ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Whisperer เนตรสะกดวิญญาณ [จบ]

    ลำดับตอนที่ #29 : เหล่าวิญญาณที่หลับใหล The Gladiator

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 323
      2
      27 ม.ค. 56

    บทที่ 10

    Gladiators

    เหล่านักรบผู้หลับใหล

     

     

     

    เวลา 23 นาฬิกา 3 นาที คืนจันทร์เต็มดวง แกรนด์โคลอสเซียม กรุงโรม ประเทศอิตาลี...

     

    ในคืนที่จันทราทอแสงยามราตรี พร้อมกับแสงสว่างแห่งโรมจางลงไป ร่างหนึ่งยืนสงบนิ่ง ณ จุดสูงสุดของโคลอสเซียมท่ามกลางสายลมหนาว ร่างนั้นทอดสายตาไปยังเมืองที่มีกลิ่นอายอดีตและตำนานแห่งเทพเจ้ากรีก วิหารพาเทนอนสงบตัวอยู่เบื้องหน้า แสงจันทร์ที่ส่องสว่างทำให้มองเห็นกรุงโรมยามนิทรา จัตุรัสนาโวน่าคึกคักไปด้วยเหล่าศิลปิน ในขณะที่โอเชียนัสเทพแห่งสายน้ำ ประติมากรรมที่รังสรรค์ขึ้นโดยจินตนาการของ ปริเอโตร บัคชี่ ยังคงตั้งตระหง่านกลางน้ำพุเทรวี่ที่ยังคงไหลเวียนแม้นยามค่ำคืน แสงจางลงจากแถบสกาล่า ดิ สปัญญา ย่านสินค้าแฟชั่นขึ้นชื่อเนื่องจากเวลาล่วงเลยมาเกือบจะเที่ยงคืน

    ร่างชายที่ยืนเหนือโคลอสเซียมหันกลับเข้าสู่สนามกีฬาแห่งกรุงโรมอีกครั้งเมื่อรู้สึกได้ถึงการมาถึงของผู้ที่เขารอคอย มาสู่สถานที่ตัดสินแห่งเหล่ากลาดิเอเตอร์ มาสู่โคลอสเซียม สังเวียนแห่งความตาย

    ย้อนเวลาไปนานเนิ่นนาน ด้วยบัญชาของจักรพรรดิเวสปาเรียนแห่งโรม สนามกีฬาที่มูลค่ามหาศาลถูกสร้างขึ้นจนแล้วเสร็จในปี คริสตศักราช 80 มันถูกสร้างจากทรัพย์สินที่ยึดได้จากนครเยรูซาเลมจากการศึก ด้วยคอนกรีตที่ได้จากการใช้ทรายภูเขาไฟทำให้เกิดสนามกีฬาสูงถึงหนึ่งร้อยหกสิบฟุตรูปทรงเป็นวงรี จุคนได้ราวห้าหมื่นห้าพันคน ด้วยทางเข้าออกกว่าเจ็ดสิบหกช่องทาง ทางใต้ดินที่ดั่งเขาวงกต และระบบระบายน้ำจากพื้นสนามป้องกันนำท่วมขังยามสายฝนกระหน่ำ มันเป็นสิ่งที่แสดงถึงวิทยาการอันชาญฉลาดของมนุษย์ในยุคนั้น

    เมื่อเวปาเรียนสวรรคต ไททัสบุตรผู้สืบสายเลือดขึ้นครองราชย์ เมื่อนั้นความตายก็ฉาบไปที่สนามแห่งนี้ การเฉลิมฉลองหนึ่งร้อยวันที่มีการแข่งขัน คมอาวุธปลิดชีวิตทั้งมนุษย์และสัตว์ และยังก่อเกิดความนิยมในการรบของเหล่ากลาดิเอเตอร์ นักสู้ผู้แสวงหาเกียรติยศและเงินตรา มูร์มิลลอสนักรบที่ถือโล่ขนาดใหญ่และดาบเล่มยาว ธราเชียนซึ่งใช้การต่อสู้แบบทหารกรีก และเรทาริอัส ผู้ใช้แหและสามง่ามเป็นอาวุธ

