คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่2
“ตกลงว่าเจอข่าวคราวของน้องบ้างหรือยัง?”ลินดากรอกเสียงถาม อย่างรีบร้อน มาทางโทรศัพท์ทางไกล กวินตาถอนหายใจเฮือกใหญ่
“ยังเลยค่ะ”หญิงสาวไม่อยากจะตอบอย่างนี้เลย แต่จะให้คำตอบที่ดีกว่านี้ได้ยังไง ในเมื่อยังไม่มีความคืบหน้าอะไรเลยด้วยซ้ำไป
อีกอย่างเพิ่งจะมาถึง ยังไม่ทันได้พักผ่อนให้หายเหนื่อย ก็โทรมาจิกเรื่องข่าวเสียแล้ว น่าจะให้เวลาได้หายใจหายคอกันบ้าง สักนิดก็ยังไงดีนะ กวินตาคิดอยู่ในใจ
“ทำไมล่ะ มัวทำอะไรอยู่ เราไปถึงเมื่อสองชั่วโมงที่แล้วไม่ใช่เหรอ?”
“ค่ะ”
“แล้วทำไมถึงไม่รีบหาเข้าล่ะ”เสียงทางนั้นร้อนรน จนความร้อนรุ่มในใจนั้นแทบจะเผาไหม้สายโทรศัพท์ไปด้วย....
เร่งกันอยู่ได้ คนธรรมดานะ ไม่ใช่นักสืบ จะให้อะไรมันรวดเร็วขนาดนั้นน่าจะจ้างนักสืบให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย เพราะถึงยังไงเธอก็ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียในตระกูลอยู่แล้ว กวินตาอดที่จะโต้แย้งในใจไม่ได้
“ให้เวลาตาบ้างสิคะคุณน้า ตาเพิ่งจะมาถึงยังไม่ทันได้พักเลยนะคะ”หญิงสาวทำเสียงเนือยๆ ให้ทางนั้นได้รับรู้เสียบ้าง ว่าคนอย่างเธอก็เหนื่อยเป็น และต้องการเวลาพักผ่อนมากกว่าถูกรบกวนเสียด้วย
ไม่ใช่อยากจะใช้ให้ทำอะไรก็จะทำให้ได้อย่างรวดเร็วทันใจทุกอย่าง อยากให้แม่มีชีวิตอยู่นัก จะได้รู้ว่าน้าซึ่งเป็นสายเลือดเดียวกัน ทำอะไรกับเธอบ้าง น้าที่เป็นน้องสาวแท้ๆของแม่ กลับเลี้ยงหลานเพื่อใช้งานอย่างทาส! เธอเคยนอนร้องไห้อยู่หลายครั้ง เพราะน้อยใจในตัวของน้าสาว แต่ทุกอย่างไม่ได้ดีขึ้นเลย กวินตาไม่ได้ต้องการเรียกร้องอะไร เพียงแต่เธอต้องการเวลาให้เธอได้ใช้เวลาส่วนตัวบ้างก็เท่านั้น
หากแต่คนปลายสาย ไม่คิดจะรับรู้อะไรเลย สิ่งที่ต้องการเพียงอย่างเดียว คือการได้ยินข่าวคราวของลูกสาวที่รักในทางที่ดีขึ้นเท่านั้น ส่วนเรื่องอื่น ไม่มีอะไรให้ลินดาต้องสนใจอีก
จะว่าห่วงใยคนไปตามหาลูกสาวก็ใช่เรื่อง....
เพราะนางไม่เคยคิดจะข้องแวะมานานมากแล้ว ตั้งแต่พี่สาวใฝ่ต่ำไปคว้าคนขับรถมาเป็นคู่ชีวิตนั่นแล้ว และหลานคนนี้ที่เกิดมา ก็เลี้ยงไปเพื่อใช้งานในบ้านเท่านั้นเอง ไม่ได้มีความสำคัญอะไรมากมายนัก
อีกอย่าง กว่าจะเติบโตเรียนจบมีงานการทำจนทุกวันนี้เพราะใคร ไม่ใช่เพราะนางหรอกหรือ?
ลำพังแค่พ่อผู้ให้กำเนิดหลานคนนี้น่ะหรือ?
