ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กรงขังสิเนหา

    ลำดับตอนที่ #8 : บทที่ 7

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.45K
      9
      8 ก.พ. 58





    พระพายรู้เรื่องจินตนาโดนลนารินตบหน้าหลังจากที่อัญนิกาบุกไปอาละวาดทำร้ายร่างกายคู่กรณีผิดตัว เมื่อแฟนสาวยังไม่มีกำหนดกลับจากต่างประเทศ ชายหนุ่มจึงแอบไปหาคู่ขาที่กำลังจะกลายเป็นอดีต

              จินตนาปล่อยให้พระพายยืนเคาะประตูห้องอยู่นาน ก่อนจะพาร่างเต็มตึงนวยนาดเดินมาเปิดประตูให้เขา ชายหนุ่มโทรมาบอกเธอล่วงหน้าแล้วว่ามีเรื่องจะคุยด้วย จะเรื่องอะไร ถ้าไม่ใช่...

              “ทำไมต้องไปหาเรื่องน้ำพั้นซ์ ทำไมต้องสร้างเรื่องให้นางโดนเข้าใจผิด” พอบานประตูถูกเปิด พระพายก็ผลักไหล่หญิงสาวให้เดินเข้าไปในห้อง พร้อมกับถามด้วยอารมณ์ขุ่นมัวที่มี

              “ถามมาได้ว่าทำไม ทั้งหมดก็เพราะคุณไปป์คนเดียวนั่นแหละ ไม่มีเวลาให้จินนี่ ต่อหน้าจินนี่ยังจะไปยุ่งกับคนอื่นให้เห็นอีก ”

              “ก็ไหนตกลงกันตั้งแต่แรกแล้วว่าเธอไม่มีสิทธิ์ที่จะหึงหรือหวง!

              จินตนาไม่สนใจเสียงแสดงถึงอำนาจนั่น เธอทำเสียงอ่อน อ้อนออกไปว่า “นั่นมันตอนนั้นนี่คะ แต่ตอนนี้จินนี่ทั้งหึงและก็หวงด้วย ความผิดของจินนี่เหรอที่รู้สึกอย่างนี้”

              นิสัยผู้ชายที่คิดเสมอว่าตัวเองคือคนสำคัญ ผู้หญิงทุกคนที่มีสัมพันธ์ด้วยต้องยอมศิโรราบเพราะขาดเขาไม่ได้ พระพายฟังแล้วก็ภูมิใจในตัวเอง เขาเข้าใจว่าที่จินตนาทำไปเพราะเธอต้องการเรียกร้องความสนใจจากเขา

              “เธอทำให้เรื่องของเรามันยุ่งยากขึ้น” เสียงแข็งๆ ในคราวแรกเริ่มอ่อนลง

              “คุณไปป์ก็เจ้าชู้เป็นปรกติอยู่แล้วนี่คะ ยังจะกลัวอะไรอีก ความเจ้าชู้เป็นเสน่ห์ของผู้ชาย โดยเฉพาะผู้ชายคนนี้ด้วยแล้ว” สาวทรงโตเข้ามากอดรัดคลอเคลียร่างกายที่พร้อมจะลุกเป็นไฟได้เสมอ ขอเพียงแค่เติมเชื้อไฟได้ตรงจุด “แฟนคุณไปป์ไม่สงสัยจินนี่ซะหน่อย”

              “นั่นก็เพราะเธอโยนความผิดให้นาง เธอแอบถ่ายรูปฉันไปประจาน”

              “โธ่...ก็แค่รูปเดียวเอง แถมยังเบลอหน้าอีก เรียกประจานได้ที่ไหน จะมีกี่คนกันที่รู้ว่านั่นคือคุณ อย่าโกรธจินนี่เลยนะ...นะ นางมันอยากทำให้จินนี่หมั่นไส้นัก ก็สมควรแล้ว” หญิงสาวไหวไหล่ไม่ยี่หระกับการใส่ร้ายป้ายสีทำลายชื่อเสียงคนอื่น “ไหนๆ ยัยนางก็ไม่เล่นด้วยกับคุณอยู่แล้วนี่ อย่าทำใจร้ายให้จินนี่เสียใจแล้วไปจากคุณเลยนะ”

              “อยากจะไปก็ไป” พระพายโพล่งออกมา โดยไม่เสียเวลาคิด ปัญหามาก็ต้องตัด แม้จะเสียดายเรือนร่างอวบอัดนี้อยู่บ้างถ้าเลิกกันเร็วนัก แต่สักวันก็คงถึงเวลาที่ต้องเลิกติดต่อกันอยู่ดี

              “คนใจร้าย ไม่เห็นใจเมียมั่ง” จินตนาใส่จริต ทุบตีอกชายหนุ่มเบาๆ ก่อนจะถอดทึ้งชุดนอนตัวบางที่สวมใส่อยู่ “จินนี่อุตส่าห์คิดถึง ถ้าไม่คิดถึง อยากเลิกกับจินนี่นักก็กลับไปเลย จินนี่จะได้ไปกับคนอื่น”

    จินตนาบ่นกระเง้ากระงอดเรือนร่างขาวอวบส่ายยั่วเย้าเบียดชิดอยู่แนบกายที่กำลังเครียดขึงด้วยอารมณ์ปรารถนา ในที่สุดแล้วพระพายก็พ่ายแพ้ต่อกิเลสตัณหาเบื้องลึกอีกหน ชายหนุ่มดึงหญิงสาวเข้ามากอดแนบอก ก่อนบดจูบเร่าร้อนยังริมฝีปากยั่วเผยอนั่น แล้วทุกอย่างก็เป็นไปตามธรรมชาติของไฟกับน้ำมัน

    พระพายไม่รู้เลยว่าช่วงที่ตัวเองหลับใหลหลังเสร็จสิ้นมรสุมสวาทนั้น จินตนาได้แอบถ่ายรูปเปลือยของเขาเก็บไว้อีก สำหรับเธอตอนนี้ความหลงใหลมันไม่เหลืออีกต่อไปแล้ว ทั้งหมดมันเริ่มจืดจางลงตั้งแต่วันที่เขาคิดจะคว้าลนารินมาเป็นคู่นอนอีกคน ต่อนี้ไปเธอจะทำให้เขาได้รับบทเรียนอีกสักหน่อย ผู้ชายมักมากไม่รู้จักพอควรได้รับบทเรียนที่สาสมจากเธอคืนบ้าง และเมื่อถึงวันนั้น วันที่เขารู้ตัว เขาก็ทำอะไรเธอไม่ได้แล้ว เพราะเธอไม่โง่อยู่เป็นลูกไก่ในกำมือให้เขาบีบจนตายหรอก!

