คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #25 : [SF] คำสาป (03) end
คำสาป
End
ร่างเล็กหลับไปนานแค่ไหนไม่อาจรู้ได้ แทมินรู้สึกว่ามีบางอย่างมัดอยู่ที่ข้อมือและข้อเท้าทั้งสองข้าง และห้องก็มืดสนิทจนมองไม่เห็นอะไร ร่างเล็กที่กลัวความมืดเป็นทุนเดินอยู่แล้วหวีดร้องเสียงดังเพื่อให้มีคนได้ยินและเข้ามาช่วยตัวเองเสียที
“ช่วยด้วย!!”
หญิงสาวตะโกน เงามืดที่เคลื่อนไหวผ่านหน้าแทมินนั้นยิ่งทำให้ร่างเล็กหวาดกลัวจนร้องไห้ ยิ่งมือเย็นเฉียบกำลังจับเข้าที่ข้อแขนก็ยิ่งตกใจมากกว่าเดิม เปลวไฟลุกพรึ่บขึ้นรอบๆมุมห้องจนมองเห็นว่าแทมินกำลังอยู่ที่ไหน บนแท่นที่นั่งมีร่างสูงของชายหนุ่มที่ชื่อคิมจงฮยอนเขามองมาที่แทมินอย่างชื่นชม เขาหัวเราะที่เห็นสีหน้าหวาดกลัวของแทมิน
“จำฉันได้ไหม…คุณหนูลี?”
คุณหนูลี
“แทมินเป่าเทียนสิลูก”
“วันเกิดปีนี้ลูกสาวแม่โตขึ้นอีกปีแล้วนะแม่รักหนูนะลูก”
“แทมินขอให้ครอบครัวของเรามีความสุขคะ”
“ฆ่ามันให้หมด!!อย่าให้หนีรอดไปได้แม้แต่คนเดียว!”
ราวกับเปิดแผ่นฟิล์มเพื่อเล่นหนังอีกรอบความทรงจำของแทมินที่ขาดหายไป ความฝันที่ติดตามมาหลอกหลอนตลอดหลายปีนี้กำลังปรากฏให้เห็นทีละฉาก
“คุณคือปิศาจตนนั้นที่ฆ่าครอบครัวของหนู”
“ใช่ฉันคนเดียวเสียเมื่อไหร่”
“มะ….หมายความว่ายังไง?”
“คนที่เธอเทิดทูนบูชานักหนานั่นไง ไว้ใจเข้าไปได้ยังไงทั้งๆที่มันฆ่าพ่อแม่ของเธอ”
แทมินเบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อ ชเวมินโฮนั่นหรือจะเป็นคนฆ่าพ่อแม่ของแทมินเป็นไปไม่ได้
“คุณโกหก!!!”
“เดี๋ยวก็รู้ว่าฉันโกหกหรือปล่าว”
เขาเดินเข้ามาหาแทมินดึงแขนร่างเล็กให้ลุกขึ้นยืน เขาเหวี่ยงร่างเล็กขึ้นไปบนแท่นและเขาก็กระหายในตัวเด็กสาวเหลือเกิน เขาพุ่งเข้าหาอย่างป่าเถื่อนและจับคางเล็กให้เงยหน้ารับจูบของเขา
“อื้อ…ไม่…อุ๊บ!...”
แทมินกัดปากของเขาจนได้เลือด “มาเป็นของฉันสาวน้อย ฉันให้เธอได้มากกว่ามินโฮฆ่ามันซะแล้วมาอยู่กับฉัน”
“ไม่!หนูไม่มีวันฆ่าคุณมินโฮ”
“โง่!งี่เง่าชะมัด มันเป็นปิศาจมันจะกัดกินเธอเมื่อไหร่ก็ได้ อยากตายหรือไงห๊ะ!!!”
“ฮึก…เขาจะต้องมาช่วยหนู”
คิมจงฮยอนแหงนหน้าหัวเราะดังลั่น แบบนั้นแหละที่เขาอยากให้มินโฮมา ให้เดินเข้ามาหาความตายช้าๆถูกฆ่าตายทีละนิดด้วยความรักของตัวเอง คิมจงฮยอนผู้ชักพาชเวมินโฮให้หลงผิดเขาไม่สนอะไรทั้งนั้น เขาต้องการเป็นใหญ่ครอบครองโลกมนุษย์ และทุกวันนี้มนุษย์โลกก็เปิดใจให้ปิศาจเข้าครอบงำฆ่ากันเป็นว่าเล่น คิมจงฮยอนแทรกซึมอยู่ทุกความแค้น ความโกรธ ความเกลียดชัง และเหนือสิ่งอื่นใดเขาต้องการครอบครองร่างเล็กที่เป็นของชเวมินโฮโดยการวางกับดักอันแยบยล
“สาวน้อยก่อนที่ชเวมินโฮจะมา เรามาเล่นเกมส์กันดีไหม?”
