ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Stop Your Heart สะกดหัวใจให้นายรักฉัน!

    ลำดับตอนที่ #2 : ความฝันหรือความจริง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.18K
      3
      16 ส.ค. 52

    ตอนที่ 2 : ความฝันหรือความจริง

     

    ให้ตายเถอะ...เรตะบอกว่าฉันเป็นแฟนเขา นี่มันต้องเป็นความฝันแน่ๆไม่อยากเชื่อเลยว่าไอดอลสุดหล่อคนนั้นจะยอมให้ผู้หญิงธรรมดาๆอย่างฉันเป็นแฟน

    ซูกัส เสียงหนึ่งเรียกฉันจากที่ห่างไกลก่อนใกล้เข้ามาเรื่อยๆจนดังอยู่ข้างหู

    ยัยซูกัส!!!”  

    ห๊ะ!!!”

    ฉันสะดุ้งตื่นขึ้นมาพลางมองรอบตัวอย่างงุนงงก็พบแตงโมยืนเท้าเอวอยู่ตรงหน้า

    อ้าว...มีอะไรเหรอ?

    ยังมีหน้ามาถามอีกว่ามีอะไร แกไม่ไปเข้าแถวตอนเช้าหรือไงถึงได้มานอนน้ำลายยืดตรงสนามบาสฯแบบนี้เนี่ย!!!” คำพูดของเพื่อนรักทำให้สมองฉันเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวทั้งหมด ว่า...ฉันพบเรตะที่นี่และได้สะกดจิตขอเป็นแฟนเขา...

    แก...ฉันกับเรตะเป็นแฟนกันแล้ว!!!”

    ห๊ะ!!!” แตงโมอุทานด้วยสีหน้าเหยเกพลางตอบว่า

    ละเมออะไรของแก พร่ำเพ้ออยากเป็นแฟนเขาจัดจนต้องเก็บเอาไปฝันเลยเหรอเนี่ย!”

    ฉันไม่ได้ฝันนะ

    จะไม่ฝันได้ไง มันไม่มีทางเป็นจริงหรอกที่เขาจะคบแกเป็นแฟนน่ะ

    จริงๆนะ...ฉันเอานาฬิกาล็อคเก็ตเรือนนี้ไปสะกดจิตแล้วเขาก็ยอมเป็นแฟนฉัน!”

    ฉันยืนยันด้วยนาฬิกาล็อคเก็ตที่อยู่ในมือแต่แตงโมยังไม่เชื่ออยู่ดี

    ยัยบ้าเอ้ย...แกนี่ฝันเป็นตุเป็นตะจริงๆ พอๆ...รีบไปเข้าแถวได้แล้วเดี๋ยวอาจารย์มาพบโดนหักคะแนนความประพฤติกันพอดี

    อะไรกัน!!! นี่ฉันพูดความจริงนะเนี่ยว่าเรตะกับฉันเป็นแฟนกันแล้ว...งั้นเหรอ? หรือฉันฝันไปแบบที่มันบอกฟะเนี่ย...เริ่มลังเล

    กรี๊ดดด!!!

    อาจจะฝันก็ได้ถ้าฉันเผลอหลับไป นี่มันอะไรกันเนี่ยหลงดีใจดันกลายเป็นความฝัน

    โลกมันช่างหม่นหมองจริงๆ เช้าวันนี้รอบตัวฉันมันเป็นสีเทาดำไปหมดเลย ขณะที่กำลังยืนเข้าแถวด้วยความหดหู่ก็อดชะเง้อคอมองไปทางห้อง A ที่อยู่ไกลลิบไม่ได้ แม้แต่ออร่าจากเรตะยังไม่เห็นเลยเพราะถูกห้อง B ถึงห้อง F บังมิด นั่นสินะ...เขาอยู่สูงแบบนั้นจะมองเห็นห้อง G ที่ต่ำต้อยได้ยังไง ฉันรู้สึกเซ็งจนทำให้ฟังอาจารย์พูดบนเวทีไม่รู้เรื่องเลย ( ปกติก็ไม่ได้ฟังอยู่แล้ว =_=” )

    ครึ่งชั่วโมงผ่านไปท่ามกลางความเบื่อหน่ายของนักเรียนหลายพันคนเช่นเดียวกับฉัน ทันทีที่อาจารย์สั่งเลิกแถวแตงโมก็ทำท่าจะปรี่เข้าอาคารเรียนแต่ฉันรีบดึงมือมันเอาไว้

    อะไรของแกเนี่ย...ฉันอยากเข้าห้องเรียนใจจะขาดแล้ว!”