                                                    *****

            อัญนิกาเคืองพระพายได้ไม่ทันครบเดือน ก็เข้าอีหรอบเดิม หลังกลับจากต่างประเทศ พอโดนเขาเพียรง้อด้วยคำหวาน การเอาอกเอาใจที่ไม่ขาดตกบกพร่องเสมอต้นเสมอปลาย หญิงสาวก็ใจอ่อนลืมความผิดของเขาไปทั้งหมด อีกทั้งเธอได้ระบายความสะใจด้วยการประจานฝ่ายตรงข้ามจนต้องออกจากงานแล้วด้วย และถึงตอนนี้ดูเหมือนฝ่ายนั้นจะไม่มีพิษสงอะไรให้ต้องกังวลมาก เพราะถ้ามีการลงมือลงไม้ตอบโต้มา เธอก็จะจัดการให้มากกว่านั้น คิดหรือว่าใครที่เย้ยหยันอัญนิกา กมลภูปกรณ์แล้วจะสามารถลอยนวลอยู่ได้ เธอยื่นคำขาดกับพระพายไปแล้วว่าห้ามยุ่งเกี่ยวกับลนารินอีก และแฟนหนุ่มก็สัญญามั่นเหมาะ เพียงแต่อัญนิกาไม่รู้ว่าที่เขาสัญญาก็เพราะว่าเขาไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับลนาริน จริงๆ คนที่เขามีสัมพันธ์สวาทด้วยคือผู้หญิงคนอื่นต่างหาก

              ลนารินยังไม่ได้มองหางานใหม่ นางเพียงใจแนะให้หญิงสาวพักงานสักระยะเพราะความเคร่งเครียดที่ฉายชัดทางแววตาอย่างไรก็ปิดบังผู้มีพระคุณไม่มิด นางเห็นใจลูกสาวที่ดูแลมาหลายปี ตลอดระยะเวลาที่ผ่านๆ มาหญิงสาวแบกรับภาระค่าใช้จ่ายทั้งภายในบ้านทั้งเรื่องส่วนตัวไว้มากเกินตัวแล้ว

    เมื่อถูกนางเพียงใจถาม ลนารินก็ไม่ปิดบังเรื่องความเข้าใจผิดที่เกิดขึ้นที่ผับ เหลืองานขายเสื้อผ้าที่ห้างงานเดียว หญิงสาวก็มีเวลาอยู่บ้านกับครูและน้องๆ มากขึ้น แต่คงอยู่อย่างนี้นานไม่ได้นัก เพราะจำเป็นต้องรีบหารายได้เข้าบ้าน เธอมีความคิดจะไปขายของที่ตลาดนัด เลือกขายเฉพาะวันหยุด เดือนยี่กับเรือนแก้วก็เห็นด้วย สองสาวอยากจะออกไปช่วยพี่สาวค้าขายด้วยเหมือนกัน

    ช่วงนี้เดือนยี่และเรือนแก้วไปฝึกงานถักไหมพรมที่มีหน่วยงานมาสอนในชุมชนแล้วรับงานมาทำต่อที่บ้านเพื่อหารายได้อีกทาง และทั้งสองสาวก็อยากจะได้จักรเย็บผ้าสักหลัง ลนารินคิดว่าถ้าหางานได้ใหม่เธอจะเจียดเงินส่วนหนึ่งมาซื้อจักรเย็บผ้าให้น้องทั้งสองคนไว้หัดเย็บ เผื่อวันข้างหน้าจะสามารถพัฒนาไปจนถึงการเรียนตัดเย็บเสื้อผ้าได้

    ใกล้ค่ำ...ลนารินกำลังเดินผ่านโซนขายเสื้อผ้าหลากหลายแบรนด์เพื่อตรงไปยังลิฟต์ หญิงสาวมารับของจากร้านของเพื่อนเจ๊แบ๋วที่เคมาล่าช้อปปิ้งมอลล์ บังเอิญเหลือเกินได้เจอกับผู้ชายคนที่นำปัญหาเข้ามาสู่ชีวิตเธอ หญิงสาวเมินหน้าหนีไม่สนใจ เพราะปรกติเธอกับเขาก็ไม่มีเรื่องให้ต้องข้องแวะกันอยู่แล้ว แต่ฝ่ายพระพายไม่ได้คิดเหมือนกับลนาริน การได้พบกับหญิงสาวอย่างไม่คาดฝันทำให้ชายหนุ่มตัดสินใจที่จะไม่ปล่อยเธอรอดสายตาไปง่ายดายนัก

              “ขอเวลาผมคุยด้วยสักนิดได้ไหมนาง”

              “เราไม่มีเรื่องต้องคุยกัน ขอตัวนะคะ ฉันต้องรีบกลับไปทำงาน” ตากลมโตขุ่นเขียวไม่พอใจ เขาคือเหตุผลส่วนหนึ่งที่ทำให้เธอตัดสินใจลาออกจากงานที่สร้างรายได้ดี

              “ผมก็แค่อยากขอโทษ”

              “ค่ะ...ฉันทราบแล้ว จบแค่นี้นะคะ” ลนารินจะเดินเข้าลิฟต์ แต่พระพายคว้ามือหญิงสาวไว้ก่อน เวลาเดียวกันนั้นเองสลิลรัตน์เดินปะปนกลุ่มลูกค้าของห้างออกมาจากลิฟต์อีกตัว เพื่อนรักของอัญนิการีบหลบก่อนพระพายจะทันได้เห็นเธอ

              สลิลรัตน์คิดไกลไปว่าลนารินอาจมาหาอเกณด้วยอีกคน เธอไม่กล้าออกอาการหึงหวงเขาเพราะตัวเองก็ไม่ได้อยู่ในฐานะคนรักของชายหนุ่ม แต่อัญนิกานั้นต่างกัน หญิงสาวจึงรีบกดโทรศัพท์บอกเพื่อนที่อยู่ส่วนบริหารของห้างสรรพสินค้าทันที

               “มาหยามฉันถึงที่เลยนะนังลนาริน” อัญนิกาข่มเขี้ยว กัดฟันกรอด แล้วผลุนผลันออกจากห้องไป อเกณออกจากห้องทำงานส่วนตัวมาทันเพียงเห็นเงาหลังของน้องสาวเท่านั้น เขามองตามน้องสาวด้วยความคิดที่หลากหลายเมื่อรู้ว่าเธอกลับมาคบกับพระพายอีก ชายหนุ่มพยายามทำใจเมื่อสักวันหนึ่งน้องสาวจะแต่งงานกับผู้ชายที่เขาไม่ชอบหน้า ไม่ชอบความประพฤติคนนั้น

              ทางด้านลนารินนั้นก็ยังปลีกตัวจากพระพายไม่ง่ายนัก ชายหนุ่มตื๊อขอโทษขอโพยแกมขอร้องให้เธออยู่คุยกับเขาก่อนจนน่ารำคาญ

              “คุณทำให้ฉันกลับไปทำงานสาย”

              “เรื่องคืนนั้นผมขอโทษแทนน้ำพั้นซ์ด้วย ที่เธอเข้าใจคุณผิด”

              “ฉันบอกแล้วว่าฉันยกโทษให้ มันจบไปแล้ว เลิกแล้วต่อกัน และอย่ามายุ่งกับฉันอีก อ้อ...ฝากบอกไปถึงจินนี่ด้วยอีกคนว่าอย่าระแวงและอย่ามายุ่งกับฉันอีก”

