คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #38 : [SF] Paradise สวนสวรรค์ ตอนที่ 15
บทที่ 15
ตำหนักตะวันตกแตกต่างไปจากตำหนักทางทิศเหนือโดยสิ้นเชิงแวดล้อมไปด้วยความงามของพืชพรรณฤดูร้อน ไม่ไกลกันนักเป็นสระบัวขนาดใหญ่ห้อมล้อมไปด้วยหมู่ผมร ซ้ำกลิ่นหอมอบอวนของดอกไม้งามยังกระจายคละคลุ้งไปทั่ว ตัวปราสาทที่ถูกสร้างขึ้นใหม่สวยงามและใหญ่โตต่างจากปราสาททางทิศเหนือที่ห้อมล้อมด้วยสีฟ้าจากแผ่นน้ำแข็งเหมือนดังพระชายาทั้งสองพระองค์ที่มีความแตกต่างแต่สวยงามราวกับสวรรค์ปั้นแต่ง
“มือเจ้าเย็น”
“ผิวกายของหม่อมฉันก็เย็นชืดเช่นนี้แต่กำเนิด”
เจ้าหญิงน้อยตอบเจ้าชายหนุ่ม แต่กลับมีเสียงหัวเราะและรอยยิ้มฉายแววเจ้าเล่ห์ติดตามมา
“มิใช่หรอก…เมื่อคืนกายของเจ้าร้อนเสียจน…แผดเผาข้าเชียวละเจ้าหญิง”
แก้มแดงสุกปลั่งเพราะเขินอายกับคำว่าร่างกายร้อน จะร้อนเช่นใดเล่าหากมิใช่การร่วมรักกันทั้งราตรี เมื่อคืนนี้ความอบอุ่นของเจ้าชายมินโฮส่งผ่านให้เจ้าหญิงน้อยเช่นเดิมแต่การกระทำและคำพูดนั้นช่างสร้างความอบอุ่นและหอมหวานไม่รู้จบ เจ้าชายผู้มีร่างกายกำยำและสูงใหญ่กว่าพร่ำกอดเมียรักนับครั้งไม่ถ้วน
เจ้าหญิงผู้น้องบีบมือผู้พี่ไว้แน่นเมื่อเดินผ่านสวนดอกไม้จนเกือบจะถึงตำหนักของพระชายาแอนโดรเมดรา เสียงดนตรีขับกล่อมดังแว่วมา แทมินเอียงคอด้วยความสงสัยซ้ำยังประหลาดใจว่าผู้ใดกันเล่นได้ไพเราะเช่นนี้แต่กับเจ้าชายมินโฮที่เคยทอดพระเนตรชื่นชมฝีมือบรรเลงนี้อยู่บ่อยครั้งไม่ได้มีความตื่นเต้นแต่อย่างใด สองนายเร่งฝีเท้าโดยมีนางรับใช้ซอนมีตามมาติดๆ แล้วก็เป็นดังคาดเมื่อร่างงามสวมอาภรณ์สีขาวสว่างกำลังเล่นดนตรีเครื่องดนตรีพื้นเมืองอันเป็นเอกลักษณ์ของนครแห่งแสง ปลายนิ้วไล่ไปตามเส้นสายของเครื่องดนตรี จังหวะบรรเลงเชี่ยวชาญมิได้ตกหล่น
เสียงเพลงหยุดลงเมื่อเจ้าหญิงลู่ฮานเห็นว่าในเช้านี้มีแขกมาเยี่ยมเยียน ดวงตากลมแสดงท่าทีสงสัยร่างเล็กที่ยืนข้างกันกับเจ้าชายรูปงามนั้นที่แท้คือพระชายาจากตำหนักทางทิศเหนือนั่นเอง รอยยิ้มสวยหวานยิ้มรับอย่างเคยเมื่อเจ้าชายแห่งโครนอสมาถึงร่างบางอีกคนเอียงอายหลบซ้อนหลังอยู่ถูกดึงแขนให้เดินมาด้านหน้า แทมินประหม่ายิ่งกว่าครั้งใดจนเมื่อเจ้าหญิงลู่ฮานก้มลงทำความเคารพเจ้าชายมินโฮเมื่อนั้นจึงระลึกได้ว่าตนนั้นผู้น้องอ่อนกว่าสามขวบปีควรจะทำความเคารพผู้เป็นพี่บ้าง
“ถวายบังคมเพคะเจ้าหญิง”
ความอ่อนน้อมของเจ้าหญิงแทมินนั้นสร้างความเอ็นดูได้แต่เรกเห็น ทั้งนางในตำหนักทิศตะวันตกยังอดชื่นชมไม่ได้ ได้ยินแต่เพียงเสียงติฉินของนางในด้วยกันไม่เคยพบตัวจริงไม่นึกว่าจะงามและอ่อนหวานได้ขนาดนี้
