ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พรหมรักประกาศิต

    ลำดับตอนที่ #1 : บทที่ 1 : คำขอพรจากหญิงผู้พ่ายรัก (1)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 691
      9
      15 พ.ย. 63

    บทที่ 1

    คำขอพรจากหญิงผู้พ่ายรัก

               “ควีน! ลูกรู้ไหม...กว่าพ่อกับแม่จะสร้างเนื้อสร้างตัวมีธุรกิจเป็นของตนเองได้แบบทุกวันนี้ต้องผ่านอะไรมาบ้าง?”

             ‘คุณทรงพล เศวตวรกุล’ ไม่ได้ต้องการคำตอบจากปากลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนที่กำลังดูรายการวาไรตี้ผ่านจอโทรทัศน์ขณะเอกเขนกบนโซฟาสีเทาตัวใหญ่กลางโถงรับแขก เมื่อหวังแค่เพียงให้ถ้อยคำที่บอกเล่าผ่านหูเจ้าตัวบ้างก็เท่านั้น

             “ทุกอย่างเริ่มต้นจากศูนย์...พ่อต้องอาศัยการเป็นพนักงานประจำในบริษัทต่างๆศึกษาเกี่ยวกับธุรกิจ จนเก็บเงินเก็บทองได้ระดับหนึ่ง และ ลองเสี่ยงกู้ยืมเงินจากธนาคารมาลงทุนเปิดบริษัทเล็กๆของตัวเอง โชคดีที่ธุรกิจของเราเจริญเติบโตไวจนสามารถขยายกิจการใหญ่โตได้แบบทุกวันนี้ แต่กว่าจะประสบความสำเร็จก็ใช้เวลาร่วมสิบปีทีเดียว”

             “นานจังเลย” หญิงสาวเอ่ยขึ้น

             “ใช่ลูก...ทุกอย่างต้องใช้เวลา” ผู้อาวุโสนึกดีใจที่อีกฝ่ายตอบรับกลับมา “ตอนนั้นพ่อท้อจนถึงขนาดบนบานศาลกล่าวพระพรหม ( *** ) ตรงโรงแรมเอราวัณว่าให้ธุรกิจส่วนตัวประสบความสำเร็จ ท่านศักดิ์สิทธิ์จริงๆ เพราะหลังจากนั้นได้ไม่นานกิจการต่างๆก็เจริญเติบโต แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพราะพ่อได้กำลังใจจากแม่และลูกๆเป็นแรงผลักดันเลยทำให้ฟันฝ่าอุปสรรคมาได้”

             “นานเกินไปแล้ว!” เธอเอ่ยขึ้นมาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด “ยายเพลง...ส่งรีโมตฯมาให้ฉันสิ โฆษณาช่องนี้นานชะมัด!”

             มือเรียวบางกระชากรีโมตคอนโทรลจากสาวใช้ที่กำลังตะไบเล็บเท้าให้ไปเปลี่ยนช่องสัญญาณเป็นรายการอื่นๆแทน เล่นเอาคุณทรงพลหน้าเสียค้อนปะหลับปะเหลือกเพราะนึกว่าลูกสาวคุยกับตนเอง  ‘คุณแพรพิไล เศวตวรกุล’ ผู้เป็นภรรยาหัวเราะคิกคักนึกขันสามีที่สอนแม่จอมแสบไม่สำเร็จเฉกเช่นทุกครั้ง

             คงยากที่จะทำให้ ‘เลอโฉม เศวตวรกุล’ บุตรสาววัยยี่สิบหกปี ที่เกิดมาบนกองเงินกองทองซาบซึ้งในถ้อยคำบอกเล่าเกี่ยวกับความลำบากลำบนของบุพการี หญิงสาวไม่เคยสัมผัสคำว่า ‘ขาดแคลน’ หรือ ‘อดอยาก’ สักครั้ง เรียกว่าปรารถนาสิ่งใดเป็นต้องได้ ต่างจาก ‘เลอเลิศ วีรชิตชนะพล’ หลานชายแท้ๆวัยสามสิบห้าปี ที่คุณทรงพลรับเลี้ยงดูต่อจากพี่สาว ซึ่งประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตพร้อมสามีขณะเดินทางไปท่องเที่ยวเขาใหญ่ทั้งครอบครัว

