ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สาปจันทร์อาบทราย

    ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่ 5

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.39K
      21
      6 พ.ย. 61

    ตอนที่ 5

     

    หากไม่ได้พินิจด้วยสายตา...หลายคนคงหลงงงงวยว่าบริเวณท่าน้ำขนาดใหญ่แปรสภาพเป็นวนอุทยานแห่งสรวงสวรรค์ซึ่งรายล้อมรอบด้วยบุปผชาตินานาพันธุ์ เมื่อน้ำมันหอมดอกไม้ที่ยาราห์กำลังลูบไล้บนผิวกายปภาพินท์ช่างจรุงใจเสียเต็มประดา เธอซุกปลายจมูกดมดอมท่อนแขนตนเองเหมือนเด็กน้อยขี้สงสัย เพราะการสัมผัสกลิ่นหอมแบบนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับโลกยุคโลกาภิวัตน์ที่มีเพียงน้ำหอมเคมีดาษดื่นเกลื่อนท้องตลาด แต่แล้วก็ต้องรีบโบกไม้โบกมือจ้าละหวั่นหลังพบอีกฝ่ายทำท่าจะปะพรมซ้ำอีกรอบ

    พอเถิด...ข้าปวดเศียรเวียนเกล้าไปหมดแล้วเจ้าค่ะ

    ไม่ได้! หากไม่ทำซ้ำกลิ่นกายของเจ้าจักหอมตลอดวันได้เยี่ยงไร ผู้อาวุโสไม่ใส่ใจคำร้องขอพร้อมเริ่มลูบไล้น้ำมันหอมบนเนื้อตัวอีกครั้ง หญิงสาวจำยอมนั่งนิ่งๆเป็นตุ๊กตาทั้งที่รู้สึกง่วงเต็มทน

    กว่าจะเก็บกวาดเช็ดถูท้องพระโรงและล้างโถโอชามกองพะเนินเทินทึกในโรงครัวเสร็จสิ้นฟ้าก็เกือบสว่าง ครั้นล้มตัวลงนอนประเดี๋ยวประด๋าวนภาก็อาบแสงวันใหม่จนได้ แม้อยากหลับใหลสักเพียงใดก็ไม่อาจทนแรงฉุกกระชากของหัวหน้านางกำนัล ซึ่งพยายามลากตัวไปชำระล้างร่างกายบริเวณท่าน้ำเพื่อเตรียมตัวเข้าเฝ้าฟาโรห์เนเฟอร์ซาอมุน ณ ห้องพระบรรทม

    เอ้า...ยิ้มแย้มแจ่มใสเสียบ้างเถิด องค์ฟาโรห์มีพระเมตตาถึงเพียงนี้ เจ้าจักทำสีหน้าบึ้งตึงไปไยเล่า?ยาราห์ตำหนิ พลางใช้หวีไม้สางผมยาวสลวยให้เธอ

    ยิ่งท่านเน้นย้ำถึงพระเมตตา ข้ายิ่งรู้สึกเหมือนกำลังจักถูกส่งตัวไปเป็นนางบำเรอมากกว่านางกำนัลส่วนพระองค์นะเจ้าคะ

    ไม่ทันขาดคำหญิงชราก็ฟาดเพี้ยะตรงต้นแขนเขียวช้ำ เป็นการปรามปภาพินท์ที่สะดุ้งสุดตัวจนต้องยกมือลูบปอยๆเพราะความเจ็บ

    เจ้านี่ช่างปากคอเราะร้ายเหลือเกิน อย่าเพิ่งคิดเรื่องอื่นๆให้เป็นกังวล และ จงกระทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายเพียงเท่านั้นพอ

    เจ้าค่ะ เธอตอบเสียงอ่อย แล้วหน้าที่ของข้าต้องทำเยี่ยงไรบ้างเจ้าคะ?

    หน้าที่ของเจ้า คือ การถวายอยู่งานเคียงข้างพระวรกายองค์ฟาโรห์ โดยห้ามอิดออดหรือเบนเบี่ยงพระราชประสงค์เป็นอันขาด มิเช่นนั้นอาจโดนลงพระราชอาญาได้!”

    คำก็พระราชอาญา สองคำก็พระราชอาญา

    ปภาพินท์หวาดกลัวขึ้นมา ว่า...จะอดทนก้มหัวให้คนอื่นๆโขกสับนานสักแค่ไหน แม้ยินยอมนอบน้อมผู้หลักผู้ใหญ่ในฐานะผู้ใต้บังคับบัญชาบ่อยครั้ง ถึงกระนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ลุกขึ้นสู้เพื่อปกป้องตัวเองบ้างเลย

    ข้าจักจดจำใส่ใจเจ้าค่ะ

    ดีมาก!” หญิงชราแย้มยิ้มพร้อมเก็บหวีไม้ลงในหีบใบเล็ก รีบไปเข้าเฝ้าองค์ฟาโรห์กันได้แล้ว

    ทางเดินศิลาขัดมันทอดยาวจากอีกฟากหนึ่งของท้องพระโรงสู่เขตพระราชฐานชั้นในซึ่งอยู่ลึกเข้าไปเพื่อความปลอดภัยขององค์ประมุขแห่งอาณาจักรและเหล่าเชื้อพระวงศ์ ห้องหับต่างๆถูกแบ่งออกเป็นสัดส่วนและแวดล้อมด้วยเหล่าทหารอารักขาทุกหน้าบานประตู ท่วงท่าขึงขังของพวกเขาบ่งบอกถึงความสำคัญเจ้าของห้องแต่ละห้องได้ดีทีเดียว

    กำแพงหินหนาช่วยรักษาอุณหภูมิภายในเขตพระราชฐานให้เย็นสบายกว่าภายนอก ทว่า ก็จำเป็นต้องจุดคบเพลิงตลอดสองฝั่งทางเดินเพื่อขับไล่ความมืดที่กลืนกินทั่วอาณาบริเวณ แสงไฟสาดลอดแนวเสากลมทรงดอกบัว ( *** ) ต้นใหญ่เป็นเปลวริ้วลายสวยงามบนพื้น และ กระทบผนังหินทรายจนเรืองรองดั่งทองทา มันฉายเรื่องราวต่างๆจากอดีตสู่ปัจจุบันผ่านอักขระเฮียโรกลิฟฟิกละลานตาประทับคาร์ทูช ( *** ) สัญลักษณ์แห่งพระนามฟาโรห์หลายพระองค์ น่าเสียดายที่เธอไม่สามารถหยุดแปลอักษรภาพเหล่านั้นได้ เนื่องจากต้องรีบเดินตามยาราห์กระชั้นชิดด้วยเกรงจะพลัดหลงในพระราชวังวงกตเสียก่อน