    รอดูเรตะก่อน

    เออ...ก็ได้!”

    แหม...เรื่องผู้ชายนี่ยอมได้ทุกอย่างเชียว =_=*

    การมองหาเรตะนั้นไม่ยากแค่เจอกลุ่มสาวๆก็พบแล้ว แต่จะเห็นหรือไม่...นั่นเป็นอีกเรื่องเพราะเขามักโดนพวกหล่อนบังจนมิด =_=”

    อ๊ะ...นั่นไง!”

    เรื่องเรดร้ามองหาผู้ชายหล่อต้องยกให้แตงโมจริงๆเพราะมันไวกว่าฉันมาก

    เป็นอย่างที่คิดมีสาวๆนับสิบกำลังรายล้อมเขาจนแทบไม่เห็นตัว TT^TT ฉันชะเง้อจนกระทั่งมองเห็นเขานิดหน่อยก็เลยรีบโบกไม้โบกมือให้

     เรตะคุง!!!”

    เจ้าตัวเหมือนจะได้ยินเสียงตะโกนของฉันเลยหันมาสบตาแต่เพียงชั่วครู่เท่านั้นก็หันกลับไปทางอื่นอย่างรวดเร็ว

    แกนี่ช่างกล้า ไปตะโกนเรียกชื่อเขาแบบนั้นเดี๋ยวก็โดนแฟนคลับรุมตบหรอก!” แตงโมเตือนด้วยความหวังดี =_=”

    ก็...คิดว่าเขาน่าจะจำฉันได้...

    จำได้อะไรกัน...เขาไม่ได้รู้จักแกสักหน่อย หรือยังเอาความฝันเมื่อสักครู่มาปะปนกับความจริงอีกเนี่ย ยัยบ๊อง!!!”

    นั่นสินะ...คงหลงเพ้อเจ้อไปเอง เฮ้อ...กลับเข้าสู่โลกความเป็นจริงได้แล้วนังซูกัสเอ้ย...เมื่อฉันปลงชีวิตเสร็จก็เดินตามแตงโมเข้าห้องเรียนไป

    วันนี้เราจะเรียนวรรณคดีญี่ปุ่นเรื่องตำนานฮิคารุ เกนจิกันนะจ้ะ อาจารย์อันนะที่เพิ่งเข้ามาเอ่ยบอกนักเรียนในห้อง ทำให้ฉันนึกขึ้นได้ว่าลืมหยิบดิกชันนารี่ภาษาญี่ปุ่นมาจากบ้าน ตายล่ะ...แล้วจะเรียนรู้เรื่องมั้ยเนี่ย อ๊ะ...แต่ไม่เป็นไรยัยแตงโมคงเอามายืมมันดูก็ได้

    แก...ขอยืมดิกชันนารี่ภาษาญี่ปุ่นด้วยนะ

    สาบานได้ว่าไม่ใช่ฉันพูด...แต่เป็นยัยเพื่อนรัก =[]=”

    ฉันกำลังจะขอยืมแกพอดีเลย

    อ้าว...แกก็ไม่ได้เอามาเหรอ?

    เออสิ!” ฉันตอบ

    งั้นแกไปยืมที่ห้องสมุดเดี๋ยวนี้เลยแล้วเอามาเผื่อฉันด้วยนะ ขืนนั่งฟังเฉยๆไม่ยอมเปิดหาคำศัพท์มีหวังโดนอาจารย์ด่าแน่ๆ

    เมื่อได้รับคำสั่งฉันก็รีบเลื้อยไหลออกจากห้องเรียนไปโดยไม่ให้ใครเห็น แต่พอคิดๆระหว่างทางทำไมฉันต้องเป็นคนไปเอาฟะ =_=*

    ห้องสมุดในช่วงสายๆมีนักเรียนค่อนข้างบางตาจนน่านอน =_=” แต่ฉันพยายามตัดใจรีบตรงดิ่งไปยังชั้นหนังสือโซนพจนานุกรมภาษาต่างประเทศทันที

    เอ๊ะ...อยู่ที่ไหนนะ?

    ฉันเลือกหาพจนานุกรมเล่มที่ต้องการอย่างรีบร้อน ทันใดนั้นเอง...

