ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กรงขังสิเนหา

    ลำดับตอนที่ #7 : บทที่ 6

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.53K
      8
      8 ก.พ. 58



     

     

     

            กลางดึก...ความเงียบเข้าครอบคลุม ผู้อาศัยต่างแยกย้ายเข้าห้องของตัวเอง บนชั้นสองของบ้านหลังใหญ่ อเกณที่เพิ่งล้มตัวลงนอนเหยียดกายก็พลันสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องของอัญนิกา ชายหนุ่มลุกพรวดพราดวิ่งออกจากห้องด้วยความเร็วเต็มฝีเท้า ใจประหวั่นพรั่นพรึงถึงความเจ็บปวดอันใดก็แล้วแต่ที่น้องสาวกำลังเผชิญอยู่

              เมื่อไปถึงห้องของน้องสาวที่อยู่เยื้องกัน ชายหนุ่มพยายามผลักประตู ปากก็ร้องเรียกน้องสาวด้วยความเป็นห่วง “น้ำพั้นซ์เปิดประตูให้พี่...น้ำพั้นซ์!

    สาวใช้คนหนึ่งวิ่งหน้าตาตื่นขึ้นบันไดมาก่อน อเกณสั่งให้เธอไปเอากุญแจกับนางกิ่งแก้ว สักพักหญิงสูงวัยก็วิ่งมาถึงตีนบันไดเพราะโดนปลุกก่อนหน้าแล้ว ภายในห้องเสียงของอัญนิกายังร้องไม่หยุด พอชายหนุ่มได้กุญแจก็รีบเปิดประตูเข้าไปทันที

              อัญนิกากำลังนั่งตัวสั่น ดวงตาวาวโรจน์เต็มไปด้วยความโกรธ

              “น้ำพั้นซ์” เขาเรียกน้องสาว

    เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรร้ายแรง ก็รีบสั่งบ่าวในบ้านที่กำลังจะกรูเข้ามาในห้อง “ไม่มีอะไรแล้วล่ะป้ากิ่ง”

              นางกิ่งแก้วซึ่งทำงานบ้านนี้มานานเข้าใจคำสั่งของชายหนุ่มเป็นอย่างดี นางจึงสั่งสาวใช้รุ่นลูกและรุ่นหลานว่าไม่ต้องเข้าไปในห้อง ก่อนจะปิดประตูทิ้งให้พี่น้องจัดการปัญหากันตามลำพัง

              “คุณน้ำพั้นซ์เธอเป็นอะไรอีกล่ะป้า”

              “ไม่ใช่เรื่องของเอ็ง” นางกิ่งแก้วเอ็ดนวลที่ยื่นหน้าแนบประตูอยากรู้อยากเห็น

              “อ้าว...ก็ร้องกรี๊ดๆ กลางดึกแบบนี้ ฉันผิดเหรอที่อยากรู้ว่าเจ้านายเป็นอะไร”

              “ไม่เป็นอะไรแล้ว!” คนสูงวัยกว่าดุเอา หญิงรับใช้อีกคนที่อายุราวสามสิบก็เลยยื่นมือจะฟาดสาวปากมาก

              “สู่รู้มากๆ เดี๋ยวได้ตกงาน”

              นวลย่นปาก บ่นหมุบหมิบ แล้วเดินลงบันไดกลับห้องของตัวเองไป ทิ้งไว้แต่นางกิ่งแก้วและเพ็ญที่มองหน้ากัน ก่อนจะส่ายหน้าเพราะเข้าใจถึงปัญหาความยุ่งยากของนายผู้ชายบ้านกมลภูปกรณ์ดี

              ทางด้านอัญนิกานั้น หญิงสาวยังระเบิดอารมณ์ออกมาอย่างต่อเนื่อง ไม่สนใจความทุกข์ร้อนของพี่ชายที่ดึกแล้วก็ยังไม่ได้พักผ่อน

    “อีผู้หญิงหน้าด้าน!” หญิงสาวคว้าเอาหนังสือใกล้มือฟาดใส่หน้าจอสมาร์ทโฟนเหมือนว่ามันจะช่วยลดทอนอารมณ์ร้อนพุ่งพล่านภายในใจ

    “พระพายทำเรื่องอีกแล้วใช่ไหม” อเกณมองรูปที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอนอกจากผู้ชายคนนั้นแล้วยังจะมีใครอีกที่ทำให้น้องสาวเขาใจคอร้อนรุ่มเหมือนโดนไฟสุมเผาได้มากมายขนาดนี้ เกรงว่านานวันเข้าความโมโหร้ายของเธอก็จะยิ่งเพิ่มขึ้น

              อัญนิกาเกรี้ยวกราดไปแล้วก็มาคิดได้กับคำพูดและสายตาเชิงหมิ่นแคลนของพี่ชาย คล้ายเขาบอกว่าเธออย่าแก้ตัวหรือปฏิเสธว่าเขากำลังเข้าใจแฟนหนุ่มของเธอผิด หญิงสาวกัดปากตัวเองครุ่นคิดอย่างหนักที่ตัวเองเผลอตัวไม่เก็บอารมณ์ต่อหน้าพี่ชาย

    “อีผู้หญิงคนนี้มันคงอยากให้น้ำพั้นซ์ทะเลาะกับไปป์”

              “อย่าโยนความผิดให้คนอื่น ผู้หญิงกี่คนแล้วที่มันเข้าไปยุ่งด้วยแล้วน้ำพันซ์ต้องมานั่งเสียใจและอารมณ์เสียแบบนี้ ถ้าจะหาคนผิดจริงๆ มันก็คือไอ้ไปป์นั่น!