“เราพาเจ้าหญิงน้อยมาฝากเนื้อฝากตัวกับเจ้า เราหวังว่าเจ้าจะให้ความเอ็นดูแก่นางดังเช่นน้องของเจ้า”
“ถ้าเป็นพระประสงค์ของพระองค์หม่อมฉันก็มิขัดเพคะ หากได้มีน้องงดงามเช่นเจ้าเราก็ยินดี”
“ขอบพระทัยเพคะ เจ้าหญิง….เอ่อ…ท่านพี่”
รอยยิ้มของสองนางนั้นงดงามประดับข้างกายมิห่าง ชเวมินโฮในยามนี้มีความสุขล้นพ้น เมียรักทั้งสองนั้นรักใคร่ปรองดองกันดีเมื่ออธิบายให้กระจ่างความจะมีบ้างที่เจ้าหญิงแพนโดรานั้นผู้น้อยนักรั้นจะเอาแต่ใจอยู่บ้าง
“เจ้ายังแพ้ท้องอยู่มิใช่รึ ทำไมจึงไม่ฟังเราบ้างเจ้าไม่ห่วงลูกหรือเจ้าหญิง?”
เจ้าหญิงแทมินผู้งดงามช้อนตามองเจ้าชายหนุ่มที่กำลังนั่งจ้องมาทางนี้เช่นกัน ข้างๆกันนั้นมีเจ้าหญิงลู่ฮานในชุดขาวสว่างตาคอยป้อนของหวานไม่ห่าง เจ้าหญิงแทมินวางผ้าปักลายหงส์ขาวแม้ในตอนนี้จะกลายเป็นห่านไปแล้วก็ตาม
“ถ้าเช่นนั้นหม่อมฉันจะให้ท่านพี่อี้ฟานพาไปก็ได้เพคะ”
เจ้าหญิงแทมินว่า บุรุษนักรบนั่งนิ่งในคราแรกแสดงความไม่พอใจผ่านทางสีหน้า
“ไปกับสองสหายของเราเมื่อคราวที่แล้วถูกพิษไซเรนจนสลบ ครานี้ยังจะรั้นไปอีกไม่กลัวตายหรือเมียข้า”
“ไม่เพคะ”
เจ้าหญิงน้อยลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแต่อาการวิงเวียนนั้นแล่นเข้าใส่เสียจนเซหากมิได้ฝ่าพระหัตถ์แข็งแรงเข้าประคองเมียรักคงล้มลงเป็นอันตรายแก่ลูกน้อยในครรภ์ ใครเล่าจะดื้อรั้นเกินเจ้าหญิงน้อยผู้นี้ไม่มีอีกแล้วเมื่อรู้ว่าจะต้องถูกพระสวามีดุเข้าให้ตนก็หันไปพึ่งเจ้าหญิงลู่ฮานผู้งดงามแทน
“เจ้าพี่ลู่ฮานเพคะ หม่อมฉันเบื่อในตำหนักเหลือเกินขอหม่อมฉันออกไปด้านนอกบ้างได้หรือไม่”
เจ้าหญิงลู่ฮานส่งยิ้มบางๆตนนั้นมิอาจขัดสิ่งใดได้ แต่ชายหนุ่มร่างสูงที่กำลังเคร่งขรึมอยู่ไม่ไกลนี้สีหน้าเต็มไปด้วยความขุ่นข้องใจเมื่อพึ่งเขาไม่ได้แทมินก็หาคนอ้อนเรื่อยไปซ้ำยังหนีไม่พ้นองครักษ์อี้ฟานจนได้
“เราไม่อนุญาตอย่างไรเสียเจ้าก็ไปไหนไม่ได้เจ้าหญิง”
เจ้าหญิงแทมินแสนขัดใจนักสีหน้าเปื้อนรอยยิ้มเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นบูดบึ้ง เพียงแค่ต้องการจะสูดอากาศภายนอกตำหนักซ้ำยังอ้อนวอนเจ้าชายมินโฮให้ไปด้วยกันแต่ชายหนุ่มก็กังวลว่าลูกน้อยในครรภ์จะไม่ปลอดภัยเมื่อไม่มีผู้ใดตามใจเจ้าหญิงน้อยก็ไม่รั้งรอจะเดินกลับตำหนักทางทิศเหนือแต่เพียงผู้เดียว ไม่สนใจเสียงเรียกของเจ้าชายมินโฮเลยสักนิด
“เจ้าหญิงน้อยของหม่อมฉันโดนขัดใจมาอีกแล้วใช่หรือไม่เพคะ”