             ตอนเกิดเหตุเด็กชายอายุแค่ห้าขวบ และ รอดชีวิตมาได้เพียงคนเดียวอย่างปาฏิหาริย์ แม้ตอนนั้นคุณทรงพลเพิ่งแต่งงาน และ มีฐานะค่อนข้างลำบาก แต่ก็ยินดีที่จะอุปการะเป็นบุตรบุญธรรม เลอเลิศเป็นเด็กดีไม่เกียจคร้าน ชอบเฝ้ามองคุณแพรพิไล ปัด กวาด เช็ด ถู รดน้ำต้นไม้ และ ทำอาหาร จนต่อมาสามารถทำงานบ้านตามได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ครั้นอายุได้แปดถึงเก้าขวบก็ชอบออกไปรับจ้างขายของในตลาดสดใกล้บ้านจนแบ่งเบาภาระครอบครัวระดับหนึ่ง

             ช่วงนั้นเองคุณทรงพลจับพลัดจับผลูทำธุรกิจส่วนตัวเจริญรุ่งเรือง ส่วนคุณแพรพิไลก็ให้กำเนิดลูกคนแรกเป็นเด็กหญิงหน้าตาน่ารักน่าชัง และ ตั้งชื่อคล้องกับเลอเลิศ ว่า...เลอโฉม เพื่อไม่ให้สองพี่น้องต้องรู้สึกไกลห่าง ต่างฝ่ายต่างทราบดีว่าไม่ใช่พี่ชายน้องสาวทางสายเลือดแต่ก็ไม่นึกเดียดฉันท์ เพราะอย่างไรเสียทั้งคู่ก็มีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องแท้ๆเสมอกัน ชีวิตที่สะดวกสบายขึ้นกว่าแต่ก่อนราวหน้ามือเป็นหลังมือจึงไม่ได้ปลูกฝังเธอให้เรียนรู้ความลำบากนั่นเอง

             “ลูกคนนี้! มันน่าตีนักเชียว” ผู้เป็นบิดาบ่นพึมพำอย่างน้อยอกน้อยใจ

             “โธ่...คุณพ่อคะ หนูฟังเรื่องนี้เป็นร้อยๆพันๆรอบตั้งแต่จำความได้ แต่ก็ไม่เห็นว่ามันจะเกิดประโยชน์อะไร ในเมื่อตอนนี้พวกเราร่ำรวยมีกินมีใช้ไปถึงชาติหน้าก็ไม่หมด” เลอโฉมตอบบุพการี กระนั้นสายตายังคงจดจ้องนักร้องหนุ่มยอดนิยมจากเมืองผู้ดีที่กำลังร้องเพลงบนจอโทรทัศน์ โดยมี ‘แม่เพลง’ สาวใช้วัยสี่สิบปีบรรจงระบายยาทาเล็บสีขาวเหลือบมุกบนปลายนิ้วมือเรียวยาวให้อย่างจงรักภักดี

             “แต่ลูกควรเรียนรู้เรื่องราวในอดีต เพื่อศึกษาไว้เป็นแนวทางสำหรับการทำงานภายภาคหน้านะ” คุณทรงพลตักเตือน “ลูกเองก็โตแล้ว...น่าจะเริ่มเข้าบริษัทมาช่วยทำงานเสียที ต่อไปพ่อจะได้วางใจมอบตำแหน่งประธานบริษัทให้ลูกสืบทอดกิจการต่อ”

             “แหม! คุณพ่อพูดเหมือนตอนนี้หนูไม่ได้ทำงาน อย่าลืมสิคะ ว่า...ทุกวันนี้หนูเป็นตัวแทนบริษัทไปร่วมออกงานสังคมต่างๆนะคะ”