“ไม่!หนู…มะ…ไม่เล่น”
หญิงสาวตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวเมื่อคิมจงฮยอนย่างกายเข้ามาใกล้ ดวงตาแดงฉานราวกับไฟผิวหนังก็แปลเปลี่ยนกลายเป็นปิศาจโดยแท้จริง เขาช้อนเอาร่างงามขึ้นมาแนบอกและค่อยๆวางแทมินลงบนแท่น กลิ่นอายสาวบริสุทธิ์ช่างหอมหวนจนเรียกความหิวโหยจากปิศาจที่อยู่โดยรอบได้เป็นอย่างดี
“ปล่อยหนู!!หนูกลัวแล้ว!!!”
“ปล่อยแน่ๆหลังจากที่เธอฆ่าชเวมินโฮเมื่อนั้นเธอจะเป็นอิสระ”
รอยยิ้มร้ายกาจของคิมจงฮยอนทำให้แทมินหวาดกลัวมากที่สุด ในใจก็นึกถึงชเวมินโฮป่านนี้เขาจะรู้หรือไม่ว่าร่างเล็กถูกจับตัวมา
“แทมินหายไปไหน!!?”
“เอ่อ….คือ”
“ตอบมา!!!”
ชเวมินโฮตวาดดังลั่นทั่วทั้งวังศิลาแลงแห่งนี้ เขาพอจะรู้อยู่กรายๆว่าต้องเป็นฝีมือของคิมจงฮยอนแต่ที่เขาแปลกใจไปมากกว่านั้นคือไม่มีใครเห็นลีแทมินเลยหรืออย่างไรทั้งที่ ที่นี่เป็นอาณาเขตในปกครองของเขา
“เป็นฝีมือของคิมจงฮยอนคะ”
“เพียะ!!!!”
แรงฝ่ามือหนักๆฟาดเข้าเต็มแก้มของคีย์ ร่างเล็กนั่งกองกับพื้นทั้งเจ็บปวดที่ชเวมินโฮทำร้ายกันและเจ็บปวดที่ดวงตาของชายหนุ่มมีแต่เด็กสาวคนนั้น เขาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ และระเบิดอารมณ์กับข้าวของภายในปราสาท ท้องฟ้ากลายเป็นสีดำสนิท ร่างกายของมนุษย์เริ่มกลายร่างเป็นพญาซาตานดวงตาคมแดงฉานราวกับสีเลือด ปีกใหญ่โตผุดงอกออกมาจากด้านหลัง
“ฉันจะไปพาแทมินกลับมา”
“ไม่…นายท่านต้องไม่ทำเช่นนั้น”
“เพราะฉันไม่มีวันกลัวหากจะตายก็ขอตายด้วยฝีมือเด็กคนนั้น”
เขาประกาศลั่นร่างกายอมนุษย์บินออกไปท่ามกลางความมืดมิดของรัตติกาล 9ปีที่เฝ้าปกป้องและถนุถนอมร่างเล็กแม้จะรู้ว่าธาตุในกายนั้นต่างกันแต่ก็ยังอดทนและปกป้องด้วยความรัก เริ่มแรกมินโฮเอ็นดูแทมินเหมือนกับผู้อุปการะ แต่หากนานวันเข้าหญิงสาวเติบโตขึ้นมาทั้งร่างกายและผิวพรรณทั้งความน่ารักและเสน่ห์ที่ทำให้ชายหนุ่มตกหลุมรักมนุษย์น้อยนี้เข้าจนได้
“คุณมินโฮ”
ร่างเล็กกอดตัวเองภายใต้ความมืดมิด มองไปทางใดก็ไม่มีใครสักคนเขาถูกขังมาเกือบสามวันแล้วแทมินเลือกที่จะไม่กินอะไรเลย ร่างกายที่ไม่ได้รับแม้กระทั่งอาหาร มีเพียงน้ำปล่าวประทังชีวิต กลิ่นอายปิศาจกระจายคละคลุ้งไปหมด ตอนที่พวกมันทั้งหลายเดินผ่านห้องนี้แทมินได้ยินเสียงพวกนั้นพูดคุยกันเรื่องที่คิมจงฮยอนใช้แทมินเป็นเหยื่อล่อให้มินโฮเข้ามาติดกับ และหลังจากนั้นจงฮยอนจะฆ่ามินโฮและปล่อยให้ปิศาจร้ายพวกนั้นกัดกินร่างกายของมินโฮ
“แทมิน….”
“คุณเป็นใคร?”
ร่างเล็กร้องถาม เพราะเงาใหญ่นั้นยืนนิ่งไม่ขยับตนอยู่ตรงปากประตู และไม่นานเขาก็เดินเข้ามา ดวงตากลมของแทมินเบิกกว้างเพรารู้ว่าผู้ชายคนนี้คือคนๆเดี๋ยวกับที่จับเธอมาขัง
“ปล่อยหนูนะ!!!”
