ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สาปจันทร์อาบทราย

    ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 4

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.42K
      21
      7 ต.ค. 59

    ตอนที่ 4

     

    หยุดบัดเดี๋ยวนี้!!!”

    แม้เป็นพระราชบัญชาขององค์ฟาโรห์ที่ใครหลายคนล้วนต้องปฏิบัติตาม ทว่า ไม่ใช่กับปภาพินท์แน่นอน เพราะสมองของหญิงสาวสั่งเพียง วิ่ง วิ่ง และ วิ่ง เท่านั้น ทำอย่างไรก็ได้เพื่อไปให้พ้นจากบุรุษทรงอำนาจซึ่งกำลังตามมากระชั้นชิด

    ต่อให้พระองค์เป็นพระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่เกรียงไกรดั่งราชสีห์บนภูผา ก็มิอาจบังคับขืนฝืนใจเธอให้เป็นไปตามพระราชประสงค์!

    เหล่าข้าราชบริพารมากมาย ทั้ง เชื้อพระวงศ์ ขุนนาง อาลักษณ์ นักบวช และ นางกำนัล ต่างตื่นตระหนกตกใจกับภาพเหตุการณ์ตรงหน้า ใครจะคิดเล่า...สตรีบอบบางร่างเล็กที่เพิ่งเข้ามาอยู่ใหม่ไม่ถึงหนึ่งวันจะก่อเรื่องก่อราวขนาดองค์ประมุขต้องทรงวิ่งไล่ตามเป็นบ้าเป็นหลัง

    ฝ่าบาท...ให้พวกกระหม่อมจัดการนางเถิดพ่ะย่ะค่ะ!” แม่ทัพอิมโฮเทปกราบทูลขณะพากองกำลังทหารจำนวนหนึ่งวิ่งรั้งท้ายเจ้าเหนือหัว ดาบสัมฤทธิ์คู่ใจถูกชักจากฝักเตรียมพร้อมไว้ในมือเรียบร้อย

    พวกเจ้าไม่มีสิทธิ์แตะต้องตัวนางแม้แต่ปลายเล็บ!!!” พระสุรเสียงกร้าวตวาดลั่น พลางสาวพระบาทไล่ตามปภาพินท์ต่อไป เหล่าผู้ติดตามชะลอฝีเท้าหยุดยืนอย่างงวยงงด้วยไม่เข้าใจเหตุผล เว้นแต่ผู้บัญชาการทัพใหญ่ซึ่งพอคาดเดาพระหทัยฟาโรห์เนเฟอร์ซาอมุนได้ไม่ยาก ว่า...เพราะเหตุใดจึงทรงหวงแหนนางเชลยผู้นี้เสียเหลือเกิน

    การขัดจังหวะของแม่ทัพอิมโฮเทปช่วยให้หญิงสาวรอดพ้นจากสายพระเนตรของฟาโรห์หนุ่มชั่วครู่ ระหว่างกำลังหันรีหันขวางหาที่หลบซ่อนท่ามกลางเสียงอึกทึกครึกโครมดังไล่หลังเข้ามาเรื่อยๆ พลัน ก็เหลือบพบอาคารเล็กๆหลังหนึ่งตั้งติดริมแม่น้ำไนล์ต้องสาป สภาพทรุดโทรมของสถานที่ซึ่งถูกปกคลุมด้วยแมกไม้นานาพันธุ์บ่งบอกถึงความไม่เอาใจใส่ได้เป็นอย่างดี แต่นั่นกลับเปรียบเสมือนแรงดึงดูดมหาศาลเรียกร้องให้เธอสาวเท้าก้าวเข้าไป

    ภายในอาคารถูกตกแต่งวิจิตรตระการตาแตกต่างจากสภาพภายนอกโดยสิ้นเชิง ผ้าแพรหลากสีสันห้อยระย้าลดหลั่นลงมาจากเพดานสูงสู่พื้นศิลาเบื้องล่างดุจวิมานบนสรวงสวรรค์ เครื่องเรือนส่วนใหญ่ทำจากไม้เนื้อดีฉาบทองคำประดับประดาหินสีและอัญมณีแพรวพราว ไม่ว่าจะพินิจพิจารณาเท่าไรก็มิอาจประเมินมูลค่าของทรัพย์สินทั้งหมดเป็นตัวเงินได้ ความประณีตบรรจงของชิ้นงานต่างๆปภาพินท์กล้าการันตีฝีมือผู้ทำว่าเก่งกาจกว่าช่างในยุคปัจจุบันหลายเท่า

    นั่นผู้ใดน่ะ? คำถามจากใครบางคนสร้างความตกใจแก่หญิงสาวจนรีบเหลียวหาที่มารอบทิศทาง ข้าถาม...ไม่ได้ยินกระนั้นหรือ? ต้นเสียงดังมาจากห้องเล็กๆด้านในสุด ความกลัวผุดขึ้นในจิตใจจนตั้งท่าจะหมุนตัวกลับ แต่แล้วจู่ๆเธอก็เลือกที่จะเดินเข้าไปเผชิญหน้าบุคคลภายในห้องมากกว่าประชันหน้ากับองค์สมมติเทพ!

    ณ ตรงนั้น มีสตรีสูงศักดิ์กำลังประทับบนพระแท่นบรรทมทองคำปูขนแกะอ่อนนุ่มด้วยท่าทางสง่างาม

    ไม่จำเป็นต้องมีผู้ใดบอกกล่าวหญิงสาวก็สามารถรับรู้ได้ด้วยสัญชาตญาณ ว่า...อีกฝ่ายคือเชื้อพระวงศ์แน่แท้ จึงมิบังควรสักนิดที่เธอละเมิดล่วงล้ำเข้ามาโดยไม่ได้ขอประทานพระอนุญาตก่อน

    อัย!!!” พระสุรเสียงหวานเอื้อนเอ่ยจากพระโอษฐ์เอิบอิ่ม พระพักตร์คมสวยซึ่งกำลังถอดสีนั้นไร้เครื่องพระสำอางแต้มแต่ง ถึงกระนั้นก็หาได้บั่นทอนพระสิริโฉมงดงาม

    ชื่อ อัยค่อนข้างสะดุดใจปภาพินท์พอสมควร แต่ไม่มีเวลาใคร่ครวญคิดมากเมื่อเสียงอึกทึกครึกโครมภายนอกอาคารใกล้เข้ามาจวนตัว...

    ปังงงงงง!!!

    บานทวารถูกผลักกระแทกผนังศิลาจนเกิดเสียงดังสนั่นลั่นพระตำหนัก ฟาโรห์เนเฟอร์ซาอมุนพรวดพราดเข้ามาพร้อมควานหาตัวนางกำนัลคนใหม่โดยไม่ใส่พระหทัยเจ้าของสถานที่

    พระพายวันนี้คงจักแรงมากเป็นแน่ จึงพัดพาฝ่าบาทมาหาหม่อมฉันถึงที่นี่ได้

    พระเนตรสีนิลสบดวงเนตรสีเปลือกไม้ของอีกฝ่ายอย่างขุ่นเคืองกับคำทักทายนั้น

    เจ้าเห็นสตรีนางหนึ่งผ่านมาทางนี้หรือไม่!”

    จักมีผู้ใดกล้าล่วงล้ำเข้ามาในพระตำหนักของหม่อมฉันเล่าเพคะ ในเมื่อฝ่าบาททรงคาดโทษจนใครๆต่างเกรงกลัวพระราชอาญา มีเพียงนางกำนัลส่วนพระองค์ของหม่อมฉันเท่านั้นที่กล้าเข้ามาปรนนิบัติรับใช้!” พระนางกราบทูลด้วยพระสุรเสียงละมุนละไมแต่แฝงไว้ด้วยคำตัดพ้อต่อว่า หากฝ่าบาทไม่ทรงเชื่อหม่อมฉัน จักทรงค้นหาด้วยพระองค์เองก็ย่อมได้เพคะ

    เจ้ากล้าท้าข้ากระนั้นหรือ!”