             นี่เป็นหน้าที่รับผิดชอบเพียงอย่างเดียวที่เลอโฉมยอมทำ ได้แต่งหน้าแต่งตัวสวยๆ ได้ถ่ายรูปออกสื่อต่างๆ และ ได้เจอะเจอผู้คนมากมาย ซึ่งเป็นโอกาสให้เลือกสรรหนุ่มๆในแวดวงธุรกิจมาสานสัมพันธ์ต่อนานับไม่ถ้วน กระนั้นจากสถิติที่ผ่านมายังไม่มีใครสามารถคบหาดูใจหญิงสาวนานเกินสามเดือน เนื่องจากนิสัยดื้อรั้นเอาแต่ใจ ขนาดต่อให้ผู้ชายคนนั้นหลงใหลหัวปักหัวปำเพียงใดก็ต้องรีบกระชากหัวตัวเองขึ้นมา แล้วใส่เกียร์หมาเผ่นแน่บแทบไม่ทัน

             “พ่อไม่นับว่านั่นคือการทำงานนะ”

             “โธ่! คุณพ่อจะคาดคั้นบังคับให้หนูทำโน่นทำนี่เพื่ออะไรคะ” ใบหน้าสวยๆเริ่มหงิกงอ “อย่างไรเสียก็มีพี่คิงอยู่ทั้งคน รายนั้นสนใจเรื่องการบริหารธุรกิจจะตาย คงสานต่องานคุณพ่อได้แน่นอนค่ะ” ถ้อยคำหญิงสาวบ่งชัดว่าไม่มีวันยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือเรื่องภายในบริษัทเศวตวรกุล ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอาหารทะเลแปรรูปในประเทศและต่างประเทศรายใหญ่ของประเทศไทย “อีกอย่าง...หนูเรียบจบบริหารการโรงแรม ไม่ใช่บริหารธุรกิจแบบพี่คิง คงจัดการปัญหาต่างๆได้ไม่ดีเท่าหรอกค่ะ” อ้างเหตุผลข้างๆคูๆ พลางยกมือสองข้างขึ้นมาตรวจสีเล็บที่เพิ่งแห้งหมาดๆ

             “ยายควีน! เอาพี่มาเอี่ยวด้วยอีกแล้วนะ” เลอเลิศส่งเสียงดุใส่น้องสาวจอมแสบ ซึ่งดื้อแพ่งไม่ยอมทำงานทำการทั้งที่เรียนจบมากว่าสี่ปีแล้ว จากนั้นก็ยกมือไหว้บิดามารดา ก่อนส่งกระเป๋าเอกสาร กับ ถอดเสื้อสูทให้สาวใช้อีกคนที่กระวีกระวาดมารับนำไปเก็บ

             “พี่คิง!” เจ้าของร่างบอบบางผุดลุกขึ้นจากโซฟาแล้วโผเข้าไปสวมกอดพี่ชายด้วยความดีใจ “พี่คิงไปทำงานงวดนี้นานหลายวันจังเลย...หนูคิดถึง!” แนบใบหน้าสวยใสซบต้นแขนเลอเลิศ

             “ร้านอาหารสาขาใหม่ของพี่ที่เกาะสมุยใกล้จะเปิดบริการแล้ว พี่ก็เลยต้องบินไปควบคุมพวกคนงานตกแต่งภายในด้วยตนเอง อาจเสียเวลาไปบ้างแต่ก็คุ้ม เพราะเกิดมีอะไรผิดพลาดขึ้นมาจะได้แก้ไขทัน”

             “พี่คิงก็จ้างมัณฑนากรเก่งๆไปคุมก็ได้นี่!”

