ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    WONDER GIRLS . Short fiction ( WG - Yuri )

    ลำดับตอนที่ #13 : [SF] Sunmi x Yubin : Red Lips...part1

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 119
      0
      28 ต.ค. 59


    Short Fiction : Red Lips
    Characters : Sunmi x Yubin






    1



                   แสงอาทิตย์ที่เคลื่อนลับขอบฟ้าเปรียบเสมือนเสียงนาฬิกาปลุก ที่คอยปลุกเตือนคนอีกจำนวนหนึ่งว่ามันใกล้ถึงเวลาทำงานของพวกเขาแล้ว ผู้ที่ใช้ชีวิตในยามที่แสงไฟราตรีถูกเปิดให้สว่างไสวขึ้นเพื่อแต่งแต้มเมืองหลวงที่ถูกปกคลุมไปด้วยความมืด


                ภายในห้องอพาร์ทเมนต์ขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไปสำหรับหญิงสาวที่อาศัยอยู่ตัวคนเดียว ร่างสูงยาวของหญิงสาวกำลังจัดแจงเครื่องแต่งกายของตนเองอย่างไม่รีบร้อน เป็นเพราะว่าเหลือเวลาอีกนานพอสมควรสำหรับการเดินทางเพื่อไปทำงานในค่ำคืนนี้..... 


                   เรือนผมสีน้ำตาลเข้มยาวสลวยถูกเสยขึ้นอย่างลวกๆ นิ้วยาวกรีดอายไลน์เนอร์หนาขึ้นพอประมาณส่งผลให้ดวงตาคมดูมีเสน่ห์ยิ่งขึ้น ก่อนจะเลือกหยิบลิปสติกสีแดงกลีบกุหลาบเครื่องหน้าอันดับสุดท้ายขึ้นมาทาอย่างบรรจง..... เป็นอันเสร็จสิ้น


                   กลีบปากสีแดงยิ้มให้กับตนเองในกระจกเพื่อเรียกความมั่นใจ..... 


                มือเรียวหยิบเสื้อคลุมสีดำตัวยาวขึ้นมาใส่ก่อนจะคว้าเอากระเป๋าเครื่องดนตรีที่ถูกวางพิงกับฝาผนังขึ้นสะพายบนบ่า..... ขายาวก้าวออกจากห้องโดยไม่ลืมที่จะล็อคกลอนประตู



                   tluuu... tluuuu…


                เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นทันทีที่เธอเดินมาถึงหน้าลิฟท์ นิ้วเรียวยกขึ้นกดปุ่มเรียกลิฟท์ก่อนจะกดรับสาย


                “ค่ะพี่เยอึน”


                ("อยู่ไหนแล้วซอนมี เธอไม่ได้ลืมใช่มั้ยวันนี้") ปลายสายส่งเสียงดังออกมาแข่งกับเสียงดนตรีในบริเวณนั้น


                 “ไม่ลืมค่ะพี่เยอึน ฉันกำลังออกไปแล้ว” หญิงสาวยกแขนขึ้นดูนาฬิกาข้อมือ..... เธอก็ไม่ได้สายนี่นา


                 ("เธอมาถูกใช่มั้ย พี่แชร์โลเคชั่นไปให้อีกทีแล้วนะ")


                 “ไปถูกค่ะ ฉันเคยไป แค่นี้ก่อนนะคะพี่เยอึน เดี๋ยวเจอกันค่ะ” 


                   นิ้วยาวกดตัดสายก่อนจะก้าวเข้าลิฟท์ที่มาถึงพอดี ซอนมีใช้เวลาขับรถจากอพาร์ทเมนต์ของเธอจนมาถึงจุดหมายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง 

                        .

                        .

                        .

                        .


                 ร้านอาหารสไตล์ Bar & Restaurant ที่ภายนอกตึกถูกทาด้วยสีดำและตกแต่งด้วยโครงไม้สีเข้มดีไซน์สวยงาม กระจกใสบานใหญ่ถูกติดไว้ที่ทางเข้าร้าน มองจากด้านนอกทะลุเข้าไปเห็นคนจำนวนหนาตา


                 รถญี่ปุ่นสีแดงขนาดเล็กเคลื่อนเข้าจอดยังที่จอดรถเป็นที่เรียบร้อย ขายาวก้าวลงจากรถแล้วเดินอ้อมไปฝั่งด้านข้างคนขับคว้าเอากระเป๋าเครื่องดนตรีตัวยาวขึ้นสะพายบนบ่า ร่างสูงยิ้มมุมปากก่อนจะเดินเข้าร้าน....


                 วันนี้บางสิ่งที่เธอถูกอกถูกใจนัก อาจจะรอเธออยู่ด้านใน....




                 ร่างสูงยาวของหญิงสาวก้าวเข้ามาในตัวร้าน ใบหน้าสวยกับดวงตาคมที่โดดเด่นนั้นสร้างความสนใจแก่บรรดาชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตามโต๊ะเป็นอย่างดี...