              “พี่น้ำหนึ่งอย่ามาว่าไปป์นะ!

              “ทำไมพี่จะว่าไม่ได้ ในฐานะพี่ชายที่รักน้ำพั้นซ์ พี่จะสบายใจยิ่งกว่าทุกวันนี้แน่ ถ้าหากน้ำพั้นซ์เลิกกับผู้ชายคนนั้นซะ!” อเกณยื่นคำขาดเสียงหนัก

              “น้ำพั้นซ์รักไปป์”

    “แล้วน้ำพั้นซ์คิดว่านายไปป์นั่นรักน้ำพั้นซ์จริงๆ เหรอ มีสติหน่อยสิ ผู้ชายที่ดี เขาไม่นอกใจคนรักหรอก จะแค่คืนเดียวหรือว่ามีเก็บซุกไว้ก็คือการนอกใจเหมือนกัน กี่ครั้งแล้วที่น้ำพั้นซ์ต้องเข้าไปจัดการเอง เขาถึงจำใจเลิกกับผู้หญิงคนอื่น อย่าคิดว่าพี่โง่จนไม่รู้เรื่องอะไร”

    อเกณรู้ตลอดว่าน้องสาวตัวเองทำอะไร จัดการเล่นงานผู้หญิงคนไหนบ้าง แต่อัญนิกาไม่เคยเล่นงานผู้ชายไม่ซื่อสัตย์อย่างพระพายเลยสักครั้ง

    อัญนิกาสะอึกกับคำพูดของพี่ชาย หากแต่หญิงสาวก็ยังเถียงข้างคูออกไปว่า “นั่นก็เพราะพี่น้ำหนึ่งไม่เคยชอบไปป์ พี่น้ำหนึ่งก็เลยมองเห็นแต่ข้อเสียของเขา”

    พูดจบเธอก็สะบัดหน้าหนีไม่อยากสบตาพี่ชายที่รู้ทัน เพียงแต่เขายังไม่กล้าจะทำร้ายจิตใจเธอเท่านั้น หญิงสาวรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ว่าสักวันที่พี่ชายหมดความอดทน เขาอาจจะจัดการเรื่องนี้ได้เด็ดขาดจนเธออาจคาดไม่ถึงก็ได้ เมื่อน้องสาวหันหน้าหนี อเกณก็มองไปยังรูปผู้ชายที่นอนหลับสนิทเปลือยท่อนบนนอกผ้าห่ม มีเพียงเรือนร่างบางส่วนของผู้หญิงโผล่เข้ามาในรูปเท่านั้น และคนที่ส่งรูปนั้นมามีชื่อว่า...lanarin

              “ลนาริน” ริมฝีปากหนาขยับเอ่ย คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา

              “พี่น้ำหนึ่งรู้จักมันเหรอ มันเป็นใคร” อัญนิกาหูผึ่ง ถามเสียงเขียว ตรงเข้าดึงแขนพี่ชายอยากจะรู้ให้ได้

              “ก็เคยเห็น เคยคุยด้วย”

              อัญนิกาไม่เชื่อว่ามันไม่มีอะไร ลองพี่ชายเธอจำชื่อได้ ผู้หญิงคนนี้มันต้องมีอะไรมากกว่านั้นแน่ๆ “พี่น้ำหนึ่งไม่ต้องมาโกหกน้ำพั้นซ์ นังนั่นมันมายุ่งกับพี่น้ำหนึ่งด้วยใช่ไหม!

    ผู้ชายที่ลนารินยุ่งด้วยไม่ใช่เขา ทว่าคือจุติภัทธ์ แต่อเกณก็ไม่ได้บอกน้องสาว

              “พี่น้ำหนึ่ง!” อัญนิกาคาดคั้นเสียงหนัก สาวร่างเล็กเขย่าตัวพี่ชายตัวเองด้วยความโกรธ...โกรธไปถึงผู้หญิงหน้าด้านคนนั้นที่บังอาจมายุ่งกับคนที่เธอรักทั้งสองคน

              “พี่ไม่รู้จักเป็นการส่วนตัว เขาก็แค่บริการพี่เพราะงานที่ทำ”

              “มันขายตัวเหรอ ถึงต้องบริการผู้ชาย!

