ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Exo] พิษรัก สัญญาลวง [ChanBaek] [NC18+]

    ลำดับตอนที่ #12 : ภาพชัดเตอร์

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.75K
      12
      13 พ.ย. 56







    เมื่อเวลาเดินผ่านไปไม่กี่นาที ในที่สุด ชานยอลก็ขับรถผ่านไฟแดงหลายที่จนมาถึงบริษัทได้เสียที

     




    ภายในห้อปนะชุม มีเพียงเซฮุนและตัวแทนฝ่ายงานต่างๆแค่ไม่กีคนกำลังรอเขาอยู่ เซฮุนตีสีหน้าไม่พอใจและดุเขาเล็กน้อย เมื่อเสียเวลาไปเกือบจะชั่วโมง

     




    "ขอโทษนะครับที่ให้รอนาน" ชานยอลกล่าว หลังจากที่เขาผลักประตูกระจกใสเข้ามา ทุกคนจึงยิ้มตอนรับเขา

     




    “ไม่เป็นไรพี่ เริ่มประชุมได้เลย” เซฮุนเอ่ยขึ้น พวกเขามักจะเป็นกันเองแบบนี้เสมอ ถึงแม้จะอยู่ในที่ประชุมก็ตามที แต่เขาก็แทนชื่อของท่านประธานว่าพี่ตลอด

     




    “อืม”

     




    ร่างสูงเลยพยักหน้า แล้วเริ่มประชุมงานทันที พนักงานทุกคนต่างก็แลกเปลี่ยนคำคิดเห็นของกันและกัน แต่ชานยอลก็ยังไม่ทันได้ข้อสรุปที่น่าพึ่งพอใจนัก

     




    ในช่วงเย็นของวันนี้ แผนผังของการออกแบบที่พวกคุณได้ส่งไป  ทางนั้นเขาก็ได้พิจารณาแล้วว่าต้องการแบบที่เราส่งไปให้ ส่วนการเซ็นสัญญาจะเริ่มขึ้นในอีกสามวันข้างหน้า.. แต่ผมว่าระยะเวลาของการก่อสร้างมันนานไปครับ เราต้องรีบทำให้เสร็จโดยเร็ว แล้วก็เน้นคุณภาพเป็นหลัก”  ชานยอลเอ่ยขึ้นด้วยเสียงขรึม

     




    “ถ้าอย่างงั้น เราก็คงต้องหาแรงงานเพิ่มอีกเยอะเลยนะครับ ส่วนค่าแรงของคนงานสมัยนี้ก็แพงมาก ผมเกรงว่า อาจจะไม่ได้กำไรมากเท่าที่ควรนะครับ” เซฮุนออกความเห็นเสียงเครียด

     




    “แต่พี่ว่า เราต้องทำให้เสร็จทันเวลาก่อนกำหนดนะ ลูกค้าจะได้รู้ว่าเราทำงานกันเร็ว และก็มีประสิทธิภาพ ถึงจะได้กำไรไม่มากตามกำหนดก็ช่างเถอะ เพราะงานออกแบบโรงแรมระดับห้าดาว มันเป็นโปรเจ็คแรกของบริษัทเรา เพราะฉะนั้น พวกเราก็ต้องทำให้มันดีที่สุด ลูกค้ารายอื่นถึงจะเชื่อใจและไว้ใจที่ฝากงานให้พวกเราทำ ทุกคนว่ายังไงครับ” ชานยอลเสนอเพื่อหาเสียง

     




    “ก็เอาตามนั้นเลยค่ะ/ครับ” พนักงานทุกคนก็ตกลงปลงใจไปกับเขาด้วย

     




    “โอเค ถ้าทุกคนตกลงตามนั้น งั้นก็เลิกประชุมกันได้” เขากล่าวทิ้งท้าย ก่อนที่พวกเขาจะแยกย้ายกันกลับบ้าน  

     

     

     

     

    เมื่อเลิกงานเสร็จ เซฮุนก็เดินไปยังห้องทำงานของชานยอล เพราะมีบางอย่างที่อยากจะรู้

     


     