    ดวงตากลมโตของหญิงสาวกวาดมองรอบทิศทาง หลายสิ่งหลายอย่างแลคลับคล้ายคลับคลาประหนึ่งภาพเก่าติดค้างห้วงความจำทั้งที่เพิ่งเหยียบย่างเข้ามายังเขตพระราชฐานชั้นในสุดเป็นครั้งแรก ความอึดอัดเสียดแทงอกทุกก้าวย่างที่เดินลึกเข้าไปเรื่อยๆ ราวกับมีพลังอำนาจลึกลับพยายามฉุดคร่าบางสิ่งบางอย่างให้หลุดพ้นจากก้นบึ้งจิตใจที่ปิดตายมาเนิ่นนาน

    ทหารองครักษ์รูปร่างกำยำล่ำสันสองนายยืนเฝ้าอารักขาหน้าห้องพระบรรทม ปลายหอกสัมฤทธิ์แหลมคมในมือหยาบกร้านมีสีขุ่นหมองเหมือนผ่านการใช้งานมาก่อน ปภาพินท์ขยับกายหลบหลังหัวหน้านางกำนัลเมื่อรู้สึกไม่ดีเอาเสียเลยกับสายตาแข็งกร้าวของเหล่าชายฉกรรจ์

    ข้าพานางกำนัลส่วนพระองค์คนใหม่มาถวายตัวแด่องค์ฟาโรห์ ยาราห์กล่าวบอกเจตจำนง

    พระองค์ทรงรออยู่แล้ว!”

    อาวุธที่กั้นขวางลดระดับลงเพื่อเปิดทางแก่ผู้มาเยือน บานทวารถูกผลักเข้าไปเผยแพรสีขาวถักทอสลับดิ้นทองแพรวพราวระยับจับตา ห้อยระย้าจากเพดานเป็นม่านหลายชั้นดุจปราการป้องกัน

    ข้าส่งเจ้าแค่ตรงนี้ แล้วอย่าก่อเรื่องก่อราวอีกเล่า!”

    เจ้าค่ะ เธอรับคำ แต่มือบางกลับยื้อชุดสตรีสูงวัยเอาไว้

    เจ้าจักวิตกไปไย...ในเมื่อองค์ฟาโรห์มีพระเมตตาต่อเจ้าถึงเพียงนี้ มือเหี่ยวย่นปลดพันธนาการออกจากชายผ้าแผ่วเบา ปภาพินท์มองตามหลังยาราห์ที่เดินลับหายจากสายตาสลับกับทางเข้าสู่ห้องพระบรรทมกล้าๆกลัวๆ

    วิสูตรงามถูกแหวกเปิดทางทีละชั้นๆ เนื้อผ้าอบร่ำกลิ่นกุหลาบกรุ่นหอมหวลชวนวาบหวามและซึมซับความหวาดหวั่นออกจากอกระหว่างมุ่งสู่ด้านใน กระทั่งปรากฏปราการสุดท้าย...ปภาพินท์ละล้าละลังชั่วครู่แต่ตัดสินใจก้าวเดินต่อเพื่อเผชิญหน้ากับเจ้าของห้อง

    แสงสว่างรำไรลอดผ่านหน้าต่างบานกว้างเข้ามากระทบเครื่องเรือนไม้สนซีดาร์สลักพระนามฟาโรห์เนเฟอร์ซาอมุน ทองคำที่ถูกฉาบบนเนื้อไม้เปล่งประกายอร่ามสะกดสายตาราวกับร่ายมนต์ ประตูระเบียงถูกขนาบด้วยรูปสลักเทพเจ้าอะมอนรา ( *** ) กับ เทวีมัต  (  *** ) องค์โตตั้งตระหง่านเสมือนคอยปกปักรักษาองค์สมมติเทพไม่ให้มีภยันตรายใดๆแผ้วพานได้ ปภาพินท์ขยับเข้าใกล้เพื่อพิจารณาเทวรูปทั้งสององค์ท่ามกลางความรู้สึกแปลกประหลาด พระเนตรเรียวหลุบต่ำจดจ้องลงมาพร้อมแย้มสรวลเปี่ยมพระเมตตา หากเธอไม่ได้ตระหนักให้ถ่องแท้คงหลงเชื่อว่าสิ่งสักการะเบื้องหน้ามีชีวิตอย่างแน่นอน

    เขม่าควันโชยตามสายลมวนไล้รอบกายหญิงสาวจนต้องเหลียวหาที่มา ณ บริเวณริมระเบียงเบื้องหน้า คือ ราชาแห่งผืนปฐพีอียิปต์ซึ่งกำลังเผาเครื่องหอมและสวดภาวนาต่อเทพเจ้ารายามรุ่งอรุณ พระวรกายสีน้ำผึ้งผึ่งผายเยี่ยงชายชาตินักรบช่างสง่างาม ทุกท่วงท่าเคลื่อนไหวตรึงสายตาและสั่นคลอนจิตใจเมื่อแรกเห็น

    ฝ่าบาท...นางมาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ แม่ทัพอิมโฮเทปกราบทูลองค์ประมุขที่ผ่อนถ้วยสัมฤทธิ์ในพระหัตถ์ลงต่ำ พลางส่งต่อให้เขาถือแทนหลังเสร็จสิ้นพิธีกรรมพอดิบพอดี

    อืม!” ตรัสตอบสั้นๆ พระเนตรสีนิลชม้ายสบดวงหน้าหวานของนางกำนัลส่วนพระองค์คนใหม่ จากนั้นจึงค่อยมีพระราชบัญชากับผู้ติดตามคนสนิท ข้าจักชำระล้างร่างกายก่อน เจ้าจงไปรอที่เทวสถานเทพเจ้าคอนซูและตระเตรียมข้าวของสักการะให้พร้อมสรรพ!”

    พ่ะย่ะค่ะ!” แม่ทัพหนุ่มน้อมรับพลางปฏิบัติตามว่องไว

    บัดนี้ห้องพระบรรทมเหลือแต่ปภาพินท์ที่หมอบถวายอยู่งานแทบพระบาทฟาโรห์เนเฟอร์ซาอมุน หัวใจดวงน้อยเต้นระส่ำลั่นอกเพราะเป็นครั้งแรกที่เธอได้อยู่เพียงลำพังกับองค์ราชันย์แห่งไอยคุปต์

    ฝ่าบาทมีพระราชประสงค์สิ่งใดให้หม่อมฉันรับใช้เพคะ? หญิงสาวก้มหน้าก้มตากราบทูลถาม

    เริ่มหน้าที่ของเจ้าได้แล้ว!”