    อยู่ที่นี่เอง!” เสียงทุ้มๆนุ่มๆดังข้างใบหูแล้วมือสองข้างก็โอบกอดเอวฉันไว้จากด้านหลัง...

    ไอ้โรคจิตที่ไหนเนี่ย!!!

    กรี๊ดดดด!!!...” ฉันแหกปากจะร้องขอความช่วยเหลือจากอาจารย์บรรณารักษ์ แต่มือนั้นก็รีบเลื่อนมาปิดปากทำให้มีโอกาสรีบหันไปผลักร่างนั้นออกหมายจะต่อว่าและดูหน้ามันให้ชัดๆ...

    พลัน...ต้องชะงักเมื่อพบว่าเป็น...เรตะ!!!

    ผมตามหาคุณตั้งนาน...คิดถึงจังเลย!”

    ฉันฟังคำนั้นอย่างอึ้งๆ เดี๋ยวสิ!!! นี่มันอะไรกันเนี่ย...และขออีกรอบได้มั้ยคะ =.,=

    เอ่อ...เรตะคุง พูดกับฉันเหรอ? เกิดความไม่มั่นใจเลยถามไปด้วยความลังเล TT^TT

    ครับ

    เขายิ้มตอบ อ๊ายยย...ฝันไปแน่ๆเลย

    แล้วทำไมคุณถึง...เอ่อ...มาพูดกับฉันล่ะ ในเมื่อเราสองคนไม่ได้รู้จักกันซะหน่อย ฉันถามกลับไป

    ก็เราสองคนเป็นแฟนกัน ทำไมจะพูดคุยไม่ได้ล่ะครับ

    เอ๊ะ...คุณบอกว่าฉันเป็นแฟนคุณงั้นเหรอ?

    ใช่ครับ...เราสองคนเป็นแฟนกัน!”

    อ้ากกกก...แบบนี้เรื่องเมื่อเช้ามันก็ไม่ใช่ความฝันน่ะสิ!!! การสะกดจิตได้ผลจริงๆงั้นเหรอ! ไม่อยากจะเชื่อเลย

    ไม่จริงน่า...เป็นไปไม่ได้หรอก...ก็...เอ่อ...เมื่อเช้าคุณทำเหมือนไม่เห็นจนฉันนึกว่าฝันไป

    เอ่อ...คือ...ตอนนั้นผมโดนพวกผู้หญิงรุมล้อมจนปลีกตัวออกมาไม่ได้น่ะครับ ขอโทษจริงๆที่ทำให้คุณเข้าใจผิดไป เขาตอบฉันที่ฟังแบบเอ๋อๆเพราะยังจับต้นชนปลายไม่ถูกว่านี่กำลังฝันอีกหรือเปล่า

    เหรอ...?

    ในหัวตอนนี้มึนงงไปหมด ทำอะไรไม่ถูก...และไม่รู้จะพูดอะไร รู้สึกเขินอายจนต้องหลบนัยน์ตาคู่งามที่กำลังจ้องมองมาเพื่อลดจังหวะหัวใจที่เต้นดังจนแทบระเบิด

    น่าแปลกจังทั้งที่เราสองคนเป็นแฟนกัน แต่ทำไมผมถึงนึกไม่ออกว่าคุณชื่ออะไร...ผมช่างเป็นแฟนที่ใช้ไม่ได้เลยจริงๆ เขาเอ่ยเสียงเศร้าพลางก้มหน้าลงเล็กน้อย

    เวรกรรม...มันก็แน่ล่ะ เพราะฉันกับเขาเพิ่งได้รู้จักกันวันนี้

    เอ่อ...ฉันชื่อซูกัสนะ เรียนอยู่ห้องจี!” ฉันตอบเขา

    ชื่อแปลกดีนะครับ เขายิ้มแล้วเอ่ยต่อว่า แล้วซูกัสมีพี่น้องมั้ยครับ...ผมนึกอะไรไม่ออกเลยจริงๆ

    เอ่อ...ฉันมีน้องชายหนึ่งคน อยู่ม.ปลายปีสอง ห้องบี ชื่อ คูก้าน่ะ

    เขานิ่งเงียบไปชั่วครู่ราวกับพยายามครุ่นคิดอะไรบางอย่างแล้วจึงเอ่ยถามต่อว่า

    แล้วพวกเราคบกันมานานหรือยังครับ?