    “น้ำพั้นซ์อย่าเสียงดังใช้แต่อารมณ์สิ อายคนอื่นเขาบ้าง”

    “จะต้องอายใคร นี่มันบ้านของน้ำพั้นซ์ ถ้าพวกคนใช้มันสอดรู้นัก น้ำพั้นจะไล่มันออกให้หมดทั้งหัวหงอกหัวดำ” หญิงสาวพาลไปทั่ว คนเป็นพี่ได้แต่สายหัวอย่างระอาใจ “บอกน้ำพั้นซ์มาดีกว่า ว่าอีนั่นมันทำงานที่ไหน”

              “น้ำพั้นซ์จะทำอะไร ไปอาละวาดตบตีเขาเหรอ ทำแล้วได้อะไรขึ้นมากนอกจากความสะใจ”

    “นั่นแหละที่น้ำพั้นซ์ต้องการ ในเมื่อมันกล้าส่งรูปมาเย้ย น้ำพั้นซ์ก็จะตบมัน"

    “พี่ว่าปัญหาทุกอย่างจะจบ ถ้าคนที่น้ำพั้นซ์จัดการคือนายพระพาย!” เมื่อไรนะน้องสาวเขาจะตาสว่าง แก้ปัญหาความรักได้ตรงจุดสักที อเกณคิดอย่างเหนื่อยหน่าย ครั้นจะไม่สนใจไยดีน้องก็ทำไม่ได้ เขารักน้องสาวเทียบเท่าชีวิตของตัวเองเลยก็ว่าได้

    พอพี่ชายเสียงเข้มใส่ แววตาคมกล้าจริงจังบีบคั้นให้เธอทำตามเขา อัญนิกาก็ใจสั่นเกรงว่าตัวเองจะถูกพี่ชายบีบบังคับให้แตกหักกับคนรักภายในคืนนี้แน่ หญิงสาวจึงรวบรวมสติ ข่มความขุ่นเคืองอย่างยากลำบาก

    ใช่...คนที่เธอต้องจัดการคือพระพาย แต่นังคนที่มันกล้าส่งรูปและข้อความมาเย้ยเธอได้ขนาดนี้แสดงว่าต้องการทำสงครามกับเธอ มันต้องได้รับบทเรียนว่าถ้ากล้าทำแบบนี้จะต้องเจออะไรบ้าง!

               “น้ำพั้นซ์ขอโทษที่รบกวนเวลาพักของพี่น้ำหนึ่ง น้ำพั้นซ์จัดการเรื่องนี้แน่คะ ทั้งผู้หญิงและผู้ชายนั่นแหละ พี่น้ำหนึ่งไปพักผ่อนเถอะ” อัญนิกาเข้ามากอดท่อนแขนของพี่ชาย แล้วซบศีรษะลงที่ต้นแขนเขา นี่คือการอ้อนให้พี่ชายยกโทษให้ในแบบที่เธอชอบทำ อเกณยกมืออีกข้างลูบผมของน้องสาว แล้วระบายลมหายใจออกมา สุดท้ายเขาก็ไม่เคยใจแข็งพอ!

    แต่อเกณไม่อาจวางใจในทุกเรื่องของน้องสาวได้ ก็คงจนกว่าหญิงสาวจะเจอผู้ชายที่ดีพร้อมจะดูแลและให้ความรักความอาทรให้เหมือนอย่างเขา เหมือนอย่างอาธรรมา อัญนิกาเงยหน้าขึ้นยิ้มกลบเกลื่อนอารมณ์เกรี้ยวกราดที่เพิ่งผ่านพ้นไป แล้วพยักหน้าเร่งเร้าให้เขากลับห้องไปพักผ่อน ชายหนุ่มจึงกลับไปยังห้องนอนของตัวเองพร้อมกับชื่อของหญิงสาวอีกคนและภาพถ่ายที่รบกวนใจเขาไปกว่าค่อนคืน

    *****

              แม้เสียใจกับการกระทำของพระพาย แต่หัวใจของอัญนิกาเริ่มทนทานต่อความเจ็บปวด ใจนั้นทั้งรักและทั้งชัง รวมถึงการอยากเอาชนะ ที่สุดแล้วความรู้สึกรัก ผูกพัน ซ้ำยังหวงแหนเป็นเจ้าของก็มีน้ำหนักมากกว่าความชิงชังต่อพฤติกรรมของแฟนหนุ่ม คนที่อัญนิกาเลือกจัดการก่อนไม่ใช่พระพาย หญิงสาวให้คนสืบจนรู้ที่ทำงานของศัตรูหัวใจที่ส่งถ้อยคำเย้ยหยันพร้อมรูปถ่ายให้เธอ

    คืนหนึ่งอัญนิกาและสลิลรัตน์จึงไปยังร้านที่ลนารินทำงานอยู่

    “จะดีหรือน้ำพั้นซ์” ลงจากรถแล้วสลิลรัตน์ก็ยังละล้าละลัง เพราะเธอรู้จักอารมณ์ร้ายขึ้นลงไม่มีปี่มีขลุ่ยของเพื่อนสนิทเป็นอย่างดี ทุกครั้งอัญนิกาจัดการผู้หญิงที่มาข้องเกี่ยวกับพระพายเงียบๆ แต่หนนี้คือการเปิดสงครามต่อหน้าคนหมู่มาก หญิงสาวเกรงว่ามันจะเกิดผลร้ายมากกว่าผลดี