    ฮิปโปโปเตมัสหายไปจากอียิปต์ โขลงช้างล้มตายไปจากทางเหนือของแอฟริกา สิงโตเจ้าแห่งสัตว์ป่าก็แทบสูญพันธุ์จากตะวันออกใกล้ นั่นเพราะถูกใช้ในการแสดงการเข้าห้ำหั่นของเหล่ามนุษย์และสัตว์ป่า หรือเหล่ากลาดิเอเตอร์ด้วยกันเอง มีเพียงชื่อหนึ่งที่คงอยู่ตราบวันนี้ นามนั้นคือ เวรัส กลาดิเอเตอร์ผู้ที่นามนั้นเป็นอมตะ...

    คิดถึงครั้งที่ข้ายังกวัดแกว่งดาบอยู่ที่นี่จริงๆ ร่างนั้นว่า

     

    เมื่อเมฆเคลื่อนตัวออกจากดวงจันทรา แสงสีนวลตกกระทบใบหน้า ร่างมนุษย์ชายวัยกลางคนจ้องไปยังถนนอิมพีเรียมหน้าโคลอสเซียม ดวงตาสีฟ้าฉาบด้วยความแข็งกร้าวมองไปยังผู้มาเยือน ผมสีทองที่หวีเสยไปด้านหลังสะท้อนแสงว่างกลางความมืด ชุดโค้ทสีดำยาวพลิ้วไปกับสายลมสีดำยามค่ำคืน

    รอยยิ้มแตะที่มุมปาก กริเซลด้าเจ้าทำให้ข้าประหลาดใจเสียงเข้มเอ่ยออกมา พร้อมกับกระโดดลงจากความสูงที่มนุษย์ไม่สามารถทำได้ลงสู่พื้น สู่กลางสนามประลองแห่งกรุงโรม

     

    เรย์กำลังเข้าสู่โคลอสเซียมพร้อมกับไนล์และกริเซลด้า โดยมีอีริกตามมาที่ด้านหลัง เสื้อแจ็กเก็ตหนังสีขาวของเรย์ดูเด่นชัดพอกับชุดกระโปรงยาวสีแดงของกริเซลด้า

    ไนล์ ขอยืมพลังคุณหน่อยชายหนุ่มเอ่ยขึ้น

    หญิงสาวผิวสีน้ำผึ้งนัยน์ตาคมเข้มพยักหน้ารับ ประตูทางเข้าสู่โคลอสเซียมซึ่งถูกเปิดรออยู่แล้วที่เบื้องหน้า ประตูเหล็กนั้นเปิดกว้างเพื่อต้นรับทั้งสี่ สายลมพัดผมสีดำขลับปลิวไหว เพชรน้ำหนึ่งส่องแสงแวววาวแม้นยามแสงนั้นเจือจาง เอเอื้อนเอ่ยประโยควิงวอนต่ออัญมณีนั้น

     

    “จิตแห่งบรรพกาล ดวงเนตรแห่งพื้นพิภพ โปรดเบิกทางแห่งห้วงมิติ!

     

    ห้วงมิติหน้าประตูเปิดออกพร้อมการฉีกขาดของมิติ แรงอัดและบีบตัวของมวลอากาศยังคงความรุนแรงเช่นเดิม เมื่อทางเข้าสู่มิติเปิดออก โคลอสเซียมที่นิ่งสงบไม่เป็นเช่นเดิมอีกต่อไป

    มันรายล้อมด้วยร่างมนุษย์ที่อยู่ในมิติเบื้องหลังนับร้อยร่าง หากแต่สายตานั้นยืนยันว่าพวกเขานั้นมิน่าจะเป็นมนุษย์ เสียงอื้ออึงดังขึ้นเมื่อเรย์เดินเข้าสู่สนาม และดังขึ้นกว่าเดิมเมื่อกริเซลด้าปรากฏกายต่อหน้าทุกตน