    “ได้ข่าวว่าพี่ซื้อบ้านหลังใหม่เหรอครับ” เซฮุนถามด้วยความสนใจ ขณะที่หย่อนกายลงนั่งบนเก้าอี้ต่อหน้าโต๊ะทำงานของชานยอล

     




    “อืม  คนขาย เขาขายราคาถูก แล้วบ้านก็สวยมากฉันเลยตัดสินใจซื้อ”

     




    "เป็นแนวไหนล่ะครับ

     




    "แนวย้อนยุคน่ะ แล้วก็เป็นแนวผสมผสานระหว่างตะวันตกกับเกาหลี"

     




                "ทั้งปีอ่ะพี่ ทำไมถึงได้ชอบนักของโบราณนักน่ะ ที่บ้านของพี่ก็มีแต่ข้าวของสะสมเก่าๆ จนจะกลายเป็นหอพิพิธภัณฑ์ไปแล้ว"

     




                “ก็คนมันชอบนี้หว่า ฉันก็เลยอยากซื้อ  แล้วอีกไม่นานฉันจะให้ช่างของเราไปตกแต่งบ้านให้ดูใหม่ทั้งหมดเลย” ชานยอลว่า




     

                “พี่พอมีรูปบ้านหลังนั้นหรือเปล่า ผมอยากเห็นว่ามันสวยอย่างที่พี่พูดมั้ย”

     




    เซฮุนต่อเสียงถาม คนที่ทำงานเกี่ยวกับการออกแบบอย่างเขา ก็ต้องสนใจเป็นเรื่องธรรมดา และที่สำคัญ เวลาออกไปเที่ยวดึก หรือเมาจนไม่ได้สติ เซฮุนก็ขอไปนอนพักที่บ้านหลังนั้นกับเขาด้วย จะได้ไม่ต้องเสียเงินค่าเช่าโรงแรมเหมือนครั้งก่อนๆ เนื่องจากทางบ้านของเซฮุนไม่ชอบให้กลับดึกๆดื่น พอเห็นว่าเขากลับเกินเลยเวลาทีไร ก็มักจะมีเสียงทะเลาะกันตามมาทุกที

     




                “มี เดี๋ยวฉันจะให้ดู” ชานยอลจัดการเปิดคอม เลื่อนเมาท์ไปยังคลังข้อมูลที่เก็บภาพ แล้วมุนหน้าจอให้เซฮุนดู

               




                “โอโห พี่ เก่าได้ใจโคตรๆ”

     




                “อืม เห็นเจ้าของคนเก่าบอกว่า สร้างขึ้นเมื่อประมาณห้าสิบกว่าปีที่แล้ว” ชานยอลกล่าวเสริม



     

                “นี่ถ้า องกรณ์ยูเนสโกมาเห็นนะ เขาคงจะเอาขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแน่เลย... แต่จะว่าไป มันก็สวยดีนะครับ ถ้าได้ปรับปรุงใหม่ทั้งหมดอย่างที่พี่บอก” เซฮุนออกความคิด

     




                “โฮ่งๆๆ”



     

                ขณะนั้นเองอยู่ๆ สุนักของชานยอลที่เขาพามาด้วย ก็เห่าหอนขึ้นเสียงดังลั่น เอาจนคนกำลังดูภาพ ตื่นยวบด้วยทีนึง ก่อนจะหันไปมองเจ้าตัวปัญหาอย่างหัวเสีย

     




                “ย่าห์!  ไอ้หมาบ้า  ตกใจหมดเลย แกจะมาเห่าอะไรตอนนี้ หมาของพี่นี่ไม่รู้จักกาลเทศะเลยว่ะ” เซฮุนตวาดขึ้นเสียงดัง พลางยกมือขึ้นทาบอกไว้

     




                “นี่แม้แต่หมานายก็ยังไม่เว้นเลยนะ จะไปด่ามันทำไม”

     




                “ก็คนมันตกใจนี่พี่ ... นี่ไอ้ฮิปโป แกหุบปากเดี๋ยวนี้เลยนะ ถ้าแกยังขืนเหาอีกล่ะก้อ ฉันจะจับแกไปปิ้งแน่ เนื้อของแกมันคงจะนุ่มน่าดู” เซฮุนขู่เสียงเขียว เจ้าฮิปโปจึงเงียบแหละหมอบตัวลงกับพื้น เหมือนจะกลัวคำขู่ของเซฮุน ชานยอลได้แต่สายหัวเหนื่อยๆ