แทมินไม่ตอบซ้ำยังเชิดหน้าหนีอย่างเคย ร่างบางกลับเข้ามาในตำหนักทิศเหนืออีกครั้งความเย็นของไอน้ำแข็งละมุนอยู่โดยรอบช่างเป็นบรรยากาศที่คุ้นเคย เจ้าหญิงน้อยกำลังถูกเปลื้องผ้าโดยนางรับใช้คนสนิทผ้าแพรผืนบางหลุดจากไหล่เนียนไปกองที่พื้นพร้อมกับความงามบนพื้นผิวสีขาวรววหิมะ บัดนี้หน้าท้องราบเรียบปรากฏสิ่งมีชีวิตอยู่ด้านในและมือบางเฝ้าสัมผัสโดยแผ่วเบามิให้ระคายเคืองแต่อย่างใด
“คนดีเจ้าเห็นหรือไม่ บิดาของเจ้าว่าให้แม่”
เป็นประจำที่เจ้าหญิงน้อยมักเอ่ยกับหน้าท้องของตนเองเพียงคนเดียว ซอนมีเห็นจนชินตาและอดหัวเราะคิกคักไม่ได้เชียว เจ้าหญิงแทมินหรือก็น่าเอ็นดูเมื่อใดที่ถูกขัดใจมักจะกระเง้ากระงอดออดอ้อนก้อนเนื้อในท้องและหลังจากนั้นไม่นานต้นเหตุที่ทำให้ใบหน้าหวานบูดบึ้งมาเช่นนี้ก็จะตามมาและหน้าที่ของซอนมีคือจะต้องออกไปรอนอกตำหนักโดยไม่ให้ขัดสิ่งใดและขณะที่เก้าเท้าออกไปนั้นเจ้าชายมินโฮรูปงามก็เดินสวนเข้ามา นิ้วชี้แตะริมฝีปากตนเองและส่งเสียงแผ่วเบานั้นเตือนมิให้แม่ปากกรรไกรส่งเสียงเพราะเจ้าหญิงผู้น้องที่อยู่ด้านในนั้นจะหวาดหวั่นเสียปล่าว
“เราอยากออกไปชมน้ำตกบิดาของเจ้าก็ขัดเราไปเสียหมด”
เสียงธารน้ำยังไหลเอื่อยๆควันสีเทาจางๆลอยวนขึ้นมาโอบอุ้มให้ผิวพรรณขาวผ่องนั้นผ่อนคลาย ไม่นานนักเมื่อกลิ่นพรรณพฤกษาเคล้ากับสายน้ำวนก็ทำให้ร่างเล็กรู้สึกผ่อนคลายเสียจนนอนเอกเขนกราบไปกับอ่างไม้ หยดน้ำเกาะพรมช่วงไหล่บางที่โผล่พ้นน้ำอุ่น
“ดูเสียเถิดลูกข้า แม่เจ้าเอาพ่อมาต่อว่าเช่นนี้แล้วประเดี๋ยวเจ้าก็เข้าใจผิดเอา ว่าพ่อช่างใจร้ายกับแม่ของเจ้านัก”
เสียงทุ้มสร้างความตกใจให้ร่างเล็กแต่ไม่เท่าเจ้าชายหนุ่มยืนอยู่ด้านบนพื้นหินโดยสภาพไร้อาภรณ์ แม้จะเห็นกันมาชนชินตาแต่ใบหน้าหวานก็อดซับสีเลือดไม่ได้ ซ้ำยังเขินอายเสียจนหันหนีเมื่อเจ้าชายมินโฮแย้มสรวลก้าวเท้าเข้ามาโอบเมียรักไว้ในอ้อมอกตน
“ตามมาทำไมเพคะ หม่อมฉันจะอาบน้ำกับลูกสองคน”
คนงามยังงอนไม่เลิกรา ช่างน่ารักน่าเอ็นดูเสียจริง
“เราก็ตามมาอาบน้ำกับลูกเราเมียเราเช่นกัน จะปล่อยให้งอนไปเช่นนี้หรือราตรีนี้เราก็อดกอดเสียพอดี”
“ค่ำนี้หม่อมฉันไม่ให้กอดเพคะ ประเดี๋ยวลูกจะช้ำเอา”
เจ้าหญิงน้อยว่า มีหรือเจ้าชายมินโฮจะยอมฟัง เพราะยังฝังปลายจมูกลงกับพื้นผิวนุ่มมิว่าจับเมื่อไรก็หลงใหลได้ปลื้มทุกครั้งไป ฝ่ามือหนาลูบไล้ไปกับผิวนุ่มละมุนเรื่อยไปจนจมไปกับกระแสนน้ำเสียงครางกังวานร้องครางสลับกับห้ามอยู่เป็นครั้งคราวแต่ไม่นานอารมณ์และตัณหาก็บังเกิดเมื่อฝ่ามือของมินโฮนั้นลูบไล้ปลีขาขาวสัมผัสแผ่วเบาแต่ปัดผ่านไปมาให้กระสันเสียวอยู่ร่ำไป
“เจ้าชาย…อึก….”
