพิ่งเดินออกไปซ้ำไปซ้ำมาเสียงดังราวกับคนบ้า มือเรียวยกเอื้อมไปข้างหน้า พยายามจะไขว่คว้าร่างของคนใจร้ายที่จากไปแล้วมาแต่ได้เพียงแค่อากาศเท่านั้น
จบแล้วสินะ เขาจากไปแล้ว
มือเรียวที่เคยยื่นไปไขว่คว้าอากาศข้างหน้าค่อยๆลดลง มือทั้งสองข้างยกขึ้นปิดใบหน้าหวานพร้อมกับไหล่บางที่สั่นสะท้านป็นจังหวะ คิมฮีชอลนั่งสะอื้นไห้เบาๆ
เพราะไม่มีประโยชน์ที่จะเรียกชื่อหรือยื่นมือไปข้างหน้า
เพราะมันไม่ใช่ความฝัน
เพราะนี่คือความเป็นจริงที่ปวดร้าว
เพราะชเวชีวอนจะไม่กลับมาอีกแล้ว
"คังอิน!!!!"
เสียงหวานอันแสนคุ้นเคยเรียกชื่อประธานนักเรียนเสียงดังลั่นพร้อมๆกับประตุห้องที่เปิดออกมาชนิดไม่เกรงใจใครทั้งสิ้น และมีแค่สองคนเท่านั้นที่กล้าทำแบบนี้ได้ ไม่คิมฮีชอลก็...
"จ...จ๋า...อีทึก???"ประธานนักเรียนเจ้าของฉายา'หมี'เงยหน้าจากกองเอกสารที่ตั้งเป็นตั้งเป็นกองมามองคนรักตนที่มีสีหน้าไม่สู้ดีนัก เจ้าของชื่อก้าวเข้ามาในห้องก่อนที่จะถอนหายใจเฮือกใหญ่...แบบนี้เรื่องใหญ่แน่ๆคังอินฟันธง!
"ฮีชอล..."น้ำเสียงของคนตาสวยเริ่ม ชายหนุ่มเลิกคิ้วอย่างงุนงงพร้อมกับลุกขึ้นมาหาคนรักของตน "ฮีชอลทำไม? อย่าบอกว่าไปตบกับเด็กโรงเรียนอื่นแล้วแพ้?"ร่างบางส่ายหน้าเป็นเชิงว่าไม่ใช่ก่อนที่จะเริ่มร้องไห้
"เฮ้ย! หรือว่าฮีชอลหมดตูด?"คังอินถามอีกครั้งพลางเดินไปกอดร่างบางตาสวยจากข้างหลัง คนตาสวยที่ร้องไห้ในอ้อมกอดของร่างใหญ่ส่ายหน้าอีกรอบ
"ฮีชอล...สอบตก?"
"ร้ายแรงกว่านั้น"
"โดนกิ๊กของชีวอนโทรมาขอให้เลิกกับชีวอน และถ้าไม่ทำบ้านจะบึ้ม?"
"ร้ายแรงกว่านั้น แต่เรื่องชีวอนนั่นแหละ"
"ฮีชอล...เอ่อ...ถูกชีวอนจับได้ว่านอกใจ"
"ไม่ใช่..."
อะไรวะ? แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่วะ?
คังอินคิดในใจอย่างหงุดหงิดพลางกระชับอ้อมกอดร่างบางที่ร้องไห้โฮไม่ขาดสาย ยิ่งเขาตอบผิดเท่าไหร่คนในอ้อมกอดก็ยิ่งจะเพิ่มระดับน้ำตาที่ทะลักออกมาราวกับเขื่อนแตก นี่ถ้าเขาตอบผิดจนหมดปัญญานี่คนรักเขาไม่ร้องไห้ออกมาจนเป็นน้ำตกไนแองการาหรอกหรือนี่?
หรือว่า...เอ่อ...ถ้าเขาพูดออกไปเขาจะโดนทึกกี้คนรักตบตายไหมเนี่ย?
แต่เขาก็ไม่อยากเห็นคนรักเขาร้องไห้นี่
เอาวะ! เป็นไงเป็นกันเว้ย!!!
"ชีวอน...เลิกกับฮีชอลเหรอ?"
คำตอบที่ถูกส่งผ่านมาเล่นเอาคนในอ้อมกอดหยุดร้องไห้ทันที คนถามคำถามรนหาที่ตายเมื่อครู่ถึงกับกลืนน้ำลายเอื้อก...ตายห่า กูตายห่าแน่ๆ ทึกตบหมีตายห่าแน่ๆ
ทว่าไม่มีคำตอบจากคนรัก ไม่มีปฏิกิริยาใดๆทั้งสิ้น จะมีก็เพียงแต่คนในอ้อมกอดที่จู่ๆก็หันมาประจัญหน้าแล้วยกมือขึ้นกอดตอบก่อนที่จะปล่อยโฮอีกครั้งแทนคำตอบ จากท่าทางก็รู้คำตอบแล้วหละ...ร่างใหญ่ได้แค่ยืนอึ้งกับความเป็นจริง...เลิกกันจริงๆเหรอวะ? ทั้งๆที่คบกันมาจะขึ้นปีที่10แล้ว ไม่น่าเชื่อ
"ชีวอนบอกว่า...เข้ากันไม่ได้..."