     




                “เอ่อ ว่าแต่ ผู้ชายคนนี้ใครครับพี่”

     




    เซฮุนหันหน้ากลับไปชื้นิ้ว ที่ใครสักคนภายในรูป ซึ่งกำลังยืนยิ้มอย่างเยือกเย็น พลางจ้องมองตามายังกล้องที่เขาถ่ายโดยเฉพาะ           

     




                “ไหน ใครที่ไหน”

     




    ชานยอลหรี่ตามอง พลางตีสีหน้ายุ่งถาม พยายามมองหาใครบางคนที่เซฮุนว่า แต่เขาก็พบเพียงแค่ความว่างเปล่า



     

    “นี่ไงครับ คนนี้ไง ที่ใส่ชุดฮันบกสีแดงเนี่ย” เซฮุนชี้นิ้วไปยังตรงระเบียงชั้นสองของบ้าน

     




    “บ้าหรือเปล่า ตอนนั้นมีแค่ฉันกับนายหน้าที่อยู่บ้านหลังนั้น”


     




    “แหม พี่อย่ามาอำผมเลย เอ๊ะ หรือว่าเขาเป็นเด็กพี่ โห โคตรน่ารักเลยว่ะ ถ่ายรูปขึ้นด้วย พี่นี่ แม้แต่คนยังชอบแนวนี้”

     




    เซฮุนยังคงยืนยันว่าเห็นเช่นนั้นจริง เขารู้ดีว่าชานยอล ชอบไปหิ้วคนสวยๆตามร้านอาหารประเภทแนวย้อนยุคตลอด แถมบางครั้งก็หิ้วออกมาทั้งชุดแบบนี้

     




    ส่วนคนที่เป็นประเด็นอย่างชานยอลก็พยายามมองแล้วมองอีก แต่ก็ไม่เห็นอะไรอีกเหมือนเดิม

     




    “นายต่างหากที่อำฉัน”




     

    “ถึงป่านนี้แล้ว พี่ยังจะโกหกผมอีกเหรอ คราวหน้า พามาให้ผมรู้จักหน่อยนะ อยากเห็น ตัวจริงว่าจะสวยแค่ไหน”

     




    “ไอ้บ้า จะให้ฉันบอกก็ทีห้ะ ว่าไม่มีใครในรูปจริงๆ” ชานยอลยืนยันเสียงหนักอีกซ้ำๆ ไม่มีแววล้อเล่นอย่างแน่นอน ทำเอาจนเซฮุนถึงกับเงียบไปชั่วขณะ ใบหน้าหล่อเหลาเริ่มซีดเผือดขึ้นมาทันที
     

     



    “ถ้าพี่ไม่เห็น งั้นก็แสดงว่า ผมก็เห็นผ_” เหมือนว่าเซฮุนจะพูดอะไรออกมา แต่เสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน ชายหนุ่มล่วงมือไปหยิบมันที่กระเป๋ากางเกงแล้วกดรับ ซึ่งปลายสายนั้นเป็นมารดาของเขา


     




    “ฮัลโหล”




     

    “เซฮุน ตอนนี้อยู่ไหนลูก”



     

    “ผมอยู่ที่บริษัทครับ พอดีมีงานเร่งดวนให้ทำ”



     

    “แล้วเลิกงานยัง”



     


    “เลิกแล้วครับ แม่มีอะไรหรือเปล่า”


     


    “ลูกมาหายายที่โรงพยาบาบลหน่อยสิ” แม่เขาพูดเสียงเครียด



     


    “คุณยายเป็นอะไรไปครับ” เขาถามด้วยสีหน้ากังวล



     

    “อาการของยบายกำเริบอีกแล้ว รีบๆมานะลูก”



     

    “ครับๆ ผมจะไปเดี๋ยวนี้แหละ”  เขารับปากทันที ก่อนจะวางสายลง



     