    หม่อมฉันมิบังอาจท้าทายองค์ประมุขแห่งอียิปต์หรอกเพคะ เพียงแต่รู้ดี ว่า...คำพูดของหม่อมฉันไม่ได้รับความไว้วางพระราชหฤทัยจากฝ่าบาทมานานมากแล้ว

    ข้าไม่ควรเสียเพลากับคนเยี่ยงเจ้าเลย!” ตรัสจบฟาโรห์หนุ่มก็หุนหันพลันแล่นออกจากพระตำหนัก โดยมิเหลียวแลผู้อยู่เบื้องหลังแต่อย่างใด

    หลังจากเหตุการณ์ต่างๆกลับคืนสู่ความสงบ...สตรีสูงศักดิ์ก็ปรบพระหัตถ์เรียกหญิงสาวให้เผยกายจากที่หลบซ่อน เธอจึงค่อยๆมุดใต้พระแท่นบรรทมออกมาหมอบถวายความเคารพด้วยความนอบน้อม

    นับเป็นพระกรุณาธิคุณเหลือเกิน...ที่ทรงประทานความช่วยเหลือแก่หม่อมฉัน!”

    ไม่เป็นไรหรอก...ว่าแต่เจ้าเป็นนางกำนัลใหม่กระนั้นหรือ?

    เพคะ...หม่อมฉันถูกพาตัวเข้ามาเมื่อคืนวานเพคะ

    เจ้ามีนามว่ากระไร?

    พิณ หรือ ปภาพินท์ ก็ได้เพคะ

    นามของเจ้าช่างประหลาดเหลือเกิน...แปลว่ากระไรหรือ?พระนางสงกายิ่งนัก

    ปภาพินท์ แปลว่า ผู้พบแสงสว่างเพคะ

    พระพักตร์งามพยักน้อยๆ ก่อนจะเอื้อมพระหัตถ์มาเชยคางหญิงสาวอย่างไม่ถือพระองค์

    หน้าตาและผิวพรรณผ่องใสไม่เหมือนชาวอียิปต์...เจ้าเป็นคนชนชาติใดกัน?

    หม่อมฉันเป็นคนไทย ดินแดนตั้งอยู่ทางบูรพาทิศห่างไกลจากประเทศอียิปต์พอสมควรเพคะปภาพินท์กราบทูล หม่อมฉันต้องขอพระราชทานอภัยโทษด้วยเพคะ ที่บังอาจล่วงล้ำเข้ามาในพระตำหนักของ เอ่อ...

    เซนเพนเร! ข้ามีนาม ว่า...เซนเพนเร เป็นพระสนมเอกของฟาโรห์เนเฟอร์ซาอมุน และ พระขนิษฐาต่างพระมารดา

    หม่อมฉันจักจำใส่ใจไว้เพคะ...พระสนมเอกเซนเพนเร

    ทั้งที่มีพระอิสริยยศเป็นถึงพระสนมเอกแท้ๆ กลับไม่ทรงถือพระองค์เยี่ยงพระสนมทียา...ช่างน่าสรรเสริญ

    ไม่จำเป็นต้องใส่ใจข้าหรอก เพราะอย่างไรเสียข้าก็ไม่มีตัวตน ณ สถานที่แห่งนี้อยู่แล้ว

    สีพระพักตร์หมองเศร้าสามารถเสียดแทงใจหญิงสาวเพียงแค่แลเห็น ประหนึ่งความทุกข์ทรมานของพระนางมีมากกว่าผู้ใดในพระราชวังแห่งนี้ร้อยเท่าพันทวี

    เหตุใดจึงตรัสเยี่ยงนั้นเล่าเพคะ?

    ข้าเพียงแต่รู้ดีในสิ่งที่ข้าเป็นอยู่เท่านั้น พระสนมเอกเซนเพนเรนำผ้าผืนบางซับน้ำพระเนตร ก่อนแย้มพระโอษฐ์ส่งให้อย่างมีพระเมตตา พระตำหนักแห่งนี้เป็นเขตหวงห้ามตามพระราชบัญชาขององค์ฟาโรห์ เจ้าจงรีบหลบลี้หนีห่างจักดีกว่า...มิเช่นนั้นอาจโดนลงพระราชอาญาได้

    พระองค์คงเป็นที่โปรดปรานมาก องค์ฟาโรห์จึงไม่มีพระราชประสงค์ให้ผู้ใดล่วงล้ำเข้ามายลพระสิริโฉมใช่ไหมเพคะ?”

    หากเป็นดั่งเจ้าว่าคงดีไม่น้อย แต่สถานที่แห่งนี้ไม่มีผู้ใดเข้ามาหลายพันปีนอกเสียจากนางกำนัลส่วนพระองค์ของข้า จงอย่าซักไซ้ไล่เลียงให้เสียเพลาเพราะข้าไม่มีความสำคัญมากพอขนาดนั้น...รีบๆออกไปเสียเถิด!” พระสุรเสียงอ่อนโยนขัดกับวาจาเสือกไส คล้ายเกรงอีกฝ่ายจะต้องพระราชอาญาโทษฐานคลุกคลีใกล้ชิดพระองค์

    หม่อมฉันมิเกรงกลัวพระราชอาญาขององค์ฟาโรห์หรอกเพคะ ปภาพินท์กราบทูลตามความสัตย์จริง หากไม่ทรงรังเกียจ...ได้โปรดประทานพระอนุญาตให้หม่อมฉันเข้ามาปรนนิบัติรับใช้พระองค์บ้างบางเพลาเพื่อสนองพระกรุณาธิคุณด้วยเถิดเพคะ บางสิ่งบางอย่างสั่งให้เธอปรารถนาที่จะกระทำเช่นนี้ อาจเพราะความว้าเหว่ซึ่งฉายผ่านพระเนตรสีเปลือกไม้ก็เป็นได้ จึงรู้สึกต้องการใกล้ชิดกับพระสนมเอกเซนเพนเรเสมือนผู้ประสบชะตากรรมเดียวกัน

    เจ้านี่ช่างพิลึกพิลั่น!” พระนางทรงแย้มสรวล เอาเถิด...ทำตามใจเจ้าปรารถนา แต่ระมัดระวังผู้อื่นจักนำความไปกราบทูลถึงพระเนตรพระกรรณองค์ฟาโรห์ด้วยเล่า!” ทรงประทานพระอนุญาตด้วยไม่อาจทัดทานความดื้อรั้นของหญิงสาว

    นับเป็นพระกรุณาธิคุณอีกครั้งเพคะ

    จริงสิ! เจ้าช่วยเปิดหน้าต่างบานนั้นให้ข้าหน่อยเถิด พระหัตถ์เรียวบางผายไปทางพระบัญชรเยื้องด้านข้าง เพลานี้อะคาเซีย ( *** ) คงออกดอกแล้วกระมัง

    ผู้น้อยรีบน้อมรับพระราชบัญชาพลางเดินไปเปิดหน้าต่างบานกว้างอย่างว่องไว เผยภาพต้นอะคาเซียสูงชะลูดออกพวงดอกสีเหลืองทองห้อยระย้าและพลิ้วไหวตามสายลมโชย

    สวยเหลือเกิน...มาทอดพระเนตรสิเพคะ แม้คำกราบทูลแลคล้ายคำสั่ง แต่พระสนมเอกเซนเพนเรก็หาได้ถือสาหาความ พระนางค่อยๆลุกจากพระแท่นบรรทมอย่างเชื่องช้า

    แกร๊งงง!!!

    เสียงโลหะกระทบพื้นศิลาดังก้อง ปภาพินท์เหลียวมองก็พบว่าข้อพระบาทของสตรีสูงศักดิ์ถูกโซ่เส้นใหญ่ตรวนไว้กับเสาต้นหนึ่ง ทรงใช้พระหัตถ์จับขอบพระบัญชรแล้วชะโงกพระพักตร์งามออกไปเชยชมพฤกษานานาพันธุ์ หญิงสาวตั้งท่าจะถามถึงสาเหตุของการพันธนาการ ทว่า ก็ต้องเปลี่ยนใจด้วยไม่ปรารถนาจะทำลายความเกษมสำราญของอีกฝ่ายให้มอดดับลง

     

    โอ้ยยย!!!”