    ทั้งหมดนี่คือนีเมซิสหรือคะ ไนล์หันไปถามกริเซลด้า ดูเหมือนเวลาที่ลาสเวกัสทำให้เธอสนิทสนมกับหนึ่งในความตายทั้งสี่มากขึ้น

    อืม...ใช่ นางว่า แต่พวกนี้ไม่ได้อยู่ใต้อาณัติข้า

    ร่างผอมบางของชายหนุ่มผมสีทองเดินมายืนข้างไนล์ ก่อนจะเอ่ยขึ้น พวกนี้เป็นสมุนของฮาเดสจากทุกมุมโลกอีริกพูดขึ้น ใบหน้าของกริเซลด้าหันกลับมาหาผู้พูดในทันที พร้อมกับสายตาแข็งกร้าวที่จ้องออกมา

    อีริกหน้าเจื่อนลงทันตา แฮะๆ...เอ่อ...ต้องเรียกว่าท่ากาเซลถูกจะถูกนะครับ เด็กหนุ่มแก้คำเรียกขานชายที่อยู่ไกลออกไปทันทีเมื่อเห็นสายตานั้น

    กริเซลด้าส่ายศีรษะเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยขึ้น เข้าไปกันเถอะ...ถึงเวลาที่เจ้าต้องพิสูจน์ตัวเอง เธอพูดกับชายหนุ่มที่ยืนเคียงข้าง ดวงตาเขาส่องประกายสีทองราวแสงของดวงจันทร์ และทั้งสี่ก็เดินผ่านอากาศอันยะเยือกยามค่ำคืนไปยังชายที่ยืนอยู่กลางโคลอสเซียมเพียงผู้เดียว หนึ่งในความตายทั้งสี่ กาเซลแห่งความมืด หรืออีกนามหนึ่งคือ...

    ฮาเดส นามเทพความตายแห่งผองเทพโอลิมปัส

    ไม่คิดว่าจะพบเจ้าที่นี่ กริเซลด้าร่างของฮาเดสยืนกอดอกอยู่ท่ามกลางแสงจันทร์และดวงไฟที่ส่องมายังพื้นสนาม

    ตั้งแต่ครั้งที่ทรานซิลวาเนียสินะที่เราทั้งสามพบกันครั้งสุดท้าย กริเชลด้าตอบไปพร้อมรอยยิ้ม

     ครั้งนี้ทำไมเจ้ามากับเจ้าหนุ่มสายเลือดกษัตริย์ร่างของชายกลางคนที่ฮาเดสสถิตอยู่ถาม

    ใบหน้าขาวนวลของร่างเด็กสาวชายตามาที่เรย์ ซึ่งตัวของเรย์เองก็จดจ้องไปที่ฮาเดสไม่วางตา คงเป็นเพราะครั้งก่อนเขาแพ้ให้บุคคลตรงหน้าอย่างหมดรูปนั่นเอง

    ข้ามีเรื่องต้องพูดกับเจ้ากาเซลกริเซลด้าหันไปบอกกับฮาเดส ถ้าเจ้าหนุ่มนี่ชนะเจ้าได้น่ะนะ

    เสียงหัวเราะดังจากฮาเดสในทันทีเมื่อสิ้นคำ เจ้าคิดว่าเจ้าหนุ่มนี่จะชนะข้าได้รึกริเซลด้า เจ้านี่ยังไม่รู้จักวิธีเชื่อมต่อกับเอมิไทร์สายฟ้านั่นได้เลย

    สายตากริเซลด้ามองไปที่ฮาเดส ก่อนจะแตะยิ้มที่ริมฝีปาก คงเป็นอย่างนั้นกาเซลนางพูดขณะที่ยิ้มนั้นไม่เลือนหายไป

    สีหน้าฮาเดสเปลี่ยนไปทันทีที่เห็นสายตาของนาง เจ้าสอนมันเขาพูดขึ้น ทำไม...มันเป็นศัตรูเราเจ้าก็รู้อยู่แก่ใจ