เจ้าหญิงน้อยจิกนิ้วลงบนท่อนแขนแกร่ง ปากแดงพร่ำร้องอยู่ข้างหูของมินโฮ จากที่นั่งอยู่บนพื้นไม้แปรเปลี่ยนเป็นตักแกร่งของพระสวามี ความดุดันถูไถอยู่บนปากทางรักแผ่วเบา
“อา…แทมิน…เจ้าสวยเหลือเกิน”
เจ้าชายหนุ่มเคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัสหอมหวานของเนื้อนวลเจ้าหญิงน้อย มือใหญ่บีบคลึงตั้งแต่ต้นขาอ่อนเรื่อยมาถึงความงามของเม็ดทับทิมงามล้ำเหนือผู้ใด มินโฮจงใจใช้ทั้งนิ้วมือจู่โจมและไม่ทันไรเรียวลิ้นที่มีฤทธิ์ร้ายนั้นก็กวาดชิมจนเมียตัวน้อยบิดกายร้องครางลั่น
“หากเจ้าเกรงว่าลูกจะช้ำเอา งั้นค่ำนี้เราจะละโทษเจ้า”
จงใจกระซิบข้างใบหูขาว แต่ปลายลิ้นกลับช่วยกระตุ้นไล้เลียสร้างความทรมานและปวดร้าวร่างกายยิ่งนัก ดวงตากลมหรี่ลงอย่างยั่วยวนน้ำตาหยดแล้วหยดเล่าไหลจากดวงตากลมเพราะพระสวามีไม่ปราณีตน ฝ่ามือหนาจับกายเล็กขยับขึ้นลงแผ่วเบา เรือนกายผอมบางหยัดขึ้นตามแรงชักพายิ่งมินโฮเร่งขยับมากเท่าไหร่ความร้อนยิ่งสุมในกายของแทมินตามไปมากเท่านั้น
“พระองค์…อ๊ะ!....หม่อมฉัน….อึก….อ๊า!!”
เสียงครางหวานถึงจุดสิ้นสุดเมื่อได้ปลดปล่อยห้วงอารมณ์ออกไป สายน้ำอุ่นช่วยชโลมให้ผ่อนคลายลงไปนิดแต่เจ้าชายผู้พี่นั่งซ้อนอยู่ด้านหลังความปรารถนาไม่เคยลดน้อยลงดังเช่นความรักในอกที่เต็มล้น แต่ครานี้กลับไม่อยากให้เมียรักต้องบอบช้ำเพราะแรงรักตนนั้นมากมายเหลือเกิน เจ้าชายมินโฮจึงปล่อยให้เจ้าหญิงน้อยลุกขึ้นจากอ่างไม้นี้แต่โดยดีมิได้รั้งไว้อย่างเคย
“เมียรัก เจ้าจงแต่งตนสวมอาภรณ์งามล้ำรอเราในตำหนักเถิดอีกไม่นานเราจะตามขึ้นไป”
แทมินพยักหน้ารับ คว้าผ้าผืนบางห่มคลุมร่างกายของตน เจ้าหญิงน้อยนั้นรู้ดีอยู่แล้วว่าเจ้าชายมินโฮจะต้องข่มใจอยู่เท่าใดที่ไม่ตะครุบตนไปเสียก่อน ยามนี้เมียรักผู้น่าถนุถนอมและน่ารักเสียให้หมดแรงนั้นมีลูกน้อยที่เกิดจากมินโฮอยู่ในครรภ์สิ่งที่เคยทำกันดังเช่นแต่ก่อนก็ต้องลดไปตามเวลา หาไม่แล้วลูกน้อยที่รอคอยนั้นอาจมิได้เติบโตออกมาดูโลกเลยก็ได้
ยามดึกสงัดร่างระหงส์ถูกโอบกอดด้วยท่อนแขนกำยำลมหายใจผ่อนคลายสม่ำเสมอ ความเย็นของบรรยากาศภายนอกทำให้เจ้าหญิงผู้น้องบดเบียดกายเข้ารับไออุ่นเช่นเคย ยิ่งดึกสงัดท้องฟ้าในคราแรกสดใสสว่างไปด้วยแสงจันทร์ฉับพลันกลับกลายเป็นเมฆหมอกหนาปกคลุมซ้ำหมอกควันเริ่มก่อตัวอีกครา
“แพนโดรา….”