    ความแสบของสมุนไพรส่งผลให้ปภาพินท์โอดครวญเสียงหลงลั่นห้องพัก ยาราห์แสร้งไม่ใส่ใจพลางป้ายยาเพิ่มบนแก้มขาวนวลเนียนที่บัดนี้ปรากฏรอยช้ำจ้ำเล็กๆ ซึ่งเกิดจากพระธำมรงค์ของฟาโรห์หนุ่มตอนลงพระราชอาญาเมื่อช่วงสายของวัน

    พอแล้วเจ้าค่ะ!” เธอร้องบอกผู้อาวุโสพร้อมกระถดหนีเหมือนเด็กๆ

    เด็กดื้อด้าน! ทั้งที่ข้าอุตสาห์ย้ำนักย้ำหนา แต่เจ้าก็ยังมีเรื่องมีราวกับพระสนมทียาและนางกำนัลส่วนพระองค์จนได้

    ข้าพยายามไม่ยุ่งเกี่ยวตามคำเตือนของท่านแล้ว แต่พวกคนเหล่านั้นกลับตามราวีข้าไม่หยุดหย่อนนะเจ้าคะ!” หญิงสาวรีบฟ้อง

    ความร้ายกาจของพระสนมทียาเป็นที่เลื่องลือในพระราชวังมาช้านาน เสน่ห์ยั่วยวนกับสรีระรัญจวนใจของพระนางสามารถดึงดูดบุรุษเพศให้จมดิ่งสู่ห้วงกามรมณ์เพียงแค่ชม้ายพระเนตรเท่านั้น จึงไม่น่าแปลกใจที่สตรีสูงศักดิ์ผู้นี้จะกลายเป็นที่โปรดปรานขององค์สมมติเทพกว่าสนมนางใดในฮาเร็ม เหตุนี้เอง...หัวหน้านางกำนัลจึงอดห่วงใยในความปลอดภัยของปภาพินท์ไม่ได้

    แม้หลีกหนีไม่ได้ก็ควรแสร้งนิ่งเฉยและพยายามอดทนจนถึงที่สุด แต่เจ้ากลับเหิมเกริมถึงขั้นหมิ่นพระบรมเดชานุภาพขององค์ฟาโรห์!”

    นั่นเพราะองค์ฟาโรห์ไร้ความยุติธ...

    หญิงชราแทบปิดปากเธอไว้ไม่ทัน ด้วยเกรงว่าจะมีใครผ่านมาได้ยินเข้าแล้วแจ้นเอาความไปกราบทูลองค์ประมุข

    เด็กโง่! อย่าได้กล่าวถ้อยคำนั้นอีก เจ้าหาได้ต้องคำสาปเยี่ยงพวกข้า...หากองค์ฟาโรห์ทรงมีพระราชบัญชาให้ประหารชีวิตขึ้นมาเจ้าจักสูญสิ้นทุกอย่างเป็นแน่!”

    ให้ข้ามีชีวิตเยี่ยงนี้ก็ไม่ต่างจากตายทั้งเป็นหรอกเจ้าค่ะ น้ำเสียงนั้นแผ่วเบาราวกับถูกกลืนหายไปในลำคอ ปภาพินท์พยายามสะกดกลั้นความเศร้าเสียใจแล้วบ่ายหน้ามองออกไปนอกหน้าต่างบานเล็ก

    ชีวิตของเธอในดินแดนต้องคำสาปใกล้จะผ่านพ้นไปหนึ่งวัน ซึ่งเนิ่นนานราวกับหนึ่งเดือนก็ไม่ปาน

    หากตายจริงๆก็คงดี แต่ถ้าต้องมีชีวิตอยู่บนความทุกข์ทรมานอันแสนเจ็บปวดแบบพวกข้า เจ้าจักไม่กล้าวิวาทกับผู้ใดเป็นแน่ ยาราห์กล่าว ดูสิ! ร่องรอยบนเนื้อตัวของเจ้าคุ้มค่ากับสิ่งที่แลกไปหรือไม่ หากเป็นลูกหลานข้าจักตีให้หลังลายทีเดียวเชียว!” พูดจบหล่อนก็ป้ายยาบนรอยฟกช้ำเก่าบริเวณต้นแขน

    โอ้ย!!! กลัวแล้วเจ้าค่ะ...ข้าสัญญาว่าจะพยายามอดทนให้มากที่สุดเจ้าค่ะ หญิงสาวร้องลั่นพลางโบกมืออย่างขยาด ลึกๆนั้นรู้ดี ว่า...อีกฝ่ายสอนสั่งเพราะความเป็นห่วง

    ว่าแต่เจ้าหายไปไหนมาเกือบค่อนวัน โชคดีนักที่องค์ฟาโรห์ต้องเสด็จไปยังท้องพระโรงเพื่อทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจสำคัญ มิเช่นนั้นคงไม่หยุดยั้งการตามหาตัวเจ้ามาลงพระราชอาญาเป็นแน่!”

    ข้าไปแอบที่พระ... ปภาพินท์ชะงัก เอ่อ...ข้าไปแอบแถวพงปาปิรุส ( *** ) ริมแม่น้ำไนล์ต้องสาปเจ้าค่ะเธอเลี่ยงที่จะตอบตามความจริง

    คงไม่ดีแน่ถ้าจะเล่าให้ใครๆฟัง ว่า...สถานที่หลบซ่อน คือ พระตำหนักของพระสนมเอกเซนเพนเร

    เอาเถิด...ถือว่าแล้วไปแล้วละกัน ยาราห์ไม่ติดใจอะไร ราตรีนี้จักมีงานเลี้ยงที่ท้องพระโรง เจ้าจงรีบไปช่วยคนอื่นๆตระเตรียมพระกระยาหารที่โรงครัวก่อนเย็นย่ำมากกว่านี้!”

    งานเลี้ยง!” ปภาพินท์เน้นย้ำคำสั่งนั้น งานเลี้ยงเนื่องในโอกาสใดเจ้าคะ? เธอไม่คิดว่าฟาโรห์บ้าเลือดจะมีกระจิตกระใจเฉลิมฉลองทั้งที่โดนคำสาปจองจำไว้ใต้ผืนทรายนานกว่าหลายพันปีได้ลง

    งานเลี้ยงแด่ทวยเทพ...องค์ฟาโรห์ทรงจัดขึ้นเป็นประจำหลังคืนวันเพ็ญ เผื่อจะช่วยผ่อนปรนคำสาปลงบ้าง

    อ๋อ...เจ้าค่ะ หญิงสาวพยักหน้ารับพร้อมค่อนแคะในใจ

    เหล่าทวยเทพช่างใจแข็งเสียนี่กระไร...ขนาดฟาโรห์เนเฟอร์ซาอมุนทรงจัดงานเลี้ยงฉลองมานานหลายพันปีก็ยังมิอาจคลายคำสาปให้พระราชวังอียิปต์โบราณแห่งนี้ หรือ เพราะโทษทัณฑ์มันร้ายแรงเกินกว่าจะให้อภัยกันแน่นะ?