แทมินร้องเสียงดังทั้งพยายามที่จะหยิกจะตีเขาแต่แล้วก็ถูกเขารวบมือเอาไว้ทั้งสองข้าง เขารวบเอาร่างแทมินที่ไม่มีทางหนีขึ้นพาดบ่าและพาเดินออกมาด้านนอกตามทางเดินโล่งๆแทมินที่เงียบเสียงไปแล้วเพราะว่าไม่มีแรงถูกเขาโยนลงบนเตียงอีกครั้ง แต่กระนั้นร่างเล็กก็ยังถอยหนีจนชิดหัวเตียง เขาหัวเราะเหมือนกับวันแรกที่เจอกันและมองแทมินด้วยความสมเพช กลิ่นคาวเลือดโชยมาจนอยากจะอาเจียนเสียเดี๋ยวนั้น แทมินเห็นคิมจงฮยอนยกแก้วใสๆขึ้นมาและจากนั้นเขาค่อยๆใช้ปลายมีดแหลมคมกรีดเลือดของตัวเอง และปล่อยให้เลือดของเขาหยดจนเต็มแก้วใบนั้น
“มาเล่นเกมส์กันสาวน้อย มาดูซิว่าชเวมินโฮจะทนหิวได้สักเท่าไหร่กัน”
“คุณจะทำอะไรหนู อย่านะ!”
แรงดึงที่ข้อเท้าพาเอาร่างเล็กขยับเข้ามาใกล้เขาและชายหนุ่มไม่รีรอที่จะประกบจูบริมฝีปากแดงอีกครั้ง คราวนี้เขาบีบปากแทมินให้อ้าออกและจูบดุดันของเขาทำให้แทมินกลัว
“อื้อ!!!ปล่อย!!!!คุณมินโฮ….อึก”
“ร้องหามันเข้าไป เมื่อไหร่ก็ตามที่มันมาตามหาเธอฉันจะฆ่ามันเมื่อนั้น”
รสชาติฝาดเฝื่อนของเลือดค่อยๆไหลไปตามลำคอบางส่วนเปรอะเปื้อนไปตามผิวขาวๆ ชุดกระโปรงที่แทมินสวมใส่ชุ่มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด เมื่อเห็นว่าแทมินพยายามจะพ่นมันออกมาเขากลับกรอกมันเข้าปากตัวเองแล้วป้อนจูบบังคับให้แทมินดื่มเลือดของเขา
“แค่กๆๆๆ”
“รอก่อนสาวน้อย เมื่อมันดื่มเลือดเธอพลังของมันจะหดหายไปและเมื่อนั้นเธอจะต้องฆ่ามัน”
“ฮึก….หนูไม่ทำ…หนูไม่มีวันทำร้ายคุณมินโฮ”
ฝ่ามือหนากระชากเอาชุดกระโปรงที่ไม่ต้องออกแรงมากนักก็หลุดติดมือโดยง่าย แววตาของปิศาจคิมจงฮยอนทั้งกระหายในที่จะเสพสมร่างกายของเด็กสาว เขาเลียริมฝีปากตัวเองช้าๆและดึงร่างของเด็กสาวให้มานอนทอดร่างใต้ตัวตนเอง แรงขัดขืนค่อยๆหายไป พร้อมกับแรงปิศาจที่ต้องการครอบครองร่างงามเป็นของตน
“กรี้ดดด!!!!คุณมินโฮช่วยหนูด้วย!!!!ปล่อยนะ!!!!”
แทมินหวีดร้องลั่นเมื่อความโหดร้ายนี้กำลังบังคับขืนใจ ร่างเล็กร้องตะโกนหาชเวมินโฮไม่ว่าเมื่อใดที่แทมินหวาดกลัวผู้ชายคนนี้จะเข้ามาหาและช่วยเหลือแทมินให้พ้นจากอันตรายทุกครั้งไป และครั้งนี้แทมินกลัวเหลือเกินว่าจะไม่ได้เป็นของมินโฮ ฝ่ามือหนาของจงฮยอนกระชากเรียวขาบางออกจากกันเขาตรึงมันไว้ด้วยกำลังมือทั้งสองข้าง ความสวยงามบริสุทธิ์ราวกับกลีบกุหลาบ ผิวเนื้อนวลเนียนก็ช่างน่าลิ้มลองรสเสียเหลือเกิน
“ยังบริสุทธิ์?”
คิมจงฮยอนแปลกใจนัก ว่าชเวมินโฮจะปล่อยสาวน้อยผู้นี้รอดพ้นมาจนถึงบัดนี้ ทั้งที่รู้ว่าเมื่อใดก็ตามที่มินโฮกลายร่างในคืนพระจันทร์เต็มดวงสิ่งแรกที่ช่วยเพิ่มพลังชีวิตให้มินโฮคือเลือดและพรหมจรรย์ของสาวบริสุทธิ์
“เลือกที่จะฆ่าคนอื่นแต่ยกเว้นเธอยังงั้นหรือ?”