    เอ๊ะ? เธอไม่เข้าใจสักเท่าไร

    เจ้าไม่ได้ยินที่ข้าเพิ่งพูดเมื่อสักครู่หรือกระไร? ฟาโรห์หนุ่มตรัสถามเสียงเข้ม ทอดพระเนตรนัยน์ตากลมโตสีน้ำตาลคู่งามที่เอ่อล้นด้วยความสงสัย เพลานี้เจ้ามีหน้าที่ชำระล้างร่างกายให้ข้า...หวังว่าหน้าที่ง่ายดายเยี่ยงนี้คงไม่หนักหนาเกินความสามารถของเจ้า!”

    เรื่องง่ายดายที่ว่านั้นสร้างความลำบากใจแก่ผู้ฟังพอสมควร ก่อนมองตามบุรุษทรงอำนาจซึ่งเสด็จล่วงหน้าเข้าไปรอในห้องสรงเรียบร้อยแล้ว ปภาพินท์ทอดถอนหายใจระบายความกลัดกลุ้มเพราะคงไม่มีหนทางใดปฏิเสธพระราชบัญชาของอีกฝ่ายได้นั่นเอง

     

    เถาไม้เลื้อยพันโอบเสาหินทรงกลมทุกต้นในห้องสรง และ แทงยอดใบสูงเสียดช่องระบายลมเหนือเพดานที่เปิดกว้างเพื่อทุเลาความอบอ้าวของอากาศ ดอกสีชมพูของมันบานสะพรั่งยั่วเย้าเหล่าภุมเรศให้ดั้นด้นเข้ามาระเริงร่าหยอกล้อกันบนยอดเกสร พร้อมกล่อมเกลาอารมณ์ผู้พบเห็นให้เพลิดเพลินจำเริญใจไปด้วย

    ณ ขอบบ่อน้ำใสสะอาดฟาโรห์เนเฟอร์ซาอมุนประทับยืนอยู่ด้วยท่วงท่าสง่างาม ทรงผายพระพาหาออกเสมือนบอกเป็นนัย ว่า...ให้นางกำนัลส่วนพระองค์คนใหม่มาปลดเปลื้องฉลองพระองค์เสียที หญิงสาวจำใจหมอบคลานเข้าไปใกล้แล้วถอดพระปิลันธน์ล้ำค่า ไม่ว่าจะเป็น สร้อยพระศอ รัดพระองค์ ทองพระกร ทองพระบาท และ พระธำมรงค์ ลงบนถาดทอง โดยองค์สมมติเทพทอดพระเนตรเธอตลอดเวลาแม้ในยามที่ทรงถอดมงกุฎออกจากพระเศียรด้วยพระองค์เอง พวงแก้มของปภาพินท์แดงระเรื่อเขินอายขณะค่อยๆปลดแพรพรรณทั้งหมดออกจากพระวรกาย จากนั้นจึงเสด็จลงบันไดศิลาที่ทอดยาวสู่ห้วงวารีซึ่งอวลกลิ่นหอมของกลีบกุหลาบหลากสีสัน

    ผ้าลินินผืนหนาถูกหยิบมาขัดสีพระปฤษฎางค์องค์ประมุขที่ประทับบนขั้นบันไดปริ่มน้ำระดับบั้นพระองค์ โชคดีเหลือเกินไม่ได้อยู่เบื้องพระพักตร์มิเช่นนั้นคงทอดพระเนตรเห็นดวงหน้าหวานแดงก่ำจนถึงใบหูเพราะความเขินอาย โดยเธอไม่รู้เลย ว่า...ฝ่ามือบางที่ลูบไล้พระวรกายนั้นสั่นสะท้านพระหทัยฟาโรห์เนเฟอร์ซาอมุนไม่ต่างกัน

    ในโลกของเจ้า...ข้าคงเป็นเพียงตัวประหลาดที่ยังมีลมหายใจใช่หรือไม่?จู่ๆฟาโรห์หนุ่มก็ตรัสถามราวกับประสงค์ที่จะยุติความเงียบสงัด

    ไม่เพคะ หญิงสาวปฏิเสธพลางครุ่นคิดหาคำตอบสวยหรูเพื่อรักษาสวัสดิภาพ อย่างไรเสียชาวอียิปต์โบราณก็เป็นผู้สั่งสมอารยธรรมอันยิ่งใหญ่ให้ประจักษ์แก่สายตาชาวโลก นานาประเทศต่างชื่นชมพระบารมีและพระปรีชาชาญของบูรพกษัตริย์หลายพระองค์จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการสร้างพีระมิดขนาดใหญ่ด้วยแรงงานคน การทำมัมมี่ดองศพไม่ให้เน่าเปื่อย การทำปฏิทินสุริยคติตามหลักดาราศาสตร์ การคำนวณคณิตศาสตร์เรขาคณิตอย่างแม่นยำ การผลิตกระดาษปาปิรุส หรือ การชลประทานชักน้ำสู่พื้นที่เกษตรกรรม ทุกอย่างล้วนเป็นรากฐานสำคัญต่อวิถีชีวิตมนุษย์ในยุคหม่อมฉันทั้งนั้นเพคะ ปภาพินท์ไม่มั่นใจว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจความหมายของความสำคัญที่กล่าวอ้างหรือไม่ แต่ทั้งหมดนั้นเป็นความจริงทุกประการ

    ช่างน่าอิจฉาบรรพบุรุษและลูกหลานเหลือเกิน ตรัสด้วยพระสุรเสียงหมองหม่น ข้าไม่มีโอกาสได้จารึกนามตัวเองเพื่อแสดงแสนยานุภาพเยี่ยงนั้นอีกแล้ว

    การถูกลืมยังไม่เจ็บปวดเท่าการถูกลบล้างออกจากหน้าพงศาวดารอย่างถาวร!

    ไม่มีสิ่งใดในโลกนี้ดีไปกว่าการมีชีวิตอยู่หรอกเพคะ แม้ไม่ได้สรรเสริญยุวกษัตริย์ผู้นี้ แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะถือวิสาสะปลอบโยนพระหทัยให้คลายความหมองเศร้า

    ขอบใจเจ้ามากทรงแย้มสรวลอย่างอ่อนโยน

    ความอ้างว้างเดียวดายที่แอบซ่อนอยู่ภายใต้ก้นบึ้งพระราชหฤทัยฟาโรห์หนุ่มถูกส่งผ่านดวงพระเนตรสีนิลออกมาจนปภาพินท์สัมผัสได้ ความทรนงองอาจไม่หลงเหลือให้เห็นสักเศษเสี้ยว พลัน บางสิ่งบางอย่างฉุกใจให้นึกสงสัยขึ้นมา

    เหตุใดฝ่าบาทจึงทรงล่วงรู้เกี่ยวกับโลกของหม่อมฉันเล่าเพคะ? สิ่งที่กราบทูลเมื่อสักครู่ไม่ใช่เรื่องง่ายดายที่ผู้คนในอดีตกาลจะเข้าใจเกี่ยวกับวิวัฒนาการต่างๆโดยไม่ซักถามสักคำเดียว

    ตลอดระยะเพลาหลายพันปีมีผู้คนนับไม่ถ้วนถูกจับตัวเข้ามาในพระราชวังแห่งนี้ เสื้อผ้าและข้าวของเครื่องใช้สามารถบ่งบอกให้ล่วงรู้ถึงยุคสมัยที่กำลังก้าวเดินได้อย่างไม่ยากเย็น

    นั่นรวมถึงการที่ฝ่าบาทกับทุกคนในพระราชวังแห่งนี้เข้าใจภาษาอื่นๆด้วยใช่ไหมเพคะ?

