ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Exo] พิษรัก สัญญาลวง [ChanBaek] [NC18+]

    ลำดับตอนที่ #25 : สร้อย

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.41K
      6
      5 ธ.ค. 56


     






    ลู่หานมองชานยอลผละออกจากห้องอย่างหัวเสีย อุตส่าห์ดั้นด้นกลับมาหาเพื่อหวังจะแก้แค้นตามแผนที่วางไว้ แต่ก็มีเสียงโทรศัพท์มาขัดจังหวะเสียก่อน

     

     

    ถึงแม้เขาจะไม่ใช่ต้นเหตุของเรื่องหมด แต่เขาก็เป็นเครื่องมือของการแก้แค้นในครั้งนี้

     

     

    เมื่อมีอะไรกับเขาแล้วก็เท่ากับว่ามีข้อต่อรองกับยัยซอฮยอนได้โดยปริยาย คราวนี้ยัยนั้นคงจะประสาทหลอนแน่ ลู่หานรู้ดีว่า ซอฮยอนรักชานยอลมากแค่ไหน

     

     

    แต่เมื่อผ่านไปสักพัก เจ้าของร่างสูงก็ยังไม่กลับมาเสียที ไม่รู้ว่าหายไปคุยอะไรกับใครกันหนักหนา ลู่หานจึงลุกขึ้นจากเตียงเดินไปรอบๆห้อง เพราะความเบื่อหน่ายกับการรอคอย

     

     

    ห้องนอนของเขาถูกตกแต่งในโทนสีเทา เครื่องใช้เฟอร์นิเจอร์ต่างๆถูกหยิบมาตกแต่งได้อย่างลงตัว แต่ละชิ้น ล้วนแต่เป็นของราคาแพงๆทั้งนั้น ก็อย่างว่า เขาเป็นถึงประธานบริษัท ที่ทำงานเกี่ยวกับการออกแบบ ฐานะก็ร่ำรวย เข้าขั้นเศรษฐี เขาก็ต้องทำให้ห้องนอนออกมาดูดีเป็นเรื่องธรรมดา

     

     

    ลู่หานเดินมาหยุดอยู่ต่อหน้าตู้กระจก มีครีม และเครื่องสำอางวางอยู่ตรงนั้น บ่งบอกได้ว่า เขาก็เป็นคนเจ้าสำอางอยู่ไม่น้อย

     

     

    ลู่หานจึงหย่อนสะโพกลงนั่งบนเก้าอี้เบาะนุ่มๆแล้วหยิบกระปุกครีมลองมาทาบริเวณแขนดู กลิ่นของมันก็หอมดี ขณะเดียวกัน ดวงตากลมเล็กก็พลันไปสะดุดกับกล่องๆหนึ่ง วางอยู่ใกล้ๆกับกระปุกครีมดังกล่าว

     

     

    ด้วยความที่อยากรู้อยากเห็น ลู่หานจึงหยิบมันขึ้นมาไขดู ก็พบว่ามันเป็นสร้อยจี้รูปหัวใจ

     

     

    “สวยจัง” ลู่หานพึมพำออกมาเบาๆ

     

     

    สร้อยเส้นนี้มันเหมาะกับผู้หญิงที่จะสวมใส่.... สงสัยเขาคงจะซื้อเพื่อมอบให้กับคู่หมั้นของเขาแน่ๆ

     

     

    ลู่หานหยิบมันออกมาจากกล่อง เพล่งสายตามองสำรวจ พลางยิ้มเหยียดๆที่มุมปาก

     

     

    สร้อยเส้นนี้มันไม่เหมาะกับผู้หญิงร้อยเล่ห์มารยาอย่างนั้นหรอก มันเหมาะกับฉันมากกว่าลู่หานพูดขึ้นพลางยิ้มที่มุมปาก เหมือนยิ้มเหยียดอะไรสักอย่าง ก่อนจะลองสวมใส่สร้อยเส้นดังกล่าว แล้วติดตะขอทางด้านหลัง จองมองสำรวจตัวเองตรงหน้ากระจก

     

     

    ใช่แล้วมันเหมาะกับลู่หานเสียมากกว่า

     

     

    “กึกๆ”

     

     

    จังหวะนั้น ก็มีเสียงคล้ายๆกับเสียลมแรงประทะเข้ามา ตรงบริเวณหน้าต่าง มันดังมากพอที่จะดึงความสนใจจากลู่หานให้หันไปมอง

     

     