ชายหนุ่มก้มลงฟอนเฟ้นร่างงาม ริมฝีปากก็ฉกฉวยไปตามผิวนุ่มนิ่ม และปิดปากแดงที่พยายามเค้นเสียงกรีดร้องด้วยริมฝีปากตน ดวงตากลมค่อยๆปิดลงช้าๆรอจนกว่าความทรมานในครั้งนี้จะผ่านพ้นไป
“ฮึก…คุณมินโฮ”
“เรียกชื่อฉัน แค่ฉันคนเดียวเท่านั้นที่จะเป็นเจ้าของเธอ ลีแทมิน”
“ดีมากสาวน้อย”
เพียงไม่นานร่างของแทมินก็ร้อนราวกับโดนไฟสุม คิมจงฮยอนสามารถเปลี่ยนเด็กสาวไร้เดียงสากลายเป็นแมวน้อยยั่วสวาทได้เพียงชั่วพริบตา
“ที่เหลือควรจะเป็นหน้าที่ของชเวมินโฮสินะ”
จงฮยอนปล่อยร่างอ่อนปวกเปียกของแทมินนอนบิดเร้าด้วยความทรมานอยู่บนเตียง ปากแดงก็พร่ำขอความรักจากเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างคนขาดสติ เมื่อคนเราถูกซาตานเข้าครอบงำจิตใจปล่อยตนเหนือสติมักกระทำสิ่งที่ไม่พึงปรารถนากว่าจะได้สติคืนมาสิ่งที่ทำอยู่มันก็ช่างไร้ค่านัก
แทมินนอนแผ่บนเตียงพลางจินตนาการในหัวถึงการร่วมรักอันหยาบโลน แม้เด็กสาวจะไม่ประสีประสากับเรื่องรักๆใคร่ๆแต่ในยามนี้ยามที่ถูกปลุกปั่นอารมณ์ให้โหมกระหน่ำไม่มีสิ่งใดมาหยุดยั้ง แม้แต่การอ้าขาเปิดเปลือยทุกสิ่งอย่างริมฝีปากแดงก็ครางเรียกชื่อของชเวมินโฮไม่ได้หยุดหย่อน
แม้กระทั่งชเวมินโฮที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเทพรูปงามแห่งสรวงสวรรค์ผู้ใดก็เคารพยำเกรงแต่เมื่อปล่อยให้ซาตานเข้าครอบงำจิตใจแล้วคิดการกบฏตั้งตนเป็นใหญ่ในสวรรค์ยังถูกคำสาปให้ลงมาใช้ชีวิตกลายร่างเป็นซาตานทุกคืนวันเพ็ญ
“แทมิน”
“คุณมินโฮ”
หญิงสาวครางเรียกชื่อชเวมินโฮแม้ไม่รู้ว่ารูปกายตรงหน้านี้สามารถจับต้องได้หรือเป็นเพียงมนตราที่คิมจงฮยอนสร้างขึ้นกันแน่
“ฉันมารับเธอกลับบ้าน”
หญิงสาวโผเข้ากอดมินโฮ ร่างกายบางสั่นระริกทั้งทรมานเหลือเกินแต่หากจะให้ชเวมินโฮปลอดภัยนั้นก็คือต้องอยู่ห่างจากแทมิน
“คะ…คุณต้องไม่กอดหนู”
“แทมินฉันเอง…ชเวมินโฮ”
“นะ…หนูกลับไปไม่ได้…ฮึก…คุณกลับไปเถอะนะคะ”
มินโฮไม่เข้าใจในสิ่งที่แทมินพูดเขาตั้งท่าจะไปอุ้มร่างน้อยมากอดอีกครั้งแต่คราวนี้เป็นแทมินเองที่ปฏิเสธเขาด้วยความทรมาน
“คิมจงฮยอนทำอะไรเธอ”
“มะ…ไม่…ฮึก…หนูรักคุณแต่ช่วยกลับไปเถอะนะคะ”
“กลับไปกับฉันลีแทมิน”
เพราะชเวมินโฮคือคนที่แทมินรักและคิดจะฝากชีวิตไว้ด้วยแทมินจึงกลัวเหลือเกินว่าคนตรงหน้าจะเป็นอะไรไป หากมินโฮแตะต้องเขาทุกอย่างจะต้องเป็นไปตามแผนของคิมจงฮยอนและเมื่อนั้น ชเวมินโฮผู้แสนดีก็จะสลายหายไปเพราะแบบนั้นแล้วแทมินอยู่ไม่ได้แน่หากในโลกนี้ไม่มีชเวมินโฮ
“หนูกลับไปไม่ได้แล้ว ฮึก….หนูไม่เหมือนเดิมแล้ว…ฮึก”
ฝ่ามือหนาชะงักค้างกลางอากาศไม่เหมือนเดิมของแทมินหมายความว่าคิมจงฮยอนพรากหัวใจดวงน้อยไปจากเขาอย่างนั้นหรือ
“ฮึก…หนู…หนูไม่ใช่ของคุณ…ฮึก…เขา…ทำแบบนั้นกับหนู…ฮึก…ได้โปรดกลับไปเถอะ”
“ลีแทมินมาหาฉัน!”
ดวงตาคมเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีของเลือด เขาจ้องมองแทมินคาดคั้นเอาความจริงทั้งหมด แต่ร่างเล็กกลับหลบสายตาซ้ำยังขยับหนีเขาจนชายหนุ่มทนไม่ไหวดึงแทมินเข้ามาหาตัวเอง
“ปล่อยหนูนะ!”
