ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บทความวิชาเกรียน - ข้อมูลเทวดาฉบับฮาเฮ

    ลำดับตอนที่ #6 : พระโสม - จักรพรรดิคาสโนว่า

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 940
      8
      17 พ.ย. 59

    พระโสม - จักรพรรดิคาสโนว่า
     
    พอพูดเรื่องเทวดากลุ่ม “อาทิตย์” เสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมจะไม่กล่าวถึงเทวดาที่สำคัญคู่เคียงกันก็ดูกระไรอยู่ ยิ่งช่วงนี้ผมได้เห็นข่าวอาชญากรรมประเภทผัวฆ่าเมียเพราะมีชู้ เมียตัดช้างน้อยผัวเพราะมีเมียน้อย ก็ยิ่งอดไม่ได้ที่จะพูดถึงเทวดาท่านนี้ เพราะเป็นเทวดาที่มีวีรเกรียน เอ๊ย วีรกรรมเกี่ยวกับเรื่องชู้สาวพอสมควร และเขาก็ได้รับบทเรียนอันสมควรเกี่ยวกับสิ่งที่เขาทำลงไปเหมือนกัน
     
    หลายคนอาจจะเริ่มนึกออกแล้วผมกำลังจะพูดถึงใคร แต่ถ้านึกไม่ออก ผมเฉลยก็ได้ครับ ว่าเทวดาท่านนี้คือ “พระโสม” เทวดาแห่งแร่เงินและต้นโสม หรืออีกชื่อที่เรารู้จักกันดีในฐานะเทพประจำดวงดาวว่า “พระจันทร์” นั่นเอง


     
    พระโสมเป็นเทวดาผู้ยิ่งใหญ่อีกท่านหนึ่ง เริ่มต้นจากมีวิธีการเกิดอันพิสดาร หากจะเล่าย้อนไปก็ต้องเป็นสมัยที่พระอินทร์ยังขึ้นมาครองยอดเขาพระเมรุได้ไม่นานนัก ครั้งนั้นมีฤๅษีตนหนึ่งชื่อทุรวาส บำเพ็ญบารมีแก่กล้าน่าศรัทธา จนนางฟ้านำดอกไม้สวรรค์มาร้อยเป็นมาลัยถวาย ฤๅษีรับดอกไม้มาแล้วเห็นพระอินทร์ขี่ช้างผ่านมา จึงถวายมาลัยให้พระอินทร์เป็นทานอีกทอดหนึ่ง พระอินทร์นั่งบนหลังช้าง ลงไปไม่สะดวก ให้ช้างรับดอกไม้นั้นไว้
     
    เรื่องก็ฟังดูน่าจะแฮปปี้กับทุกฝ่าย นางฟ้าได้ทำบุญกับฤๅษี ฤๅษีสละดอกไม้เป็นทานให้พระอินทร์ พระอินทร์ได้มาลัยสวยๆ มาครอบครอง แต่เรื่องไม่เป็นแบบนั้น เพราะช้างทรงพระอินทร์ดันแพ้เกสรดอกไม้ครับ พองวงสัมผัสกับมาลัยก็เกิดอาการคุมตัวเองไม่อยู่ โยนมาลัยทิ้งแล้วกระทืบซ้ำทันที!
     
    นั่นเป็นการเปิดตำนานจอมเทพผู้พ่ายแพ้ของพระอินทร์ เมื่อฤๅษีเห็นช้างพระอินทร์เอามาลัยไปกระทืบแบบนั้นก็ปรอทแตก คิดว่าพระอินทร์ตั้งใจหยามตัวเองด้วยการสั่งช้างให้กระทืบดอกไม้ เลยสาปใส่พระอินทร์และบรรดาเทวดาบริวารบนเขาพระเมรุทั้งหมดในตอนนั้น ให้เสื่อมอำนาจลงจนทำสงครามไปก็พ่ายแพ้!
     