                 “ซอนมี ทางนี้ !” เยอึนรุ่นพี่สาวโบกมือเรียกรุ่นน้องที่เพิ่งมาถึง ซอนมีเดินเข้าไปหาต้นเสียงที่โต๊ะด้านหลังสุดของร้าน โดยไม่สนใจสายตาจากบรรดาชายหนุ่มที่หันมองตามเธอเลยแม้แต่นิดเดียว


                 “สวัสดีค่ะพี่” ซอนมียิ้มสดใสทักทายเยอึนและชายหนุ่มอีก 2 คนที่นั่งอยู่


                 “มาไวเหมือนกันนะเนี่ย” เยอึนยิ้มให้อย่างอารมณ์ดี... ทีแรกกลัวว่าจะสาย แต่นี่รุ่นน้องคนสวยของเธอมาถึงก่อนเวลาเสียด้วยซ้ำ


                 “ขอบคุณมากนะซอนมีที่มาเล่นให้พวกเรา” ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ยิ้มให้ซอนมีอย่างเกรงใจ ซอนมียิ้มตอบอย่างเป็นมิตร


                 “ไม่เป็นไรค่ะพี่ยออุน เรียกฉันได้เสมอเลยค่ะ” 


                 “พวกพี่คงต้องรบกวนเธอสักพักใหญ่เลยหล่ะ จนกว่าเมียวูยองมันจะคลอด” ยออุนยิ้มอีกครั้ง “แต่คลอดแล้วก็ไม่รู้มันต้องอยู่ช่วยเลี้ยงลูกอีกนานเท่าไหร่...”


                 “เอาหน่าพี่ ผมว่าเป็นอย่างงี้ก็ดีเหมือนกัน จากวงเราที่มีผู้หญิงคนเดียวก็กลายมาเป็นสอง เท่ห์จะตาย” ชางมินชายหนุ่มร่างสูงพูดขึ้น ก่อนจะยิ้มให้กันทุกคนอย่างอารมณ์ดี “นี่ขนาดยังไม่ได้ขึ้นไปเล่นเลยนะ ดูเหมือนซอนมีจะมีแฟนคลับแล้วหล่ะ”


                 ชางมินยิ้มอีกครั้งก่อนจะส่งสายตาให้เพื่อนๆ ในวงมองไปทางโต๊ะอื่นที่ตอนนี้ยังคงสนใจซอนมีไม่เลิก แต่หญิงสาวดูจะไม่ใส่ใจสายตาเหล่านั้นเลยสักนิด


                 “แหมชางมิน ประเด็นคือ ที่พี่ชวนซอนมีมาเล่นเนี่ยก็เพราะฝีมือหรอกนะ” เยอึนมองรุ่นน้องในวงอย่างรู้ทัน ก่อนจะหันไปยิ้มกว้างให้กับซอนมี “แต่เรื่องแฟนคลับก็ไม่ได้ตัดทิ้งไปหรอกนะจ๊ะ”


                 คำพูดของเยอึนเรียกเสียงหัวเราะบนโต๊ะได้เป็นอย่างดี ซอนมียิ้มอายๆ แต่ก็เข้าใจสิ่งที่รุ่นพี่พูดอย่างชัดเจน เสน่ห์ของเธอนั้นมีอยู่ในระดับหนึ่ง และในยามที่เธออยู่กับเบสตัวยาวนั้น.... เธอก็ดึงดูดทุกสายตาได้ไม่น้อยเลยทีเดียว


                 และนี่เป็นเหตุผลหนึ่ง ที่เธอยอมมาเล่นดนตรีที่นี่.....


                 “เดี๋ยวฉันมานะคะพี่เยอึน” 


                 ซอนมีลุกขึ้นจากโต๊ะ ขาเรียวก้าวไปยังเคาน์เตอร์บาร์ที่อยู่อีกมุมหนึ่งของร้าน หญิงสาวหยุดเดินและกวาดตามองหาใครบางคนที่ปกติเธอจะเห็นนั่งอยู่ที่ตรงนี้เป็นประจำ แต่ก็ไม่พบ....


                 สงสัยวันนี้ไม่มา..... หรือนี่ยังดึกไม่พอนะ




                 เวลาผ่านไปไม่นาน ได้เวลาขึ้นแสดงของซอนมีและวงดนตรีชั่วคราวของเธอ มือเรียวดึงเบสตัวยาวที่นอนหลับไหลอยู่ในกระเป๋าออกมาทำการซาวน์เช็ค ในระหว่างที่เพื่อนร่วมวงเข้าไปประจำที่ที่เครื่องดนตรีของตน เยอึนเดินไปประจำที่คีย์บอร์ดขนาดกระทัดรัดของเธอ ยออุนกับกลองชุดตัวใหญ่ และชางมินชายหนุ่มผู้มีหน้าที่เป็นนักร้องนำและมือกีตาร์


                 เวลาผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมงหลังจากที่ดนตรีถูกบรรเลงขึ้น และเป็นไปอย่างที่ชางมินและเยอึนคาดการไว้จริงๆ ภาพรวมของวงดนตรีในวันนี้มีเสน่ห์ขึ้นเอามากๆ และเป็นที่ถูกอกถูกใจของลูกค้าในค่ำคืนนี้ไม่น้อย ซึ่งแน่นอนว่าสายตาของลูกค้าส่วนใหญ่.... จับจ้องไปที่มือเบสคนใหม่...


                 ในขณะดนตรียังคงดำเนินไป บุคคลหนึ่งเพิ่งเข้ามาถึง... 