    ประตูลิฟต์เปิดออก ลนารินก้าวเข้าลิฟต์ตัวนั้น ก่อนประตูลิฟต์จะปิดลงอีกครั้ง หูทันได้ยินเสียงแหลมของอัญนิกา ผู้หญิงสองคนสบตากัน อีกคนเพียงเฉย แต่สายตาอีกคู่นั้นราวกลับจะกินเลือดกินเนื้อ ลนารินถอนหายใจเมื่อประตูลิฟต์ปิดสนิท เธอหวังว่าจะไม่โชคร้ายพบเจอกับคนพวกนี้อีกในอนาคต

              ลนารินรอดพ้นอารมณ์ไม่มีเหตุผลของอัญนิกาไปแล้ว แต่คนที่เหลืออยู่อย่างพระพายก็ได้แต่ทนฟังเสียงเกรี้ยวกราดและการทุบตีจากหญิงสาวที่อยู่ในพายุของลมเพชรหึง ทั้งพนักงานของห้างสรรพสินค้าและลูกค้าที่มาใช้บริการต่างมองการทะเลาะเบาะแว้งของคู่รักด้วยความอยากรู้อยากเห็น สลิลรัตน์ออกมาจากที่ซ่อนแล้วเข้ามาดึงแขนเพื่อน แต่อัญนิกาไม่ฟังการทัดทานของใครทั้งสิ้น

    “พี่น้ำหนึ่งรออยู่ ขึ้นไปหาเขาก่อน” อัญนิกาสั่ง หากแต่สลิลรัตน์ยังลังเล “ไป!

    เจอเสียงดุๆ ของเพื่อนแล้วหญิงสาวก็หงอ เธอรีบจากไปในทันที อีกอย่างเลยก็คือเธออายสายตาคนอื่น

              เมื่อสลิลรัตน์จากไปแล้วพระพายก็ลากอัญนิกาที่ดิ้นปัดๆ ออกไปจากหน้าลิฟต์ ตลอดทางปากหญิงสาวก็ด่าทอเขาไม่จบสิ้น พระพายถอนหายใจเพราะเริ่มหมดความอดทนกับหญิงสาวแล้ว แต่ปัญหาเรื่องเงินที่ต้องการยืมจากอัญนิกา เขาก็เลยจำทน พระพายกึ่งจูงกึ่งลากหญิงสาวจนมาถึงลิฟต์ส่วนตัวของกลุ่มผู้บริหาร

              “ปล่อยเดี๋ยวนี้ อย่าเอามือสกปรกของคุณมาแตะต้องตัวฉันอีก” เพราะอัญนิกากระฟัดกระเฟียดหนัก ตอนที่พระพายลากเธอเข้าลิฟต์ จึงทำให้หญิงสาวสะดุดขาตัวเองล้มลง

    “โอ๊ย!” ใบหน้าสวยฟาดเข้ากับขอบผนังด้านในของลิฟต์ บริเวณหน้าผากขาวเนียนมีรอยแดงทันที “กล้าทำร้ายฉันเหรอ แกกล้าทำกับฉันอย่างนี้ได้ยังไง!” อัญนิกาตกใจคิดว่าตัวเองโดนทำร้ายร่างกาย ด้วยความโมโหเธอจึงตบหน้าพระพาย

    ...คนโดนตบเต็มแรงมือกำหมัดแน่น แต่ก็ไม่กล้าหือ

    “ผมไม่ได้ตั้งใจ ผมขอโทษ อภัยให้ผมนะน้ำพั้นซ์” เขาอ้อนวอน ปล่อยให้สาวเจ้าอารมณ์ระบายความโกรธด้วยการจิกข่วนเขา น่าแปลกที่เธอยังไม่มีอาการโรคหอบกำเริบให้เห็นเลยสักนิดในตอนนี้

              อัญนิกาไม่ได้กลับเข้าไปหาอเกณและสลิลรัตน์ เธอออกจากลิฟต์แล้วตรงไปที่ลานจอดรถ ขึ้นรถได้ก็ขับรถตะบึงเกือบจะชนพระพาย หญิงสาวใจเสีย แต่เมื่อเห็นเขาหลบทันก็โล่งใจ เธอกรีดร้องอยู่คนเดียวกับการถูกทรยศอีกครั้ง ก่อนจะหายใจติดขัดแล้วแน่นิ่งไปต่อหน้าต่อตาของพระพาย

              เรื่องร้ายแรงที่น้องสาวต้องประสบรู้ไปถึงหูอเกณในอีกไม่กี่นาทีต่อมา ชายหนุ่มพาน้องสาวส่งโรงพยาบาลทันที ก่อนไปยังชี้หน้าคาดโทษพระพายด้วยความโกรธสุดขีด ซ้ำร้ายสลิลรัตน์ยังเล่าเรื่องลนารินกับพระพายยื้อยุดกันที่หน้าลิฟต์ให้เขาฟัง ความเกลียดชังหญิงสาวที่มีส่วนให้น้องของเขาเครียดหนักแล้วอาละวาดเพิ่มเป็นทวีคูณ

            ถ้าน้องสาวของเขาเป็นอะไรไปมากกว่านี้ เขาจะไม่เอามันหน้าไหนไว้สักคนเดียว!

                                                              *****

    หลังจากเหตุการณ์ที่เคมาล่าช้อปปิ้งมอลล์ พระพายไม่สะดวกนักกับการมาพบหน้าอัญนิกาเพราะคำสั่งห้ามเด็ดขาดของอเกณ จะมีก็เพียงข้อความที่ส่งมาให้เธอเท่านั้น

    ผมรักน้ำพั้นซ์ ปัญหาทุกอย่างที่เกิดขึ้นระหว่างเรามันเป็นความเข้าใจผิดเพราะมีคนสร้างสถานการณ์ที่จะกลั่นแกล้งและทำลายความสัมพันธ์ของเรา ผมขอเวลาจัดการและพิสูจน์เรื่องนี้เอง และขอโอกาสให้ผมพาพ่อกับแม่มาสู่ขอน้ำพั้นซ์ ผมอยากแต่งงานกับคุณนะ คุณคนเดียวเท่านั้นที่จะเป็นเจ้าสาวของผม

    อัญนิกานั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับข้อความจากชายคนรักได้ไม่กี่คืน ภาพลับชุดใหม่ของพระพายก็ถูกส่งมาอีก เพราะจินตนาถือคติตีเหล็กยามร้อน การยุแหย่ชายหนุ่มและแฟนสาวอารมณ์ร้าย เอาแต่ใจ คือความสะใจของหญิงสาว ทสามารถผละจากพระพายได้ก็เพราะสาวขายเบียร์มีที่เกาะรายใหม่ ซึ่งกระเป๋าหนักและใจป้ำกับเธอมากกว่าชายหนุ่ม อารมณ์หลงชั่ววูบกับเนื้อหนังสดใหม่และรสรักที่เร่าร้อนถึงใจมันจบสิ้นไปแล้วนับแต่วันที่เขาแสดงออกอย่างชัดเจนว่าสนใจลนารินมากกว่าห่วงความรู้สึกของเธอที่เป็นผู้หญิงของเขา