อย่าไปหวังเลย ไม่รู้ว่าป่านนี้จะไปเมารถชนตายอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ ตั้งแต่รู้ว่าทำลูกเจ้านายท้อง นายกอบสุข คนขับรถเก่าแก่ก็ถูกไล่ตะเพิดออกไปทันที โดยไม่ต้องคิดอะไรเลย ส่วนพี่สาวใฝ่ต่ำ หลังจากหนีไปกับคนขับรถในบ้าน ก็ถูกจับตัวกลับมาและขังเอาไว้จนคลอดลูกออกมา คือกวินตา และหลังจากนั้น กวินตาก็ถูกนางเอามาเลี้ยงในบ้าน เพราะไม่ต้องการให้ลูกสาวได้จดจำพฤติกรรมอันแสนต่ำของแม่ผู้ให้กำเนิด
อีกอย่างเพื่อปกป้องให้หลานคนนี้ไม่ต้องเจอหน้าแม่ ลินดาจึงปิดกั้นไม่ให้กวินตารับรู้ว่าคนบ้า ที่เคยป่วยอยู่ในบ้าน บนห้องใต้หลังคานั่น เมื่อสิบกว่าปีก่อนคือแม่แท้ๆ แต่ความลับมันไม่มีในโลก เมื่อต่อมา กวินตาโตและค้นพบความจริงว่าแม่คือใคร ความลับก็ไม่เป็นความลับอีกต่อไป ตอนนี้กวินตาโตเป็นสาวแล้ว และสวยเหมือนแม่เสียด้วย....
ยิ่งโตก็ยิ่งน่าห่วงกว่าเป็นไหนๆ?
เรื่องคู่ชีวิตของหลานนางรู้ดี ว่าคงจะเข้าไปวุ่นวายไม่ได้ เพราะมันเป็นสิทธิ์ส่วนตัวของกวินตาเต็มทีอยู่แล้ว จะไปคว้าเอาใครมาก็เชิญ แต่ขอเพียงอย่างเดียว อย่ามาทำเรื่องงามหน้าให้ชื่อเสียงของวงศ์ตระกูลต้องเสียหายก็เป็นพอ ลินดาสอนหลานเอาไว้แค่นั้น ส่วนเรื่องอื่นเป็นเรื่องที่คนใช้ในบ้านจะเป็นคนอบรมเองทั้งหมด
“อย่าให้มันนานนักล่ะ ฉันอยากรู้ว่าลูกสาวฉันเป็นตายร้ายดียังไงบ้าง”น้ำเสียงของคนพูดเหมือนว่าจะไม่ค่อยเต็มใจให้พักมากนัก
แต่จะให้ทำอย่างไรได้ ในเมื่อชีวิตลูกสาวที่รักกำลังขึ้นอยู่กับกวินตาเท่านั้น ที่จะเป็นคนเอาชีวิตของลูกสาวกลับมาสภาพไหน ถ้ารบเร้ามากเกินไปเกรงว่าจะไม่ได้เห็นหน้าลูกอีกเลยก็ได้ นางไม่กล้าพอที่จะเสี่ยง ไม่ว่าเรื่องอะไรทั้งนั้น
พูดถึงลูกสาว ....
นี่ก็เหลือเกิน ทำไมถึงไปคว้าเอาชาวทะเลทรายแห้งแล้ง แบบนั้นมาเป็นแฟนเสียได้นะ ฐานะเป็นอย่างไรยังไม่รู้แน่ชัด กลับอยู่กินกับเขาก่อนแล้ว เรื่องนี้ถูกปกปิดมานานเป็นปีแล้ว ตั้งแต่ลูกสาวเพิ่งไปเรียนต่อที่อังกฤษได้ไม่นาน
ถ้าไม่ตามไปเยี่ยมคงจะไม่รู้ว่าลูกสาวได้แต่งงานกับเศรษฐีคนนั้นไปแล้ว แต่ปฏิบัติการแยกคู่รักก็เกิดขึ้น เมื่อลินดาหาคู่หมั้นหนุ่ม คือคุณชายวัชระ ที่มีเชื้อเจ้าด้วยกันให้กับลินินได้แล้ว เพียงแต่ต้องจับลินินกลับมาล้างน้ำในตะกร้าให้มันสะอาดเสียก่อน ถึงจะแต่งองค์ทรงเครื่องขึ้นรับตำแหน่งคุณหญิงของวังนฤนาถได้อย่างสมเกียรติ
กวินตาถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย....ชีวิตของเธอเลือกทางเดินได้แค่นี้เองเหรอ?
เธอต้องยอมรับมันอย่างไม่มีทางเลี่ยงเลยใช่ไหม?