                 หญิงสาวแต่งกายด้วยเสื้อกล้ามสีขาวสวมทับด้วยชุดสูทสีดำพอดีตัวกับกางเกงทรงสกินนี่ ความสูงตามมาตรฐานของผู้หญิงทั่วไปดูสูงขึ้นอีกเล็กน้อยด้วยส้นสูงสองนิ้วที่สวมใส่อยู่ ผิวสีแทนที่ผู้หญิงหลายคนอิจฉาถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางบางเบา หากแต่ริมฝีปากสีแดงนั้นช่วยให้ใบหน้าหวานดูมีเสน่ห์หน้ามองขึ้นอีกเป็นไหนๆ... 


                 ขาเรียวก้าวไวๆ มาหยุดและนั่งลงที่เคาน์เตอร์บาร์ที่ประจำ มือเรียวยกขึ้นปาดผมสีบลอนด์ทองที่ปกหน้าขึ้น ก่อนจะหันไปหาชายหนุ่มบาร์เทนเดอร์ที่ส่งเครื่องดื่มให้เธออย่างรู้ใจ


                 “วันนี้มีเรื่องวุ่นๆ รึป่าว” เสียงทุ้มแห่บขัดกับใบหน้าหวานพูดขึ้น มือเรียวคว้าแก้วเครื่องดื่มขึ้นมาดื่มดับกระหาย


                 “ไม่มีครับคุณยูบิน ทุกอย่างปกติดี เว้นแต่ว่า...” บาร์เทนเดอร์หนุ่มทำท่าคิดเล็กน้อย ก่อนจะชี้นิ้วไปยังเวที ด้านหน้า “ดูเหมือนวงนี้จะเปลี่ยนมือเบสนะครับ”


                 เปลี่ยนมือเบสหรอ มันใช่เรื่องที่ฉันจะต้องรับรู้มั้ยเนี่ย...


                 ยูบินมองตามไปยังเวที เห็นคนที่ไม่คุ้นตายืนเล่นเบสแทนที่ชายหนุ่มที่เธอเคยเห็นประจำอยู่ทุกอาทิตย์ ร่างสูงกับผิวขาวสวยที่เปร่งประกายเมื่อต้องกับแสงไฟ ขาเรียวยาวกับรูปร่างที่พอเหมาะกับเบสตัวยาวในมือ...


                 ให้ตายเถอะ ผู้หญิงเล่นเบส...!



                 ยูบินจับจ้องไปยังคนบนเวทีที่อยู่ห่างจากเธอไม่ไกลมากนัก ทั้งฝีมือและท่าทางการเล่นเบสของคนบนนั้นทำออกมาได้ดูสวยงามและมีเสน่ห์มากเลยทีเดียว


                 ในขณะเดียวกัน ซอนมีที่อยู่บนเวทีได้หันมองกลับมาที่เคาน์เตอร์บาร์ที่เธอมักมองมันทุกๆ 5 นาที และบัดนี้ ได้มีใครคนนึงนั่งอยู่ที่ว่างตรงนั้นแล้ว แม้แสงไฟตรงนั้นจะสลัวมากแค่ไหน แต่เธอก็มั่นใจว่าคนตรงนั้น ใช่คนที่เธอรอคอยอยู่ตลอดเวลาตั้งแต่มาถึงที่นี่แน่นอน และเธอก็มั่นใจอีกว่าในขณะนี้.... คนๆ นั้นก็กำลังมองมาที่เธอเช่นกัน


                 ซอนมีใจเต้นระส่ำ... ถึงจะอยู่ไกลกันขนาดนี้ แต่ครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกที่ได้สบตากัน...


                 ร่างสูงบนเวทีตัดสินใจมองกลับไปยังยูบินที่นั่งอยู่ กลีบปากสีแดงยกขึ้นส่งไปให้คนทางนั้นอย่างมีความนัย ในขณะที่มือของเธอยังทำหน้าที่ของมือเบสอยู่...


                 “......” ยูบินที่เห็นรอยยิ้มและดวงตาคู่สวยนั้นมองมา ใบหน้าหวานรู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างประหลาด หากแต่ตรงกันข้ามกับการแสดงออก เธอยังคงทำหน้านิ่งมองกลับไปเช่นเดิม...


                 “ผมว่าดูโอเคเลยนะครับ ดีกว่าตาหนวดที่เล่นก่อนหน้านี่อีก” บาร์เทนเดอร์หนุ่มกล่าวขึ้นอีกครั้ง “สวยอีกต่างหาก”


                 “อืม.... ก็ดีนะ” เสียงทุ้มตอบกลับขณะที่ยังไม่ละสายตาจากคนบนเวที


                 ก็ดีนะอะไร... เพอร์เฟคเลยต่างหาก !


                        .

                        .

                        .

                        .


                 “พี่ๆ คะ ฉันขอตัวก่อนนะคะ พอดีฉันรีบ” ซอนมีโค้งศีรษะกล่าวลาชายหนุ่มทั้งสอง เธอหยิบเสื้อคลุมตัวยาวและคว้ากระเป๋าเบสขึ้นสะพายบนบ่าอย่างรีบร้อน ก่อนหันไปลาเยอึนที่เพิ่งก้าวเข้ามาในห้อง “ฉันไปก่อนนะคะพี่เยอึน”


                 “อ่าวจะรีบไปไหน ไม่อยู่ดื่มด้วยกันก่อนหรอ” เยอึนมองตามรุ่นน้องที่จ้ำอ้าวสวนเธอออกไปจากห้องพักหลังเวที แต่มีเพียงเสียงที่ถูกส่งกลับมาทั้งๆ ที่เจ้าของเสียงเดินผ่านพ้นประตูออกไปแล้ว....