    ข้ามีเหตุผล แต่ยังบอกเจ้าไม่ได้ เอาเป็นว่าข้าขอพนันกับเจ้าอิซานามิเอ่ย

    พนัน? พนันอะไรฮาเดสคลายมือที่กอดอยู่ที่อก

    ถ้าเจ้าหนุ่มนี่แพ้เจ้า ข้าและมันจะเป็นลูกน้องเจ้ากริเซลด้าพูดขึ้น มันทำให้สีหน้าของฮาเดสมีสีหน้าประหลาดใจ

    หึ...มันก็น่าสนใจ แต่ถ้าข้าแพ้ล่ะ

    ขอให้ฟังเรื่องที่ข้าจะเล่าอย่างสงบสีหน้ากริเซลด้านที่เอ่ยขึ้นนิ่งสงบ และไร้ความหวั่นไหว

    ใบหน้าที่เริ่มจะมีรอยเหี่ยวย่นของผิวหนังพยักรับคำ ได้...ข้าตกลง หากเจ้าหนุ่มนี่ชนะข้าในกระประลองครั้งนี้ ข้าจะยินยอมฟังเจ้า ฮาเดสในร่างดอนลูเซียโน่ว่า และชาตินักรบเช่นข้าไม่เอาเปรียบพวกเจ้า หากชัยชนะเป็นของเจ้า ชีวิตของผู้แพ้จะเป็นของผู้ชนะสีหน้าที่เอ่ยออกมาจริงจังและหนักแน่น

    แคลร์อยู่ไหน ชายหนุ่มที่นิ่งเงียบอยู่ถามออกไป ดวงตาสีทองจับจ้องไปยะงฮาเดสผู้ถูกถาม

    เสียงหัวเราะดังในลำคอ ร่างชายกลางคนขยับหันไปทางขวามือ เอาตัวยายหนูนั่นมาซิเขาสั่งลูกน้องสองสามคนของเขาที่อยู่บริเวณนั้น ก่อนที่ผู้รับคำสั่งจะหาบลงไปใต้ดินพักหนึ่ง และขึ้นมาพร้อมหญิงสาวใบหน้ารีเล็กคุ้นตา ดวงตาสีฟ้าใส ผมที่ยาวเป็นลอน...!?

    ผมยาวเป็นลอนกลับกลายเป็นผมสั้นเลยบ่าขึ้นไป คิ้วของเรย์ขมวดเกือบจะผูกโบว์ เขาหันหน้ามาที่ฮาเดสอีกครั้ง ก่อนจะถามออกไปเสียงขุ่น

    เรย์!” เสียงหญิงสาวตะโกนเรียก เสียงที่เขาอยากจะได้ยินอีกครั้งตลอดช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา

    แกทำอะไรเธอ!” เขาตวาด

    กาเซลสายศีรษะ ใครจะไปทำอะไรเธอ ข้าบอกแล้วว่าจะดูแลอย่างดีก็ต้องเป็นตามนั้น ส่วนเรื่องผมนั่นเธอเลือกของเธอเองและที่สำคัญ ยายหนูนี่โหวกเหวกโวยวายตลอดสองอาทิตย์เชียวล่ะ

    ชายหนุ่มถอนหายใจโล่งอก มันเป็นเวลาเดียวกับที่แคลร์ถูกพาตัวที่ที่ฮาเดส

    เอาเธอคืนไป เมื่อเจ้ามาตามคำสัญญาแล้วก็ไม่จำเป็นต้องให้เธออยู่กาเซลขยับตัวไปปลดเชือกที่มัดแคลร์ไว้ออก พร้อมกับส่งตัวเธอคืนให้เรย์

    หญิงสาวที่ถูกปล่อยตัวเธอวิ่งโผเข้าหาเรย์ เส้นผมสีทองที่สั้นลงปลิวกับสายลม ดวงตาสีฟ้าใสจับจ้องไปที่ใบหน้าชายหนุ่ม ซึ่งจ้องที่เธอไม่วางตา และแล้วใบหน้าของชายหนุ่มก็สะบัดด้วยแรงบางอย่าง