    เจ้าคงได้ยินเรื่องคำสาปของเทพเจ้าคอนซูจากยาราห์มาบ้างแล้ว ผลพวงนั้นทำให้ข้ากับทุกคนสามารถสื่อสารทางวาจากับอักขระได้ทุกชนชาติ

    เพราะเหตุใดเพคะ?

    เพราะธิดาแห่งเทพเจ้าคอนซูอาจไม่ใช่ชาวอียิปต์โดยกำเนิด นางอาจมาจากที่ใดที่หนึ่งในโลกนี้ก็เป็นได้

    ยังมีข้อกังขาอีกมากมายที่เก็บงำไว้ แต่การล้วงความลับเกินควรอาจจุดชนวนโทสะองค์ประมุขได้ หญิงสาวยุติบทสนทนาแล้วเริ่มลงมือขัดถูพระปฤษฎางค์อีกครั้ง ต่างฝ่ายต่างเงียบปล่อยเวลาไหลผ่านประหนึ่งสายน้ำที่ราดรดพระวรกาย ทว่า จังหวะหนึ่งที่เธอโน้มตัวลงเพื่อตักน้ำกลับก้าวพลาดเหยียบชายชุดของตนเองจนเสียหลักพลัดตกลงไปในบ่อทันที

    ว้ายยยยย!”

    ตูมมมม!!!

    ความตกใจทำให้ปภาพินท์ลนลานตะเกียกตะกายยึดเกาะพระอังสาฟาโรห์เนเฟอร์ซาอมุนเพื่อพยุงร่างเหนือน้ำอย่างลืมตัว แต่กระนั้นบุรุษทรงอำนาจก็ไม่ถือโทษแล้วประคองกอดหญิงสาวไว้ในอ้อมพระพาหาสองข้าง เสี้ยววินาทีที่สติสัมปชัญญะเริ่มหวนคืนกลับมาความเขินอายก็ค่อยๆแผ่ซ่านใบหน้าหวานซึ่งซบแนบพระอุระบึกบึนจนแดงระเรื่อ

    ขอพระราชทานอภัยโทษด้วยเพคะน้ำเสียงสั่นเครือเกรงโดนลงพระราชอาญาพร้อมพยายามผละออกจากพระพาหา

    ข้าไม่ใจร้ายขนาดโกรธเคืองเรื่องอุบัติเหตุหรอก ตรัสตอบโดยไม่ปล่อยเธอเป็นอิสระ เจ้าเองก็ซุ่มซ่ามมาแต่ไหนแต่ไรแล้วนี่...อัย

    เอ๊ะ!” พระราชดำรัสนั้นสร้างความฉงนแก่ผู้ฟังจนต้องร้องอุทานเสียงดัง ดูเหมือนฟาโรห์หนุ่มจะพระราชดำริได้เช่นกันจึงรีบคลายพันธนาการปภาพินท์ก่อนผุดขึ้นจากน้ำ

    ข้าจักล่วงหน้าไปเทวสถานเทพเจ้าคอนซูก่อน เจ้าจงอาบน้ำแต่งตัวเสียใหม่แล้วรีบตามไปโดยเร็ว!” มีพระราชบัญชาดังกร้าวแล้วผลุนผลันเสด็จออกจากห้องสรง

    เป็นอีกครั้งที่ชื่อ อัย รบกวนจิตใจหญิงสาว

    เจ้าของนามไพเราะนี้คือผู้ใด และ ทำไมหล่อนจึงมีอิทธิพลต่อองค์สมมติเทพขนาดนี้ ยิ่งอยู่ในพระราชวังอียิปต์โบราณนานวันความสงสัยก็ยิ่งทวีเพิ่มตามลำดับ เรื่องราวลึกลับยังรอคอยให้ค้นหาอยู่เรื่อยๆ...

     

    พิณ! ข้านึกว่าเจ้าไปถวายอยู่งานองค์ฟาโรห์แต่เช้าตรู่เสียอีก นาเซียร้องทักทันทีที่ปภาพินท์ก้าวเข้ามายังบริเวณท่าน้ำในสภาพเปียกมะลอกมะแลก ไปทำอะไรมา?คำถามนั้นดึงสายตานางกำนัลทุกคู่ให้จดจ้องรอฟังคำตอบด้วย

    ข้าพลัดตกบ่อในห้องสรงน่ะ เธอสารภาพความจริงแต่ไม่ทั้งหมด

    ตายแล้ว!!! องค์ฟาโรห์ลงพระราชอาญาเจ้าเยี่ยงไรบ้าง? สหายสาวกล่าวถามเสียงหลง เฉกเช่นคนอื่นๆที่แสดงสีหน้าตื่นตระหนกตกใจตามๆกัน

    อย่ากังวลเลย...ข้าไม่โดนลงพระราชอาญาหรอกหญิงสาวตอบพร้อมถอดชุดชื้นแฉะออกจากร่างกาย แต่อีกฝ่ายกลับพุ่งตรงเข้ามาจับเธอหมุนซ้ายหมุนขวาราวกับถ้อยคำจากปากเมื่อสักครู่เชื่อถือไม่ได้

    เจ้าอย่าปิดบังเลย! ใครๆต่างรู้ดี ว่า...องค์ฟาโรห์มิโปรดปรานความเลินเล่อ หากทำผิดพลาดสักนิดเดียวเป็นต้องหลังลายกันถ้วนหน้า หล่อนเอ่ยโดยที่ยังไม่เลิกราหาร่องรอยบาดแผลบนเรือนร่างปภาพินท์ อย่างน้อยข้าจักช่วยหาหยูกยามาบรรเทาอาการในฐานะมิตรสหาย