                 “ไว้วันหลังนะ ฉันมีธุระต่อ” 


                 “รีบขนาดนี้ สงสัยจะธุระสำคัญนะเนี่ย...” 





                 ขายาวรีบก้าวนำพาตัวเองตรงไปที่เคาน์เตอร์บาร์ ตาคมมองซ้ายขวาหาคนที่เคยนั่งอยู่ที่ตรงนี้ แต่ก็ต้องถอดใจเมื่อเห็นเพียงเก้าอี้ว่างเปล่า 


                 แก้วก็ถูกเก็บไปแล้ว ฉันมาไม่ทันหรอเนี่ย....


                 ซอนมีพาตัวเองมาถึงหน้าร้านด้วยความผิดหวัง ตอนลงจากเวทีเธอยังเห็นคนผิวแทนนั่งอยู่เลย กลับเข้าหลังเวทีใช้เวลาเก็บของแค่แปปเดียวออกมาก็ไม่เจอเสียแล้ว.... ดวงตาคมมองเหม่อไปที่ถนนได้ครู่นึงก่อนจะต้องละสายตาหันมองไปยังต้นเสียงที่กำลังคุยโทรศัพท์อยู่...


                 “รู้แล้วหน่ะ แค่นี้ก่อนนะ”


                 นิ้วเรียวของหญิงสาวผิวแทนกดวางสาย ก่อนจะหันมาเห็นหญิงสาวร่างสูงที่ยืนมองเธอด้วยสายที่ดูดีใจเหลือเกิน... ใบหน้านิ่งเฉยมองซอนมีอยู่ครู่หนึ่งอย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะถามคำถามออกไป...


                 “มีอะไรรึป่าวคะ”


                 เมื่อได้ยินคำถามที่ส่งกลับมา ซอนมีถึงได้รู้ตัวว่าตัวเองได้เผลอทำกิริยาอะไรแปลกๆ ออกไปเสียแล้ว ร่างสูงกระพริบตาถี่ๆ ก่อนจะทำตัวให้เป็นปกติและเอ่ยคำทักทายออกไป


                 “สวัสดีค่ะ...”


                 “สวัสดีค่ะ” 


                 ยูบินโค้งศีรษะเล็กน้อยเป็นการทักทายตอบ ก่อนใบหน้านิ่งเฉยนั้นจะมองกลับมาที่ร่างสูงอีกครั้ง ซอนมียิ้มเกร็งๆ และเริ่มเอ่ยชวยคุย...


                 “เอ่อ... จะกลับแล้วหรอคะ”


                 “ยังค่ะ”


                 “อ่อ..... ค่ะ” 


                 ซอนมีที่ตอนนี้มือเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อเพราะความตื่นเต้น ทั้งที่อากาศข้างนอกตอนนี้น่าจะเข้าใกล้เลขตัวเดียวอยู่แล้ว เมื่อไม่รู้จะไปต่อทางไหนเพราะคนตรงหน้าดูนิ่งเฉยมากเสียจนเธออึดอัด ถ้าเช่นนั้นก็ตัดสินใจจบบทสนทนาเสียเลยจะดีกว่า 


                 “งั้นขอตัวนะคะ...”


                 ทั้งคู่โค้งศีรษะให้กันเล็กน้อย ก่อนที่ซอนมีจะหันหลังเดินไปยังรถของเธอด้วยหัวใจที่ห่อเหี่ยว..... สงสัยตอนอยู่บนเวทีคงเข้าใจผิดไปเองว่าคนผิวสีแทนนั่นสนใจเธอ



                 รสนิยมเค้าคงไม่เหมือนเรา....



                 “เอ่อ เดี๋ยวค่ะ” 


                 เสียงทุ้มแห่บห้ามขึ้น ใช้เวลาเพียงอึดใจเดียวที่ร่างสูงเดินจากมา ซอนมีหันกลับมาอย่างรวดเร็ว โดยไม่ลืมที่จะระมัดระวังไม่ให้อีกฝ่ายรู้ว่าเธอดีใจมากแค่ไหน...


                 “คะ ?”


                 “คุณเพิ่งเข้าวงมาใหม่หรอคะ พอดีฉันเพิ่งเคยเห็น” ยูบินยิ้มบางๆ ถามขึ้นอย่างสุภาพตามหน้าที่ของเจ้าของร้านแห่งนี้ 


                 “ค่ะ... แค่ชั่วคราว”


                 ซอนมีตอบกลับไปก่อนจะหลบตาอย่างเสียไม่ได้ เธอไม่อยากให้อีกฝ่ายรู้ว่าเธอตื่นเต้นมากแค่ไหน และก็ต้องนึกด่าตัวเองอยู่ในใจ... 


                    ทีตอนอยู่บนเวทีล่ะเก่งจริงสิให้ตาย อยู่บนนั้นฉันกล้าจ้องเค้าขนาดนั้นได้ยังไงนะ.....!


                 และด้วยความกลัวว่าจะไม่ได้คุยกับคนตรงหน้าต่อ ความกล้าของเธอก็ถูกรวบรวมกลับมาอีกครั้ง....