    พระอินทร์กับทวยเทพบนเขาพระเมรุทั้งหลายโดนสาปเข้าไปก็ต้องหาทางแก้ และหลังจากปรึกษากับพระพรหม พระอิศวร พระนารายณ์ผู้เป็นบอสของตัวเอง ก็ได้คำแนะนำให้สร้างน้ำอมฤต ดื่มแล้วมีพลังมากขึ้นและเป็นอมตะขึ้นมา ซึ่งวิธีสร้างนั้นก็คือการกวนเกษียรสมุทรครับ
     
    การกวนเกษียรสมุทรใช้ภูเขามัทระเป็นแกนกลาง ใช้พญานาควาสุกรีแทนเชือกพันภูเขา สองด้านของพญานาคมีผู้ช่วยกันดึงไปมา คือพวกเทวดาที่อยากได้น้ำอมฤตมาอัพเกรดตัวเอง กับอสูรที่เทวดาหลอกมาว่าจะมอบน้ำอมฤตให้ ซึ่งก่อนจะได้น้ำอมฤตนั้นก็มีสิ่งต่างๆ ผุดขึ้นมามากมาย รวมถึงพระโสมก็กำเนิดขึ้นมาจากการกวนเกษียรสมุทรนี้ครับ 
     
    เรียกว่าเป็นการกำเนิดแบบพิสดาร คือผุดจากท้องน้ำแล้วโตขึ้นมาเป็นตัวตนทันที ไม่ได้เกิดจากครรภ์แม่และมีพ่อเป็นตัวตนอย่างกลุ่มเทวดาพระอาทิตย์ทั้งแปด การกำเนิดแบบนี้ในศัพท์ทางพุทธศาสนาเขาเรียกว่า “โอปปาติกะ” คือผุดขึ้นมาเองแล้วโตเต็มวัยเลยโดยไม่ต้องอาศัยท้องแม่ เรียกได้ว่ามีกำเนิดอันละเอียดกว่ากลุ่มเทพพระอาทิตย์เสียอีก
     
    แต่ดูเหมือนทางศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู จะไม่ปลื้มการให้เทวดาอื่นนอกจากสามมหาเทพ มีกำเนิดแบบไม่อาศัยบิดามารดาสักเท่าไร จึงนิยามกันว่าพระโสมนั้นเป็นบุตรของพระสมุทรหรือของท้องทะเล ซึ่งจากบทก่อนหน้า ผมก็ยังไม่อาจสรุปได้ชัดเจนว่าตัวพระสมุทรนั้นคือพระวรุณเอง หรือเป็นบริวารของพระวรุณ 
     
    ถึงแบบนั้นบางปุราณะก็กล่าวว่าพระโสมเป็นบุตรฤๅษีอัตริ พี่น้องกับฤๅษีกัศยปะเทพบิดร กับนางอนสูยา แต่เมื่อผมลองตรวจสอบตำนานให้ดีแล้ว จะพบว่าพระโสมที่เป็นบุตรฤๅษีนั้น แท้จริงแล้วคืออวตารปางหนึ่งของพระพรหม และเป็นพี่น้องกับอวตารของพระศิวะและพระนารายณ์ ซึ่งเรื่องนี้จะได้เล่าในบทต่อไปสักบทหนึ่งครับ
     
    เมื่อพูดถึงเรื่องกำเนิดอันพิสดาร และดูยิ่งใหญ่กว่าเหล่าเทวดากลุ่มอาทิตย์แล้ว พระโสมยังได้ตอกย้ำว่าตัวเองนั้นยิ่งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง ด้วยการประกอบพิธีราชาสูรยะ หรือการประกาศตนเองเป็นจักรพรรดิของทุกอาณาจักรบนโลกมนุษย์  และพระโสมก็ทำสำเร็จ  ซึ่งผมก็ไม่ค่อยแปลกใจเท่าไร เพราะถ้าเทวดาลงมาทำพิธีกรรมนี้เอง จะมีเจ้าเมืองที่ไหนกล้ารบกับเทวดากันล่ะครับ
     
    เมื่อพระโสมได้เป็นจักรพรรดิของมนุษย์แล้ว ก็ไปชอบพอกับบรรดาลูกสาวชุดที่สองพระทักษะ ผู้เป็นฤๅษีรุ่นเดียวกับกัศยปเทพบิดร พระทักษะเห็นพระโสมพอใจกับลูกสาวตนเองก็มอบคนที่พึงใจให้ ปรากฏว่าพระโสมเล่นปิ๊งสาวไปยี่สิบเจ็ดคน เลยได้ชายามาตามนั้น โดยทั้งยี่สิบเจ็ดคนนี้ก็ได้เป็นเทวีประจำหมู่ดาวต่างๆ อย่างนางอาสยุช เป็นเทวีประจำหมู่ดาวม้า นางภรณีเป็นเทวีประจำดาวแม่ไก่ นางโรหิณีเป็นเทวีประจำดาวคางหมู นางปุนัพพสุเป็นเทวีประจำดาวเรือ ฯลฯ
     