    แวบแรกที่อัญนิกาเห็นรูปชุดใหม่ของพระพาย หญิงสาวเกือบจะกรี๊ดออกมาแล้ว ดีว่าสลิลรัตน์ที่อยู่ด้วยรีบเข้ามาเอามืออุดปากพร้อมเตือนสติเธอเสียก่อน

    “อยากให้พี่น้ำหนึ่งรู้เรื่องนี้อีกหรือไง”

    อัญนิกาฮึดฮัด ตัวสั่นด้วยความโกรธที่แล่นริ้วตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าจิกเล็บลงบนฝ่ามือแน่น สักพักความโกรธที่พลุ่งพล่านก็ค่อยลดลง ทว่าซุ่มเสียงยังสั่น “มันไม่เข็ด...สตางค์เห็นไหมว่านังนั่นมันไม่เข็ด”

    “ไปป์เขาบอกน้ำพั้นซ์ไม่ใช่เหรอว่ามีคนกำลังแกล้งยุแหย่ให้เธอสองคนแตกคอกัน รูปพวกนี้มันอาจจะเป็นรูปเก่าก็ได้นี่” ที่สลิลรัตน์ปลอบใจและให้กำลังใจเพื่อนนั้น ก็เพราะอัญนิการะบายและเล่าทุกเรื่องทุกคำพูดของพระพายตอนที่ตามงอนง้อให้เธอฟัง

    ฟังเหตุผลของสลิลรัตน์แล้วอัญนิกาก็มีท่าทีอ่อนลง พระพายบอกจะมาสู่ขอเธอกับพี่ชาย ความสัมพันธ์ของเธอและเขาก้าวมาถึงจุดที่จะใช้ชีวิตร่วมกันแล้ว และพระพายก็สัญญาเป็นมั่นเหมาะว่าจะปรับปรุงตัวใหม่ จะรักและซื่อสัตย์กับเธอคนเดียวเท่านั้น อดีตผ่านมาก็ให้แล้วไปเถอะ

    “แต่นังนี่มันร้าย...”

    สลิลรัตน์พยักหน้าเห็นด้วยว่าลนารินร้ายกว่าหน้าซื่อๆ ที่เธอเคยเห็น

    “มันไปหยามฉันกับเธอถึงเคมาล่า แล้วมันก็ยังบ้าไม่เลิกส่งรูปบัดสีพวกนี้มาเยาะเย้ยฉัน พูดตรงๆ นะสตางค์ ฉันกลัวพี่น้ำหนึ่งจะตกหลุมพรางของมัน แต่ถ้าฉันเอารูปพวกนี้ไปให้พี่น้ำหนึ่งดู พี่น้ำหนึ่งก็คงจะเกลียดไปป์ยิ่งกว่าเก่า”

              สลิลรัตน์คล้อยตามได้ไม่ยากเมื่ออัญนิกายกอเกณมาเกี่ยวข้อง จากที่เคยเจอลนารินสองครั้ง หญิงสาวยอมรับว่าเธอกลัวใจผู้ชายทุกคนที่เข้าใกล้หญิงสาว มองธรรมดาว่าสวยแล้ว ถ้าแต่งหน้าแต่งตัวมากกว่าที่เธอเห็น ผู้หญิงคนนั้นคงจะเป็นคู่แข่งที่น่ากลัว จริงอยู่เรื่องนี้ตบมือข้างเดียวไม่ดัง แต่จะมีผู้ชายสักกี่มากน้อยที่ทนแรงเย้ายวนของวัยแรกสาวซึ่งเริงร้อนไปด้วยไฟสวาทได้

              “แล้วเราจะทำอะไรผู้หญิงคนนั้นได้ ตามไปสาดน้ำส้ม ตามไปตบอีกเหรอไง”

              เมื่อเพื่อนรักคล้อยตาม ทายาทสาวของห้างสรรพสินค้ายักษ์ใหญ่ก็พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ในแววตานั้นมีแต่ความชิงชังบวกไว้ด้วยความแค้นเคืองที่รอวันชำระ “มันเลิกเป็นสาวนั่งดริ๊งไปแล้วนี่ แต่ไม่ยากเลย ถ้าฉันอยากจะรู้ว่าบ้านของมันอยู่ที่ไหน และตอนนี้มันทำอะไรหรือขายตัวให้ใครอยู่”

    แล้วหญิงสาวก็ทำได้จริงดังปากว่า อัญนิกาให้คนของพี่ชายไปหาข้อมูลของลนารินมาได้ในอีกสองวันถัดมา

              “เด็กบ้านนั้นเป็นกำพร้า ถูกพ่อแม่ทิ้งหมด เจ้าของบ้านที่เป็นครูมีลูกชายคนเดียว”

              น้ำเสียงแผ่วๆ ทั้งแววตาสลดบ่งบอกถึงความเป็นคนขี้สงสารทำให้อัญนิกาเกรงว่าสลิลรัตน์จะใจอ่อนไม่ยอมร่วมมือกับเธอเล่นงานผู้หญิงหน้าด้านอย่างลนาริน

              “อย่าโง่อีกคนเลยสตางค์ นี่มันก็แค่ฉากบังหน้าเอาไว้หลอกล่อผู้ชาย เอาความยากจนและชีวิตรันทดมาเป็นข้ออ้างเรียกร้องอยากให้ผู้ชายทะนุถนอมเอ็นดู ก็อย่างที่เรารู้และเห็นนี่ไง ทำเป็นว่าสู้ชีวิตทำงานสารพัด แต่ลับหลังร่อนเอวเก่ง ร่านอย่างกับอะไรดี ไอ้พวกตามเฝ้าที่ผับที่บาร์มันก็คงคิดว่าได้สาวอินโนเซ้นต์ บริสุทธิ์ใสซื่อ ที่ไหนได้ กร้านโลก สกปรก ทั้งพรุน ทั้งเปรอะ!"

    “จากข้อมูลที่ลูกน้องน้ำพั้นซ์ได้มา บอกว่ามีผู้ชายตามรับตามส่งที่ป้ายรถเมล์ เขาว่าอาจจะเป็นแฟน”

              “ถ้าใช่...ก็คงหน้าโง่ ถูกจูงจมูกหรือไม่ก็คงเป็นพวกแมงดาคอยสูบเลือดเมียมันอีกที ใครจะทันเล่ห์เหลี่ยมนังมารยานั่น ถ้ามันมายุ่งกับพระพายของฉันได้ ก็แสดงว่าต้องมีคนอื่นด้วย เผลอๆ พี่น้ำหนึ่งอาจจะโดนมันงาบไปแล้วก็ได้ เพียงแต่ยังไม่ติดใจ แต่ถ้าขืนปล่อยไว้นาน ไม่แน่จะกู่ไม่กลับ มันทำเราถึงสองครั้งแล้ว ครั้งนี้เราต้องสั่งสอนมันคืนบ้าง”