    ข้ามิได้โป้ปดเจ้า...องค์ฟาโรห์พระราชทานอภัยโทษเนื่องจากเป็นอุบัติเหตุ

    เจ้าช่างมีวาสนาจริงแท้ นาเซียยกมือทาบอกประหนึ่งโล่งใจเป็นปลิดทิ้ง ทั้งที่เพิ่งเข้ามาในพระราชวัง แต่องค์ฟาโรห์ก็มีพระเมตตาแต่งตั้งให้เป็นนางกำนัลส่วนพระองค์

    นั่นสิ! หากมิทรงโปรดปรานจริงๆ เจ้าคงไม่มีโอกาสตามเสด็จและถวายอยู่งานใกล้ชิดถึงในห้องพระบรรทมนางกำนัลอีกคนซึ่งกำลังแหวกว่ายในสายธารสีดำพูดขึ้นบ้าง เจ้าช่างเป็นสตรีผู้โชคดีเหลือเกิน

    พวกเจ้าก็ช่างพูดเกินไป! แม้องค์ฟาโรห์ไม่มีนางกำนัลส่วนพระองค์มาก่อนหน้านี้ แต่พระสนมมากมายก็คงได้ปรนนิบัติพัดหวีถึงในห้องพระบรรทมบ่อยครั้งหญิงสาวโต้แย้ง

    ไม่หรอก! เหล่าพระสนมถูกจำกัดบริเวณที่พระตำหนักฮาเร็ม ท้องพระโรง และ อุทยานหลวงเท่านั้น พวกพระนางสืบเชื้อสายมาจากสามัญชน มิได้มีฐานันดรสูงส่งเฉกเช่นองค์ฟาโรห์กับเหล่าเชื้อพระวงศ์ จึงไม่ได้รับพระราชทานพระอนุญาตให้ล่วงล้ำเขตพระราชฐานชั้นใน เพื่อนสาวช่วยขยายความ จงรักษาพระเมตตาที่ทรงพระราชทานให้เถิด ในภายภาคหน้าเจ้าอาจได้ดิบได้ดีกว่านี้ก็เป็นได้

    พระเมตตาที่ได้รับพระราชทานนั้นไม่ได้สร้างความโสมนัสแต่อย่างใด อีกทั้งยังเพิ่มทวีความวิตกกังวลหลายเท่าตัวเมื่อคิดถึงอนาคตของตนเองใต้เบื้องพระยุคลบาท

    ข้าขอถามเจ้าสักเรื่องได้ไหม? เธอถามนาเซียที่พยักหน้าน้อยๆ เจ้ารู้จักสตรีผู้มีนาม ว่า...อัย หรือไม่?

    อัย? อีกฝ่ายทวนชื่อนั้นพลางครุ่นคิดชั่วครู่ ข้าไม่เคยพบเห็นสตรีนามนี้ในพระราชวังสักคนเดียว...แล้วพวกเจ้าเล่า? หล่อนหันไปถามพวกพ้องซึ่งส่ายหน้าพัลวัน

    พวกเจ้าไม่รู้จักจริงๆกระนั้นหรือ?ปภาพินท์ถามย้ำ

    จริงแท้แน่นอน!” นาเซียตอบฉะฉาน เหตุใดเจ้าจึงใคร่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้เล่า?

    องค์ฟาโรห์ตรัสเรียกข้าด้วยนามนี้สองครั้งสองครา ทำให้ข้านึกสงสัย ว่า...เจ้าของนามนี้คือผู้ใดกันแน่

    ยังไม่นับตอนหลบหนีเข้าไปแอบซ่อนในพระตำหนักต้องห้าม พระพักตร์คมสวยถอดสีของพระสนมเอกเซนเพนเรเมื่อทอดพระเนตรเธอครั้งแรกติดตรึงอยู่ในใจ พระสุรเสียงแผ่วเบาเอื้อนเอ่ยชื่อ อัยสั่นระริกคล้ายจะกันแสงก็ไม่ปาน

    อาจเพราะพวกข้ามิได้ถวายอยู่งานใกล้ชิดองค์ฟาโรห์เฉกเช่น ท่านแม่ทัพอิมโฮเทป ท่านสังฆราชกาคาเร และ ท่านยาราห์ ก็เป็นได้ จึงไม่รู้เรื่องราวส่วนพระองค์มากนัก

    ช่างเถิด...คงไม่สำคัญนักหรอก

    บทสนทนายุติลงเมื่อกาลเวลาเร่งเร้ายามสายให้คืบคลานเข้ามากระชั้นชิด หญิงสาวพยายามรีบอาบน้ำอาบท่าพร้อมนางกำนัลคนอื่นๆ ก่อนลนลานแต่งเนื้อแต่งตัวด้วยชุดใหม่เอี่ยมโดยไม่หลงลืมปะพรมน้ำหอมแม้จะน้อยกว่าตอนยาราห์ทำให้ก็ตาม

    เท้าชื้นๆแห้งเหือดทันทีที่ก้าวเหยียบทางเดินศิลาอันร้อนระอุซึ่งทอดยาวจวบจนถึงเทวสถานเทพเจ้าคอนซู ความใหญ่โตโอ่อ่าของวิหารแห่งทวยเทพตระการตาเสียจนมนุษย์ร่างน้อยด้อยค่าดุจแมลงตัวเล็กๆ ปภาพินท์รู้สึกเบิกบานและอิ่มเอมอย่างบอกไม่ถูก ประหนึ่งความงดงามของสถานที่แห่งนี้ดูดกลืนสิ่งสกปรกจากจิตใจให้สูญสลาย

    อบอุ่นเหมือนได้กลับบ้าน...

    สวบบบบ!!!

    พลัน ช่วงเวลาแห่งความสุขก็ถูกทำลายอย่างรวดเร็ว ปลายหอกสัมฤทธิ์แหลมคมพุ่งเฉียดผ่านหน้าเธอเพื่อกั้นขวางทางเอาไว้ไม่ให้ผ่านเข้าสู่ด้านใน ทหารชายร่างยักษ์สองนายตั้งท่าขึงขังพลางจ้องเขม็งราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ

    เจ้ามาที่นี่ด้วยเหตุใด?องครักษ์คนหนึ่งเอ่ยเสียงเข้ม ไม่รู้หรืออย่างไร ว่า...เพลานี้องค์ฟาโรห์กำลังบวงสรวงสักการะเทพเจ้าคอนซูอยู่ภายในเทวสถาน ฉะนั้นผู้ไม่เกี่ยวข้องห้ามเข้าไปรบกวนเป็นอันขาด!”