    ควันโขมงพวยพุ่งออกไปทางช่องลมเหนือเพดานสูงที่เปิดรับอากาศถ่ายเท ขณะที่นางกำนัลหลายคนง่วนเติมฟืนใส่เตาอิฐสีส้มอมแดง โดยมีแม่ครัวคอยปรุงอาหารหลากหลายชนิดอย่างรีบเร่งแข่งกับเวลาที่กำลังเดินทางสู่ช่วงพลบค่ำ ความโอ่โถงของโรงครัวคับแคบถนัดตาเมื่อบ่าวไพร่หลายสิบคนเดินขวักไขว่วุ่นวายจนน่าปวดเศียรเวียนเกล้า บ้างก็หั่นเนื้อหั่นผัก บ้างก็อบขนมปัง บ้างก็ล้างถ้วยโถโอชาม บ้างก็ตระเตรียมภาชนะรอคอยท่าอาหารที่เพิ่งปรุงเสร็จ ยังไม่นับทหารชายหลายนายซึ่งพากันขนวัตถุดิบต่างๆนานาเข้ามาเพิ่มเติม เฉกเช่น เนื้อสัตว์ พืชผักผลไม้ แลดูสดและมีสีสันน่ารับประทานเหมาะที่จะนำขึ้นโต๊ะเสวยยิ่งนัก

    คนมาใหม่อย่างปภาพินท์จึงละล้าละลังที่จะช่วยเหลือเนื่องจากไม่เคยหยิบจับงานเหล่านี้มาก่อน การทำงานอย่างขยันขันแข็งของเหล่าชาวไอยคุปต์สั่นสะท้านจิตใต้สำนึกให้รู้สึกละอายอย่างบอกไม่ถูก เพราะความสามารถด้านงานครัวที่เคยเชี่ยวชาญยามมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกรายล้อมรอบด้าน กลับกลายเป็นไร้ค่าติดลบทันทีที่ก้าวย่างสู่โลกยุคอารยธรรมแรกเริ่ม บางครั้งบางคราวเทคโนโลยีก็ไม่มีความจำเป็นต่อการดำเนินชีวิต อีกทั้งยังสร้างความฟุ้งเฟ้อแก่มนุษย์ยุคปัจจุบันเสียด้วยซ้ำ

    หากเจ้าว่างงาน...จักมาช่วยข้าก็ได้นะ เสียงใครบางคนทำให้หญิงสาวต้องรีบหันกลับไปมองอย่างรวดเร็ว

    สตรีตรงหน้ามีผิวคล้ำกร้านแดด และ ผมค่อนข้างหยิกฟูแม้จะชโลมน้ำมันไว้แล้วก็ตาม ปภาพินท์จดจำได้แม่นยำ ว่า...อีกฝ่าย คือ นางกำนัลผู้ปฏิเสธไม่ให้เข้าร่วมกลุ่มจัดดอกไม้ที่ลานกลางแจ้งนั่นเอง

    เจ้ามีธุระใดกับข้า? เธอไม่ไว้วางใจสักเท่าไร

    ข้าแค่ชักชวนไปทำงานด้วยกัน เพราะเห็นว่าเจ้ายังไม่มีกิจใดๆต้องกระทำ หล่อนตอบพลางโปรยยิ้มอย่างเป็นมิตร

    ไม่ดีกว่า...ข้าเกรงจักสร้างภาระให้เจ้าเพิ่มขึ้น

    โธ่! อย่ากล่าวเยี่ยงนั้นเลย ข้าต้องขออภัยจริงๆที่ใช้วาจาตัดรอนและขับไสให้ออกห่าง นั่นเพราะข้าไม่พึงพอใจที่เจ้าประทุษร้ายต่อองค์ฟาโรห์เมื่อคืนวาน โดยหลงลืมว่าเจ้าไม่รู้ขนบธรรมเนียมของพวกเรา!” นางกำนัลผู้นั้นพยายามอธิบาย อีกประการหนึ่ง...ข้านึกชื่นชมในความกล้าหาญของเจ้า ไม่เคยมีผู้ใดสามารถต่อกรกับพระสนมทียาจนพระนางพลาดท่าเสียทีได้เลยสักครั้งเดียว!”

    ประเด็นหลังคงเป็นเหตุผลสำคัญกว่าเรื่องใดๆ

    ข้ามิได้กล้าหาญชาญชัยดั่งคำเจ้าหรอก เพียงแต่ข้าไม่ชอบการกดขี่ข่มเหงเสียเท่าไร ปภาพินท์ชี้แจง

    ถึงกระนั้นเจ้าก็น่าชื่นชมอยู่ดี...เพราะข้ากับคนอื่นๆต้องทนกล้ำกลืนถวายอยู่งานพระสนมทียาทั้งที่ไม่ปรารถนาบ่อยครั้ง รวมถึงน้อมรับการลิขิตชะตากรรมจากผู้ทรงอำนาจในฐานะข้าราชบริพารอย่างไม่มีหนทางหลีกเลี่ยง น้ำเสียงหล่อนหม่นหมองพอสมควร อย่างไรเสียข้าก็ต้องขออภัยอีกครั้ง ทั้งเรื่องวาจาหยาบคาย และ เรื่องเพิกเฉยขณะที่เจ้าโดนลงพระราชอาญา

    อย่ากังวลเลย...ข้าไม่ถือสาหาความเจ้าหรอก หญิงสาวเข้าใจดีเกี่ยวกับวิถีชีวิตของผู้คนในยุคอดีตที่จนแล้วจนรอดก็ต้องตกอยู่ภายใต้อำนาจผู้สูงศักดิ์

    ขอบใจเจ้ามาก นางกำนัลสาวกล่าวด้วยสีหน้ายินดีปรีดา ข้ามีนามว่า นาเซีย แล้วเจ้ามีนามว่ากระไร?

    พิณเธอตอบสั้นๆ

    พิณ...เจ้าคงยังไม่รู้เกี่ยวกับภาระหน้าที่ต่างๆมากนัก เอาเป็นว่าเพลานี้พวกเราต้องทยอยยกสำรับพระกระยาหารออกไปถวายแด่องค์ฟาโรห์กับเชื้อพระวงศ์ที่ท้องพระโรง นาเซียผายมือเล็กๆไปยังโต๊ะไม้ขนาดใหญ่ซึ่งคลาคล่ำด้วยพระกระยาหารบนภาชนะทองคำ

    เนื้อแกะรมควัน เป็ดย่าง ปลาแห้ง และ ขนมปังข้าวบาร์เลย์ ยังกรุ่นไอร้อนราวกับเพิ่งนำออกมาจากเตา ด้านข้างเป็นผลไม้จำพวก องุ่น มะเดื่อ อินทผาลัม และ พลัม ทั้งหมดนั้นถูกจัดวางท่ามกลางดอกไม้ที่ประดับประดาอย่างสวยสดงดงาม ต่างจากอาหารของเหล่านักบวชกับขุนนางซึ่งไร้การตกแต่งใดๆเพื่อไม่ให้เทียบเท่าเสมอชั้น

    งานฉลองจักเริ่มในอีกไม่ช้า!!!” ยาราห์ตะโกนเสียงดังพร้อมปรบมือเร่งเร้านางกำนัลทุกคน พวกเจ้ารีบยกสำรับต่างๆออกไปจัดวางที่ท้องพระโรงได้แล้ว...อย่ามัวพิรี้พิไร!” สิ้นคำสั่งนั้นทุกคนก็กระวีกระวาดปฏิบัติตามโดยไม่รั้งรอ ปภาพินท์รีบช่วยนางกำนัลสาวยกถาดเนื้อแกะรมควันขนาดใหญ่ ทว่า มันหนักเกินกว่าที่คาดคิดไว้มากจนต้องชักสีหน้าเหยเก

    ประเดี๋ยวข้ากับคนอื่นๆจักถือสำรับเหล่านี้เอง เจ้าไปรับผิดชอบคนโทเบาๆทางนั้นเถิด นาเซียกล่าวพลางชี้ไปยังอีกฟากของโรงครัว

    ณ ตรงนั้น...มีโถหมักเหล้าหลายขนาดตั้งเรียงรายสูงราวภูเขาเลากา นางกำนัลคนหนึ่งรับหน้าที่กรอกเมรัยรสเลิศใส่คนโทจำนวนมากเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการครั้งแล้วครั้งเล่า