    ข้างนอกมันมืดพอสมควร แต่ก็ยังมีแสงไฟเป็นดวงๆถูกเปิดขึ้นตรงบริเวณสนาม ซึ่งตรงนั้นก็มีแต่ความว่างเปล่า

     

     

    แต่ลู่หานก็ไม่ได้เอะใจอะไร เพราะคิดว่าคงเป็นแค่เสียงของต้นไม้น้อยใหญ่ที่โล้ไปตามลม ก่อนจะผินหน้ากลับมามองที่กระจกตามเดิม

     

     

    และตรงหน้ากระจก ลู่หานก็ไม่สามารถมองเห็นเงาของตัวเองอีกแล้ว ลู่หานกลับเห็นว่าเป็นผู้ชายคนหนึ่ง ใบหน้าซีดเซียว ใส่ชุดสีแดง มีเลือดไหลรินออกมาจากดวงตาที่กำลังถลนอย่างแค้นอาฆาต

     

     

    ลู่หานเบิกตา อ้าปากกว้าง ขึ้นด้วยความตกใจ

     

     

    “เคร้ง”

     

     

    แต่ไม่ทันที่ลู่หานจะกรีดร้องออกมาเมื่อเห็นภาพน่ากลัวที่ตนเห็นอย่างชัดเจน กระจกบานใหญ่ก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ

     

     

    ก่อนที่ลู่หานถูกผลักออกมาจนแผนหลังกระแทกเข้ากับกำแพงของห้องอย่างรุนแรง แล้วทรุดตัวลงกองกับพื้น พร้อมกับเศษกระจกนับร้อย กระจัดกระจายเกลื่อนทั่วทั้งห้อง

     

     

    ร่างบางเริ่มสำลักออกมาเป็นเลือด เมื่อถูกเศษกระจกกระเด็นเข้าสู่ลำคอ ใบหน้าเรียวหวานก็ถูกบาดเป็นรอยเล็กๆจากเศษของมัน และถูกฝังลึกเข้าไปข้างใน

     

     

    เลือดสีแดงสดๆไหลรินยดลงพื้นอย่างสยดสยอง ลู่หานไม่มีแรงพอจะตะโกนเรียกขอความช่วยเหลือจากคนใกล้ตัวได้

     

     

    ร่างบางทำได้แค่สำลักออกมาเป็นเสียงราวกับกลืนน้ำกรดเข้าไป

     

     

    แต่ถึงยังไง เสียงมันก็ดังพอจะทำให้ชานยอลได้ยิน ก่อนจะวางสายโทรศัพท์ แล้วรีบวิ่งเข้ามาดูเหตุการณ์อย่างรวดเร็ว

     

     

    ภาพแรกที่ชานยอลนั้นเห็น ก็คือร่างเล็กของลู่หานกำลังนอนจมกับกองเลือด เริ่มหายใจติดขัดราวกับคนขาดอากาศ สติของลู่หานก็เริ่มจะเลือนหายลงไปทุกที

     

     

    “ลู่หาน” ชานยอลอุทานเสียงดัง รีบพุ่งตัวเข้าไปอุ้มร่างบางอย่างระมัดระวัง เพราะกลัวโดนกระจกบาดเข้าให้

     

     

    เจ้าของร่างเล็กยังคงหายใจช้าลงเรื่อยๆ พลางไอออกมาเป็นเลือดอย่างทรมาน

     

     

    “แค๊กๆ”

     

     

    “ลู่หานทำใจดีๆไว้นะ ผมจะพาคุณไปหาหมอ คุณต้องปลอดภัย”

     

     

     

     

     

    ที่โรงพยาบาล

     

     

    ชานยอลพาลู่หานมาถึงลงพยาบาลได้สักพัก สติของร่างบางก็ดับวูบลง ขณะที่ถูกเข็นเตียงเข้าสู่ห้องไอซียูอย่างเร่งด่วน

     

     

    ร่างสูงไม่ทราบเลยว่าลู่หานมีญาติพี่น้องที่ไหน ก็คงต้องรอดูอาการด้วยตัวเองข้างนอกห้องเพียงลำพัง....