    เอ่อ...เพิ่งคบได้ไม่นาน เพราะงั้นเรตะคุงถึงยังไม่ค่อยรู้เรื่องของฉันไง!”

    แถแบบหน้าด้านสุดๆเลยตู =_=”

    ขอโทษนะครับที่ผมจำอะไรไม่ค่อยได้เลย อาจทำให้ซูกัสเสียความรู้สึกที่มีแฟนแย่ๆแบบผม

    เขากุมมือฉันแล้วทำหน้าเศร้า

    ไม่เป็นไรหรอก

    เสียความรู้สึกอะไรกัน นี่มันสุดยอดชัดๆที่ได้เป็นแฟนกับเรตะ

    เอ่อ...เดี๋ยวผมขอตัวไปเข้าห้องเรียนก่อนนะครับ ไว้เจอกัน!”

    เขายกมือฉันที่กุมขึ้นมาจูบเบาๆพลางโปรยยิ้มแล้วเดินจากไป ทิ้งให้ฉันเสียสติอยู่ที่เดิม

    อ้ากกกกกกก!!! ฉันกับเรตะเป็นแฟนกันจริงๆด้วย สุดยอดไปเลย!!!

     

    รู้สึกเหมือนกำลังเดินอยู่ในทุ่งกุลาร้องไห้ เอ้ย...ทุ่งดอกไม้ รอบข้างที่เคยหม่นหมองสีเทาดำกลับกลายมีสีสันสดใสมองอะไรเป็นสีชมพูไปหมด ทำไมถึงได้มีความสุขแบบนี้นะ...

    พลัน...นางมารก็ปรากฏตรงหน้าขณะที่ฉันกำลังจะเดินเข้าห้องเรียน

    แกหายไปไหนมาเนี่ย? แตงโมเท้าเอวถามฉันด้วยสีหน้าหงิกงอ

    ก็ไปห้องสมุดมาน่ะสิ

    เหรอ...แล้วแกไปทำอะไรที่ห้องสมุด?

    ก็ไปเอาดิกชันนารี่ภาษาญี่ปุ่นน่ะสิ...อ๊ะ...

    กรี๊ดดด...ลืมไปเลย!!! TT[]TT

    แล้วไหนดิกชันนารี่ภาษาญี่ปุ่นที่ว่านั่น ห๊ะ!!!” ยัยแตงโมทำเสียงเขียวกำลังจะกลายร่างเป็นนางมารสวมบาจา ( คล้ายๆปราด้า )

    ลืมไปเลย...อ๊ะ...เดี๋ยวฉันกลับไปเอามาให้ ฉันพูดพลางจะหันหลังวิ่งออกไป แต่ยัยเพื่อนรักก็ดึงคอเสื้อฉันเอาไว้

    อ่อกกก!!!

    ไม่ต้อง...นี่มันจะหมดคาบแล้วนะยะ และฉันก็โดนอาจารย์อันนะเฉ่งไปแล้วด้วย เฮ้อ!!!...แกนี่จริงๆเลย คงแอบไปนอนในห้องสมุดมาอีกแล้วสิท่า

    เปล่านะ...ฉันไปเอาดิกชันนารี่ภาษาญี่ปุ่นจริงๆ แต่บังเอิญเจอเรตะซะก่อนเลยคุยกันนิดหน่อย เห็นมั้ย...ฉันกับเขาเป็นแฟนกันจริงๆ ฉันยืนยันเพื่อนสาวที่ทำหน้าเหยเกขึ้นมา

    แกนี่เพ้อฝันจริงๆ...โดดเรียนไปนอนก็บอกมาเถอะฉันไม่ว่าอะไรหรอก แต่อย่ามาโกหกกันแบบนี้ฟังไม่ขึ้นเลย แตงโมตำหนิฉัน

    แง...ฉันไม่ได้โกหกซะหน่อยทำไมไม่มีใครเชื่อฉันเลยเนี่ย TT^TT ไม่ว่าฉันจะยืนยัน นั่งยัน หรือนอนยันยังไงยัยแตงโมก็ไม่เชื่อในสิ่งที่ฉันพูดอยู่ดี ก็แน่ล่ะ...ขนาดฉันเองยังแทบไม่อยากเชื่อเลย แต่มันเป็นเรื่องจริงที่ฉันไม่รู้จะพูดยังไงให้ใครๆเข้าใจได้...แย่ชะมัด