              “แน่ใจนะว่าเป็นผู้หญิงคนนี้ มันไม่โง่ไปหน่อยเหรอที่มาเปิดเผยตัวว่าฉันเป็นชู้กับแฟนคนอื่น มาบอกกับเราโต้งๆ แบบนี้”

              “มันอยากลองดีไงล่ะสตางค์ ผู้หญิงพวกนี้มันโรคจิต ถ้ามันไม่ได้ มันก็จะทำลาย”

              “แต่เรื่องแบบนี้ตบมือข้างเดียวไม่ดังหรอกนะ” ถ้าจะหาคนผิดจริงๆ คนนั้นก็คือพระพายที่นอกใจไปกับผู้หญิงคนอื่น นอกจากลนาริน เธอก็มั่นใจว่าเขาต้องมีซุกอีกหลายคน แม้ว่าอัญนิกาทั้งสืบ ทั้งตามจนบังคับให้เขาเลือกและเลิกกับผู้หญิงพวกนั้นจนหมดแล้วก็ตาม แต่คนอย่างพระพายจะไว้ใจได้สักกี่น้ำ คิดแล้วสลิลรัตน์ก็หวั่นใจแทน

              อัญนิกาค้อนตาใส่สลิลรัตน์เพราะประโยคแขวะไปถึงแฟนหนุ่ม แม้ความจริงแสนเจ็บช้ำจะคอยย้ำว่าพระพายให้ความสำคัญกับลนารินมาก ถึงขนาดยื้อยุดกันหน้าลิฟต์เป็นนานสองนาน หากเธอไม่ลงไปเห็นกับตา สงสัยได้ไปต่อกันถึงไหนต่อไหน อีกทั้งพระพายยังกล้าใช้กำลังกับเธอ แม้เขาจะบอกว่าไม่ได้ตั้งใจก็ตาม

              “จะทำถึงขั้นไหน” สลิลรัตน์เห็นอัญนิกานิ่งใช้ความคิดอยู่นานถามอย่างหวาดหวั่น เธอละกลัวใจเพื่อนนัก

              “อย่าปอดไปเลย ฉันไม่เอามันตายหรอก แค่ให้มันจำฉันและไม่มายุ่งกับพระพายอีก”

              “คนที่ผิดอาจจะไม่ใช่ผู้หญิงคนนั้นก็ได้นะ ที่ฉันเห็นคือพระพายเข้าไปดึงไปยื้อเขาไว้”

              “เอ๊ะ...เธอจะเข้าข้างมันเหรอไง ดี...ใจดีไป เดี๋ยวมันก็มายุ่งกับพี่น้ำหนึ่ง คนที่จะน้ำตาตกก็คือเธอนั่นแหละ มารยาของมันร้อยเล่ม อย่างสตางค์จะไปทันมันได้ยังไง” โดนเพื่อนรักว่าใส่ สลิลรัตน์ก็หน้าชา ยอมรับกับความไม่ทันคนของตัวเอง

              ได้ข้อมูลของลนารินมาแล้ว อัญนิกาก็อยากจะคุยเป็นการส่วนตัวเพื่อตกลงกันดีๆ แต่ถ้าอีกฝ่ายไม่ยอมถอยและจงใจทำลายความสัมพันธ์ของเธอกับพระพายด้วยการส่งรูปมาอีก อัญนิกาก็มีแผนที่จะสั่งสอนเธอให้หราบจำ ทายาทสาวของห้างสรรพสินค้ายักษ์ใหญ่จึงออกคำสั่งลูกน้องของพี่ชายที่ชื่อธิติไป พาตัวหญิงสาวมาพอเธอที่ห้องพักของโรงแรมย่านชานเมืองไม่ไกลจากบ้านของนางเพียงใจเท่าไรนัก

              ลนารินยอมลงจากรถโดยดีเมื่อมาถึงยังโรงแรมเล็กๆ แห่งหนึ่ง เมื่อสักชั่วโมงก่อนเธอเพิ่งได้คุยโทรศัพท์กับอัญนิกาเพราะผู้ชายที่ชื่อธิติเข้ามาหาเธอ แล้วยื่นโทรศัพท์ให้อย่างเปิดเผยต่อหน้าสายตาคนนับสิบในขณะหญิงสาวยืนรอรถอยู่หน้าห้างสรรพสินค้าเพื่อไปส่งของให้เจ๊แบ๋ว เพื่อยุติปัญหากวนใจทั้งหมดลนารินจึงตัดสินใจขึ้นรถมากับเขา

              หญิงสาวซึ่งไม่เคยเป็นชู้กับแฟนของคนอื่นตามข้อกล่าวหาเดินเข้าไปในห้องเป้าหมายตามลำพัง เมื่อเห็นคนที่เคยตบหน้าเธอเพราะความเข้าใจผิดนั่งรออยู่ก่อนแล้ว

              “ฉันกับคุณพระพายไม่เคยเกี่ยวข้องกันในเรื่องชู้สาว” ลนารินเป็นคนเปิดปากพูดขึ้นก่อน เธออยากให้เรื่องราวแย่ๆ เหล่านี้จบลงให้เร็วที่สุด ไม่อยากจะรับโทรศัพท์ หรือไม่อยากให้มีการส่งคนไปดักรอเธอที่ป้ายรถประจำทางอย่างวันนี้อีก

              “แล้วเรื่องรูปนี่ล่ะ มันส่งมาจากคนชื่อลนาริน” อัญนิกาโยนซองใส่รูปลงบนเตียงกลางห้อง

              “แล้วคุณก็เชื่อว่าฉันส่งไปจริงๆ” ในรอยยิ้มของลนารินมีแววเหยียดหยันกับความหน้ามืดตามัวของหญิงสาวหน้าตาสะสวย การแต่งเนื้อแต่งตัวบ่งบอกถึงฐานะทางสังคมที่สูงลิบลิ่วแตกต่างจากเธอ หญิงสาวอายุน้อยกว่าไม่สนใจที่จะหยิบรูปขึ้นมาดู “ถ้าฉันไปยุ่งกับแฟนของคุณจริง ก็โง่แล้วแหละที่คิดทุบหม้อข้าวตัวเองด้วยการบอกแฟนตัวจริงของเขา คนที่ส่งรูปพวกนี้ไปให้คุณไม่ใช่ฉัน และผู้หญิงในรูปคราวก่อนก็ไม่ใช่ฉันด้วยเหมือนกัน”

              “ถ้าไม่ใช่เธอ แล้วมันเป็นใคร อย่าบอกนะว่าเธอกับฉันตกเป็นเหยื่อเหมือนกัน”

              เหยื่อ...คำนี้ช่างเหมาะสม

    อัญนิกากับจินตนาต่างก็เป็นเหยื่อความเจ้าชู้ของพระพาย และเหยื่อความหึงหวงของผู้หญิงสองคนก็คือลนาริน แต่สุดท้ายแล้วหนึ่งชายสองหญิงที่เกี่ยวพันกันด้วยกลิ่นคาวสวาทก็ต่างเป็นเหยื่อที่ตกอยู่ในวังวนของกิเลสอันเกิดมาจากความรักความหลงของตัวเอง ทุกคนตกเป็นเหยื่อด้วยความเต็มใจ แต่นั่นไม่ใช่หญิงสาวอายุยี่สิบซึ่งไม่เคยเลยสักครั้งที่คิดจะยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายของคนอื่น...