    “มาถึงที่แล้วจะมาถอดใจถอยเหรอสตางค์ อย่าลืมสิว่าอีนั่นมันจะเล่นพี่น้ำหนึ่งของเธอด้วย ไม่แน่นะอาจจะควบสองไปนานแล้วก็ได้ พี่น้ำหนึ่งไม่ใช่ผู้ชายที่จะจำชื่อผู้หญิงแถวผับแถวบาร์ได้เสียหน่อย แต่นี่อะไรเห็นแค่ชื่อ อ่านถูกปั๊บว่านังนั่นมันเป็นใคร แถมยังทำตาเพ้อ ทวนชื่อมันให้ฉันฟังอีก” จุดอ่อนของสลิลรัตน์ก็คือการหลงรักอเกณข้างเดียว อัญนิกาจึงใส่ไคล้ให้หญิงสาวคล้อยตามเพื่อจะได้เป็นพวกกับเธอลงแรงจัดการกับผู้หญิงไร้ยางอายอย่างลนาริน

              สลิลรัตน์หน้าเสียไปเล็กน้อย จะเสียอเกณให้ใครก็คงไม่น่าเสียใจและเสียหน้าเท่ากับการเสียเขาให้ผู้หญิงสำส่อนหากินกลางคืนตามผับบาร์

              “จะสู้เพื่อพี่น้ำหนึ่งหรือจะอยู่เฉยๆ ให้พวกชั้นต่ำมันแย่งไปก็ตามใจ” อัญนิกากระพือความชิงชังครั้งสุดท้าย ก่อนหญิงสาวที่มีไฟแค้นสุมใจจะก้าวฉับๆ ออกจากลานจอดรถ ไม่กี่วินาทีต่อมาสลิลรัตน์ก็รีบสาวเท้าตามติดเข้าไป

              ทายาทคนเดียวของทรรศ กมลภูปกรณ์เลือกโต๊ะที่สามารถมองเห็นได้ทั่วทุกมุมของร้านเพื่อรอชำระความกับคู่กรณีที่จะได้เห็นตัวเป็นๆ กันก็วันนี้ ในเมื่อมันกล้าส่งรูปไปเย้ยเธอ มันก็ควรโดนเธอสั่งสอนกลับคืนแบบตาต่อตาฟันต่อฟันด้วยเหมือนกัน

              จินตนาเป็นคนแรกในกลุ่มพนักงานของบริษัทเบียร์ที่เห็นและรู้ว่าหญิงสาวชุดสีม่วงลายกราฟฟิค ผมยาวสลวยดำขลับขับเน้นดวงตาวาวโรจน์ที่กำลังมองมายังกลุ่มของพวกเธอคือใคร หญิงสาวปรายตามองลนารินที่ถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองกำลังจะโดนอะไรบ้าง สาวเปรี้ยวผู้ใช้ชีวิตกร้านโลกซ่อนรอยยิ้มเยาะสะใจ

    เดี๋ยวก็ได้รู้กันว่าใครจะพังหรือเจ็บตัวบ้าง แต่ที่รู้แน่ๆ คนนั้นไม่ใช่เธอ!

              “น้ำพั้นซ์รู้เหรอว่าคนไหน” สลิลรัตน์สะกิดเพื่อน ในใจหวาดหวั่นกลัวว่าอเกณจะมาหลงเสน่ห์ผู้หญิงในกลุ่มสาวขายเครื่องดื่มที่ยืนอยู่ประจำเคาน์เตอร์ สายตาเฉี่ยวๆ แฝงไว้ด้วยความเย้ยหยันของผู้หญิงร่างอวบอัดผมหยิกยาวทำสี ที่มองตรงมาทำให้หญิงสาวรู้สึกเหมือนฝ่ายนั้นจะรู้ว่าพวกเธอเป็นใคร

    ...จะใช่ผู้หญิงคนนั้นหรือเปล่า สลิลรัตน์คิด

              “นี่ไงหน้าตานังคนหน้าด้าน” อัญนิกาเปิดรูปในโทรศัพท์มือถือให้เพื่อนดู หลังจากนั้นจึงกวักมือเรียกพนักงานเสิร์ฟของทางร้าน เมื่อสิ้นบทสนทนา สองสาวก็เริ่มนับวินาทีรอที่จะได้เผชิญหน้ากับคนที่ต่างคิดว่าเป็นศัตรู

              “มองให้เต็มตานะสตางค์ นังนั่นไงที่มันกำลังยุ่งกับไปป์ของน้ำพั้นซ์ แล้วยังพยายามจะเข้ามายุ่งกับพี่น้ำหนึ่ง...หรืออาจยุ่งกันไปแล้วก็ได้ เรื่องอย่างนี้ไม่บอกก็คงไม่มีใครรู้หรอก นอกจากว่าพวกชั้นต่ำมันพยายามจะจับคนของเรา” อัญนิกาชี้นิ้วไปยังลนารินพร้อมพูดใส่ไฟ ทั้งดูถูกและสมเพชหญิงสาวในคราวเดียว

              สลิลรัตน์กัดริมฝีปากตัวเอง เรียวมือเล็กเผลอขยุ้มกระโปรงเพราะความคล้อยตามคำพูดของอัญนิกา ในใจคิดถึงเรื่องที่เธอเฝ้าหวงแหนอเกณด้วยความหวังมาหลายปีแล้ว ตอนนี้จึงรู้สึกเหมือนโดนไฟเผาเมื่อเห็นผู้หญิงที่เขาสนใจนั้นมีลักษณะอย่างไร