     

     

    ชานยอลรออยู่นานพอสมควร จนเวลาก็ล่วงเลยเป็นวันใหม่เสียแล้ว

     

     

    ใช่สิ ลู่หานยังมีเซฮุนที่ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ชานยอลสงสัยมาก่อนหน้านี้แล้วว่า น้องชายของเขาต้องรู้จักลู่หานอย่างแน่นอน

     

     

    เซฮุนมีอาการไม่พอใจทุกครั้งเมื่อเขาอยู่ใกล้กับลู่หาน เหมือนว่าน้องชายตัวดีกำลังหึงอย่างไงอย่างงั้น

     

     

    เมื่อคิดเช่นนั้น ชานยอลก็รีบหยิบโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกงสแล็กสีเทาขึ้นมากดโทรหาน้องชายตัวดีทันที

     

     

    พอคุยกันถึงเรื่องอุบัติเหตุที่เพิ่งเกิดขึ้น จากที่ปลายสายกำลังงัวเงียเพราะอาการง่วงนอน ก็ทำให้ตาของเซฮุนสว่างขึ้นทันที ก่อนจะรีบแต่งตัวแล้วขับรถมายังโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว

     

     

     

    “พี่ครับ ลู่หานเป็นไงบ้าง” เซฮุนถามขึ้นเมื่อเห็นพี่ชายนั่งรอหมออยู่หน้าห้องคนไข้ พลางหายใจหอบถี่ๆเพราะความเหนื่อย เมื่อรีบวิ่งมาดูอาการของคนรักอย่างเร่งรีบ

     

     

    “ยังไม่รู้เลย หมอยังไม่ออกมา”

     

     

    “แล้วทำไมลู่หานถึงเกิดอุบัติเหตุได้ละครับ ทำไมพี่ถึงไม่ดูแลเขาให้ดีๆ”

     

     

    ด้วยความที่ความเครียดถาโถมเข้ามาอย่างหนัก ส่งผลให้เซฮุนแทบจะตะคอกออกมไปเมื่อสร้างคำถามให้พี่ชายตอบ

     

     

    “ใจเย็นๆสิวะ ฉันก็ยังไม่รู้สาเหตุที่แท้จริงเหมือนกัน”

     

     

    “ไม่เย็นแล้วพี่ ถ้าเขาเป็นอะไรไปมากกว่านี้ละก็ผมไม่ให้อภัยพี่แน่”

     

     

    “นายจะโกรธอะไรหนักหนา เขาเมียนายหรือไง” ชานยอลขึ้นเสียงใส่บ้าง เขาทนไม่ได้แน่ที่ต้องกลายเป็นคนถูกระบายอารมณ์อยู่ฝ่ายเดียว

     

     

    เซฮุนถึงกับชะงักปากค้างไปชั่วขณะ หน้าเสียอยู่ไม่น้อย

     

     

    เซฮุนก็ไม่รู้จะปริปากพูดอะไรออกไปดี ในเมื่อพี่ชายไม่ทราบความสัมพันธ์ของตนกับลู่หานมาก่อน เพราะฉะนั้น เขาจะมีสิทธิ์อะไรไปโกรธแค้นพี่ชายของตัวเอง

     

     

    “ที่นายเงียบแบบนี้ มันเป็นความจริงใช่มั้ย” ชานยอลกระเซ้าถามด้วยเสียงเบาลง...

     

     

    เซฮุนเริ่มตีสีหน้าวางตัวไม่ถูก เขารู้สึกเหมือนว่าน้ำท่วมปาก

     

     

    “บอกฉันมาสิ มันคือความจริงใช่มั้ย” ชานยอลต่อเสียงถามอีกครั้ง คราวนี้เซฮุนจึงพยักหน้ารับ

     

     

    “ครับ ผมกับเขาเคยคบกันมาก่อน”

     

     

    “ฉันว่าแล้ว บอกฉันหน่อยได้มั้ยว่ารู้จักกันได้ไง”

     

     

    “ครับ... ผมกับเขาเคยคบกันตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย พวกเรารักกันมาก จนคิดจะแต่งงานกัน... แต่พอมาวันหนึ่ง เหมือนโชคชะตากลั่นแกล้งพวกเรา ธุรกิจของครอบครัวเขาถูกโกงจนหมดตัว พวกเขาต้องขายบ้าน ขายรถ ขายถูกอย่างเพื่อผ่อนหนี้ให้ธนาคาร... จากนั้น เขาก็หายไปจากชีวิตของผม พอมาพบกันอีกครั้งก็พร้อมกับความแค้น” เซฮุนเล่าถึงเหตุการณ์ด้วยอารมณ์เศร้าๆ

     

     

    “ความแค้น ความแค้นอะไร” ชานยอลทวนคำถามด้วยความงุนงง

     

     

    “ความแค้นกับพวกพี่ไง.. พอดีผมเพิ่งทราบมาว่า ที่ธุรกิจของพ่อเขาล้มละลาย ก็เป็นเพราะโดนอำนาจมืดของพ่อซอฮยอนโกง เขาถึงได้แค้นมาก ก็เลยจะกลับมาเอาคืนพวกพี่น่ะ ผมคิดว่าอย่างนั้น”