“เงียบซะเด็กน้อย”
เขาจูบปลอบเหมือนเคยและมันอ่อนละมุนจนทำให้แทมินคลายความหวาดกลัว แขนเรียวโอบกอดแผ่นหลังแกร่งเอาไว้แน่นเมื่อริมฝีปากของมินโฮค่อยๆบรรจงจูบไล่ให้ความน่ากลัวค่อยๆหายไป ไฟราคะในร่างกายไม่เคยดับมอดแทมินที่หลงรักมินโฮมาตั้งแต่เด็กและมินโฮเองก็รู้สึกเช่นเดียวกันเพียงแค่มองตาก็เข้าใจกันและกัน มินโฮรู้ว่ากับดักนี้คืออะไรแต่ก็เลือกทำเป็นคนโง่มองไม่เห็นและปิดหูปิดตาขอเพียงแค่ได้โอบกอดร่างเล็กไว้กับตัว
“ถ้าคุณกอดหนูคุณจะต้องตาย”
มินโฮเอ็นดูเด็กคนนี้เหลือเกิน ที่กำลังร้องไห้ไม่ต่างจากเด็กหญิงลีแทมินเมื่อเก้าปีก่อน
“หากจะต้องตายฉันฉันก็ยินดีที่จะตายเพราะเธอ”
“แต่หนู…ฮึก…หนูไม่อยากให้คุณตาย หนูรักคุณ หนูรักคุณไม่ใช่แบบผู้อุปการะแต่หนูรักคุณแบบคนรัก”
แทมินเอื้อนเอ่ยทุกสิ่งที่อยากจะพูดและหวังเหลือเกินว่าคนๆนี้จะเข้าใจ
“ฉันก็รักเธอสาวน้อย”
“ต่อจากนี้ ไม่ว่าจะขึ้นสวรรค์หรือลงนรกเธอพร้อมจะไปกับฉันใช่ไหม”
แทมินพยักหน้าไม่ว่าที่ไหนก็ได้ทั้งนั้นถ้าได้อยู่กับชเวมินโฮ เรียวขาขาวอ้าออกกว้างเมื่อตัวตนของมินโฮสอดแทรกเข้ามาแทมินเกร็งร่างเมื่อความดุดันของเขามันคับแน่นไปหมด และจากนั้นเมื่อเริ่มคุ้นเคยจึงปล่อยให้ชเวมินโฮเป็นผู้นำพา
“คุณมินโฮหนู…อ๊ะ….อ๊า!”
แทมินหวีดร้องลั่น วงแขนก็โอบกอดรอบแผ่นหลังแกร่งเป็นหลักยึดยามเมื่อชายหนุ่มมุ่งหน้าพาให้ถึงฝั่ง
“แทมิน…อา…แทมิน”
เขาครางเรียกชื่อร่างเล็ก ความปรารถนาอันมากมายถูกปลดปล่อยเข้าสู่ร่างกายของแทมิน พร้อมกับคำสัญญาที่เขาต้องกลับมา
“สัญญาว่าจะรอฉันนะแทมิน…ไม่ว่าเมื่อไหร่”
“ฮึก…คะ…หนูจะรอคุณมินโฮ”
ปีกใหญ่โตผุดออกมาจากแผ่นหลังแกร่ง ร่างกายที่ของซาตานเริ่มสำแดงตน เขี้ยวยาวและดวงตาแดงฉานงอกออกมา และเขาก้มลงหาซอกคอขาวๆของแทมิน ชายหนุ่มเร่งเร้ากระแทกความปรารถนาเข้าใส่จนต่างคนต่างร้องไม่เป็นภาษา มินโฮคำรามลั่นและฝังหน้าลงกับซอกคอของแทมิน
“อ๊ะ!อ๊า!”
หญิงสาวกระตุกกายสูดลมหายใจเข้าปอดเป็นครั้งสุดท้าย ร่างกายเหยียดเกร็งผิวขาวซีดเมื่อถูกดูดเลือดไปจนหมดไม่มีแววตาแห่งความหวาดกลัวนอกจากดวงตากลมหลับพริ้มด้วยความสุขสมและข้างๆกันพญาซาตานร่างกายค่อยๆกลายเป็นผุยผงและค่อยๆสลายไป
“ฉันรักเธอลีแทมิน”
กรุงโซลเกาหลีใต้ปี 20xx ฤดูร้อน
ร่างเล็กเดินออกมาจากหอสมุดของมหาวิทยาลัย ข้อมือข้างขวาก็ยกขึ้นมาดูเวลาอีกไม่นานก็จะถึงเวลาเลิกคลาสของเพื่อนสนิท ร่างเล็กจึงเลือกที่จะนั่งคอยใครอีกคนเงียบๆที่หน้าตึกคณะ ในกระเป๋าเป้ใบใหญ่มีหนังสือที่พึ่งยืมมาจากห้องสมุด ร่างเล็กเป็นคนไม่เชื่อเรื่องไสยศาสตร์เพราะมันพิสูจน์ไม่ได้แต่เวลานี้กลับมีหนังสือเกี่ยวกับตำนานเทพเจ้าอยู่ในมือ และเมื่อเอ่ยถึงลูซิเฟอร์ร่างเล็กกลับคุ้นเคยอย่างประหลาดและสนใจที่จะค้นหาความรู้เกี่ยวกับประวัติของเทพองค์นี้ว่าเหตุใดแล้วเขาจึงถูกสาปให้มีชีวิตที่น่ารันทดเช่นนี้
“รอนานมั้ย?”