“ค่ะ รับรองว่าใช้เวลาไม่นานแน่ค่ะ เพราะตาต้องรีบกลับไปให้ทันสอบอีกสองอาทิตย์”กวินตาบอกไปด้วยน้ำเสียงที่แสนเสียดาย ความคารพที่เธอมีให้ผู้เป็นน้าอย่างล้นหลาม
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง ฉันจัดการให้ได้ เรื่องผลคะแนนของเธอ จะซื้อใบเกรดให้ก็ได้ แต่ขอให้เอาลูกสาวฉันกลับมาให้ได้ก็แล้วกัน”ลินดาเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจนัก
เพราะลูกสาวที่ไปเรียนที่อังกฤษก็ใช่ว่าจะจบกลับมา แต่ที่ได้ใบเกรดพวกนั้นมา ติดเกรดนิยมอันดับหนึ่งนั้นเพราะเงินเหมือนกัน เงินตัวเดียวเท่านั้นที่สามารถจะเนรมิตอะไรก็ได้ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็สามารถจะเนรมิตอะไรให้มาอยู่ในมือได้แทบทั้งสิ้น เชื่อแล้วว่าเงินมีอิทธิพลเหนือทุกอย่างจริงๆ
แต่สำหรับกวินตามันไม่ใช่แบบนั้น เรื่องพวกนี้มันไม่มีความหมายอะไรเลยสำหรับเธอเลยสักนิดเดียว ความสามารถต่างหากที่มีค่าสำหรับเธอ
น้าลินดาทำราวกับว่าสิ่งที่กำลังจะให้เธอ มันคือสิ่งที่น่าภาคภูมิใจกระนั้น กวินตาเงียบไปก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่
“อย่าเลยค่ะ ตาอยากไปสอบด้วยตัวตาเองค่ะ”
“งั้นก็ตามใจ ฉันอุตส่าห์หวังดี ไม่ให้แกเหนื่อยและปวดหัวแล้วนะ”น้ำเสียงนั้นฟังดูจะประชดประชันอยู่กลายๆ กวินตาแกล้งน้อมรับอย่างยินดี ทั้งๆที่ความจริงแล้วเลี่ยนจนไม่อยากจะเอ่ยถึงมันเลยต่างหาก
“ขอบคุณมากนะคะ ที่เป็นห่วง แต่เรื่องนี้ ตาจะภาคภูมิใจมากค่ะ ถ้าได้ทำให้มันสำเร็จด้วยมือของตาเอง”หญิงสาวเอ่ยอย่างไม่สนใจในข้อเสนอที่น่ายินดีนั้น
ทำเอาคนเป็นน้าถึงกับเลือดขึ้นหน้าเลยทีเดียว นิสัยนี้ไม่เคยเปลี่ยน ตั้งแต่เล็กจนโต อวดดี หยิ่งยโส ทำราวกับว่าตัวเองสามารถดูแลตัวเองได้ เหมือนกันตาไม่มีผิด กันตาแม่ของกวินตาก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน เพราะทางครอบครัวไม่ยอมรับคนขับรถเป็นเขย ถึงได้ออกปากมาว่าจะเลี้ยงลูกด้วยตัวเอง ไปผจญความลำบากอย่างน่าเวทนา แต่สุดท้ายก็ไปรอดได้ไม่กี่น้ำ
จนกระทั่งถูกจับแยกออกจากกัน และกันตาถูกจับกลับมาขังเอาไว้กีดกันไม่ไห้พบหน้ากับสามี ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ทำใจได้ยาก กันตาจึงกลายเป็นคนเสียสติในเวลาต่อมา เสียทั้งลูกที่ฟูมฟักมากับมือ และเสียทั้งสามีที่หลงรักมานานนักหนา ตรอมใจจนเสียชีวิตในที่สุด นิสัยของกวินตาก็เหมือนกับแม่ไม่มีผิดเพี้ยน ราวกับเป็นคนคนเดียวกัน
ลินดานึกหมั่นไส้อยู่ลึกๆ แม่ลูกกันจะไปเอานิสัยอย่างนี้มาจากที่ไหน ถ้าไม่ใช่นิสัยของแม่มัน ฮึ!ทำเป็นอวดดี อีกหน่อยจะต้องซมซานกลับมาขอความช่วยเหลือจากฉันอีกตามเคย เหมือนแม่ของมัน!!!