“ตื่นเถิดแพนโดรา”
เสียงกระซิบดังขึ้นอีกครา เจ้าหญิงน้อยผู้โฉมงามกระพริบตาปริบๆซ้ำยังง่วงงุนขยับกายเชื่องช้ามิได้ดังใจนัก ดวงตากลมสอดส่องเข้าไปในความมืดเพื่อหาต้นตอของเสียงที่เรียกเร่งให้เจ้าหญิงน้อยตื่นจากบรรทม
“โอ้….เจ้าชายน้อยของกระหม่อมตื่นบรรทมแล้วใช่หรือไม่”
แทมินขยับแขนแกร่งของเจ้าชายมินโฮที่ประคองกอดตนมาตั้งแต่หัวค่ำ ขยับตัวเพียงนิดปลายเท้าก็แตะผืนพรมด้านล่าง
“เร็วเข้าเถิดเดี๋ยวจะไม่ทันการ”
กล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินเข้มนั้นวางอยู่บนโต๊ะไม้เล็ก กลุ่มควันพวยพุ่งออกมาจากด้านใน เสียงพูดเคล้าเสียงหัวเราะด้วยความปรีดา ฝ่ามือบางหยิบกล่องลายปักนั้นวางบนมืออย่างแผ่วเบา
“เปิดเลยเจ้าชาย ช่วยข้าที ช่วยข้าออกไป ได้โปรด”
เสียงจากในกล่องยังคงเร่งเร้าต่อไป ฝ่ามือบางจับกล่องกำมะหยี่พร้อมจะเปิดมันออกแต่กลับนึกทวนคำพระบิดาถึงวิธีการใช้กล่องแพนโดราลึกลับว่าต้องใช้เมื่อยามคับขันเท่านั้นหากไม่แล้วจะให้โทษเสียมากกว่าคุณ
“เปิดสิเจ้าชาย ข้าสั่งให้เจ้าเปิด!”
“ตะ….แต่ว่า”
“เจ้าไม่อยากรู้รึ แม่ของเจ้าตายอย่างไรมันผู้ใดเป็นผู้สังหารแม่ของเจ้า”
“หมายความว่าอย่างไร?”
“โธ่เจ้าชายน้อยของข้า ข้าควรจะปกป้องเจ้าไม่ปล่อยเจ้าให้ทนทุกข์ทรมานจนเติบใหญ่เช่นนี้หรอก หากข้าหลุดพ้นจากสถานที่แห่งนี้ข้าจะปกป้องเจ้า เจ้าชายแทมินของข้า”
อันว่าความอยากรู้อยากเห็นนั้นน่ากลัวนักในยามนี้ เจ้าหญิงน้อยเหลือบมองเจ้าชายมินโฮกำลังบรรทมบนผืนฟูกไม่ขยับกายหรือรู้สึกตัวแม้แต่นิด แทมินคว้าเอากล่องใบเล็กออกไปนอกตำหนัก นางรับใช้ทั้งหลายต่างหลับใหลตรงพื้นทางเดินห้องโถงด้วยท่าทีประหลาด เจ้าหญิงน้อยเดินผ่านนางพวกนั้นแต่โดยเร็วจนเมื่อออกมานอกตำหนักจึงตั้งใจเปิดกล่องกำมะหยี่
“เจ้าหญิง”
“ท….ท่านพี่”
“ดึกดื่นป่านนี้เหตุใดพระองค์จึงยังไม่บรรทม”
ท่าทีส่อแววพิรุธของเจ้าหญิงน้อยทั้งยังซ่อนความลับไว้ด้านหลังตนเช่นนั้นไม่รอดพ้นสายตาของอี้ฟานไปได้
“ข้า….เอ่อ….ข้า….นอนไม่หลับเจ้าค่ะ”
เจ้าหญิงตอบไปเช่นนั้นแต่ความจริงแล้วสิ่งที่ทำให้ตื่นขึ้นมากลางดึกและไม่สามารถข่มตาให้หลับลงได้นั้นคือกล่องแพนโดราที่ซ่อนความลับไว้มากมายนี้ต่างหาก
“เหตุผลที่เจ้านอนไม่หลับนั้นคือสิ่งเดียวกับที่เจ้าซ่อนไว้ใช่หรือไม่”
