ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บทความวิชาเกรียน - ข้อมูลเทวดาฉบับฮาเฮ

    ลำดับตอนที่ #10 : พระศนิ : เหยื่อแห่งสังคมเทวดา

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 884
      10
      3 พ.ย. 58


    ในตอนก่อนๆ เราได้กล่าวถึงสงครามชิงผู้หญิงของเทพแห่งดวงจันทร์กันไปหมดแล้ว จะเห็นได้ว่ามีเทวดาในสวรรค์บนยอดเขาพระสุเมรุ ซึ่งเกี่ยวข้องกับสงครามนี้อยู่ไม่น้อย ทว่ามีเทพนพเคราะห์องค์หนึ่งที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับสงครามนี้เลย ทั้งที่วิมานที่สถิตก็อยู่ที่บนเขาสุพระเมรุ ไม่ได้พเนจรเร่ร่อนแบบพระอาทิตย์ ไม่ได้มีที่ประทับหลักอยู่ที่อื่นแบบพระอังคารหรือพระราหู

    อันที่จริงจะเรียกว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับสงครามก็ไม่ถูก ต้องเรียกว่าต้องเรียกว่าไม่มีเทวดาฝ่ายไหนอยากจะเข้าไปข้องเกี่ยวกับเขาไม่ว่าจะสถานการณ์ไหนเลยต่างหาก!

    ชื่อของเทพองค์นี้คือ “ศนิ” หรือเทพเจ้าแห่งดาวเสาร์ นอกจากนี้ยังเป็นเป็นเทพเจ้าแห่งการเพาะปลูก เทพเจ้าแห่งความช้า เทพแห่งความมืดมน และเทพเจ้าแห่งเคราะห์ร้าย ซึ่งดูจากตำแหน่งว่าเป็นเทพแห่งอะไรบ้าง บวกกับรูปร่างหน้าตาและบุคลิกของพระศนิที่มีฟันใหญ่ มีผิวดำสนิท ยืนหลังค่อม เดินขากะเผลก ไม่ชอบสบตาใคร เงียบขรึม ดุดัน เข้าถึงยาก บางแห่งยังว่าเป็นพวกมีเพศไม่สมประกอบ แถมยังขี่สัตว์พาหนะน่ากลัวอย่างนกแร้งหรือเสือแล้ว ก็สมควรอยู่ที่เทวดาองค์ไหนก็ไม่อยากจะไปยุ่งเกี่ยวด้วย

    แม้ในทางโหราศาสตร์ไทยก็จัดเอาดาวเสาร์ ซึ่งพระศนิดูแล ว่าเป็นดาวที่มีอิทธิทางบาปเคราะห์มากที่สุด และให้เคราะห์ร้ายรุนแรงยิ่งกว่าราหูเสียอีก!

    แต่พระศนิเองก็คงไม่ได้เป็นแบบนั้นเพราะอยากจะเป็นสักเท่าไร ที่มาเป็นแบบนี้ก็เพราสังคมเทวดาทั้งนั้น ซึ่งหากใครยังจำเรื่องราวของพระสุริยะได้ ก็คงจะทราบว่าพระศนิเป็นบุตรของพระสุริยะกับชายาตัวปลอม เนื่องจากตัวจริงหนีไปเพราะทนรังสีความร้อนไม่ไหว จึงสร้างร่างโคลนนิ่งเอาไว้แทนตัวเอง

    อย่างที่เคยเล่าในเรื่องของพระสุริยะ ว่าเทพดวงอาทิตย์ตามคติพราหมณ์ - ฮินดู เป็นเทพที่รูปร่างเล็กกว่าองค์อื่น บางแห่งว่าพิการแต่กำเนิด ทั้งที่พี่คนอื่นรูปร่างสวยงามและร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง แสดงว่าได้รับลักษณะด้อยมาจากพ่อแม่ เมื่อมีลูก จึงมีโอกาสที่ลูกของพระสุริยะจะออกมาแสดงลักษณะด้อยเหมือนพ่อ

    แล้วหวยก็ดันมาออกที่พระศนิผู้เคราะห์ร้าย เกิดมาก็รูปร่างไม่สวยงามเหมือนเทวดาองค์อื่น หนำซ้ำบางแห่งยังบอกว่าเป็นนปุงสกบัณเฑาะก์ หรือเกิดมาพร้อมอวัยวะเพศทั้งสองหรือไม่มีอวัยวะเพศทั้งสอง จนไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นชายหรือหญิงแต่เกิด