“นิสัยแกนี่เหมือนแม่แกไม่มีผิดเลยนะ ดื้อรั้นพอกัน หยิ่งอวดดี ไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากฉัน”ลินดาไม่สามารถเก็บกลั้นอารมณ์ไม่พอใจเอาไว้ได้
ลินดาไม่ค่อยจะชอบหน้ากวินตานัก และไม่ค่อยจะพูดคุยกันได้นานเท่าไหร่ เพราะกวินตาแสนดื้อรั้น แต่มีบางครั้งเท่านั้น ที่จะเชื่อฟังและยอมทำตามแต่โดยดี
“ไม่ใช่แบบนั้นนะคะ”หญิงสาวเอ่ยคัดค้านอย่างแสนเหนื่อยหน่าย เพราะเกรงว่าน้าสาวจะเข้าใจผิดเอาได้ เรื่องที่เธอกำลังจะพูดไป มันจะกระทบต่อความรู้สึกของน้าผู้หวังดีพอสมควร
“ไม่ต้องมาอธิบายให้ฉันฟังหรอกนะ เพราะมันไม่สำคัญกับฉันเท่าไหร่นัก”
“คะ”กวินตาเองก็อดน้อยใจขึ้นมาในใจไม่ได้เหมือนกัน
ความน้อยใจนี้ มันสะสมมานานนับปีเลยทีเดียว นับตั้งแต่เด็กมาแล้ว ที่มันเป็นปมด้อยในแวดวงไฮโซด้วยกัน นับตั้งแต่แม่คว้าเอาคนขับรถมาเป็นพ่อของเธอ และแม่เป็นบ้าเสียสติเพราะสามีไม่อยู่ด้วย และเธอก็ต้องกลายมาเป็นเรื่องเล่าที่แสนจะตลกขับขันในครอบครัวให้คนอื่นเยาะเย้ยถากถางอยู่ทุกวันนี้
“อ้อ...แล้วอย่าลืมเรื่องของลินินล่ะ หาข่าวให้เร็วที่สุด ถ้ามันลำบากในการเอาตัวกลับมานัก โทรมาบอกฉันก็ได้ ฉันจะไปรับมาด้วยตัวเอง”ลินดาสั่ง กวินตาถอนหายใจเหนื่อยหน่ายอยู่ในอก แต่ไม่กล้าพอที่จะทำมันออกมาอย่างเด่นชัด เนื่องจากน้าลินดาจะเป็นคนเฉียบขาดแล้ว หูของน้าลินดายังไวยิ่งกว่าอะไรเสียอีก
“อ้อ...นี่ เรื่องบัตรเครดิตน่ะ รูดให้มันระวังด้วยนะ ลืมไปหรือยังว่าฉันกำหนดวงเงินเท่าไหร่”ไม่วายต้องท้วงติงเรื่องบัตรเครดิตอีกต่างหาก
งานนี้เกลือยังชิดซ้ายเลยว่างั้น ถ้าไม่ใช่เพราะลินิน มีหรือกวินตาจะได้รับบัตรเครดิตบัตรทองมาจากน้าลินดาเพื่อใช้จ่ายระหว่างดินทางในครั้งนี้แน่
“ค่ะ ไม่ลืมหรอกค่ะ”
“ดีมาก แล้วอย่าทำให้ฉันผิดหวังล่ะ”
“ค่ะ รับรองค่ะว่าน้าลินดาจะไม่ผิดหวังแน่ค่ะ”รับปากไปแล้ว แต่ไม่รู้ว่าจะทำได้มากน้อยแค่ไหน ในเมื่อทุกอย่างยังสับสน ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นที่ไหน
“รับปากแล้วก็ต้องทำให้ได้ก็แล้วกัน ถ้าอย่างนั้นแค่นี้ก่อนนะ เดี๋ยวฉันจะออกไปงานเลี้ยงบ้านคุณหญิงเอมฤดีเสียหน่อย”
“ค่ะ รักษาสุขภาพด้วยนะคะ”ทิ้งท้ายด้วยการห่วงใยสุขภาพพอเป็นมารยาทแค่นั้นเอง
ใจจริงแล้วอยากจะวางสายไปเลย จะได้ไม่ต้องมาฝืนใจสนทนา และรับคำสั่งโน่นนี่ ให้มันหนักอกอีก ทำราวกับว่าเธอไม่ใช่หลานสายเลือดเดียวกัน ลินดาเบ้ปากนิด
“ย่ะ”ลินดาวางสายลงอย่างแสนจะเบื่อหน่าย