    “มีอะไรหรอ เซฮุน ทำหน้าซีเรียสเชียว” ชานยอลถามเสียงเครียดร่วมด้วย



     

    “ยายผมครับ อาการกำเริบอีกแล้ว”


     


    “อาการกำเริบ? แล้วยายของนายเป็นอะไร”


     


    “ก็ไม่รู้เหมือนกัน ยายของผมอยู่ในสภาพที่คลุ้มคลั่งโดยไม่รู้สาเหตุ  เหมือนว่าเธอเห็นภาพหลอนอะไรสักอย่าง.... ผมพาไปหาหมอที่ไหน หมอก็ให้คำตอบกับผมไม่ได้เลย แล้วยายผมก็เอาแต่เพ้อว่า คุณแบคฮยอน ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะปิดเป็นความลับเลยนะ อะไรแบบนี้ ทุกครั้งเลยครับ..”




               เซฮุนเล่าถึงเหตุการณ์ภายใต้ใบหน้าที่เครียด เพราะถ้าหากยายของเขาเห็นภาพหลอนหรือเห็นวิญญาณจริงๆ เขาก็ต้องเห็นด้วยสิ ในเมื่อเขามีเซ้นเรื่องลี้ลับอยู่แล้ว




                เหมือนกับว่าวิญญานตนนั้นไม่ต้องการให้เซฮุนมองเห็น ในขณะที่ยายของเขาเกิดมีอาการคลุ้มคลั่ง

     




    “แบคฮยอนอย่างงั้นหรอ” ชานยอลทวนชื่อออกมาเบาๆ ราวกับว่า เขารู้สึกคุ้นเคยและผูกพันธ์กับชื่อนี้อย่างน่าประหลาด

     




    “โฮ่งๆ”

     




    เจ้าฮิปโปที่เงียบไปสักพักใหญ่ อยู่ๆก็ลุกพรวดขึ้นมาเห่าแบบไม่วักเป็นเวรอีกครั้ง ทำให้คนที่เหลือต่างก็สะดุ้งตัวเพราะความตกใจอีกเช่นเคย

     




    “เชี้ยเอ้ย! อะไรของแกเนี่ย ไอ้ฮิปโป! เห่าหอนได้ตอนที่ฉันมีอารมณ์กลัวๆอยู่เรื่อยเลย ระวังเถอะ เดี๋ยวแกจะโดนวางยา!

     




    “นี่ จะมาแช่งหมาฉันทำไมเนี่ย” ชานยอลเอ็ดขึ้น



     

    “ก็คนมันตกใจนี่ครับ... เอ่อ พี่ผมไปก่อนนะ แล้วเจอกันพรุ่งนี้”

     




    เซฮุนรีบเปลียนเรื่อง พลางโบกมือลา แล้วหายออกจากห้องทำงานของพี่ชายเขาไปอย่างรวดเร็ว เมื่อเขามีธุระด่วน ปล่อยให้ชานยอลอยู่กับสนุขของเขาเพียงลำพัง

     




    ร่างสูงหมุนจอคอมมามองรูปบ้านหลังนั้นอีกครั้ง


     




    ผู้ชายอยู่ในชุดฮันบกสีแดงอย่างงั้นเหรอ


     




    ชานยอลลองขยายภาพให้ใหญ่ขึ้นเพื่อสำรวจดูซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่จนแล้วจนรอดเขาก็พบเพียงแค่ความว่างเปล่า

     




    ร่างสูงเลยตัดสินใจปิดคอม ก่อนจะเอนกายพิงเก้าอี้นวม พลางปิดเปลือกตาลงช้าๆ เพราะความเหนื่อยล้า

     




    วันทั้งวันเขายุ่งอยู่กับงาน จะหาเวลาหายใจได้โล่งอย่างคนอื่นทั่วไป ก็เหมือนจะเป็นเรื่องยากสำหรับเขา

     





     

     

                ขนาดเอ่ยชื่อ มามันหอนเลย แบคมีปัญหากอะไรกับมาหรอ ทำไมถึงจ้องจะเห่าอยู่ตลอด ฝากด้วยแล้วกัน คอมมเมนท์แล้วแต่กรุณานะครับ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×