ร่างเล็กเงยหน้าขึ้นมาทั้งที่ยังมีแว่นตาคาดอยู่ตรงจมูกร่างเล็กส่งยิ้มน่ารักซึ่งไม่ว่าใครเห็นจะต้องละลายไปตามๆกัน แต่เขากลับไม่ใช่ผู้หญิงแม้ว่าริมฝีปากแดงและตากลมๆจะออกแนวๆนั้นก็เถอะ
“ไม่นานเลย”
“นายสนใจหนังสือพวกนั้นด้วยหรอ”
ร่างเล็กชูหนังสือเล่มหนาให้เพื่อนดูอีกครั้งและไม่ลังเลที่จะตอบเลย
“ก็อ่านเล่นน่ะ”
คิมจงอินไม่แปลกใจเลยสักนิดที่หนอนหนังสืออย่างลีแทมินจะอยากรู้เรื่องประวัติศาสตร์ไปซะหมด แค่ที่เรียนอยู่ทุกวันนี้ร่างเล็กไม่ปวดหัวหรือไงนะ
“กลับบ้านกันเถอะ”
ร่างสูงส่งมือมาให้แทมินจับเหมือนเคยและรอยยิ้มของร่างเล็กก็ทำให้คิมจงอินมีกำลังใจเสมอ เขาเป็นเพื่อนกับแทมินมานานและรู้ใจตัวเองมานานเช่นกันว่าหลงรักลีแทมินเข้าให้แล้วแต่เขาเลือกที่จะเก็บมันไว้แค่คนเดียว
“จงอินวันนี้เราไปที่วังศิลาแลงกันมั้ย?”
“นายเคยพูดว่ากลัวผีไม่ใช่หรอ?”
แทมินพยักหน้าแต่ก็อยากไปเหลือเกิน จนต้องรบเร้าให้จงอินใจอ่อน และเป็นไปตามคาดนอกจากจะเป็นเพื่อนสนิทแล้วชายหนุ่มยังตามใจแทมินทุกอย่างด้วย
“ไปก็ไป…กลับเย็นคุณป้าดุอย่างอแงมาโทษฉันนะ”
“รู้แล้วน่า ชอบเอาคุณแม่มาอ้างเรื่อยเลยนายเนี่ย”
เมื่อทัศนศึกษาคราวที่แล้วเพื่อนร่วมคลาสได้ไปเที่ยวกันทุกคนที่วังศิลาแลง ยกเว้นแทมินเพราะเขาป่วยวันนั้นจึงเสียดายยกใหญ่แล้วแทมินก็อ้อนให้คิมจงอินพาไปอีกให้ได้ โฮจุนบอกว่าที่นั่นน่ากลัวและก็น่าสนุกสุดๆเลย มีของเก่าอยู่เต็มไปหมดแล้วก็มีเรื่องเล่าเมื่อร้อยกว่าปีก่อนด้วย แทมินได้ฟังตอนแรกก็กลัวเหลือเกินแต่เพราะอยู่ๆก็อยากไปขึ้นมาดื้อๆอาจจะเป็นเพราะในหนังสือเล่มที่ถืออยู่นี้ทำให้ร่างเล็กอยากเข้าไปค้นหาอะไรบางอย่างก็ได้
“น่ากลัวจังเลยจงอิน”
ปราสาทแห่งนี้มีกฏข้อห้ามอยู่ว่าห้ามเดินตรงเข้าไปเด็ดขาดต้องหันหลังแล้วเดินเข้าไปเท่านั้นไม่อย่างนั้นแล้วบางสิ่งบางอย่างที่เขาเล่ากันต่อๆมาจะชักชวนให้อยู่ที่นี่ต่อไปลีแทมินขำตลอดทางเขาเป็นเด็กหัวสมัยใหม่แต่ก็ใช่ว่าจะไม่เชื่อเอาซะเลยสุดท้ายเมื่อรถยนต์จอดลงหน้าปราสาทหลังใหญ่ร่างเล็กเบียดตัวเองเข้าไปเกาะแขนคิมจงอิน ดวงตากลมมองปราสาทเก่าแก่อย่างชื่นชม มันสวยมากแต่ขณะเดียวกันก็ดูลึกลับน่าค้นหา แม้จะกลัวแสนกลัวแต่แทมินก็เลือกที่จะเดินเข้าไปด้านในก่อนใครเพราะสิ่งที่แทมินสนใจมากที่สุดคือแปลงกุหลาบที่ปลูกในสวนข้างกันมากกว่า
“ฉันเคยมาตรงนี้”
แทมินลืมคำเตือนที่จงอินเคยพูดก่อนมาถึงที่นี่ ในตอนนี้แทมินไม่สนใจอะไรแล้วนอกจากแปลงกุหลาบที่โตวันโตคืน สีแดงสดให้ความรู้สึกเหมือนสีเลือดแต่แปลงกุหลาบแปลงนี้ช่างดูเศร้าสร้อย