     

     

    “อย่างนี้ นี่เอง”

     

     

    “ว่าแต่ ทำไมเขาถึงถูกกระจกบาดตัวได้ล่ะครับ” เซฮุนเปลี่ยนคำถามเสียงเครียดจัด

     

     

    “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่ะ เขามาฉันที่บ้านแล้วบอกว่าลืมของบนห้องนอนฉัน ฉันก็เลยพาเขาขึ้นไปหา แต่ยังไม่ทันที่จะหาเจอ โทรศัพท์ฉันก็ดังขึ้นก่อน ฉันก็เลยออกไปรับ แต่แล้วอยู่ๆเสียงกระจกก็ดังขึ้น ฉันเลยรีบขึ้นไปดู จากนั้นฉันก็นอนเห็นเขาสำลักออกมาเป็นเลือด เนื้อตัวถูกกระจกบาดไปหมด” ชานยอลเล่าถึงเหตุการณ์ด้วยน้ำเสียงเครียดจัดตามไปด้วย

     

     

    “แล้วกระจกมันแตกได้ไงครับพี่” เซฮุนถามต่อด้วยความสงสัย

     

     

    “เรื่องนี้ฉันก็ไม่รู้อีกนั่นแหละ”

     

     

    “มาถึงขนาดนี้แล้ว พี่จะเชื่อผมได้ยังว่าสิ่งที่ผมพูดอยู่ทุกวันมันมีจริง อยู่กับความแค้นอะไรสักอย่าง ที่ทำให้เขาไม่ไปผุดไปเกิดสักที... แล้วผมก็คิดว่าลู่หานคงไม่อุตริ ทุบกระจกเพื่อทำร้ายตัวเองหรอก ผมรู้จักเขาดี”

     

     

    ชานยอลครุ่นคิดไปสักพัก ตั้งใจฟังคำพูดของน้องชายเป็นอย่างมาก

     

     

    “ความจริงฉันก็เห็นสิ่งที่นายพูดตลอด แต่ฉันก็ยังไม่ปักใจเชื่อเลยสักครั้ง”

     

     

    “นั่นไง ผมว่าแล้ว... และที่พี่ไม่อยากจะเชื่อ ก็เป็นเพราะกลัวว่าผมจะล้อน่ะสิ เห็นเอาแต่ว่าผมไร้สาระ เชื่อแต่เรื่องงมงาย แต่พอมาเจอด้วยตัวเองก็เลยเป็นแบบนี้ไง”

     

     

    “แต่ฉันก็ยังไม่แน่ใจร้อยเเปอร์เซนต์หรอก เรื่องนี้มันต้องมีการพิสูจน์ เอาให้เห็นกับตาเลย” ชานยอลพูดอย่างแน่วแน่ ไม่มีความกลัวฉายแววออกมาจากดวงตาคมเข้มของเขาแม้แต่นิดเดียว

     

     

    “เอาอย่างงั้นเลยหรอ พี่”

     

     

    “อืม จะได้รู้ไงว่าเขาต้องการอะไรกันแน่ ถึงได้ทำร้าย ไอ้จงอิน ลู่หาน รวมทั้งฆ่าไอ้ฮิปโปด้วย”

     

     

    “แต่พี่มองไม่เห็นเขานะครับ”

     

     

    “ฉันพอมีวิธีอยู่ แล้วก็ฉันเชื่อว่าพอฉันตัดสินใจทำแล้ว ฉันต้องได้เห็นเขาแน่นอน”

     

     






    ไปหยิบสร้อยโดยที่ไม่ได้รัยอนุญาตก็เจอบทสรุปแบบนี้เเหละ แบคน่ากลัวตลอด


    และแล้วตอนหน้าก็ถึงเวลาที่หลายคนรอคอย หยอยจะได้เจอแบคแล้ว เจอแบคโดยที่หยอยไม่กลัวเลย แถมยังมีความโมโหติดตัว




    แล้วจากนั้น ชานยอลก็.....................................

    ความโมโหทำให้ชานยอลลืมกลัว และเผลอทำรุนแรงกับผีด้วย


    ถ้าอยากได้เดี๋ยวไรท์จะมีวิธีใหม่ส่งให้ ตอนนี้ยังไม่ได้

    แต่งฉากไม่เหมาะสมเลย เดี๋ยวพรุ่งนี้จะเขียนก็แล้วกันนะ 





    ฝากด้วยครับ


     
     
     
          
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×