    อย่าเลย หญิงสาวกระดากใจที่จะผลักไสภาระหนักหน่วงให้อีกฝ่ายง่ายๆ

    ไม่เป็นไรหรอก...เจ้าอาจไม่รู้ข้อห้ามของอาหารประเภทต่างๆ เฉกเช่นนักบวชมิอาจรับประทาน หมู ปลา กระเทียม หอม และ ถั่ว ได้ ประเดี๋ยววุ่นวายจนต้องโทษทัณฑ์อีก หล่อนเอ่ย ออ...ถือว่าให้ข้าไถ่โทษด้วยละกัน

    ก็ได้!” เธอยินยอมตกลง

    มิตรภาพเล็กๆที่เริ่มก่อเกิดเปรียบเสมือนกำลังใจสำคัญให้พยายามต่อสู้ชะตากรรมเหนือธรรมชาติ และ ทำลายความอ้างว้างอันหนาวเหน็บออกจากจิตใจทีละน้อยๆ ปภาพินท์ไม่รอช้ารีบตรงเข้าไปหยิบคนโทใบหนึ่งพลางสาวเท้าก้าวตามสหายคนใหม่อย่างว่องไว

     

    กลีบกุหลาบช่วยทำให้บ่อน้ำกรุ่นกลิ่นหอมหวลอวลอบทั่วห้องสรง บ่าวไพร่หลายคนพากันบีบนวดและขัดถูพระวรกายกำยำเพื่อสร้างความเกษมสำราญแด่ฟาโรห์เนเฟอร์ซาอมุน แต่ความสุขที่เหล่าข้าราชบริพารกำลังบำเรอให้นั้นมิอาจผ่อนปรนความเคร่งเครียดในพระหทัยสักเศษเสี้ยวเดียว ทุกครั้งที่ทรงปิดพระเนตรลงก็จะเห็นภาพของสตรีผู้มีนาม ว่า... ปภาพินท์อยู่ร่ำไป

    สีหน้าและถ้อยคำของนางตราตรึงมิเสื่อมคลาย คล้ายกำลังตอกย้ำความรู้สึกผิดเกี่ยวกับเหตุการณ์บริเวณริมสระบัว ซึ่งฉุดคร่าความทรงจำบางอย่างจากห้วงเหวแห่งอดีตกาลให้ปั่นป่วนพระอุระจนแน่นอึดอัดราวจะขาดพระหทัย ความเศร้าเสียใจเพียงหยดเดียวที่กลั่นออกจากดวงตาคู่งามของนาง สามารถกรีดแทงพระราชหฤทัยเจ็บแสบเสียยิ่งกว่าต้องคมศัสตราวุธร้ายแรงหลายร้อยหลายพันเท่า!

    บทเพลงไพเราะแว่วดังจากท้องพระโรงประหนึ่งต้องการปลุกองค์สมมติเทพให้หลุดพ้นห้วงภวังค์อันเนิ่นนาน พระองค์รีบผุดพรวดขึ้นจากน้ำโดยมีเหล่านางกำนัลคอยใช้ผ้าแห้งซับทั่วพระวรกายผึ่งผาย ขณะที่บ่าวไพร่อีกกลุ่มรีบนำฉลองพระองค์ใหม่มาสวมทับให้พร้อมพระปิลันธน์ครบถ้วน ทรงครอบพระเศียรด้วยเนเมส ( *** ) ลายคาดทองสลับดำแทนมงกุฎ ก่อนจะยาตราออกจากตรงนั้นเพื่อมุ่งตรงสู่สถานที่จัดงานทันที

    กระหม่อมคิดว่าฝ่าบาทจักไม่ไปร่วมงานฉลองเสียแล้วพ่ะย่ะค่ะ!” แม่ทัพอิมโฮเทปกราบทูลระหว่างตามเสด็จกระชั้นชิด

    เหตุใดจึงคิดเช่นนั้น?

    ฝ่าบาทไม่สำราญพระราชหฤทัยตลอดวัน และ ยังทรงงานไม่เต็มที่จนต้องยุติพระราชกรณียกิจกลางคัน ทั้งหมดนั้นเกิดจากนางเชลยคนใหม่ใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?

    เจ้าคิดว่าข้ากระทำกับนางรุนแรงเกินไปหรือไม่? ฟาโรห์หนุ่มตรัสถามแทนการตอบ พลางทอดพระเนตรพระหัตถ์หนาซึ่งยังไม่สร่างซาจากความเจ็บ

    ฝ่าบาททรงกระทำรุนแรงเกินไปพ่ะย่ะค่ะ ผู้ใต้บังคับบัญชากราบทูลตามตรง นางเป็นสตรีคนละยุคสมัยจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จักแข็งข้อต่อกร เนื่องจากไม่รู้เกี่ยวกับขนบธรรมเนียมภายในพระราชวังพ่ะย่ะค่ะ

    ไม่มีพระสุรเสียงใดเอื้อนเอ่ยจากพระโอษฐ์เรียวบาง สายพระเนตรทอดยาวออกไปไกลประหนึ่งไร้จุดมุ่งหมายทั้งที่ยังคงสาวพระบาทมุ่งสู่ท้องพระโรง แม่ทัพหนุ่มปิดปากเงียบกริบเมื่อทราบดี ว่า...ภายในพระหทัยเจ้าเหนือหัวเจ็บปวดรวดร้าวเหลือคณานับ

    เรือนร่างเปลือยเปล่าของเหล่านางระบำบิดเร้าเย้ายวนตามบทเพลง และ เสียงดนตรีที่สอดประสานเป็นท่วงทำนองสนุกสนาน ทุกการเคลื่อนไหวของพวกนางถูกบุรุษจับจ้องไม่วางตา ยิ่งซิสทรัม (  *** ) เขย่าดังกังวานผสมผสานเสียงพิณตัวใหญ่ที่บรรจงดีดอย่างละเมียดละไมด้วยฝีไม้ลายมือของนักดนตรีประจำราชสำนัก ก็ยิ่งเสริมสร้างบรรยากาศงานฉลองให้ครึกครื้นอีกเท่าทวีคูณ

    องค์ประมุขเหนือบัลลังก์ทองคำไม่ได้ใส่พระหทัยการร่ายรำของอิสตรีตรงเบื้องพระพักตร์เสียเท่าไร พระองค์ใช้ช่วงเวลานี้มีพระราชปฏิสันถารร่วมกับแม่ทัพอิมโฮเทปและสังฆราชกาคาเรถึงพระราชกรณียกิจที่คั่งค้าง ส่วนเชื้อพระวงศ์กับพระสนมบริเวณพระเก้าอี้ซึ่งลดหลั่นตามบรรดาศักดิ์ รวมถึงขุนนางอาลักษณ์พร้อมเหล่าทหารดูเหมือนจะจดจ่อการแสดงรื่นรมย์สลับกับอาหารโอชารสมากกว่าเสวนาปราศรัยเรื่องภาระหน้าที่ของตนเอง

    ภาพงานเฉลิมฉลองอันยิ่งใหญ่ คือ สิ่งเลอค่าสำหรับปภาพินท์ บรรยากาศเก่าๆแบบนี้ไม่มีวันที่ผู้คนในยุคปัจจุบันสามารถสัมผัสได้อีกแล้ว หญิงสาวพยายามเก็บเกี่ยวทุกสิ่งทุกอย่างเป็นความทรงจำ เผื่อภายภาคหน้าอาจบอกเล่าลูกหลานหรือใช้อ้างอิงงานโบราณคดีได้อย่างถูกต้องสมบูรณ์

    พิณ!!!” ยาราห์ร้องเรียกพร้อมรั้งต้นแขนเธอเอาไว้ได้ทัน ขณะกำลังจะนำคนโทเมรัยถวายกลุ่มเชื้อพระวงศ์อย่างฉิวเฉียด

    เจ้าคะ?

    เจ้าต้องนำน้ำจัณฑ์ไปถวายแด่องค์ฟาโรห์

    เอ๊ะ!!!” ปภาพินท์ร้องเสียงหลง เหตุใดข้าต้องเป็นผู้นำไปถวายแด่องค์ฟาโรห์เล่าเจ้าคะ?