              ไม่ใช่ผู้หญิงรูปร่างอวบอัดคนแรกที่เธอคาดเดา แต่เป็นหญิงสาวรูปร่างเล็กกะทัดรัด ใบหน้าสวยหวานรับกับผมยาวตรง ตากลมโตมาพร้อมรอยยิ้มสดใสมองภายนอกดูบอบบางบริสุทธิ์น่าทะนุถนอม ยิ่งลนารินเดินเข้ามาใกล้ ความสวยยิ่งโดดเด่นเกินกว่ารูปถ่ายในโทรศัพท์เป็นสองเท่า แต่คาดไม่ถึงว่าเนื้อในของหญิงสาวจะกร้านโลกถึงขนาดส่งรูปตัวเองอยู่กับผู้ชายบนเตียงมาเย้ยแฟนตัวจริงเขาได้ พวกที่ร้ายๆ ออกหน้ายังไม่น่ากลัวเท่าพวกที่ซ่อนความร้ายกาจไว้ภายใต้ใบหน้าใสซื่อ สลิลรัตน์มองตามลนารินที่กำลังเสิร์ฟเบียร์ให้แขกหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่พร้อมรอยยิ้มที่โต๊ะใกล้กัน

    “ลนาริน” เมื่อเสียงของอัญนิกาดังขึ้น สลิลรัตน์ก็ใจเต้นรัว เพราะสงครามแย่งชิงผู้ชายกำลังจะเริ่มขึ้นแล้วนั่นเอง

              คนถูกเรียกหันหน้ามาในทันที เพราะเข้าใจว่าลูกค้ากำลังเรียกตนเอง “สวัสดีค่ะ” หญิงสาวทักทายพร้อมรอยยิ้มเป็นมิตร      

    อัญนิกาไม่พูดพล่ามแนะนำตัว “เธอเองใช่ไหมที่ส่งรูปอุบาทว์นั่นให้ฉัน”

              “รูป...รูปอะไรเหรอคะ” ลนารินถามอย่างงงงัน

              “สตางค์คงเข้าใจแล้วใช่ไหมว่าทำไมเราต้องมาที่นี่ คนหน้าอายมันไขสือเก่งชะมัด ดูมันทำสิ ทำเหมือนไม่รู้จักว่าฉันเป็นใคร” สลิลรัตน์พยักหน้าเห็นด้วย เพราะเธอก็ไม่กล้าออกหน้ามีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกับใครอยู่แล้ว

              คนที่ตั้งใจฟังรีบอธิบายทันที เมื่อเห็นท่าทางและน้ำเสียงห้วนๆ ชวนหาเรื่องของลูกค้าสาว “พวกคุณคงจะเข้าใจอะไรผิดแล้วล่ะค่ะ”

              “เธอรู้จักพระพายใช่ไหม”

    ลนารินเงียบ

              “ฉันถามว่ารู้จักพระพายหรือเปล่า!” คราวนี้อัญนิกากระชากเสียง พร้อมกับสาดน้ำส้มในแก้วใส่หน้าลนารินที่ผงะตกใจกับเสียงนั้น การกระทำบุ่มบ่ามของอัญนิกาสร้างความตกใจให้สลิลรัตน์เหมือนกัน ลูกค้าหลายคนมองมายังจุดเกิดเหตุ จินตนาที่เห็นทุกความเคลื่อนไหวแอบถ่ายคลิปภาพของสองสาวแล้วหัวเราะสะใจอยู่คนเดียว

              เจอคำถามพร้อมอารมณ์กราดเกรี้ยวเข้าอย่างนี้ หญิงสาวที่ใบหน้าเปียกโชกด้วยน้ำส้มสดก็ตอบออกไป

    “คุณพระพายเป็นแค่แขกของทางร้าน ดิฉันรู้จักเขาเพียงเท่านั้น” พูดตัดไปแล้วลนารินก็ขยับตัวจะเดินจากมา เธออายสายตาหลายคู่ที่มองแล้วคงคาดเดาส่งเดชไปแล้วว่าเธอไปยุ่งกับผู้ชายของคนอื่น นอกเสียจากเรื่องชู้สาว ยังจะมีเรื่องอะไรอีกที่ทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งตามมาระรานสาดน้ำใส่หน้าผู้หญิงอีกคนได้

              “จะรีบไปไหน แค่นี้ทำเป็นอาย ทีตอนที่กล้าส่งรูปประจานตัวเองไม่ยักอาย หน้าตาก็ออกจะดี อ้อ...ลืมไป อย่างเธอก็คงต้องใช้หน้าตาและเนื้อตัวหากินเป็นธรรมดา อีผู้หญิงไร้ยางอาย!

              “ดิฉันไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น ให้คุณไปถามคุณพระพายเอง” ลนารินหันมาโต้คืนบ้าง

              “หลักฐานมันฟ้องอยู่ทนโท่ อย่ามาตีหน้าซื่อหน่อยเลย!

