ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บันทึกรักพลทหาร Private Supermodel and the Love Commander

    ลำดับตอนที่ #11 : ตอนที่ 10 Let's go

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 174
      1
      18 เม.ย. 57

    ตอนที่ 10 Let's go

     

    ในที่สุดเวลาที่รอคอยก็มาถึง ฉันมาถึงจุดนัดพบตรงเวลา โดยมีวิวขับมาส่ง

     

    "พร้อมแล้วนะ" เสียงคนขับถามมาอีกครั้ง

     

    "ไม่เคยพร้อมขนาดนี้มาก่อนเลย" ฉันพูดพร้อมยิ้มกว้างให้วิว

     

    "วิวรู้ใช่ไหม ภัทรต้องไปฝึกที่ไหน วิวต้องมาหาภัทรบ่อยๆ นะ" พอขาจะก้าวลงกลับขยับไม่ออกซะงั้น

     

    "เออออ ไม่ต้องมาอ้อนเลย ลงไปได้แล้ว" วิวพูดกึ่งไล่ชั้นลงมาจากรถ พร้อมหันไปหยิบกระเป๋าที่เบาะหลัง 'โอ๊ะ หนักเหมือนกันแหะ' ฉันพูดเบาๆ วิวคงทำหน้าเบื่อหน่ายกับการที่ฉันดึงดันจะขนของพวกนี้มาให้ได้

     

    "วิวไปนะ คุณลุงให้วิวไปทำธุระให้ต่อ เดี๋ยวสาย" วิวลดกระจกลงมาบอกลา เมื่อฉันลงมายืนข้างรถ

     

    "อย่าลืมนะ ไม่ต้องฝืน ถ้าไม่ไหวจริงๆ โทรมา" วิวพูดเสียงจริงจัง ก่อนชั้นทำตะเบ๊ะแทนคำตอบก่อนที่วิวทำแบบเดียวกัน

     

    "สู้ๆนะ พลทหาร" ท่าทางน่ารักๆ ของคนตรงหน้าเรียกรอยยิ้มของฉัน และเราทั้งคู่ให้กลับมา วิวขับรถออกไปแล้ว ฉันได้แต่มองโบกมือจนลับตา น้ำตามันจะไหลยังไงก็ไม่รู้แหะ

     

    "เลิกทำหน้าเป็นหมาโดนเจ้าของมาปล่อยทิ้งได้แล้ว" เสียงดุๆ จากด้านหลังกับคำพูดแดกดันที่ทำให้ฉันต้องหันกลับไปมองว่าใครเป็นเจ้าของคำพูด

     

    "นี่นาย เห้ย" ก็คนตรงหน้านะสิ มันอีตาคุณตั้มคนขับมอเตอร์ไซค์ คนเดียวกับเด็กขี้แกล้งฉันตอนเด็กๆ ด้วย ฉันจะถามว่ามาทำอะไร แต่พอมองไปที่เครื่องแบบก็ได้คำตอบ แต่ใส่ชุดเขียวทหารแบบนี้ก็ดูหล่อเข้ม เหี้ยบแปลกตาโดดออกมาจากคนอื่นๆดีแหะ เรียกสายตาบรรดาสาวๆ ที่มาส่งแฟนให้หันมาจ้องกันให้ขวัก น่าหมั้นไส้ ว่าแต่อะไรจะบังเอิญขนาดนี้นะ

     

    "นายด่าใครเป็นหมาไม่ทราบ" ฉันเชิดหน้าถาม

     

    "ตามมาได้แล้ว" หมอนั้นไม่ตอบแต่เดินนำหน้าไปอย่างรวดเร็ว

     

    "เอ๊ะนี่ หยุดเดี๋ยวนี้นะ รอฉันก่อน" ฉันดึงขาลากกระเป๋าขึ้น เตะเบาๆ ให้กระเป๋าเอียงพอจะลากได้ ผู้ชายตรงหน้าเดินไปหยุดที่รถเป็นเหมือนรถบัส ในเวอชั่นก๋องแก๋ง เหมือนพร้อมจะพังได้ทุกเมื่อ มันดูเก่าจนชั้นไม่แน่ใจว่ามันยังใช้งานได้หรอ แต่ตัวหนังสือสีแสบตาที่เขียนยินดีต้อนรับทหารเกณฑ์ประจำปีบนป้ายข้างรถ ทำให้ฉันมั่นใจว่าคงเป็นคันนี้แหละที่ฉันต้องขึ้นไป