    จนกระทั่งพักเที่ยง...โรงอาหารวันนี้คลาคล่ำไปด้วยผู้คนมากมาย ฉันกับเพื่อนสาวรีบมองหาที่นั่งเพราะในมือถือชามก๋วยเตี๋ยวร้อนๆเอาไว้ ให้ตายเถอะ...ไม่มีใครใจบุญพอทานเสร็จแล้วรีบลุกเลยหรือไงนะ

    เฮ้ย...พวกแกทางนี้ๆ!!!” เสียงลูกหมีที่ดังแหวกฝูงชนราวกับเสียงสวรรค์ ฉันกับแตงโมช่วยกันมองหาจนพบมันชูไม้ชูมืออยู่ลิบๆ เลยรีบปรี่เข้าไปก่อนที่มือจะสุกซะก่อน

    โหย...คนเยอะชะมัดเลย แตงโมบ่นพึมพำพลางนั่งลงยังฝั่งตรงข้ามลูกหมี ส่วนฉันนั่งข้างมันโดยไม่มีใครนั่งตรงข้าม =_=”

    ก็พวกแกลงมาช้าเอง ลูกหมีตอบกลับมา

    ไม่ให้ช้าได้ไง มัวแต่เถียงกับยัยซูกัสอยู่น่ะสิ แตงโมหันมาแขวะฉันที่เริ่มลงมือโซ้ย =_=”

    เถียงอะไรกัน? ลูกหมีถามด้วยความสงสัย

    ก็ยัยซูกัสน่ะสิ ตั้งแต่เมื่อเช้าก็พร่ำบอกฉันตลอดเลยว่าได้คบกับเรตะแล้ว ฉันเลยเตือนว่าอย่าเอาความฝันมาปะปนกับความจริง

    อ้ออันเอ็นเอื้องอิงอี่ ( ก็มันเป็นเรื่องจริงนี่ ) ฉันเถียงขณะเคี้ยวไปด้วย

    เห็นมั้ย...ดูมันยังเพ้อฝันไม่เลิก แตงโมหันมาแยกเขี้ยวใส่

    แกนี่...อย่าไปว่าเพื่อนสิ เพ้อฝงเพ้อฝันอะไรกัน ลูกหมีหันไปตำหนิแตงโม

    อ๊ายยย...แบบนี้เท่ากับว่ามีคนเชื่อฉันแล้วสินะ

    อย่าบอกนะ...ว่าแกเชื่อยัยซูกัส!”

    เขาไม่ได้เรียกเพ้อฝัน เรียกว่า ประสาทหลอน ต่างหาก

    จบ!!! ฉันสูดเส้นก๋วยเตี๋ยวเข้าปากอย่างเซ็งๆขณะที่เพื่อนสาวสองคนหัวเราะร่วน เอาเถอะ...

    ในตอนนั้นเองเสียงผู้หญิงมากมายก็ดังกรี๊ดกร๊าดอื้ออึงขึ้นมาจนพวกเราและคนอื่นๆที่นั่งทานอาหารต้องเหลียวมองหาต้นเสียงซึ่งเกิดจากสาวๆกลุ่มหนึ่งกำลังยื้อแย่งตัวเรตะให้นั่งโต๊ะตัวเอง

    เรตะมานั่งกับฉันดีกว่า สาวห้อง C เอ่ยพลางดึงมือเขาไปทางขวา

    เรื่องอะไร เรตะอยู่ห้องฉัน...ก็ต้องนั่งกับพวกฉันสิ!” สาวห้อง A เอ่ยพลางดึงมือเขาไปทางซ้าย

    ให้เขามานั่งกับพวกเรามั้ย...ไหนๆที่นั่งก็ว่างอยู่ ฉันมองศึกสงครามย่อยๆนั้นพลางเอ่ยถามเพื่อนๆ

    แกจะบ้าเหรอ...ยังไงเขาก็ต้องนั่งกับพวกห้องต้นๆอยู่แล้วแบบทุกครั้ง!” แตงโมบอก

    นั่นสิ...ตามสถิตินะ เขานั่งกับพวกห้องเอสิบสี่ครั้ง ห้องบีเจ็ดครั้ง ห้องซีห้าครั้ง ห้องดีถึงจีไม่เคยได้แตะเลย สายข่าวแห่งโรงเรียนเอ่ยบอก นับว่าเชื่อถือได้เพราะไม่มีใครแม่นยำเท่ายัยลูกหมีอีกแล้ว =_=”