    เอ่อ...ข้าจักเข้าไปถวายอยู่งานองค์ฟาโรห์ ปภาพินท์ตอบตามตรง

    ผู้ถวายอยู่งานเคียงข้างองค์ฟาโรห์ระหว่างทำพิธีกรรม มีเพียงท่านแม่ทัพอิมโฮเทป กับ ท่านสังฆราชกาคาเรเท่านั้น นางกำนัลธรรมดาเยี่ยงเจ้าไม่มีสิทธิ์ล่วงล้ำเข้าไป!”

    ข้าไม่ใช่นางกำนัลธรรมดา แต่ข้าเป็นนางกำนัลส่วนพระองค์ขององค์ฟาโรห์หญิงสาวพยายามอธิบาย ได้โปรดเปิดทางด้วยเถิด...มิเช่นนั้นข้าคงโดนลงพระราชอาญาเป็นแน่

    นางกำนัลส่วนพระองค์? ทหารชายอีกคนทวนคำนั้นพลางหัวเราะเสียงดังลั่น ฮ่าๆๆ...ช่างน่าขันเสียนี่กระไร สร้อยคอประจำตำแหน่งก็ไม่มีแล้วจักให้พวกข้าเชื่อกระนั้นหรือ!” คำพูดเตือนสติฉุดผู้ฟังให้ก้มลงมองช่วงคอที่ว่างเปล่าของตนเอง

    นั่นสินะ...สายสร้อยหินสีฟ้าอันเป็นสัญลักษณ์ของนางกำนัลส่วนพระองค์ก็ไม่มี แล้วจะให้ใครต่อใครเชื่อคำพูดได้อย่างไร

    ข้าเพิ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นนางกำนัลส่วนพระองค์เมื่อคืนวาน จึงยังไม่ได้รับพระราชทานสร้อยคอประจำตำแหน่งจากองค์ฟาโรห์

    หยุดกล่าวเท็จได้แล้ว!” องครักษ์หนุ่มอีกคนตวาด อย่างไรเสียพวกข้าก็มิอาจเปิดทางให้เจ้าผ่านเข้าไปด้านในเทวสถานเพลานี้ได้...กลับไปเสียเถิด!!!”

    ไร้ประโยชน์ที่จะเจรจาว่าความต่อเมื่อไม่มีหลักฐานสักชิ้น หรือ พยานสักคนมาช่วยยืนยัน ปภาพินท์ตัดสินใจถอยออกจากตรงนั้น แล้วไปนั่งเล่นบริเวณท่าน้ำข้างเทวสถานเทพเจ้าคอนซูเพียงลำพังระหว่างรอคอยฟาโรห์เนเฟอร์ซาอมุน

    ชลธารสีนิลยังคงหล่อเลี้ยงสรรพชีวิตในพระราชวังเสมือนสายน้ำไนล์ไหลชโลมผืนปฐพีอียิปต์ให้คงอยู่ตราบสิ้นลมหายใจ แม้สีดำดุจรัตติกาลของมันน่าสะพรึงกลัวแต่ก็ปลอบประโลมจิตใจที่ว้าวุ่น ราวกับกระแสธารเหล่านั้นกำลังช่วยชะล้างความกลัดกลุ้มทั้งหลายทั้งปวงออกไป พระพายคลอเคลียปาปิรุสริมตลิ่งจนไหวโอนเอนเหมือนสตรีต้องสัมผัสมือชาย ลำต้นและใบเสียดสีสอดประสานท่วงทำนองเป็นจังหวะชวนเคลิบเคลิ้มหลงใหล ก่อนจะโหมพัดแรงแตะผิวกายหญิงสาวซึ่งนั่งพิงเสาหินต้นใหญ่ให้ตกอยู่ใต้วังวนแห่งความสำราญ

    ทั้งที่เพิ่งเข้ามาอยู่ในพระราชวังแห่งนี้แค่สองวัน แต่ความหวาดหวั่นกลับอันตราธานหายอย่างไร้ร่องรอย เหมือนทุกสิ่งทุกอย่าง คือ วิถีชีวิตประจำวันที่เคยพบเจอมาตั้งแต่เกิด ปภาพินท์ตอบตัวเองไม่ได้ว่าความรู้สึกแบบนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร แต่เธอก็ไม่คิดใส่ใจค้นหาเหตุผลมาลบล้างความสงสัย เพราะความเหน็ดเหนื่อยอ่อนเพลียจากการตรากตรำทำงานตลอดวันตลอดคืนเมื่อวานนี้กำลังถ่วงเปลือกตาให้หนักอึ้งก่อนผล็อยหลับง่ายดาย

     

    ภายในพระอุระร้อนรุ่มเกินกว่าบทสวดสรรเสริญเทพเทวาจะปัดเป่าให้ทุเลาลงได้ ดวงพระเนตรกวาดหานางกำนัลส่วนพระองค์ที่ควรจะมาถึงอยู่นานสองนาน ทว่า จนแล้วจนรอดก็ไม่ปรากฏเงาของนางจวบจนเสร็จสิ้นพิธีกรรม องค์ประมุขแห่งราชอาณาจักรสาวพระบาทออกจากเทวสถานเทพเจ้าคอนซูด้วยความกริ้วโกรธพร้อมคาดโทษทัณฑ์ปภาพินท์ไว้แต่เนิ่นๆ กระทั่งหยุดประทับ ณ หน้าทางเข้าซึ่งมีทหารอารักขาสองนายเฝ้าประจำอยู่

    พวกเจ้าทั้งสองคนเห็นนางกำนัลส่วนพระองค์ของข้าบ้างหรือไม่?ตรัสถามผู้อยู่ใต้เบื้องพระยุคลบาทที่ทรุดหมอบถวายความเคารพ

    นางกำนัลส่วนพระองค์หรือพ่ะย่ะค่ะ? องครักษ์คนหนึ่งกราบทูลถาม

    พวกเจ้าไม่มีสิทธิ์ยอกย้อน...ตอบคำถามข้ามาบัดเดี๋ยวนี้!!!”

    ทหารทั้งคู่เหลือบสบตากันขณะก้มหมอบ ต่างคนต่างรู้ดีว่าได้กระทำการมิบังควรเสียแล้ว

    พวกกระหม่อมเห็นสตรีนางหนึ่งเดินไปทางท่าน้ำข้างเทวสถานพ่ะย่ะค่ะ!” เขากราบทูลไม่ทั้งหมด ถึงกระนั้นองค์สมมติเทพก็มิทรงสดับความใดอีก พลางรีบเสด็จไปยังจุดหมายอย่างรวดเร็วท่ามกลางความโล่งอกของผู้น้อย

    คราแรกหมายมั่น ว่า...จะลงพระราชอาญาปภาพินท์โทษฐานขัดพระราชบัญชา แต่ภาพหญิงสาวที่กำลังหลับใหลริมท่าน้ำนั้นตรึงพระหทัยองค์ราชันย์แห่งไอยคุปต์จนมิอาจละสายพระเนตรแลสิ่งอื่นได้ ความงดงามของนางดำรงอยู่แม้ในยามนิทรา เส้นเกศาดำขลับปรกลงมาละไล้ดวงหน้าสะสวยดั่งเทพธิดาแห่งลุ่มน้ำไนล์ ฟาโรห์เนเฟอร์ซาอมุนประทับลงเคียงข้างแล้วเชยคางมนขึ้นพิจารณา

    ไม่ว่าพินิจสักกี่ครา...ทั้งใบหน้าและรูปร่างก็ช่างละม้ายคล้ายคลึงสตรีอันเป็นที่รักแทบทุกกระเบียดนิ้ว!