                 “คุณมาที่นี่บ่อยหรอคะ ถึงได้รู้ว่าฉันมาใหม่”


                 “อ่อ... ค่ะ ค่อนข้างบ่อยทีเดียว” ยูบินยิ้มเล็กน้อย มือเบสคนนี้คงไม่รู้ว่าร้านนี้เป็นของเธอ


                 “........” ซอนมีสบตากับหญิงสาวตรงหน้าอีกครั้ง ความตื่นเต้นยังคงไม่หายไปไหน.... ตื่นเต้นเสียจนไม่รู้จะพูดอะไรต่อดี ไม่เคยมีใครทำให้เธอเป็นแบบนี้มาก่อน ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงได้แตกต่างกับคนพวกนั้นนักนะ....


                 “งั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ” 


                 คนผิวแทนพูดขึ้นพร้อมโค้งศีรษะลาเมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่พูดอะไรต่อ ซอนมีโค้งศีรษะตอบก่อนที่ยูบินจะหันหลังเดินกลับเข้าร้านไป ซอนมีมองตามหญิงสาวตรงหน้าที่เดินจากไปด้วยสายตาผิดหวัง..... น้อยครั้งนักที่เธอจะดูไม่พิเศษต่อคู่สนทนา


                 นี่จะไปโดยไม่ถามชื่อฉันสักคำเลยหรอ... 


                        .

                        .

                        .

                        .


                 ภายในผับเล็กๆ แห่งนึงที่ตั้งอยู่ ใจกลาง Walking Street


                 “เป็นอะไรของแกเนี่ย” หญิงสาวผมสั้นเอ่ยถามเพื่อนสาวตรงหน้าที่เป็นคนโทรปลุกเธอให้ออกมาหาในเวลากลางค่ำกลางคืนแบบนี้ แถมพอมาถึงก็ไม่พูดไม่จา สองสิ่งที่เพื่อนเธอทำก็คือ เอาแต่ดื่มและเหม่อลอย...


                 “ฉันไปคุยกับเค้ามาแล้วฮเยลิม...” ร่างสูงที่เงียบไปนานพูดพึมพำขึ้นมา สายตายังคงเหม่อลอย นิ้วเรียวลูบแก้วในมือไปมา


                 “ห๊ะ คุยอะไรกับใครนะ” หญิงสาวฟังไม่ถนัด


                 “คนที่เคาน์เตอร์บาร์นั่นไง...” 


                 “ห๊าาา..... คนนั้นหน่ะหรอ แล้วเป็นไงมั่ง” ฮเยลิมถามอย่างกระตือรือร้น หญิงสาวที่เพื่อนเธอคนนี้เฝ้ามองมาราวๆ 3 เดือน บัดนี้ทั้งคู่ได้พูดคุยกันเสียที


                 “หึ... ก็ไม่เป็นไง” มือเรียวยกขึ้นปิดใบหน้าอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอามือออก “ฉันรู้สึกเหมือนอกหักเลยอ่ะแก...”


                 “เห้ย อะไรของแกเนี่ย อกหักอะไร” ฮเยลิมเขย่าแขนเพื่อนสาวเบาๆ นี่เพื่อนเธอจะทำตัวห่อเหี่ยวมาเกินไปแล้ว “เกิดอะไรขึ้น เล่าดีๆ หน่อยได้มั้ย”


                 “ก็วันนี้ ฉันไปเล่นให้กับวงพี่เยอึนที่ร้านนั้นไง แล้วก็เจอเค้า..... เราก็ได้คุยกันนิดหน่อย” ซอนมีเล่าพลางถอนหายใจยาว มือเรียวยกขึ้นเขย่าแขนเพื่อนรักไปมาอย่างรุนแรง “แต่เค้าดูไม่สนใจฉันเลยอ่ะลิมมมม” 


                 “โอ้ย ! ใจเย็นก่อนซอนมี” ฮเยลิมแกะมือซอนมีออกจากแขนตัวเอง แล้วจับมันไว้แน่นพอที่จะไม่โดนเพื่อนรักทำรุนแรงได้อีก “ก็แกบอกว่าคุยนิดหน่อย จะมาบอกว่าเค้าไม่สนใจได้ยังไง”


                 “ก็แกเคยเห็นใครคุยกับฉันแล้วปลีกตัวออกไปก่อน โดยไม่ขอเบอร์ฉันก่อนมั้ยล่ะ”


                 “.......” ฮเยลิมส่ายหน้า


                   ใช่แล้ว.... ไม่ว่าจะบทสนทนาจะเริ่มต้นยังไงหรือกับใคร จะต้องสิ้นสุดโดยการขอเบอร์เพื่อนเธอ...