ถ้าไม่จำเป็นไม่อยากจะสนทนากับหลานคนนี้ด้วยซ้ำไป เพราะเกรงว่าเชื้อใฝ่ต่ำของพี่สาวจะเกาะติดตามเนื้อตัวไปด้วย
กวินตาทิ้งกายลงนั่งบนเตียงนอนกว้าง ถอนหายใจอย่างหนักอกอยู่หลายครั้ง เมื่อสักครู่ไปเดินดูลาดเลามาได้แค่สองสามชั่วโมงเท่านั้น เธอสู้กับอากาศที่มันร้อนอบอ้าว มากกว่าเมืองไทยไม่ไหว ถึงต้องกลับขึ้นมานั่งตากแอร์เย็นๆบนห้องพักให้หายร้อน
“แล้วฉันจะเริ่มที่ไหนดีล่ะเนี่ย”กวินตาบ่นพลางมองโทรศัพท์มือถือในมืออย่างอ่อนใจ
“แม่ขา...แม่ช่วยตาด้วยสิคะ ถ้าตาหาน้องไม่พบ ตาจะไม่ได้กลับไปสอบนะคะ ตาจะไม่ได้ทำในสิ่งที่ฝันไว้อีกเลยนะคะ แม่ขาช่วยตาด้วยนะคะ”หญิงสาวอธิฐานถึงคนที่จากไปอยู่บนท้องฟ้านั่นแล้ว
สายตาของหญิงสาว ทอดมองไปบนท้องฟ้าสดใส สีครามมีก้อนเมฆสีขาว เรียงรายประดับเอาไว้ให้มันสวยงาม
หากแต่ในชั้นเมฆเหล่านั้น ยังมีกลุ่มมลพิษ และมวลอากาศที่เป็นพิษอีกมากมาย ซึ่งมีเพียงความขาวสะอาดละเอียดสวยงามฉาบฉวยอยู่ภายนอก มันก็เหมือนกับชีวิตของเธอนั่นเอง
และมันก็เหมือนกับตระกูลพิเชฐณรงค์ธรรมไม่มีผิด!
ณ พระราชวังกลางทะเลทรายที่ร้อนอบอ้าว.......
เปลวแดดลามเลียเป็นไอของความร้อน ระเหยบนผิวทรายละเอียดสีเหลืองทองอร่าม ด้านนอกพระราชวัง กลุ่มชาวบ้านบางส่วนพากันจูงอูฐ สัตว์ที่ทนทานต่อสภาพอากาศร้อนจัด เดินไปตามผืนทรายสีเหลืองทองนี้ ไม่รับรู้ถึงความร้อนอ้าวของมันสักนิด
คนที่นี่เคยชินกับสภาพอากาศ และชินกับความเปลี่ยนแปลงของภูมิประเทศเสมอมา บางครั้งกลางทะเลทรายที่ร้อนแรงเช่นนี้ ก็ยังมีสายฝนโปรยลงมาให้รู้สึกถึงความเย็นชุ่มฉ่ำหัวใจอยู่บ้าง มองไปไกลจนลิบตา จะเห็นได้ว่า ผืนทรายสีเหลืองทองนวลแบบนี้ มันจรดกับฟากฟ้าไกลนั่น ราวกับว่ามันอยู่ไม่ไกลเลย
ลมทะเลทราย พัดเอาไอความร้อนเข้ามาในตัวพระราชวัง คนงานและนางในที่นี่ต้องหมั่นปัดกวาดเช็ดถูกันทุกยาม เพราะลมที่หอบเอาทรายเข้ามาเปื้อนอยู่ในพระราชวังที่สวยงาม อาจจะทำให้ราชาด องค์มงกุฎราชกุมารแห่งบาร์คาร์ ผู้เป็นคนสืบทอดพระราชวังกลางทะเลทรายไม่พอใจเอาได้
ราชาดเป็นหนุ่มที่มีนิสัยรักความสนุก แต่ในบางครั้งก็ชอบที่จะรักความสงบ ถึงได้กลับมาบูรณะราชวังกลางทะเลทรายของเสด็จปู่ของเขาขึ้นมาใหม่อีกครั้ง หลังจากปิดตายมานานนับสิบปี ตั้งแต่เสด็จปู่ของเขาได้จากโลกใบนี้ไป พร้อมๆกับนางสนมนางในที่ถูกส่งตัวกลับบ้านเกิดของตัวเอง เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ตามคำสั่งการของพระเจ้าลาทีฟ