    จะมีก็แต่รอยช้ำตรงพวงแก้มกับต้นแขนที่แลขัดพระเนตรเสียเหลือเกิน อีกทั้งยังสร้างความหมองหม่นพระหทัย หากนางไม่เหิมเกริมกล้าหมิ่นพระบรมเดชานุภาพต่อหน้าธารกำนัลก็คงไม่ต้องลงพระราชอาญาเพื่อรักษาพระเกียรติยศถึงเพียงนี้ พระหัตถ์หนาลูบผิวกายละเอียดอ่อนน่าทะนุถนอมราวบุปผางามล้ำค่าที่ชอกช้ำง่ายยามต้องสายลมแรง

    อัย...ข้าคิดถึงเจ้าเหลือเกิน ตรัสด้วยพระสุรเสียงแผ่วเบา โน้มพระพักตร์เข้าใกล้จนพระโอษฐ์จวนเจียนแตะริมฝีปากแดง

    อืมมมมม... เสียงครางในลำคอบ่งบอกถึงสติสัมปชัญญะของหญิงสาวที่เริ่มหวนคืน ทำเอาองค์ประมุขรีบเสด็จถอยห่างวางท่วงท่าเคร่งขรึมเสมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

    ข้าจักมีนางกำนัลส่วนพระองค์ไว้เพื่อกระไร พระราชดำรัสนั้นค่อนไปทางตำหนิมากกว่าซักถาม ปลุกคนขี้เซาตื่นเต็มตาก่อนรีบกระวีกระวาดหมอบถวายความเคารพทันทีทันใด

    ขอพระราชทานอภัยโทษเพคะ

    เหตุใดเจ้าจึงชอบขัดคำสั่งข้าครั้งแล้วครั้งเล่า!”

    หม่อมฉันมิได้ขัดพระราชบัญชาฝ่าบาทเพคะ ปภาพินท์กราบทูล

    การที่เจ้าแอบมานอนหลับตรงท่าน้ำทั้งที่ข้าสั่งให้รีบตามไปร่วมพิธีกรรม เจ้ายังกล้าพูด ว่า...ไม่ได้ขัดคำสั่งข้าอีกกระนั้นหรือ? ฟาโรห์หนุ่มพยายามระงับโทสะอย่างถึงที่สุด

    หม่อมฉันรีบทำตามพระราชบัญชา แต่เหล่าทหารอารักขาหน้าทางเข้าเทวสถานไม่ยอมเปิดทางให้หม่อมฉันเพคะ

    ไม่เปิดทางให้กระนั้นหรือ? ตรัสถามย้ำพร้อมขมวดพระขนงโก่งเข้าหากัน

    เพคะ...พวกเขาไม่เชื่อว่าหม่อมฉันเป็นนางกำนัลส่วนพระองค์ เนื่องจากไม่มีสร้อยคออันเป็นสัญลักษณ์ประจำตำแหน่งเพคะ

    จริงสิ! ข้าลืมเสียสนิทฟาโรห์เนเฟอร์ซาอมุนพระราชดำริได้ ถ้าเช่นนั้นจงรับสิ่งนี้ไปเถิด

    สร้อยพระศอวัตเจ๊ด ( *** ) ทองคำประดับประดาลูกปัดหินหลากสี สลักเสลาดวงพระเนตรข้างเดียวของเทพเจ้าฮอรัส ( *** ) มีนกแร้งกับงูเห่าขนาบซ้ายขวาแสดงฤทธานุภาพข่มขวัญผู้พบเห็น บัดนี้ถูกปลดออกจากพระศอด้วยพระองค์เองเพื่อพระราชทานแก่หญิงสาว

    หม่อมฉันรับไว้ไม่ได้เพคะ!” เธอปฏิเสธเสียงหลง

    เท่าที่เคยศึกษาเล่าเรียนมา วัตเจ๊ด เปรียบประหนึ่งเครื่องรางปกป้องคุ้มครองผู้สวมใส่จากเภทภัยทั้งหลายทั้งปวง ฟาโรห์แทบทุกพระองค์จึงสวมใส่ติดพระวรกายคล้ายพระปิลันธน์สำคัญขาดไม่ได้

    เจ้ากำลังขัดคำสั่งข้าอีกครั้ง!” พระสุรเสียงขุ่นเคืองพอสมควร

    แต่สร้อยพระศอเส้นนี้สูงส่งเกินกว่าที่สามัญชนเยี่ยงหม่อมฉันจักรับไว้ได้เพคะ

    ความดื้อรั้นส่งผลให้บุรุษทรงอำนาจสาวพระบาทเข้าประชิดแล้วสวมสายสร้อยเส้นนั้นแก่เธอซึ่งตะลึงงันที่จู่ๆก็ตกอยู่ในอ้อมพระพาหาสองข้างโดยไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัว กลิ่นน้ำมันหอมบนเรือนผมยาวสลวยแตะปลายพระนาสิกจนต้องค่อยๆโน้มพระพักตร์ลงต่ำ พระเนตรสีนิลคมกริบมีอิทธิพลเหนือสิ่งอื่นใดเพราะแค่สบประสานร่างบอบบางก็แข็งทื่อดุจต้องมนตรา

    เขินอาย แต่...คุ้นเคย

    ทั้งที่เพิ่งพบองค์ประมุขแค่วันสองวันกลับรู้สึกเหมือนเคยเจอกันเมื่อนานมาแล้ว และมันก็ยาวนานเสียจนจดจำไม่ได้ ว่า...เป็นเรื่องจริงหรือความฝัน

    เอ่อ...นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณเหลือเกินเพคะ ปภาพินท์ชิงกราบทูลก่อนพระโอษฐ์เรียวบางจะแตะริมฝีปากหยักสวยพอดิบพอดี

    เอ่อ...ไม่เป็นไร!” ตรัสจบก็แสร้งบ่ายพระพักตร์ไปทางอื่น โดยหวังว่าทัศนียภาพร่มรื่นริมแม่น้ำไนล์ต้องสาปจะช่วยระงับแรงเต้นของพระหทัยลงบ้าง เจ้าช่างดื้อดึงยิ่งนัก...ไหนจักกล้าขัดคำสั่งและกล้าปะทะคารมกับกษัตริย์โดยมิกลัวเกรงโทษทัณฑ์ อีกทั้งยังกล้ารอนแรมกลางทะเลทรายท่ามกลางบุรุษมากหน้าหลายตาโดยไม่หวั่นภยันตรายใดๆ ตั้งแต่ข้าเกิดมายังมิเคยพานพบสตรีเยี่ยงเจ้าเลยสักครา!”