    เพราะเจ้ากำลังรับผิดชอบถือคนโทส่วนพระองค์อยู่อย่างไรเล่า!”

    ทำไมไม่นึกเฉลียวใจสักนิด ว่า...คนโทใบนี้ทำจากทองคำและสลักเสลาลวดลายวิจิตรแตกต่างจากคนโทดินเผาเคลือบสีใบอื่นๆชัดเจน

    ข้าขอแลกหน้าที่นี้กับนางกำนัลคนอื่นๆได้หรือไม่เจ้าคะ?

    หัวหน้านางกำนัลฟังคำขอพลางส่ายหน้าช้าๆ

    อย่าต่อรองเลย...ตราบใดที่ยังต้องใช้ชีวิตอยู่ในพระราชวังแห่งนี้ เจ้ามิอาจหลบหนีพระองค์ไปได้ตลอดหรอก

    นี่คือข้อเท็จจริงที่ต้องยอมรับโดยดุษณี แม้อาณาจักรต้องคำสาปจะกว้างใหญ่ไพศาลแต่ก็ยังตกอยู่ภายใต้อำนาจการปกครองของฟาโรห์เนเฟอร์ซาอมุน ผู้เป็นดั่งเจ้าชีวิตและจิตวิญญาณของเหล่าข้าราชบริพารนับพันนับหมื่นคน ฉะนั้นหนทางหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าบุรุษทรงอำนาจจึงแทบไม่มี หญิงสาวทอดถอนหายใจพลางกอดคนโทส่วนพระองค์ไว้แนบลำตัว ก่อนจะค่อยๆหมอบคลานเข้าไปยังที่ประทับขององค์สมมติเทพด้วยความประหวั่นพรั่นพรึง

    สายพระเนตรเบนเบี่ยงความสนใจจากผู้สนทนามายังนางกำนัลคนใหม่ซึ่งบัดนี้กำลังหมอบถวายอยู่งานข้างพระบาท สองมือประคับประคองคนโททองคำเอาไว้มั่นคงพร้อมยกขึ้นทูลเกล้าฯถวาย

    นะ...น้ำจัณฑ์เพคะ เธอกราบทูลด้วยน้ำเสียงสั่นๆ

    ครั้นปรารถนากลับตามหาตัวยากประหนึ่งเพชรในผืนทราย ครั้นไม่ขวนขวายกลับพบตัวง่ายดายเยี่ยงภุมรินหยอกล้อบุปผา

    มุมพระโอษฐ์ยกขึ้นเล็กน้อยพลางยื่นแก้วหินอลาบาสเตอร์ ( *** ) สีขาวนวลเนียนไปตรงหน้าปภาพินท์ที่ร้อนรนรินเมรัยรสเลิศอย่างประหม่า พลัน ปากคนโทก็กระทบเข้ากับแก้วเกิดเสียงดังกังวาน น้ำจัณฑ์หกกระฉอกออกมารดพระหัตถ์หนาจนเปียกชุ่มท่ามกลางความตกใจของพวกขุนนางข้างพระวรกาย

    บังอาจยิ่งนัก...เหตุใดเจ้าจึงเลินเล่อเยี่ยงนี้!” สังฆราชกาคาเรตวาดลั่นพลางลุกพรวดชี้หน้าหญิงสาว

    บรรยากาศรื่นเริงภายในท้องพระโรงหยุดชะงักดั่งกาลเวลาสูญสลาย ทุกสายตาจับจ้องมองปภาพินท์ซึ่งกำลังหมอบสะท้านข้างบัลลังก์อย่างเกรงกลัว

    ฝ่าบาท...ได้โปรดพระราชทานอภัยโทษแก่นางด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ!” แม่ทัพอิมโฮเทปรีบกราบทูลองค์ประมุขทันควัน

    แม่ทัพอิมโฮเทป! ท่านจักร้องขอพระเมตตาแก่นางกำนัลต่ำๆเพื่อกระไร? นักบวชสูงสุดไม่พอใจกับการกระทำของอีกฝ่าย

    สังฆราชกาคาเร! ท่านคงหลงลืมไปแล้วกระมัง ว่า...นางเพิ่งเข้ามาอยู่ใหม่ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จักทำเรื่องผิดพลาด

    พอเถิด!” ฟาโรห์หนุ่มยกพระหัตถ์ปรามสองฝ่าย ข้าไม่ถือสาหาความ พระราชดำรัสนั้นสร้างความประหลาดใจแก่ทุกคนยิ่งนัก แต่ก็ไม่มีผู้ใดอาจหาญเจรจาว่าความต่อเฉกเช่นสังฆราชกาคาเรที่ทรุดกายนั่งลงตามเดิม โดยมีแม่ทัพหนุ่มเหยียดยิ้มเย้ยหยันอย่างมีชัย

    เริ่มงานเลี้ยงต่อไปเถิด!” สิ้นพระราชกระแสรับสั่งเครื่องดนตรีก็โหมบรรเลงเพลงไพเราะอีกครั้ง

    ความสนุกสนานรื่นเริงหวนคืนกลับสู่ท้องพระโรงเสมือนไม่มีเหตุการณ์ใดๆเกิดขึ้น องค์สมมติเทพเสวยน้ำจัณฑ์ด้วยพระพักตร์เรียบเฉยไม่ใส่พระหทัยความผิดพลาดของหญิงสาวซึ่งกำลังงุนงงปนสงสัย แต่กระนั้นเธอก็นึกขอบคุณแม่ทัพอิมโฮเทปอยู่ในใจที่ทำให้รอดพ้นพระราชอาญา แล้วทำท่าจะขยับถอยห่างหลังปฏิบัติหน้าที่ของตนเสร็จเรียบร้อย

    ข้าสั่งให้เจ้าไปเมื่อใด? พระสุรเสียงทุ้มตรัสถาม

    เอ่อ...หม่อมฉันเห็นว่าหน้าที่เสร็จสิ้นแล้วเพคะ

    เจ้ามีหน้าที่รับผิดชอบดูแลคนโทของข้า ฉะนั้นจงคอยรินเหล้าอย่าให้ขาด!”

    เพคะ!” ปภาพินท์น้อมรับพระราชบัญชา

    อยู่เคียงข้างข้า อย่าหนีหายไปที่ใดอีกแลตรัสคล้ายคำร้องขอมากกว่าคำสั่ง เช็ดมือข้าให้แห้งทีเถิด

    ฝ่ามือบางรองรับพระหัตถ์ฟาโรห์เนเฟอร์ซาอมุน ใช้ผ้าผืนเล็กซับหยาดเมรัยอย่างละเมียดละไมทั้งที่หัวใจเต้นระส่ำลั่นอก ความหวาดกลัวบุรุษทรงอำนาจค่อยๆจางหายราวกับถูกชะล้างด้วยบางสิ่งบางอย่างซึ่งหาสาเหตุไม่ได้ สายพระเนตรที่ทอดมองมาอบอุ่นและอ่อนโยนกว่าทุกครั้ง แต่หญิงสาวกลับรู้สึกเหมือนเคยพบเห็นเมื่อนานมาแล้ว...