              ระหว่างที่อารมณ์ของอัญนิกากำลังร้อนอยู่นั้น ผู้จัดการร้านก็เข้ามาไกล่เกลี่ย แต่หญิงสาวกลับดึงกระดาษปึกหนึ่งในกระเป๋าออกมาแล้วโยนใส่คู่กรณีผิดตัว

              “รักจะยุ่งกับแฟนคนอื่น ก็ต้องเจอแบบนี้!” ไวเท่าคำบริภาษด่าทอ อัญนิกาตรงเข้าไปตบหน้าของลนาริน สลิลรัตน์ตกใจร้องเสียงหลง แล้วอัญนิกาก็เดินออกจากร้าน สลิลรัตน์หยิบเงินส่งให้ผู้จัดการไป หญิงสาวออกปากขอโทษขอโพย เพราะรู้สึกอายแทน หญิงสาวมองหน้าลนารินที่ยืนกุมแก้มของตัวเองแวบหนึ่ง ก่อนวิ่งตามหลังเพื่อนไป

              พนักงานในร้านรีบเข้ามาเก็บรูปที่ตกอยู่บนพื้น มันเป็นรูปของชายหนุ่มคนหนึ่งที่ถูกเบลอหน้านอนเปลือยท่อนบน ลนารินหยิบกระดาษปริ๊นซ์รูปติดมือเดินออกไปจากบริเวณนั้นด้วยหนึ่งใบ

              “เป็นไงบ้างนาง มันเรื่องอะไรกัน”

              “นางก็ไม่รู้ อยู่ดีๆ ก็มาโกรธหาว่านางส่งรูปนี่ไปให้ ว่านางไปยุ่งกับแฟนเขา” ในขณะอธิบายความกับเพื่อนอยู่นั้น ลนารินก็เห็นรอยยิ้มเยาะหยันเล็กๆ จากจินตนาที่เดินลอยหน้าตรงมาหา เธอก็พอเข้าใจเรื่องทั้งหมด

              “จินนี่ทำใช่ไหม!

              “เรื่องอะไร มีปัญหาอะไรกับฉัน”

              “ผู้หญิงคนนั้นเข้าใจว่านางมีอะไรกับแฟนเขา นั่นก็คือคุณพระพาย นี่รูปถ่ายพวกนี้อีก ฝีมือเธอใช่ไหม”

              “ถูกตบจนประสาทกลับเหรอไง” คนแอบอ้างชื่อไม่ยอมรับ ท่าทางของลนารินนั้นเอาเรื่องจนนันทิตาต้องเข้ามาดึงแขนไว้

              “อย่าไปสนใจเขาเลย นางกลับบ้านก่อนดีไหม” นันทิตารู้เห็นและเข้าใจเรื่องราวที่เป็นความจริงดี ลนารินไม่เคยมีทีท่าจี๋จ๋ากับพระพาย แต่ทำไมต้องมาโดนตบ เพราะเธอไม่อยากเห็นเพื่อนตกงานจึงพยายามห้ามปรามไว้ก่อนจะเกิดคู่ตบคู่ใหม่ขึ้นกลางร้าน

              “ปล่อยนางเถอะนะแนน ถ้านางไม่เคลียร์เรื่องนี้ และเดี๋ยวนี้! นางนอนไม่หลับแน่” นันทิตาเคารพการตัดสินใจของเพื่อนร่วมงานเสมอ โดยเฉพาะเพื่อนนิสัยดีอย่างลนารินแล้วด้วย พอหลุดพ้นจากการเกาะกุม หญิงสาวที่มีสีหน้าเคร่งเครียดก็ตรงเข้าหาจินตนา เจ้าของร่างอวบอัดถึงกับถอยกรูด เป็นครั้งแรกที่เห็นผู้หญิงเรียบๆ เงียบๆ อย่างลนารินน่ากลัว

              “ฉันไม่ชอบมีปัญหากับใคร และไม่ชอบใช้ความรุนแรง แต่วันนี้ขอยกเว้น นี่สำหรับเธอ!” ลนารินตบฉาดที่หน้าจินตนา แล้วตบซ้ำอีกครั้งที่แก้มอีกข้างอย่างรวดเร็วไม่ให้อีกฝ่ายได้ตั้งตัว พนักงานหลายคนฮือฮาเข้ามาห้าม เป็นว่าคืนนี้ได้ดูมวยสองคู่ จินตนากรีดร้องจะเอาคืนให้ได้ แต่ก็โดนดึงตัวไป เธอโวยวายเสียงดังอย่างน่ารำคาญ ส่วนลนารินนั้นใบหน้าที่โกรธขึ้งถึงขีดสุดลบภาพสาวอารมณ์ดีเป็นมิตรไปหมด หญิงสาวผละกายไปคว้ากระเป๋าสะพายเดินออกจากร้านทันที

              ผลจากการทะเลาะวิวาทนั่นทำให้ลนารินไม่สามารถทำงานร่วมกับจินตนาได้อีก หญิงสาวทำเรื่องขอลาออก แต่ทางบริษัทให้เธอออกได้ตอนสิ้นเดือนเพราะต้องหาคนมาทำงานแทน เธอตกลงตามนั้นเพราะอีกใจหนึ่งก็จะได้เผื่อเวลาหางานอื่นสำรองไว้ เธอจำเป็นต้องมีรายได้อย่างสม่ำเสมอ การตกงานที่เนิ่นนานจะสร้างปัญหาให้กับเธอ