                 “นี่ไม่ใช่แค่ไม่ขอเบอร์.... ชื่อฉันเค้ายังไม่อยากรู้เลยยย” ซอนมียกมือขึ้นปิดหน้าอีกครั้ง “หรือเค้าชอบผู้ชาย.... หรือว่าจะฉันไม่มีเสน่ห์เลยอ่ะลิมมม”


                 “โอ้ย อย่าเพ้อเจ้อน่าาา” มือเล็กยกขึ้นดึงมือที่ปิดหน้าซอนมีลง ก่อนที่เพื่อนเธอจะทำเครื่องสำอางค์บนหน้าเลอะไปมากกว่านี้ “เค้าชอบผู้หญิงแน่นอน แกไม่เชื่อฉันก็ต้องเชื่อเซ้นส์แกสิ ซอนมี”


                 ราวๆ สามเดือนก่อน เธอและซอนมีได้บังเอิญไปเจอร้านดีๆ ร้านใหม่เอาไว้นั่งดื่ม และนั่นคือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวนี้ เมื่อซอนมีได้ไปพบกับใครคนนึงเข้า..... หญิงสาวผิวสีแทนที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ดึงดูดแม้ภายนอกจะดูนิ่งเฉยแค่ไหน ซึ่งเป็นที่ถูกอกถูกใจเพื่อนของเธอเสียเหลือเกิน จนเธอมักจะถูกลากตามไปที่ร้านแทบทุกอาทิตย์ และก็เห็นคนผิวแทนคนนั้นนั่งอยู่ที่เดิมที่เคาน์เตอร์บาร์ทุกครั้ง 


                 และหลังจากที่รุ่นพี่เยอึนมาชักชวนให้ซอนมีไปร่วมวงดนตรีด้วยในเวลาสั้นๆ แล้วได้พูดไล่ชื่อร้านที่ต้องไปเล่น ซึ่งร้านนี้เป็นหนึ่งในจำนวนร้านทั้ง 3 ที่ถูกพูดถึง ซอนมีก็ตอบตกลงทันทีอย่างไม่ต้องใช้เวลาคิด เพียงแค่คิดว่าการที่เธอได้ไปเล่นที่ร้านนั้นจะทำให้เธอได้รู้จักผู้หญิงคนนั้นในฐานะนักดนตรี....


                 ซึ่งมันน่าดึงดูดกว่าการที่เธอจะเดินเข้าไปทำความรู้จักด้วยในฐานะผู้หญิงธรรมดาคนนึง....


                 “แกก็เห็นไม่ใช่หรอว่าคนส่วนใหญ่ที่เข้าหาเค้า เป็นผู้หญิง” ฮเยลิมพูดขึ้นอีกครั้ง


                 “ผู้ชายก็มี.....”


                 “แล้วแกเคยเห็นเค้าออกไปกับผู้ชายหรือไง”


                 “......” ซอนมีส่ายหน้า “ก็ไม่เคยเห็นออกไปกับใครทั้งนั้นอ่ะ.....” 


                 “เออก็นั่นแหล่ะ แกก็หยุดบ้าได้แล้วหน่า กลับไปคุยกับเค้าใหม่ไป” ฮเยลิมยื่นมือไปแตะไหล่เพื่อนเบาๆ ก่อนจะยกนาฬิกาขึ้นมาดูเวลา “โอ้ยตายละ กลับกันเถอะซอนมี พรุ่งนี้เช้าฉันมีนัดกับแม่ ขืนตื่นสายได้โดนอาละวาทบ้านแตกแน่”


                 “แกไปก่อนเถอะ ฉันขอนั่งสักพักนะ”


                 “เออๆ แล้วก็หยุดดื่มได้แล้วนะ”


                 “รู้แล้วน่า... ขอบใจนะ” ซอนมีโบกมือลาเพื่อนรัก เธอต้องใช้เวลานั่งรอให้ตนเองส่างเมาขึ้นอีกสักพักหนึ่ง ถึงจะดื่มไปไม่มากนัก แต่เธอต้องระมัดระวังเพราะต้องขับรถ


                        .

                        .

                        .

                        .


                 เวลาผ่านไป...


                 หญิงสาวร่างสูงดันตัวเองขึ้นจากที่นั่ง ก่อนจะส่ายหัวเบาๆ เพื่อเช็คสภาพตัวเอง.... เธอน่าจะโอเคแล้วหล่ะ ได้เวลากลับบ้านแล้ว


                 ซอนมีออกมาจากร้านและเดินลัดเลาะออกไปตามทางถนน Walking street ที่ตอนนี้เหลือคนไม่มากนัก ร้านค้าหลายร้านทยอยปิดกันไปแล้ว ขาเรียวเดินอย่างไม่รีบร้อนจนมาถึงตัวรถ


                 “หลีกไป !” เสียงที่ดังแทรกขึ้นมาก่อนที่ซอนมีจะได้เข้าไปนั่งในรถ ทำให้เธอต้องหันไปมอง 


                 ที่ฝั่งตรงข้ามถนนนั่น.... คนกลุ่มนั้นกำลังทำอะไร....


                 กลุ่มชายฉกรรจ์ราวๆ สามคนกำลังยืนอ้อมล้อมใครคนหนึ่งอยู่ที่มุมถนน ซอนมีพยายามเพ่งมองเข้าไปในกลุ่มคนตรงนั้นเพื่อให้รู้ว่าคนที่ถูกล้อมนั้นเป็นชายหรือหญิง สมองไตร่ตรองอย่างรวดเร็วว่าควรทำอย่างไรกับเหตุการณ์นี้ดี ถึงจะเป็นเพียงนักเรียนทะเลาะวิวาทกัน ก็ไม่สมควรปล่อยให้คนเพียงคนเดียวถูกรุมทำร้ายจากคนถึงสามคน....