    ผ่านพ้นกว่าค่อนคืนโดยที่งานเลี้ยงยังคงไม่เลิกรา และ มีทีท่าจะยืดยาวกระทั่งรุ่งสาง อากัปกิริยาเมามายของผู้คนในท้องพระโรงชวนนึกขัน เพราะไม่ว่ากี่ยุคกี่สมัยน้ำเมาก็ยังแปรเปลี่ยนอุปนิสัยผู้เสพได้อย่างเสมอต้นเสมอปลาย การร่ายรำของเหล่านางระบำพลิ้วไหวไปกับบทเพลงและดนตรีที่แว่วหวานเสนาะหู แต่แล้วจู่ๆความเพลิดเพลินของปภาพินท์ก็ต้องหยุดชะงัก

    ใครบางคนกำลังจดจ้องเธอ

    บริเวณพระเก้าอี้เยื้องบัลลังก์ทอง คือ ที่ประทับของบรรดาพระสนม พระพักตร์คมคายแต้มแต่งเครื่องพระสำอางฉูดฉาด ฉลองพระองค์เบาบางนานาสีสันเผยพระวรกายสะโอดสะองน่ารัญจวนใจจนบุรุษทุกชนชั้นต้องลอบมองบ่อยครั้ง และ นารีหนึ่งเดียวที่โดดเด่นเหนือสนมนางใดในฮาเร็ม คือ พระสนมทียา ซึ่งไว้ท่วงท่าดุจดั่งนางพญาข่มความงามของสตรีสูงศักดิ์ทุกพระองค์ด้อยค่าลงไป สายพระเนตรขุ่นเคืองของพระนางสามารถบ่งบอกความพิโรธโกรธาชัดเจน ว่า...ไม่พอพระทัยเรื่องการถวายอยู่งานใกล้ชิดองค์ประมุขตลอดเวลา

    โชคช่วยพอดิบพอดีเมื่อน้ำจัณฑ์พร่องคนโทจากการรินถวายหลายครั้ง หญิงสาวรีบฉวยเอาโอกาสนี้กราบทูลฟาโรห์เนเฟอร์ซาอมุนซึ่งกำลังมีพระราชปฏิสันถารร่วมกับขุนนางคนอื่นๆ

    ฝ่าบาท...หม่อมฉันขอพระราชทานพระอนุญาตไปเติมน้ำจัณฑ์ได้หรือไม่เพคะ?

    รีบไปรีบมา!” สิ้นพระสุรเสียงเธอก็รีบรุดออกจากตรงนั้นทันที

     

    ยามราตรีที่ไร้ศศิธรและดวงดาราช่างน่าหมองเศร้าเสียเหลือเกิน พฤกษชาติสวยสดนานาพันธุ์ในอุทยานหลวงกลับกลายเป็นน่าสะพรึงกลัว แมกไม้แผ่กิ่งก้านสูงทะมึนต้องแรงลมไหวโอนเอนเหมือนเงาอสุรกายร่างยักษ์กำลังเคลื่อนกายหลอกหลอนผู้พบเห็น หากสองข้างทางไม่ได้ขนาบด้วยคบเพลิงสว่างไสวปภาพินท์คงเลือกที่จะเดินย้อนกลับไปนั่งข้างฟาโรห์เนเฟอร์ซาอมุนแน่นอน เสียงหัวเราะครื้นเครงเคล้าเสียงดนตรีดังแว่วจากท้องพระโรงเป็นช่วงๆ ความสนุกสนานสำราญใจเหล่านั้นทำให้หญิงสาวใคร่ครวญถึงพระสนมเอกเซนเพนเรผู้ถูกจองจำขึ้นมา

    แค่โดนกักขังในพระราชวังเพียงวันสองวันก็รู้สึกย่ำแย่เกินทน แต่พระนางถูกจองจำในพระตำหนักริมแม่น้ำไนล์ต้องสาปนานหลายพันปีจะขมขื่นกว่าเท่าใด? เธอเชื่อว่าพระสนมเอกเซนเพนเรไม่ได้เลวร้ายเสียทีเดียวแม้ยังไม่ล่วงรู้ถึงสาเหตุของโทษทัณฑ์ก็ตาม

    ตราบใดที่งานเลี้ยงไม่เลิกรา...โรงครัวก็ไม่หลับใหลเช่นกัน

    เตาไฟยังคงถูกสุมด้วยท่อนฟืนครั้งแล้วครั้งเล่าโดยมีแม่ครัวปรุงอาหารอย่างขะมักเขม้น กลิ่นหอมหวลชวนหิวเรียกน้ำย่อยในกระเพาะร้องดังโครกคราก ระหว่างที่นางกำนัลกลุ่มหนึ่งกำลังลำเลียงอาหารมากมายออกไป นางกำนัลอีกกลุ่มก็นั่งพักรับประทานอาหารตรงมุมหนึ่งหลังเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวันทั้งคืน

    พิณ...มากินข้าวกินปลากันเถิด!” นาเซียกวักมือเรียกชวนเข้าร่วมกลุ่ม

    ข้าขอกินหลังงานเลี้ยงเลิกจักดีกว่า องค์ฟาโรห์มีพระราชบัญชาให้ข้ารีบเติมน้ำจัณฑ์แล้วรีบกลับไปหญิงสาวชูคนโททองคำเป็นเครื่องยืนยัน

    ถ้าเช่นนั้นข้าจักเก็บอาหารส่วนของเจ้าไว้ให้ละกัน

    ขอบใจ

    เมื่อเมรัยรสเลิศเติมคนโทส่วนพระองค์จนเต็ม ปภาพินท์ก็ประคองกอดมันไว้ด้วยสองมือพร้อมเร่งฝีเท้าก้าวออกจากโรงครัวอย่างรวดเร็ว เธอเสียเวลาระหว่างมานานโขจึงต้องรีบกลับไปยังท้องพระโรงเพราะเกรงว่าจะโดนองค์ประมุขคาดโทษทัณฑ์ ทว่า ทางเดินศิลาที่เคยโล่งโจ้งกลับปรากฎเงาตะคุ่มๆของใครบางคนตรงหลังเสาต้นใหญ่ คบเพลิงสว่างไสวพอช่วยให้เห็นหน้าค่าตาอีกฝ่ายชัดเจน

    นางเชลย...เจ้าช่างเฉลียวฉลาดจริงๆ!” พระสนมทียาสาวพระบาทออกจากที่หลบซ่อนพร้อมเหล่านางกำนัลส่วนพระองค์ เพียงครู่เดียวหญิงสาวก็ตกอยู่ท่ามกลางวงล้อมเสียแล้ว

    หม่อมฉันไม่เข้าใจเพคะ เธอกราบทูลขณะหมอบถวายความเคารพ

    เจ้าแสร้งบีบน้ำตาเรียกร้องความสนพระหทัยจากองค์ฟาโรห์!”

    หม่อมฉันมิได้กระทำเยี่ยงนั้นเพคะ

    ข้าเห็นด้วยสองตาตนเอง เจ้ายังกล้าปฏิเสธอีกกระนั้นหรือ!” พระนางตะคอกลั่น

    ด้วยแรงริษยาเพียงตัวเดียวสามารถเปลี่ยนพระสิริโฉมงดงามของสตรีสูงศักดิ์ให้แปรเปลี่ยนเป็นน่าเกลียดอย่างไม่น่าเชื่อ

    ไม่ว่าพระองค์จะทรงดำริเยี่ยงใด หม่อมฉันก็ยังขอยืนยันคำเดิม ว่า...ไม่เคยเรียกร้องความสนพระหทัยจากองค์ฟาโรห์เพคะ

    นางเชลยชั้นต่ำริอ่านตีตนเสมอข้า เจ้ากำลังกล่าวหาว่าข้าใส่ความใช่หรือไม่!”

    หม่อมฉันไม่เคยคิดใส่ความหรือตีตนเสมอชั้น เยี่ยงพระองค์ที่กล้าเพ็ดทูลความเท็จต่อเบื้องพระพักตร์องค์ฟาโรห์หรอกเพคะ!” คำปรามาสมากมายไม่อาจทำให้ปภาพินท์ข่มความโกรธได้อีกต่อไป

    กรี๊ดดดดดดเจ้ากล้าด่าข้ากระนั้นหรือ!”

    พลัวะ!!!