    ไอ้บ้า! ไหนบอกจะดูแลฉันไง!” เสียงใสตะโกนใสใบหน้าที่สะบัดเพราะหมัดของเธอ

    ชายหนุ่มหันกลับมาด้วยสีหน้าตกใจ จะบ้ารึ! จู่ๆ ก็วิ่งมาต่อยเรย์ว่า

    น้ำตาเริ่มไหลจากดวงตาคู่งาม ใบหน้าหญิงสาวบูดบึ้ง ก็นายสัญญาว่าจะดูแลฉันเสียงเธอเริ่มสั่นเครือ มือเธอปาดน้ำตาที่ไหลออกมา

    ชายหนุ่มที่ยืนอยู่เบื้องหน้าสีหน้าเศร้าลงถนัดตา ดวงตาเขามีความรู้สึกผิดอยู่เต็มแววตา เรย์เองรู้สึกผิดตลอดเวลาเพราะเขาปกป้องเธอไม่ได้ ปกป้องหญิงสาวจากอันตรายต่างๆ ไม่ได้ทั้งที่เขาเพิ่งจะรับปากไปไม่ถึงหนึ่งวัน

    เขาโอบมือกอดร่างบางของแคล์ที่มีน้ำตาบนใบหน้า ส่วนหญิงสาวเองก็โน้มตัวลงไปซบที่ไหล่ของชายหนุ่ม เธอเอ่ยขึ้นพร้อมเสียงสะอื้น

    ไหล่นายไม่เจ็บแล้วหรือเธอถาม เมื่อมองไปที่ไหล่ของชายหนุ่ม

    เรย์ส่ายศีรษะพร้อมกับใช้มือลูบไปที่ผมสีทองที่ตัดสั้นหายแล้วล่ะเขาว่า ผมขอโทษ...ต่อไปมันจะไม่เป็นอย่างนี้อีกผมสัญญา

    แคลร์เงยหน้าเชยคางขึ้นจ้องไปที่ดวงตาสีทองคู่ตรงหน้า เธอเบะปากเล็กน้อย สัญญาอีกแล้ว แล้วจะทำได้ไหมหญิงสาวเอ่ยถาม

    เรย์แตะยิ้มที่ริมฝีปากก่อนจะจับไหล่ทั้งสองข้างของแคลร์ เขาจ้องไปในดวงตาสีฟ้าใส

    เชื่อใจผมอีกสักครั้งเสียงชายหนุ่มเอ่ยขึ้น

    หญิงสาวทุบไปที่ไหล่เขาอย่างแรงอีกครั้ง ครั้งสุดท้ายนะ ครั้งนี้ครั้งสุดท้ายเธอพูดพร้อมกับรอยยิ้มเริ่มเจือบนใบหน้า แต่เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมา

    เรามาจัดการเรื่องเราก่อนดีไหมเจ้าหนุ่มเสียงส่งมาจากฮาเดสที่ยืนอยู่ ซึ่งขณะนี้ลมหนาวพัดมาอย่างไม่มีวี่แวว ทำให้ชุดโค้ทยาวของเขาขยับตัวเล็กน้อย

    ไนล์มองทั้งสองด้วยแววตานิ่งสงบ มันอาจจะมีความเหงาเคลือบอยู่จางๆ หากแสงจันทร์ไม่ทำให้สายตาผู้มองพร่าเลือน กริเซลด้าและอีริกเดินไปสู่ที่นั่งในสนาม เรย์ส่งแคลร์ไปทางทั้งสอง พร้อมกับเขาหันหาไนล์เพื่อไม่ให้ต้องเป็นห่วงเขา

    กริเซลด้า ผมฝากสองคนนี้ด้วยเขาพูด ซึ่งใบหน้าของเด็กสาวที่กริเซลด้าสิงสู่พยักหน้ารับ

    ไม่ต้องห่วง...ข้าดูแลพวกนางเอง เจ้าจัดการเรื่องฮาเดสให้เสร็จเถอะเธอว่า แต่อย่าลืมที่ข้าสั่งไว้ล่ะ...