    ฉันอยากลองดูนี่...ไหนๆพวกเราก็เป็นแฟนกัน!” คำพูดฉันทำให้แตงโมกับลูกหมีส่ายหน้าน้อยๆอย่างระอา

    ตามสบายแกเถอะ...ฉันเบื่อจะเถียงด้วยแล้ว

    แตงโมคีบเส้นก๋วยเตี๋ยวเข้าปากทำเป็นไม่ใส่ใจ

    เอาเถอะ...ถ้าแกเรียกได้ฉันยอมเลี้ยงบุฟเฟต์อาหารญี่ปุ่นหัวละพันเลย!!!” ลูกหมีเอ่ยอย่างมั่นใจ ฉันเลยรีบหันไปโบกไม้โบกมือพลางตะโกนเสียงดังเรียกเขา

    เรตะคุง!!! มานั่งกับฉันเถอะ

    ทุกคนในโรงอาหารเงียบกริบพลางหันมามองฉันราวกับพร้อมใจ ก่อนที่เสียงหัวเราะจะดังขึ้น

    ฮ่าๆๆ...ดูยัยห้องจีสิ กล้าเรียกเรตะไปนั่งด้วยล่ะ

    นั่นสิ...ไม่เจียมตัวเลย สาวๆหลายคนหัวเราะร่วน

    ถ้าเธออยากทานข้าวกับผู้ชายจะติดต่อฉันก็ได้นะ เดี๋ยวสงเคราะห์ให้!!!” ผู้ชายคนหนึ่งตะโกนข้ามโต๊ะมาบอกฉันที่เริ่มรู้สึกอาย

    ให้ตายเถอะ...ฉันทำอะไรลงไปเนี่ยถ้าเรตะไม่มานั่งด้วยได้ขายขี้หน้าไปทั้งโรงเรียนแน่ๆ TT^TT ทว่า...เรตะยิ้มน้อยๆแล้วสะบัดมือพวกหล่อนพลางตรงเข้ามาหาฉันที่หน้าซีดเซียวเพราะความอับอาย

                    “Arigato...ขอบคุณครับ ขอนั่งด้วยนะที่รัก!”

    โรงอาหารเงียบกริบราวกับป่าช้า ยัยแตงโมกับลูกหมีอ้าปากค้างจนเส้นก๋วยเตี๋ยวที่เพิ่งคีบเข้าปากไหลกลับลงชาม =_=” เรตะนั่งลงยังฝั่งตรงข้ามฉันซึ่งข้างๆกับลูกหมีที่ช็อคก่อนสลบเอาหัวเกยโต๊ะ ไม่รู้ว่าตกใจเพราะไม่เคยได้เข้าใกล้เขาขนาดนี้หรือเสียใจที่ต้องเลี้ยงอาหารญี่ปุ่นฉันกันแน่ =_=”

    กรี๊ดดดด...ยัยนั่นเป็นใครกันน่ะ ทำไมเรตะถึงต้องไปนั่งด้วย!!!”

    นั่นสิ...เรตะมานั่งกับพวกฉันเถอะ สาวๆหลายคนตะโกนร้องเรียกเขาที่ไม่สนใจตักข้าวราดแกงกระหรี่เข้าปาก

    ไม่จริงน่า...เอ่อ...ทำไมเรตะถึงเรียกเธอว่าที่รักล่ะ...อย่าบอกนะว่า... แตงโมยั้งคำพูดไว้เท่านั้น

    ฉันกลืนน้ำลายอย่างยากเย็นเพราะไม่รู้จะตอบยังไง น่าแปลกจริงๆทั้งที่ตอนแรกพร่ำบอกใครๆได้แท้ๆ แต่พอถึงสถานการณ์แบบนี้กลับรู้สึกเขินจนทำอะไรไม่ถูกและเกรงสายตาสาวๆนับร้อยที่จับจ้องมองมาด้วย เรตะเหมือนจะรู้เลยหันไปยิ้มแล้วตอบว่า

    เพราะซูกัสเป็นแฟนผมไงครับ ทันทีที่เขาพูดจบเสียงกรี๊ดของสาวๆก็ดังโหยหวนไปทั่วโรงเรียนเอกชนไทย-ญี่ปุ่นมิยาชิตะ...พระเจ้า!!!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×