    แต่มันไม่ใช่ปัญหาเท่าไรสำหรับเหล่าเทวดา พระสุริยะเกิดมาอาภัพยังมีพี่น้องรวมพลังกันแก้ไขได้ในวัยหนุ่ม แต่ปัญหามันอยู่ที่พ่อหรือพี่น้องของพระศนิไม่สนใจจะแก้ไขให้ เพราะแม่ของพระศนิไปทะเลาะกับพระยมและสาปให้พระยมขาเน่า บรรดาเครือญาติเลยเหมือนจะไม่อยากช่วยเหลือลูกที่เกิดจากผู้หญิงคนนี้สักเท่าไรนัก

    พระศนิเกิดมาแบบเด็กมีปม เป็นลูกเมียน้อยที่ร่างกายผิดปกติ ไม่ได้รับความอบอุ่นจากพี่น้องเท่าไรนัก จึงไม่ใช้เรื่องน่าแปลกใจที่พระศนิจะเป็นเทพที่มีลักษณะเหมือนเด็กเก็บกดที่ไม่พูดไม่จากับใคร เอาแต่เก็บตัวจากสังคม และมีพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรงพร้อมระเบิดออกมาทุกเมื่อ

    เมื่อเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ พระศนิได้แต่งงานกับนางเชษฐเทวี ผู้เป็นเทพธิดาแห่งโชคร้าย และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของความซวยกว่าเดิมของพระศนิ เพราะพระศนิไม่ได้มีท่าทีสนใจชายาเลยแม้แต่น้อย อาจเพราะนิสัยชอบเก็บตัวไม่สุงสิงกับใคร หรือเพราะการมีเพศผิดปกติของพระศนิ ทำให้ไม่ชอบผู้หญิง แต่แต่งด้วยเหตุผลอื่นๆ ทำให้ชีวิตหลังแต่งงานของพระศนิหมดไปกับการนั่งสมาธิอยู่เพียงลำพัง ไม่พูดไม่จากับชายา

    แล้ววันหนึ่งความอดทนของนางเชษฐเทวีก็มาถึงขีดจำกัด นางไม่เข้าใจว่าทำไมหลังแต่งงานแล้ว พระสวามีจึงเอาแต่นั่งสมาธิ ไม่ลืมตามามองตนเองเลย นางคิดไปว่าบางทีเขาอาจจะไม่ได้รักตนแต่ชอบคนอื่นอยู่ จึงโกรธและสาปพระศนิ ว่าหากไม่อยากมองดูตนเองนัก ก็ไม่ต้องไปมองใครอีกเลย ถ้ามองใครคนนั้นจะถึงความพินาศ และนางก็ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวทางพฤตินัยกับพระเสาร์อีก แม้ว่าจะเป็นสามีภรรยาทางนิตินัยอยู่ก็ตาม

    คำสาปของชายาทำให้พระศนิกลายเป็นเทพที่มืดมนกว่าเดิม จากที่เดิมเอาแต่เก็บตัวไม่คบหาสมาคมกับใคร แม้ว่าเทวดาอื่นๆ อยากปฏิสัมพันธ์ด้วย กลายเป็นไม่มีใครอยากจะปฏิสัมพันธ์ด้วยอีกเลย แม้กระทั่งระดับมหาเทพ ซึ่งปรากฏในคัมภีร์พรหมาไววรรตะปุราณะ หนึ่งในคัมภีร์ที่อธิบายการมีเศียรช้างของพระคเณศ (ซึ่งมีคัมภีร์หลายแห่งอธิบายเกี่ยวกับการมีเศียรช้างของพระคเณศไว้ต่างๆ กัน) ว่า พระศิวะและพระนางอุมาเชิญชวนบรรดาเทพทั้งหมดไปร่วมงานฉลองวันประสูติของพระคเณศ พระศนิไปร่วมงานก็จริง แต่ไม่ได้เงยหน้ามองพระคเณศเลย จนพระนางอุมาสงสัยว่าทำไมไม่มองพระโอรส เมื่อพระเสาร์อธิบายว่าถูกสาป พระนางอุมาก็ไม่ได้สนใจ ขอให้เงยหน้ามามองดูพระคเณศ

    ผลของการจ้องมองครั้งนั้น ทำให้เศียรพระคเณศก็หายวับไป ชนิดที่ไม่สามารถเอากลับมาต่อใหม่ได้อีกครั้ง จนต้องเอาเศียรช้างมาต่อ กลายเป็นเทวดาที่มีเศียรแบบช้างอย่างทุกวันนี้ และนั่นทำให้พระนางอุมากริ้วมากที่ทำให้เศียรพระโอรสหาย จึงลงโทษด้วนการบันดาลให้พระเสาร์ขาพิการข้างหนึ่ง

    เหล่าเทพเห็นความซวยจากการจ้องมองของพระเสาร์ครั้งนั้น ก็ไม่มีใครยุ่งเกี่ยวกับพระเสาร์อีกเลย จะมีก็เพียงแต่พระราหูเท่านั้นที่เป็นมิตรและคบหาสมาคมด้วย อาจเพราะพระราหูก็ถูกชิงชังจากเหล่าเทพเหมือนกับพระศนิ จึงคบหาสมาคมกันได้