เสด็จปู่มันตันเป็นชายที่รักสนุก หลงใหลในสตรีเพศเป็นที่หนึ่ง จึงสร้างพระราชวังนี้ขึ้นมา เพื่อให้นางสนมเหล่านั้นได้อยู่ที่นี่ เพื่อลบเลี่ยงการปะทะกับเสด็จย่าคีฮาร์ เสด็จย่าที่รักเสด็จปู่ของเขายิ่งกว่าอะไรทั้งหมด แต่อีกด้านกลับไม่ต้องการเห็นเสด็จปู่ของเขามีใครอื่น เสด็จปู่มันตันจึงต้องแอบ ซุกซ่อนนางสนมเอาไว้ที่นี่ เพื่อมาหาความสำราญเพียงครั้งคราว
ราชาดเดินถือแก้วไวน์ชั้นดี ไปตามระเบียงพระราชวัง นางในหลายคนที่กำลังทำงานกันอยู่ ต้องก้มหมอบรอให้ราชาดเดินผ่านไปก่อน ถึงจะลุกขึ้นมาทำงานต่อไป
ร่างสูงสง่า ผิวสีแทนเนียนละเอียด ผมใส่น้ำมันจัดแต่งทรงเสียเนี๊ยบ อยู่ในชุดลำลองแบบสบายๆ เสื้อผ้าฝ้ายชั้นดี แหวกอกกว้างลึกไปถึงหน้าท้อง ที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อแน่น เนื่องจากราชาดเป็นเจ้าชายที่รักและใส่ใจกับสุขภาพของตัวเองมาก จึงไม่แปลกที่ราชาดจะมีหุ่นที่มัดใจสาวได้อยู่หมัดขนาดนี้ ร่างสูงสอดมือล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง เหม่อมองไปบนพื้นทรายสีเหลืองทองสุดสายตา
มองหาใครสักคนที่จะมาช่วยแก้เหงาในหัวใจ ของเจ้าชายที่แสนจะว้าวุ่นนี้ได้ ใบหน้าอาจจะดูยังเยาว์วัย หากแต่ความจริงแล้ว ราชาดนั้นไม่ใช่เด็กหนุ่มคะนองรักอีกแล้ว วัยของเขาล่วงเข้าเป็นพ่อคนแล้ว แต่เขายังไม่เคยได้เป็นพ่อสมใจปรารถนาสักครั้ง
อาจจะด้วยเหตุผลหลายๆประการ ซึ่งในนั้นก็รวมถึงความเหมาะสมของผู้หญิงที่จะมาอุ้มท้องทายาทของเขาด้วย เขายังหาผู้หญิงที่เพียบพร้อมคนนั้นไม่เจอ แม้ว่าจะมีสาวงามมากมายเข้ามาเสนอตัว แต่นั่นมันก็แค่ครั้งคราวเท่านั้น
แค่ครั้งคราวที่ราชาดต้องการความสุขความสำราญ เหมือนกับเสด็จปู่ของเขา.....
ยังไม่เคยมีหญิงนางไหน ที่จะสามารถกุมหัวใจของราชาดได้เลยสักคนเดียว จนบางครั้งพระเจ้าลาทีฟ กษัตริย์ผู้ปกครองบาร์คาร์ และเป็นทั้งบิดาผู้ให้กำเนิด ถึงกับออกปากบอกว่าอยากอุ้มหลานในเร็ววันนี้
แต่ราชาดก็ยังทำท่าทีเพิกเฉยต่อคำเหล่านั้น.....
มิหนำซ้ำ ยังตั้งคำถามมากมายขึ้นมาให้หัวใจของเขาเอง ได้ค้นหาคำตอบ....
พลันความคิดบางอย่างก็วิ่งวูบเข้ามาในหัวสมอง อันว่างเปล่า
ภาพสาวน้อยคนนั้นยังอยู่ในความทรงจำ เธอทำราวกับนางงามโลก ที่รักทุกสรรพสิ่งบนโลกใบนี้ ให้ความเมตตาต่อเพื่อนร่วมชีวิต จิตใจเธองดงามนัก
ราชาดเองก็ชักจะไม่แน่ใจแล้วว่า สาวน้อยคนนั้นเข้ามาอยู่ในความนึกคิดนี้ได้อย่างไรกัน?
.......................................................................................................................
ความคิดเห็น