     

    "ขึ้นไป" สั่งอีกแล้ว มาถึงก็สั่งๆๆๆ ไม่พูดไม่จาแนะนำอะไรยังไงกันก่อนหรือไงนะ คุณหญิงน่าจะสอนมารยาทให้ตานี่หน่อย แต่คงสอนไม่จำมากกว่า

     

    "ยืนด่าผมในใจเสร็จแล้วก็รีบๆ ขึ้นไป เหลือคุณอยู่คนเดียว" ทำมาเป็นรู้ว่าฉันคิดอะไรอยู่ มันมีพลังจิตหรือไงนะ ฉันหันไปมองรอบๆตัว ก็เห็นว่า ทหารใหม่ที่ล่ำลาแฟน ครอบครัวอะไรกันเมื่อกี้หายไปหมดแล้ว

     

    "แล้วนั้นกระเป๋าอะไรของคุณ" หมอนั้นถามเมื่อฉันเลื่อนกระเป๋าตรงหน้าไปให้

     

    "กระเป๋าไง ถามแปลก รู้จักไหมหลุยส์วิตตองน่ะ ของแท้นะคะ กรุณาถือดีๆ ระวังเป็นรอยล่ะ" ฉันเงยหน้าตอบเจ้าของคำถามที่กำลังทำหน้าแปลกๆ มาที่ฉัน ไม่ชินเลยแหะกับการเงยหน้าตอบคนที่สูงกว่า ปรกติส่วนสูงอย่างฉัน มีแต่ก้มคุย หมอนี่ดูท่าทางสูงพอๆ กะพี่วิวเลย เพราะชั้นใส่ส้นสูงแล้ว หมอนี่ก็ยังสูงกว่าเลย

     

    "นี่เข้าใจอะไรผิดรึเปล่า เราไม่ได้จะออกทริปไปเที่ยว ผมไม่ใช่คนที่จะมาถือสัมภาระให้คุณและขนอะไรมาเยอะแยะ ยกขึ้นไปเร็วๆ ต้องออกเดินทางแล้ว เสียเวลา" หมอนั้นรัวกระสุนคำพูดใส่อีกแล้ว ฉันต้องยกขึ้นไปเองหรอ ไหนล่ะ คนที่พ่อส่งมาอ่ะ เห้อ

     

    ฉันเก็บขาลากลงไป เอามือถือหูกระเป๋าที่หนักจนฉันตัวเอียง ก่อนจะพยายามก้าวขาขึ้นไปบนรถเน่าๆ ตรงหน้า

     

    โอ้ย ฉันไม่น่าใส่กระโปรงแคบเลยแหะ อุตส่าคิดว่าจะได้ถอดเปลี่ยนง่ายๆ แต่ดันแค่ก้าวขึ้นรถก็ลำบากแล้ว เอามือนึงรั้งกระโปรงไว้เวลาก้าวขา พอจะยกกระเป๋าถือมือเดียวก็ยกไม่ไหว พอจะหันไปขอความช่วยเหลือก็เห็นแต่สายตาดุๆ ที่กำลังจ้องมาอยู่ก่อนแล้ว

     

    "คุณก็ขึ้นไปก่อน แล้วค่อยหันมาหยิบกระเป๋าสิ แค่นี้คิดไม่ได้หรอ" ตะโกนอีกแล้ว กำลังจะอ้าปากเถียง แต่ เออ จริงด้วยสิ ฉันค่อยๆ ก้าวขาขึ้นไปบนรถ และหันมายกกระเป๋าตามตามที่หมอคนนั้นบอก แม้จะเก้ๆ กังๆ ไปบ้างแต่ก็ง่ายกว่ากันเยอะ งานนี้ฉันไม่ผิดนะ ประตูมันดันเล็กเอง ช่วยไม่ได้