    หลังจากวันนั้น พระศนิก็มีชีวิตอยู่ด้วยความเคียดแค้นชิงชังทุกสิ่งทุกอย่าง พ่อแม่ พี่น้อง ชายา เทวดาทั้งหลาย รวมถึงทุกอย่างที่อยู่ในโลก ดังนั้นจึงเชื่อกันว่าพระศนิจะใช้อิทธิฤทธิ์ของตนดลบันดาลให้ชีวิตอื่นๆ ในจักรวาลต้องประสบเคราะห์กรรมเลวร้ายเหมือนกับที่ตัวเองเผชิญมา ราวกับหวังลึกๆ ว่าเมื่อแต่ละชีวิตเผชิญความยากลำบากเหมือนตนแล้ว สักวันจะเข้าใจตนบ้าง แต่นั่นกลับทำให้กลายเป็นที่เกรงกลัวกว่าเดิมเสียอีก

    ว่ากันว่าพระศนิชิงชังพระพุธและพระศุกร์ ซึ่งเป็นเทพที่เกิดทีหลังตนเป็นพิเศษ ถึงขั้นเรียกว่าเป็นศัตรู ซึ่งถ้าหากพิจารณาดูแล้วก็ไม่แปลกเท่าไรนัก เพราะพระศนิต้องคอยเก็บงำความผิดปกติทางเพศของตนเองไว้ ต้องแต่งงานกับผู้หญิงทั้งที่ไม่รู้ว่าตัวเองชอบผู้หญิงหรือไม่ แต่พระพุธกลับเปิดเผยความสัมพันธ์กับนางอิลาที่เป็นสาวแปลงเพศให้โลกรู้ ซึ่งเป็นสิ่งที่พระศนิทำไม่ได้ แม้ว่าอาจคิดจะทำ

    ส่วนที่เป็นศัตรูกับพระศุกร์นั้น คาดว่าเพราะพระศุกร์เป็นเทพเจ้าสำราญ ฝักใฝ่ในกามคุณ ใช้ชีวิตสำมะเลเทเมาไปเรื่อย ซ้ำยังเป็นเทพผู้อุปถัมภ์ความรัก และยังฝักใฝ่ศาสตร์มืด แต่กลับไม่สนใจปฏิสัมพันธ์กับพระศนิซึ่งเติบโตมาโดยขาดความรักความเข้าใจ และเต็มไปด้วยพลังอำนาจมืดเลยแม้แต่น้อย อาจจะทำให้พระศนิไม่พอใจหรือน้อยใจก็เป็นได้

    จากที่กล่าวมาจะเห็นได้ว่าพระศนินั้นไม่ได้เลวร้ายแต่กำเนิด แต่เพราะสังคมแวดล้อม ที่ไม่ได้ให้ความรัก ไม่ได้ความเอาใจใส่ ความอบอุ่นอย่างเพียงพอ ทั้งพ่อและพี่น้องที่มีปัญหากับแม่ ทำให้ร่างกายของเขาผิดปกติและไม่ได้รับการแก้ไข และเติบโตมาโดยขาดความอบอุ่น ทั้งสังคมเทวดา ก่อนที่พระพุธจะได้กับนางอิลา ซึ่งอาจจะยังไม่เข้าใจและไม่ยอมรับเพศที่สาม จนเขาต้องแต่งงานกับเชษฐเทวี ทั้งตัวนางเชษฐเทวีเองที่ไม่เข้าใจพระสวามี และสาปด้วยอารมณ์โกรธและหึงหวง ทั้งสังคมเทวดาทั้งหลายที่ไม่คบหาสมาคมกับเขา แต่ละอย่างล้วนหล่อหลอมให้เขากลายเป็นคนมีพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรง และเหมือนจะอิจฉาผู้อื่นที่มีชีวิตมีความสุขอยู่ตลอดเวลา

    ดังนั้นถ้าไม่อยากให้บุตรหลาน เพื่อนพ้อง หรือคนรอบตัวต้องเป็นแบบที่พระศนิเป็น โปรดให้ความรักความอบอุ่นแก่เขา หากเขามีปัญหา ก็ต้องพยายามทำความเข้าใจในปัญหาที่เขาเผชิญ หากเขามีบางอย่างที่แปลกแยกแตกต่างไป ก็ต้องพยายามเข้าใจในความแปลกแยกนั้น และอยู่ร่วมกันให้ได้

    อย่าให้ใครต้องเติบโตหรือมีชีวิตอย่างพระศนิอีกเลย...


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×