                 ซอนมีมองจนแน่ใจว่าคนที่ถูกล้อมอยู่ตรงนั้นเป็นผู้หญิงแน่นอน แต่หากเธอตัวคนเดียวเข้าไปช่วย ทั้งเธอและผู้หญิงคนนั้นอาจจะได้รับอันตรายทั้งคู่


                 “หยิ่งนักหรือไง !! อยากรู้จริงๆ ว่าจะหยิ่งได้อีกนานแค่ไหน !” เสียงทุ้มหนักของผู้ชายคนนึงดังขึ้น มือหนายกขึ้นหมายจะคว้าตัวหญิงสาวตรงหน้า แต่หญิงสาวสะบัดแขนหลบอย่างรวดเร็ว


                 “ฉันบอกให้หลีกไปไงเล่า !!!”


                 ท่าจะไม่ดีแล้วหล่ะ !


                 ซอนมีรีบคว้าขวดสเปย์พริกไทยที่วางอยู่ข้างประตูรถออกมาถือให้กระชับมือ ขายาวก้าวเข้ารถอย่างมีแผนการณ์ เธอสตาร์ทรถขึ้นก่อนจะเคลื่อนรถให้เข้าที่เข้าทาง มือเรียวยกขึ้นวางลงที่หน้าพวงมาลัยรถ จากนั้นก็ทิ้งน้ำหนักมือกดลงไปอย่างเต็มแรง !


                 ปี๊นนนนนนนนนน !!


                 เสียงแตรรถลากยาวดังก้องท้องถนน ไฟของรถยนต์ถูกปรับให้สาดสูงเข้าไปในกลุ่ม เป็นอันได้ผล.... ชายหนุ่มกลุ่มนั้นหยุดและหันมามองที่รถเธอเป็นตาเดียว แต่ไม่ได้มองเปล่า.... เท้าทั้งสามคู่เดินก้าวเข้ามายังรถของเธอ


                 และหนึ่งในนั้น ถือไม้มาด้วย...



                 “ตายแล้วว !” ซอนมีร้องเสียงหลง ไม่ทันคิดว่าคนพวกนั้นจะมีอาวุธ


                 ระหว่างที่กำลังพยายามเรียกสติตัวเองให้กลับมาอีกครั้ง สายตาคมก็เคลื่อนมองไปเห็นใบหน้าของหญิงสาวคนที่ก่อนหน้านี้ถูกชายเหล่านี้อ้อมล้อมอยู่...


                 “นั่นมัน....” 


                    ผู้หญิงผิวแทนคนนั้น เกิดอะไรขึ้นกับเธอ !


                 เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าเป็นใคร ความกล้าก็ถูกส่งไปที่เรียวขายาวโดยทันที ซอนมีกำพวงมาลัยแน่นก่อนที่จะเหยียบจนสุดคันเร่ง รถญี่ปุ่นคันเล็กพุ่งทยานเข้าไปหาชายหนุ่มจนวิ่งหนีแตกกระเจิงไปคนละทิศคนละทาง และก่อนจะถึงตัวใครอีกคนที่ยืนอยู่เกือบชิดติดกำแพง ซอนมีก็ถอนคันเร่งและเหยียบเบรคจนสุดแรง ส่งผลให้รถเสียหลักเล็กน้อยก่อนจะมาหยุดอยู่ตรงหน้าหญิงสาวผิวแทน 


                 ทิศทางและความเร็วเป็นไปตามที่เธอคำนวนไว้ในใจ...


                 “ขึ้นรถเร็ว !” ซอนมีเปิดประตูรถลงไปตะโกนเรียกอีกฝ่ายที่ยังยืนตกใจกับเหตุการณ์ตรงหน้าอยู่ ยูบินรีบเปิดประตูก้าวขึ้นรถทันทีเมื่อรับรู้ว่า รถคันนี้ไม่ได้มาฆ่าเธอ แต่มาช่วยเธอ...


                 “โอ้ยย !” ซอนมีร้องลั่นเมื่อมือหนาของชายคนหนึ่งเข้ามากระชากแขนเธอไว้ ร่างบางรีบคว้าขวดสเปย์พริกไทยอันเล็กที่เธอเพิ่งเก็บไว้ในเสื้อคลุมออกมา เธอหันไปเผชิญหน้าและฉีดสเปย์เข้าที่หน้าของชายคนดังกล่าวทันที !


                 “โอ้ยยยยย !!! นังตัวดี ! อ๊ากกก !!” ชายหนุ่มร้องเสียงดัง มือหนาปล่อยแขนหญิงสาวแล้วมาจับที่ตาตัวเองอย่างแสบร้อน ก่อนจะทรุดลงไปนั่งกับพื้น


                 ซอนมีใช้จังหวะนั้นหนีกลับเข้ารถและรีบเหยียบคันเร่งขับออกไปอย่างเร็วที่สุด แต่ก็เร็วไม่พอที่จะหลบพ้นปลายไม้ยาวของชายหนุ่มอีกคน ที่ฟาดลงมาโดนกระจกมองข้างรถคันสวยของเธอจนหลุดลงพื้นถนน !


                 ปั่กกก !!!


                 “อ๊าาา รถฉ้านนน !!” ซอนมีร้องเสียงหลง.... นี่มันนอกเหนือจากสิ่งที่เธอคำนวนไว้นะ !  T T


                        .

                        .

                        .

                        .