ริมฝีปากแดงราวกับสีของกุหลาบยามต้องแสงไฟบัดนี้ซีดเซียว เจ้าหญิงผู้น้องยอมส่งกล่องแห่งความลับเพื่อให้อี้ฟานได้มองเห็น ดวงตาคมเบิกกว้างไม่นึกว่ากล่องแพนโดรานี้จะอยู่ในมือโฉมงามแห่งเมืองน้ำแข็ง กล่องแพนโดราผู้ซ่อนความลับไว้มากมายนี้คือหายนะใหญ่หลวงนัก อี้ฟานในครั้งยังเด็กได้ฟังเรื่องราวเกี่ยวกับกล่องแห่งความลับ ไม่มีใครรู้ว่ากล่องนี้มาจากที่ใดแต่ผู้ที่เป็นเจ้าของนั้นคือองครักษ์คิมยูซอกผู้ภักดีของเสร็จแม่ของเจ้าหญิงแทมิน เขาในตอนนั้นยังเล็กนักเป็นบุตรชายของทหารเอกแห่งเมืองน้ำแข็ง เคยเข้าเฝ้าแค่เพียงครั้งเดียวและพระนางผู้งดงามนั้นประทานขนมให้เขา อี้ฟานจดจำรูปโฉมของพระนางยูจินได้เป็นอย่างดีว่ากันว่าองครักษ์ยูซอกโกรธแค้นพระราชาแห่งเมืองน้ำแข็งจึงได้เขียนคำสาปแช่งใส่ในกล่องนี้
“ท่านพี่จะเอากล่องแพนโดราไปไหนหรือเจ้าคะ”
อี้ฟานส่งยิ้มเพียงนิด เจ้าหญิงน้อยแทมินถูกขนานพระนามว่าแพนโดราตั้งแต่ยังน้อยผู้ที่ตั้งชื่อนี้ให้ก็คือพระบิดาของเจ้าหญิงที่ทั้งรักและเกลียดเด็กน้อยผู้นี้เหลือเกิน
ท่ามกลางหิมะขาวโพลนปรากฏร่างของทหารทรงม้าหนึ่งในผู้นั้นมีมงกุฏในมือถือดาบคมวับกวัดแกว่งไล่สัตว์ประหลาดยักษ์ที่หวังฆ่าชีวิตอิสตรีที่นอนฟุบอยู่บนผืนหิมะ จวบจนเมื่อเจ้าสัตว์ร้ายนั่นหายไปจากถ้ำอันอบอุ่นนี้ถึงได้รู้ว่าสตรีนางนั้นจากไปเสียแล้วและห่อผ้าในอ้อมกอดนั้นมีร่างของเด็กทารกน้อยผิวกายสีฟ้าเย็นชืดถูกห่อด้วยแพรพรรณของสตรีผู้สูงส่ง ชายร่างสูงสวมมงกุฏแสดงยศฐาว่ามิใช่คนธรรมดาสามัญลงจากหลังเปกาซัสสูงใหญ่อุ้มทารกน้อยซึ่งบัดนี้ลืมตาดูโลกแต่กลับมิอาจรู้ว่ามารดาที่ปกป้องตนนั้นสิ้นชีวีเสียแล้ว
“ผิวกายก็มิใช่ธรรมดา เจ้าเป็นใครกันหืมทารกน้อย?”
กล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินถูกปิดลงหลังเรื่องร้ายต่างๆจบลง ทารกน้อยผู้มีผิวเย็นชืดนั้นแท้จริงแล้วเป็นบุตรคนเล็กของราชาแห่งโฟรเซนการ์ด ค่ำคืนนั้นราชาแห่งโครนอสบุกเข้าไปในนครแห่งแสงท่ามกลางความตกตะลึงของทหารมากน้อย แต่ไม่มีผู้ใดหารกล้าสู้ศึกแม้จะเป็นข้าศึกก็ตามที เพราะผืนผ้าที่ชูขึ้นเหนือแขนซ้ายนั้นคือผ้าแพรพรรณอย่างดีเครื่องนุ่งห่มเป็นสัญลักษณ์ของกษัตริย์
“เหตุใดพระราชาแห่งโครนอสจึงได้มาเหยียบย่างในแผ่นดินของข้า”
ห้องโถงกว้างใหญ่พระราชาแห่งโฟรเซนการ์ดยังนั่งอยู่บนบัลลังก์มิได้ตื่นตระหนกต่อศัตรูที่บุกเข้ามาถึงด้านใน
“ยามฟ้าอัสดง เราตกลงกันมิใช่รึเรื่องการสู้รบ”
ด้วยท่าทีองอาจของพระราชาแห่งโครนอสมิได้เกรงกลัวปลายดาบที่ส่องแสงต้องไฟในห้องนี้แม้เพียงนิด
“ข้ามาวันนี้มิได้มาสู้รบกับท่านหรอก เพียงแต่มีของสำคัญนำมามอบให้”
พระราชาแห่งโครนอสอุ้มเอาทารกน้อยขยับเพื่อให้พระราชาแห่งโฟรเซนการ์ดทอดพระเนตรได้ชัดเจน
“ทารกผู้นี้คือบุตรของพระนางยูจินใช่หรือไม่?”