              และหลังจากจัดการกับคนอื่นที่ตัวเองเข้าใจว่าเป็นมือที่สามเป็นที่เรียบร้อยดั่งใจแล้ว รุ่งขึ้นอัญนิกาก็หันมาเริ่มบทลงโทษกับแฟนหนุ่มจอมเจ้าชู้ของเธอ

              “น้ำพั้นซ์ทนเรื่องแบบนี้ไม่ไหวแล้ว เราเลิกกันเถอะ”

    เสียงหนักแน่น ช้าชัด ของอัญนิกาทำให้พระพายที่กำลังงัวเงียตื่นยามสายหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง

              “ทำไมล่ะน้ำพั้นซ์ เกิดอะไรขึ้น”

              “ถามผู้หญิงของไปป์ดูก็แล้วกัน ลาก่อนค่ะ” หญิงสาวกำลังจะวางสาย แต่เสียงร้องว่า อย่าเพิ่งวางของคนที่กำลังจะกลายเป็นอดีตแฟนหนุ่มดังทะลุป้องเข้ามา อัญนิกาให้โอกาสเขาอีกครั้งเพื่อฟังคำแก้ตัวครั้งสุดท้ายของเขา

              “ผมไม่รู้เรื่องนะน้ำพั้นซ์ ผู้หญิงของผม...คนไหน อะไร” พระพายลุกขึ้นนั่ง ใบหน้ายุ่งเหยิงเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจเพราะจับต้นชนปลายไม่ถูก เขามั่นใจว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรพลาดจนหญิงสาวจับได้แน่

              “คนไหน...ฮึ มีหลายคนซะจนสมองเสื่อมความจำเลอะเลือนเลยเหรอ อยากรู้ว่าเรื่องอะไรก็ไปถามนังลนารินของไปป์เอาก็แล้วกัน ถามมันด้วยว่าน้ำส้มที่สาดใส่หน้ามันน่ะอร่อยมั้ย อร่อยพอๆ กับน้ำไอ้นั่นของผู้ชายอย่างที่มันชอบกินหรือเปล่า”

              อัญนิกาพูดจบก็วางสายไปทันที พระพายนิ่งอึ้งสักพักก็ได้สติรีบกดเบอร์โทรศัพท์ไปหาแฟนสาวอีกครั้ง แต่หญิงสาวก็ไม่ยอมรับสาย จนสายที่เกือบสิบ เธอจึงยอมคุยกับเขา ชายหนุ่มพร่ำงอนง้อยกแม่น้ำทั้งห้า สาบานต่อหน้าพระสารพัดว่ามันเป็นเรื่องเข้าใจผิดมีคนจงใจทำให้เขากับเธอเลิกกัน แล้วในที่สุดอัญนิกาก็ใจอ่อน เธอจึงให้โอกาสเขาครั้งสุดท้าย แต่อยู่ในเงื่อนไขว่าตอนนี้เธอขอห่างเขาเพื่อทบทวนความสัมพันธ์สักพัก หญิงสาวห้ามไม่ให้พระพายมาหาเธอที่บ้านหลังใหญ่ของตระกูลกมลภูปกรณ์ อันที่จริงแล้วอัญนิกาไม่ได้ต้องการเลิกรากับเขา เพียงอยากจะแก้เผ็ด ที่ต้องห้ามเขาเสียงหนักก็เพราะไม่อยากให้แฟนหนุ่มกับพี่ชายต้องปะทะกัน และนั่นก็เข้าทางลูกชายเจ้าของโชว์รูมขายรถที่มีชนักติดหลังรู้สึกเกร็งกับเรื่องที่อเกณเจอเขาที่ผับจนไม่กล้าสู้หน้าพี่ชายซึ่งขึ้นชื่อว่ารักและหวงน้องสาวมาก

              และค่ำของวันนั้นอัญนิกาก็ไปต่างประเทศโดยไม่ได้บอกกล่าวล่วงหน้ากับใครแม้กระทั่งพี่ชาย...

                                                              *****

              อเกณฟาดเอกสารปึกหนึ่งลงบนโต๊ะดังโครมใหญ่หลังจากคนสนิทมารายงานเรื่องอัญนิกาไปอาละวาดใส่ลนาริน ที่ร้ายกว่านั้นเขาไม่มีโอกาสได้ซักไซ้ไล่เรียงน้องสาวเลยสักคำเพราะเจ้าตัวที่ก่อเรื่องหนีไปต่างประเทศ เขาโกรธที่น้องสาวไม่สนใจชื่อเสียงของวงศ์ตระกูลที่ต้องเสียไปเพราะความหึงหวง ซ้ำยังหนีหน้าเขา ยังดีที่สลิลรัตน์โทรศัพท์มาบอกว่าตอนนี้พวกเธออยู่ที่ไหนและจะกลับไทยเมื่อไร

              เพราะใจที่มัวคิดถึงแต่ผู้หญิงที่เป็นเหตุจุดชนวนทำให้น้องสาวของเขาต้องมีอารมณ์คุกรุ่นรุ่มร้อนดังโดนไฟเผา ชายหนุ่มผู้บริหารเคมาล่าช้อปปิ้งมอลล์จึงมายังร้านที่ลนารินทำงาน แค่พอมาถึงก็เกิดอาการลังเลขึ้น