             “คนอื่นคุม มันก็ไม่เหมือนเราคุมเองหรอก” เลอเลิศขยี้ศีรษะน้องสาวอย่างเอ็นดูปนอิดหนาระอาใจนิดหน่อย เพราะทราบดีว่าเลอโฉมไม่มีวันเข้าใจเรื่องความรับผิดชอบต่อหน้าที่การงานแน่นอน

             “พี่เขาพูดถูก...เงินมันซื้อทุกอย่างไม่ได้หรอกนะลูก อะไรที่มันไม่เหลือบ่ากว่าแรงเราทำเองจะดีกว่า” คุณแพรพิไลเห็นด้วยกับลูกชาย

             “โอ้ย! ทำไมหนูถูกรุมอยู่คนเดียวเนี่ย ทั้งคุณพ่อ พี่คิง แล้วยังมีคุณแม่อีก” เลอโฉมขึ้นเสียงสูงด้วยสีหน้ากระเง้ากระงอด “ไม่เอาแล้ว...หนูเข้านอนดีกว่า เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปร่วมงานเปิดตัวน้ำหอมยี่ห้อใหม่ที่โรงแรมพาราไดซ์ซิตี้ไม่ทัน”

             แม้งานที่ว่าจะจัดขึ้นตอนเที่ยงตรง แต่หญิงสาวก็ไม่กล้าเสี่ยงนอนดึกดื่นจนตื่นสาย เพราะกว่าจะอาบน้ำ แต่งตัว แต่งหน้า ทำผม ก็กินเวลาร่วมสามชั่วโมงแล้ว ไหนจะต้องเสียเวลาเดินทางไปยังสถานที่จัดงาน ซึ่งตั้งอยู่ย่านราชประสงค์อันเป็นศูนย์รวมรถติดแห่งหนึ่งของกรุงเทพมหานคร เนื่องจากสถานที่นั้นถูกรายล้อมด้วยห้างสรรพสินค้าชื่อดัง และ โรงแรมระดับห้าดาวมากมาย นึกอยากให้เจ้าภาพเลื่อนเวลาจัดงานออกไปสักบ่ายสองโมงเสียด้วยซ้ำ

             “พอลลี่ พอล! ไปนอนกับแม่เร็วลูก” ร้องเรียกเจ้าแมวเปอร์เซียเพศผู้ขนสีขาวฟูฟ่องซึ่งกำลังนอนอยู่บนโต๊ะรับแขก

             ไม่ต้องรอให้เลอโฉมเรียกซ้ำเป็นครั้งที่สอง เจ้าแมวอ้วนกลมวัยห้าปีก็กระโดดลงจากโต๊ะเตี้ยๆเข้าไปคลอเคลียขาคุณแพรพิไลหนึ่งรอบ ก่อนเดินผ่านคุณทรงพลกับเลอเลิศไปดุจอากาศธาตุ จากนั้นก็หมอบแทบปลายเท้าหญิงสาวที่ต้องรีบอุ้มสัตว์เลี้ยงแสนรักของตนเองขึ้นมากอดฟัดอย่างรักใคร่

             “ไอ้แมวดัดจริต...อ้อนเฉพาะกับผู้หญิง!” เลอเลิศกล่าวออกมาด้วยความหมั่นไส้ นึกอยากเตะพอลลี่ พอลอยู่หลายครั้ง แต่ก็กลัวเจอหมัดแมวเหมียวกับกรงเล็บน้องสาวร่วมด้วยช่วยกันรุมขยี้ ขนาดใช้แค่วาจาต่อว่ายังโดนเลอโฉมตีหน้ายักษ์ใส่เฉกเช่นตอนนี้

             ผู้เป็นพ่อ แม่ และ พี่ชายได้แต่มองตามหญิงสาวที่เดินนวยนาดขึ้นชั้นสองไปด้วยความอ่อนใจ ไม่รู้ว่าเมื่อไรลูกคนเล็กของบ้านจะโตเป็นผู้ใหญ่มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่การงาน และ เลิกนิสัยดื้อรั้นเอาแต่ใจเสียที!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×