    เรย์พยักหน้ารับก่อนจะหันไปเผชิญหน้ากับฮาเดส ผู้อยู่เคียงข้างกาลเวลา ผู้อยู่เป็นหนึ่งในสี่จุดสูงสุดของเหล่านีเมซิส

    กาเซลแห่งความมืดสีดำ...

     

    สายลมพัดแผ่วราวกับมันเริ่มแก่ชรา เสียงอื้ออึงดังลอยในอากาศ เหล่านีเมซิสจับจ้องไปที่ร่างสองร่างกลางโคลอาเซียม ชายหนุ่มผู้มีดวงตาสีทอง ชายหนุ่มผู้สืบสายเลือดราชันย์ ชายหนุ่มผู้มีมังกรนิลกาฬสถิตในอัญมณีนามโฮป

    ส่วนอีกด้านคือร่างชายวัยกลางคนในผมสีทองเสยไปด้านหลัง ชุดโค้ทยาวสีดำกลืนไปกับความมืด คมเคียวเล่มยักษ์ถูกหยิบมาจากที่ใดไม่ทราบได้ หากแต่ร่างที่ไม่ใหญ่โตนั้นกลับใช้มันได้อย่างคล่องแคล่ว คมเคียวสีดำสนิทที่ยาวกว่าสามเมตร

    เริ่มกันเลยนะเจ้าหนุ่มสิ้นเสียงนั้นร่างฮาเดสพุ่งตรงมายังชายหนุ่มที่ยืนอยู่เบื้องหน้า แต่ก่อนที่ฮาเดสนั้นจะพุ่งเข้ามาเรย์ได้เอ่ยบางอย่างออกมาก่อนแล้ว

     

    อัสนีจงสถิต เวลาจงไหลผ่าน วิญญาณจงรับฟัง จิตแห่งสายฟ้านิลกาลจงขานรับเสียงเพรียกแห่งข้า

     

    สายฟ้าสีดำปกคลุมโซลไนฟ์ด้ามเดิม หากแต่มันมีบางอย่างต่างออกไป ความยาวของมีดสายฟ้านั้นครั้งนี้น่าจะเรียกได้ว่าดาบ ความยาวของใบมีดสายฟ้ายาวราวเก้าสิบเซนติเมตร และที่สำคัญหากเพ่งมองอย่างละเอียด มันเหมือนกับมีแสงของสายฟ้าสีดำปกคลุมไปที่ร่างชายหนุ่มอ่อนๆ

    แคลร์ที่ทำได้เพียงมองดูสีหน้าเป็นกังวล จะไหวรึเปล่าน่ะตาบ้านั่นเธอเอ่ยกับตัวเอง

    สายฟ้าเป็นพลังให้แก่เขาแล้ว เจ้าหนุ่มนั่นรู้นามที่แท้จริงของเอมิไทร์ตนนั้นแล้วกริเซลด้าที่มองอยู่ด้วยสีหน้าสงบนิ่งพูดขึ้น พลังของมังกรดำนั้นยิ่งใหญ่ดั่งที่สายเลือดกษัตริย์เคยใช้ในกาลก่อน

    เธอเป็นใครแคลร์หันไปถามผู้พูด แต่มีเพียงรอยยิ้มเท่านั้นเป็นคำตอบ จนเธอต้องหันไปถามไนล์ที่อยู่ด้านข้าง

    คุณไนล์คะ พวกนี้ใครหรือเธอถามอย่างสงสัย

    ไนล์นั้นเอียงหน้ามากระซิบที่ข้างหูของแคลร์ อิซานามิ เธอกระซิบแผ่วเบา แต่ห้ามเอ่ยชื่อนี้ต่อหน้านางเด็ดขาดเธอกำชับ

    คิ้วคู่งามเลิกสูง ดวงตาสีฟ้าสะอาดเบิกกว้าง ทำไมเธอมาอยู่ที่นี่กัน!”

    ใจเย็นยายหนู เรื่องมันยาว ให้รู้แค่ว่าข้าตอนนี้คือพวกของเจ้ากริเซลด้าว่า

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×