พระนางยูจินนั้นต้องโทษประหารชีวิตด้วยว่าลักลอบมีชู้กับองค์รักษ์คนสนิท แต่ไม่นานหลังเจ้ายูซอกคนทรยศถูกประหาร พระนางยูจินก็หายสาบสูญมิทราบข่าวคราว
“เจ้าว่าอย่างไร!”
“พระนางยูจินสิ้นพระชนม์แล้ว เหลือเพียงทารกน้อยผู้งดงามผู้นี้”
ราชาแห่งโฟรเซนการ์ดเดินเข้ามาหาทารกน้อยด้วยมือสั่นเทา ผิวทารกน้อยนั้นเป็นสีฟ้าดวงตากลมแววไร้เดียงสานั่นคือดวงพระเนตรของพระนางยูจินไม่ผิดแน่
“เมียข้าสิ้นแล้วรึ”
“ข้าเสียใจ ข้าช่วยได้เพียงทารกน้อยผู้นี้เท่านั้นและข้าจะหมั้นหมายทารกน้อยผู้นี้ให้กับโครนอสหากเติบใหญ่เมื่อใดข้าจะมารับตัวไป”
ลีจุนกอนรับทารกน้อยมาไว้แนบอก ทารกผู้นี้อย่างไรเสียก็ยังมีสายเลือดของพระนางยูจินแม้จะใช่ลูกชายของเขาหรือไม่ก็ตาม หัวใจที่เข้มแข็งและเย็นชาดังหิมะถูกกัดกร่อนด้วยความไร้เดียงสาของพระโอรส ยามเมื่อจ้องพระพักตร์คราใดก็เห็นเป็นพระนางยูจินอยู่ร่ำไป เช่นนี้จึงต้องกักขังไว้บนหอคอยเช่นเดียวกับกล่องแพนโดราที่ไม่เคยเปิดอีกเลยตั้งแต่นั้นมา
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าแพนโดราอันตรายอย่างไร”
เจ้าหญิงแทมินส่ายหัวอย่างไม่ทราบ อี้ฟานรู้ทุกอย่างแม้กระทั่งเรื่องที่แทมินกังวลใจอยู่ในทุกวันนี้ แต่น่าแปลกที่กลางดึกช่างเงียบสงัดไม่มีเสียงหรีดเรไรอย่างทุกค่ำคืน ซ้ำเจ้าชายมินโฮนั้นกลับหลับใหลไม่รู้เรื่องราวใดๆ
“พระราชาเป็นผู้ประทานมันให้เจ้าใช่หรือไม่”
“เจ้าค่ะ”
“พี่จะทำลายมันทิ้งเสีย”
“ไม่ได้เพคะ ได้โปรด นั่นเป็นสิ่งเดียวที่พระบิดาประทานให้หม่อมฉันได้โปรดให้หม่อมฉันได้เก็บไว้”
“เจ้าจะเก็บไว้ทำไมกล่องต้องคำสาปนี้”
“นั่นเป็นสิ่งสุดท้ายที่พระบิดาบอกหม่อมฉันว่าสิ่งนี้เป็นของพระมารดา หม่อมฉันจึงอยากเก็บไว้เพคะ แต่หม่อมฉันสัญญาว่าจะไม่เปิดมันเด็ดขาด”
อี้ฟานอ่อนใจให้กับท่าทางออดอ้อนของเจ้าหญิงแทมิน แต่ก็อดห่วงไม่ได้เมื่อกล่องแพนโดรานี้ยังอยู่ในมือของเจ้าหญิงน้อย หากเป็นดังคำสาปแช่งจริงเจ้าหญิงผู้นี้คือสิ่งเดียวที่องครักษ์ยูซอกต้องการ
“ขอประทานอภัยเจ้าหญิง”
อี้ฟานวาดมือในอากาศเพียงนิด ลมหนาวและกลิ่นของหิมะกระจัดกระจายทั่วทุกบริเวณ ดวงตากลมของเจ้าหญิงน้อยบัดนี้เข้าสู้ห้วงนิทรา กล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินที่เหมือนกันไม่มีผิดถูกอี้ฟานเสกขึ้นด้วยเวทมนตร์