"และยังบอกกับฮันคยองอีกว่า...ฉันไม่ใช่..."เสียงของบุคคลที่สามดังขึ้นมาที่หน้าห้อง ทั้งสองร่างค่อยๆหันไปมองก็พบกับร่างบอบบางของเจ้าของเสียงในสภาพตาแดงก่ำเดินโซซัดโซซำไร้เรี่ยวแรงมาทรุดตัวนั่งลงบนโซฟา
"เขาคิดว่าฉันไม่ใช่...ฉันไม่เหมาะสำหรับเขา...ทำไมหละ? ทำไมชีวอนไม่พูดตั้งแต่อาทิตย์แรกที่เราคบกัน? ทำไมมาพูดตอนอีกสามอาทิตย์จะครบ10ปีของเราแล้ว...ทำไม...ฉันไม่เข้าใจ อีทึก...."
ประโยคคำถามที่เต็มไปด้วยน้ำเสียงปวดร้าวถูกส่งไปยังเพื่อนรักที่ผละกอดแล้วเดินมานั่งข้างๆ มือเรียวยกขึ้นลูบหลังเพื่อนรักอย่างเบามือ...สงสารฮีชอลที่โดนคนใจร้ายคนนั้นบอกเลิกไป ร่างเล็กของเพื่อนซี้ยังคงร้องไห้ซ้ำไปซ้ำมาพร้อมๆกับที่ปากเล็กพึมพำคำว่า'ทำไม'ไม่ขาดสาย
"เพราะชีวอนบอกว่าฮีชอลไม่ใช่ ไม่เข้ากับเขาเลยเข้ากันไม่ได้..."
เสียงของอาคันตุกะอีกคนหนึ่งดังขึ้นมาพร้อมกับต้นเสียงที่ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าห้อง ทั้งสามร่างนั้นหันขวับไปมอง...ฮันกยอง เพื่อนสนิทของชเวชีวอน
"ฮันกยอง นาย..."
และก่อนที่ฮีชอลจะเอื้อมมือไปหยิบทิชชู่บนโต๊ะตัวเล็กข้างๆโซฟาที่ตนนั่งมา หรือก่อนที่คังอินจะร้องลั่นแล้ววิ่งเข้าไปห้าม ปาร์คจองซูหรืออีทึกที่สั่งสมความโกรธแค้นไว้นานและเฝ้าหาที่ระบายนั้นก็เด้งตัวออกจากโซฟาอย่างรวดเร็วแล้วพุ่งไปข้างหน้าผู้มาใหม่ก่อนที่จะ...
เพี้ยะ....
ร่างสูงโปร่งของหนุ่มชาวจีนหันหน้าไปตามแรงตบ อีกสองคนอ้าปากค้างและตาโตผิดกับผู้กระทำที่ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตา ดวงตาคู่สวยนั้นเต็มไปด้วยความโกรธจัดจนตัวสั่น "ฝากไปบอกชีวอนเลยนะไอ้จีนว่า...ถ้ารักกันจริงหนะ...ถ้าชีวอนรักฮีชอลจริง...”
และก่อนที่ฮีชอลจะเอื้อมมือไปหยิบทิชชู่บนโต๊ะตัวเล็กข้างๆโซฟาที่ตนนั่งมา หรือก่อนที่คังอินจะร้องลั่นแล้ววิ่งเข้าไปห้าม ปาร์คจองซูหรืออีทึกที่สั่งสมความโกรธแค้นไว้นานและเฝ้าหาที่ระบายนั้นก็เด้งตัวออกจากโซฟาอย่างรวดเร็วแล้วพุ่งไปข้างหน้าผู้มาใหม่ก่อนที่จะ...
เพี้ยะ....
ร่างสูงโปร่งของหนุ่มชาวจีนหันหน้าไปตามแรงตบ อีกสองคนอ้าปากค้างและตาโตผิดกับผู้กระทำที่ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตา ดวงตาคู่สวยนั้นเต็มไปด้วยความโกรธจัดจนตัวสั่น "ฝากไปบอกชีวอนเลยนะไอ้จีนว่า...ถ้ารักกันจริงหนะ...ถ้าชีวอนรักฮีชอลจริง...”
“ก็ต้องพยายามเปลี่ยนตัวเองให้เข้ากันไม่ใช่เหรอ?!?!!!!"