              “คุณไม่ลองถามแฟนคุณดูว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร หรือคุณพระพายบอกคุณว่าเป็นฉัน” ถ้าเป็นจริงอย่างที่เธอคาดเดา เจอกันครั้งหน้าพระพายจะต้องได้รับบทเรียนจากเธอบ้างแล้ว

              “ใครมันจะยอมรับ” อัญนิกาไม่สบอารมณ์ “จะแก้ตัวอะไรก็ทำให้มันจบๆ”

              “ที่ฉันยอมมาพบคุณไม่ได้มาแก้ตัว เพียงแต่อยากให้คุณตาสว่าง ฉันมั่นใจว่าผู้หญิงของแฟนคุณคือจินตนา ฉันกับเธอเคยทำงานร่วมกัน และเธอก็ค่อนข้างไม่ชอบฉัน ฉันโดนเธอแกล้ง”

    อะไรกัน...มาบอกว่าเรื่องทั้งหมดเป็นเพราะเธอเข้าใจผิดไปเองฝ่ายเดียวหรอกหรือ คนไม่ยอมเสียหน้าจึงพูดออกไปว่า “น่าเชื่อตายละ อย่ามาโยนความผิดให้คนอื่นเลย กินอยู่กับปาก”

    “จะเชื่อไม่เชื่อก็เรื่องของคุณ ฉันมาเพื่อพูดแค่นี้แหละ บอกแฟนของคุณด้วย อย่าพยายามมาวุ่นวายกับฉันอีก ฉันรำคาญ!” ลนารินรู้สึกฉุนก็เลยตอกกลับเจ็บแสบไม่แพ้ก้น

    “นังปากแข็ง แกไม่มีสิทธิ์มาตะคอกใส่หน้าฉันนะ!” เพราะระแวงลนารินอยู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้วจากคำบอกเล่าของสลิลรัตน์กับเหตุการณ์ที่พระพายฉุดรั้งหญิงสาวอยู่หน้าลิฟต์ อัญนิกาจึงโพล่งออกมาเสียงดัง คนระดับเธอ ไม่เคยให้ใครที่อยู่ต่ำกว่ามาตีฝีปากใส่แล้วยังลอยหน้าอยู่ได้ เธอไม่เชื่อคำพูดของลนารินสักนิดเดียว

    “คุณไม่มีเหตุผลกับฉันก่อน ฟังความข้างเดียวก็เชื่อ ก็มาหาเรื่องฉัน อย่างนี้ไงล่ะจินนี่กับแฟนคุณถึงได้ใจ”

    “แกว่าฉันโง่เหรอ” อัญนิกาคิดเองในแง่ร้ายไปล่วงหน้า หญิงสาวก้าวขยับเดินเข้ามาใกล้ลนาริน

    “ก็แล้วแต่คุณจะคิดเถอะ ฉันขี้เกียจพูด ขอตัวแค่นี้” หญิงสาวบอกเสียงห้วน หันหลังจะเดินจากมา คิดในใจแล้วว่าจะไม่มีการพูดคุยดีๆ กันรอบสอง หากผู้หญิงคนนี้ยังไร้สติเอาแต่อารมณ์อย่างที่เป็นอยู่

    “ฉันยังพูดกับแกไม่จบ จะไปไหน!” อัญนิกากระชากแขนจนลนารินตัวเซ

    “คุณจะบ้าเหรอไง มีสมองบ้างหรือเปล่า ถูกผู้ชายหลอกแล้วมาโวยวายอะไรกับฉัน ที่คุณต้องจัดการ โน่น...แฟนคุณโน่น อีกคนก็คือผู้หญิงที่ชื่อจินตนา หากพวกคุณคนใดคนหนึ่งยังมาหาเรื่องฉันอีก ฉันจะแจ้งความ!” ในระหว่างที่พูดลนารินก็สะบัดแขนจนหลุดจากการเกาะกุมของอัญนิกา

    “อีบ้า! อีสารเลว!” อัญนิกาคลุ้มคลั่งหนัก แม้จะหอบเหนื่อยจนตัวสั่น หญิงสาวปราดเข้าหาลนาริน สาวอายุยี่สิบก็เลยป้องกันตัวเองด้วยการผลักหญิงสาวเต็มแรงจนร่างบอบบางนั่นถลาลงกับพื้นห้อง

    “ว้าย!” อัญนิการ้องเสียงดัง ในจังหวะที่อเกณวิ่งเข้ามาในห้องทันเห็นเหตุการณ์น้องสาวโดนทำร้ายร่างกายเข้าพอดี ชายหนุ่มหันขวับมองลนาริน อีกฝ่ายนั้นก็แปลกใจเหมือนกันว่าชายหนุ่มมาเกี่ยวอะไรด้วย

    “พี่น้ำหนึ่ง มันทำร้ายน้ำพั้นซ์ มันส่งรูปให้น้ำพั้นซ์อีกแล้ว” พอเห็นหน้าพี่ชาย อัญนิกาก็รีบฟ้องทันที

    พี่น้ำหนึ่ง...ลนารินนิ่งงัน ก่อนก้าวถอยหลังเพราะสายตาคมเข้มที่มีแววดุดันคุคามจากชายหนุ่ม อย่างนี้สินะ หนสุดท้ายที่เธอเจอเขา ชายหนุ่มถึงได้แสดงท่าทางไม่เป็นมิตรกับเธอนัก เธอรู้แล้ว...เขาเป็นพี่ชายของผู้หญิงที่ชื่ออัญนิกา

    อเกณตามมาถูกที่และทันเวลาก็เพราะนายเสนาลูกน้องคนสนิทเล่าถึงความผิดปรกติของธิติ ที่ลางานบอกว่าลูกชายป่วยไม่สบาย แต่มีคนของเขาไปรู้เห็นว่าธิติแอบทำงานให้อัญนิกา เขาต้องการจะรู้ว่าน้องสาวใช้คนของเขาทำเรื่องอะไร จึงคาดคั้นหนัก ธิติจึงยอมเปิดปากว่าหญิงสาวให้สืบเรื่องของลนาริน จนมาถึงวันนี้ที่ธิติไปรับตัวลนารินมา

    “ฉันไม่ได้ทำร้ายเธอ ฉันแค่ป้องกันตัวเอง” ก่อนสายตาของเขาจะฉีกทึ้งเธอทั้งร่าง ลนารินจำเป็นต้องแก้ไขความเข้าใจผิดนี้โดยไว

    “อย่าไปฟังมันนะคะพี่น้ำหนึ่ง!

    “หยุดเลยน้ำพั้นซ์” อเกณไม่อยากให้น้องต้องกรีดร้องตะเบ็งเสียง ร่างเล็กที่เริ่มหายใจติดขัดทำให้เขารู้สึกเป็นห่วง แต่ทว่าคนถูกความโกรธเข้าครอบงำกลับคิดไปว่าพี่ชายกำลังจะเข้าข้างชู้รักของแฟนหนุ่ม

    ใครๆ ก็เห็นว่ามันดี...เธอไม่ยอม!