    แต่การมีภรรยาเยอะก็ไม่ได้ทำให้ความต้องการเรื่องอย่างว่าของพระโสมลดลงเลยแม้แต่น้อยครับ ถึงพระโสมจะห้อมล้อมไปด้วยชายาจำนวนมาก และโปรดปรานนางโรหิณีเป็นพิเศษก็ตาม แต่พระโสมก็ยังคิดจะหาเมียเพิ่มอยู่ดี แถมเมียที่เขาจะหาเพิ่มดันไม่ใช่สาวธรรมดา แต่เป็นเมียคนอื่นซะงั้น
     
    และคนอื่นที่ว่านี่ก็ไม่ใช่คนธรรมดานะครับ ไม่รู้ว่าแย่งเมียมนุษย์จะไม่เร้าใจเขาหรืออย่างไรไม่ทราบ เพราะสตรีที่เป็นเป้าหมายถัดไปของพระโสม คือเมียเทวดาด้วยกันนี่แหละ แถมไม่ใช่เทวดากิ๊กก๊อก แต่เป็นถึงบุตรฤๅษีอังคีรส รุ่นเดียวกับฤๅษีกัศยปะ และไม่ใช่แค่เป็นลูกคนใหญ่คนโต แต่เทวดาที่พระโสมอยากจะแย่งเมียมานั้นยังดำรงตำแหน่งพระพฤหัสบดี ปุโรหิตของเหล่าเทพบนยอดเขาพระเมรุ!



    ท่านปุโรหิตสวรรค์ คู่กรณีของพระโสม

     
    ก็ไม่รู้ว่าท่านปุโรหิตทำงานมากเกินไปหรือนั่งสมาธิเพลินก็ไม่อาจทราบได้ พระโสมจึงไปฉวยโอกาสลักพานางดาราผู้เป็นชายาของท่านปุโรหิตสวรรค์มาได้ กว่าท่านปุโรหิตจะรู้ตัวอีกที เมียก็หายไปเรียบร้อย และเมื่อใช้อิทธิฤทธิ์ของตนก็รู้ได้ว่าพระโสมมาขโมยเมียตัวเองไปแบบไม่ยำเกรงคนใหญ่คนโตแห่งสวรรค์ 
     
    ท่านปุโรหิตไม่รอช้า เรียกเหล่าสานุศิษย์เทวดามาช่วยแย่งเมียคืนในทันทีทันใด และศิษย์คนสำคัญก็คือพระอินทร์จอมเทพ ส่วนด้านพระจันทร์ก็ใช่ว่าจะด้อยกว่าในด้านกำลังพล เพราะมีหน่วยซัพพอร์ตสำคัญอย่างฤๅษีอุศนัส ผู้ถูกรู้จักกันในฐานะเทพประจำดาวเคราะห์ว่า “พระศุกร์” ปุโรหิตของเหล่าอสูรทั้งหลาย ที่มาพร้อมกับกองทัพลูกศิษย์ของตัวเอง และมนต์วิเศษชื่อ “มฤตสัญชีวินี” หรือสกิลชุบชีวิตหมู่ และนั่นทำให้แม้กองทัพอสูรจะไม่ได้เป็นอมตะ แต่ทุกครั้งที่ถูกฆ่าก็จะโดนชุบชีวิตขึ้นมาสู้ต่อได้
     
    ศึกเทวดาปะทะอสูรครั้งนี้ไม่รู้ผลแพ้ชนะ เพราะเทวดาที่มาช่วยพระพฤหัสบดีรบเป็นอมตะจากน้ำอมฤต ส่วนอสูรที่มาช่วยพระโสมรบก็ถูกชุบชีวิตขึ้นมาได้เรื่อยๆ สุดท้ายแล้วพระพรหมคงเห็นว่าสู้กันไปก็ไม่จบไม่สิ้นสักที จึงลงมาสั่งยุติการต่อสู้นี้ และให้พระโสมคืนนางดาราให้พระพฤหัสบดีไป แต่พระพรหมมาสายไปนิดหน่อย เพราะพระโสมทำนางท้องไปเรียบร้อยแล้ว... ซึ่งเรื่องบุตรของนางดารากับพระโสมนี้ ผมจะเล่าในบทต่อๆ ไปครับ
     