“นายนี่มันดื้อจริงๆเลยลีแทมิน”
จงอินเดินตามมาด้านหลังยกกระเป๋าของเพื่อสนิทมาสะพายไว้เอง และก็ผลักหัวแทมินเบาๆด้วยความเอ็นดู เขาทำตามกฎของที่นี่ทุกอย่างแม้มันอาจจะดูบ้าไปหน่อยแต่ก็ทำเพื่อความสบายใจก็เท่านั้น
“จงอินดูกุหลาบแปลงนี้สิ สีสวยจังเลย”
แทมินนั่งลงแล้วค่อยๆใช้ฝ่ามือสัมผัสกลีบกุหลาบช้าๆ
“ที่ไหนก็มีกุหลาบทั้งนั้นละน่า”
“ไม่เหมือนกันสักหน่อยที่นี่น่ะดอกกุหลาบสวยที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นมาเลยนะ”
“รีบเข้าไปข้างในกันเถอะ นี่ก็เย็นมากแล้วเดี๋ยวคุณป้าจะเป็นห่วง”
“อื้อรู้แล้ว”ทั้งที่อยากชื่นชมแปลงกุหลาบต่ออีกสักหน่อยแต่คิมจงอินก็ดึงร่างเล็กให้ลุกขึ้นและดันหลังให้เดินเข้าไปด้านในด้วยกัน
“ลีแทมิน”
“อะ…เอ๋?”
“เป็นอะไรไป?”
“ปล่าว…เมื่อกี้นายไม่ได้เรียกฉันหรอ?”
“ปล่าวนี่ มีอะไรรึปล่าว”
“ไม่มีฉันแค่รู้สึกแปลกๆน่ะ”
อยู่ๆแทมินก็รู้สึกเย็นยะเยือกขึ้นมาทั้งๆที่ ที่นี่ถูกปรับปรุงจากวังศิลาแลงปราสาทเก่าแก่ให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว มีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆภายในปราสาทและยังคงความเก่าแก่เอาไว้เหมือนเมื่อก่อนไม่มีผิด รูปถ่ายเรียงรายอยู่ติดผนังเป็นรูปกาลเวลาเกี่ยวกับปราสาทหลังนี้แม้บริเวณรอบข้างจะกลายเป็นสวนสาธารณะและมีบ้านคนอยู่เต็มสองข้างทางไม่มีเค้าของป่าอยู่รอบๆเลยสักนิดแต่แทมินกลับรู้สึกเหมือนตัวเองได้ไปยังสถานที่เก่าแห่งนั้น
ดวงตากลมสะดุดกับรูปผู้ชายคนหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้หวายดวงตาคมสีรัตติกาลกำลังจ้องมองมาที่แทมินเช่นกัน เขานั่งทำหน้านิ่ง แต่ใบหน้าคมเข้มกลับหล่อเหลาเสียจนแทมินหัวใจกระตุกวูบ
“นี่รูปใครหรอ?”
“คุณชเวมินโฮเขาเป็นเจ้าของวังแห่งนี้”
“คุณมินโฮ”
จงอินชี้ป้ายกรอบทองที่ถูกติดอยู่บนผนัง รายละเอียดไม่ค่อยชัดเจนนักมีแค่ชื่อและเรื่องราวสั้นๆส่วนวันเดือนปีเกิดของเขากลับไม่ปรากฏ
“ชเวมินโฮ สถานภาพ::หายสาบสูญ”
“เขาว่ากันว่าที่นี่ถูกปิศาจโจมตี คุณมินโฮแล้วก็บุคคลในบ้านเสียชีวิตทั้งหมด”
“ปิศาจ?”
“ใช่….แต่ไม่มีใครพิสูจน์ได้หรอกนะเพราะไม่มีแม้กระทั่งศพหรือบุคคลอื่นอยู่ด้วยเลย คนแถวนี้เชื่อกันว่าผู้ชายคนนี้ยังวนเวียนอยู่ในบ้านหลังนี้ไม่ไปไหน วันดีคืนดี เขาจะออกมาปรากฏตัวให้เห็น”
เพราะรู้ว่าแทมินกลัวมากจงอินถึงแกล้งหลอกไปแบบนั้น
“นายเคยอ่านเรื่องตำนานลูซิเฟอร์หรือป่าวละ บ้างก็ว่าเขาคบคิดกับซาตานขายวิญญาณให้พวกมันจนสุดท้ายถูกสาปลงมาอยู่ในร่างของซาตานต้องทรมานมานับพันปี”
“ลูซิเฟอร์เป็นเทพไม่ใช่หรอ?”