    คราวนี้อัญนิกาหันมาทุบตีพี่ชายของตัวเอง “พี่น้ำหนึ่งไม่รักน้อง พี่น้ำหนึ่งหลงมันอีกคนแล้วใช่ไหม วันนั้นมันคงจงใจไปหาพี่น้ำหนึ่งที่ห้างแน่ๆ”

    “เหลวไหลใหญ่แล้วนะน้ำพั้นซ์” อเกณพยายามรวบมือน้องสาวไว้ แล้วหันไปบอกลนารินว่า “เธอก็กลับไปได้แล้ว ฉันขอร้อง...อย่ามายุ่งกับพวกเขาอีก”

    อย่ามายุ่งกับพวกเขาอีก...ลนารินรู้สึกขมขื่นใจใน เขาก็คงเป็นอีกคนที่คิดว่าเธอเลว ชอบยุ่งกับผู้ชายของคนอื่นสินะ

    “ฉันขอย้ำอีกครั้งว่าฉันไม่เคยยุ่งกับผู้ชายของใคร! หากน้องสาวคุณมีสมอง ก็ควรใช้มันตรองให้หนักๆ ว่าผู้ชายอย่างนายพระพายนั่นอย่าเอามาทำพันธุ์ และขอบอกเป็นครั้งสุดท้าย ผู้หญิงของนายพระพายคือจินนี่ ไม่ใช่ฉัน!” ตลอดเวลาที่ทุกคำเล็ดลอดออกจากริมปากอิ่ม ลนารินสบตาแข็งกร้าวของอเกณโดยไม่หลบสายตาแม้สักวินาทีเดียว

    ไม่เคยยุ่งกับผู้ชายของใคร...งั้นเหรอ

    แล้วที่ขึ้นรถไปกับจุติภัทธ์ล่ะ...เจ้าของร่างสูงตั้งคำถามนี้อยู่ในใจ ลนารินตำหนิถูกต้องในเรื่องที่น้องสาวเขาไม่มีสมองหลงรักคนผิด แต่เขาก็โกรธที่เธอต่อปากคำไม่ลดละ ซ้ำความรู้สึกรังเกียจเรื่องระหว่างเธอกับจุติภัทธ์ยังคงวนเวียนมาให้คิดอยู่เสมอ และที่สุดแล้วเขาโมโหตัวเองที่ทำไมต้องอยากรู้ ทำไมต้องสนใจว่าหญิงสาวขึ้นรถไปทำอะไรกับผู้ชายคนอื่น!

    “อีผู้หญิงหน้าด้าน ปากแข็ง!” ความคิดของตัวเองก็ยังเป็นใหญ่เหมือนเดิม อัญนิกาดิ้นเร่าๆ จะออกจากอ้อมกอดของอเกณ แม้จะเริ่มเหนื่อย แต่พายุของความเกลียดชังมีมากเกินกว่าจะหยุดเพียงแค่นี้ ถ้าผู้หญิงคนนี้ไม่ยุ่งกับพระพายแล้ว มันก็อาจจะหันมายุ่งกับพี่ชายของเธอก็ได้ อัญนิกาคิดเป็นตุเป็นตะ

     “บอกว่าไม่มีอะไรกันก็ไม่เชื่อ ถ้าบอกว่าฉันมีอะไรกับแฟนคุณจริงคุณถึงจะเชื่อเหรอไง ตามใจเถอะ แล้วแต่จะเชื่อ แล้วแต่จะคิด!

    “แพศยา!" อัญนิกาดิ้นรนด่าทอ ส่งผลให้อเกณระเบิดอารมณ์ออกมาเหมือนกัน

    “พี่บอกให้พอได้แล้ว เลิกโวยวายซะทีเถอะ!

    จะว่าลนารินมีอิทธิพลกับความรู้สึกหวาดหวั่นของอัญนิกาอย่างเต็มที่ก็ว่าได้ เธอไม่ไว้ใจผู้หญิงซึ่งยืนอยู่ตรงหน้าตอนนี้ ไม่ไว้ใจผู้หญิงที่ทำให้พี่ชายขึ้นเสียงกับเธอได้เป็นครั้งที่สอง!

    “พี่น้ำหนึ่งเข้าข้างมันเหรอ พี่น้ำหนึ่งถึงได้ขึ้นเสียงกับน้ำพั้นซ์แบบนี้” น้ำตาซึ่งเป็นอาวุธไหลอาบแก้มเพื่อบีบคั้นพี่ชายแล้ว

    ด้านลนารินนั้นมองสองพี่น้องด้วยอารมณ์หลากหลาย หนึ่งก็สงสารหญิงสาวที่คลั่งรักลุ่มหลงในตัวของผู้ชายมักมากอย่างพระพาย อีกด้านก็รู้สึกสมเพชเวทนาที่เธอไร้หัวคิดตรึกตรอง หูเบาหลงเชื่อคำคนอื่นยุยงจนร้อนรุ่มไปทั้งตัวและหัวใจ นี่หากรู้ความจริงว่าจินตนาอยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมด ไม่แน่ว่าหญิงสาวอาจจะทำเรื่องร้ายแรงกว่าการตบหรือชี้หน้าด่าทอเพื่อล้างความอับอายก็เป็นได้

    ส่วนชายหนุ่มที่เธอรู้สึกคุ้นเคยเพราะเขาเป็นลูกค้า อีกทั้งน้ำใจที่เขาเคยจัดแจงประสานงานตอนเธอถูกแอบถ่ายคลิปใต้กระโปรง บุญคุณของเขาเธอไม่เคยลืม ในความโกรธเคืองที่เขากำลังแสดงออกนั้นมีแววกลัดกลุ้มและห่วงใยในตัวน้องสาวผู้มีความสายสัมพันธ์ทางสายเลือด คงเพราะเหตุนี้ล่ะมัง จึงทำให้เขาปักใจเชื่อในทุกคำพูดของเธอ

    อเกณมองดวงหน้าขาวเนียน ดวงตากลมใสซื่อของลนารินซึ่งมองมา แล้วภาพในอดีตที่หญิงสาวพยายามปัดป้องดูแลตัวเองจากการถูกลูกค้าลวนลามก็ย้อนกลับมาให้ครุ่นคิด หรือทั้งหมดมันก็แค่การแสดงออกว่าเธอนั้นบริสุทธิ์ไร้เดียงสา อย่างนี้สินะที่ว่ารู้หน้าไม่รู้ใจ

    “พี่น้ำหนึ่งชอบมัน สนใจมัน” อัญนิกาชี้หน้าลนารินราวกลับหญิงสาวอีกคนไม่มีหัวจิตหัวใจ

     “พี่ไม่เคยคิดอะไรกับเขา ไม่เคยสนใจ ไม่ได้ชอบพอ ฐานะของพี่กับเขาไม่มีทางที่จะมาเกี่ยวข้องกัน”