    ที่เล่ามาข้างต้นนั้นคือความยิ่งใหญ่ของพระโสม และวีรกรรมผิดลูกเมียชาวบ้านที่ได้กระทำลงไป ซึ่งแน่นอนว่าพระโสมเองก็ได้รับผลของการกระทำนี้ อันดับแรกเลยคือถูกพระสมุทรผู้มีศักดิ์เป็นพ่อไม่พอใจมาก เลยสาปให้เป็นฝีในท้อง ได้รับความเจ็บปวดทรมานอยู่ตลอดเวลา (แต่บางตำราก็ว่าผู้สาปคือพระทักษะที่เป็นพ่อตา) คราวนี้ไม่ว่าจะยิ่งใหญ่แค่ไหนก็ทำอะไรใครไม่ได้แล้ว เพราะต้องทุรนทุรายจากอาการป่วยตลอดเวลา 
     
    แต่โชคดีที่พระนางลักษมี ชายาของพระนารายณ์ ผู้เกิดมาจากการกวนเกษียรสมุทรเหมือนพระโสม และนับว่าตนเป็นน้องสาว ได้ขอร้องให้พระสมุทรลดหย่อนคำสาปลง พระสมุทรจึงให้อาการของโรคไม่แสดงผลตลอดเวลา นั่นจึงทำให้ดวงจันทร์บนฟ้าที่เราเห็น เต็มดวงบ้าง แหว่งบ้าง มืดบ้าง ซึ่งเชื่อกันว่ามาจากความหนักเบาของความเจ็บปวดที่พระโสมได้รับนั่นเอง
     
    เรียกได้ว่ากลับไปซ่าเหมือนเดิมไม่ได้อีกแล้ว เพราะมีช่วงที่ฟิตสมบูรณ์พร้อมที่สุดเหลือแค่เดือนละวัน
     
    ผลของสงครามนั้นไม่เพียงแค่ทำให้พระโสมไม่ฟิตอีกต่อไป กลุ่มเทวดาบนเขาพระเมรุได้แอนตี้พระโสม ไม่ให้อาศัยในวิมานบนเขาพระเมรุแบบเทวดาทั้งหลาย ซ้ำไม่ยอมให้เข้าที่ประชุมเทวดาอีกต่างหาก และดูเหมือนจะไม่ให้ดำรงตำแหน่งจักรพรรดิบนโลกอีกต่อไปด้วย พระโสมจึงต้องอาศัยอยู่ในอากาศ ล่องลอยไปมาบนท้องฟ้ากับชายาทั้งยี่สิบเจ็ดนาง กลายเป็นดวงจันทร์และหมู่ดาวต่างๆ ที่เราเห็นกันยามพระสุริยะไปพักผ่อน หยุดการส่องแสงอาทิตย์แล้วนั่นเอง
     
    แม้ว่าพระโสมจะสำนึกผิด เหล่าเทวดาก็ยังไม่ยอมคบค้าสมาคม สุดท้ายก็ต้องไปขอร้องพระอิศวรให้ช่วยเอาตัวเองไปเป็นปิ่นปักผม เพื่อที่จะได้เข้าประชุมสภาด้วย และนั่นก็ทำให้เขามีสิทธิ์จะเข้าไปในที่ประชุมเทวดาอีกครั้งเพื่ออัพเดทข้อมูลว่าประชุมอะไรกัน แต่ก็เข้าไปในฐานะปิ่นปักผม ไม่น่าจะมีสิทธิ์มีเสียงอะไรในที่ประชุม
     
    จะเห็นได้ว่าแม้แต่เทวดาผู้ยิ่งใหญ่ มีฤทธิ์มีอำนาจมากมายอย่างพระโสม ยังต้องรับผลจากการกระทำจากไปผิดลูกผิดเมียคนอื่นของตัวเอง จนคนอื่นไม่พอใจและลงโทษเอาเหมือนกัน นับประสาอะไรกับมนุษย์ที่ไปผิดลูกผิดเมียแล้วถูกจับได้
     
    ดังนั้นซื่อสัตย์และพอใจต่อคู่ครองของตนกันดีกว่าครับทุกคน
     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×