ร่างอรชรถูกวางแผ่วเบาบนผืนฟูกคู่กันกับเจ้าชายมินโฮ ดวงตาคมจ้องมองภาพนั้นเป็นครั้งสุดท้าย เขาได้ยินเสียงแว่วมาตามลมถึงความโกรธาและคำสบถจากข้างในกล่องแพนโดรานี้ ร่างสูงตัดใจจากภาพเจ้าหญิงน้อย เขาจะนำกล่องนี้ไปทำลายด้วยตนเองก่อนที่เจ้าหญิงน้อยจะเป็นไปตามคำสาป
“หากมีโอกาสพี่จะกลับมาหาเจ้า”
ภายในคุกใต้ดินมืดมิดร่างกายของยูซอกเต็มไปด้วยบาดแผล ในวันรุ่งร่างกายนี้จะไม่ใช่ของเขาอีกต่อไป เขานึกโกรธแค้นราชาแห่งโฟรเซนการ์ดนักที่บังอาจสั่งฆ่าเขาในเมื่อเขาปราศจากความผิด ความโกรธแค้นสุมแน่นในทรวงไม่ว่าอย่างไรจะต้องกลับมาแก้แค้น มือสั่นเทาเปิดกล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินเข้มอย่างเบามือปรากฏควันสีทึบปกคลุมไปทั่วเสียงแหลมเล็กดังออกมาจากด้านใน เคล้าด้วยเสียงหัวเราะแสบแก้วหู แต่กระนั้นยูซอกผู้บ้าคลั่งกลับแน่วแน่และตั้งมั่นที่จะให้แพนโดรานั้นช่วยเหลือ
“ข้าจะปกป้องพระนางยูจินจวบจนชีวิตจะหาไม่ อย่างไรเสียข้าจะอยู่จะล้างแค้นลูกหลานของลีจุนกอลให้สิ้นได้โปรดประทานชีวิตอมตะให้แก่ข้า”
เสียงหัวเราะก้องกังวานเมื่อพรนั้นสมปรารถนา ในวันรุ่งขึ้นที่คิมยูซอกถูกประหารนั้นเขามิได้หวาดกลัวเพราะรู้ว่าอย่างไรเสียแพนโดราจะประทานชีวิตที่เป็นอมตะให้แก่เขาเพื่อกลับมาล้างแค้นพระราชาแห่งโฟรเซนการ์ด
...........................................................................................................................................................
TBC
มาเเล้วๆๆๆๆ รอนานมั้ยยย ตอนนี้อาร์ตเวิค90% เเล้วนะจะอัพเดทให้ดูเรื่อยๆในเเท็ก #ฟิคจทม นะจ๊ะ ยังขยายเวลาจองถึงวันที่ 15 ธันวาคมนี้เท่านั้นนะคะ (รีบๆหน่อยนา) เริ่มจะรู้เรื่องเเล้วใช่ไหม สรุปให้อีกทีนะ ยูซอกเป็นเจ้าของเเพนโดราเเละคนที่อยู่ในกล่องใครละ???? คิดว่าใครละคะ เเล้วตอนต่อไปก็ไม่รู้ว่าอี้ฟานจะได้กลับมาป่าวนะ อย่าพึ่งงงเดี๋ยวตอนนหน้าจะมาเร็วๆนี้
ขอบอกอีกครั้งนึงนะ เรื่องนี้ชายรักชายนะคะ ไม่ใช่ชายหญิง สับสนคำว่าเจ้าหญิงกับเจ้าหญิงน้อยใช่ไหมละ ลู่ฮานเป็นผู้ชาย เเทมินก็เป็นผู้ชายเเต่ถูกปรนณิบัติด้วยเเบบผู้หญิง โทษมินโฮเลย นั่นเเหละเเล้วเรื่องนี้ก็เป็น Mpreg ด้วยชายท้องได้ ที่เราเรียกเจ้าหญิงน้อยเพราะน้องเเทมินน่ารักเเล้วก็เด็กสุดในเรื่อง เท่านั้นเองงงง
ความคิดเห็น