     

    "พูดดีๆ ก็ได้ อยู่ใกล้ๆ จะตะโกนทำไมนะ" ฉันบ่นกับตัวเองเบาๆ บนรถมันก็ร้อนจริง ชั้นเลยหันไปปลดเบลเซอร์ที่สวมทับมาออก เหลือเป็นเดรสแขนกุดด้านใน ก่อยจะรวบผมเอามือพัดลมเย็นๆ เข้าหน้า แต่เสียงผิวปาก วิ๊ดวิ๊วดังมาจากรถทั้งคัน ผู้โดยสารที่มีแต่ผู้ชายทั้งคันรถมองจ้องมาที่ฉันคนเดียว

     

    "จะยืนยั่ว โปรยเสน่ห์อีกนานไหม ลงไปนั่งได้แล้ว" หมอนั้นพูดพร้อมดันดัวฉันเข้ามานั่งริมหน้าต่างหน้าสุด จริงๆ มันเหลืออยู่แค่นั้น แปลว่าคนที่นั่งข้างฉันคงเป็น ไม่ต้องบอกละมั้ง นั่งลงมาแล้ว

     

    "ออกรถเลย" จะเป็นใครซะอีก เจ้าของประโยคคำสั่งนี้

     

    พอรถเริ่มขับออกไป ก็รู้สึกใจมันก็หวิวๆ อีกแล้ว ลมนอกหน้าพัดแรงจนผมชั้นปลิวปิดหน้าปิดตา ดีนะที่ฉันสวยแล้วยังฉลาดรอบคอบพกหนังยางมาด้วย ฉันรวมผมขึ้นเกล้าสูง รำคาญผมที่มาปรกหน้า ฉันเหลือบไปมองคนข้างๆ ก็เห็นว่ากำลังมองมาที่ฉันอยู่ พอเห็นฉันมองกลับ คนที่แอบมองฉันอยู่ก็สะดุ้งเบาๆ แต่ก็เกือบอาการได้เร็ว แสร้งเนียนเบือนหน้ามองวิวนอกหน้าต่างแทน จนฉันเอาผิดไม่ได้ พอไม่มีอะไรทำก็เลยหยิบหูฟังขึ้นมาเสียบไอโฟนนั่งฟังเพลง ในขณะที่กำลังเลื่อนหาเพลงโปรด แต่ยังไม่ทันจะเริ่มกดเปิดฟัง หมอนั้นก็ถามแทรกเข้ามา

     

    "นี่ คุณรู้ไหมเนี่ยว่าฝึกทหารต้องทำอะไร มีกฏอะไรบ้าง" ตั้งนานไม่ถาม พอคนจะฟังเพลงดันเลือกเวลาถามดีจังนะ ฉันส่ายหน้าแทนคำตอบ

     

    "พ่อแค่บอกว่าก็ฝึกเหมือนทหารคนอื่นทั่วๆ ไป แต่จะส่งพ่อคนที่พ่อไว้ใจคนมาดูแลฉันตอนอยู่ในค่าย" ฉันก็พูดไปตามที่รู้มาแค่นี้จริงๆ ก่อนจะยัดหูฟังเข้าไปในหู ปล่อยให้เพลงบรรเลงไปเรื่อยๆ ฉันเห็นหมอนั้นถอนหายใจเบาๆ พิงพนักหลับตาไปแล้ว

     

    ฉันนั่งฟังเพลงด้วยความสบายใจ เพราะฉันมั่นใจว่าคนที่พ่อเลือกจะต้องดูแลฉันได้ดี เหมือนที่พ่อเลือกวิวมาดูแลฉันแน่นอน เสียงเพลงเพลินๆ สายลมเย็นๆ ทำฉันเผลอหลับไปอย่างไม่รู้ตัว รับรู้ได้ถึงไออุ่นมาจากอะไรบางอย่างที่ทำให้ฉันรู้สึกมั่นคง และไม่กลัวถ้าหากจะหลับตาลงไปอย่างสบายใจ ไม่ต้องคิดอะไรอีก

     

    .........................................................................

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×