“ใช่ แต่เพราะเขาถูกชักจูงในทางที่ผิดเลยต้องลงมาใช้กรรมในโลกนี้น่ะสิ”
“ทีนี้จะกลับได้หรือยัง”
“เดี๋ยวสิ เรายังไม่ได้เข้าไปห้องต่อไปเลยนะ” แทมินพยายามอ้อนเขายังอยากรู้เรื่องราวของคุณชเวมินโฮเจ้าของปราสาทแห่งนี้ และไม่รอช้าแทมินก็รีบวิ่งไปห้องข้างๆเพราะกลัวจงอินจะบังคับให้กลับอีกครั้ง
“ลีแทมิน”
“เดี๋ยวนะจงอิน”
แทมินได้ยินเสียงนั้นอีกแล้วและตอนแรกเขาคิดว่าจงอินวิ่งตามมา แต่ปล่าวเลยห้องโถงกว้างๆเงียบสนิทมีเพียงเปียโนหลังใหญ่ตั้งอยู่กลางห้อง รูปภาพที่แขวนอยู่บนเตาผิงก็มีแต่รูปวิวและรูปปราสาทตั้งแต่สมัยก่อน
“จงอิน…คิมจงอิน!!!”
มีเพียงเสียงสะท้อนของตัวเองดังกลับมา “ไม่เล่นแล้วนะ ฉันจะรอนายอยู่ที่นี่นะ”
แทมินบอก จากนั้นจึงนั่งลงบนเก้าอี้สำหรับเล่นเปียโนหลังจากที่มองแล้วไม่มีใครอยู่ในห้องแทมินจึงโค้งหัวเล็กน้อยเป็นเชิงขออนุญาต ปลายนิ้วตั้งใจกดลงบนตัวโน๊ตเสียงก้องกังวานของเครื่องดนตรีชนิดนี้ดังก้องไปทั่วห้องโถง เปียโนเก่าขนาดนี้เหลือเชื่อว่ายังเล่นได้ดี
“เพราะมาก”
เสียงปรบมือจากด้านหลังทำให้ร่างเล็กหยุดนิ่งแล้วหันไปมองคนที่เดินเข้ามาใหม่ ไม่ใช่คิมจงอินแต่ผู้ชายคนนี้หน้าตาและรูปร่างคล้ายๆกับคนในรูปที่แขวนอยู่บนผนัง
“คุณ….”
“เปียโนตัวนี้ไม่มีใครเล่นมันมานานมากแล้วตั้งแต่เธอไม่อยู่”
“…………….”
“ฉันชื่อชเวมินโฮ”
แทมินเบิกตากลมๆให้กว้างกว่าเก่า ทั้งตกใจและแปลกใจ คนที่เคยมีชีวิตอยู่เมื่อ 100 ปีที่แล้วบัดนี้เขายืนอยู่ตรงหน้าหนำซ้ำใบหน้าของเขาแทนที่จะเหี่ยวสังขารร่วงโรยตามกาลเวลามันกลับตรงกันข้ามเพราะเขายังหนุ่มแน่นแล้วก็หล่อมากๆ
“ชเวมินโฮที่อยู่ในรูปน่ะหรอฮะ”
“ใช่”
เขาตอบแค่นั้นและเดินมานั่งข้างๆกันกับแทมิน ปลายนิ้วของเขายาวและสวยมาก แทมินยังอดชื่นชมไม่ได้ตอนที่เขาค่อยกดลงบนตัวโน๊ตทีละตัว
“ดอกกุหลาบของเธอยังอยู่ดี ฉันไม่เคยให้ใครเข้าไปยุ่งกับมัน”
“มะ…หมายถึงผมหรอฮะ”
เขาส่งยิ้มอบอุ่นมาให้ รอยยิ้มแบบนี้แทมินเคยได้รับมันมาก่อน และแทมินจำได้สัมผัสของเขา
“สัญญาว่าจะรอฉันนะแทมิน…ไม่ว่าเมื่อไหร่”
“ฮึก…คะ…หนูจะรอคุณมินโฮ”
แทมินจำได้ ทุกอย่างของผู้ชายคนนี้คือคนๆเดียวกับที่รอคอยมานานแสนนาน เขายิ้มและแทมินไม่รีรอเลยที่จะยิ้มตอบ คืนนั้นเขาปล่อยแทมินให้อยู่ในห้วงฝันเขาโอบกอดแทมินจนกระทั่งตายจากกัน เขาสัญญาว่าจะกลับมาและตอนนี้…..
“อยากอยู่กับฉันไหม”
“ฮะ”
แทมินส่งยิ้มให้เขาท่ามกลางเสียงเปียโนที่บรรเลงไปพร้อมกัน เขาอดทนรอให้ใครสักคนมาล้างคำสาปแม้ว่ามันจะนานข้ามศตวรรษก็ตามและครั้งนี้แทมินกลับมา ชายหนุ่มมอบจูบหวานให้ร่างบางดวงตากลมโตก็จ้องเขาตอบอย่างแสนรัก เขาลูบเส้นผมของแทมินเบาๆและเขากระซิบบางอย่างจนร่างเล็กเขินจนต้องซุกอก
“ฉันรักเธอลีแทมิน”
“ลีแทมิน::สถานะ หายสาบสูญ”
............................................................................................................
ความคิดเห็น