              นี่เขาเข้ามายุ่งด้วยทำไม มันเป็นเรื่องส่วนตัวของคนอื่น

              แต่แล้วเหตุผลว่าเขาสมควรจะยุ่งเพราะเรื่องนี้มีผลกับชีวิตน้องสาวเขาโดยตรงก็มีน้ำหนักมากกว่า อเกณจึงก้าวเข้าไปในร้าน ย้ำหนักกับตนเองว่าไม่ได้มีเรื่องใดแอบแฝงในการมาพบผู้หญิงคนนั้น

              ชายหนุ่มได้โต๊ะนั่งเรียบร้อยยังไม่ทันได้เห็นหน้าหญิงสาวที่ต้องการพบ หูก็ได้ยินเสียงชายหนุ่มโต๊ะข้างเคียงพูดถึง ค่าตัว ของใครคนหนึ่งขึ้นมา

              “แค่เธอพอใจ มีเงินหลักพันก็นอนกับเธอได้แล้ว”

              “ง่ายถึงขนาดนั้นเชียว ไม่มั้ง”

              “ไม่เชื่อก็เรื่องของมึง มึงรู้จักพวกสาวล่าแต้มไหมวะ สวยและสาวอย่างนี้ เป็นกู กูก็ยอมโดนล่าว่ะ” จบประโยคก็หัวเราะกันอย่างคะนองปาก “นั่นไงๆ มาแล้ว คนนั้นแหละที่ชื่อนาง เห็นแล้วน้ำลายหก แข่งกัน...มึงกับกูใครจะได้ฟันน้องเขาก่อน”

              “ขี้คุยไปเถอะมึง ในกระเป๋ามีเท่าไหร่ คืนนี้มึงจะสู้พวกเสี่ยหรือลูกหลานคนรวยพวกนั้นได้หรือเปล่าก็ยังไม่รู้” ชายคนนั้นชี้ไปทางกลุ่มวัยรุ่นที่ส่งเสียงหัวเราะครื้นเครงอยู่เมื่อลนารินกับเพื่อนพนักงานคนหนึ่งวางแก้วเบียร์สดลงบนโต๊ะ “อีกอย่างเลยหนังหน้ามึงกับกูเนี่ยนะเขาจะหันมามอง”

              “ไอ้ห่าพูดซะกูหดหมด” คนที่พร้อมจะถูกผู้หญิงล่าแต้มบริภาษ

    ฝ่ายอเกณนั้นยิ่งฟังยิ่งขยะแขยงในพฤติกรรมของหญิงสาวในบทสนทนา ชายหนุ่มตัดสินใจเชื่อไปแล้วว่าลนารินยุ่งเกี่ยวกับพระพายจนเป็นสาเหตุให้น้องสาวเขาหนีไปต่างประเทศจริง และนอกจากนั้นหญิงสาวยังขึ้นรถไปกับจุติภัทธ์ ส่วนจะไปที่ไหน หรือไปทำอะไรต่อนั้น เขาคงไม่ต้องเดา เพราะทุกเรื่องที่เพิ่งได้ยินเมื่อครู่มันก็ยืนยันยันถึงความเหลวแหลกของผู้หญิงคนนั้นได้เป็นอย่างดี!

    เมื่อบริกรหนุ่มยกเครื่องดื่มมาให้ อเกณก็ยกมันขึ้นดื่มรวดเดียวหมดแก้ว ชายหนุ่มเปิดกระเป๋าแล้วหยิบธนบัตรใบหนึ่งวางไว้ แล้วลุกออกจากโต๊ะตัวนั้น เขาเกือบจะเดินสวนกับลนารินไปแล้ว หญิงสาวชะงักเมื่อเงยหน้าขึ้นมา

    ตาสบตาชั่วพริบ...หัวใจของหญิงสาวร่างเล็กเกิดอาการสั่นไหวอย่างไม่อาจห้ามทานได้ รอยยิ้มละไมปรากฏบนใบหน้าที่แต้มแต่งด้วยเครื่องสำอางหลากสีสัน เธอกำลังจะเอ่ยปากทักทายเขา  แต่แล้ว...

    แววตาของอเกณเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง ชายหนุ่มมองผ่านเลยไปเหมือนเธอเป็นอากาศธาตุ ความสูงใหญ่ของเรือนร่างบุรุษเพศก่อให้เกิดลมปะทะเพราะการเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว วูบเดียวนั้นเองที่ลนารินสัมผัสได้ถึงอารมณ์โกรธเคือง หญิงสาวหน้าเสีย ริมฝีปากที่แย้มเปิดอยู่เมื่อครู่จึงปิดลง

              ความเศร้าใจอย่างประหลาดเกิดขึ้นรวดเร็ว หญิงสาวรีบปัดความรู้สึกนั่นทิ้งไป ฐานะเขาคือลูกค้าของทางร้าน เขามีสิทธิ์จะแสดงออกอย่างไรกับพนักงานเช่นเธอก็ได้ ลนารินไม่รู้เลยว่าอเกณเป็นพี่ชายของอัญนิกา และการพบกันครั้งนี้ก็เป็นครั้งสุดท้ายในฐานะลูกค้าและพนักงานของบริษัทเบียร์...



     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×