                 รถสีแดงคันเล็กขับออกมาได้ระยะหนึ่ง ก่อนหยุดจอดที่หน้าร้านมินิมาร์ทที่เปิดไฟสว่างซึ่งทำให้พวกเธอรู้สึกปลอดภัยมากขึ้น


                 “มันคงไม่ตามเรามาแล้วหล่ะค่ะ” ยูบินที่หันหลังดูตลอดทางพูดขึ้น ก่อนจะหันไปมองหญิงสาวข้างๆ อย่างเอะใจกับใบหน้าที่ดูคุ้นเหลือเกิน.... 


                 “คุณ.... ที่เจอที่หน้าร้าน ?”


                 “ค่ะ...” ซอนมียิ้มบางๆ ตอบกลับไป.... ใจเธอยังตื่นเต้นกับเหตุการณ์เมื่อกี้ไม่หายเลย


                 “แล้วคุณเป็นอะไรมากมั้ยคะ” ใบหน้านิ่งเฉยถามออกไปอย่างเป็นห่วง


                 “ฉันไม่เป็นไรค่ะ.... ว่าแต่คุณไปมีเรื่องอะไรคะ พวกนั้นถึงมารุมแบบนั้น”


                 “พวกนั้นมาขอเบอร์ฉัน พอไม่ให้ก็คงคิดว่าเสียหน้าเลยตามมาเอาเรื่อง” ยูบินถอนหายใจ ก่อนจะหันไปโค้งศีรษะให้กับร่างสูงข้างๆ “ขอโทษจริงๆ ที่ทำให้คุณเดือนร้อน เรื่องรถฉันขอรับผิดชอบนะคะ”


                 “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ มันไม่ใช่ความผิดของคุณ” ซอนมียิ้มขึ้นมาอีกครั้ง มือยาวยกขึ้นมาโบกอย่างไม่คิดมาก เธอไม่อยากให้คนตรงหน้าไม่สบายใจ


                 “ขอบคุณนะคะ” ยูบินเหลือบตาต่ำลงชั่วครู่ ก่อนจะมองไปที่คนตรงหน้า “คือ.... ฉันขอรบกวนอะไรคุณอีกอย่างได้มั้ย ?”


                 “คะ ?”


                 “ช่วยพาฉันไปส่งบ้านได้มั้ยคะ ?” เสียงทุ้มถามขึ้นอย่างเกรงใจ เธอไม่ได้อยากรบกวนคนตรงหน้าเลยสักนิด แค่ที่อีกฝ่ายช่วยไว้เธอก็เกรงใจมาพอแล้ว แล้วไหนจะเรื่องรถอีก..... แต่ในเวลาแบบนี้ที่อีกไม่กี่ชั่วโมงฟ้าก็จะสว่าง ในระแวกนี้ไม่มีรถแท็กซี่ผ่านมาสักคันอย่างแน่นอน แถมรถของเธอก็จอดอยู่ใกล้ที่เกินเหตุเมื่อกี้ ให้กลับไปเอาคงไม่ดี....


                 “ได้สิคะ” ซอนมีรีบตอบออกมาอย่างเต็มใจ ใบหน้าสวยยิ้มไม่หุบแต่สุดท้ายก็พยายามดึงตัวเองให้เป็นปกติ “บ..... บอกทางฉันนะคะ”





                 รถสีแดงคันเล็กสภาพที่ฝั่งคนขับไม่มีกระจกมองข้างแล่นมาหยุดอยู่ตรงหน้าคอนโดมิเนียมหรู หญิงสาวผิวสีแทนก้าวลงจากรถก่อนจะบอกลาและกล่าวขอบคุณคนในรถอีกครั้ง


                 ซอนมีมองตามร่างบางที่เดินเข้าตัวคอนโดฯ ไป ก่อนจะก้มลงมองกระดาษแผ่นเล็กในมือที่คนผิวแทนเขียนไว้ให้ก่อนลงรถ...  


                 “นี่เป็นเบอร์อู่รถคนรู้จักของฉัน คุณเอารถเข้าไปที่นี่นะคะ เดี๋ยวฉันฝากเรื่องไว้ให้เอง”


                 บทสนทนาจบลงเพียงเท่านี้..... จบลงไปโดยที่ยังไม่รู้ชื่อของกันและกัน


                 “ให้ตายเถอะยัยซอนมี นี่เค้ายังไม่คิดจะถามชื่อเธอจริงๆ ใช่มั้ยเนี่ย !” 


                        .

                        .

                        .

                        .



    ....to be con....





    writer talk...


    ฮัลโหลวววว....
    ไม่รู้ว่าจะมีใครผ่านเข้ามาอ่านมั้ย เพราะเราเองก็หายกันไปนานมากกก แห่ะๆ (รู้ตัว) 
    ยังไงถ้าใครแวะเวียนมาอ่าน อย่าลืมเม้นต์ตอบกันบ้างน้าาา คิดถึงงงง

    คู่นี่อาจจะไม่ได้ข้ามค่ายแบบเรื่องที่ผ่านๆ มา แต่ยังไงก็ขอฝากไว้ด้วยน้าาา
    พอดีดู live มิยาเย่ของเราเล่นเบสบ่อยๆ แล้วได้แรงบันดาลใจ ประกอบกับไรท์เตอร์เป็นเมนยูบิน
    ก็เลยออกมาตามนี้ ฮิฮิ

    ใครอยากได้คู่ไหนต่อ รีเควสกันมาได้เลยจ้า

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×