    ร่างบอบบางของหญิงสาวหงายกระแทกพื้นศิลาตามแรงผลัก ชุดขาวสะอาดถูกย้อมด้วยเหล้าสีเข้มที่กระฉอกออกจากคนโทส่วนพระองค์ซึ่งกลิ้งหลุนๆไปหยุดตรงพระบาทฟาโรห์เนเฟอร์ซาอมุน

    เหตุใดพวกเจ้าจึงวิวาทกันเยี่ยงนี้!!!” ตรัสถามด้วยพระสุรเสียงทุ้มต่ำ แต่แววพระเนตรนั้นบ่งชัดว่าต้องการคำตอบที่น่าพึงพอพระหทัย พระสนมคนโปรดรีบฉวยโอกาสกอดพระพาหาสวามี

    ฝ่าบาท...นางเชลยผู้นี้โอหังอวดดีเหลือเกิน หม่อมฉันจึงสั่งสอนให้รู้สำนึกเพคะ เป็นอีกครั้งที่พระสนมทียาผลักไสความผิดแก่ผู้อื่น

    อย่างไรเสียองค์สมมติเทพก็คงเลือกชายามากกว่าข้าราชบริพาร ปภาพินท์ก้มหน้ารับชะตากรรมอันไม่ได้ก่อ ไม่กล้าแม้แต่จะกราบทูลโต้แย้งหรือกระทำการใด นั่นทำให้เธอไม่เห็นสายพระเนตรเปี่ยมพระเมตตาจากบุรุษทรงอำนาจที่กำลังส่งให้

    ถ้อยคำของแม่ทัพอิมโฮเทปยังสะท้อนกึกก้องข้างสองพระกรรณ นางเป็นสตรีคนละยุคสมัยจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จักแข็งข้อต่อกร เนื่องจากไม่รู้เกี่ยวกับขนบธรรมเนียมภายในพระราชวังพ่ะย่ะค่ะความสงสารผุดขึ้นกลางพระราชหฤทัยและหลอมละลายผลึกโทสะแทบหมดสิ้น พระเนตรสีนิลจับจ้องสภาพสกปรกมอมแมมบนเนื้อตัวหญิงสาว...ช่างแตกต่างจากเมื่อสักครู่โดยสิ้นเชิง

    เจ้าไม่มีสิทธิ์สั่งสอนคนของข้า...ทียา!”

    เอ๊ะ...ฝ่าบาทหมายความว่าเยี่ยงไรเพคะ? พระสนมทียากราบทูลถามองค์ประมุขแทนหญิงสาวที่ตกตะลึงกับพระราชดำรัสนั้นเช่นกัน

    นับแต่นี้ต่อไป...นางคือนางกำนัลส่วนพระองค์ของข้า

    ฝ่าบาท!!!” สตรีสูงศักดิ์เขย่าพระพาหาฟาโรห์หนุ่ม หม่อมฉันไม่ยอมนะเพคะ!” คำทัดทานไม่เป็นผลเมื่ออีกฝ่ายปลดพระหัตถ์บางออก แล้วตรงเข้าประคองร่างเล็กๆขึ้นจากพื้นศิลาท่ามกลางความตกตะลึงของผู้คนมากมายที่ทยอยเข้ามามุงดู ยังไม่ทันเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์นางกำนัลส่วนพระองค์คนใหม่ก็ถูกพาตัวออกไปเสียแล้ว

    ฝ่าบาท...จักพาหม่อมฉันไปที่ใดเพคะ?

    จู่ๆบุคคลน่าเกรงกลัวที่สุดก็แปรเปลี่ยนเป็นเทพบุตรขี่ม้าขาวมาช่วยเหลือเธอออกจากวงล้อมของผู้ไม่หวังดี ฟาโรห์เนเฟอร์ซาอมุนไม่เอื้อนเอ่ยตอบคำถาม ก่อนดันร่างปภาพินท์ส่งให้หัวหน้านางกำนัลซึ่งยืนคอยท่าอยู่หน้าท้องพระโรง

    ยาราห์...นับแต่นี้เป็นต้นไปนางจักเป็นนางกำนัลส่วนพระองค์ของข้า เจ้าจงสอนสั่งนางให้เรียนรู้เกี่ยวกับหน้าที่อันควรพึงกระทำ และ พานางมาหาข้าที่ห้องบรรทมในตอนรุ่งสาง!”

    เพคะหญิงชราน้อมรับพระราชบัญชาพร้อมถวายความเคารพแด่เจ้าเหนือหัวที่รีบเสด็จกลับเข้าไปในท้องพระโรงอีกครั้ง เจ้าช่างโชคดีจริงๆ หล่อนหันมากล่าวกับปภาพินท์ที่ยังงวยงงสงสัยไม่สร่างซา

    เหตุใดองค์ฟาโรห์จึงแต่งตั้งข้าเป็นนางกำนัลส่วนพระองค์เล่าเจ้าค่ะ เธอถามผู้อาวุโสซึ่งหยิบยื่นรอยยิ้มหวานให้ ณ ขณะนี้

    เจ้าควรดีใจที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากองค์ฟาโรห์ เพราะการเป็นนางกำนัลส่วนพระองค์จักทำให้เจ้ารอดพ้นจากเภทภัยต่างๆภายในพระราชวัง

    ท่านหมายความ ว่า...พระองค์มีพระเมตตาช่วยข้าจาก...

    ใช่ หัวหน้านางกำนัลพยักหน้าโดยไม่รอให้หญิงสาวเอ่ยพระนามสตรีสูงศักดิ์ ฉะนั้นเจ้าจำเป็นต้องปรนนิบัติรับใช้องค์ฟาโรห์ให้สมกับพระเมตตาในฐานะนางกำนัลส่วนพระองค์เพียงหนึ่งเดียว

    เพียงหนึ่งเดียว!” ปภาพินท์ทวนคำนั้น หมายความว่าเยี่ยงไรเจ้าคะ?

    พระองค์มิโปรดปรานการพะเน้าพะนอของอิสตรีจึงไม่ประสงค์แต่งตั้งนางกำนัลส่วนพระองค์ เนื่องจากสตรีผู้มีหน้าที่นี้จักต้องติดตามรับใช้เคียงข้างพระวรกาย มีแค่แม่ทัพอิมโฮเทปกับองครักษ์...เอ่อ...คนเก่าแก่เพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถถวายอยู่งานใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาทได้ ยาราห์อธิบาย

    ตำแหน่งสูงส่งที่ฟาโรห์เนเฟอร์ซาอมุนพระราชทานให้นั้นสร้างความหนักอกหนักใจแก่ผู้โชคดีเหลือคณานับ แค่ถวายอยู่งานชั่วครู่ก็รู้สึกกระอักกระอ่วนแทบแย่ หากต้องคอยติดสอยห้อยตามทุกยามมีหวังเธออกแตกตายแน่แท้!

     

    *** อะคาเซีย = ต้นไม้ใหญ่ออกดอกสีเหลือง สามารถนำไม้มาทำเฟอร์นิเจอร์ได้

    *** ปาปิรุส = ต้นกกชนิดหนึ่งที่ขึ้นเป็นจำนวนมากตามริมแม่น้ำไนล์ของประเทศอียิปต์ ชาวอียิปต์โบราณนิยมนำเอาต้นปาปิรุสมาทำเป็นกระดาษ เนื่องจากมีความยืดหยุ่นและคงทนต่อสภาพอากาศค่อนข้างสูง
    *** เนเมส = ผ้าโพกศีรษะลายทาง คาดทับบริเวณหน้าผาก แล้วห้อยชายขนาบหน้าบริเวณใบหูโดยมัดปลายด้านหลังเอาไว้

    *** ซิสทรัม = เครื่องดนตรีประเภทเคาะ มีด้ามไว้จับ ด้านบนมีห่วงกับแผ่นโลหะสามถึงสี่อัน ใช้เขย่าเร่งจังหวะเพลงเร็วและใช้ในการสวดสรรเสริญเทพเจ้า

    *** อลาบาสเตอร์ = หินแร่กลุ่มยิปซัมและแคลไซต์ มีสีขาวนวล สามารถแกะสลักทำรูปปั้นหรือข้าวของเครื่องใช้ได้

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×