ความเงียบโรยตัวลงเมื่อสิ้นเสียงตะโกนลั่นทั้งน้ำตาของร่างตรงหน้า ชายหนุ่มต่างแดนค่อยๆหันใบหน้ามาช้าๆ "ได้...ฉันจะไปบอกชีวอนให้ รองประธานนักเรียน"
ฮันกยองเด็กหนุ่มจากประเทศจีนเดินออกจากห้องไปแล้ว แต่บทสนทนาเมื่อชั่วโมงก่อนจนถึงวินาทีนี้ยังคงดังก้องอยู่ในหัวของร่างบางราวกับละครที่ฉายซ้ำไปซ้ำมาไม่มีวันจบไม่มีผิด
ฉันไม่เข้ากับนายตรงไหน ชีวอน?
หรือว่าฉันเพอร์เฟ็คไม่พอสำหรับนาย?
และทำไมต้องมาบอกตอนนี้ด้วยหละ? ทำไมต้องมาบอกตอนที่ฉันรักนายหมดหัวใจหละ?
ทำไมไม่บอก...ทำไมไม่บอกตอนอาทิตย์แรกที่เราคบกันหละ
ทำไมรักที่สุดทำแบบนี้?
ยิ่งคิด ภาพความทรงจำที่มีให้กันตั้งแต่วันแรกจนถึงวันสุดท้ายนั้นพรั่งพรูหลังไหลมาซ้อนทับกันไปหมดไม่ขาดสาย เสียงหัวเราะ รอยยิ้ม การกระทำระหว่างเขากับชีวอนนั้นเป็นเสมือนมีดที่ทิ่มแทงเข้าไปสร้างความเจ็บแปลบให้บนก้อนเนื้อในหน้าอกด้านซ้ายที่ยังคงเต้นตุบๆ
ไม่มีอีกแล้ว...ระหว่างเราสองคน
"ฮีชอล"
เสียงหวานของเพื่อนรักดังขึ้นมาเรียกความสนใจให้หันมาเผชิญหน้ากับความจริง เจ้าของชื่อกระตุกยิ้มที่มุมปากอย่างสมเพชตนเอง...รักเขาทำไม?
คำตอบที่มี ณ ตอนนี้คือหัวใจสั่งมา
แต่หัวใจตอนนี้ทั้งเจ็บทั้งช้ำเกิดกว่าจะเยียวยา มันแตกสลายไม่มีชิ้นดีก่ายกองอยู่บนพื้นด้วยฝีมือของคนใจร้ายหนึ่งคนที่เคยประคับประคองมันให้พองโตจนกระทั้งวันนี้ที่ชายหนุ่มคนนั้นเลือกที่จะทำลายมันด้วยน้ำมือของเขาเอง "ชีวอน...ฮึก ชีวอน"
อีทึกได้แต่ลูบหลังเพื่อนรักเบาๆอย่างที่ช่วยอะไรไม่ได้เลยแม้แต่น้อย คนข้างๆตนทั้งสะอื้นไห้ตาแดงก่ำอย่างน่ากลัว กลีบปากเล็กที่เคยฉีกยิ้มบัดนี้เอ่ยพร่ำเพ้อเรียกชื่อคนรักที่จากไปซ้ำไปซ้ำมา...มันคงเป็นไปไม่ได้ใช่ไหมถ้าอยากจะขอให้กลับมา
สุดที่รัก รัก รักที่สุด
รักเกินกว่าจะทำใจยอมรับความเป็นจริงที่เจ็บปวดนี้ได้
รักเกินกว่าจะทำใจยอมรับการจากไปของรักที่สุดได้
รักเกินกว่าจะทำใจยอมรับว่าสุดที่รักและรักที่สุดไม่มี...อีกแล้ว
"มันจบแล้วหละ"
เสียงหวานที่ในที่สุดก็เอ่ยประโยคอื่นออกมานั้นเรียกความสนใจของเพื่อนซี้และแฟนเพื่อนซี้ที่นั่งตรวจงานไปลอบมองอาการตนไปที่โต๊ะ ฮีชอลกระตุกยิ้มที่มุมปากอย่างสมเพชความรักที่พังทลายและหัวใจที่แตกสลายของตนเอง "แต่มันเริ่มแล้วหละ อีทึก..."
ใช่...มันเริ่มแล้วหละ...
ไม่ทันที่ใครคนใดคนหนึ่งระหว่างคังอินและอีทึกจะเอ่ยถาม คิมฮีชอลผู้ร่ำไห้มาเสียนานกับความรักที่อยู่คงมาเก้าปีกว่าๆแล้วพังทลายลงนั้นก็เอ่ยต่อไป "จุดจบของความรัก แต่เป็นจุดเริ่มต้นของความเจ็บปวด...มันเริ่มขึ้นแล้วหละ"
the end of love, but the beginning of pain .
ไม่ทันที่ใครคนใดคนหนึ่งระหว่างคังอินและอีทึกจะเอ่ยถาม คิมฮีชอลผู้ร่ำไห้มาเสียนานกับความรักที่อยู่คงมาเก้าปีกว่าๆแล้วพังทลายลงนั้นก็เอ่ยต่อไป "จุดจบของความรัก แต่เป็นจุดเริ่มต้นของความเจ็บปวด...มันเริ่มขึ้นแล้วหละ"
the end of love, but the beginning of pain .
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น