    หากไม่มีเหตุจำเป็น...หม่อมฉันคงไม่กล้ารอนแรมกลางทะเลทรายหรอกเพคะคำตอบนั้นสร้างความฉงนแก่อีกฝ่าย

    เหตุจำเป็นเรื่องใด?

    เมื่อหกเดือนก่อนเพื่อนชายคนสนิทของหม่อมฉันหายสาบสูญระหว่างเดินทางข้ามผ่านทะเลทรายไปยังโอเอซิสซิวา หม่อมฉันจึงตัดสินใจออกตามหาเขาร่วมกับกองคาราวานของชาวเบดูอินเพคะหญิงสาวไม่ปิดบังเพราะหวังได้เบาะแสเกี่ยวกับรณกรกลับมาบ้าง ไม่แน่ว่าสหายของหม่อมฉันอาจถูกจับตัวมายังสถานที่แห่งนี้ก็เป็นได้เพคะ

    บุรุษผู้นั้น คือ คนรักของเจ้ากระนั้นหรือ?

    สีพระพักตร์เรียบเฉย ทว่า ดวงพระเนตรหรี่ลงเคลือบแฝงแววกังขา จะมีสตรีสักกี่คนยอมตรากตรำกลางทะเลทรายอันแสนทุรกันดารเพียงเพราะมิตรสหายคนเดียว

    ไม่ใช่เพคะ...เราสองคนเป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่เยาว์วัย มิได้มีความสัมพันธ์อื่นใดนอกเหนือจากนี้จริงๆเพคะเธอยืนกรานหนักแน่น

    ฮ่าๆๆๆๆ บุรุษกับสตรีจักเป็นเพื่อนกันได้จริงๆกระนั้นหรือ!” ทรงพระสรวลดังลั่นอย่างดูแคลนมิตรภาพอันน่าบิดเบือนนั้น

    ............”

    ฝ่าบาท!!!” ยังไม่ทันที่ปภาพินท์จะกราบทูลชี้แจง แม่ทัพอิมโฮเทปก็ลนลานเข้ามาคุกเข่าตรงเบื้องพระพักตร์องค์ราชันย์เสียก่อน ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ

    เหตุใดเจ้าจึงร้อนรนปานนี้? องค์สมมติเทพตรัสถามใคร่รู้

    เพลานี้พระสนมทียากำลังวิวาทกับพระสนมเนฟรูเซียที่พระราชอุทยานหลวงพ่ะย่ะค่ะ!” เขากราบทูลรายงาน กระหม่อมกำลังตรวจตราความเรียบร้อยของทหารเวรยามแถวนั้น จึงพบพวกพระนางทะเลาะเบาะแว้งเรื่อง...เอ่อ...ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ

    อีกแล้วหรือ!!!” ทรงถอนพระปัสสาสะแรงๆระบายความกลัดกลุ้มกับปัญหาซ้ำซากที่เกิดขึ้นเป็นอาจิณก่อนทำท่าจะเสด็จออกจากตรงนั้น แต่แล้วก็หมุนพระวรกายกลับมาหานางกำนัลส่วนพระองค์ซึ่งกำลังจะก้าวตามกระชั้นชิด เจ้าคงเหน็ดเหนื่อยจากงานเลี้ยงตลอดคืนวาน...กลับไปนอนพักผ่อนเสียเถิด

    เพคะ เธอน้อมรับพระราชบัญชามิขัดข้องประการใด ดวงตากลมโตทอดมองฟาโรห์เนเฟอร์ซาอมุนที่เสด็จนำหน้าแม่ทัพอิมโฮเทปออกจากท่าน้ำ ใบหน้าหวานแสดงความกังวลเมื่อมือบางสัมผัสสร้อยพระศอบนลำคอตนเอง

    เหตุใดกัน...จึงพระราชทานสิ่งล้ำค่าแก่สามัญชนเยี่ยงเธอ?

     

    *** เสากลมทรงดอกบัว = สถาปัตยกรรมเสาของอียิปต์โบราณ มี 3 แบบ คือ หัวเสาทรงดอกบัว , ปาปิรุส , ปาล์ม

    *** คาร์ทูช = กรอบวงรีล้อมพระนามฟาโรห์ สมัยก่อนเป็นวงกลมมีขีด แต่เมื่อพระนามยาวขึ้นทำให้เป็นวงรี

    *** อะมอนรา = เทพเจ้าแห่งพายุ และ เทพเจ้าแห่งสงคราม ได้ถูกนำมารวมกับเทพเจ้าราตามความศรัทธาของชาวอียิปต์โบราณ มีร่างเป็นบุรุษหนุ่มรูปงาม สวมพระมาลาทรงสูงรองรับแผ่นวงกลมแทนดวงอาทิตย์ และ ขนนก 2 แผง

    *** มัต = เทวีแห่งนภากาศ หรือ เทวีแห่งนกแร้ง พระนามมีความหมาย ว่า...พระมารดาผู้ยิ่งใหญ่ มีร่างเป็นสตรีสวมมงกุฏรูปนกแร้ง

    *** วัตเจ๊ด = พระเนตรข้างซ้ายของเทพเจ้าฮอรัสที่โดนเทพเจ้าเซ็ตควักออกมาขณะต่อสู้กัน แต่ต่อมาเทพเจ้าท็อตใช้เวทมนตร์ใส่กลับดังเดิม จึงเปรียบเสมือนเครื่องรางที่ชาวอียิปต์โบราณให้ความศรัทธา เนื่องจากเชื่อว่าผู้สวมใส่จะรอดพ้นภยันตรายที่มาจากภูตผีปีศาจและอำนาจชั่วร้าย

    *** ฮอรัส = เทพเจ้าแห่งชัยชนะ เป็นพระโอรสของ เทพเจ้าโอซิริส กับ เทวีไอซิส มีร่างเป็นมนุษย์ พระเศียรเป็นเหยี่ยว พระเนตรสองข้างแทนดวงอาทิตย์ ( ขวา ) กับ ดวงจันทร์ ( ซ้าย ) ทรงเชี่ยวชาญการต่อสู้และการรบ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×