    บอกไม่ถูกว่าทำไมเธอถึงรู้สึกเจ็บกับคำตอบของอเกณ หรือจะเป็นเพราะศักดิ์ศรีความเป็นคนที่ถูกคนฐานะร่ำรวยอย่างเขาเหยียบเสียต่ำ ใช่สิ...เขาจะมาไยดีอะไรกับความรู้สึกของเธอ จะมาสนใจทำไมว่าเธอจะคิดเห็นอย่างไร เขาไม่เสียเวลาจะรับฟังเหตุผลหรือคำชี้แจงจากคนฐานะต่ำอย่างเธอด้วยซ้ำ ถ้าพวกเขาตัดสินใจว่าใครถูก คนนั้นก็คือถูก ตัดสินว่าใครผิด คนคนนั้นก็คงไม่อาจจะเว้นความผิดไปได้เหมือนกัน เพราะอำนาจเงินมันสามารถชี้เป็นชี้ตายกับใครก็ได้

    สบตาเขาครั้งสุดท้าย แล้วลนารินก็หันกายเดินจากมา แต่ก้าวขามาได้เพียงไม่กี่ก้าว น้ำตาเจ้ากรรมก็ร่วงเผาะ หญิงสาวกะพริบตาถี่ขึ้นเพื่อไล่หยดน้ำใสไม่ให้ร่วงตกลงมา เพราะมันจะทำให้คนอื่นเห็นว่าเธอเป็นคนอ่อนแอ ร่างเล็กหยัดหลังตรงแล้วเดินจากไปอย่างมุ่งมั่น ไม่หันกลับมามองผู้ชายที่แวบหนึ่งนั้นเขาได้ใช้สายตาซึ่งมีคำถามมากมายมองตามแผ่นหลังของเธอไป...



    คงเห็นประกาศหน้าบทความแล้วนะคะ
    ท้อมากมายค่ะ สองปีกับนิยายเรื่องนี้ ได้ยอดสั่งจองมาแค่ 3 เล่ม อีก 5 เพราะน้ำใจจากคนกันเอง บางคนที่ไม่เคยอ่านนิยายเรื่องนี้

    นับจากนี้ไปนิยายทุกเรื่องที่เขียน กะรัตจะลงให้อ่านเพียงแค่ครึ่งเรื่องค่ะ
    หากชอบ ก็ตามอุดหนุนที่แผง หากไม่ชอบ ก็ไม่เป็นไร กะรัตก็พอยังมีทางเอางานไปขายอีบุ๊กได้บ้าง ไม่ใช่อ่านแล้วก็จบไป ไร้แรงสนับสนุนใดๆ จากคนอ่าน



    ***********

    11 พ.ย.55


    นิยายเรื่องนี้กะรัตแต่งก่อนเรื่องทาสสวาทเงาเสน่หานะคะ ได้ประมาณ3-4 บทก็เลยหยุด คิดว่ามันเป็นนิยายที่หนักไป ตอนแรกที่แต่งคือการอยากหาอะไรใหม่ๆ ทำ อยากเขียนให้ต่างจากแนวเดิม เอาความเร็วเข้าว่า แต่สมองก็วนเวียนยึดติดกับคำว่า วิรมย์รดา...วิรมย์รดา 555

    ก็เลยพักงาน เอาใหม่ เริ่มเขียนทาสสวาทเงาเสน่หา โดยการสวมหัวโขนใหม่เป็นลนาริน ชื่อนางเอกนิยายเรื่องนี้แหละ คิดนามปากกาไม่ทัน ก็เอาที่มันใกล้ตัวซะเลย ก็นิยายรักทั่วๆ ไปนั่นแหละเนาะ เพียงแต่สำหรับกะรัตแล้วคิดว่ามันยาก ไม่ค่อยพบเจอผู้คน ไม่มีสังคม การจะเขียนแต่ละฉากคิดว่ามันยากกว่าเขียนจีนโบราณที่เราสามารถสร้างอะไรก็ได้ขึ้นมาจากความว่างเปล่า 

    อยากบอกว่าอึดอัดมาก ช่วงที่หายหน้าหายตาพักงานเรื่องแสงแรกของตะวันไป น้ำท่วมปากไม่บอกใครว่าแอบไปเขียนนิยายเรื่องอื่น พอเขียนใกล้จบก็น้ำท่วมปากไม่กล้าบอกคนอ่านนิยายเรื่องนั้นว่าเราก็เคยมีผลงานมาก่อน จนสุดท้ายก็บอกดีกว่า จะอย่างไรก็ผลงานของเรา เราเขียนเอง แม้มันไม่ดี ไม่ให้อะไรกับสังคม มันเป็นพล็อตตลาดๆ แต่เราก็สร้างมันขึ้นมาแล้ว มันทำให้เราไม่ไส้แห้ง(ไปสักระยะหนึ่ง555) เราไม่ควรดูถูกงานของตัวเอง ไม่ควรดูถูกรสนิยมความชอบของคนอ่านหรือสนพ.

    การเขียนนิยายมันก็คืองานๆ หนึ่ง ทำงานแล้วขายไม่ได้ คนที่เดือดร้อนที่สุดก็คือตัวเราเอง
    ก็เลยคิดว่าอย่าสุดโต่งไปจะดีกว่า เขียนได้ก็เขียน ถ้าไม่ฝืนตัวเองมากไป 

    รักคนอ่านทุกคน
    กะรัต




    10 พ.ย.55
    ความซวยตกใส่มือหนูนางอีกแล้ว -*-


    ขอบคุณที่กดเข้ามาอ่านนะคะ เช่นเดิมว่าขอประชาสัมพันธ์ กดอัพบทความสักสามครั้งนะคะ
    นิยายรักแนวยุงชุมอีกเรื่องภายใต้นามปากกาลนารินใกล้วางแผงแล้ว ติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่เว็บสนพ.ไลต์ออฟเลิฟหรือทางเฟซบุ๊คของสนพ.นะคะ เพราะบางครั้งกะรัตก็รู้เรื่องความเคลื่อนไหวของนิยายตัวเองช้ากว่าเว็บของทางสนพ.เสียอีก^^

    ออกตัวก่อนว่านิยายเรื่องทาสสวาทเงาเสน่หา ตอนที่เขียนนั้นคือเรทประชดชีวิตค่ะ เลือดกระจาย แต่ภาษายังสวยนะเออ หุหุหุ ชมตัวเอง แต่พอมาเป็นเล่มภายใต้หัวสนพ.แสนรัก เรทห้าหน้า ตัดไปเหลือความวาบหวามแค่หน้าเดียว ใครที่เคยอ่านต้นฉบับเดิมที่ลงเว็บออนไลน์ ถ้าชื่นชอบแต่เพียงความเรทคุณอาจจะผิดหวัง แต่ถ้าใครยังชื่นชอบกับการถ่ายทอดเรื่องราวในแบบของกะรัตภายใต้นามปากกาลนารินอยู่บ้าง ก็ขอขอบคุณไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ ผลงานวางแผงอย่าลืมอุดหนุนกันนะคะ





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×